หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์และประเมินค่าสาร จากการฟัง การดูและการอ่าน ความหมายของการฟัง "ฟัง" หมายถึง ตั้งใจสดับคอยรับเสียงด้วยหู การฟัง หมายถึง กระบวนการรับรู้สารโดยผ่านสื่อ คือ เสียง การฟัง หมายถึง การได้ยินอย่างรับรู้ด้วยความตั้งใจ โดยใช้สติปัญญา และความคิดทำ ความเข้าใจ ตีความและ จับความสิ่งที่รับรู้นั้น และจดจำ ไว้ การได้ยิน หมายถึง รับรู้เสียงด้วยหู เป็นการเริ่มต้น ของการฟัง การฟังจึงต้องมีความตั้งใจเพื่อจะรับฟัง โดยมีขั้นตอนการฟังดังนี้ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
จุดมุ่งหมายของการฟัง การฟังที่มีประสิทธิภาพนั้น ผู้ฟังจะต้องกำ หนด จุดมุ่งหมายในการฟัง จึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่คาดหวัง และได้รับประโยชน์จากการฟังอย่างเต็มที่ จุดมุ่งหมาย ในการฟัง มีดังนี้ 1. การฟังเพื่อติดต่อสื่อสาร เป็นการติดต่อสื่อสาร กับบุคคลต่างๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันในสังคม เช่น รับฟังบุคคลในครอบครัว เพื่อน หรือผู้ที่มาติดต่อธุระ การฟังลักษณะนี้เป็นการรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น 2. การฟังเพื่อให้เกิดความรู้ เป็นทักษะการฟังที่ใช้ มากที่สุดในชีวิตประจำ วันเพื่อให้ได้รับความรู้ เช่น ฟังการบรรยาย ฟังเสวนา ฟังอภิปราย ฟังข่าวสาร สารคดี เหตุการณ์ปัจจุบัน การฟังจะทำ ให้เป็นผู้รอบรู้ โลกทัศน์ กว้างไกล สามารถนำ ไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำ วัน วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
3. การฟังเพื่อความเข้าใจและแสดงความคิดเห็น เป็นการฟังเพื่อสร้างความเข้าใจในความคิดเห็น ความรู้สึก ของผู้อื่น ผู้ฟังต้องมีความตั้งใจในการคิดพิจารณา เพื่อวิเคราะห์ใคร่ครวญ สิ่งที่ได้ฟังประกอบการแสดง ความคิดเห็น จึงเป็นการฟังเพื่อประเมินคุณค่าของสาร ซึ่งการฟังในลักษณะนี้มักจะเกิดความขัดแย้งในเรื่อง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทัศนคติที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อลดความขัดแย้งผู้พูดและผู้ฟังต้องมีใจเป็นกลาง ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และพิจารณาถึงความเหมาะสมในการถ่ายทอดเรื่องราว เช่น การฟังสัมมนา การโต้วาที 4. การฟังเพื่อการตัดสินใจ เป็นการฟังที่ต้องใช้ วิจารณญาณมากที่สุด เพื่อตัดสินใจอย่างถูกต้อง เช่น ฟังการปราศรัยหาเสียง ฟังโฆษณาสินค้า โดยต้องแยกแยะ ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ถ้อยคำ ที่มีลักษณะจูงใจ เพื่อพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้รับอย่างถี่ถ้วน วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
5. การฟังเพื่อความเพลิดเพลิน เป็นการฟัง ที่ทำ ให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เพื่อตอบสนอง ความต้องการทางอารมณ์ เช่น การฟังเพลง ฟังดนตรี ฟังนิทาน นิยาย บทละคร เรื่องขำ ขัน 6. การฟังเพื่อความจรรโลงใจ เป็นการฟังที่ก่อให้ เกิดสติปัญญา ความสุขุม และวิจารณญาณ ช่วยยกระดับ จิตใจให้สูงขึ้นและประณีตขึ้น มุ่งพัฒนาจิตใจ เช่น การฟังธรรมะ ฟังสุนทรพจน์ ฟังโอวาท บทกวี วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
ความหมายของการดู การดู หมายถึง กระบวนการรับรู้สารโดยภาพสื่อ คือ ภาพ หรือตัวอักษร การดู เป็นการรับสารจากสื่อภาพและเสียง มีกระบวนการรับสารผ่านสื่อ คือ ภาพหรือตัวอักษร ผู้รับสารเกิดการรับรู้ ตีความสารจนเกิดความเข้าใจ แล้วมีปฏิกิริยาตอบสนอง มีลักษณะเช่นเดียวกับการฟัง เพราะการดูส่วนใหญ่เป็นการรับสารทางสายตาและหูไป พร้อมกัน ผู้ดูสามารถแสดงทรรศนะได้จากการรับรู้สาร วิเคราะห์และประเมินค่าสารจากสื่อ เช่น การดูโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ละคร ภาพยนตร์ การดูเป็นการรับสารที่ต้อง ใช้ความคิดพิจารณาเช่นเดียวกับการรับสารในรูปแบบ อื่นๆ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
