เสนอ
อ.ตะวัน ชัยรัต
จัดทำโดย
นายพชร จ๊ะเงา ชั้นปวส. 2
หลักการทรงงาน ในหลวงรัชกาลที่ ๙
1. จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ
ทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบจากข้อมูลเบื้องต้น ทั้ง
เอกสาร แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และราษฎรใน
พื้นที่ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์
ได้จริงอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และตรงตามเป้าหมาย
2. ระเบิดจากภายใน
จะทำการใดๆ ต้องเริ่มจากคนที่เกี่ยวข้อง
เสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน
ให้เกิดความเข้าใจและอยากทำ ไม่ใช่การสั่ง
ให้ทำ คนไม่เข้าใจก็อาจจะไม่ทำก็เป็ นได้ ใน
การทำงานนั้นอาจจะต้องคุยหรือประชุมกับ
ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือคนในทีมเสีย
ก่อน เพื่อให้ทราบถึงเป้ าหมายและวิธีการต่อ
ไป
3. แก้ปัญหาจากจุดเล็ก
ควรมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แต่เมื่อจะ
ลงมือแก้ปัญหานั้น ควรมองในสิ่งที่คนมักจะมอง
ข้าม แล้วเริ่มแก้ปัญหาจากจุดเล็กๆ เสียก่อน เมื่อ
สำเร็จแล้วจึงค่อยๆ ขยับขยายแก้ไปเรื่อยๆ ทีละ
จุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช้กับการทำงานได้
โดยมองไปที่เป้าหมายใหญ่ของงานแต่ละชิ้น แล้ว
เริ่มลงมือทำจากจุดเล็กๆ ก่อน ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ
แก้ไปทีละจุด งานแต่ละชิ้นก็จะลุลวงไปได้ตามเป้า
หมายที่วางไว้ “ถ้าปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ก็ต้อง
แก้ไขการปวดหัวนี้ก่อน มันไม่ได้แก้อาการจริง แต่
ต้องแก้ปัญหาที่ทำให้เราปวดหัวให้ได้เสียก่อน เพื่อ
จะให้อยู่ในสภาพที่ดีได้
4. ทำตามลำดับขั้น
เริ่มต้นจากการลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นก่อน เมื่อสำเร็จแล้ว
ก็เริ่มลงมือสิ่งที่จำเป็นลำดับต่อไป ด้วยความรอบคอบ
และระมัดระวัง ถ้าทำตามหลักนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสำเร็จได้
โดยง่าย… ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเริ่มต้นจากสิ่งที่จำเป็น
ที่สุดของประชาชนเสียก่อน ได้แก่ สุขภาพสาธารณสุข
จากนั้นจึงเป็นเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่ง
จำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้ำเพื่อ
การเกษตร การอุปโภคบริโภค เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญา
ท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์
สูงสุด “การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น
ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ของ
ประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วิธีการและ
อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้น
ฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควร สามารถปฏิบัติได้แล้วจึง
ค่อยสร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้น
โดยลำดับต่อไป…” พระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาล
ที่ 9 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2517
5. ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์
การพัฒนาใดๆ ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของ
บริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับ
ลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณี
ในแต่ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกัน “การพัฒนาจะ
ต้องเป็นไปตามภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์และ
ภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ ในสังคมวิทยา คือนิสัย
ใจคอของคนเรา จะไปบังคับให้คนอื่นคิดอย่างอื่นไม่
ได้ เราต้องแนะนำ เข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ
แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนานี้ก็
จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง”
