The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pitawan Chairat, 2021-09-29 22:09:30

นางสาวขวัญฤทัย บุญมารักษ์ ทอปชี

หลักกการทรงงาน๒๓

จัดทำโดย

นางสาว ขวัญฤทัย บุญมารักษ์ ทอปชี

เสนอ

อาจาร์ย ตะวันวิวั
ชั ย รัต




ป ร ะ ก า ศ นี ย บั ต ร วิ ช
วิ

าชีพขั้นสูงปีที่ ๑




วิ ท
วิ

ย า ลั ย ส า ร พั ด ช่ า ง เ ชี ย ง ใ ห ม่

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่นอกจากจะทรงด้วยทศ
พิธราชธรรมแล้ว ทรงยังเป็นพระราชาที่เป็นแบบอย่างในการดำเนิน
ชีวิต และการทำงานแก่พสกนิกรของพระองค์และนานาประเทศอีก
ด้วย ผู้คนต่างประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ และมีความ
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ซึ่งแนวคิดหรือ
หลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีความน่าสนใจที่สมควรนำ
มาประยุกต์ใช้กับชีวิตการทำงานเป็นอย่างยิ่ง หากท่านใดต้องการ
ปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ท่านสามารถนำหลักการทรงงาน

ของพระองค์ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ดังนี้

หลักการทรงงาน

ในหลวงรัชกาลที่ 9

1. จะทำอะไรต้องศึกษา
ข้อมูลให้เป็นระบบ
ทรงศึกษาข้อมูลราย
ละเอียดอย่างเป็นระบบจาก
ข้อมูลเบื้องต้น ทั้งเอกสาร
แผนที่ สอบถามจากเจ้า
หน้าที่ นักวิชาการ และ
ราษฎรในพื้นที่ให้ได้ราย
ละเขอ้ีอยมดูลที่เถหูกล่ตา้นอั
้นงไ เพื่อนำ
ปใช้
ประโยชน์ได้จริง
อย่างถูก
ต้อง รวดเร็ว และตรงตาม
เป้าหมาย

2. ระเบิดจากภายใน
จะทำการใดๆ ต้องเริ่มจาก

คนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน
ต้องสร้างความเข้มแข็งจาก
ภายในให้เกิดความเข้าใจ
และอยากทำ ไม่ใช่การสั่งให้
ทำ คนไม่เข้าใจก็อาจจะไม่
ทำก็เป็นได้ ในการทำงานนั้น
อาจจะต้องคุยหรือประชุม
กับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน
หรือคนในทีมเสียก่อน เพื่อ
ให้ทราบถึงเป้าหมายและวิธี

การต่อไป

3. แก้ปัญหาจากจุดเล็ก
ควรมองปัญหาภาพรวม
ก่อนเสมอ แต่เมื่อจะลงมือ
แก้ปัญหานั้น ควรมองในสิ่ง
ที่คนมักจะมองข้าม แล้วเริ่ม
แก้ปัญหาจากจุดเล็กๆ เสีย
ก่อน เมื่อสำเร็จแล้วจึง
ค่อยๆ ขยับขยายแก้ไป
เรื่อยๆ ทีละจุด เราสามารถ
เอามาประยุกต์ใช้กับการ
ทำงานได้ โดยมองไปที่เป้า
หมายใหญ่ของงานแต่ละชิ้น
แล้วเริ่มลงมือทำจากจุด
เล็กๆ ก่อน ค่อยๆ ทำ
ค่อยๆ แก้ไปทีละจุด งาน
แต่ละชิ้นก็จะลุลวงไปได้ตาม
เป้าหมายที่วางไว้ “ถ้าปวด
หัวคิดอะไรไม่ออก ก็ต้อง
แก้ไขการปวดหัวนี้ก่อน มัน
ไม่ได้แก้อาการจริง แต่ต้อง
แก้ปัญหาที่ทำให้เราปวดหัว
ให้ได้เสียก่อน เพื่อจะให้อยู่

ในสภาพที่ดีได้…”

