หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ ประวตั ศิ าสตร์
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๕ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๖
๑_หลกั สูตรวชิ าประวตั ิศาสตร์
๒_แผนการจดั การเรียนรู้
๓_PowerPoint_ประกอบการสอน
๔_Clip
๕_ใบงาน_เฉลย
๖_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย
๗_การวดั และประเมนิ ผล
๘_เสรมิ สาระ
๙_ส่ือเสรมิ การเรยี นรู้
บรษิ ัท อักษรเจริญทศั น์ อจท. จากดั : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๒หนว่ ยการเรียนรู้ที่
พฒั นาการของอาณาจักรอยุธยา
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. วเิ คราะห์พฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยาและธนบุรใี นด้านต่างๆ ได้
๒. วิเคราะหป์ ัจจัยทส่ี ่งผลตอ่ ความม่นั คงและความเจรญิ รงุ่ เรืองของอาณาจักรอยธุ ยาได้
๓. ระบภุ มู ปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา และอทิ ธพิ ลของภูมปิ ัญญาดงั กลา่ วตอ่ การพัฒนาชาตไิ ทยในยคุ ต่อมาได้
การสถาปนาอาณาจักรอยธุ ยา
ชุมชนไทยในล่มุ แม่น้าเจ้าพระยาตอนลา่ งกอ่ นการสถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยา
แควน้ สพุ รรณภูมิ (สพุ รรณบรุ )ี
• มอี าณาบริเวณต้ังอยู่ทางดา้ นตะวนั ตกของลมุ่ แมน่ า้ เจ้าพระยา
ตอนลา่ ง โดยมีลุ่มแมน่ ้าทา่ จนี ไหลลงสอู่ ่าวไทย
• มพี ัฒนาการสบื เนอ่ื งมาเป็นเวลาหลายรอ้ ยปี และเคยเป็นที่ตง้ั ชมุ ชน
โบราณหลายแห่ง เชน่ เมืองอทู่ อง
• มหี ลกั ฐานทแี่ สดงให้เหน็ ถงึ การนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
ลัทธลิ ังกาวงศ์ และพระพทุ ธศาสนานิกายมหายาน เชน่ พระปรางค์
ท่วี ดั มหาธาตุ
ชมุ ชนไทยในลุ่มแม่นา้ เจ้าพระยาตอนลา่ งก่อนการสถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยา (ตอ่ )
แควน้ ละโว้ (ลพบรุ )ี
• ไดร้ บั อิทธพิ ลของทวารวดี มคี วามเจริญรงุ่ เรอื งทางวัฒนธรรม
โดยเฉพาะอย่างยง่ิ วัฒนธรรมการนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาท่รี ุ่งเรือง
มากทส่ี ุด
• มีการรบั วฒั นธรรมขอม ซ่ึงในภายหลงั มีการยอมรับนบั ถอื ศาสนา
พราหมณ-์ ฮินดู และนบั ถือพระพุทธศาสนานกิ ายมหายาน
• เม่อื อาณาจกั รขอมเสอ่ื มลง ไดต้ ้ังตัวเป็นอสิ ระ หลงั จากขอมเสอื่ ม
อทิ ธิพลลง และตอ่ มาได้ถกู ลดความสาคญั ลง ทาใหอ้ โยธยาขึ้นมา
มอี านาจแทน
การสถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยา
• อาณาจกั รอยุธยาเกิดขึน้ จากการร่วมมือกันของแคว้นสพุ รรณภูมิ (สุพรรณบรุ )ี และแคว้นละโว้
(ลพบรุ ี) ซง่ึ ทงั้ สองแควน้ เปน็ ศูนย์รวมอานาจทางการเมอื งในบริเวณภาคกลางของประเทศไทย
ในปจั จบุ นั
• การสถาปนากรงุ ศรีอยธุ ยาเป็นราชธานีใน พ.ศ. ๑๘๙๓ ของสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ ๑ (อูท่ อง)
ปรากฏหลกั ฐานว่ากรุงศรอี ยธุ ยาตง้ั ขนึ้ ในเมอื งเกา่ เดมิ ท่ีมีชอื่ ว่า อโยธยา ซ่ึงมีมาก่อน และเปน็
เมืองที่ตง้ั อยรู่ ะหวา่ งเมืองสุพรรณบุรกี ับเมอื งลพบรุ ี
ประวัติความเป็นมาของพระเจา้ อู่ทอง
ขอ้ สนั นษิ ฐานจากการบอกท่มี าของพระเจา้ อ่ทู องแตกต่างกัน
สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ พระราชนิพนธ์ใน พงศาวดารกรุงศรอี ยธุ ยา
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั ฉบบั ฟาน ฟลีต หรือวัน วลิต
• พระเจ้าอทู่ องสบื เช้อื สายมาจากพระเจา้ • พระเจา้ อทู่ องเป็นราชบตุ รเขยของพระ • พระเจ้าอทู่ องเปน็ พระราชโอรสของพระ
ชัยศริ ทิ ่ีเคยครองเมืองฝาง (ปจั จบุ นั อยู่ เจ้าแผน่ ดนิ จนี แล้วถูกเนรเทศมาอยทู่ ่ี
เจา้ ศิริชยั เชยี งแสน ปัตตานี และเดนิ ทางผ่านมาทางเมือง
ในเขต จ.เชยี งใหม่) ละคร(นครศรธี รรมราช) กยุ บุรี (ใน จ.