ประเภทของการดู การรับสารจากการดูแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. การดูที่ผู้ดูไม่มีส่วนร่วมโดยตรงในกระบวนการ สื่อสาร เป็นการดูจากสื่อมวลชนผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรทัศน์ วิดีทัศน์ อินเทอร์เน็ต ผู้ดูไม่สามารถแสดงปฏิกิริยาตอบสนองให้ผู้ส่งสาร รับทราบในขณะที่ดูได้ เช่น แผ่นป้ายโฆษณา ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ การ์ตูน สารคดี ทอล์กโชว์ เกมโชว์ ดนตรี เพลง 2. การดูที่ผู้ดูมีส่วนร่วมโดยตรงในกระบวนการ สื่อสาร เป็นการสื่อสารต่อหน้า ผู้ดูมีโอกาสแสดงปฏิกิริยา ตอบสนองได้ในทันที เช่น การดูละครเวที คอนเสิร์ต การแสดงนิทรรศการต่างๆ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การฟังและการดูอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการรับสารจากการฟังและการดูอย่าง มีประสิทธิภาพและมีวิจารณญาณ เป็นการรับสารโดย การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสาร โดยมีองค์ ประกอบที่ควรพิจารณาดังนี้ ประเภทของสาร 1. สารที่ให้ความรู้ คือ สารที่ทำ ให้ผู้รับสารเกิด ความรู้ ความคิดและสติปัญญา สามารถนำ ไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำ วันได้ เช่น ข่าว บทความ สารคดี ตำ รา 2. สารโน้มน้าวใจ คือ สารที่ผู้ส่งสารมีเจตนาให้ ผู้รับสารเชื่อถือหรือคล้อยตาม สารประเภทนี้จะมีข้อความ โน้มน้าวใจให้ผู้รับสารเกิดความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียว กับผู้ส่งสาร เช่น การโฆษณา การโต้วาที การอภิปราย การเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ สารโน้มน้าวใจเป็น สารที่ต้องใช้วิจารณญาณมากกว่าสารประเภทอื่น 3. สารจรรโลงใจ คือ สารที่ทำ ให้ผู้รับสารเกิดสติ ปัญญา เกิดจินตนาการ ได้รับความซาบซึ้งสุขใจจากการ รับสาร หรือทำ ให้เกิดความรู้สึกเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย ความเครียด ทำ ให้ผู้รับสารได้รับได้รับแง่คิดข้อเตือนใจ หรือยกระดับจิตใจของผู้รับสารให้สูงขึ้น เช่น การฟังเพลง ฟังนิทาน การดูการ์ตูน หรือภาพยนตร์ การฟังเทศน์ บทเพลง บทกวี สุนทรพจน์ โอวาท พระธรรมเทศนา วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การรับสารอย่างมีวิจารณญาณ วิจารณญาณ หมายถึง ปัญญาที่สามารถรู้หรือให้ เหตุผลที่ถูกต้อง กล่าวคือเป็นการใช้เหตุผลในการพินิจ พิจารณาใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน การรับสารอย่างมีวิจารณญาณ หมายถึง การรับ สารด้วยความตั้งใจ พยายามตีความหมายของสาร และ ทำ ความเข้าใจในเนื้อหาสาระนั้น โดยใช้ความคิดพิจารณา ไตร่ตรองและหาเหตุผลประกอบให้เห็นจริง การรับสาร โดยใช้วิจารณญาณ ผู้รับสารต้องใช้ความคิด วิเคราะห์ ใคร่ครวญ วินิจฉัยและประเมินค่าสารที่ได้รับ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การวิเคราะห์สาร 1. การวิเคราะห์สาร หมายถึง ใคร่ครวญ แยกออก เป็นส่วนๆ เพื่อศึกษาให้ถ่องแท้ การวิเคราะห์สาร จึงเป็นการพิจารณาสารอย่าง ละเอียดถี่ถ้วนตามรูปแบบของสารนั้นๆ ดังนั้น การรับสาร ในแต่ละครั้ง ผู้รับสารควรพิจารณาเนื้อหาเป็นส่วนๆ เพื่อ ทำ ความเข้าใจแต่ละส่วนให้ชัดเจน โดยตรึกตรองด้วย เหตุผล สามารถแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นได้ 2. สาร หมายถึง การส่งความคิด ความรู้สึก ข้อมูล หรือเรื่องราวผ่านสื่อต่างๆ ในรูปของงานเขียนหรือการพูด 3. การวินิจสาร เป็นกระบวนการต่อเนื่องจากการ วิเคราะห์สาร โดยผู้รับสารต้องตีความ และประเมินค่า ผู้ส่งสารมีจุดมุ่งหมายอย่างไร เสนอความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกใดบ้าง เป็นข้อเท็จจริง หรือข้อคิดเห็น ตลอดจนเข้าใจเจตนาของผู้ส่งสารว่ามีจุดมุ่งหมาย อย่างไร โดยพิจารณาคุณค่าของเรื่องนั้น และประเมินค่า สารที่ได้รับนั้น สามารถนำ ไปใช้ประโยชน์ได้มากน้อย เพียงใด วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
