The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การจัดทำแผนที่สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ลองกอง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by theerada0812, 2022-12-19 23:20:57

ลองกอง

การจัดทำแผนที่สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ลองกอง

สารบัญ หนา้
1
เรอื่ ง 8
บทท่ี 1 ลักษณะทางพฤษศาสตร์ลองกอง 9
9
เอกสารอา้ งองิ 11
บทที่ 2 ทีม่ าและความสาคัญ 13
14
2.1 สรรพคุณทางยาของลองกอง 14
2.2 การปลูกลองกองในประเทศไทย 15
เอกสารอา้ งอิง 18
บทที่ 3 ประวัติและสถานการณ์การผลติ ลองกองของจงั หวัดอุตรดิตถ์ 19
3.1 สถานการณ์ท่ัวไป 19
3.2 สถานการณ์การผลิต 26
เอกสารอา้ งองิ 27
บทที่ 4 เทคโนโลยีการผลิตลองกองคุณภาพของจังหวดั อตุ รดติ ถ์ 27
4.1 โรคและแมลงท่สี าคญั และการป้องกนั กาจดั 31
4.2 การจัดการธาตุอาหาร 32
4.3 การจัดการทรงพุ่ม 32
4.4 การตัดแต่งช่อดอก 33
เอกสารอา้ งอิง 38
บทท่ี 5 เทคโนโลยีการขยายพันธ์ุลองกอง 40
5.1 การขยายพันธุแ์ บบอาศยั เพศ 41
5.2 การขยายพนั ธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศ 41
5.3 การสรา้ งแปลงปลูก 41
เอกสารอ้างอิง 45
บทท่ี 6 การเกบ็ เกี่ยวและการจดั การผลผลิตลองกองตามมาตรฐานการสง่ ออก 46
6.1 อายุเกบ็ เกีย่ ว 48
62. ตาหนิ 49
6.3 ขนาดของผล
6.4 การเก็บเกยี่ ว
6.5 บรรจุภณั ฑ์
เอกสารอ้างอิง

0

บทที่ 1
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ลองกอง
ลองกอง (Longkong) ช่ือวิทยาศาสตร์ Lansium domesticum Corr. จัดเป็นพืชท่ีอยู่ในชนิดเดียวกัน
กับลางสาดและลูกู หรอื ดกู ู (Duku) อยู่ในวงศ์ MELIACEAE เช่นเดียวกบั กระท้อน กัดล้ิน ตะบูนขาว ตะบูนดา
และสะเดา ลองกองท่ีปลกู เป็นการค้ามีพันธ์ุเดียว เน่ืองจากการเกิดเมล็ดของพืชตระกูลนี้ เป็นแบบอะโพมิกซีส
ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ทาให้ลองกองไม่กลายพันธุ์ แม้จะปลูกหรือขยายพันธ์ุโดยใช้เมล็ด (จรัสศรีและคณะ,
2544)
ราก ลองกองเป็นไม้ผลที่มีระบบรากแก้ว รากแขนง และรากฝอย รากแขนงจะแผ่กระจายอยู่บริเวณ
ผิวหน้าดินห่างจากลาต้นประมาณ 3-5 เมตร รากฝอยเป็นส่วนดูดน้าและธาตุอาหารให้ต้นพืชกระจายอยู่ท่ีผิว
ดินความลึกไม่เกนิ 20 เซนตเิ มตร โดยจะพบการกระจายของรากฝอยมากท่ีสุดบรเิ วณโคนตน้
ลาต้น ลองกองเป็นไม้ยืนต้น ลาต้นมีลักษณะกลม เป็นไม้เน้ือแข็ง เปลือกแข็งผิวเปลือกขรุขระเล็กน้อย
มสี ีขาวปนนา้ ตาล ตน้ ลองกองเมื่อโตเตม็ ท่ีสูงได้ถึง 20 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30-40 เซนติเมตร ทรง
พุ่มของตน้ ลองกองเป็นลักษณะทรงปริ ามิด
ใบ เป็นใบประกอบขนนก เรียงสลับตรงข้าม แกนกลางใบประกอบยาว 15-25 เซนติเมตร มีใบย่อย 5-
7 ใบ ใบยอ่ ยปลายรูปไข่กลับ มีลักษณะทรงรูปรียาว โคนมน ปลายเรียวรีแหลม ใบด้านบนมีสีเขียวเข้ม พ้ืนผิว
เปน็ มัน
ดอก ดอกของลองกองออกดอกเป็นช่อ (inflorescense) ดอกจัดเรียงตัวแบบ spike เป็นดอกสมบูรณ์
เพศ กลบี ดอกมสี ีเหลืองอมขาว กลีบเล้ียงมีสีเขียว มีกล่ินหอม มีก้านช่อดอกส้ัน ดอกออกตามลาต้นหรือบนกิ่ง
โดยออกเป็นกลุ่ม 2-10 ช่อ ดอกย่อย 10-30 ดอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียว เป็นเกล็ดรูป โค้งมน กลีบดอก 5
กลีบ ติดอยกู่ ับหลอดเกสรเพศผู้โดยโคนกลีบเช่ือมติดกัน เกสรเพศผู้ 8-10 อัน เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 0.5-0.8
เซนตเิ มตร
ผล ผลของลองกองมีลักษณะทรงกลม ออกเป็นพวงแน่น ผิวเปลือกหนาหยาบ ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อผล
สุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล มียางน้อยกว่าลางสาด แกะเปลือกออกง่ายกว่าลางสาด ภายในผลมีเน้ือสีน้าผ้ึง
ใสห่อหุ้มและติดกับแกนกลาง ผล มี 5 กลีบ เมล็ดรูปมนรี สีเหลืองอมเขียว 1-2 เมล็ดต่อผล ผลของลองกองมี
การเจริญแบบ single sigmoid curve ใช้เวลาหลังจากดอกบานจนเก็บเกี่ยว 12-14 สัปดาห์ ผลจะทยอยสุก
จากโคนช่อมายงั ปลายชอ่
เมล็ด เมลด็ ลองกองมีลักษณะรูปรา่ งกลมรี ด้านหนึ่งโค้งนูน อกี ด้านแบนราบ สีเขียวอมเหลือง เมล็ดของ
ลองกองสามารถเจริญเติบโตได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผสมเกสร ดังนั้นลองกองจึงเป็นพืชที่สามารถ
ขยายพันธ์ุด้วยการเพาะเมล็ดได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการกลายพันธ์ุ และที่สาคัญเมล็ดลองกองเป็นเมล็ดแบบ
polyembryonic seed คือเมล็ดท่ีมีคัพภะมากกว่า 1 คัพภะ ดังนั้นในการเพาะเมล็ดลองกอง 1 เมล็ด จะได้
ต้นกล้าประมาณ 2-5 ตน้

1

(1) (2) (3)

(4) (5) (6)
ภาพท่ี 2.1 ลกั ษณะลาต้น (1) ใบประกอบแบบขนนก (2) ชอ่ ดอกทอี่ อกเป็นกระจุก (3) ชอ่ ลองกองในระยะ
สกุ แก่พร้อมเกบ็ เก่ยี ว (4 ) ผลลองกอง เน้อื ลองกอง เมลด็ ลองกอง (5) และ ต้นกล้าทง่ี อกจากต้นลองกอง

เพยี ง 1 เมลด็ (6)

2

ลองกองเป็นพืชตระกูลเดียวกับลางสาดและดูกูหรือลูกูจึงมีการเปรียบเทียบลักษณะของลองกอง
ลางสาดและลกู ู (ภาพที่ 2.2) ไวด้ งั น้ี (หน่ึงฤทัยและนันทกา, 2541)

ชนดิ เปลอื กผล ผล เมลด็ ใบ
ลองกอง
เปลื อก ค่อน ข้า ง ผลมีรูปร่างกลม เมล็ดใหญ่ และมี ใบมีสีเขียวเข้มเป็น
ลางสาด
ห น า ผิ ว ห ย า บ เนื้อมีสีขาวขุ่นและ เปอร์เซ็นต์เมล็ดดี มั น มี ข น า ด ใ ห ญ่
ลูกู
เล็กน้อยเม่ือสุกจะ จ ะ ใ ส ขึ้ น เ ม่ื อ ถึ ง นอ้ ยกว่าเมลด็ เสีย และหน ากว่าใ บ

มี สี เ ห ลื อ ง น ว ล ระยะสุกแก่ รสชาติ ล า ง ส า ด ใ บ มี

เปลือกผลจะแข็ง หวาน เมล็ดน้อย รสชาติจดื

แ ล ะ ห น า ก ว่ า และลีบ

ลางสาด

เ ป ลื อ ก บ า ง ผิ ว ผลกลมรี เมื่อสุก เมล็ดจะมีลักษณะ ใบมีสีเขียว ใบเล็ก

ละเอยี ด ชา้ ง่าย ผิว แก่เต็มท่ีเนื้อจะมีสี ยาวรอยร้าวของ แ ล ะ บ า ง ก ว่ า ใ บ

จะมีสีเหลืองนวล ใส รสชาติหวาน เมล็ดมี สองส่ว น ลองกอง

และออกสีเหลือง ห อ ม แ ล ะ อ ม รสชาติขม

อ่อ น มี ย าง ท่ี ผิ ว เปรียวเล็กน้อย มี

เปลอื ก เมล็ดเยอะกว่าเม่ือ

เทียบกบั ลองกอง

เ ป ลื อ ก ข อ ง ผ ล ผลมีลักษณะกลมรี เมล็ดจะมีลักษณะ ใบค่อนข้างหนา มี

ค่อนข้างบาง ผิว ขนาดประมาณ 2- ยาวรอยร้าวของ สีเขียวเข้มคล้ายใบ

ละเอยี ด 4 เซนติเมตร เม่ือ เมล็ดมีสองสว่ น ลองกอง แต่รอย

สุกแล้ว จะเป็นสี ห ยั ก เ ป็ น ค ล่ื น จ ะ

เหลือง เนื้อผลฉ่า น้อยกว่า โดยใบลูกู

น้า มีกลิ่นฉุน รส น้ันมีลักษณะเป็น

หว าน อม เป ร้ีย ว รูปไข่รโี ค้งมน

และหอม มีเมล็ด

ในผลมาก โดย

เ ม ล็ ด จ ะ ไ ม่ ข ม

เหมือนลางสาด

3

(2)
(1)