• ตอ่ มาไดร้ บั ราชสมบตั ิครองราชยอ์ ยู่ ๖ ปี ประจวบฯ) และมาสรา้ งเมอื งพรบิ พรี
• มีการเช้ือสายสืบราชสมบตั ติ ่อมาหลาย (เพชรบรุ )ี ภายหลงั จงึ ไดม้ าสรา้ งเมอื ง
ได้เกิดโรคหา่ (อหิวาตกโรค) จงึ ทรงย้าย อยธุ ยา
รนุ่ จึงได้เกิดพระเจา้ อู่ทอง
ราชธานีมาต้งั ที่เมืองศรอี ยธุ ยา
ปจั จัยสาคัญในการสถาปนากรงุ ศรอี ยุธยาเปน็ ราชธานี
๑ ความสัมพันธ์ฉันเครือญาติระหว่างแควน้ สพุ รรณภูมิกบั แควน้ ละโว้
๒ ทาเลท่ีตงั้ ของกรงุ ศรีอยุธยาเป็นท่ีทีเ่ หมาะสม
๓ กรุงศรีอยุธยาอย่ใู กลป้ ากแม่นา้ ตดิ ทะเล มีความสะดวกในการคา้ ขายกบั ชาวต่างชาติ
๔ การเส่ือมอานาจลงของอาณาจักรเขมร จึงไดส้ ถาปนากรุงศรีอยธุ ยาเป็นศนู ย์กลางอาณาจกั รใหม่
ปัจจยั ทม่ี ีผลต่อความเจรญิ รุ่งเรืองของอาณาจักรอยธุ ยา
ปจั จยั สาคญั ทเ่ี อ้อื อานวยตอ่ พัฒนาการต่างๆ ของอาณาจกั รอยธุ ยา มดี ังนี้
แหล่งอารยธรรมดั้งเดมิ ได้รบั อารยธรรมเดมิ ก่อนมีการตัง้ อาณาจักร มาปรับใช้เข้ากับอารยธรรมใหมท่ ่ีอยธุ ยา
สภาพภมู ิประเทศ สร้างข้นึ มา
สภาพภูมิอากาศ
กรงุ ศรอี ยธุ ยาต้ังอย่บู รเิ วณทร่ี าบล่มุ มีแม่น้าไหลผ่าน จงึ เหมาะแกก่ ารเพาะปลกู และการ
คา้ ขาย
อาณาจกั รอยุธยาตัง้ อยู่ในเขตร้อนชน้ื มีลมมรสุมพัดผา่ น ทาให้มีฝนตกชกุ สง่ ผลใหม้ ีแหลง่
นา้ อดุ มสมบูรณ์
การต้งั อยู่กึ่งกลางเส้นทางเดินเรอื อาณาจักรอยุธยาไดป้ ระโยชน์ จากการคา้ ขายและรับอารยธรรมจากจนี และอินเดยี
ระหวา่ งอนิ เดียกับจีน
ทรพั ยากรธรรมชาติ อยุธยามที รัพยากรธรรมชาตอิ ดุ มสมบูรณ์ เช่น ผักผลไม้ ปลานา้ จดื และปลาทะเล แร่ธาตุ
ไมห้ ายาก ซ่ึงเป็นที่ตอ้ งการของพอ่ ค้าตา่ งชาติ
พระปรชี าสามารถของพระมหากษัตริย์ เพราะพระปรชี าสามารถของพระมหากษตั ริยห์ ลายพระองค์ ทท่ี าให้อยุธยารอดพ้นจาก
ภัยคกุ คามจากภายนอกได้
พฒั นาการทางประวัติศาสตรข์ องอาณาจักรอยธุ ยา
พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง
พัฒนาการทางด้านการเมอื งการปกครองของไทยสมยั อยธุ ยา มพี ระมหากษตั ริยป์ กครองราชอาณาจักรทงั้ หมด ๓๓ พระองค์
ใน ๕ ราชวงศ์
รายพระนาม ราชวงศ์ ปีทค่ี รองราชย์ รวมระยะเวลา (ปี)
๑.สมเด็จพระรามาธิบดที ่ี ๑ (อู่ทอง) อู่ทอง พ.ศ.๑๘๙๓ - ๑๙๑๒ ๑๙
๒.สมเด็จพระราเมศวร อู่ทอง พ.ศ.๑๙๑๒ - ๑๙๑๓ ๑
๓.สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท่ี 1 (ขุนหลวงพงว่ั ) สพุ รรณภูมิ พ.ศ.๑๙๑๓ - ๑๙๓๑ ๑๘
๔.สมเด็จพระเจา้ ทองลนั สพุ รรณภูมิ พ.ศ. ๑๙๓๑ - ๑๙๓๑ ๗ วัน
สมเด็จพระราเมศวร (ครง้ั ท่ี ๒) อทู่ อง พ.ศ. ๑๙๓๑ - ๑๙๓๘ ๘
๕.สมเด็จพระรามราชาธริ าช อทู่ อง พ.ศ.๑๙๓๘ - ๑๙๕๒ ๑๕
รายพระนาม ราชวงศ์ ปที ่ีครองราชย์ รวมระยะเวลา (ป)ี
๖.สมเดจ็ พระอินทราชา (เจา้ นครอินทร)์ สุพรรณภมู ิ พ.ศ. ๑๙๕๒ - ๑๙๖๗
๗.สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๒ (เจา้ สามพระยา) สพุ รรณภูมิ พ.ศ. ๑๙๖๗ - ๑๙๙๑ ๑๖
๘.สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ สพุ รรณภมู ิ พ.ศ. ๑๙๙๑ - ๒๐๓๑ ๒๔
๙.สมเด็จพระบรมราชาธริ าชที่ ๓ สุพรรณภูมิ พ.ศ.๒๐๓๑ - ๒๐๓๔ ๔๐
๑๐.สมเด็จพระรามาธบิ ดีท่ี ๒ สพุ รรณภมู ิ พ.ศ.๒๐๓๔ - ๒๐๗๒ ๓
๑๑.สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท่ี ๔ (หน่อพุทธางกรู ) สพุ รรณภูมิ พ.ศ.๒๐๗๒ - ๒๐๗๖ ๓๘
๑๒.พระรษั ฎาธริ าช สุพรรณภูมิ พ.ศ.๒๐๗๖ - ๒๐๗๗ ๔
๑๓.สมเดจ็ พระชัยราชาธริ าช สุพรรณภมู ิ พ.ศ.๒๐๗๗ - ๒๐๘๙ ๕ เดอื น
๑๔.พระยอดฟา้ (พระแก้วฟ้า) สุพรรณภูมิ พ.ศ. ๒๐๘๙ - ๒๐๙๑ ๑๒
ขนุ วรวงศาธิราช ๒
- - -
รายพระนาม ราชวงศ์ ปที ค่ี รองราชย์ รวมระยะเวลา (ปี)
๑๕.สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ สุพรรณภูมิ พ.ศ. ๒๐๙๑ - ๒๑๑๑
๑๖.สมเดจ็ พระมหินทราธิราช สพุ รรณภมู ิ พ.ศ. ๒๑๑๑ - ๒๑๑๒ ๒๐
๑๗.สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าช พ.ศ.๒๑๑๒ - ๒๑๓๓ ๑
๑๘.สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช สุโขทัย พ.ศ.๒๑๓๓ - ๒๑๔๘ ๒๑
๑๙.สมเด็จพระเอกาทศรถ สุโขทัย พ.ศ.๒๑๔๘ - ๒๑๕๓ ๑๕
๒๐.พระศรเี สาวภาคย์ สุโขทัย พ.ศ.๒๑๕๓ - ๒๑๕๔ ๕
๒๑.สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม สโุ ขทัย พ.ศ.๒๑๕๔ - ๒๑๗๑ ๑ ปเี ศษ
๒๒.สมเด็จพระเชษฐาธิราช สุโขทัย พ.ศ.๒๑๗๑ - ๒๑๗๒ ๑๘
๒๓.พระอาทติ ยวงศ์ สโุ ขทยั พ.ศ.๒๑๗๒ - ๒๑๗๒ ๘ เดือน
๒๔.สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สโุ ขทยั พ.ศ.๒๑๗๒ - ๒๑๙๙ ๓๘ วัน
ปราสาททอง ๒๕
รายพระนาม ราชวงศ์ ปที ี่ครองราชย์ รวมระยะเวลา (ปี)
