บทที่ 7
วฒั นธรรมตา่ งประเทศ
วฒั นธรรมประเทศสหรัฐอเมรกิ า
ประเทศสหรฐั อเมริกา (U.S.A. : United States of America) เดิมเปน็ ชนเผา่ อนิ เดียนแดง ต่อมาถกู ค้นพบ และเขา้
มาต้ังถ่นิ ฐานโดยชาวองั กฤษ ฝรั่งเศส รฐั เซยี และสเปน สว่ นดินแดนที่เป็นรัฐอลาสกา มีชนเผา่ ดั้งเดมิ คือ เอสกโิ ม
สหรฐั เอมริกาปกครองดว้ ยระบอบประชาธิปไตย มปี ระธานาธบิ ดเี ปน็ ประมุข ประชากรชาวอเมริกนั มอี ิสรเสรภี าพสงู
สามารถตัดสนิ ใจในเรอ่ื งต่างๆด้วยตนเอง ภาษาทใ่ี ช้เป็นภาษาองั กฤษแบบอเมริกนั ซึ่งแตกตา่ งจากภาษาองั กฤษแบบอังกฤษ
ในดา้ นสำเนยี ง การสะกด และไวยากรณ์ ส่วนด้านศาสนา ประชากรอเมรกิ ันรอ้ ยละ 52 นับถือศาสนาคริสต์
นิกายโปเตสแตนต์ และรอ้ ยละ 24 นบั ถือนกิ ายโรมันคาทอลิก
ลกั ษณะนสิ ยั ของชาวอเมรกิ นั
1. เปน็ คนชอบตดิ ตามข้อมูลขา่ วสารตลอดเวลา ชอบนวตั กรรมและเทคโนโลยใี หม่ๆ ชอบคิดวเิ คราะหจ์ าก
ขอ้ เทจ็ จริงตา่ งๆ
2. เปน็ สังคมบริโภค มกี ารใชจ้ ่ายเงินในปริมาณสูง จึงเห็นวา่ ชาวอเมรกิ นั มีธรรมเนยี มการใหท้ ปิ กบั ผใู้ ห้บรกิ ารเสมอ
แตข่ ณะเดียวกนั กม็ คี วามคาดหวงั กบั สนิ คา้ ที่มคี ุณภาพและการบริการทีด่ ดี ว้ ย
3. กล้าตดั สนิ ใจด้วยตนเอง โดยไมย่ ึดตดิ กับกลุม่ และยังมคี วามเท่าเทยี มกันระหวา่ งเพศชาย และชายหญิง โดยเพศ
หญงิ สามารถตดั สนิ ใจด้วยตนเอง
4. มีความเคารพเรื่องเวลา มีความตรงตอ่ เวลาสงู
5.การเขยี น วัน เดอื น ปี แบบ อเมริกนั จะเขยี นเรียง เดอื น/วนั /ปี เช่น 5/10/2007 หมายถงึ วนั ที่ 10 เดอื น
พฤษภาคม เป็นตน้ จงึ ต้องใช้ความระมดั ระวัง อาจทำให้เกดิ ความเขา้ ใจผดิ ได้
6. ไม่ควรถามชาวอเมรกิ ันวา่ แต่งงานหรือยัง
7. ชาวอเมรกิ ันมักเริ่มบทสนทนาด้วย “What do you do” หมายถงึ คณุ ทำงานอะไร? ซึง่ สามารถถามได้โดยไม่
เสียมารยาท
8. ชาวอเมริกนั ชอบกล่าวชืน่ ชมผูอ้ ื่น ดังน้นั เม่อื ต้องสนทนากับชาวอเมรกิ ัน เราสามารถชมไดต้ ้งั แต่เรื่องเสือ้ ผ้า การ
งาน ความสามารถ เป็นตน้ แต่ชาวอเมรกิ ัน ไม่ชอบให้คยุ เรื่องที่แสดงถึงความแบ่งแยก เช่น เช้ือชาติ ชนกลมุ่ น้อย เปน็ ต้น