(3)
ภาพท่ี 2.2 ผลผลิตลองกอง (1) ลางสาด (2) และ ลกู ู (3)

4

เอกสารอา้ งอิง
จรสั ศรี นวลศรี สมปอง เตชะโต และ มงคล แซ่หลิม. 2544. การศึกษาความแปรปรวนทางพันธุกรรมของ

ต้นกลา้ ลองกอง (Lansium domesticum Corr.) ทไี่ ด้จากการเพาะเมลด็ โดยใช้เทคนิค RAPD
(Random amplified polymorphic DNA). หน้า 532-539. ใน:การประชุมทางวิชาการของ
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ คร้ังที่ 39 สาขาพชื สาขาสง่ เสรมิ และนิเทศศาสตร์เกษตร. 5-7 กมุ ภาพันธ์
2544 ณ กรงุ เทพฯ.
หนึ่งฤทยั แพรสที อง และนนั ทกา แสงจันทร.์ 2541. รวมกลยทุ ธ์ลองกอง. เจรญิ รฐั การพิมพ์ กรงุ เทพฯ. 107
หน้า
นิรนาม. 2564. ลางสาด ลกู ู สรรคุณและประโยชน์. แหลง่ ข้อมลู : https://medthai.com สืบค้นเมอื่ : 20
กันยายน 2564

5

บทท่ี 2
ทม่ี าและความสาคญั
ลองกอง ไม้ผลเมืองร้อนสกุลเดียวกับลางสาดและดูกู รสชาติดี หวานหอม สามารถเจริญเติบโตได้ดีทุก
ภูมิภาคของประเทศไทย มีแหล่งกาเนิดอยู่ในแถบหมู่เกาะชวา หมู่เกาะมลายู ในประเทศไทยเชื่อว่ามี
แหล่งกาเนิดท่ีบ้านสิโป หรือซีโป หมูท่ี 3 ตาบลเฉลิม อาเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส (หน่ึงฤทัยและนันทกา,
2541) จากเอกสารช่ือบ้านนามเมือง มีข้อมูลว่าลองกองบ้านซีโปเป็นพันธุ์ไม้ชนิดเดียวกับลางสาด เปลือกหนา
ยางน้อยกว่าลางสาด ภายในหมู่บ้านจะพบต้นลองกองอายุกว่า 200 ปี ซ่ึงถือเป็นแหล่งกาเนิดลองกองของ
ประเทศไทย โดยคนท่ีพบต้นคนแรกคือ นายมะแซ-ตือราชอบาตู (ไพฤดี, 2556) โดยนายมาหามะยูกี ดือรา
ซอบาตู (ทายาท รุ่นที่ ๓ ของตระกูล ดือราซอบาตู) ลูกหลานของผู้บุกเบิกและพบต้นลองกองต้นแรกกับต้น
ลองกองท่ีมีอายุกว่า ๒๐๐ ปี ได้เล่าเรื่องราวเก่ียวกับความเป็นมาเก่ียวกับการพบต้นลองกองครั้งแรกว่า คนท่ี
พบต้นลองกองคนแรก คือ นายมะแซ-ตือราชอบาตู (ปู่ของนายมาหามะยูกี ดือราซอบาตู) มีภรรยา ๒ คน มี
ลูกทั้งหมด ๘ คน ชาย ๓ คน หญิง ๕ คน นายมะแซ ได้อพยพมาจากประเทศมาเลเซีย รัฐเคดาร์ (กือเดาะ)
เพื่อเข้าต้ังหลักปักฐานในประเทศไทย ซึ่งนายมะแซ ได้อพยพมากับน้องชาย ๒ คน นายมะแซได้แต่งงานกับ
หญงิ สาวในหมู่บ้านกาลิซา เม่ือแต่งงานแล้วนายมะแซ จงึ พาครอบครวั ย้ายถ่ินฐานมาทหี่ มู่บ้านซีโป ซ่ึงหมู่บ้านซี
โปในขณะนน้ั ยงั ไมม่ ีชื่อหมู่บ้าน ทุกพ้ืนท่ี ณ ที่ตรงนั้น ยังคงเป็นป่า มีพันธุ์ไม้นานาชนิด อีกท้ังยังเป็นพื้นท่ีราบ
เชงิ เขา มนี ้าตก สภาพแวดลอ้ มเหมาะแก่การเพาะปลูก ในขณะท่ีนายมะแซกาลังถางป่า เพ่ือเพาะปลูก นายมะ
แซได้พบต้นไม้สูงใหญ่ มีลูกออกเป็นช่อ ผลสีเหลือง ผลมีลักษณะกลมคล้ายหยดน้า จึงหยิบมาชิม พบว่ามีรา
สชาติหวานหอม และไม่มยี างทเ่ี ปลือก หลังจากนนั้ จงึ มีความคดิ วา่ จะนาผลไม้ป่าท่ีค้นพบไปถวายให้พระยาลือ
แฆะ ผูป้ กครองเมือง จานวน 2 ชอ่ โดยนาไปถวายด้วยการอุม้ ไป เนื่องจากไม่มีภาชนะใส่ท่ีสวยงาม เมื่อพระยา
ลอื แฆะไดช้ ิมรสชาตขิ องผลไม้แลว้ มีความพงึ พอใจมาก และรับสั่งให้นายมะแซเก็บรักษาต้นไม้นี้ไว้ ห้ามทาลาย
พรอ้ มกบั ถามนายมะแซวา่ ผลไมป้ า่ ชนดิ น้ีมีช่อื วา่ อะไร ซ่ึงในขณะนน้ั ผลไมป้ า่ ชนิดนี้ยงั ไม่มีชื่อ นายมะแซเห็นว่า
ตนอมุ้ ผลไมม้ าถวาย คาว่าอุ้มภาษามลายูเรียกว่า “ดูกง” นายมะแซจึงทูลว่าช่ือ “เวาะห์ดูกง” (เวะห์ หมายถึง
ลกู หรือผล เชน่ เวาะห์ลาซะ หมายถึงลกู ลางสาด) หลังจากนน้ั เปน็ ต้นมา ผลไม้ปา่ ชนิดนจี้ ึงมชี อ่ื ว่า เวาะห์ดูกง
เม่ือคนจีนแผน่ ดินใหญ่อพยพมาตง้ั ถิ่นฐานในระแงะ และมีความช่ืนชอบ เวาะห์ดูกง จึงเอ่ยถึงผลไม้ชนิด
น้ีในสาเนียงของจนี เพีย้ นเป็น เวาะห์ลองกอง จนปัจจบุ ันจึงเรยี กผลไมป้ ่าชนิดน้ีว่า ลองกอง (ไพฤด,ี 2556)

2.1 สรรพคุณทางยาของลองกอง
ลองกองเป็นผลไมท้ ีม่ สี รรพคุณทางยาตั้งแต่เนื้อ เปลือกตน้ และเมลด็ กลา่ วคือ

เนอื้ ผล มีสารต้านอนุมูลอิสระ ยบั ยงั้ การเส่ือมสภาพของรา่ งกาย บารุงรา่ งกาย ชว่ ยยอ่ ยอาหาร
และกระตุน้ ใหเ้ จริญอาหาร สารสกัดจากเนื้อผลลองกองช่วยกระต้นุ ภูมิคุม้ กนั ตา้ นการเกิดมะเรง็

6

เปลอื กตน้ มรี สฝาด ใชเ้ ปลอื กแหง้ บดเปน็ ผงหรอื ต้มเปน็ ยาใชภ้ ายนอกช่วยสมานแผล ลดน้า

หนองหรือนา้ เหลืองไหล มีฤทธิ์ตา้ นเช้อื รา ชว่ ยรกั ษาโรคผิวหนงั นอกจากนย้ี งั นามาต้มด่ืมแก้อาการท้องเสยี

และรกั ษาโรคบิดได้อีกดว้ ย

เมล็ด สารสกดั จากเมล็ดสามารถนามารับประทาน ช่วยขบั พยาธิ ตา้ นการตดิ เชื้อ และการอักเสบ

ของแผล

ลองกองมรี สหวาน เมอ่ื รบั ประทานจะทาใหร้ ้สู กึ สดชื่น ดบั กระหายและคลายร้อนได้ แต่หากรับประทาน

ในปริมาณมากก็จะทาให้ร่างกายได้รับน้าตาลมากเกินไป เน่ืองจากเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานและน้าตาลสูง

ลองกอง 100 กรัม (ประมาณ 6 ผล) ให้พลังงาน 57 แคลอรี และมีปริมาณน้าตาล 16 กรัม หรือประมาณ 5

ช้อนชา ซงึ่ ตามท่อี งคก์ ารอนามยั โลกระบุไว้ รา่ งกายคนเราต้องการน้าตาลต่อวนั ประมาณ 6 ช้อนชา ไม่ควรเกิน

10 ช้อนชา การรับประทานลองกองปริมาณมากจะทาให้ได้รับน้าตาลเกินปริมาณท่ีควรได้รับต่อวัน ในบุคคล

ท่วั ไปสามารถรับประทานได้ แต่สาหรับคนท่ีเป็นโรคเบาหวานควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนด้าน

ลดการอักเสบน้ัน ในลองกองมีสารแทนนิน มีรสฝาด ซ่ึงมีฤทธ์ิต้านการอักเสบ ช่วยสมานแผลได้ (บุญศิริ,

2564)

ตารางที่ 2.1 ปริมาณคณุ ค่าทางอาหารของลองกอง 100 กรัม จากสานกั โภชนาการ กรมอนามัย

คุณคา่ ทางอาหาร ปรมิ าณ หน่วย

พลงั งาน 70 กโิ ลแคลอรี

นา้ 81 กรมั

โปรตีน 0.9 กรมั

ไขมัน 0.1 กรัม

คาร์โบไฮเดรต 16.2 กรัม

ใยอาหาร 4.4 กรัม

นา้ ตาล 16 กรัม

โซเดียม 3 มลิ ลกิ รมั

โพแทสเซยี ม 173 มิลลกิ รมั

แมกนเี ซียม 9 มลิ ลกิ รัม

แคลเซยี ม 5 มลิ ลกิ รมั

ฟอสฟอรสั 19 มิลลิกรัม

เหล็ก 0.12 มลิ ลิกรัม

วติ ามนิ ซี 4 มิลลิกรมั

ไอโอดนี 1.6 ไมโครกรัม

เบต้าแคโรทีน 11 ไมโครกรัม

ที่มา: ปิยนันท์ และคณะ (2553) สานกั โภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ 2553