๒๕.สมเดจ็ เจ้าฟา้ ชัย ปราสาททอง พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๑๙๙
๒๖.สมเด็จพระศรสี ธุ รรมราชา ปราสาททอง พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๑๙๙ ๓-๕ วัน
๒๗.สมเด็จพระนารายณม์ หาราช ปราสาททอง พ.ศ.๒๑๙๙ - ๒๒๓๑ ๒ เดอื น
๒๘.สมเดจ็ พระเพทราชา บ้านพลูหลวง พ.ศ.๒๒๓๑ - ๒๒๔๖
๒๙.สมเดจ็ พระสรรเพ็ชญท์ ี่ ๘ (พระเจา้ เสอื ) บ้านพลูหลวง พ.ศ.๒๒๔๖ - ๒๒๕๑ ๓๒
๓๐.สมเด็จพระสรรเพช็ ญ์ท่ี ๙ (พระเจ้าอยหู่ วั ทา้ ยสระ) บ้านพลูหลวง พ.ศ.๒๒๕๑ - ๒๒๗๕ ๑๔
บา้ นพลูหลวง พ.ศ.๒๒๗๕ - ๒๓๐๑ ๖
๓๑.สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ (พระเจา้ อยหู่ ัวบรมโกศ) บ้านพลูหลวง พ.ศ.๒๓๐๑ - ๒๓๐๑ ๒๓
บ้านพลหู ลวง พ.ศ.๒๓๐๑ - ๒๓๑๐ ๒๖
๓๒.สมเดจ็ พระเจา้ อทุ มุ พร (ขนุ หลวงหาวดั ) ๒ เดือน
๙
๓๓.สมเด็จพระท่นี ั่งสรุ ิยามรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ)
ลักษณะการเมืองการปกครองสมยั อยธุ ยา
๑ พระมหากษตั ริย์ทรงมีพระราชอานาจสูงสดุ ในการปกครอง ทรงเปน็ พระประมขุ ของอาณาจักร
๒ ทรงเป็นสมมตเิ ทพตามความเช่ือในศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู และเป็นธรรมราชาตามคติความเชือ่ ใน
พระพทุ ธศาสนาดว้ ย
รปู แบบการปกครองสมยั อยุธยาตอนต้น น
การบรหิ ารราชการแผ่นดินสว่ นกลาง
• กรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน็ ราชธานี และเป็นศนู ยก์ ลางของการการปกครอง
• มีเมอื งหน้าดา่ น ๔ ทศิ เพอื่ ปอ้ งกันภยั ยามข้าศกึ รกุ ราน
ลพบรุ ี
สพุ รรณบรุ ี อยุธยา นครนายก
พระประแดง
การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ส่วนกลาง
• ในเขตราชธานที ี่กรุงศรอี ยธุ ยา มเี สนาบดี ๔ ตาแหน่ง เรยี กว่า จตุสดมภ์
• จตุสดมภ์รบั ผดิ ชอบดแู ลการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ตามพระบรมราชโองการของพระมหากษตั รยิ ์
• จตสุ ดมภ์ แบ่งออกเป็น ๔ หน่วยงาน ดังนี้
จตุสดมภ์
กรมเวียง (เมอื ง) กรมวัง กรมคลงั กรมนา
หวั เมอื งชัน้ ใน หวั เมอื งช้ันนอก การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ สว่ นหัวเมือง
ราชธานี หัวเมอื งชั้นใน
หวั เมอื งประเทศราช • อยไู่ มไ่ กลจากราชธานี
• ทางราชธานีจะแตง่ ตงั้ “ผูร้ ั้ง” ไปปกครอง
• เช่น เมอื งราชบุรี สงิ ห์บรุ ี ชัยนาท
หัวเมอื งชั้นนอก (เมอื งพระยามหานคร)
• อยหู่ า่ งไกลจากราชธานี
• มเี จ้าเมืองที่สืบทอดทางสายเลือดเป็นผ้ปู กครอง
หัวเมืองประเทศราช
• มีการปกครองเป็นอิสระแก่ตนเอง
• ตอ้ งส่งเครือ่ งราชบรรณาการไปถวายพระมหากษตั ริยอ์ ยธุ ยา
• เมืองนครศรีธรรมราช เมอื งสุโขทัย
รปู แบบการปกครอง สมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
การบริหารราชการแผน่ ดินส่วนกลาง
พระมหากษตั ริย์
สมหุ พระกลาโหม ดแู ลกจิ การฝ่ายทหารทั่วราชอาณาจักร
สมุหนายก ดูแลฝา่ ยพลเรอื นท่ัวราชอาณาจกั ร รวมทัง้ ดแู ลจตุสดมภ์
หวั เมอื งชัน้ ใน หวั เมอื งช้ันนอก การบรหิ ารราชการแผน่ ดินส่วนหัวเมอื ง
ราชธานี หวั เมืองชน้ั ใน
หวั เมอื งประเทศราช • ยกเลกิ เมืองลกู หลวงทง้ั ๔ ทศิ
• ขยายขอบเขตโดยให้เมืองลูกหลวงเขา้ กับเมอื งในวงราชธานี เปน็ เมอื งชั้นจัตวา
• มีผ้รู ั้งกับกรมการเมืองปกครอง
หวั เมอื งชนั้ นอก (เมืองพระยามหานคร)
• มกี ารจดั เมืองเป็นช้ันเอก ชน้ั โท ชัน้ ตรี
• มขี ุนนางชั้นสูงเปน็ ผู้สาเรจ็ ราชการเมอื ง
หัวเมอื งประเทศราช
• ลักษณะการปกครองยังคงเป็นแบบเดียวกบั สมัยอยธุ ยาตอนต้น
• เชน่ เมอื งทวาย ตะนาวศรี เชยี งกราน เขมร
รปู แบบการปกครองสมยั อยุธยาตอนปลาย
พระมหากษตั รยิ ์
สมหุ นายก สมุหพระกลาโหม
หัวเมืองฝ่ายเหนอื หวั เมืองฝา่ ยใต้
(ทหาร - พลเรอื น) (ทหาร - พลเรือน)
กรมสังกดั ฝ่ายทหาร
กรมนครบาล
กรมวงั การคลัง
กรมคลงั หัวเมืองชายทะเลตะวันออก (ทหาร - พลเรือน)
กรมนา
พฒั นาการด้านเศรษฐกจิ
ปัจจยั ทสี่ ง่ เสริมความเจริญทางเศรษฐกิจในสมัยอยุธยา
๑ ทาเลและทีต่ ง้ั ของกรุงศรีอยุธยาและหวั เมืองตา่ งๆ ใกลเ้ คยี ง ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลกู โดยเฉพาะการ
ปลกู ข้าว
๒ การอยู่ใกล้อา่ วไทย ทาใหพ้ ่อคา้ ต่างชาตติ ิดต่อคา้ ขายกับอยธุ ยาไดส้ ะดวก
๓ พระบรมราโชบายของพระมหากษัตริย์ ที่ชว่ ยดึงดดู ให้พอ่ คา้ ชาวต่างชาติเขา้ มาค้าขายกับอยธุ ยา
ลักษณะทางเศรษฐกจิ ในสมยั อยุธยา
เกษตรกรรม • ผลิตผลทางการเกษตรทส่ี าคญั คอื ข้าว นอกจากนี้ยังมีผลติ ผลจาก