การรว่ มสนทนากับชาวอเมริกัน สามารถคยุ ไดห้ ลายเรอ่ื ง เช่น กฬี า ทอ่ งเทย่ี ว อาหาร การออกกำลงั กาย ดนตรี และ
ภาพยนตร์ เป็นตน้
9. หากรบั ประทานอาหารร่วมกับชาวอเมรกิ นั จะมีการหารค่าอาหารกัน เรยี กวา่ “Going Dutch”
10. การนดั พบกับชาวอเมริกัน จะตอ้ งมกี ารนัดหมายกนั ลว่ งหนา้
11. การใชม้ ดี และสอ้ มจะแตกต่างจากชาวองั กฤษ คอื ชาวอเมริกนั ถือมดี มอื ขวา และถอื สอ้ มมอื ซา้ ย เม่ือห่นั อาหาร
เป็นช้นิ เลก็ ๆ จะเปล่ยี นมาถือส้อมมือขวา
12. ชาวอเมริกนั จะรู้สกึ สบายกับการรบั ประทานอาหารด้วยมอื
13. การเดินรบั ประทานอาหารเป็นเรอื่ งปกตขิ องชาวอเมรกิ นั
การทักทาย
ชาวอเมริกนั ใช้การยม้ิ อาจพยักหนา้ ด้วยและกล่าวทกั ทาย ในสถานการณ์ทีเ่ ป็นทางการจะใช้การจบั มอื ชาวอเมริกนั
จบั มอื อยา่ งหนักแน่น หากไมห่ นักแน่นจะเป็นส่ิงท่นี ่ารำคาญ กรณที ่ีสนทิ สนมกันมากอาจใชก้ ารกอด และตบบ่าเบาๆก็ได้ คำ
กล่าวทักทายของชาวอเมริกัน มกั ใช้คำว่า “How are you” ซงึ่ ไม่ได้ต้องการจะถามทุกข์สขุ ของอีกฝา่ ย แต่เป็นคำทกั ทายตดิ
ปาก ใหผ้ ตู้ อบๆวา่ “Fine, Thanks”
การเรียกช่อื
ชาวอเมรกิ นั ใหค้ วามสำคญั กบั คำนำหนา้ ชือ่ เชน่ Mr. Mrs. Miss Dr. หากไมแ่ น่ใจว่าผหู้ ญงิ แต่งงานแลว้ หรือยัง ให้
ใช้คำวา่ Miss ชาวอเมริกนั นิยมเรยี กกันด้วยนามสกุล นอกจากบางครง้ั หรอื บางคนอาจใช้เรยี กชอ่ื ต้น
ภาษากาย
ภาษากายของชาวอเมริกนั มดี งั นี้
1. รกั ษาระยะห่างระหว่างบุคคลไว้ประมาณ 2 ฟตุ
2. ห้ามใชน้ ้วิ ชี้บคุ คล เพราะเป็นการแสดงออกท่ไี ม่สภุ าพ
3. การสนทนาจะต้องมีการสบตา หากไมส่ บตาเปน็ สัญญาณของความไมจ่ รงิ ใจ
4. คนเพศเดยี วกนั ไม่จับมอื กนั
5. การเรยี กผู้อนื่ จะแสดงออกโดยการหงายนิว้ ช้ี แล้วกวกั เขา้ หาตัว
6. การโบกมืออำลา จะโบกมือทั้งสองขา้ ง
7. หากตอ้ งแสดงภาษากายวา่ ตกลง กระทำได้ 2 วธิ ี คอื ทำวงกลมด้วยน้วิ ชี้ และนวิ้ โปง้ หรอื ยกนิว้ โป้งกไ็ ด้
8. ชาวอเมริกันสามารถแสดงออกทา่ ผ่อนคลาย ได้มากกว่าชาตอิ ่นื เชน่ อาจเลือกพาดขาขึ้นมาบนโตะ๊ หรือชีเ้ ทา้ ไป
ทางบคุ คลอ่นื กส็ ามารถกระทำได้
