หน่วยที่ 3 การพูดในงานอาชีพ ความหมายของการพูด ในชีวิตประจำ วันมีความจำ เป็นต้องมีการติดต่อ สื่อสารกับบุคคลต่างๆ เพื่อได้รับรู้ข่าวสาร ความเป็นไปใน สังคม ทำ ให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ตลอดจน เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลอีกด้วย การพูด หมายถึง การถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ต่างๆ ไปยังกลุ่มผู้ฟังโดยใช้ภาษาเป็นสัญลักษณ์ในการ ทำ ความเข้าใจ การพูด หมายถึง การใช้ถ้อยคำ น้ำ เสียง ประกอบ กิริยา ท่าทาง เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก และความต้องการของผู้พูด ให้ผู้ฟังรับรู้ และตอบสนอง วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การพูดต่อประชุมชน หมายถึง การถ่ายทอด เรื่องราว ทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ ข้อคิดเห็น จากผู้พูดไปยังกลุ่มผู้ฟังจำ นวนมากที่มาประชุมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องราวต่างๆได้เป็นอย่างดี มีคำ กล่าวเกี่ยวกับการพูดอยู่ 2 คำ คือ “พูดได้” กับ “พูดเป็น” “พูดได้” หมายถึง การพูด การเปล่งเสียงให้ ออกมาเป็นคำ พูด ถ้อยคำ ประโยค แต่ไม่สามารถ เรียบเรียงเป็นเรื่องราวได้ “พูดเป็น” หมายถึง การพูดที่ผู้พูดสามารถ เรียบเรียงเรื่องราวให้เป็นลำ ดับ รวมทั้งสร้างความ สำ เร็จจากการพูดได้ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การพูดเป็นศาสตร์และศิลป์ การพูดเป็นศาสตร์ การพูดมีหลักการ หลักเกณฑ์ มีทฤษฎีให้เรียนรู้และถ่ายทอดกันได้ เช่น หลักเกณฑ์การออกเสียงจัดเป็น "สัทศาสตร์" การแสดงกิริยาอาการจัดเป็นจริยศาสตร์ และการติดต่อสื่อสารจัดเป็นสังคมศาสตร์ เป็นต้น การพูดเป็นศิลป์ การพูดต้องนำ หลักเกณฑ์ไป ปฏิบัติให้เกิดความไพเราะสวยงาม เป็นที่ประทับใจ แก่ผู้ฟัง การศึกษาแต่หลักเกณฑ์หรือทฤษฎีเพียง อย่างเดียว จึงไม่สามารถช่วยให้ผู้ศึกษาวิชาการพูด ได้รับประโยชน์จากการพูดมากเท่าที่ควร จึงจำ เป็น ต้องนำ ไปปฏิบัติ โดยเพิ่มเทคนิคและกลวิธีต่างๆ ที่จะทำ ให้ผู้ฟังเกิดความพึงพอใจ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
ประเภทของการพูด สามารถแบ่งตามวิธีการนำ เสนอได้ 4 ประเภท ดังนี้ 1. การพูดแบบฉับพลัน เป็นการพูดแบบกะทันหัน โดยผู้พูดไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า หรือมีโอกาสเตรียมตัวใน ระยะเวลาอันสั้น เช่น การกล่าวอวยพรในโอกาสต่างๆ การกล่าวขอบคุณ การกล่าวแสดงความยินดี การพูดแบบนี้ผู้พูดต้องอาศัยปฏิภาณไหวพริบ ความรู้ ประสบการณ์ เพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า 2. การพูดแบบท่องจำ เป็นการพูดที่ผู้พูดพยายาม จดจำ เนื้อหาจากต้นฉบับให้ได้มากที่สุด แล้วท่องจำ ให้ ขึ้นใจ อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่ คาดคิด หากลืมเนื้อหาบางส่วน ก็อาจจะทำ ให้ลืมข้อความ ตอนต่อไปทั้งหมด จึงต้องอาศัยการฝึกซ้อมในด้านเนื้อหา การใช้เสียง จังหวะ รวมทั้งท่าทางให้ดูเป็นธรรมชาติ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
3. การพูดแบบเตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า เป็นการ พูดที่ผู้พูดรู้ตัวมาก่อนล่วงหน้าว่าต้องไปพูดในโอกาสใด ใครเป็นผู้ฟัง ผู้พูดที่ดีควรรู้จักการวิเคราะห์ผู้ฟัง เพราะผู้ ฟังที่มีเพศ วัย การศึกษาที่ต่างกัน ย่อมมีระดับความสนใจ ในเรื่องราวแตกต่างกัน ข้อดีของการพูดประเภทนี้ทำ ให้ผู้ พูดสามารถเตรียมเนื้อหา สื่อประกอบการพูด เช่น การ เป็นวิทยากร การเป็นพิธีกร การอภิปราย การสัมมนา 4. การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ เป็นการพูดใน โอกาสที่เป็นทางการ พิธีการ โดยมีต้นฉบับให้ผู้พูดๆตาม ซึ่งผู้พูดมีเวลาฝึกซ้อมการอ่าน การเว้นจังหวะวรรคตอน การออกเสียง ที่สำ คัญควรอ่านให้เหมือนกับพูดและควร สบสายตาผู้ฟังเป็นระยะ เช่น การกล่าวคำ ปราศรัย การกล่าวถวายพระพร การกล่าวรายงาน การกล่าวเปิด – ปิดงานต่างๆ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
จุดมุ่งหมายของการพูด สามารถแบ่งได้ตามวัตถุประสงค์ 4 จุดมุ่งหมายดังนี้ 1. การพูดเพื่อให้ความรู้ เป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟัง เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ ส่วนมากจะมีเนื้อหา ทางวิชาการ เช่น การสัมมนา การอภิปราย การบรรยาย พิเศษ 2. การพูดเพื่อให้ความบันเทิง เป็นการพูดใน โอกาสที่ไม่เป็นทางการ เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลินใจ เช่น การเล่านิทาน การเล่าเรื่องขำ ขัน วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
3. การพูดเพื่อโน้มน้าวใจ เป็นการพูดเพื่อชักจูงใจ โน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตาม การพูดลักษณะ นี้ผู้พูดควรอาศัยหลักจิตวิทยา และใช้ศิลปะในการพูด เช่น การพูดหาเสียงของประธานนักเรียน การเชิญชวนให้ บริจาคโลหิต การโฆษณา การโต้วาที 4. การพูดเพื่อจรรโลงใจ เป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟัง เกิดความรู้สึกสบายใจ ช่วยยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น เช่น การเล่านิทานที่ให้ข้อคิด การแสดงพระธรรมเทศนา วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การใช้ภาษาในการพูดต่อประชุมชน การใช้ภาษาพูดต่อประชุมชนควรคำ นึงถึงสิ่งต่อไปนี้ 1. ใช้คำ ให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย และการใช้ ภาษาไทย เช่น การใช้คำ สรรพนาม ลักษณนามให้ถูกต้อง 2. ใช้คำ และสำ นวนให้ตรงกับความหมาย เพราะคำ ในภาษาไทยมีความหมายคล้ายคลึงกันหลายคำ 3. ใช้ถ้อยคำ ให้เหมาะสมกับกลุ่มบุคคล เช่น คำ ราชาศัพท์ คำ ที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์ คำ สุภาพ 4. ใช้ถ้อยคำ และประโยคสั้นๆ เข้าใจง่าย ไม่ควรใช้ คำ ภาษาต่างประเทศ คำ ศัพท์วิชาการ หากต้องใช้ควร อธิบายความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจ หากไม่จำ เป็น ควรหลีกเลี่ยง 5. ไม่ควรใช้ภาษาพูด คำ หยาบ และคำ สแลง ในการพูด 6. ใช้ประโยคถูกต้องตามหลักภาษาไทย วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การเตรียมการพูด 1. วิเคราะห์ผู้ฟัง ผู้พูดควรวิเคราะห์ผู้ฟังในด้าน ต่างๆ เช่น เพศ วัย พื้นความรู้ ความสนใจ เพื่อเตรียม ข้อมูลตามความเหมาะสมของผู้ฟัง ทั้งด้านเนื้อหา และ การใช้ภาษาให้เหมาะสมกับผู้ฟัง 2. จุดมุ่งหมายและขอบเขตของเรื่องที่จะพูด ผู้พูด ควรกำ หนดจุดมุ่งหมายในการพูดให้ชัดเจน เช่น ให้ความรู้ โน้มน้าวใจ ให้ความบันเทิง นำ เสนอข้อมูล วางขอบเขต ของเรื่องแต่ละส่วน คือ ส่วนนำ เนื้อหา สรุป ให้เหมาะสม กับเวลา นอกจากนี้ควรพิจารณาว่าเรื่องที่จะพูดเหมาะสม กับความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถของตนเอง หรือไม่ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