ป่า เช่น ไมฝ้ าง นอแรด งาชา้ ง ครง่ั หนงั สตั ว์ ยางสน ไม้กฤษณา
เปน็ ตน้
การค้าขาย • เป็นการค้าขายโดยการใช้เรอื สาเภา ซ่ึงดาเนนิ การโดยพระมหากษตั รยิ ์
กบั ตา่ งประเทศ พระราชวงศ์ ขุนนาง และพอ่ ค้าจนี นอกจากนย้ี ังตดิ ต่อคา้ ขายกบั
ชาวตะวนั ตกอีกด้วย ได้แก่ โปรตเุ กส ฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส
การแสวงหารายไดข้ องแผน่ ดนิ ดว้ ยการเก็บภาษอี ากร
๑ จงั กอบ • รายได้ทีเ่ ก็บตามดา่ นขนอนท้งั ทางบกและทางนา้ โดยเกบ็ ชกั สว่ นสนิ คา้
๒ อากร • รายไดท้ ี่เกดิ จากการเกบ็ สว่ นผลประโยชน์ในการประกอบอาชีพต่างๆ ของ
ราษฎร เชน่ การทานา ทาไร่ ทาสวน เปน็ ต้น
๓ สว่ ย • รายไดจ้ ากสงิ่ ของ ท่ีราษฎรนามาให้กับทางราชการแทนการถกู เกณฑ์
แรงงาน เชน่ สว่ ยดีบุก
๔ ฤชา • รายได้ทีไ่ ดจ้ ากค่าธรรมเนยี มท่ีทางราชการเก็บจากราษฎร
พัฒนาการดา้ นสังคม
ความเป็นมาของสงั คมศักดินาสมยั อยุธยา
ความหมายของศกั ดินา
• ศักดินา หมายถึง เครื่องกาหนดสทิ ธิและหนา้ ทข่ี องบคุ คลในสังคม เพอ่ื จาแนกใหเ้ หน็ ถึงความแตกต่างในเรอื่ งสทิ ธิและหน้าที่
ของบุคคลตามศักดนิ า เช่น ผมู้ ศี ักดนิ า ๔๐๐ ขึ้นไปมีสทิ ธเิ ข้าเฝ้าได้ แตต่ ่ากวา่ ๔๐๐ ไมม่ สี ทิ ธเิ ขา้ เฝา้
ประโยชนข์ องศักดินา
• กฎหมายศักดนิ า บังคบั ใชเ้ มอ่ื พ.ศ. ๑๙๙๗ โดยกาหนดใหบ้ คุ คลทุกประเภทในสังคมไทย มีศักดนิ าดว้ ยกนั ทง้ั สน้ิ แตกต่างกนั
ไปตามฐานะอานาจและหน้าท่ีความรับผิดชอบ ยกเว้นพระมหากษตั รยิ ซ์ ่ึงมิได้ระบศุ กั ดนิ าเพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้าของศักดิ
นาทั้งปวง
• ระบบศักดนิ ามปี ระโยชนใ์ นการควบคมุ บงั คับบัญชาผ้คู นตามลาดับช้ันและมอบหมายใหค้ นมหี น้าทร่ี บั ผิดชอบตามทกี่ าหนด
เอาไว้ และเม่ือบุคคลทาผดิ ตอ่ กนั ก็สามารถใชเ้ ป็นหลักในการปรับไหมได้ เช่น ถ้าผมู้ ศี ักดินาสูงทาความผิดต่อผู้มีศักดินาต่ากว่า
ก็จะปรับไหมตามศักดินาของผู้มศี กั ดนิ าสงู กว่าถา้ ผู้มศี ักดินาตา่ กว่าทาผิดตอ่ ผมู้ ีศักดินาสูงกว่าก็ปรับไหมผู้ทที่ าผิดตามศกั ดินา
ของผูท้ ีม่ ศี ักดินาสูงกว่า
ลกั ษณะโครงสรา้ งสงั คมไทยสมยั อยุธยา พระมหากษตั รยิ ์
พระภิกษุสงฆ์ พระประมขุ ของราชอาณาจกั ร ทรงไดร้ ับการยกยอ่ งให้เป็นสมมตเิ ทพ
และทรงเป็นธรรมราชา
ทาหน้าท่ใี นการสืบทอดพระพุทธศาสนา ได้รับการยกยอ่ ง
และศรทั ธาจากบคุ คลทุกชนช้ัน พระบรมวงศานุวงศ์
เครือญาตขิ องพระมหากษตั ริย์ มีศักดนิ าแตกต่างกันไปตามฐานะ
ขนุ นาง
บคุ คลทรี่ บั ราชการแผน่ ดิน
มีท้ังศกั ดินา ยศ ราชทนิ นาม และตาแหนง่
ไพร่
ราษฎรทีถ่ กู เกณฑ์แรงงานให้กับทางราชการ
ต้องสังกัดมลู นาย
ทาส
บุคคลท่ีไม่มกี รรมสิทธใิ์ นแรงงาน
และชวี ิตของตนเอง ต้องตกเปน็ ของนายจนกว่าจะได้ไถ่ตัว
พัฒนาการดา้ นความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศ ....กบั รัฐท่ีอยู่ใกล้เคียง
ความสมั พันธ์กบั สโุ ขทยั
• มีท้งั การใชน้ โยบายการสร้างไมตรี การเผชิญหนา้ ทางทหาร และนโยบายการสรา้ งความสมั พนั ธ์ทางเครอื ญาติ
• อยุธยาใช้การเผชิญหนา้ ทางทหารกับสุโขทัยมาต้ังแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ (อูท่ อง) และสมัยสมเดจ็ พระบรม
ราชาธริ าชท่ี ๑ (ขุนหลวงพงวั่ )
• สมัยสมเดจ็ พระอินทราชา (เจา้ นครอินทร)์ ทรงแก้ไขปัญหาจลาจลทสี่ โุ ขทัย ทาใหส้ โุ ขทยั กลับมาอยใู่ ต้อานาจของ
อยุธยา และทรงสรา้ งความสัมพนั ธท์ างเครอื ญาติโดยใหพ้ ระราชโอรส คือ เจา้ สามพระยาอภเิ ษกกับเจา้ หญิงเช้ือสาย
ราชวงศพ์ ระรว่ ง
• สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงผนวกรวมสุโขทยั เข้าเป็นส่วนหนึง่ ของอยธุ ยา
ความสมั พันธ์กบั ล้านนา
• เปน็ การเผชญิ หนา้ ทางทหาร ในสมยั สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๑ (ขนุ หลวงพง่ัว) เปน็ ตน้ มา อยธุ ยาไดร้ บกบั ล้านนา
แตไ่ ม่ประสบความสาเรจ็
• สมัยสมเดจ็ พระชยั ราชาธริ าช อยธุ ยาไดย้ ึดลา้ นนาเปน็ เมอื งประเทศราช แต่สุดท้ายกต็ อ้ งเปน็ เมอื งประเทศราชของพมา่
• สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อยธุ ยาไดล้ า้ นนากลับมาเป็นเมืองประเทศราช
• หลงั จากสมยั สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเปน็ ต้นไป ล้านนากเ็ รม่ิ แยกตัวเป็นอิสระบ้าง เปน็ ประเทศราชของพมา่ บ้าง
ของอยธุ ยาบา้ ง
ความสมั พันธ์กับพม่า
• ส่วนใหญ่เปน็ การเผชญิ หน้าทางทหาร โดยเร่มิ ต้นในสมัยสมเดจ็ พระชยั ราชาธริ าช อยธุ ยาไดช้ ่วยเมอื งเชยี งกรานของ