4. การประเมินค่าสาร หมายถึง เป็นขั้นตอนการ วินิจฉัยโดยการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เพื่อหา คุณค่าของสารที่ได้รับว่าดีหรือไม่ จนสามารถนำ ความคิด ความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ได้ สิ่งที่สำ คัญ ต้องตรึกตรอง อย่างปราศจากอคติ 5. การสังเคราะห์สาร หมายถึง การสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ขึ้น การนำ ความรู้ ความคิดที่ได้จากการวิเคราะห์ สารไปใช้ประโยชน์ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
ตัวอย่างการฟังสารจรรโลงใจ : ประเภทบทร้อยกรอง การใช้วิจารณญาณจากการฟัง 1. รูปแบบ : ผู้ประพันธ์ใช้คำ ประพันธ์ ประเภท กลอนสุภาพ แต่งถูกต้องตามแบบแผนฉันทลักษณ์ 2. เนื้อหา : เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่นที่รู้สึกว้าเหว่ เพราะพ่อแม่แยกทางกัน จึงทำ ตัวเป็นปัญหาซึ่งสาเหตุเกิด จากผู้ใหญ่นั่นเอง 3. การใช้ภาษา : ภาษาที่ใช้เรียบง่าย อ่านแล้ว สามารถเข้าใจได้ทันที ใช้ถ้อยคำ ลึกซึ้งกินใจ ทำ ให้ผู้อ่าน มองเห็นภาพตามไปด้วย นอกจากนี้ยังทำ ให้ผู้อ่านเกิด ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ไปด้วย เช่น "หนูเดินโดดเดี่ยว เปลี่ยวใจ" เป็นความรู้สึกว้าเหว่อ้างว้างที่ผู้ฟังสัมผัสได้ ชัดเจน วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
ความหมายของการอ่าน การอ่าน หมายถึง เป็นกระบวนการรับรู้สารซึ่งเป็น ความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความคิดเห็นที่ผู้เขียน ถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การที่ผู้อ่านจะ เข้าใจสารได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และ ความสามารถในการใช้ความคิด การอ่านเป็นการรับสาร ที่สำ คัญไม่น้อยกว่าการฟัง จุดมุ่งหมายของการอ่าน ในการอ่านแต่ละครั้ง ผู้อ่านควรกำ หนดจุดมุ่งหมาย ให้ชัดเจน จะทำ ให้ผู้อ่านสามารถกำ หนดความเร็วและวิธี การอ่านให้เหมาะสมกับเรื่องราวที่อ่าน ทำ ให้การอ่านมี ประสิทธิภาพและบรรลุตามวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายของ การอ่านสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้ 1. อ่านเพื่อความรู้ เป็นการอ่านเพื่อศึกษาค้นคว้าที่ จะเสริมสร้างความรู้ ความสามารถในเชิงวิชาการ เพื่อให้ ทันต่อความก้าวหน้าของโลก การอ่านทำ ให้ผู้อ่านมีความรู้ งอกเงยจากเดิมที่มีอยู่ มีความรู้เกี่ยวกับวิทยาการแขนง ต่างๆ นำ มาประยุกต์ใช้ในการดำ เนินชีวิตได้ เช่น การอ่าน ตำ รา สารคดี วารสาร หนังสือพิมพ์ ป้ายเครื่องหมาย คู่มือต่างๆ คู่มือการใช้อุปกรณ์ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
2. อ่านเพื่อพัฒนาความคิด เป็นการอ่านเพื่อ วิเคราะห์หรือวิจารณ์ เพื่อให้เข้าใจสารได้อย่างลึกซึ้ง จะได้ นำ ความรู้ไปประยุกต์ใช้หรือแสดงข้อคิดเห็นเดี่ยวกับเรื่อง ที่อ่านได้ เช่น การอ่านบทความ บทวิจารณ์ รายงาน งาน วิจัยต่างๆ จะทำ ให้ผู้อ่านมีทรรศนะกว้างไกล จะได้เข้าใจ แนวคิดสำ คัญ การจัดลำ ดับแนวคิดของผู้เขียน พิจารณา เหตุผลและแรงจูงใจในการเขียนเรื่องนั้น เป็นการปลูกฝัง นิสัยการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ทั้งนี้ผู้อ่านจะต้องใช้ วิจารณญาณในการเลือกนำ ความคิดที่ได้อ่านมาใช้ให้เป็น ประโยชน์ 3. อ่านเพื่อความบันเทิง เป็นการอ่านเพื่อใช้เวลา ว่างให้เป็นประโยชน์ ผ่อนคลายอารมณ์ เช่น การอ่าน นวนิยาย เรื่องสั้น วรรณคดี สารคดีบางประเภท การ์ตูน นิทาน เรื่องขำ ขัน การอ่านในลักษณะนี้จะทำ ให้ผู้อ่านเกิด ความบันเทิงควบคู่ไปกับความรู้ ความคิด วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
