The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สรุปผลการสัมมนาสาร VOCs

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wariya.boat, 2023-03-07 21:50:45

สรุปผลการสัมมนาสาร VOCs_

สรุปผลการสัมมนาสาร VOCs

Keywords: สาร VOCs

๕๑ (๓) ภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวอย่างมากในพื้นที่ ข้อเสนอแนะ ท าให้ไม่มีพื้นที่สีเขียวและแนวป้องกัน (Protection Strip) ในขณะเดียวกัน ประชาชนจ านวนมากได้เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่กันชน (Buffer Zone) ท าให้ที่ผ่านมา ไม่สามารถ แก้ปัญหาผลกระทบด้านสุขภาพต่อประชาชนได้ตามเป้าหมาย ดังนั้น ควรสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วม ในการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งมีการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองอย่างจริงจัง ๒) มติประชุมที่ส าคัญ ๒.๑) รับทราบและมอบหมาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการ ไปประกอบการด าเนินการ ๒.๒) กรมควบคุมมลพิษ เป็นหน่วยงานหลักร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก าหนดประเภท อุตสาหกรรม/กิจกรรมที่เป็นแหล่งก าเนิดมลพิษ โดยเฉพาะสาร VOCs ให้แล้วเสร็จใน ๒ สัปดาห์ ๒.๓) กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ อนุญาต การลดและ ขจัดมลพิษ และสนับสนุนให้มีการออ ากฎหมายส าหรับควบคุมสาร VOCs จากแหล่งก าเนิดที่ยังไม่มี มาตรฐานควบคุม ๒.๔) กรมโรงงานอุตสาหกรรม เร่งประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) จังหวัดระยองและ เสนอแนะทางเลือกที่เหมาะสมบนพื้นฐานการยอมรับของประชาชนและศักยภาพการรองรับของพื้นที่ ๓) การตั้งศูนย์อ านวยการระดับพื้นที่ จากปี ๒๕๕๔ – ๒๕๖๖ มีความคืบหน้าผลการด าเนินงาน ดังนี้ ๓.๑) สาร VOCs ที่ตรวจพบในอากาศ พื้นที่มาบตาพุดมีมากกว่า ๔๐ ชนิด แต่มีการ ก าหนดมาตรฐานสาร VOCs ในบรรยากาศทั่วไปในปี ๒๕๕๐ เพียง ๙ ชนิด ๓.๒) ระยะเวลาผ่านไป ๑๕ ปีแล้ว แต่ยังไม่มีประกาศเพิ่มเติม ดังนั้น เมื่อยังไม่มีการ ก าหนดค่ามาตรฐาน ก็ย่อมไม่มีผลที่จะชี้ชัดว่า “มวลสารนั้น ๆ เกินค่ามาตรฐาน” ๓.๓) การตรวจเฝ้าระวังนั้น ผลการตรวจบ่งชี้เฉพาะชนิดมลสารที่ตรวจเท่านั้น ยังมีมลสารที่ไม่ได้รับการตรวจเฝ้าระวังผลกระทบต่อประชาชนอีกเป็นจ านวนมาก ๓.๔) ความแม่นย าและความน่าเชื่อถือของผลการตรวจ ขึ้นอยู่กับต าแหน่งที่น า ตัวอย่างมาตรวจ และจ านวนตัวอย่างที่เก็บไปตรวจนั้น มีจ านวนจุดเก็บตัวอย่างมากพอจากต าแหน่ง ที่จะเป็นตัวแทนประชากรแหล่งก าเนิดมลพิษที่ดีพอด้วย