มอญท่ีข้นึ กบั อยธุ ยารบกบั พมา่
• สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธริ าช พระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพท่ีเมืองแครง
• สมยั สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทาสงครามยุทธหตั ถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า หลงั สมัยนี้ไปอยธุ ยาวา่ งเวน้
สงครามกบั พมา่ จนกระทัง่ เสียกรงุ ศรีอยธุ ยาใน พ.ศ. ๒๓๑๐
ความสมั พนั ธ์กับหวั เมอื งมอญ
• มที ั้งการค้า การผูกสมั พันธไมตรี และการเมอื ง
• เมือ่ อยธุ ยามคี วามเจรญิ รุ่งเรอื งทางการค้า ผูน้ าอยุธยาได้ขยายอานาจเข้าครอบครองเมืองท่าของมอญแถบชายฝง่ั ทะเล
อนั ดามนั เพือ่ ผลประโยชน์ทางการค้า
• นอกจากน้ี อยุธยายังให้ท่ีพ่ึงพิงแก่ชาวมอญท่ีอพยพหนีภยั สงครามจากพม่าดว้ ยเพอื่ อาศยั มอญเป็นดา่ นหนา้ ปะทะกับ
พมา่ ก่อนจะยกทพั มาถึงอยุธยา
ความสัมพนั ธ์กับหัวเมอื งมลายู
• ลกั ษณะความสมั พันธ์มที ้ังการคา้ การเผชญิ หน้าทางทหาร และการผกู สมั พันธไมตรี
• สมยั อยธุ ยาตอนตน้ อยุธยาส่งกองทัพไปรบกบั มะละกาซึ่งเปน็ ศูนยก์ ลางการค้าสาคัญบรเิ วณคาบสมุทรมลายู นอกจากได้
มะละกาเปน็ เมอื งขึน้ แลว้ ยังไดห้ วั เมอื งรายทางด้วย เชน่ ปตั ตานี ไทรบรุ ี ซึ่งอยธุ ยาควบคุมหัวเมืองมลายผู ่านทางเมือง
นครศรีธรรมราช นอกจากจะไดผ้ ลประโยชน์ทางเครื่องราชบรรณาการแล้วยังได้ผลประโยชนท์ างการค้าขายอีกดว้ ย
ความสมั พนั ธ์กับล้านชา้ ง
• สว่ นใหญ่เปน็ การผูกสมั พนั ธไมตรี
• สมยั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อทู่ อง) ไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าฟ้างุ้มแหง่ ลา้ นช้าง
• สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ไทยกับลา้ นชา้ งมีความสนิทแนบแน่นมากข้ึน เมอื่ พระเจ้าไชยเชษฐาธริ าชแหง่ ลา้ นชา้ ง
แตง่ ตั้งทตู มากราบทลู ขอพระเทพกษตั รีไปเปน็ พระอคั รมเหสี แต่ถูกพระเจา้ บเุ รงนองส่งทหารมาชิงตัวไปเสียก่อน
จนกระทง่ั เสียกรุงศรีอยุธยาครง้ั ที่ ๑ ทาใหค้ วามสัมพนั ธ์ลดน้อยลงไป
ความสัมพนั ธ์กับญวน
• ความสัมพันธ์สว่ นใหญ่เกดิ ในสมยั อยุธยาตอนปลายโดยลักษณะความสมั พนั ธจ์ ะเป็นการเผชญิ หนา้ ทางทหาร เพอ่ื แยง่ ชงิ
ความเป็นใหญ่เหนือเขมร
• สมยั สมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวทา้ ยสระ เกิดเหตุการณแ์ ตกแยกภายในราชวงศ์เขมรระหวา่ งพระธรรมราชากบั นักแก้วฟา้ จอก
จนถึงขั้นทาสงครามกัน อยธุ ยาและญวนต่างสนับสนนุ แตล่ ะฝ่าย ความขดั แยง้ ภายในทาใหไ้ ทยกับญวนตอ้ งทาสงคราม
กนั ในท่ีสดุ อยุธยาชนะและไดเ้ ขมรมาอยใู่ ตอ้ านาจ ไมน่ านญวนก็เข้าไปมีอทิ ธิพลเหนอื เขมรอกี อยุธยาจึงต้องยกทพั ไปตี
เขมรกลับมา
ความสมั พันธก์ ับเขมร
• มที ั้งการเผชิญหน้าทางทหาร การเมอื ง และวัฒนธรรม
• สมยั สมเด็จพระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อู่ทอง) โปรดให้พระราเมศวรและขุนหลวงพงัว่ ยกทัพไปตีเขมร ทาให้อยุธยาไดร้ ับ
อทิ ธพิ ลวัฒนธรรมเขมรด้วย
• สมยั สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขนุ หลวงพงวั่ ) ยกทัพไปตีเขมร
• สมัยสมเด็จพระบรมราชาธริ าชท่ี ๒ (เจา้ สามพระยา) ยึดราชธานเี ขมรทน่ี ครธมและทรงแต่งตั้งพระนครอินทร์ พระราช
โอรสไปปกครองเขมร ตอ่ มาถูกเขมรลอบปลงพระชนม์
• สมยั สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เขมรได้ถือโอกาสท่ไี ทยติดพนั สงครามกับพม่า ยกทัพมาตีไทย
• สมัยสมเด็จพระนเรศมหาราชทรงยกทพั ไปตเี มอื งละแวก ราชธานีเขมรขณะนัน้ ได้ และหลังจากสมยั น้ี เขมรเริ่มตั้งตัว
เป็นอสิ ระ และในตอนปลายสมยั อยุธยา เขมรได้ออ่ นนอ้ มตอ่ อยุธยาบ้าง ญวนบ้าง จนกระทงั่ เสยี กรงุ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
เขมรจงึ เปน็ อสิ ระ
พัฒนาการด้านความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศ ....กบั ดินแดนอนื่ ๆ ในทวปี เอเชีย
ความสมั พนั ธ์กบั จีน
• เปน็ แบบรฐั บรรณาการ ซึง่ มคี วามเกย่ี วขอ้ งกบั การเมืองและการคา้
• ในสมยั อยุธยา พระมหากษตั ริย์ท่ีทรงขึ้นครองราชยม์ กั จะแต่งตัง้ คณะทตู นาเครือ่ งราชบรรณาการไปยังจีน เพือ่ ให้จนี
รบั รองเพ่อื ผลประโยชน์ทางการคา้ และเพื่อความชอบธรรมในการเสด็จข้นึ ครองราชย์
• ในชว่ งทอ่ี ยธุ ยามีปญั หาการเมืองภายในหรอื ทาสงครามกับภายนอก ความสมั พันธจ์ ะหยดุ ชะงักชว่ั คราว เมือ่ เหตกุ ารณ์
สงบ การติดตอ่ กเ็ รม่ิ ต้นข้นึ อีก
