คู่มือการนิเทศทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลทุ่งสง
คำนำ การนิเทศทางการพยาบาลเป็นระบบการบริหารงานอย่างหนึ่งของผู้บริหารทางการพยาบาล มี เป้าหมายเพื่อให้ผู้รับการนิเทศเพิ่มคุณภาพการดูแลผู้รับบริการหรือผู้ป่วยสะท้อนถึงคุณภาพการบริการเกิด เป็นความสามารถสูงสุดในการปฏิบัติวิชาชีพและคงไว้ซึ่งมาตรฐานและจริยธรรมวิชาชีพ แผลกดทับเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวลำบาก ผู้ป่วยติดเตียงช่วยเหลือ ตัวเองไม่ได้ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลงอาจจะทำให้ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลนานขึ้น มีค่าใช้จ่ายใน การรักษาเพิ่มขึ้น การป้องกันภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง คู่มือการนิเทศทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางของ ผู้บริหารทางการพยาบาลในการนิเทศทางการพยาบาลเพื่อให้เกิดคุณภาพในการดูแลผู้ป่วยและบุคลากร ทางการพยาบาลมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันการเกิดแผลกดทับ
การนิเทศการพยาบาล (Nursing Supervision) เป็นกระบวนการที่ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากร ทางการพยาบาล โดยการให้คำปรึกษา แนะนำ และให้การช่วยเหลือในการทำงานจนเกิดความมั่นใจและ ความสามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้การนิเทศการพยาบาลในการป้องกันการเกิดแผล กดทับของกลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลทุ่งสงนำสู่การปฏิบัติเป็นทิศทางเดียวกัน จึงกำหนดการนิเทศการ พยาบาล ภายใต้กรอบแนวคิดของProctor Model และกำหนดให้มีการนิเทศทางการบริหาร และการนิเทศ ทางคลินิก เพื่อให้เกิดคุณภาพ ความปลอดภัยและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายอย่างมีคุณภาพตาม มาตรฐาน วิชาชีพของการพยาบาลและการผดุงครรภ์ โดยผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศสามารถนำคู่มือการนิเทศทางการ พยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับไปเป็นแนวทางในการนิเทศทางการพยาบาล วัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการพยาบาลที่มีคุณภาพและปลอดภัยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการนอนกับที่ นานๆ 2.เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการงานให้บรรลุวิสัยทัศน์พันธกิจของกลุ่มการพยาบาล 3.เพื่อให้ผู้ปฏิบัติการพยาบาลมีสมรรถนะในการปฏิบัติงานป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยที่นอน โรงพยาบาล 4.เพื่อเพิ่มสมรรถนะผู้บริหารทางการพยาบาลในการนิเทศการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ กระบวนการนิเทศทางการพยาบาลโดยใช้กรอบแนวคิดของ Proctor’s Model of Supervision (1987) ประกอบด้วย 3 ส่วนดังนี้ 1.การนิเทศตามแบบแผนเพื่อการพัฒนาพยาบาล (Formative supervision) เป็นการให้ความรู้การเป็นที่ ปรึกษาการช่วยเหลือสนับสนุนให้บุคลากรมีความรู้ทักษะและสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นในการดูแลผู้ป่วยเพื่อ ป้องกันการเกิดแผลกดทับ 2.การนิเทศเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน (Normative supervision) เป็นการจัดให้มีมาตรฐานในการ ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับโดยมีแนวปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยซึ่งประยุกต์ใช้แนว ปฏิบัติของ EPUAP ในการดูแลผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลตามมาตรฐาน 3.การนิเทศเพื่อการสนับสนุนด้านจิตใจและสิ่งจำเป็นต่าง ๆ (Restorative supervision) การดูแลสนับสนุน สิ่งต่างๆในการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับรวมทั้งการชื่นชมให้กำลังในการปฏิบัติการพยาบาล ดูแลผู้ป่วย ลดความเครียดในการปฏิบัติงาน