6. ทำงานแบบองค์รวม
ใช้วิธีคิดเพื่อการทำงาน โดยวิธีคิดอย่าง
องค์รวม คือการมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดอย่าง
เป็นระบบครบวงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมีมิติ
เชื่อมต่อกัน มองสิ่งที่เกิดขึ้นและแนวทาง
แก้ไขอย่างเชื่อมโยง
7. ไม่ติดตำรา
เมื่อเราจะทำการใดนั้นควรทำงาน
อย่างยืดหยุ่นกับสภาพและสถาน
การณ์นั้นๆ ไม่ใช่การยึดติดอยู่กับ
แค่ในตำราวิชาการ เพราะบางที่
ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด บาง
ครั้งเรายึดติดทฤษฎีมากจนเกิน
ไปจนทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่เราทำ
บางครั้งต้องโอบอ้อมต่อสภาพ
ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม
และจิตวิทยาด้วย
8. รู้จักประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด
ในการพัฒนาและ ช่วยเหลือราษฎร ในหลวงรัชกาล
ที่ 9 ทรงใช้หลักในการแก้ปั ญหาด้วยความเรียบง่าย
และประหยัด ราษฎรสามารถทำได้เอง หาได้ในท้อง
ถิ่นและประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นมาแก้ไข
ปรับปรุง โดยไม่ต้องลงทุนสูงหรือใช้เทคโนโลยีที่ยุ่ง
ยากมากนัก ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “…ให้ปลูก
ป่าโดยไม่ต้องปลูกโดยปล่อยให้ขึ้นเองตามธรรมชาติ
จะได้ประหยัดงบประมาณ…”
9 . ทำ ใ ห้ ง่ า ย
ท ร ง คิ ด ค้ น ดั ด แ ป ล ง ป รั บ ป รุ ง
แ ล ะ แ ก้ ไ ข ง า น ก า ร พั ฒ น า
ป ร ะ เ ท ศ ต า ม แ น ว พ ร ะ ร า ช ดำ ริ
ไ ป ไ ด้ โ ด ย ง่ า ย ไ ม่ ยุ่ ง ย า ก ซั บ
ซ้ อ น แ ล ะ ที่ สำ คั ญ อ ย่ า ง ยิ่ ง คื อ
ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ส ภ า พ ค ว า ม เ ป็ น
อ ยู่ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น แ ล ะ ร ะ บ บ
นิ เ ว ศ โ ด ย ร ว ม “ ทำ ใ ห้ ง่ า ย ”
1 0 . ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม
ท ร ง เ ป็ น นั ก ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ท ร ง เ ปิ ด
โ อ ก า ส ใ ห้ ส า ธ า ร ณ ช น ป ร ะ ช า ช น ห รื อ
เ จ้ า ห น้ า ที่ ทุ ก ร ะ ดั บ ไ ด้ ม า ร่ ว ม แ ส ด ง
ค ว า ม คิ ด เ ห็ น “ สำ คั ญ ที่ สุ ด จ ะ ต้ อ ง หั ด
ทำ ใ จ ใ ห้ ก ว้ า ง ข ว า ง ห นั ก แ น่ น รู้ จั ก รั บ
ฟั ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น แ ม้ ก ร ะ ทั่ ง ค ว า ม
วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ จ า ก ผู้ อื่ น อ ย่ า ง ฉ ล า ด นั้ น
แ ท้ จ ริ ง คื อ ก า ร ร ะ ด ม ส ติ ปั ญ ญ า ล ะ
ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ อั น ห ล า ก ห ล า ย ม า อำ น ว ย
ก า ร ป ฏิ บั ติ บ ริ ห า ร ง า น ใ ห้ ป ร ะ ส บ ผ ล
สำ เ ร็ จ ที่ ส ม บู ร ณ์ นั่ น เ อ ง ”
11. ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงระลึกถึงประโยชน์
ของส่วนรวมเป็นสำคัญ ดังพระราชดำรัสตอน
หนึ่ งว่า “…ใครต่อใครบอกว่า ขอให้เสียสละ
ส่วนตัวเพื่ อส่วนรวม อันนี้ฟังจนเบื่ อ อาจ
รำคาญด้วยซ้ำว่า ใครต่อใครมาก็บอกว่าขอให้
คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม อาจมานึกในใจว่า
ให้ๆ อยู่เรื่อยแล้วส่วนตัวจะได้อะไร ขอให้คิดว่า
คนที่ให้เป็นเพื่ อส่วนรวมนั้น มิได้ให้ส่วนรวม
แต่อย่างเดียว เป็นการให้เพื่ อตัวเองสามารถที่
จ ะ มี ส่ ว น ร ว ม ที่ จ ะ อ า ศั ย ไ ด้ … ”
12. บริการที่จุดเดียว
ทรงมีพระราชดำริมากว่า 20 ปีแล้ว ให้บริหาร
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาหลายแห่งทั่วประเทศ
โดยใช้หลักการ “การบริการรวมที่จุดเดียว :
ONE STOP SERVICE” โดยทรงเน้นเรื่องรู้
รักสามัคคีและการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกัน
ด้วยการปรับลดช่องว่างระหว่างหน่วยงานที่
เกี่ยวข้อง
13. ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
ทรงเข้าใจถึงธรรมชาติและต้องการให้
ประชาชนใกล้ชิดกับทรัพยากรธรรมชาติ
ทรงมองปัญหาธรรมชาติอย่างละเอียด โดย
หากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติจะต้องใช้
ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือเราด้วย
1 4 . ใ ช้ อ ธ ร ร ม ป ร า บ อ ธ ร ร ม
ท ร ง นำ ค ว า ม จ ริง ใ น เ รื่ อ ง ธ ร ร ม ช า ติ
แ ล ะ ก ฎ เ ก ณ ฑ์ ข อ ง ธ ร ร ม ช า ติ ม า เ ป็ น
ห ลั ก ก า ร แ น ว ท า ง ป ฏิ บั ติ ใ น ก า ร แ ก้ ไ ข
ปั ญ ห า แ ล ะ ป รับ ป รุ ง ส ภ า ว ะ ที่ ไ ม่ ป ก ติ
เ ข้ า สู่ ร ะ บ บ ที่ ป ก ติ เ ช่ น ก า ร บำ บั ด น้ำ
เ น่ า เ สี ย โ ด ย ใ ห้ ผั ก ต บ ช ว า ซึ่ ง มี ต า ม
ธ ร ร ม ช า ติ ใ ห้ ดู ด ซึ ม สิ่ ง ส ก ป ร ก ป น
เ ปื้ อ น ใ น น้ำ
15. ปลูกป่าในใจคน
การจะทำการใดสำเร็จต้องปลูกจิตสำนึก
ของคนเสียก่อน ต้องให้เห็นคุณค่า เห็น
ประโยชน์กับสิ่งที่จะทำ…. “เจ้าหน้าที่ป่า
ไม้ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน
แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลง
บนแผ่นดินและจะรักษาต้นไม้ด้วย
ตนเอง”
16. ขาดทุนคือกำไร
หลักการในพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่มีต่อ
พสกนิกรไทย “การให้” และ
“การเสียสละ” เป็นการกระทำอัน
มีผลเป็นกำไร คือความอยู่ดีมีสุข
ของราษฎร
17. การพึ่งพาตนเอง
การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ เพื่อการ
แก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการแก้ไขปัญหา
เฉพาะหน้า เพื่อให้มีความแข็งแรงพอที่จะ
ดำรงชีวิตได้ต่อไป แล้วขั้นต่อไปก็คือ การ
พัฒนาให้ประชาชนสามารถอยู่ในสังคมได้ตาม
สภาพแวดล้อมและสามารถ พึ่งตนเองได้ใน
ที่สุด
18. พออยู่พอกิน
ให้ประชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยู่พอกิน” ให้
ได้เสียก่อน แล้วจึงค่อยขยับขยายให้มีขีด
สมรรถนะที่ก้าวหน้าต่อไป
19. เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9
พระราชทานพระราชดำรัสชี้แนะแนวทาง
การดำเนินชีวิต ให้ดำเนินไปบน “ทางสาย
กลาง” เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรง
อยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแส
โลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่ง
ปรัชญานี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้ง
ระดับบุคคล องค์กร และชุมชน
บทความที่เกี่ยวข้อง : เดินตามรอยเท้าพ่อ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
20. ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน
ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะ
มีความรู้น้อย ก็ย่อมทำประโยชน์ให้
แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ที่มีความ
รู้มาก แต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความ
บริสุทธิ์ใจ
21. ทำงานอย่างมีความสุข
ทำงานต้องมีความสุขด้วย ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุข
เราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุกกับการ
ทำงานเพียงเท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว หรือจะทำงาน
โดยคำนึงถึงความสุขที่เกิดจากการได้ทำประโยชน์ให้
กับผู้อื่นก็สามารถทำได้ “…ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะ
ให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการทำประโยชน์
ให้กับผู้อื่น…”
22. ความเพียร
การเริ่มต้นทำงานหรือทำสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความ
พร้อม ต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่น ดังเช่น
พระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” กษัตริย์ผู้เพียรพยายาม
แม้จะไม่เห็นฝั่ งก็จะว่ายน้ำต่อไป เพราะถ้าไม่เพียรว่ายก็
จะตกเป็นอาหารปู ปลาและไม่ได้พบกับเทวดาที่ช่วย
เหลือมิให้จมน้ำ
23. รู้ รัก สามัคคี
รู้ คื อ รู้ปั ญหาและรู้วิธีแก้ ปั ญหานั้น
รัก คื อ เมื่ อเรารู้ถึ งปั ญหาและวิธีแ ก้ แ ล้ ว เ ร าต้ อง
มีความรัก ที่ จะลงมือทำ ลงมือแก้ ไ ขปั ญหานั้น
สามัคคี คื อ การแก้ ไขปั ญหาต่ างๆ ไม่สามารถ
ลงมือทำคนเดียวได้ ต้ องอาศั ยคว ามร่วมมือ
ร่วมใจกั น