ความสัมพันธ์กบั ญ่ีปนุ่
• ส่วนใหญเ่ ป็นการคา้ และการเมอื ง
• สมยั สมเด็จพระเอกาทศรถ อยธุ ยามีการติดตอ่ กับญ่ปี นุ่ อย่างเป็นทางการ
• สมยั สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง ได้มกี ารปราบปรามชาวญี่ปนุ่ บางคนทีค่ ิดกอ่ การร้าย ทาให้ชาวญ่ีป่นุ จานวนมากพา
กันอพยพออกจากอยุธยา
• แมว้ า่ ตอ่ มาอยธุ ยาจะส่งทูตไปเจรจาสัมพันธไมตรกี ับญ่ปี ุ่นอกี แต่ญป่ี ุ่นไม่ยอมรับ อาจเปน็ เพราะเหตุการณท์ ่ที รง
ปราบปรามญ่ปี ุ่น และญป่ี นุ่ ดาเนนิ นโยบายปดิ ประเทศ
ความสมั พนั ธ์กบั เปอร์เซีย
• ความสมั พันธจ์ ะเป็นด้านการคา้ โดยสันนิษฐานว่าอยุธยาเริ่มมคี วามสัมพันธก์ บั เปอรเ์ ซยี (ปัจจุบันคืออิหร่าน) ในสมัย
สมเด็จพระเอกาทศรถ
• สมยั สมเดจ็ พระเจ้าทรงธรรม พอ่ คา้ เปอร์เซยี ชอื่ เฉกอะหมัด ได้รบั ราชการจนมคี วามดีความชอบไดเ้ ป็นเจ้ากรมท่าขวา
• สมัยสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช เปอรเ์ ซียส่งทตู มาเข้าเฝา้ แตห่ ลงั จากนไ้ี ปแล้ว ไมป่ รากฏหลกั ฐานถงึ การเดนิ ทาง
เชื่อมสัมพนั ธไมตรรี ะหว่างอยธุ ยาและเปอร์เซยี อกี
พฒั นาการดา้ นความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศ ....กับชาติตะวนั ตก
ความสัมพนั ธ์กบั โปรตุเกส
• มที ั้งการค้า การเมือง และวฒั นธรรม
• เริม่ ตน้ ในสมัยสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๒ เมือ่ โปรตุเกสยดึ มะละกา แตม่ ะละกาเป็นประเทศราชของอยธุ ยา โปรตเุ กสจงึ
สง่ ทูตมาเจรจาและทาสนธิสัญญาระหวา่ งกนั
• นอกจากนี้ อยธุ ยายงั ซอ้ื ปนื จากโปรตเุ กสและจา้ งทหารโปรตเุ กสมาเป็นทหารอาสา รวมถงึ รบั วฒั นธรรมการทาขนม
หวานจากโปรตเุ กส อันเปน็ ทม่ี าของขนมหวานไทยในปัจจบุ นั ด้วย เช่น ทองหยบิ ทองหยอด ฝอยทอง เป็นตน้
ความสัมพันธ์กบั ฮอลันดา
• ท้งั การคา้ และการเมือง
• สมัยสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ฮอลันดาสง่ คณะทตู มาเจรจาและขอตัง้ สถานกี ารค้าท่ีปตั ตานี
• สมยั สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม อยุธยากบั ฮอลันดา ได้ทาสนธิสัญญาการคา้ ระหวา่ งกัน
• สมัยสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง ฮอลันดาส่งเรอื รบปิดท่าเรือตะนาวศรี อยธุ ยาจงึ ตัดสทิ ธิพเิ ศษทางการค้า
• สมัยสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชได้เกดิ ความขดั แย้งกับฮอลันดา จนต้องดงึ ฝรั่งเศสเข้ามาถ่วงดลุ อานาจ ทาใหฮ้ อลันดา
คอ่ ยๆ ลดปรมิ าณการคา้ และถอนตวั ออกจากอยุธยาในทีส่ ุด
ความสัมพนั ธ์กบั อังกฤษ
• มีทัง้ การค้าและการเมอื ง
• สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงอนญุ าตให้อังกฤษเข้ามาตั้งสถานีการคา้ ท่ีกรุงศรีอยธุ ยาได้ แต่ถกู ฮอลันดาขดั ขวางจน
ตอ้ งปิดกิจการ
• สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชไดเ้ ร่มิ ฟน้ื ฟคู วามสัมพนั ธอ์ กี คร้ังเพอ่ื ดึงอังกฤษมาถ่วงดลุ อานาจกับฮอลันดา แต่องั กฤษ
ไมป่ ระสบความสาเรจ็ ในการแขง่ ขนั กบั ฮอลนั ดา จนเม่อื เรอื ค้าขายของอังกฤษถกู ปล้นสะดมในน่านน้าเมอื งมะริดจนต้อง
สรู้ บกบั อยธุ ยาทเี่ มืองมะรดิ ทาใหค้ วามสมั พนั ธห์ ่างเหนิ กนั ไป
ความสัมพนั ธ์กบั ฝรงั่ เศส
• ความสัมพนั ธม์ ที งั้ เรอ่ื งของศาสนา การคา้ และการเมือง
• สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงตอ้ งการให้ฝรงั่ เศสมาถ่วงดลุ อานาจกับฮอลนั ดา จนกระท่ังฝรง่ั เศสเข้ามาตั้งสถานี
การคา้ และภายหลงั ส่งคณะทตู เดนิ ทางมาอยธุ ยาเปน็ คร้ังแรกเพือ่ เจรญิ สัมพันธไมตรี และอยุธยากส็ ง่ คณะทูตไป
ฝรัง่ เศส ซึง่ ไดร้ ับการตอ้ นรับอย่างดี
• ภายหลงั ฝรงั่ เศสเข้ามามีอิทธพิ ลทางการเมืองและการทหาร จนต้องมกี ารขบั ไล่ฝรั่งเศสออกไป
ความสมั พันธ์กบั สเปน
• คอ่ นขา้ งมีน้อยส่วนใหญจ่ ะเป็นเรือ่ งการค้า
• สมยั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ข้าหลวงใหญข่ องสเปนทีเ่ มอื งมะนลิ าได้ส่งทตู มาเชอ่ื มสมั พันธไมตรีและเจรจาทางการค้า
กบั อยุธยา
• สมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช มีเรอื สนิ คา้ สเปนเดินทางจากเมืองมะนลิ าเข้ามาค้าขายท่ีกรงุ ศรอี ยธุ ยา แต่ปรมิ าณ
การคา้ ไม่มากนกั
• สมัยพระเจ้าอยูห่ วั ท้ายสระ ผสู้ าเรจ็ ราชการสเปนท่ีเมืองมะนลิ าสง่ ทตู เข้ามาเจรญิ สัมพันธไมตรีและขออนุญาตตง้ั สถานี