บุคลากรในการนิเทศ มี2 ประเภท คือ ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ 1. ผู้นิเทศ (Supervisor) หมายถึง พยาบาลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารหรือการ ปฏิบัติงานมีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนติดตามการปฏิบัติงานโดยให้คำปรึกษาช่วยเหลือร่วมปฏิบัติงาน แก่ผู้มีความรู้และประสบการณ์น้อยกว่าโดยใช้วิธีการสอนแนะนำซึ่งสามารถดึงศักยภาพภาพที่มีอยู่ ออกมาได้อย่างเต็มที่ช่วยส่งเสริมภาวะผู้นำบรรยากาศในการทำงานอันจะเพิ่มประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติงานและเกิดความ พึงพอใจในงาน 2. ผู้รับการนิเทศ (Supervisee) หมายถึง พยาบาลที่มีประสบการณ์น้อยกว่าเพื่อพัฒนาการ ปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพโดยแบ่งตามประสบการณ์ตามระยะเวลาการปฏิบัติงานตาม ประสบการณ์การ ปฏิบัติงานของBenner ดังนี้ พยาบาลที่มีอายุงาน 0-1 ปี(Novice) เป็น RN1 พยาบาลที่มีอายุงาน>1-3 ปี(Advance Beginner) เป็น RN2 พยาบาลที่มีอายุงาน>3-5 ปี(Competent) เป็น RN3 พยาบาลที่มีอายุงาน>5-10 ปี(Proficient) เป็น RN4 พยาบาลที่มีอายุงาน> 10 ปี(Expert) เป็น RN5 กิจกรรมการนิเทศประกอบด้วย 7 ข้อดังนี้ 1. การตรวจเยี่ยมทางการพยาบาล (Nursing Round) 2. การประชุมปรึกษาทางการพยาบาล (Nursing Conference) 3. การสอน (Teaching) 4. การให้คำปรึกษาแนะนำ 5. การแก้ปัญหา 6. การสังเกต (Observation) 7. การร่วมมือปฏิบัติงาน
การนิเทศทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับซึ่งได้ใช้กรอบแนวคิดการนิเทศทางคลินิก ของ พร็อคเตอร์และเชื่อมโยงกับกระบวนการสร้างสัมพันธภาพระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ ดังนั้นจึง ได้จัดทำสร้างกลุ่มไลน์ในการติดต่อสื่อสาร ปรึกษาเรียนรู้ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกัน การเกิดแผลกดทับ รูปแบบการนิเทศประกอบด้วย 1. การนิเทศเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการปฏิบัติตามแบบแผน (Formative clinical supervision) กิจกรรมการนิเทศ คือ 1.1 การประชุมปรึกษาข้างเตียง (Bedside conference) การ Pre conference รายกลุ่มเกี่ยวกับ ปัจจัยเสี่ยงการเกิดแผลกดทับของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงแต่ละรายและการปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการเกิด แผลกดทับ 1.2 การสอน (Teaching) พยาบาลรายกลุ่ม เรื่องการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกด ทับ 2. การนิเทศตามมาตรฐาน (Normative clinical supervision) กิจกรรมการนิเทศ คือ 2.1 การสอนแนะ (Coaching) พยาบาลรายบุคคล เกี่ยวกับ การปฏิบัติการพยาบาลตามแนว ปฏิบัติการป้องกันการเกิดแผลกดทับ 3. การนิเทศตามหลักสมานฉันท์(Restorative clinical supervision) กิจกรรมการนิเทศ คือ 3.1 การให้คำปรึกษา (Counseling) พยาบาลรายบุคคล Post conference เกี่ยวกับ การ แก้ปัญหาในการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการป้องกันการเกิดแผลกดทับ 3.2 การประชุมปรึกษาการพยาบาล (Nursing care conference) รายกลุ่มเกี่ยวกับการปฏิบัติการ พยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
แผนการนิเทศทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ (Pressure Ulcerผู้นิเทศ…………………………………………………………………………………………………….ตำแผู้รับการนิเทศ ....................................................................................................ตำแหวัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้บุคลากรปฏิบัติการพยาบาลมีความรู้เรื่องการป้องกันและ2.เพื่อติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแนวทางการดูแลและวัน เดือน ปี วันที่ ................................. เวลา............................น. เหตุผลการนิเทศ : เพื่อควบคุมคุณภาพการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแแนวทางการนิเทศ 1.พูดคุยเพื่อสร้างสัมพันธภาพ 2.ซักถามวิธีการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ ลักษณะและความแตกต่าและการส่งเสริมฟื้นฟูสภาพผู้ป่วย 3.สังเกตขั้นตอนการปฏิบัติชมเชยถ้าปฏิบัติได้ถูกต้อง 4.ชี้แนะขั้นตอนที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง 5.แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับข้อเสนอแนะในการนิเทศ
r) แหน่ง……………………………… หน่ง ......... ......................... ะการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิด Pressure sore ได้อย่างถูกต้อง ป้องกันแผลกดทับของบุคลากรทางการพยาบาล โรงพยาบาลทุ่งสง แผลกดทับให้เป็นไปตามมาตรฐานและผู้ป่วยได้รับความปลอดภัย งของแผลกดทับแต่ละระดับ แผนการพยาบาล วิธีการดูแลแผลกดทับแต่ละระดับ
วัตถุประสงค์ เนื้อหา เพื่อให้ผู้รับการ นิเทศ สามารถ 1. ประเมินความ เสี่ยงต่อ การเกิดแผลกด ทับและ ใช้เครื่องมือเพื่อ ประเมิน ความเสี่ยงต่อการ เกิด แผลกดทับได้ ถูกต้อง แผลกดทับ คือการได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนังหรือ เนื้อเยื่อจาก แรงกดทับเป็นเวลานาน โดยแผลกดทับมักเกิดกับ ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวหรือต้องอยู่บน เตียงนานๆรวมไปถึงผู้ป่วยวิกฤตและผู้สูงอายุ การประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดกดทับ 1.ทำการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับใน ผู้ป่วยรับใหม่/รับย้ายทุกรายโดยใช้แบบประเมิน Braden scale แลบันทึกให้ถูกต้องครบถ้วนภายใน 8 ชั่วโมง การแบ่งระดับคะแนนความเสี่ยงเป็น 3ระดับคือ คะแนน≥ 16 หมายถึงเสี่ยงน้อยให้ทำการประเมิน ความเสี่ยงวันละ 1 ครั้ง คะแนน 13-15 หมายถึง เสี่ยงปานกลางให้ทำการ ประเมินความเสี่ยงวันละ 2 ครั้ง คะแนน ≤12 หมายถึง เสี่ยงสูงให้ทำการประเมิน ความเสี่ยงวันละ 3 ครั้ง 2.ประเมินภาวะโภชนาการและผลการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการได้แก่ Albumin Hematocrit ตั้งแต่ แรกรับและเมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลง -ทักทวัตถุปเน้นสความ-ซักถาอภิปรลักษณความแผลก-ซักถาและสัปฏิบัติวิธีการประเมิการเกิพร้อมในส่วนได้ยังไถูกต้อ
วิธีการนิเทศ เกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล าย ชี้แจง ประสงค์การนิเทศ ร้างสัมพันธภาพ เป็นกันเอง าม/ร่วมกัน รายถึง ณะของผู้ป่วยที่มี เสี่ยงต่อการเกิด กดทับ ามร่วมอภิปราย สังเกตจากการ ติงานเกี่ยวกับ รใช้เครื่องมือ มินความเสี่ยงต่อ กิดแผลกดทับ มให้ข้อมูลเพิ่มเติม นที่ตอบ/ ปฏิบัติ ไม่ครบถ้วน/ ไม่ อง ผู้รับการนิเทศสามารถ บอกลักษณะของผู้ป่วยที่มี ความเสี่ยงต่อการเกิดแผล กดทับและใช้เครื่องมือ ประเมินความเสี่ยงต่อการ เกิดแผลกดทับได้ถูกต้อง -สังเกต ซักถาม แบบทดสอบความรู้เรื่อง แผลกดทับ แบบประเมินการปฏิบัติ ตามแนวทางการป้องกัน การเกิดแผลกดทับ แบบสอบถามทัศนคติใน การดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกัน การเกิดแผลกดทับ