9. การส่งของใหผ้ ้อู ืน่ สามารถโยนให้ หรือยนื่ ด้วยมอื เดยี วก็ได้
10. การแตง่ กาย ชาวอเมรกิ ันมักแต่งตวั ตามสบาย และมอี สิ ระในการแตง่ กายสงู มาก แต่ในขณะเดยี วกัน จะมีความ
คาดหวงั วา่ ผู้ท่ีตดิ ต่อด้วยจะต้องแต่งกายสภุ าพ เรียบรอ้ ย
การใหข้ องขวัญ
ของขวัญทด่ี ีทสี่ ดุ สำหรับชาวอเมริกนั คือ ของขวัญจากประเทศบา้ นเกิดของผู้ให้ การมอบของขวญั ใหแ้ กส่ ุภาพสตรี
ชาวอเมรกิ ัน ไมค่ วรเป็นของสว่ นตัวมาก เช่น เส้อื ผา้ นำ้ หอม เปน็ ตน้ นอกจากนอ้ี าจให้ของขวัญดว้ ยการเลีย้ งอาหารกไ็ ด้
วัฒนธรรมสาธารณรฐั ประชาชนจนี
ประเทศจีน เปน็ ประเทศที่มอี ารยธรรมยาวนานท่ีสดุ ในโลก ปกครองโดยกษัตรยิ ห์ ลายราชวงศ์ เมอื งหลวง คือ เมือง
ปักก่ิง ปกครองดว้ ยระบอบคอมมิวนิสต์ (ระบบเศรษฐกิจการเมอื งและสงั คมแบบหนงึ่ ของลัทธสิ ังคมนิยมทม่ี อี ุดมการณ์ให้
รวมทรพั ยส์ ินทงั้ ปวงเป็นสมบัตสิ ว่ นกลางของชมุ ชน ไม่ให้มีกรรมสทิ ธส์ิ ว่ นบคุ คล และใหจ้ ัดสรรรายไดแ้ ก่บคุ คลอย่าง
เสมอภาคกนั ทัง้ นีเ้ พอ่ื แก้ปญั หาความทกุ ข์ยากของคนในสงั คมอันเปน็ ผลจากความไม่เสมอภาคในทรัพย์สนิ ) มสี ภาเดยี ว
มปี ระธานาธิบดีเป็นประมขุ รัฐมีอำนาจมาก ประชาชนถกู ควบคุมโดยรัฐบาล จีนใชภ้ าษาจนี กลางเปน็ ภาษาราชการ แต่จีนยงั
แบง่ ออกหลายทอ้ งถน่ิ จึงมีภาษาท้องถิน่ ท่ีแยกออกไปอีก เชน่ ภาษาจีนแต้จ๋วิ จีนแคะ จนี ไหหลำ เป็นตน้ พลเมืองจีนนบั ถอื
3 ศาสนาหลกั คอื พทุ ธนกิ ายมหายาน ศาสนาอิสลาม และศาสนาครสิ ต์ นอกจากนี้ ยงั มีลัทธิเต๋า เลา่ จ๊อื และขงจ๊ือ ซง่ึ สอน
ให้คนเชื่อมน่ั ในสถาบนั ครอบครวั และเพอื่ น
ลกั ษณะนสิ ัยของชาวจนี
1. การตดั สนิ ใจของชาวจนี มักใช้ความรู้สกึ ของตนเองเป็นหลกั ยกเว้นคนร่นุ ใหมท่ ร่ี ับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเขา้ มา
มากขึน้
2. ชาวจีนมคี วามสามคั คี รวมตัวกันเปน็ กลมุ่ เปน็ ก้อน และการตดั สินใจเร่อื งต่างๆ มักใหอ้ ำนาจหัวหน้ากลมุ่ เปน็ ผู้
ตัดสนิ ใจ และผู้ชายมีอำนาจตดั สนิ ใจมากกว่าผู้หญิง
3. การทำงานของประเทศจีน มีการหยุดพกั ระหว่าง 12.00 - 14.00 น.