4. ทำตามลำดับขั้น
เริ่มต้นจากการลงมือทำในสิ่งที่
จำเป็นก่อน เมื่อสำเร็จแล้วก็เริ่ม
ลงมือสิ่งที่จำเป็นลำดับต่อไป ด้วย
ความรอบคอบและระมัดระวัง ถ้าทำ
ตามหลักนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสำเร็จได้
โดยง่าย… ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรง
เริ่มต้นจากสิ่งที่จำเป็นที่สุดของ
ประชาชนเสียก่อน ได้แก่ สุขภาพ
สาธารณสุข จากนั้นจึงเป็นเรื่อง
สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่ง
จำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ
ถนน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การ
อุปโภคบริโภค เน้นการปรับใช้
ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถ
นำไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์
สูงสุด “การพัฒนาประเทศจำเป็น
ต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้น
ฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ของ
ประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน
ใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่
ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานที่
มั่นคงพร้อมพอสมควร สามารถ
ปฏิบัติได้แล้วจึงค่อยสร้างเสริม
ความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่
สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป…” พระบรม
ราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อ

วันที่ 18 กรกฎาคม 2517

5. ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์
สังคมศาสตร์

การพัฒนาใดๆ ต้องคำนึงถึง
สภาพภูมิประเทศของบริเวณ

นั้นว่าเป็นอย่างไร และ
สังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะ

นิสัยใจคอคน ตลอดจน
วัฒนธรรมประเพณีในแต่ละ
ท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกัน
“การพัฒนาจะต้องเป็นไปตาม
ภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์และ
ภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์
ในสังคมวิทยา คือนิสัยใจคอ
ของคนเรา จะไปบังคับให้คน
อื่นคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้อง
แนะนำ เข้าไปดูว่าเขาต้องการ
อะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขา
เข้าใจหลักการของการพัฒนา
นี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง”

6. ทำงานแบบองค์
รวม

ใช้วิธีคิดเพื่อการ
ทำงาน โดยวิธีคิด
อย่างองค์รวม คือการ
มองสิ่งต่างๆ ที่เกิด
อย่างเป็นระบบครบ
วงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมี
มิติเชื่อมต่อกัน มองสิ่ง
ที่เกิดขึ้นและแนวทาง
แก้ไขอย่างเชื่อมโยง

คุณอยู่ที่: หน้าแรก สาระน่ารู้ 23 หลักการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่ 9 (23 พ.ค.
2561)

23 หลักการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่ 9 (23 พ.ค.
2561)

เผยแพร่เมื่อ: วันพุธ, 23 พฤษภาคม 2561 09:45 | พิมพ์ | อีเมล | ฮิต: 826741



ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่นอกจากจะทรงด้วยทศพิธราชธรรม
แล้ว ทรงยังเป็นพระราชาที่เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และการทำงานแก่พสกนิกร

ของพระองค์และนานาประเทศอีกด้วย ผู้คนต่างประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพของ
พระองค์ และมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ซึ่งแนวคิด
หรือหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีความน่าสนใจที่สมควรนำมาประยุกต์

ใช้กับชีวิตการทำงานเป็นอย่างยิ่ง หากท่านใดต้องการปฏิบัติตามรอยเบื้องพระ
ยุคลบาท ท่านสามารถนำหลักการทรงงานของพระองค์ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

ดังนี้
หลักการทรงงาน ในหลวงรัชกาลที่ 9



1. จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ
ทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบจากข้อมูลเบื้องต้น ทั้งเอกสาร แผนที่
สอบถามจากเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และราษฎรในพื้นที่ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพื่อ
นำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และตรงตามเป้าหมาย

2. ระเบิดจากภายใน
จะทำการใดๆ ต้องเริ่มจากคนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน
ให้เกิดความเข้าใจและอยากทำ ไม่ใช่การสั่งให้ทำ คนไม่เข้าใจก็อาจจะไม่ทำก็เป็นได้
ในการทำงานนั้นอาจจะต้องคุยหรือประชุมกับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือคนในทีม

เสียก่อน เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมายและวิธีการต่อไป
3. แก้ปัญหาจากจุดเล็ก

ควรมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แต่เมื่อจะลงมือแก้ปัญหานั้น ควรมองในสิ่งที่คน
มักจะมองข้าม แล้วเริ่มแก้ปัญหาจากจุดเล็กๆ เสียก่อน เมื่อสำเร็จแล้วจึงค่อยๆ ขยับ
ขยายแก้ไปเรื่อยๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ โดยมองไป
ที่เป้าหมายใหญ่ของงานแต่ละชิ้น แล้วเริ่มลงมือทำจากจุดเล็กๆ ก่อน ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ
แก้ไปทีละจุด งานแต่ละชิ้นก็จะลุลวงไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ “ถ้าปวดหัวคิดอะไร
ไม่ออก ก็ต้องแก้ไขการปวดหัวนี้ก่อน มันไม่ได้แก้อาการจริง แต่ต้องแก้ปัญหาที่ทำให้

เราปวดหัวให้ได้เสียก่อน เพื่อจะให้อยู่ในสภาพที่ดีได้…”
4. ทำตามลำดับขั้น

เริ่มต้นจากการลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นก่อน เมื่อสำเร็จแล้วก็เริ่มลงมือสิ่งที่จำเป็นลำดับ
ต่อไป ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ถ้าทำตามหลักนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสำเร็จได้
โดยง่าย… ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเริ่มต้นจากสิ่งที่จำเป็นที่สุดของประชาชนเสียก่อน
ได้แก่ สุขภาพสาธารณสุข จากนั้นจึงเป็นเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่งจำเป็น
ในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค เน้นการ

ปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด
“การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมี พอ
กิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด
แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควร สามารถปฏิบัติได้แล้ว

จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป…”
พระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2517
5. ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์

การพัฒนาใดๆ ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร และ
สังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้อง
ถิ่นที่มีความแตกต่างกัน “การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์และ
ภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ ในสังคมวิทยา คือนิสัยใจคอของคนเรา จะไปบังคับให้

คนอื่นคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนำ เข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ แล้วก็
อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนานี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง”
6. ทำงานแบบองค์รวม

ใช้วิธีคิดเพื่อการทำงาน โดยวิธีคิดอย่างองค์รวม คือการมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดอย่าง
เป็นระบบครบวงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมีมิติเชื่อมต่อกัน มองสิ่งที่เกิดขึ้นและแนวทาง

แก้ไขอย่างเชื่อมโยง
7. ไม่ติดตำรา

เมื่อเราจะทำการใดนั้น ควรทำงานอย่างยืดหยุ่นกับสภาพและสถานการณ์นั้นๆ ไม่ใช่
การยึดติดอยู่กับแค่ในตำราวิชาการ เพราะบางที่ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด บาง
ครั้งเรายึดติดทฤษฎีมากจนเกินไปจนทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่เราทำบางครั้งต้องโอบ

อ้อมต่อสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม และจิตวิทยาด้วย

8. รู้จักประหยัด เรียบง่าย
ได้ประโยชน์สูงสุด

ในการพัฒนาและช่วยเหลือ
ราษฎร ในหลวงรัชกาลที่ 9
ทรงใช้หลักในการแก้ปัญหา

ด้วยความเรียบง่ายและ
ประหยัด ราษฎรสามารถ
ทำได้เอง หาได้ในท้องถิ่น
และประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ใน

ภูมิภาคนั้นมาแก้ไข
ปรับปรุง โดยไม่ต้องลงทุน
สูงหรือใช้เทคโนโลยีที่ยุ่ง

ยากมากนัก ดังพระราช
ดำรัสตอนหนึ่งว่า “…ให้ปลูก

ป่าโดยไม่ต้องปลูกโดย
ปล่อยให้ขึ้นเองตาม
ธรรมชาติจะได้ประหยัดงบ

ประมาณ…”

9. ทำให้ง่าย
ทรงคิดค้น ดัดแปลง
ปรับปรุงและแก้ไขงาน
การพัฒนาประเทศ
ตามแนวพระราชดำริ
ไปได้โดยง่าย ไม่ยุ่ง

ยากซับซ้อนและที่
สำคัญอย่างยิ่งคือ
สอดคล้องกับสภาพ
ความเป็นอยู่ของ
ประชาชนและระบบ
นิเวศโดยรวม “ทำให้

ง่าย”