7

2.2 การปลูกลองกองในประเทศไทย
พื้นท่ีปลูกในประเทศไทยหากนับดู 10 ปีย้อนหลัง (ตารางท่ี 1) พบว่า ลองกองจะมีพื้นท่ีปลูก 476,011 ไร่
อยู่ในภาคใต้มากที่สุด 317,515 ไร่ พ้ืนที่ปลูกมีแนวโน้มลดลงทุกปี จนถึงปี 2557 มีพ้ืนท่ีปลูกเหลือเพียง
384,620 ไร่ ซึ่งมีจังหวัดนราธิวาสปลูกมากที่สุด 62,558 ไร่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2556-2563 พื้นท่ีปลูก
ลองกองก็ยงั คงลดลงอย่างต่อเน่ือง จากปัญหาราคาตกต่า เกษตรกรส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนพื้นท่ีปลูกไปเป็นทุเรียน
หรือพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า จากรายงานของสานักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่าในปี 2563
ประเทศไทยมีพนื้ ท่ีปลูกลองกองเหลือเพยี ง 228,237 ไร่ ใหผ้ ลผลติ รวม 76,526 ตัน กระจายอยู่ในภาคใต้ ภาค
ตะวันออกและภาคเหนือ โดยจังหวัดนราธิวาสยังคงเป็นแหล่งปลูกท่ีใหญ่ท่ีสุดของประเทศ 36,047 ไร่
รองลงมาคือ จังหวัดจันทบุรี 30,188 ไร่ จังหวัดอุตรดิตถ์ 26,733 ไร่ จากการที่ประเทศไทยมีแหล่งผลิต
ลองกองกระจายอยู่ท่ัวประเทศทาให้ผลผลิตออกสู่ตลาดต้ังแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม โดยเริ่มท่ีภาค
ตะวันออกจะมีผลผลิตต้ังแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม คิดเป็นสัดส่วน 23 เปอร์เซ็นต์ ภาคเหนือต้ังแต่
เดือนสิงหาคมถึงกันยายน คิดเป็นสัดส่วน 41 เปอร์เซ็นต์และภาคใต้มีผลผลิตตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือน
ตลุ าคม คิดเปน็ สดั สว่ น 36 เปอรเ์ ซน็ ต์ ซ่งึ ลองกองมมี าตฐานการแบ่งเกรดจากสานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตร
(มกอช.) โดยแบง่ เกรดชอ่ ลองกองออกเป็น 3 เกรด ตามน้าหนัก คือ เกรด A น้าหนักต่อช่อ มากกว่า 700 กรัม
เกรด B นา้ หนกั ตอ่ ชอ่ อยรู่ ะหว่าง 500-700 กรัม เกรด C น้าหนักต่อช่ออยู่ระหว่าง 300-500 กรัม ส่วนท่ีเหลือ
นอกจากน้เี รียกว่าลองกองเกรดรวม (เบญจมาส, 2549) ลองกองเป็นผลไม้อายุสั้น เน่าเสียง่ายซ่ึงเป็นข้อจากัด
ในการส่งไปจาหน่ายยังตลาดต่างประเทศ จากรายงานของปฏิทินฤดูกาลสินค้าเกษตรปี 2564 กรมการค้า
ภายในกระทรวงพาณิชย์ ระบุวา่ ลองกอง มีปริมาณการส่งออกในปี 2562 จานวน 1,408 ตัน และเพิ่มขึ้นในปี
2563 จานวน 1,712 ตัน โดยมีสดั สว่ นการบริโภคสดภายในประเทศถึง 98 เปอรเ์ ซน็ ต์ ส่งออกสด 2 เปอร์เซ็นต์
ซ่ึงมปี ระเทศเวยี ดนามเปน็ ประเทศค่คู า้ ที่สาคญั

8

ตารางที่ 2.1 พนื้ ท่ปี ลูกลองกอง ผลผลิต และผลผลติ เฉลย่ี ตอ่ ไรข่ องประเทศไทยในปี 2554-2563
ปี พื้นที่ปลกู (ไร่) พื้นทใี่ หผ้ ลผลติ (ไร่) ผลผลติ (ตนั ) ผลผลิต/ไร่ (กก./ไร)่

2554 476,011 391,681 88,422 226

2555 439,240 373179 124,548 334

2556 413,925 358854 154,183 430

2557 384,620 345294 167,825 486

2558 355,239 328122 123,715 377

2559 326,968 305120 111,006 364

2560 300,947 282348 50,535 179

2561 279,986 266633 72,151 271

2562 260,330 251814 117,046 465

2563 228,237 222177 76,526 344

ทมี่ า: สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร 2565

9

เอกสารอา้ งอิง
กรมการคา้ ภายใน. 2564. ปฏิทินฤดกู าลสินค้าเกษตรปี 2564.

แหลง่ ขอ้ มูล:https://www.opsmoac.go.th/news-preview-431291791534 สืบคน้ เมอื่ : 20
กันยายน 2564
บญุ ศริ ิ คณะภกั ด.์ิ 2564. ลองกอง. แหลง่ ข้อมลู :https://hd.co.th/longkong สืบคน้ เมื่อ : 20 กนั ยายน
2564
เบญจมาส รัตนชินกร. 2549. การคดั คุณภาพผลไม้เมืองร้อนเพอ่ื การส่งออก. โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์
การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั กรงุ เทพฯ. 144 หนา้ .
ปยิ นนั ท์ อึง้ ทรงธรรม วารที ิพย์ พึ่งพนั ธ์ุ ปทั มาภรณ์ อักษรชู และจฑุ ารัตน์ สุภานวุ ฒั น์. 2553. คุณคา่ ทาง
โภชนาการในไม้ผล. โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั กรุงเทพฯ. 46 หน้า.
ไพฤดี บัวสว่าง และสูไรดา แมเงาะ. 2556. เรอ่ื งเล่าเก่าขาน จากลกู หลานผบู้ ุกเบกิ ผู้ค้นพบผลไม้มหัศจรรย์
“ลองกองซโี ป”. ๑ อาเภอ ๑ อัตลกั ษณ์ความภาคภมู ิใจ ของอาเภอระแงะ เร่ือง ลองกองซโี ป. 31 หนา้
หนง่ึ ฤทยั แพรสีทอง และนันทกา แสงจันทร์. 2541. รวมกลยุทธล์ องกอง. เจรญิ รัฐการพิมพ์ กรุงเทพฯ. 107
หน้า
สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร. 2565. ตารางรายละเอยี ดลองกอง. แหล่งข้อมูล:
http://www.oae.go.th/view/1/TH-TH สืบคน้ เมอ่ื : 20 มกราคม 2565

10

บทท่ี 3
ประวัติและสถานการณ์การผลติ ลองกองของจังหวัดอตุ รดติ ถ์
3.1 สถานการณ์ทั่วไป
จังหวัดอุตรดิตถ์เดิมเป็นพ้ืนท่ีปลูกลางสาดท่ีสาคัญของประเทศ ดังคาขวัญของจังหวัดที่ว่า “เหล็กน้าพ้ี
ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถ่ินสักใหญ่ของโลก" ในอดีต ลางสาดของอาเภอลับแล
จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับความนิยมสูง เพราะมีรสชาติหวาน หอม เจือรสเปร้ียวนิด ๆ ถือเป็นเสน่ห์ของลางสาด
เมืองลับแล จนเม่ือปี 2540 ลางสาดเร่ิมมีแนวโน้มราคาลดลง แต่ลองกองมีราคาที่ขยับตัวสูงข้ึน เกษตรกรจึง
เปล่ียนแนวทางการผลิตใหม่ด้วยการเปล่ียนยอดพันธ์ุดี จากลางสาดมาเป็นลองกอง ด้วยวิธีการเสียบข้าง ซึ่ง
วิธีการนี้ทาให้ได้ผลผลิตลองกองเร็วข้ึน ท้ังน้ี ลองกอง เริ่มเข้ามามีบทบาทในอาเภอลับแล ประมาณปี 2530
สาเหตุหลักเกิดจากราคาจาหนา่ ยลองกองสงู กว่า และมีอายกุ ารเกบ็ รักษานานกว่าลางสาด
จากรายงานของสานักงานเศรษฐกจิ การเกษตรระบุว่า จังหวัดอุตรดิตถ์มีพื้นที่ปลูกลองกองสูงเป็นอันดับ
1 ของภาคเหนอื เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดจันทบุรี มีแหล่งปลูกกระจาย
อยู่ใน 3 อาเภอคือ อาเภอลับแล อาเภอเมือง และอาเภอท่าปลา คิดเป็นร้อยละ 70 25 และ 5 ตามลาดับ
ในปี 2562 จังหวัดอุตรดิตถ์มีพื้นท่ีปลูกลองกองท้ังส้ิน 27,636 ไร่ ลดลงในปี 2563 เหลือ 26,523 ไร่ และ
เพ่ิมข้ึนในปี 2564 เท่ากับ 26,688 ไร่ (สานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์, 2564) การปลูกไม้ผล
ของจังหวัดอุตรดิตถ์ส่วนใหญ่มีลักษณะแบบวนเกษตร (พจนีย์, 2554) คือปลูกสลับกับทุเรียน ลักษณะแซมใน
พนื้ ท่วี ่าง ไมม่ กี ารวางผังแปลงและการวางแผนการจัดการแปลงที่ดี (ภาพที่ 3.1) ผลผลิตที่ได้ในแต่ละแปลงจึง
มีความแปรปรวน ตามแผนการจัดการในแปลงท่ีเกษตรกรปฏิบัติ คือ การตัดแต่งช่อดอก การให้น้า การใส่ปุ๋ย
และการจัดการแมลงศัตรูพืช ดังนั้นการผลิตลองกองของจังหวัดอุตรดิตถ์ยังมีข้อจากัดในการพัฒนาลองกอง
คุณภาพเพ่ือการบริโภคสาหรับตลาดบนหรือเพ่ือการส่งออก เน่ืองจากมีตาหนิด้านกักกันพืช คือ พบการเข้า
ทาลายจากแมลงศัตรูพืช เช่น เพล้ียแป้ง หนอนชอนเปลือกลองกอง แมลงวันผลไม้ และผีเสื้อมวนหวาน หรือ
ข้อตาหนิอนื่ เชน่ ผลแตก ผลเน่า พบรอยขดี ขว่ นบนผล (เบญจมาศ, 2549)