วัตถุประสงค์ เนื้อหา 2. ประเมินและ บอก ความแตกต่าง ของแผล กดทับแต่ละ ระดับได้ 3.การใช้แบบประเมินความเสี่ยงใช้แบบประเมิน Braden scale เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิด แผลกดทับในผู้ป่วยทุกรายแบ่งเป็น 6 หมวด ได้แก่ 1) การรับรู้ความรู้สึก 2) ความชื้นของผิวหนัง 3) การทำกิจกรรม 4) การเคลื่อนไหว 5)ภาวะ โภชนาการ6) แรงไถและแรงเสียดทาน การแบ่งระดับของแผลกดทับ Pressure Sore 1. แผลกดทับระดับ 1 ผิวหนังยังสมบูรณ์แต่พบรอย แดงเฉพาะที่พบความเจ็บปวด แข็ง นิ่ม ร้อน หรือ เย็นกว่าผิวหนังข้างเคียง ทดสอบได้โดยจัดท่าให้ ผู้ป่วยนอนตะแคง 30 นาทีและตรวจสอบดูตามปุ่ม กระดูกที่ถูกกด 2.แผลกดทับระดับ 2 มีการสูญเสียของชั้น dermis ลักษณะพื้นผิวแผลสีแดงชมพู อาจมีลักษณะผิวหนัง พูดคุยลักษณแบบตร่วมดูอภิปรร่วมกัเพิ่มเติยังไม่คถูกต้อแนะนำความคู่มือก
วิธีการนิเทศ เกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล ย ซักถามถึง ณะของแผลกดทับ ต่างๆ/ เข้าไป แล สังเกตและ รายขณะดูแลผู้ป่วย ัน และให้ข้อมูล ติมในส่วนที่ตอบได้ ครบถ้วน/ ไม่ อง นำเกี่ยวกับการหา รู้เพิ่มเติม เช่น การดูแลแผลกดทับ ผู้รับการนิเทศสามารถ บอกลักษณะแผลกดทับใน แต่ละระดับได้ถูกต้อง แบบประเมินสมรรถนะ การป้องกันและดูแลแผล กดทับ
วัตถุประสงค์ เนื้อหา ที่มีตุ่มพองน้ำที่มีน้ำเหลืองอยู่ข้างใน (serum-filled blister) หรือมีการแตกของตุ่มพองน้ำ 3.แผลกดทับระดับ 3 มีการสูญเสียของผิวหนัง ทั้งหมดคือชั้น epidermis และ dermis และอาจลึก ถึงชั้นไขมันแต่ยังไม่ถึงชั้นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และ กระดูก พื้นผิวแผลบางส่วนจะมีเนื้อตายอาจมีโพรง แผล และหลุมแผลเกิดขึ้น
วิธีการนิเทศ เกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล
วัตถุประสงค์ เนื้อหา 3.ให้การพยาบาล ตาม ระดับความเสี่ยง ต่อการ เกิดแผลกดทับ ของผู้ป่วยได้ อย่างเหมาะสม แผลกดทับระดับ 4 เกิดการสูญเสียเนื้อเยื่อลึกถึงชั้น กล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูก อาจจะมีเนื้อตายที่มี ลักษณะ เหนียว (slough) หรือเนื้อตายที่เป็นสะเก็ด ติดอยู่ที่พื้นแผล ส่วนใหญ่พบร่วมกับโพรงและช่องใต้ ผิวหนัง การดูแลผิวหนังเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ ดังนี้ 1.ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับน้อย(≥16 คะแนน) - การใช้แบบประเมินความเสี่ยง ใช้แบบประเมิน Braden scale เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิด แผลกดทับในผู้ป่วยทุกรายแบ่งเป็น 6 หมวดได้แก่ 1) การรับรู้ความรู้สึก 2) การเปียกชื้นของผิวหนัง พูดคุยผิวหนัเสี่ยงเแผลกร่วมดูขณะใร่วมกัเพิ่มเติ
วิธีการนิเทศ เกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล ย ซักถามวิธีดูแล นังผู้ป่วยตามความ เพื่อป้องกันการเกิด กดทับหรือเข้าไป แลและสังเกต ให้การดูแลผู้ป่วย ันและให้ข้อมูล ติมในส่วนที่ตอบได้ ผู้รับการนิเทศให้การดูแล ผู้ป่วยตามระดับความเสี่ยง ได้อย่างถูกต้อง ผลการปฏิบัติตามแนว ทางการป้องกันการเกิดแผล กดทับ≥ 85 % ประเมินความพึงพอใจการ นิเทศ ≥ 80 % แบบประเมินการปฏิบัติ ตามแนวทางการป้องกัน การเกิดแผลกดทับ