10. การมีส่วนร่วม
ทรงเป็ นนักประชาธิปไตย

ทรงเปิดโอกาสให้
สาธารณชน ประชาชน
หรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้
มาร่วมแสดงความคิด
เห็น “สำคัญที่สุดจะต้อง
หัดทำใจให้กว้างขวาง
หนักแน่น รู้จักรับฟั ง
ความคิดเห็น แม้กระทั่ง
ความวิพากษ์วิจารณ์
จากผู้อื่นอย่างฉลาดนั้น
แท้จริงคือ การระดมสติ
ปั ญญาละประสบการณ์

อันหลากหลายมา
อำนวยการปฏิบัติบริหาร
งานให้ประสบผลสำเร็จ

ที่สมบูรณ์นั่นเอง”

11. ต้องยึดประโยชน์ส่วน
รวม

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรง
ระลึกถึงประโยชน์ของ
ส่วนรวมเป็นสำคัญ ดัง
พระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า
“…ใครต่อใครบอกว่า
ขอให้เสียสละส่วนตัวเพื่อ
ส่วนรวม อันนี้ฟั งจนเบื่อ
อาจรำคาญด้วยซ้ำว่า
ใครต่อใครมาก็บอกว่าขอ
ให้คิดถึงประโยชน์ส่วน
รวม อาจมานึกในใจว่า
ให้ๆ อยู่เรื่อยแล้วส่วนตัว
จะได้อะไร ขอให้คิดว่าคน
ที่ให้เป็ นเพื่อส่วนรวมนั้น
มิได้ให้ส่วนรวมแต่อย่าง
เดียว เป็นการให้เพื่อตัว
เองสามารถที่จะมีส่วน
รวมที่จะอาศัยได้…”

12. บริการที่จุดเดียว

ทรงมีพระราชดำริ
มากว่า 20 ปีแล้ว ให้
บริหารศูนย์ศึกษาการ
พัฒนาหลายแห่งทั่ว
ประเทศโดยใช้หลัก
การ “การบริการรวมที่
จุดเดียว : One Stop
Service” โดยทรงเน้น
เรื่องรู้รักสามัคคีและ
การร่วมมือร่วมแรง
ร่วมใจกันด้วยการปรับ
ลดช่องว่างระหว่าง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

13. ใช้ธรรมชาติช่วย
ธรรมชาติ

พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่

9 ทรงเข้าใจถึง
ธรรมชาติและต้องการ
ให้ประชาชนใกล้ชิดกับ
ทรัพยากรธรรมชาติ

ทรงมองปั ญหา
ธรรมชาติอย่างละเอียด

โดยหากเราต้องการ
แก้ไขธรรมชาติจะต้อง
ใช้ธรรมชาติเข้าช่วย

เหลือเราด้วย

14. ใช้อธรรมปราบ
อธรรม

ทรงนำความจริงใน
เรื่องธรรมชาติและกฎ
เกณฑ์ของธรรมชาติ

มาเป็ นหลักการ
แนวทางปฏิบัติในการ

แก้ไขปั ญหาและ
ปรับปรุงสภาวะที่ไม่
ปกติเข้าสู่ระบบที่
ปกติ เช่น การบำบัด
น้ำเน่าเสียโดยให้ผัก
ตบชวา ซึ่งมีตาม
ธรรมชาติให้ดูดซึมสิ่ง
สกปรกปนเปื้ อนใน

น้ำ

15. ปลูกป่าในใจคน
การจะทำการใด

สำเร็จต้องปลูกจิต
สำนึกของคนเสีย
ก่อน ต้องให้เห็น

คุณค่า เห็น
ประโยชน์กับสิ่งที่จะ
ทำ…. “เจ้าหน้าที่ป่า
ไม้ควรจะปลูกต้นไม้
ลงในใจคนเสียก่อน
แล้วคนเหล่านั้นก็จะ
พากันปลูกต้นไม้ลง
บนแผ่นดินและจะ

รักษาต้นไม้ด้วย
ตนเอง”

16. ขาดทุนคือ
กำไร

หลักการใน
พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 9 ที่มี
ต่อพสกนิกรไทย
“การให้” และ
“การเสียสละ”
เป็ นการกระทำ