11

ภาพที่ 3.1 สภาพพ้ืนที่การปลูกไมผ้ ล ทุเรียน และลองกอง บนพื้นทเ่ี ขาของจงั หวดั อตุ รดิตถ์

3.2 สถานการณ์การผลิต
เกษตรกรชาวสวนลางสาด ตาบลนานกกก อาเภอแม่พูล จังหวัดอุตรดิตถ์ เริ่มนาต้นลองกองเข้ามาปลูก
เม่อื ปี 2530 ด้วยการนาต้นลองกองจากจังหวัดจันทบุรี มาทาบกับต้นลางสาด เพื่อเปลี่ยนยอดเป็นลองกอง ซึ่ง
วธิ ีการดงั กลา่ วต่อมาได้แพร่หลายไปในพื้นที่ตาบลใกล้เคียงคือ ตาบลแม่พูลและตาบลฝายหลวง จนในปัจจุบัน
พื้นที่ปลูกลางสาดของจังหวัดอุตรดิตถ์ เหลืออยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกเดิม โดยมีลองกองเข้ามา
แทนทีซ่ ่ึงมีพื้นที่ปลูกและผลผลิต ระหว่างปี 2554-2563 อยู่ในช่วง 26,700 ไร่ – 27,600 ไร่ ตามรายละเอียด
ในตารางที่ 3.1

ตารางท่ี 3.1 พื้นท่ปี ลกู ลองกอง ผลผลิต และผลผลติ เฉลี่ยตอ่ ไรข่ องจงั หวดั อุตรดติ ถ์ ปี 2554-2563
ปี พื้นท่ีปลูก (ไร)่ พ้ืนท่ใี หผ้ ลผลติ (ไร่) ผลผลิต(ตน้ ) ผลผลติ /ไร่ (กก.)

2554 27,182 14,316 6,313 441
2555 27,279 15,802 9,750 617
2556 27,209 17,373 9,642 555
2557 27,578 22,648 11,006 486
2558 27,687 24,146 10,914 452
2559 27,690 24,438 9,872 404
2560 27,388 23,942 10,833 453
2561 27,338 24,056 12,011 496
2562 27,365 25,056 11,990 479
2563 26,733 24,949 10,010 401
ท่ีมา: สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร 2565

3.3 สถานการณ์การตลาด
ลองกองของจังหวัดอุตรดิตถ์ มีการรับซ้ือและกระจายผลผลิตไปจาหน่ายท้ังในประเทศและ

ต่างประเทศ โดยมีผลผลิตออกจาหน่ายในปี 2562 จานวน 33,335.64 ตัน ลดลงเหลือ 16,941.05 ตัน ในปี
2563 และเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในปี 2564 จานวน 22,223.82 ตัน ซ่ึงผลผลิตจะสุกแก่พร้อมเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่
ปลายเดอื นสิงหาคมจนถงึ เดอื นธนั วาคม โดยมกี ารกระจายผลผลิตในแตล่ ะเดือนตามตารางท่ี 3.2

12

ตารางที่ 3.2 การกระจายผลผลติ ลองกอง เดอื นสงิ หาคม-ธันวาคมปี 2561-2563 ธนั วาคม
ปี การกระจายผลผลติ ลองกอง (ตนั ) 1,477.42
สิงหาคม กนั ยายน ตลุ าคม พฤศจิกายน 1,000.07
607.44
2561 1,477.42 8,864.51 11,819.34 5,909.67
2562 666.71 5,000.35 20,001.38 6,667.13
2563 404.96 3,037.20 12,148.80 4,049.60
ท่ีมา: สานักงานเกษตรจังหวัดอตุ รดิตถ์

ซ่ึงหากเทียบเป็นร้อยละจะพบว่า ในปี 2561 ผลผลิตจะออกสู่ตลาดสูงสุดในเดือน ตุลาคม คิด
เป็นร้อยละ 40 ของผลผลิตท้งั หมด รองลงมาคอื เดอื นกันยายน พฤศจิกายน สิงหาคมและธันวาคม คิดเป็นร้อย
ละ 30, 20 และ 5 ตามลาดับ ปี 2562 ผลผลิตจะออกสู่ตลาดสูงสุดในเดือน ตุลาคม คิดเป็นร้อยละ 60 ของ
ผลผลิตทั้งหมด รองลงมาคอื เดอื นพฤศจิกายน กันยายน ธันวาคม และสิงหาคม คิดเป็นร้อยละ 20, 15, 3 และ
2 ตามลาดับ ปี 2563 ผลผลิตจะออกสู่ตลาดสูงสุดในเดือนตุลาคม คิดเป็นร้อยละ 60 ของผลผลิตท้ังหมด
รองลงมาคือเดือนพฤศจกิ ายน กันยายน ธันวาคม และสิงหาคม คดิ เปน็ ร้อยละ 20, 15, 3 และ 2 ตามลาดับ

จงั หวัดอุตรดิตถม์ จี ดุ รับซอ้ื แหลง่ ใหญอ่ ยใู่ นตาบลนานกกก และตาบลแม่พูล อาเภอลับแล จังหวัด
อุตรดิตถ์ คือตลาดผลไม้หัวดง (ภาพที่ 3.1) และตลาดผลไม้ตาบลนานกกก (ภาพที่ 3.2) ซ่ึงจะมีแม่ค้าคน
กลางมารอรับซ้ือผลผลิตเพ่ือส่งไปยังตลาดปลายทางคือ ตลาดไท ตลาดเจริญศรี จังหวัดอุบลราชธานี และ
ตลาดเมืองทอง จังหวดั อุดรธานี โดยมีราคาจาหน่ายผลผลิตแยกตามเกรด และมูลค่าการค้าขายภายในจังหวัด
รายละเอียดตามตารางที่ 3.3 ซึ่งการจาหน่ายลองกองของจังหวัดอุตรดิตถ์ เริ่มพบปัญหาราคาผลผลิตตกต่า
ตั้งแต่ปี 2556-2559 คือ ลองกองเกรดรวมช่อมีราคาจาหน่ายอยู่ท่ีกิโลกรัมละ 19.78, 11.04, 15.87 และ
11.26 บาท ตามลาดับ (กรมการค้าภายใน, 2561) แต่ในปี 2562 เกษตรกรขายได้ราคากิโลกรัมละ 9 บาท
(เกษตรจงั หวัดอตุ รดิตถ์, 2562)

ตารางที่ 3.3 ราคาลองกองแยกตามเกรดและมลู ค่าการคา้ ภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ ปี 2562-2564

ปี ราคา (บาท/กก.) มูลคา่ การคา้ (ล้านบาท)

เกรด A เกรด B เกรด C เกรดรวมชอ่ เกรดชอ่

2562 21-40 18-35 16-25 900.06 500.03

2563 35-40 32-35 25-30 508.23 355.76

ท่มี า: สานักงานเกษตรจังหวัดอตุ รดิตถ์

13

ภาพที่ 3.1 ตลาดผลไมห้ ัวดง ตาบลแม่พลู อาเภอลบั แล จังหวัดอุตรดติ ถ์
ภาพท่ี 3.2 ตลาดผลไมน้ านกกก ตาบลนานกกก อาเภอลับแล จังหวดั อตุ รดิตถ์

14

เอกสารอ้างองิ
กรมการคา้ ภายใน. 2561. ลองกอง ประจาสปั ดาหท์ ่ี 3 เดือนสิงหาคม 2561. แหลง่ ขอ้ มูล:

http://www.Kpb.ops.moc.go.th>ewt_dl_link สืบคน้ เมื่อ : 10 มกราคม 2563
เกษตรจังหวดั อุตรดิตถ์. 2562. วาระการประชุม เร่ือง การเตรยี มความพรอ้ มการบรหิ ารจัดการผลไมแ้ ละพืชหวั

ในพนื้ ท่ภี าคเหนือเพอ่ื แก้ไขปัญหาและสร้างสมดุล. หอ้ งประชุมสานกั งานเกษตรและสหกรณ์จังหวดั
อตุ รดิตถ.์ อตุ รดติ ถ,์ 17 ธนั วาคม 2562.
เบญจมาส รตั นชินกร. 2549. การคดั คุณภาพผลไมเ้ มืองร้อนเพื่อการส่งออก. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตร
แหง่ ประเทศไทย จากดั . กรุงเทพฯ. 144 หนา้
พจนยี ์ แสงมณี อาพรรณ พรมศริ ิ และฮโิ รโตชิ ทามูระ. 2554. สถานะธาตุอาหารพชื ในสวนทเุ รียนและ
ลองกองในระบบวนเกษตร จังหวัดอตุ รดติ ถ์. วารสารเกษตร 27(2) :197-208.
สานักงานเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั อุตรดิตถ์. 2564. สถาณการณด์ ้านการผลติ การตลาดลองกอง จงั หวัด
อุตรดติ ถ.์
สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร. 2565. ตารางรายละเอียดลองกอง. แหล่งข้อมูล:
http://www.oae.go.th/view/1/TH-TH สบื ค้นเมอ่ื : 10 มกราคม 2563