วัตถุประสงค์ เนื้อหา 3) การทำกิจกรรม 4) การเคลื่อนไหว 5)ภาวะ โภชนาการ 6) แรงเสียดทานและแรงเฉือน -ประเมินภาวะโภชนาการโดยใช้แบบคัดกรอง ภาวะโภชนาการ และผลการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการ ได้แก่ Albumin, Hematocrit ตั้งแต่แรกที่รับไว้ในการดูแล และเมื่อผู้ป่วยมี อาการเปลี่ยนแปลง -ถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ มีไข้ บวม BP drop ให้การพยาบาลตามระดับความเสี่ยงในขั้นถัดไป -ให้การพยาบาลตามแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการ เกิดแผลกดทับ ด้านการประเมินผิวหนังและ โภชนาการ การทำความสะอาดผิวหนัง การจัดท่า การใช้อุปกรณ์ลดแรงกดและใช้หมอนเล็กนุ่มรอง ตามปุ่มกระดูกบริเวณที่กดทับกับที่นอน การจัดโปรแกรมการให้ความรู้ -ประเมินลักษณะผิวหนังเหนือปุ่มกระดูก ใต้ อุปกรณ์และใต้ผ้าอ้อม (high absorbent) บันทึกอย่างน้อยเวรละครั้งและไม่แน่นจนเกินไป เปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้งเมื่อมีอาการเปียกแฉะ ไม่ครบกล่าวปฏิบัติ
วิธีการนิเทศ เกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล บถ้วนพร้อมทั้ง ชมเชยกรณีที่ ติได้อย่างถูกต้อง
วัตถุประสงค์ เนื้อหา -เคลื่อนย้ายโดยการยกหรือใช้อุปกรณ์ช่วย ไม่ดึง หรือลาก -จัดท่าศีรษะสูงและตะแคงทำมุมไม่เกิน 30 องศา ยกส้นเท้าลอย ระวังไม่ให้เท้าตก -ใช้อุปกรณ์ลดแรงกดเมื่อมีความเสี่ยงสูง เช่น ที่ นอนลม ใช้วัสดุลดแรงกดปุ่มกระดูกหรือรองใต้ อุปกรณ์ (สามารถใช้วัสดุปิดแผล เช่น แผ่นโฟม Hydrocolloids -ทำความสะอาดผิวหนังด้วยสบู่เหลว หรือ Skin cleanser ที่มี PH balance เช่น สบู่เด็กอ่อน -ไม่ขัดถูผิวหนัง และซับให้แห้งทุกครั้ง -ดูแลผิวหนังให้มีความชุ่มชื้นไม่เปียกแฉะ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่น หลังทำความสะอาด ร่างกายควรทาครีม/โลชั่น เพื่อป้องกันผิวหนังแตก แห้ง -เคลือบปกป้องผิวหนังจากสิ่งขับถ่ายด้วยวาสลีนหรือ โลชั่น -ใช้แผ่นรองอนามัยที่ซึมซับได้ดีรองบริเวณที่เปียกชื้น ในรายที่ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้
วิธีการนิเทศ เกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล
วัตถุประสงค์ เนื้อหา 2.ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับปานกลาง (13-15คะแนน) -พลิกตะแคงตัวเปลี่ยนท่าทุก 2 ชม. และจัดท่าให้ ลำตัวเอียงทำมุม 30 องศา (ยกเว้นรายที่มีข้อจำกัด) -รวมกับให้การพยาบาลตามแนวปฏิบัติเพื่อป้องกัน แผลกดทับในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงน้อย 3.ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง (คะแนน ≤ 12 คะแนน) -พลิกตะแคงตัวเปลี่ยนท่าทุก1-2ชม.และจัดท่าให้ ลำตัวเอียงทำมุม 30 องศา -ร่วมกับให้การพยาบาลตามแนวปฏิบัติเพื่อป้องกัน แผลกดทับในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงปานกลาง -ใส่ที่นอนลมให้ผู้ป่วยทุกราย การดูแลผิวหนังเมื่อเกิดแผลกดทับระดับต่างๆ แผลกดทับระดับ 1 -พลิกตะแคงตัวทำความสะอาดผิวหนังอย่าง สม่ำเสมอด้วยน้ำสะอาดใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ชนิดด่างอ่อนหรือ PH เป็นกลางเช่นสบู่ของเด็ก -หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นชำระร่างกาย หลังความ สะอาดร่างกายควรทาวาสลินหรือโลชั่น เพื่อป้องกันผิวหนังแตกแห้ง
วิธีการนิเทศ เกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล
วัตถุประสงค์ เนื้อหา -ใช้แผ่นรองอนามัยรองบริเวณที่เปียกชื้น ในคนที่ ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ แผลกดทับระดับ 2 -ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือสามารถใช้ providine ได้ ถ้าแผลมีการติดเชื้อ -ติด Hydrocolloids pad แผลกดทับระดับที่ 3 -ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือสามารถใช้ providine ได้ถ้าแผลมีการติดเชื้อ -ติด Hydrocolloids และใช้duoderm gel , aquacel, aquacel Ag มี ซิลเวอร์ (silver, Ag) ซึ่ง เป็นสารฆ่าเชื้อ เพื่อใช้ป้องกันกรณีแผลติดเชื้อ แผลกดทับระดับที่ 4 -ล้างแผลน้ำยาที่เหมาะสมที่สุด คือ น้ำเกลือ -ถ้ามีสิ่งคัดหลั่งจำนวนมากใช้ alginate, aquacel Ag -รายงานแพทย์อาจจะมีการตกแต่งแผลเพื่อลดการ ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทบทวนการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกด ทับและสรุปผลการนิเทศ
วิธีการนิเทศ เกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล
รูปแบบการนิเทศทางการพยาบาล เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ โรงพยาบาลทุ่งสง ล ำดับ ระยะเวลำ กิจกรรม ครั้งที่ 1 สัปดาห์ที่ 1 วันที่ 1และ 2 พูดคุยปรึกษา วิเคราะห์ปัญหาในผู้ป่ วยเสี่ยงต่อการเกิดแผลกด ทับและอุปสรรคในการปฏิบัติการป้องกันการเกิดแผลกดทับ ท า ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการป้องกันการเกิดแผลกดทับ ตามแนวปฏิบัติของ EPUAP (ขณะ Pre conference ระยะเวลา 10-20 นาที) ครั้งที่ 2 สัปดาห์ที่ 1 วันที่ 3 ,4,5 ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการป้องกันการ เกิดแผลกดทับ สังเกตการณ์ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของ พยาบาลวิชาชีพในหน่วยงานขณะให้การพยาบผู้ป่ วยกลุ่มเสี่ยง ต่อการเกิดแผลกดทับ (Nursing care conference) ครั้งที่ 3 สัปดาห์ที่ 2 วันที่ 2และ 4 การสอนแนะ Coaching การปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการป้องกัน การเกิดแผลกดทับตามแนวปฏิบัติของ EPUAP ประกอบด้วย 1.ด้านการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ 2.ด้านการประเมินผิวหนังและเนื้อเยื่อ 3.ด้านการป้องกันและดูแลผิวหนัง 4.ด้านการประเมินภาวะโภชนาการ 5.ด้านการเปลี่ยนท่าและเริ่มการเคลื่อนไหว 6.ด้านการท าความสะอาดแผลและการตกแต่งแผล ครั้งที่ 4,5,6 สัปดาห์ที่ 2 ทุกวัน การสอนแนะพยาบาลวิชาชีพรายบุคคลเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการ ป้องกันการเกิดแผลกดทับและสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพ ในการดูแลเพื่อป้องกันการเกิดแลกดทับเพิ่มเติมให้ครบถ้วน ติดตามการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการป้องกันการเกิดแผลกด ทับ ครั้งที่ 7 สัปดาห์ที่ 3 ทุกวัน การให้ค าปรึกษาพยาบาลรายบุคคลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการ ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการป้องกันการเกิดแผลกดทับและการ ชื่นชมพยาบาลรายบุคคลในการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการ ป้องกันการเกิดแผลกดทับ ครั้งที่ 8 สัปดาห์ที่ 4 สรุปผลการนิเทศทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกด ทับ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวบรวมข้อมูลอัตราการเกิดแผลกดทับ
แนวปฏิบัติการประเมินป้องกันและดูแลแผลกดทับ 1.วัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้ผู้ป่วยที่รับไว้ในโรงพยาบาลได้รับการเฝ้าระวังและดูแลตามระเบียบปฏิบัติการป้องกันและ ดูแลแผลกดทับตั้งแต่แรกรับ ขณะนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จนกระทั่งจำหน่าย 2.เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน 2.ขอบข่าย 1.ใช้เป็นแนวทางการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับในโรงพยาบาลตั้งแต่แรกรับ ขณะอยู่ โรงพยาบาลและการประเมินซ้ำจนถึงจำหน่าย 2.ใช้เป็นแนวทางในการป้องกันและการดูแลแผลกัดทับ 3.