3. รวบรวมเนื้อหาที่จะพูด ผู้พูดต้องมีความรู้จริงใน เรื่องที่จะพูด และควรศึกษาค้นคว้าเรื่องที่จะพูดให้เข้าใจ อย่างละเอียดถ่องแท้ พร้อมจะตอบคำ ถามเมื่อมีผู้สงสัย ยกตัวอย่างประกอบให้เห็นจริง สามารถใช้โสตทัศนูปกรณ์ ประกอบเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ฟังมากยิ่งขึ้น 4. โอกาสที่จะพูด การพูดต้องให้เหมาะสมกับ โอกาส สร้างบรรยากาศให้เหมาะสมกับช่วงเวลา เช่น การพูดในงานรื่นเริง ควรสร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน งานพิธีการควรมีความสำ รวม ช่วงเช้าสามารถพูดเรื่อง วิชาการได้ ช่วงบ่ายควรปรับให้เนื้อหาไม่หนักเกินไป อาจสอดแทรกอารมณ์ขบขันได้ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
5. การวางโครงเรื่องที่จะพูด ควรมีการจัดประเด็น สำ คัญๆ ของข้อความทั้งหมดให้เป็นระบบ มีความต่อเนื่อง แยกแยะหัวข้อเรื่องให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เรียงลำ ดับส่วนนำ >> การดำ เนินเรื่อง >> และสรุปจบ ให้สอดคล้องกันด้วยสัดส่วนที่เหมาะสม โดยทั่วไปมักแบ่ง สัดส่วน ดังนี้ คำ นำ ไม่เกิน 10 % เนื้อเรื่อง 80-85 % และ สรุปประมาณ 5-10 % 6. การใช้ภาษา การพูดในที่ชุมชนควรคำ นึงถึงผู้ฟัง เป็นสำ คัญ ใช้ภาษาให้เหมาะสมกับเพศ วัย พื้นฐานทาง สังคม และพื้นฐานการศึกษาของผู้ฟัง หากผู้พูดเลือกใช้ ภาษาไม่เหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟังอาจจะทำ ให้การสื่อสารไม่ ประสบผลสำ เร็จตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ ควรใช้ถ้อยคำ สุภาพ สื่อสารได้ชัดเจน เข้าใจง่าย ตรงประเด็น ออกเสียง คำ ให้ถูกต้อง ไม่ใช้คำ ภาษาต่างประเทศโดยไม่จำ เป็น ละเว้นการพูดคำ หยาบ การพูดส่อเสียดแดกดัน หรือพูด กำ กวมส่อนัยไม่สุภาพ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การประเมินการพูด การประเมินผลการพูดต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ เพื่อให้ผู้พูดได้ปรับปรุง พัฒนาการพูดให้ดียิ่งขึ้น ผู้ประเมินต้องมีทักษะในการฟัง และการสังเกต มีความเที่ยงธรรม ประเมินและวิจารณ์ อย่างมีเหตุผล พร้อมทั้งบอกข้อเสนอแนะ สิ่งที่ควรประเมิน 1. บุคลิกลักษณะ การปรากฏตัวของผู้พูด รวมถึง ความมั่นใจในการพูด 2. ความชัดเจนถูกต้อง การออกเสียง และการใช้น้ำ เสียง 3. การใช้ภาษา สื่อความหมายได้ชัดเจนเหมาะสม 4. เนื้อหาสาระสมบูรณ์ตามจุดประสงค์ 5. การเรียบเรียงเนื้อเรื่องเป็นไปตามหลัก ของการพูด 6. อากัปกิริยาท่าทางเหมาะสมกับเรื่อง 7. ปฏิกิริยาผู้ฟัง ทางบวกหรือลบ แสดงความสนใจ หรือไม่ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