15

บทที่ 4
เทคโนโลยีการผลติ ลองกองคุณภาพของจงั หวัดอุตรดิตถ์
ปญั หาในการผลิตลองกอง
ปัญหาทพี่ บในดา้ นเทคโนโลยีการผลติ ของเกษตรกร ตง้ั แต่ชว่ งการออกดอกจนถึงเก็บเก่ียว จากการ
สารวจแปลงปลูกลองกองของเกษตรกรในจังหวัดอุตรดิตถ์ สามารถแยกประเดน็ ปัญหาไดด้ ังนี้
4.1 โรคและแมลงที่สาคญั และการปอ้ งกันกาจดั
การดแู ลรักษาและป้องกันเก่ียวกับโรคและแมลงศัตรูเป็นส่ิงสาคัญ แม้ว่าลองกองมีโรคแมลงศัตรู
รบกวนไมม่ ากนกั แต่ก็พบว่าบางสวนมโี รคแมลงและศัตรูเข้าทาลายมาก ผลของการเข้าทาลายของศัตรูพืช ทา
ให้คุณภาพผลผลิตลดลง การเจริญเติบโตชะงักและตายในท่ีสุด ดังนั้นเกษตรกรต้องหม่ันสารวจและประเมิน
ความเสยี หายของการถูกทาลายจากโรคและแมลงศัตรูพืชอยู่เป็นระยะเพื่อพิจารณาหาวิธีป้องกันทั้งวิธีกล และ
วธิ ีการใช้สารเคมี เพ่ือป้องกันความเสยี หายทอี่ าจจะเกิดขนึ้ สาหรับโรคและแมลงศัตรูพืชที่สาคัญของลองกองมี
ดังน้ี (กรมวิชาการเกษตร, 2564)
โรคพืชทส่ี าคญั
1. โรคราสีชมพู สาเหตุเกิดจากเช้ือรา Corticium salmonicolon ลักษณะอาการ เชื้อราสาเหตุโรค
เข้าทาลายกงิ่ ของลองกอง โดยขึ้นปกคลุมกิ่ง เห็นเป็นเส้นใยสีขาว ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีชมพู ทาให้ใบเหลืองและ
ก่ิงแห้ง (ภาพท่ี 4.1) การแพร่ระบาด โรคราสีชมพูมักพบระบาดมากในช่วงฝนชุก โดยเฉพาะแหล่งปลูกท่ีมี
ความช้นื สงู เชน่ แหล่งปลกู ทางภาคใต้ของประเทศ ในเขตจังหวัดยะลา ปัตตานีและนราธิวาส เช้ือราสาเหตุโรค
สามารถทาใหเ้ กิดโรคกบั พืชอืน่ ไดอ้ กี หลายชนดิ เช่น ยางพารา สม้ จกุ สม้ เขียวหวาน กาแฟ ทเุ รยี น มะม่วง

16

(1) (2)
ภาพที่ 4.1 โรคราสชี มพู สาเหตุเกิดจากเช้ือรา Corticium salmonicolon (1) เกิดท่ีลาต้น (2) เกดิ ทผี่ ล

การปอ้ งกนั กาจัด
1. หมั่นตรวจหาลักษณะอาการของโรคในแปลงปลูกอย่างสม่าเสมอ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในช่วงที่มีฝนชุก
เพือ่ ปอ้ งกนั ความเสียหายท่จี ะเกดิ กบั กงิ่
2. เม่ือพบเช้ือราเร่ิมเข้าทาลายในกิ่งที่มีขนาดใหญ่ ควรใช้มีดขูดเปลือกกิ่งออกบาง ๆ แล้วทาด้วย
สารเคมี เชน่ คอปเปอรอ์ อกซคี่ ลอไรด์รอบ ๆ กงิ่ ใหท้ ัว่
3. ตัดก่ิงส่วนท่ีเป็นโรคออกแล้วนาไปเผาทาลาย และทาบาดแผลด้วยสารเคมี เช่น คอปเปอร์ออกซ่ี
คลอไรด์
4. ควรตัดแต่งทรงพุ่มใหโ้ ปรง่ เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดความชน้ื ภายในทรงพุ่ม
5. ในแหล่งปลูกท่ีพบปัญหาโรคราสีชมพูอยู่เป็นประจา นอกจากจะต้องปรับสภาพแวดล้อม ไม่ให้
เหมาะสมต่อการระบาดของโรค เช่น ตัดแต่งก่ิงให้โปร่ง ใช้สารเคมีป้องกันการเข้าทาลายของเชื้อราสาเหตุโรค
ซึ่งแบ่งได้ 2 ประเภทคือ ประเภทดูดซึม เช่น เบนโนมิล คาร์เบนดาซิม มายโคลบิวทานิล โปรคลอราส และโป
รพิโคนาโซล อีกประเภทหน่ึงเป็นสารประเภทไม่ดูดซึม เช่น แมนโคเซบ โปรพิเนบ คอปเปอร์ออกซ่ีคลอไรด์
และคอปเปอรไ์ ฮดรอกไซด์ เปน็ ต้น

17

2. โรคราดา สาเหตเุ กิดจากราสีดา
ลักษณะอาการ มีคราบสีดาติดตามส่วนของช่อดอก ช่อผล ทาให้ดอกผิดปกติ เหี่ยวและหลุดร่วง ถ้า
เป็นโรคในระยะผลออ่ นอาจทาใหผ้ ลเหี่ยวและหลุดร่วง ในบางกรณีก็พบคราบราสีดาติดไปกับผิวผลจนถึงระยะ
สกุ แก่ แต่ไมท่ าลายเน้ือซ่งึ จะเปน็ ตาหนทิ าให้ราคาผลผลิตต่า (ภาพที่ 4.2) โดยราดามักพบในช่วงที่มีการระบาด
ของแมลงปากดูด เช่น เพล้ียแปง้ เพลยี้ หอย
การแพร่ระบาด โดยทั่วไปราดามีหลายชนิด แพร่กระจายทั่วไปในอากาศ ราดาบนผลลองกองนั้นส่วน
ใหญ่เกิดจากต่อมน้าหวานบนผิวของลองกองขับน้าหวานออกมาต้ังแต่ระยะผลอ่อน ในช่วงประมาณ 5-8
สัปดาห์หลังดอกบานสังเกตเห็นเป็นหยดน้าหวานได้ชัดเจน (ภาพท่ี 4.3) เป็นแหล่งอาหารของราดา ประกอบ
กบั ความชนื้ สงู ซ่งึ เป็นสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมตอ่ การเจรญิ เติบโตของราดา
การปอ้ งกันกาจัด

1. ตัดแตง่ ทรงพมุ่ ให้โปรง่ แสงดอกส่องถึงชอ่ ผอ
2. พ่นสารเคมปี ้องกันกาจดั โรคพืช เชน่ เบนโนมลิ 50% ดบั บลวิ พี อตั รา 6-12 กรัม/น้า 20
ลติ ร พ่นบนชอ่ ผลก่อนเก็บเก่ียวทุก 14 วัน
3. พ่นสารเคมีกาจดั เพล้ียหอย เชน่ มาลาไทออน 83% อีซี อตั รา 30 ซซี ี/ นา้ 20 ลติ ร หรือ
ไทอะมิทอกแซม 25% ดับบลิวพี อัตรา 2.5 กรัม/น้า 20 ลิตร

(1) (2)
ภาพท่ี 4.2 ราดาทเ่ี กดิ ขน้ึ บนผลผลติ (1) ระยะผลอ่อน (2) ระยะสุกแก่

18

ภาพท่ี 4.3 หยดนา้ หวานบนผวิ ลองกอง สาเหตขุ องการเกดิ ราดาบนผวิ ลองกอง

3. โรครากเน่า สาเหตุเกิดจากเชื้อรา Phytopthora parasitica Dastur
ลักษณะอาการ ลองกองแสดงลักษณะอาการใบแห้ง ใบเหลืองร่วง ต้นทรุดโทรม และยืนต้น

ตายในท่สี ดุ เมื่อเปิดเปลอื กโคนต้นและขดุ ดูรากจะพบรากฝอยเน่าแห้งเป็นสีน้าตาล และอาการเน่าบริเวณโคน
ตน้ ใกลร้ ะดับดนิ เป็นลกั ษณะสีนา้ ตาลซึง่ เป็นเนื้อไม้สว่ นท่ีเน่าตัดกับสีขาวซงึ่ เปน็ ส่วนเนื้อไม้ดี

การปอ้ งกนั กาจัด
1. การรักษาความสะอาด สุขอนามัยพืช จัดการแปลงปลูกให้มีการระบายน้าท่ีดี โดยทาร่อง

ระบายน้าในสวนที่เป็นพ้ืนที่ต่า เพื่อควบคุมไม่ให้มีน้าขัง ระวังกระแพร่กระจายของเชื้อ จากต้นที่เป็นโรค ใช้
เชือ้ ราไตรโคเดอรม์ าหวานรอบทรงพุ่มเป็นประจาทกุ ปี เพ่อื ลดปริมาณเชื้อราสาเหตโุ รคพชื ท่อี ยใู่ นดนิ

2. เมื่อพบโรคให้ตัดสว่ นที่เปน็ โรคท้ิง และทาสารเคมีควบคุมรา เช่น เมทาแลคซิล หรือ โฟส
เอสทวิ -เอแอล (อมรรตั น์, 2556)

4. โรคผลเน่า สาเหตุเกดิ จากเชือ้ รา Cylindrocladium sp.
ลักษณะอาการ อาการเริ่มแรกมักพบท่ีข้ัวผลลองกองเกิดอาการเน่า ลามลงไปที่ผิวเปลือก เปลือก

จะเรม่ิ เนา่ เป็นสีนา้ ตาลเข้ม และหลดุ ออกจากข้ัว (ภาพท่ี 4.4)
การป้องกนั กาจัด
1. ตดั แตง่ ทรงพุ่มใหโ้ ปรง่ เพ่ือใหอ้ ากาศถา่ ยเทลดความชน้ื ภายในทรงพมุ่
2. ตัดแต่งช่อผลเพื่อลดการเบียดกันของผล ซง่ึ อาจจะทาให้เกดิ บาดแผลบริเวณผิวซึ่งจะเป็น
ช่องทางใหเ้ ช้ือโรคเขา้ ทาลายได้ง่าย
3. ใหน้ ้าอย่างสมา่ เสมอ ระวังอยา่ ให้ลองกองขาดน้าในระยะ 10 สปั ดาห์หลงั จากติดผล เพ่ือ
ป้องกันผลแตกในขณะผลแก่ เน่ืองจากได้รับน้าจากฝนที่ตกชกุ มากเกินไป

19

ภาพที่ 4.4 โรคผลเน่า

แมลงศัตรูทีส่ าคญั
1. หนอนชอนเปลือกลองกอง
เป็นหนอนผีเส้ือกลางคืน ซึ่งเข้าทาลายผิวเปลือกลาต้นด้านในของลองกอง โดย ลักษมี และคณะ,