นิยามศัพท์ แผลกดทับ หมายถึง การที่ผิวหนังถูกกดทับอยู่ ตลอดเวลาทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดไปเลี้ยงเป็น เวลานาน เนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกกดเกิดเป็นเนื้อตายกลายเป็นแผลซึ่งทำให้ผิวหนังจะถูกทำลายลึกลงไปถึงเนื้อเยื่อ ชั้นล่างหรือกล้ามเนื้อและกระดูก(สถาบันบำราศนราดูร,2562) ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.ผู้ป่วยสูงอายุ > 60 ปีขึ้นไป 2.ผู้ป่วยที่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวที่ทำกิจกรรมได้เฉพาะบนเตียงหรือกลุ่มผู้ป่วยที่ประสาทรับ ความรู้สึกเสียไป ไม่รู้สึกของอวัยวะบางส่วนไม่สามารถควบคุมและเปลี่ยนท่าของร่างกายได้เอง 3.ผู้ที่มีระดับความรู้สึกตัว GCS < 11 คะแนน 4.คนอ้วนที่มีค่า BMI 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร 5.กลุ่มผู้ป่วยที่มีแผลกดทับอยู่แล้ว 6.ผู้ป่วยที่มีค่าคะแนน Braden scale ≤ 16 คะแนน
การจำแนกระดับแผลกดทับ ระดับที่1 บริเวณที่ถูกกดทับจะเป็นรอยแดง ผิวหนังที่ปกคลุมยังไม่รอยฉีกขาด เมื่อลดการกดทับรอย แดงไม่ หายไปภายใน 30 นาที ระดับที่2 มีการฉีกขาดของผิวหนังชั้นนอก เช่น แผลถลอก เป็นตุ่มพองหรือเป็นแผลตื้นๆรอบแผลจะ แดง อาจ มีน้ำเหลืองซึม ไม่มีเนื้อตาย ระดับที่3 เกิดแผลลึกถึงชั้นใต้ผิวหนังชั้นพังผืด แผลมักเป็นหลุมลึกอาจเซาะไปยังเนื้อเยื่อรอบๆบริเวณ นั้น หรือ มีน้ำเหลืองซึมหรือมีหนองจากแผล ระดับที่4 มีการตายของเนื้อเยื่อลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ กระดูก เอ็น หรือเยื่อหุ้มข้อต่อ เนื้อเยื่อจะมีสีม่วงคล้ำหรือดำ มีการทำลายเนื้อเยื่อทั้งหมด มีเนื้อตายสีเหลือง เนื้อตายแข็งสีน้ำตาล หรือดำปกคลุมแผลทำให้ไม่เห็นก้นแผล 4.ความรับผิดชอบ บุคลากรในหอผู้ป่วยหนัก รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักตั้งแต่ กระบวนการแรกรับ ขณะดูแลผู้ป่วย การประเมินซ้ำและการวางแผนจำหน่าย 5.แนวทางปฏิบัติ 1.ประเมินสภาพทั่วไปของผู้ป่วยรับใหม่/รับย้ายโดยใช้แบบประเมิน Braden scale 2.ใช้แนวปฏิบัติ เมื่อมีคะแนนจากแบบประเมิน Braden scale ≤16 คะแนน โดยแบ่งระดับความเสี่ยงดังนี้ คะแนน Braden scale/ระดับความเสี่ยง การจัดการดูแล ≤16 คะแนน เสี่ยงต่ำ Low risk สีเขียว ใช้ที่นอนลมทุกราย และมีการประเมินความเสี่ยง (Braden scale วันละ 1 ครั้ง) 13 – 15 คะแนน เสี่ยง ปานกลาง Moderate risk สีเหลือง ใช้ที่นอนลมทุกราย และมีการประเมินความเสี่ยง (Braden scale วันละ 2 ครั้ง) ≤ 12 คะแนน เสี่ยงสูง High risk สีแดง พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมง โดยใช้กลยุทธ์ ยก จัด ดึง ดู ใช้ที่นอนลมและมีการประเมินความเสี่ยง (Braden scale วันละ 3 ครั้ง)
3. ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันและดูแลแผลกดทับ 3.1 ประเมิน Braden scale และลงบันทึกในแบบฟอร์ม Braden scale พร้อมกับลงหน้า chart ผู้ป่วยทุก รายและส่งเวรทุกครั้ง 3.2การดูแลผิวหนัง 3.2.1ตรวจผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณก้นกบ สะโพก ส้นเท้าสังเกตการเกิดแผลกดทับ อย่างน้อยเวรละ1ครั้ง 3.2.2ทำความสะอาดผิวหนังด้วยสบู่อ่อน (ห้ามใช้น้ำที่ร้อน หรือเย็นจัด) 3.2.3ทาครีมบำรุงผิว (Lotion หรือ Vaseline ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์) 3.2.4ห้ามนวดผิวหนังบริเวณปุ่มกระดูกหลีกเลี่ยงการใช้ปลาสเตอร์ วัสดุปิดแผลกรณีแพ้ 3.2.4ผู้ป่วยที่มีภาวะอุจจาระร่วงในปริมาณมากและตลอดเวลาดูแลทำความสะอาดผิวหนังซับให้แห้งก่อน และทา Vaseline เมื่อผิวแห้ง 3.3การลดแรงกด 