ตัวอย่างแบบประเมินการพูด วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การพูดสาธิต การพูดสาธิต หมายถึง การอธิบายการปฏิบัติสิ่งใด สิ่งหนึ่ง โดยใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องมือประกอบการพูด มีจุดประสงค์ให้ผู้ฟังเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติ และสามารถ ปฏิบัติตามได้ โดยผู้สาธิตต้องอธิบาย และปฏิบัติอย่างช้าๆ คุณสมบัติของผู้พูดสาธิต 1. มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องพูดสาธิต เป็นอย่างดี 2. มีบุคลิกภาพดี เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อมั่น 3. ใช้ถ้อยคำ ได้เหมาะสม สามารถถ่ายทอดเรื่องราว ให้ผู้ฟังเข้าใจได้โดยง่าย วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
ขั้นตอนการพูดสาธิต 1. กำ หนดจุดมุ่งหมายของการพูดสาธิต มีความต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจหรือต้องการให้ปฏิบัติตามได้ ดังนั้น จึงควรมีการเตรียมอุปกรณ์ให้ผู้ฟังได้ฝึกปฏิบัติตาม 2. จัดเรียงลำ ดับขั้นตอนให้ต่อเนื่อง โดยกำ หนด เนื้อหาให้สัมพันธ์กับเวลาที่พูดสาธิต 3. มีเอกสารประกอบ ถ้าจำ เป็นต้องมีควรเตรียมให้ เพียงพอกับจำ นวนของผู้ฟัง 4. เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่พูดสาธิตในแต่ละขั้นตอน ให้เหมาะสมกับเวลา ถ้าขั้นตอนนั้นซับซ้อน ควรหาอุปกรณ์ที่สามารถปฏิบัติตามได้ง่าย 5. ทดลองใช้อุปกรณ์ก่อนสาธิต เตรียมการทดลอง ใช้ให้เกิดความเคยชิน 6. ทดลองสาธิต ทดสอบการพูดสาธิตให้สัมพันธ์กับ เนื้อหา เวลา และประเมินการพูดของตนเอง วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
การพูดโทรศัพท์ การพูดโทรศัพท์มีความสำ คัญในงานอาชีพ การรู้มารยาทในการพูดโทรศัพท์ เป็นส่วนหนึ่งที่มี ประโยชน์ต่อการทำ งาน มารยาทการพูดโทรศัพท์ โดยทั่วไปมีดังนี้ 1. น้ำ เสียงเป็นธรรมชาติ และสุภาพอ่อนโยน 2. ไม่ควรพูดช้าหรือเร็วเกินไป 3. ไม่พูดความลับ หรือเรื่องไร้สาระ 4. ไม่ผูกขาดการพูดเพียงฝ่ายเดียว 5. เป็นผู้ฟังที่ดี ไม่พูดแทรกหรือขัดจังหวะ 6. หากต้องการตัดบทควรพูดอย่างสุภาพ และนุ่มนวล 7. รับโทรศัพท์และจบการพูด “สวัสดีครับ (ค่ะ)” ทุกครั้ง 8. กล่าวคำ “ขอโทษ” ทุกครั้งที่ต่อผิด วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101
9. หลีกเลี่ยงคำ ถามต่อไปนี้ - ที่นั่นที่ไหน - คุณต้องการอะไร - นั้นใครพูด - จะพูดกับใคร - มีอะไรอีกไหม 10. ไม่รับประทานอาหารขณะพูดโทรศัพท์ 11. วางหูนิ่มนวลเมื่อเลิกใช้โทรศัพท์ 12. เมื่อผู้โทรเข้าต้องการฝากข้อความความ ควรจดข้อความให้เป็นระเบียบ เข้าใจง่าย 13. ปัจจุบันการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือโทรศัพท์ มือถือได้รับความนิยม เพราะสะดวกรวดเร็ว จึงมีความ จำ เป็นอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจสร้างความ รำ คาญให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะในขณะที่ประชุม การปฏิบัติ งานที่เป็นพิธีการ หรือเป็นการสนทนากับบุคคลสำ คัญ ควรหลักเลี่ยงการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ควรใช้บริการรับ ฝากข้อความเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น การพูดโทรศัพท์เป็นสิ่งสำ คัญในการพูดติดต่อกิจธุระ ผู้พูด ต้องคำ นึงถึงหลักการ และมารยาทการพูดโทรศัพท์ เพื่อสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคลในสังคม วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ 30000-1101