การคา้ ขึน้ ใหม่ แม้การเจรจาจะประสบความสาเร็จ แตป่ ริมาณการคา้ ก็มิได้ขยายตวั และได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าในท่สี ุด
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสองชาตกิ ็หา่ งเหนิ กนั ไป
การเส่อื มอานาจของอาณาจกั รอยธุ ยา
การเสียกรุงศรอี ยธุ ยาคร้ังท่ี ๑ และการกู้เอกราช
สาเหตุของการเสยี กรงุ ศรีอยุธยา ครงั้ ท่ี ๑ การกู้เอกราชของกรงุ ศรีอยธุ ยา
พ.ศ. ๒๑๑๒ ใน พ.ศ. ๒๑๒๗
• เกดิ ขึน้ เพราะความแตกสามัคคีภายในกรุงศรอี ยธุ ยา • เกดิ ขนึ้ ในสมยั สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธิราช เมอ่ื สมเดจ็ -
• พระยาจกั รเี ปน็ ไสศ้ ึก พระนเรศวรซง่ึ เป็นพระราชโอรสทรงประกาศอสิ รภาพ
จากพมา่ ท่เี มืองแครง ใน พ.ศ. ๒๑๒๗
• สมเดจ็ พระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพจากพมา่ โดยทรง
หลั่งทกั ษิโณทกให้ตกเหนือแผน่ ดนิ (ภาพจติ รกรรมฝา
ผนงั วัดสวุ รรณดาราราม จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา)
การเสยี กรงุ ศรีอยุธยาคร้ังที่ ๒ และการกเู้ อกราช
สาเหตุของการเสียกรงุ ศรีอยธุ ยา คร้ังท่ี ๒ การกู้เอกราชของกรุงศรีอยุธยา
พ.ศ. ๒๓๑๐ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
• การขาดประสบการณใ์ นการทาสงครามขนาดใหญข่ อง • พระยาตาก (สิน) ไดน้ าไพร่พลฝา่ วงลอ้ มพม่า ไปต้ังมน่ั ท่ี
ฝ่ายอยธุ ยา เมอื งจันทบุรี ไดน้ าไพรพ่ ลตีหัวเมืองรายทางไล่มาจนถึง
เมอื งธนบุรีทพ่ี มา่ คมุ อยู่ และตามตไี ปถงึ ค่ายโพธสิ์ ามตน้
• การปรบั เปลย่ี นกลยุทธก์ ารรบของพม่า ด้วยการยกมาตี ซง่ึ เปน็ ทพั พม่าทีร่ ักษาอยธุ ยาอยู่จนแตก
อยุธยาทงั้ ทางเหนอื และทางใต้ โดยกวาดต้อนผู้คน เสบยี ง
อาหาร เขา้ ล้อมเมืองทง้ั ฤดแู ล้งและฤดูนา้ หลาก
ภูมปิ ญั ญาและวัฒนธรรมไทยสมยั อยุธยา
ความหมายของภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรม
ภมู ปิ ญั ญา
• ความรู้ ความสามารถที่ไดจ้ ากประสบการณ์ทสี่ ั่งสมไว้ในการปรบั ตวั
และการดารงชวี ิตในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มทาง
สงั คมและวัฒนธรรมทไ่ี ด้มีการพัฒนาสืบสานกนั มา
วัฒนธรรม
• ระบบความเช่ือ ระบบคุณคา่ และวถิ ชี วี ติ ท้งั หมด ดังนน้ั ภูมิปญั ญา
ทง้ั หลายจงึ ได้รบั การสง่ั สมอยใู่ นวฒั นธรรมนน่ั เอง
ปจั จยั ทม่ี อี ิทธิพลต่อการสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา
ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ ลกั ษณะทางสงั คม การรบั อทิ ธพิ ลจากภายนอก
และสงิ่ แวดล้อม และวัฒนธรรม
• มสี ภาพดินฟ้าอากาศที่ • เปน็ สงั คมศกั ดนิ ามีการนับ • การติดตอ่ ค้าขายกับตา่ งชาติ
เหมาะต่อการเพาะปลกู และ ถือพระพุทธศาสนา และ ทาให้เกดิ การเรียนรู้จากชาติ
คา้ ขายจึงสง่ เสริมใหม้ ีการ ใช้กศุ โลบายทางศาสนา ตา่ งๆ แลว้ นามาปรบั ใชใ้ ห้
คิดค้นภูมิปัญญาสาหรบั การ เป็นเครื่องมอื ในการอบรม เขา้ กับคนไทย
ประกอบอาชพี สงั่ สอนผู้คน
ตัวอย่างการสรา้ งสรรค์ภูมิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัยอยธุ ยา
๑ ภมู ิปัญญาและวฒั นธรรมไทยในการสรา้ งรปู แบบการปกครองให้เหมาะสมกบั คนไทย
สังคมไทยในสมยั อยธุ ยามคี วามเช่ือว่าการปกครองบ้านเมืองต้องมีพระมหากษตั ริยเ์ ป็นผูม้ ีอานาจสูงสุดในการปกครอง
บ้านเมืองนบั ตง้ั แตก่ ารสถาปนากรงุ ศรอี ยุธยาเป็นราชธานีเป็นตน้ มา อนั เปน็ ผลมาจากการรับเอาคตคิ วามเช่ือว่า
พระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ สมมติเทพ
ระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เกย่ี วกบั ความสาคัญของพระมหากษตั ริย์ มีหลายประการ
• จดั ให้พระมหากษตั ริยท์ รงมีที่ประทับสงู กวา่ คนอืน่ ๆ ให้สมกบั ทพ่ี ระองค์ทรงเป็นสมมติเทพ
• ทปี่ ระทบั ขององคพ์ ระมหากษตั ริย์จะไมต่ ั้งอยูป่ ะปนกบั บุคคลท่ัวไป
• มีการสรา้ งพระราชวังสาหรบั พระมหากษัตริย์ และภายในพระราชวงั จะต้องมีกฎเกณฑ์และพธิ กี รรม
ต่างๆ ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ พระองคท์ รงเป็นสมมตเิ ทพ โดยมพี ราหมณ์เปน็ ผ้ปู ระกอบพระราชพธิ ีถวาย
• มกี ารใช้ราชาศพั ท์สาหรับพระมหากษัตรยิ ์ให้แตกตา่ งไปจากบุคคลท่วั ไป
• การวางระเบยี บแบบแผน สาหรับบคุ คลทว่ั ไปในการปฏิบัตติ นต่อองคพ์ ระมหากษตั ริย์เปน็ การเฉพาะ
หรอื ที่เรียกว่า กฎมณเทยี รบาล ถ้าผูใ้ ดละเมดิ ก็จะมโี ทษทางอาญา เป็นตน้
๒ ภมู ิปัญญาและวฒั นธรรมไทยในการวางระบบการควบคมุ กาลังคน