2559 ได้รายงานว่า หนอนชอนเปลือกลองกอง สามารถจาแนกได้ 5 ชนิด คือ Cossus chloratus (ภาพที่
4.5 (1)) มีลักษณะตัวสีน้าตาลแดง มีความยาวประมาณ 4 เซนติเมตร เข้าดักแด้บริเวณเปลือกลาต้นและกิ่ง
ลองกอง โดยใช้เศษไม้หรือเปลือกลาต้นลองกองแห้งช้ินเล็ก ๆ มาสร้างเป็นปลอกหุ้ม ดักแด้สีน้าตาล สีจะเข้ม
ข้นึ เมอื่ ใกลจ้ ะออกเปน็ ผีเสื้อ ผีเสอ้ื มีปีกยาว 3.5 – 4 เซนติเมตร บริเวณปีกหน้าและลาตัวสีน้าตาลดา ปีกหลังสี
เทาอ่อน ปลายปีกสีเทาอ่อน ปีกส้ันกว่าลาตัวเล็กน้อย ด้านบนของอกมีขนสีขาวปกคลุม ไข่ผีเสื้อสีขาว กลม
เส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 0.44 มิลลิเมตร พบท่ัวไปตามผิวเปลือกไม้ ชีพจักรของหนอนตัวนี้ประมาณ 50 –
60 วัน Labdia semicoccinea ลาตัวค่อนข้างขาวใส บอบบาง มองเห็นอวัยวะภายใน ส่วนหัวและท้ายมีสี
น้าตาล Hypatima sp. ลาตัวยาว 8-10 มิลลิเมตร มีแถบขาวสลับสีชมพูคาดขวางลาตัว มักพบเข้าทาลาย
บริเวณกิ่ง (ภาพที่ 4.5(2)) Prasinoxena sp. (ภาพท่ี 4.5(3)) และ Decadarchis sp. การกัดกินของหนอน
ชอนเปลือกลองกองน้ัน ทาให้เปลือกลองกองแห้ง เป็นสะเก็ด หากการระบาดรุนแรงทาให้ก่ิงและลาต้นแห้ง
ตาย หรอื เข้าทาลายชอ่ ดอกและผล (ภาพท่ี 4.6) พบการระบาดท้ังปี และจะแสดงอาการรนุ แรงในช่วงฤดูฝน

การป้องกันกาจดั หนอนชอนเปลอื กลองกอง
1. ใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่น กระรอก กระแต มด และนกหัวขวาน สัตว์เหล่าน้ีเจาะเปลือกและกินหนอน
ดังกลา่ วเปน็ อาหาร
2. ขูดเปลือกท่ีเกิดจากการเข้าทาลายของหนอนออก ใช้สารเคมีคาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ 50% เอสพี
อัตรา 10-20 กรัม/ น้า 20 ลิตร หรือ ไซเพอร์เมทริน/โฟซาโลน 6.25%/2.5% อีซี อัตรา 40 ซีซี/น้า 20 ลิตร
และควรหยดุ พน่ ก่อนเกบ็ เก่ียวอยา่ งน้อย 15 วัน
3. ใชไ้ ส้เดอื นฝอย (Neoaplectena carpocapsae) การพน่ ไสเ้ ดอื นฝอยสามารถควบคุมหนอนกินใต้
ผวิ เปลือกได้ พบวา่ ทอ่ี ัตราความหนาแน่นของไส้เดอื นฝอย อัตรา 10 ล้านตัว/ต้น สามารถลดปริมาณหนอนใด้

20

มากกวา่ รอ้ ยละ 50 ช่วงฤดูฝนเปน็ ชว่ งท่ีเหมาะสมต่อการพ่นไส้เดือนฝอย แต่การฉีดพ่นจะต้องกระทาในขณะท่ี
ส่ิงแวดล้อมเหมาะสม เช่น ช่วงเวลาเย็น แดดร่มในช่วงฤดูฝน การทาลายของไส้เดือนฝอยจะมีประสิทธิภาพ
สูงสุด ที่สาคัญเคร่อื งพน่ ไส้เดอื นฝอยควรอยู่ในสภาพทเี่ หมาะสม หวั ฉดี พ่นสะอาดไม่อุดตัน ขนาดรูหัวฉีดไม่ควร
เล็กกว่า 0.4 มิลลิเมตร เพ่ือให้ปริมาณและประสิทธิภาพของไส้เดือนฝอยที่ออกมามากพอที่จะเข้าทาลาย
ศตั รพู ชื (วไิ ลวรรณ และสุวิมล, 2560)

(1) (2)

(3)
ภาพที่ 4.5 หนอนชอนเปลอื กลองกอง (1) Cossus chloratus (2) Hypatima sp. และ (3) Prasinoxena sp.

21

(1) (2)
ภาพที่ 4.6 (1) ลาต้นลองกอง และ (2) ผลผลิตลองกองทีโ่ ดนหนอนชอนเปลอื กเขา้ ทาลาย

2. ผเี สอ้ื มวนหวาน
เป็นแมลงท่ที าลายผลลองกองในระยะสุกแก่ ดว้ ยการใช้งวงเจาะเขา้ ไปในผลลองกองแลว้
ดดู กนิ นา้ เลี้ยงภายในผล ทาใหผ้ ลเกดิ รอยแผลเป็นวงสนี า้ ตาล มีน้าเย้มิ เน่า และลุกลามไปผลท่ตี ิดกนั (ภาพที่
4.7)
การปอ้ งกันกาจดั ผเี ส้อื มวนหวาน
1. ใช้ไฟสอ่ งล่อตวั เต็มวยั ในเวลากลางคนื ช่วง 20.00-22.00 น.
2. ล่อดว้ ยเหยื่อพิษ ดว้ ยการนาสับปะรดสุกตดั เปน็ ชน้ิ แชด่ ้วยสารเคมีกาจัดศัตรพู ืช เชน่ คาร์
แทปไฮโดรคลอไรด์ 50% เอสพี หรือคารบ์ าริล 85% ดบั บลิวพี อัตรา 2 กรัม/นา้ 20 ลติ รแลว้ นา้ ไปแขวนไวใ้ ต้
ทรงพ่มุ ของลองกอง เปน็ จดุ ๆ หา่ งกนั จุดละประมาณ 20 เมตร (เกรียงไกร และคณะ, 2554)

ภาพท่ี 4.7 ผลผลติ ลองกองที่โดนผีเสอ้ื มวนหวานเข้าทาลาย
22

4.2 การจดั การธาตอุ าหาร
การจัดการธาตุอาหารหรือการใส่ปุ๋ยที่ถูกวิธีคือ ควรหว่านบริเวณใต้ทรงพุ่มรอบ ๆ โคนต้น

บริเวณทรงพมุ่ ห่างจากโคนตน้ และพรวนดนิ กลบ สาหรบั ลองกองทีย่ ังไม่ให้ผลผลติ มีคาแนะนาให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์
ต้นละ 20 กิโลกรัม 2 คร้ัง/ปี หรือมากกว่า ดูท่ีการเจริญเติบโตของต้นเป็นหลัก หรือถ้าหากใช้ปุ๋ยเคมี ให้เน้น
ปุย๋ ทมี่ ธี าตไุ นโตรเจนสงู เพราะไนโตรเจนเปน็ ธาตุอาหารทสี่ าคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช พืชดูดใช้ไนโตรเจน
จากดินในรูปของ ไนเตรทไอออน (NO3-) และแอมโมเนียมไอออน (NH4+) เพ่ือนาไปรวมกับสารประกอบซึ่ง
ได้มาจากกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต เพ่ือสร้างเป็นกรดอะมิโน โปรตีน นิวคลีโอไทด์ และครอโรฟิลล์
จากการที่ไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบสาคัญของโปรตีน เช่น เอมไซด์ ฮอร์โมน จึงเกี่ยวข้องกับทุกขั้นตอนของ
การเจริญเติบโต (วีรวัฒน์, 2558) ดังน้ันจึงแนะนาให้ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 15 กรัม ใส่รอบทรงพุ่ม และรด
นา้ ตามใหช้ ่มุ จานวน 12 คร้งั /ปี หรือใช้ปุ๋ยสูตรอืน่ ๆ เช่น 15-15-15 / 16-16-16 อัตรา 500 กรัม/ต้น/ปี โดย
แบ่งใส่ 2 ครั้ง คือต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝน ปริมาณท่ีใส่จะเพ่ิมข้ึนตามอายุของต้นลองกองคือ อายุ 1 ปี ใส่
500 กรัม/ต้น/ปี อายุ 2 ปี ใส่ 1 กก./ต้น/ปี อายุ 3 ปี ใส่ 1.5 กรัม/ต้น/ปี อายุ 4-6 ปี ใส่ 2 กก./ต้น/ปี (สุร
กติ ติ และภิญโญ, 2540)

ลองกองจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 8 ปีข้ึนไป ทรงพุ่มอยู่ระหว่าง 4-6 เมตร นันทนาและคณะ
(2562) แนะนาใหใ้ สป่ ุย๋ เคมี 2 ครัง้ /ปี คือ ระยะที่ 1 หลังเก็บเกีย่ วผลผลิต เรียกว่าป๋ยุ บารุงต้น แนะนาให้ใช้สูตร
46-0-0 อัตรา 0.7 กิโลกรัม/ต้น สูตร 18-46-0 อัตรา 0.5 กิโลกรัม/ต้น สูตร 0-0-60 อัตรา 0.3 กิโลกรัม/ต้น
ใส่ปุ๋ยคร้ังที่ 2 หลังการตัดแต่งช่อดอก สูตร 46-0-0 อัตรา 0.3 กิโลกรัม/ต้น สูตร 18-46-0 อัตรา 0.3
กโิ ลกรัม/ตน้ สตู ร 0-0-60 อัตรา 0.9 กิโลกรัม/ต้น ในกรณีท่ีต้องการใส่ปุ๋ยลองกอง 50 ต้น ทรงพุ่มขนาด 4-6
เมตร ปริมาณปยุ๋ ที่ใชม้ ีดงั น้ี

คร้ังที่ 1 สูตร 46-0-0 จานวน 35 กก ผสมกับ 18-46-0 จานวน 25 กก และ 0-0-60
จานวน 15 กก. ผสมกันและแบง่ ใส่ถงุ ละ 1.5 กก./ตน้

ครั้งท่ี 2 สูตร 46-0-0 จานวน 15 กก ผสมกับ 18-46-0 จานวน 15 กก และ 0-0-60
จานวน 45 กก. ผสมกนั และแบ่งใสถ่ ุงละ 1.5 กก./ต้น (ภาพที่ 4.8)

ภาพที่ 4.8 การผสมปุย๋ ด้วยการใช้แมป่ ุ๋ยผสมใหไ้ ด้อตั ราส่วนที่กาหนด และแบ่งใส่ถงุ เพ่ือง่ายตอ่ การจดั การ