4. อ่านเพื่อกิจธุระหรืออ่านด้วยความจำ เป็น เป็นการอ่านเพื่อผลประโยชน์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเพื่อ แก้ปัญหาต่างๆ ในการดำ เนินชีวิต หรือการทำ งาน เช่น หนังสือสัญญา ประกาศ ระเบียบการหรือแบบฟอร์มต่างๆ แผนที่เดินทาง ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเพื่อแก้ปัญหาโรคภัย ไข้เจ็บ 5. อ่านเพื่อประโยชน์ในการเข้าสังคม เป็นการอ่าน เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบุคคลที่ได้มีการติดต่อด้วย มีการปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ทัศนคติ มักเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่กำ ลังอยู่ในความสนใจของสังคม เช่น ข่าว นวนิยาย ละคร วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
6. การอ่านเพื่อพัฒนาอาชีพ เป็นการอ่านเพื่อแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ประสบการณ์ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาชีพ ทำ ให้เป็นคนทันสมัย ทันเหตุการณ์ มีมุมมองที่กว้างไกล สามารถนำ ไปพัฒนาศักยภาพในการทำ งาน หรือประยุกต์ ใช้ประกอบอาชีพได้ เช่น การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ สำ หรับช่างเทคนิคและวิศวกร คู่มือการปฏิบัติงาน คู่มือช่าง หนังสือคอมพิวเตอร์ สารคดี บทความ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
ประโยชน์ของการอ่าน การอ่านมีประโยชน์ ดังนี้ 1. เพิ่มความรู้ การอ่านเป็นการเพิ่มพูนความรู้ การอ่านอย่างละเอียด ถี่ถ้วน ไตร่ตรอง เพื่อเลือกความรู้ ที่เหมาะสม สามารถนำ ไปใช้ประโยชน์ได้ 2. พัฒนาความคิด การอ่านเป็นการสร้างสรรค์ สติปัญญาและความคิด โดยเฉพาะการอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ เป็นการฝึกใช้วิจารณญาณเพื่อสามารถแก้ปัญหา ได้อย่างมีสติ รอบคอบ 3. พัฒนาบุคลิกภาพ การอ่านสามารถปรับปรุง ความคิดเห็นของผู้อ่าน สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี รู้จักการวางตัวได้เหมาะสม มีความคิดกว้างขวาง แสดง ความคิดเห็นด้วยเหตุผลและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น 4. สร้างความสนุกสนาน การอ่านทำ ให้ได้รับความ เพลิดเพลิน เบิกบานใจ เมื่อเกิดความเข้าใจในเนื้อหาและ รสของงานเขียนนั้นๆ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
5. เป็นผู้มีวิจารณญาณ ผู้อ่านจะรู้จักการตัดสินใจ โดยใช้เหตุผล ไตร่ตรอง ไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา ชวนเชื่อ สามารถนำ ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำ วัน การทำ งาน และการศึกษาในทุกระดับได้ 6. ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การอ่านช่วยให้ เกิดความคิดแปลกใหม่ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เช่น การ คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ 7. ช่วยอำ นวยความสะดวกในชีวิตประจำ วัน เป็นการอ่านเพื่อประโยชน์ในการดำ รงชีวิต เช่น การหา ข้อมูลสินค้าก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ อ่านสลากยา อ่านประกาศรับสมัครงาน 8. ช่วยพัฒนางานอาชีพ เป็นแนวทางการอ่าน เพื่อนำ ไปพัฒนางานอาชีพให้มีประสิทธิภาพ 9. ช่วยพัฒนาทักษะทางภาษา การอ่านสามารถฝึก ทักษะด้านการใช้ภาษาในการสื่อสารการพูดและการเขียน วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101