4. การส่อื สารดว้ ยการเขยี นของชาวจีน ใช้ตัวอักษรสขี าวและสดี ำเทา่ นนั้ เพราะตวั อกั ษรแตล่ ะสมี ีความหมายในตวั
ของมันเอง หากเลอื กใช้สผี ดิ อาจก่อใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจผิดต่อกนั ได้
5. เมื่อรับนามบตั รจากชาวจีน ไมค่ วรเกบ็ ไว้ในท่ีตำ่
6. ชาวจนี ภมู ิใจกับประวตั ศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรมของตนเอง และชอบใหผ้ อู้ ื่นชื่นชมดว้ ย หากตอ้ งการสนทนาที่ดี ควร
กลา่ วชน่ื ชมประวัติศาสตร์ และวฒั นธรรมของจีน นอกจากน้ยี งั สามารถคุยเรื่องครอบครวั สุขภาพ ศลิ ปะ ได้อีกด้วย
7. ชาวจีนเคยชนิ กับการรบั ประทานอาหารด้วยตะเกยี บ มากกว่าช้อนและส้อม และจะประทับใจหากผูอ้ ื่นใช้
ตะเกียบด้วย เม่อื ใชต้ ะเกยี นเสรจ็ แล้ว ควรวางบนโตะ๊ หรอื ท่ีพกั ตะเกยี บ ไม่วางไว้บนปากชาม เพราะชาวจีนเชอื่ ว่าจะนำมา
ซ่งึ ความโชคร้าย และตอ้ งระวังอยา่ ทำตะเกยี บตก
8. การรบั ประทานอาหารเกลย้ี งจาน แสดงว่ายังหวิ อยู่
9. หากชาวจนี ต้องการให้เติมเครอ่ื งดื่มในแกว้ ของเขา เขาจะดมื่ จนหมด แตถ่ ้ายังมเี คร่อื งดม่ื อยใู่ นแกว้ แสดงว่าไม่
ต้องการเครอื่ งดืม่ แลว้
การทกั ทาย
ชาวจนี ทกั ทายกนั ด้วยการพยักหน้า หรือโค้งเล็กนอ้ ย แตค่ นุ้ เคยกับการจับมอื แบบตะวนั ตก หากไมแ่ นใ่ จ รอใหช้ าว
จีนยื่นมือออกมาก่อน
การเรียกชอ่ื
ชาวจีนอ่อนไหวกบั คำนำหน้าชื่อเป็นอยา่ งมาก จงึ ต้องเรยี นรูแ้ ละเรียกใหถ้ ูกตอ้ ง เชน่ ทา่ นประธานหล่ี ดร.หวงั เปน็
ตน้ ชาวจนี นิยมเรยี กนามสกลุ ก่อน แต่เน่อื งจากช่ือจนี ยากต่อการจดจำ ชาวจีนจงึ มักมชี ื่อตะวนั ตกด้วย เชน่ Jackky เปน็ ตน้
ภาษากาย
ภาษากายของชาวจีน มีดังน้ี
1. ชาวจนี มักแสดงออกทางสีหน้า จึงไมค่ อ่ ยใชม้ ือ
2. หากไมส่ นทิ กัน ควรหลีกเลย่ี งการถูกตัว
3. การแสดงความรกั กบั เพศตรงขา้ มในทสี่ าธารณะ ถือเป็นเร่อื งที่ไม่สภุ าพ
4. การกวกั มอื เรยี กคน ใหใ้ ช้มอื ควำ่ ลง
5. หา้ มแคะฟนั กัดเล็บ นำมอื ใส่ปาก เพราะถอื เป็นเรื่องน่ารังเกยี จสำหรับชาวจีน
การแตง่ กาย
ชาวจนี แตง่ กายเรียบร้อย ไมเ่ ปิดเผย
การใหข้ องขวญั
การให้ของขวญั ในประเทศจีนเอง ถอื เป็นเรอื่ งผดิ กฎหมาย แต่นอกประเทศสามารถกระทำได้ ชาวจีนชอบเรือ่ ง
ครอบครัว เครอื่ งดื่มแอลกอฮอล์ หวี เครื่องคิดเลข หรืออาจเป็นอาหารหรือผลไม้ กระดาษห่อของขวัญควรเป็นสแี ดง สชี มพู
และสเี หลือง เพราะเป็นสีมงคล ห้ามหอ่ ดว้ ยสดี ำ หรือสีขาว และสนี ้ำเงิน ของขวัญตอ้ งหา้ มสำหรบั ชาวจนี คอื รองเท้าทที่ ำ
ด้วยฟาง นาฬิการูปนกกระเรยี น นกกระสา ผา้ เช็ดหน้า และหลกี เล่ียงการให้ดอกเบญจมาศ