23

ดังนั้นการใส่ปุ๋ยตามปริมาณข้างต้น จะมีอัตราธาตุอาหารเท่ากับ 0.74-0.37-0.72 กิโลกรัม N-
P2O5-K2O ต่อต้น ทาให้ลองกองให้ผลผลิตเฉลี่ย 49.2 กิโลกรัมต่อต้น มีจานวนช่อดอกเฉล่ีย 16.8 ช่อต่อต้น แบ่ง
เกรดลองกองตามคุณภาพได้คือ เกรด A จานวน 23 ช่อต่อต้น เกรด B จานวน 18 ช่อต่อต้น เกรด C จานวน 15 ช่อ
ตอ่ ต้น เกรด D จานวน 19 ช่อตอ่ ตน้ น้าหนกั ผลเฉลย่ี 22.27 กรมั ปริมาณของแข็งท่ลี ะลายน้าไดเ้ ฉลี่ย 20.6 o Brix

4.3 การจดั การทรงพุ่ม
ลองกองอายุ 1-5 ปี เป็นระยะที่ยังไม่ให้ผลผลิต การตัดแต่งก่ิงในระยะน้ีเพื่อรักษาทรงพุ่ม

เม่ือสังเกตเห็นก่ิงมุมแคบ หรือกิ่งเล็กที่แทงเข้าด้านในทรงพุ่มควรตัดท้ิง พุ่มลองกองควรมีลักษณะโปร่ง
พอสมควร เพ่ือให้แสงแดดสามารถส่องผ่านเข้าไปในทรงพุ่มได้ ไม่ทึบจนเกินไป ลองกองท่ีขยายพันธ์ุโดยไม่
อาศัยเพศ และปลูกไม่ถ่ีเกินไป มักจะแตกกิ่งต่าจึงควรตัดแต่งกิ่งเพื่อสร้างลาต้น ควรยกโคนลาต้นให้สูงจาก
พ้ืนดินประมาณ 1 เมตร แล้วจึงเริ่มให้แตกก่ิง การสร้างลาต้น โครงสร้างของก่ิง และทรงพุ่มให้สวยงาม เป็น
การจัดระบบก่ิงในระยะก่อนให้ผลผลิตเป็นสิ่งจาเป็นและมีความสาคัญมาก เพราะลองกองเป็นไม้ผลท่ีออก
ผลผลิตบริเวณก่ิง การจัดการทรงพุ่มให้สมดุล สวยงาม ทาให้การดูแลผลผลิตให้มีคุณภาพดีจนถึงระยะเก็บ
เกีย่ วสามารถปฏิบัติได้งา่ ย

การตัดแต่งก่ิงเมื่อลองกองให้ผลผลิตแล้ว การตัดแต่งกิ่งในระยะน้ี หากการตัดแต่งกิ่งใน
ระยะแรกได้ปฏิบัติมาสม่าเสมอ การตัดแต่งก่ิงในระยะนี้จะสะดวกขึ้น การตัดแต่งก่ิงในระยะน้ี ควรกระทา
หลังจากเก็บเกี่ยวผลลองกองแล้ว โดยตัดเฉพาะกิ่งท่ีฉีกหัก บอบช้า กิ่งแห้งตาย ก่ิงท่ีมีโรคและหนอนชอน
เปลือก กิง่ ทมี่ กี าฝาก ก่ิงแขนงเล็ก ๆ รวมท้งั ข้ัวชอ่ ผลเก่าท่ีติดอยู่ท่ลี าตน้ หรอื กงิ่ ออก การตัดแต่งในช่วงน้ีควรรีบ
ทาให้เรียบร้อย หลังจากน้ันควรใส่ปุ๋ยบารุงต้นให้สมบูรณ์ เพื่อจะได้สะสมอาหาร เนื้อเยื่อจะได้เจริญปกคลุม
รอยแผลบรเิ วณท่ตี ัดออกให้มิดชิดสมบูรณ์ เพือ่ เตรียมแทงชอ่ ดอกในปีต่อไปอีก

ประโยชน์ของการตัดแต่งกิ่งลองกอง ทาให้ได้ทรงพุ่มตามต้องการ โครงสร้างของก่ิง
แข็งแรง การติดดอกออกผลดีข้ึน สะดวกในการป้องกันกาจัดโรค และแมลง ประหยัดธาตุอาหารหรือปุ๋ย ไม่
ต้องนาไปเล้ียงก่ิงท่ีไม่จาเป็น แสงสามารถส่องเข้าถึงบริเวณภายในทรงพุ่ม ทาให้ผลไม่เกิดโรคและเป็นราดา
และหากมโี รคและศตั รเู ขา้ ทาลาย สามารถเห็นไดง้ า่ ยสะดวกในการดแู ลรกั ษา

4.4 การตัดแตง่ ช่อดอก
ช่อดอกลองกองจะเจริญออกมาจากบริเวณลาต้นและกิ่ง ดอกลองกองท่ีสมบูรณ์จะ

กระจายตัวหนาแน่น ต้ังแต่ระดับพื้นดินข้ึนไป การกระจายของช่อดอกมีทั้งอยู่เด่ียว และเป็นกระจุกอย่างไม่
สม่าเสมอ แตโ่ ดยปกติชอ่ ดอกบรเิ วณลาต้นและบรเิ วณก่ิงใหญ่ จะหนาแน่นมากกว่าบริเวณอ่ืน (ภาพที่ 4.9) ช่อ
ดอกท่ีมีการเจริญเติบโตเป็นกลุ่มช่อดอก จะเจริญเติบโตไม่พร้อมกัน ช่อดอกท่ีเจริญเติบโตก่อนจะมีช่อดอกที่
สมบูรณ์กว่าช่อดอกที่เจริญเติบโตทีหลัง ดังน้ัน ถ้าปล่อยให้ทุกช่อเจริญ อัตราการติดผลจะน้อยไม่ได้ลองกอง
เกรด A ตามความต้องการของตลาด (ภาพที่ 4.10) และหากติดผลมากเกินไปต้นจะโทรมเร็ว เพราะอาหาร
ภายในลาต้นไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม จะต้องเข้าใจไว้เป็นเบื้องต้นว่าลาพังการตัดแต่งช่อดอกและผลลองกอง

24

เพียงอยา่ งเดียว ไม่ไดห้ มายความวา่ ลองกองจะตดิ ดอกออกผลดี ผลจะไม่ร่วงหล่น ช่อดอกจะยืดยาว ยังมีปัจจัย
อ่ืน ๆ อีกหลายประการที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การใส่ปุ๋ย การให้น้า การตัดแต่งก่ิง การป้องกันกาจัดโรคและ
ศัตรูประกอบเข้าด้วยกัน ในการตัดแต่งช่อดอก จะต้องคานึงถึงการกระจายของช่อดอกและเทคนิคในการตัด
แตง่ ช่อดอกเป็นสาคญั

ขน้ั ตอนและเทคนิคการตดั แต่งชอ่ ดอก
1. ระยะที่สามารถตัดแต่งช่อดอกได้ง่ายและสะดวกคือ ระยะท่ีตุ่มตาดอกเริ่มยืดมีความยาวของช่อ

ประมาณ 5 – 10 ซม. ชว่ งน้ชี ่อดอกยงั อ่อนอยู่ทาใหก้ ารตัดแต่งช่อดอกทาได้งา่ ย (ภาพที่ 4.11)
2. ตาแหน่งของช่อดอกท่ีควรพิจารณาเป็นพิเศษในการตัดแต่งช่อดอกคือ บริเวณลาต้น โคนต้น กิ่ง

ใหญ่ๆ เพราะบรเิ วณเหล่าน้ีจะมชี ่อดอกทส่ี มบรู ณ์อย่มู าก
3. ช่อดอกที่ควรพิจารณาตัดท้ิง ได้แก่ ช่อดอกกระจุกส้ัน เล็ก สีเหลืองปนเขียว ช่อดอกท่ีไม่ออกเป็น

กระจุก (1-2 ช่อ) (ภาพที่ 4.12) และช่อดอกที่เจริญอยู่บริเวณตาดอกอยู่บริเวณง่ามก่ิง ช่อดอกที่ตั้งตรงอยู่บน
ก่งิ ชอ่ ดอกทอี่ ยปู่ ลายก่ิงควรตัดทง้ิ เพราะเม่ือเจริญเตบิ โตเปน็ ผลแลว้ จะทาใหไ้ ด้ผลทคี่ ดงอ ไม่ไดม้ าตรฐาน

4. ระยะการไว้ช่อดอกควรท้ิงระยะ 10 – 15 เซนติเมตร ต่อการไว้ช่อดอก 1 ช่อ หากสามารถปฏิบัติ
ได้ควรไวช้ ่อดอกเดียวจะดีทสี่ ุด (ภาพท่ี 4.13)

5. อัตราการไวช้ ่อดอกตอ่ ก่ิง (กรณีทล่ี องกองมีสภาพตันสมบูรณ์ดี)
- กง่ิ ที่มขี นาดเส้นผา่ ศูนย์กลาง 1 นว้ิ ควรไวช้ อ่ ดอก 3 – 5 ช่อ
- ก่ิงทม่ี ีขนาดเสน้ ผา่ ศูนย์กลาง 1 น้ิวคร่ึง ควรไว้ชอ่ ดอก 10 – 15 ชอ่

6. ควรหม่นั สงั เกตการเจริญของชอ่ ดอกอยู่เสมอ ถ้าพบช่อดอกท่ีคดงอ แคระแกร็น ดอกในช่อร่วงควร
ตดั ทง้ิ ถึงแม้วา่ ชอ่ ดอกจะยาวก็ตาม

การปฏิบัติหลังการตัดแต่งท่ีช่อดอก จะต้องให้น้าอย่างสม่าเสมอ ช่อดอกลองกองจะยืดยาวออกและ
สมบูรณ์ ดอกจะทยอยบาน แต่ถ้าขาดน้าหรือกระทบแล้งในช่วงนี้ ดอกจะร่วงและถ้าเกิดฝนตกหนักในช่วงนี้
ดอกจะร่วงเช่นกัน ชาวสวนเรียกว่าดอกลองกองสาลกั นา้ หรอื ฝนชะช่อดอกลองกองน้ันเอง