3.3.1 พลิกตะแคงตัวตามตารางการพลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า 3.3.2 จัดให้ผู้ป่วยนอนที่นอนลมและตรวจการทำงานของที่นอนลมอย่างสม่ำเสมอ 3.3.3 ใช้หมอนหรือผ้านุ่มรองบริเวณที่สัมผัสปุ่มกระดูก 3.3.4 ห้ามใช้ห่วงยาง หรือถุงมือน้ำรองตัวผู้ป่วย 3.3.5 ใช้หมอนหรือผ้ารองใต้น่อง ให้ส้นเท้าลอยจากพื้นผิวเตียง 3.3.6 จัดให้นอนท่าตะแคงกึ่งหงาย 3.3.7 ใช้ก๊อซรองหรือปิดบริเวณที่เชือกกดรัด ดึงรั้ง 3.4การลดแรงไถล 3.4.1 จัดท่านอนไม่เกิน 30 องศา กรณีไม่มีข้อห้าม 3.4.2 กรณีมีข้อจำกัดที่จำเป็นต้องจัดท่านอนเกิน 30 องศา ใช้หมอนรองใต้แขนและเข่าผู้ป่วย พร้อมไข ปลายเตียงสูงขึ้นเล็กน้อย
3.5การลดแรงเสียดสี 3.5.1 ใช้ผ้ายกตัวผู้ป่วยป้องกันการเสียดสีผิวหนังกับที่นอน 3.5.2 ใช้อุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนย้าย (Pad slide) 3.6การส่งเสริมสุขภาพ 3.6.1 ให้ความรู้ผู้ป่วย ญาติ ผู้ดูแลตั้งแต่แรกรับ เรื่อง สาเหตุ การป้องกัน การดูแลแผลกดทับ โภชนาการ ฝึกทักษะการพลิกตะแคงตัว การทำแผลการลงบันทึกการพลิกตะแคงตัวประเมินผิวหนังเบื้องต้นการทำ Passive exercise 3.7การให้ข้อมูล 3.7.1 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง ความเสี่ยงในการเกิดแผลกดทับ 3.8การติดตามภาวะโภชนาการ 3.8.1 ประเมินภาวะโภชนาการโดยใช้แบบประเมิน MUST และประเมินซ้ำทุกสัปดาห์ 3.8.2 ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญ เข่น albumin 3.8.3 วางแผนการดูแลด้านโภชนาการร่วมกับสหสาขาวิชาชีพ 3.9การดูแลแผลกดทับ 3.9.1 การประเมินแผล ประเมินแผลทุกครั้งที่เปลี่ยนวัสดุปิดแผล โดยระบุตำแหน่ง ขนาด ระดับของแผล ลักษณะขอบแผล ลักษณะผิวหนังรอบแผล ลักษณะของสิ่งคัดหลั่ง การติดเชื้อ 3.9.2 การทำความสะอาดแผล ใช้ NSS ทำความสะอาดแผล หรือฉีดล้างกรณีแผลมีโพรงและปิดแผลด้วย silveral หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดแผลเนื่องจากทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อ เมื่อมีเนื้อตาย เกิดขึ้นให้กำจัดออก โดยวิธี surgical debridement 3.10การบันทึก การประเมินซ้ำ และการส่งต่ออาการ 3.10.1 บันทึกการประเมินความเสี่ยง การพยาบาลที่ให้ และผลการปฏิบัติการพยาบาล 3.10.2 ประเมิน และบันทึกสภาพผิวหนังและแผลอย่างต่อเนื่องทุกเวร
3.10.3 ส่งต่ออาการเมื่อพบปัญหาทุกเวร 6.ตัวชี้วัดคุณภาพ 6.1 การปฏิบัติตามแนวทางการประเมินป้องกันและดูแลแผลกดทับ มากกว่า ร้อยละ 80 6.2 อัตราการเกิดแผลกดทับระดับ 2-4 น้อยกว่า 2 : 1000 วันนอน 7.เอกสารอ้างอิง กิ่งกาญจน์ ทรัพย์เย็น, กนกทอง จาตุรงคโชค, กฤตยา ตันติวราสกุล. (2562) การพัฒนารูปแบบการนิเทศทาง การพยาบาลในคลินิกเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ โรงพยาบาลบ้านโป่ง. ผิดพลาด! การอ้างอิง ไฮเปอร์ลิงก์ไม่ถูกต้อง พัชรินทร์ คำนวล, นิภาภรณ์ เชื้อยูนาน, ศิริพร เดชอุปการะกุล. (2561) ผลของแนวปฏิบัติทางคลินิกสำหรับ ป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง โรงพยาบาลพะเยา. วารสารหัวหินสุขใจไกลกังวล, 3(2) รินณารา สายเมฆ. (2559) การพัฒนาและประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติทางการพยาบาลเพื่อป้องกันแผล กดทับสำหรับผู้สูงอายุในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลชุมชน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ . อรนุช มกราภิรมย์, อันธิกา คะระวานิช. (2563) การพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลสำหรับป้องกันการ เกิดแผลกดทับในโรงพยาบาลตราด. วารสารกองการพยาบาล, 47(1)