อันมีผลเป็ น
กำไร คือความ
อยู่ดีมีสุขของ

ราษฎร

17. การพึ่งพา
ตนเอง

การพัฒนาตามแนว
พระราชดำริ เพื่อ
การแก้ไขปั ญหาใน
เบื้องต้นด้วยการ
แก้ไขปั ญหาเฉพาะ
หน้า เพื่อให้มีความ
แข็งแรงพอที่จะ
ดำรงชีวิตได้ต่อไป
แล้วขั้นต่อไปก็คือ
การพัฒนาให้
ประชาชนสามารถ
อยู่ในสังคมได้ตาม
สภาพแวดล้อมและ
สามารถ พึ่งตนเอง
ได้ในที่สุด

18. พออยู่พอ
กิน

ให้ประชาชน
สามารถอยู่
อย่าง “พออยู่
พอกิน” ให้ได้
เสียก่อน แล้วจึง
ค่อยขยับขยาย

ให้มีขีด
สมรรถนะที่
ก้าวหน้าต่อไป

ร์

19. เศรษฐกิจพอเพียง
เป็ นปรัชญาที่ในหลวง
รัชกาลที่ 9 พระราชทาน
พระราชดำรัสชี้แนะ
แนวทางการดำเนินชีวิต
ให้ดำเนินไปบน “ทางสาย
กลาง” เพื่อให้รอดพ้น
และสามารถดำรงอยู่ได้
อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์
และการเปลี่ยนแปลง

ต่างๆ ซึ่งปรัชญานี้
สามารถนำไปประยุกต์

ใช้ได้ทั้งระดับบุคคล
องค์กร และชุมชน
บทความที่เกี่ยวข้อง :
เดินตามรอยเท้าพ่อ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอ

เพียง

20. ความ
ซื่อสัตย์สุจริต
จริงใจต่อกัน
ผู้ที่มีความสุจริต
และบริสุทธิ์ใจ
แม้จะมีความรู้
น้อย ก็ย่อมทำ
ประโยชน์ให้แก่

ส่วนรวมได้
มากกว่าผู้ที่มี
ความรู้มาก แต่
ไม่มีความสุจริต
ไม่มีความบริสุทธิ์

ใจ

21. ทำงานอย่างมี
ความสุข

ทำงานตอ้ งมีความสุข
ด้วย ถ้าเราทำอย่างไม่มี
ความสุขเราจะแพ้ แต่
ถ้าเรามีความสุขเราจะ

ชนะ สนุกกับการ
ทำงานเพียงเท่านั้น
ถือว่าเราชนะแล้ว หรือ
จะทำงานโดยคำนึงถึง
ความสุขที่เกิดจากการ
ได้ทำประโยชน์ให้กับผู้
อื่นก็สามารถทำได้ “…
ทำงานกับฉัน ฉันไม่มี
อะไรจะให้ นอกจากการ
มีความสุขร่วมกัน ใน
การทำประโยชน์ให้กับ

ผู้อื่น…”

22. ความเพียร
การเริ่มตน้ ทำงาน
หรือทำสิ่งใดนั้นอาจ
จะไม่ได้มีความพร้อม
ต้องอาศัยความ
อดทนและความมุ่ง
มั่น ดังเช่นพระราช
นิพนธ์ “พระมหา
ชนก” กษัตริย์ผู้เพียร
พยายามแม้จะไม่เห็น
ฝั่ งก็จะว่ายน้ำต่อไป
เพราะถ้าไม่เพียรว่าย
ก็จะตกเป็ นอาหารปู
ปลาและไม่ได้พบกับ
เทวดาที่ช่วยเหลือมิ

ให้จมน้ำ

23. รู้ รัก สามัคคี
รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้

วิธีแก้ปั ญหานั้น
รัก คือ เมื่อเรารู้ถึง
ปั ญหาและวิธีแก้

แล้ว เราต้องมี
ความรัก ที่จะลงมือ

ทำ ลงมือแก้ไข
ปั ญหานั้น

สามัคคี คือ การ
แก้ไขปั ญหาต่างๆ
ไม่สามารถลงมือทำ
คนเดียวได้ ต้อง
อาศัยความร่วมมือ

ร่วมใจกัน


Click to View FlipBook Version