• ระบบการควบคุมกาลงั คนสมัยอยธุ ยากาหนดใหไ้ พรต่ อ้ งสังกดั มลู นาย โดยมูลนายจะตอ้ งดแู ลและให้ความคมุ้ ครอง
ไพรใ่ นแตล่ ะกรมกอง สว่ นไพรก่ ็ตอ้ งให้ความเคารพยาเกรงมูลนายของตน
• การควบคุมแรงงานไพรใ่ นแต่ละกรมจะมีการควบคุมเปน็ ลาดับชัน้ แตล่ ะกรมจะจดั ทาบัญชรี ายชื่อและทอี่ ยขู่ องไพรท่ ่ี
สงั กัดกรมของตนนอกจากนยี้ ังมีพระสุรัสวดี ทาหนา้ ที่เปน็ ผ้ถู ือบญั ชไี พร่ของทุกกรมและขน้ึ ตรงต่อพระมหากษตั ริย์
• ระบบการควบคมุ กาลังคนในสมยั อยธุ ยาทาให้กลุ่มคนไทยสามารถอยู่รวมกันไดเ้ ปน็ กลมุ่ กอ้ น ไม่กระจัดกระจาย
กันออกไป และสะดวกตอ่ การเกณฑ์ไพรพ่ ลไปทาสงคราม
๓ ภมู ปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยในการสร้างทอี่ ยอู่ าศัย
เรอื นสามารถแบง่ ออกตามลกั ษณะของผอู้ ย่อู าศยั ได้ ๒ ลกั ษณะ
เรอื นขุนนาง (เรอื นเคร่อื งสบั )
• เปน็ เรอื นชั้นเดยี ว ใต้ถุนสูง สรา้ งดว้ ยวัสดุท่ีแขง็ แรงทนทาน เช่น ไมส้ กั ไม้เน้ือแขง็
ตวั เรือนสามารถรอื้ ถอนแลว้ นาไปประกอบใหม่ไดเ้ หมอื นเดิม
เรอื นไพร่ (เรือนเครอื่ งผกู )
• เป็นเรอื นชั้นเดยี ว ใต้ถุนเต้ยี สรา้ งดว้ ยวสั ดุไมค่ งทนถาวร เชน่ ไมไ้ ผ่ มักปลกู เปน็
การชัว่ คราว ถา้ ไพร่มฐี านะสงู กส็ ามารถใช้เรือนแบบขนุ นางได้
เรอื นขุนนาง (เรอื นเครื่องสบั )
๔ ภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยในการบาบัดรกั ษาคนไข้
• การแพทยแ์ ผนไทยสมยั อยุธยามพี นื้ ฐานมาจากความเชอื่ ความรู้ ความคดิ และการยอมรบั รว่ มกันของคนในสังคม
จนสามารถแกไ้ ขปญั หาสุขภาพตงั้ แต่สมัยอยธุ ยาจนถงึ ปจั จุบัน
• ระบบการแพทยส์ มยั อยธุ ยามีการจดั ตง้ั หนว่ ยงานรบั ผิดชอบเป็นสัดส่วน มีเจ้าหน้าทท่ี รี่ ับผิดชอบเกี่ยวกับการบาบดั
รักษาคนไข้แตกต่างกนั เช่น โรงพระโอสถ เปน็ หนว่ ยงานดูแลยาสมนุ ไพร จาแนกหมวดหม่ยู า ควบคุมมาตรฐานและ
ผลติ ยา ตาราแพทย์หลวง
๕ ภูมปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยในการปลูกฝังศีลธรรมให้กบั สังคม
• มกี ารใช้วรรณกรรมของพระพุทธศาสนามาสอนคนให้รู้จกั บาปบญุ คุณโทษ เชน่ หนังสือพระมาลยั คาหลวง ซ่งึ นพิ นธ์
โดยเจ้าฟา้ ธรรมธิเบศ (เจา้ ฟา้ กุง้ )
• ปจั จุบันยงั มีประเพณีสวดพระมาลยั หน้าศพที่ต้งั บาเพ็ญกศุ ลทว่ี ัดหรือท่ีบ้าน หรือพระภกิ ษสุ งฆ์อาจนาสาระดๆี ใน
หนงั สอื พระมาลัยคาหลวงไปเทศนส์ ัง่ สอนผคู้ น
๖ ภมู ิปญั ญาและวัฒนธรรมไทยด้านศิลปกรรม
ด้านศิลปกรรม
• ส่วนใหญ่เปน็ สิ่งก่อสร้างในพระพทุ ธศาสนา เชน่ เจดีย์ พระปรางค์ โบสถ์ วหิ าร มณฑป รวมถงึ สง่ิ ก่อสร้างทเี่ กย่ี วข้องกบั
พระมหากษตั รยิ ์ เชน่ พระราชวัง พระทน่ี ่งั ต่างๆ
• ศิลปกรรมอยุธยาเกดิ จากการผสมผสานระหว่างศลิ ปวฒั นธรรมดง้ั เดมิ ของคนไทย และศลิ ปวัฒนธรรมท่รี ับมาจาก
ภายนอก โดยเฉพาะอนิ เดยี และจีน รวมทง้ั ทางตะวนั ตก
• วดั พระศรีสรรเพชญ์ เปน็ วัดสาคญั ในเขตพระราชวังหลวงเทียบได้กบั วดั พระศรีรัตนศาสดาราม กรงุ เทพมหานคร โดย
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดให้สร้างขน้ึ เพอ่ื เปน็ ท่สี าหรบั ประกอบพิธสี าคญั ตา่ งๆ จงึ เป็นวัดท่ไี ม่มีพระสงฆ์จาพรรษา
ดา้ นประตมิ ากรรม
• ส่วนใหญน่ ยิ มสร้างพระพทุ ธรปู พระพุทธรปู ยคุ แรกๆ เป็นแบบอทู่ อง เช่น
พระพทุ ธรปู องคใ์ หญ่ทวี่ ดั พนัญเชิง จนถึงสมัยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ศิลปะแบบ
สโุ ขทัยไดแ้ พรห่ ลายเขา้ มา คร้นั ถงึ สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองเปน็ ตน้ มา
พระพทุ ธรูปมักทาเปน็ แบบทรงเคร่อื ง มีเคร่อื งประดบั สวยงาม เชน่ พระประธานวัด
หนา้ พระเมรุ ท่ีพระนครศรีอยธุ ยา
พระพุทธรูปทรงเครือ่ ง ประดษิ ฐานภายในอโุ บสถวัดหน้าพระเมรุ จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
สนั นษิ ฐานวา่ สร้างขึน้ ในสมัยสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง
ด้านจติ รกรรม
• ส่วนใหญ่จะเก่ยี วเนือ่ งกบั พระพทุ ธศาสนา เปน็ ภาพเขียนสี นิยมเขยี นเป็นพทุ ธบูชาตามผนงั โบสถ์ วหิ าร ศาลาการเปรยี ญ
ในคหู าภายในองคพ์ ระปรางค์ สถปู เจดีย์ และในสมดุ ไทย เชน่ ภาพเขยี นบนผนงั ในกรพุ ระปรางค์วัดราชบูรณะ เปน็ ตน้
ภาพพระสมั มาสัมพทุ ธเจ้าทรงตรสั รู้ จากวกิ พิ เี ดีย
ด้านประณตี ศิลป์
• มที ัง้ ประเภทเคร่อื งใช้ เคร่อื งประดบั ตกแต่ง เคร่อื งเงิน เครอ่ื งทอง เครือ่ งไม้จาหลัก ซ่งึ ล้วนมฝี ีมอื สวยงามและประณตี
เช่น เครือ่ งทองในพระปรางค์วดั ราชบรู ณะ เปน็ ตน้
ภาพจากสารานุกรมไทย