๕๒ ๓.๕) ปัจจุบันพื้นที่มีสถานีตรวจวัดสาร VOCs เพียง ๑๑ สถานี และสถานีตรวจวัด คุณภาพอากาศเพียง ๕ สถานี โดยที่กรมควบคุมมลพิษมีข้อจ ากัดด้านงบประมาณและบุคลากรซึ่งได้รับน้อยไป ไม่สอดคล้องกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น ตามจ านวนอุตสาหกรรมและการกระจายของแหล่งก าเนิดมลพิษ ที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ – ๒๕๖๖ ๓.๖) ข้อมูลปริมาณสาร VOCs บริเวณชุมชนในพื้นที่มาบตาพุดจากการตรวจวัดของ กรมควบคุมมลพิษพบว่าค่าเฉลี่ย ๑ ปี ของปี ๒๕๖๔ มีสารเบนซีนเกินค่ามาตรฐาน (๑.๗ ไมโครกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร) ในชุมชนโดยรอบหลายแห่ง - บริเวณชุมชนวัดหนองแฟบ ค่าเฉลี่ย ๒ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร - ที่ท าการบ้านพลง ค่าเฉลี่ย ๕.๘ โมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร - ในปี ๒๕๖๔ โรงพบาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลมาบตาพุด (รพ.สต.) ได้รับสาร VOCs ที่มีค่าเกินมาตรฐาน ๓ ชนิด คือ สารเบนซีน สาร ๑,๒ –ไดคลอโรอีเทน และสาร ๑,๓ – บิวทาไดอีน - ในปี ๒๕๖๕ จากข้อมูลพบว่าพื้นที่ที่มีค่าสาร VOCs สูงเกินค่ามาตรฐานเฉลี่ย ๒๔ ชั่วโมง ได้แก่ (๑) เดือนพฤษภาคม ศูนย์บริการสาธารณสุขตากวนมีค่าสาร ๑,๓ – บิวทาไดอีน สูงเกินค่ามาตรฐาน (๒) เดือนสิงหาคม ชุมชนใหม่มาบตาพุดมีสาร ๑,๓ – บิวทาไดอีน สูงเกินค่า มาตรฐาน และชุมชนบ้านนพเกตุมีสารเบนซีนสูงเกินค่ามาตรฐาน ดังนั้น ควรหรือไม่ที่จะยกเลิกการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ทั้งที่ยังแก้ไข ปัญหาไม่ได้ตามผลการประชุมและมติขอคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ ๔) ข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมสัมมนา ๔.๑) ควรตั้งคณะท างานเพื่อศึกษาข้อมูลการเกิดสาร VOCs ตั้งแต่ต้นก าเนิดจนถึง กระบวนการปล่อยสาร VOCs สู่สิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ต้องเริ่มจากการท าฐานข้อมูลด้านสุขภาพ ซึ่งควรให้ คนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมเป็นคณะท างาน ๔.๒) ก าหนดผู้รับผิดชอบหลักให้ชัดเจน (ผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษเสนอให้ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้รับผิดชอบหลักร่วมกัน) ๔.๓) เสนอให้ทบทวนการยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ ควรให้ความส าคัญกับสุขภาพของ ประชาชนในพื้นที่มากกว่าความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรม ๔.๔) ปรับปรุงกฎหมายและบังคับใช้อย่างเข้มงวด ๔.๕) เจ้าของกิจการมิควรเป็นผู้เสนอรายงาน EIA ๔.๖) เสนอให้แก้ปัญหาที่แหล่งก าเนิดมลพิษเป็นส าคัญมิใช่การท า CSR ซึ่งถือเป็น การแก้ไขที่ปลายเหตุ ๔.๗) เลิกใช้สารเคมีที่ท าให้เกิดสาร VOCs


๕๓ ๔.๘) ควรทบทวนการก าหนดค่ามาตรฐานปริมาณสารVOCs ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย ต่อสุขภาพ เพราะการก าหนดค่ามาตรฐานที่ชัดเจนและเชื่อถือได้เป็นจุดเริ่มส าคัญในกระบวนการศึกษาต่างๆ ๔.๙) เปิดเผยข้อมูลการปล่อยสาร VOCs ของภาคอุตสาหกรรม และอัตราการป่วย จากสาร VOCs ให้สาธารณะชนรับทราบอย่างถูกต้องชัดเจน ---------------------------------------------------- นางสาวฑิฆัมพร ฝาชัยภูมิ วิทยากรช านาญการ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้จัดท าสรุปผลการเดินทางไปศึกษาดูงาน นางสาวสิรภัทร พิมพ์แก้ว ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน ตรวจ/ทาน


Click to View FlipBook Version