ประโยชน์ของการตัดแต่งช่อดอกลองกอง ทาให้ช่อดอกที่คงอยู่สมบูรณ์ ดอกร่วงหล่นน้อยที่สุด
สามารถคัดเลือกและสร้างช่อดอก เพื่อให้ได้ช่อดอกที่ได้มาตรฐานตามความต้องการของตลาด ทาให้ช่อดอก
กระจายอยู่ตามกิ่ง ลาต้นเหมาะสมสมดุลกับความอุดมสมบูรณ์ของต้นช่อดอกจะยืดยาวเต็มท่ี ไม่อัดกันแน่น
เป็นกระจุก ต้นไม่ทรุดโทรมเร็วเกินไป ทาให้ลองกองออกดอกทุกปี และสะดวกในการดูแลรักษา (หนึ่งฤทัย
และนันทกา, 2541)

25

ภาพท่ี 4.9 ช่อดอกลองกองก่อนตดั แต่งทขี่ น้ึ เปน็ กลมุ่ กระจายอยู่ทว่ั ลาต้น
ภาพที่ 4.10 ชอ่ ดอกที่ไม่ไดต้ ัดแต่ง เมื่อผลโตขึ้นก็จะหลุดร่วงทาใหไ้ ม่มีเกรดช่อ

ภาพท่ี 4.11 ลกั ษณะช่อดอกท่ีออกเปน็ กระจุกเหมาะสมสาหรับการตัดแต่ง
26

ภาพที่ 4.12 ลกั ษณะช่อดอกท่อี อกไม่เป็นกระจุกสมควรตัดแต่งออก
ภาพท่ี 4.13 ลองกองท่ีตดั แต่งกลุ่มช่อดอกโดยเหลือไวเ้ พยี ง 1 ชอ่ ดอก จะทาให้ไดช้ ่อลองกองที่มีคณุ ภาพ

27

เอกสารอ้างอิง
กฤชพร ศรสี ังข์ นันทนา หรง่ั เจรญิ กุลธิดา ดอนอยู่ไพร และนุกลู อ่อนนมิ่ . 2564. การผลติ ลองกองคุณภาพใน

สภาพแวดล้อมเปลยี่ นแปลงเขตภาคเหนือตอนล่าง. แหลง่ ข้อมลู
https://www.doa.go.th/research/showthread.php?mode=linear&tid=2385&pid=2403
สบื ค้นเมื่อ : 20 กันยายน 2564
กรมวิชาการเกษตร. 2564. การจัดการการผลิตลองกอง. แหล่งขอ้ มลู : http://www.doa.go.th/hort
สบื คน้ เมือ่ : 20 กนั ยายน 2564
เกรียงไกร จาเรญิ มา สราญจิต ไกรฤกษ์ สญั ญาณี ศรีคชา วิภาดา ปลอดครบุรี ศรุต สทุ ธิอารมณ์
ศรีจานรรจ์ ศรนั ทรา บุษบง มนสั มั่นคง และ วนาพร วงษ์นิคง. 2554. แมลงศตั รูไมผ้ ล. โรงพมิ พ์
ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั กรงุ เทพฯ. 150 หน้า.
นนั ทนา บญุ สนอง ยพุ า สุวิเชยี ร เอกพล มนเดช และวลิ าวรรณ ไชยบตุ ร. 2564. รายงานโครงการวจิ ัยสนิ้ สุด
การทดสอบเพมิ่ ประสทิ ธิภาพและคุณภาพในการผลิตไม้ผลในเขตภาคเหนือตอนล่าง
แหล่งข้อมูล:http://www.doa.go.th/plan/wp-content/uploads/2021/05/2132.1. สบื คน้ เมอ่ื :
20 กนั ยายน 2564
วิไลวรรณ เวชยันตแ์ ละสวุ มิ ล วงศพ์ ลัง. 2560. การใชไ้ ส้เดือนฝอยควบคุมแมลงศตั รูพชื . การใช้ชีวภณั ฑ์
ควบคมุ ศัตรูพชื เพื่อการผลติ พืชปลอดภัยและพชื อินทรีย์. สานกั วิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
วีรวฒั น์ นิลรัตนคุณ. 2558. การเพิ่มผลผลติ ข้าวโพดเลยี้ งสัตว์โดยการใชป้ ุ๋ยอยา่ งถูกต้องและมีประสิทธิภาพ.
พรพรหมการพิมพ์ พษิ ณุโลก. 98 หน้า
สรุ กิตติ ศรกี ุล และภิญโญ มีเดช. 2540. ลองกอง. โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด
กรุงเทพฯ. 41 หน้า.
หนึง่ ฤทยั แพรสีทอง และนนั ทกา แสงจนั ทร์. 2541. รวมกลยุทธ์ลองกอง. เจริญรัฐการพิมพ์ กรงุ เทพฯ. 107
หน้า
อมรรตั น์ ภไู่ พบลู ย.์ 2556. พืชที่เปน็ โรคไฟทอปธอรา. บรษิ ทั เอ-วัน ฟิวเจอร์ จากดั นนทบรุ .ี 182 หน้า

28

บทที่ 5
เทคโนโลยีการขยายพันธ์ลุ องกอง
การขยายพนั ธลุ์ องกองเพ่ือให้ได้ตน้ กล้า มี 2 วิธีคือ การขยายพนั ธุ์แบบอาศัยเพศ และการขยายพนั ธ์ุ
แบบไม่อาศยั เพศ
5.1 การขยายพนั ธแุ์ บบอาศัยเพศ
• การเพาะเมล็ด นาเมล็ดจากผลสุก ท่ีมีลักษณะสมบูรณ์มาล้างทาความสะอาด ฝังลงใน
วัสดปุ ลกู ท่ีประกอบดว้ ยขเ้ี ถาแกลบและทรายในอัตรา 1:1 กดเมล็ดให้ลึกประมาณครึ่งเซนติเมตร รดน้าใหชุม
อยู่เสมอ เมล็ดจะเจริญเติบโตเป็นต้นกล้าภายใน 14-30 วัน ลองกองท่ีปลูกเป็นการค้ามีพันธุ์เดียว เนื่องจาก
การเกิดเมล็ดของพืชตระกูลนี้ เป็นแบบอะโพมิกซีส ซึ่งลักษณะดังกล่าวน้ีทาให้ลองกองไม่กลายพันธุ์ (จรัสศรี
และคณะ, 2544) แต่ต้นกลา้ ที่เพาะไดจ้ ากเมลด็ จะมีข้อจากัดคือเจริญเติบโตช้า ความสูงเฉล่ีย 12.3 เซนติเมตร
เมื่ออายุ 1 ปี ลักษณะต้นไม่สมบูรณ์แข็งแรง ใช้เวลาให้ผลผลิต 7-8 ปี หลังจากปลูกลงดิน (วันทนา
และคณะ, 2540) (ภาพท่ี 5.1) ทส่ี าคญั เปอร์เซ็นตง์ อกของเมล็ดตา่ มากเพยี ง 14 เปอร์เซน็ ต์

ภาพที่ 5.1 ต้นกลา้ ลองกองท่ีได้จากการเพาะเมลด็ อายุ 1 ปี
29

5.2 การขยายพนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศ
• การเสยี บกิ่ง แบ่งเปน็ 2 แบบคือ การเสียบยอดและเสยี บขา้ ง

5.2.1 การเสียบยอด (cleft grafting) โดยใช้ต้นตอเป็นลางสาดหรือดูกู เป็นวิธีที่นิยมปฏิบัติ สามารถ
ปฏิบตั ไิ ด้งา่ ย มีขอ้ ควรระวงั คือไมค่ วรทาในช่วงฝนตกชุก และก่อนเสียบยอดควรงดน้าก่อน 1-2 วัน เพ่ือให้ยาง
ในต้นมีนอ้ ย ลดการกระจายของเชอ้ื รา ซึ่งเป็นสาเหตขุ องตน้ ตอเนา่ แผลเสยี บเนา่ โดยมขี ้ันตอนการปฏบิ ัติดังน้ี

1. เตรียมต้นตอลูกู หรือลางสาด อายุ 8-12 เดือน เลือกต้นตอท่ีลาต้นมีขนาดใหญ่กว่าหรือ
เท่ากับกง่ิ พันธ์ุ (ภาพท่ี 5.2 (1))

2. เตรียมก่ิงพันธุ์ลองกองจากต้นท่ีให้ผลผลิตแล้ว ตายอดอยู่ในระยะฟักตัว มีข้อ 1-2 ข้อ มีใบ
ตดิ 1-2 ใบ ใบท่ีตดิ มามปี ระโยชน์ในการสร้างอาหารใหก้ บั กิ่งตา (ภาพที่ 5.2 (2))

3. เตรียมวสั ดุอปุ กรณ์ ดังน้ี กรรไกรตัดกิ่ง มดี ขยายพันธท์ุ ่ีคมและสะอาด เชือกฟาง ถุงพลาสติก
ใสขนาด 20X30 เซนติเมตร ก่อนทาการเปล่ียนยอดพันธุ์ควรทาความสะอาดมือและมีดด้วยแอลกอฮอล์ให้
สะอาด

(1)
(2)

ภาพท่ี 5.2 (1) ตน้ ตออายุลางสาด 8-12 เดอื น (2) กิ่งพนั ธ์ุลองกองตายอดอยูใ่ นระยะฟักตวั

30

วิธกี ารเสียบยอดมีขัน้ ตอนการปฏิบัตดิ งั นี้
1. ตัดยอดต้นตอใหร้ อยตัดสงู จากพืน้ ดินในถงุ พลาสติก ประมาณ 3-5 นว้ิ ผ่าต้นตอตามยาวลึก 1-2 น้ิว

2. ฝานปลายกงิ่ ลองกองใหเ้ ป็นรูปลม่ิ แผลประมาณ 1-2 เซนติเมตร ระวงั อย่าให้แผลชา้

3. เสยี บยอดก่งิ พันธุ์ลองกองลงต้นตอ จัดแนวเนื้อเยอ่ื เจรญิ ใหต้ รงกันทางด้านใดด้านหนงึ่ ของตน้ ตอ
พนั แผลดว้ ยผ้าพลาสตกิ หรือเชอื กฟางให้แน่น

31

4. บม่ ในถุงพลาสติกใส ขนาด 20X30 เซนติเมตร นาน 45 วัน ปอ้ งกนั การสญู เสียนา้ และนาออกจาก
ถงุ อบ นามาดแู ลในโรงเรือนอีก 1-1.5 ปี ก่อนปลูกลงดนิ

32

5.2.2 การเสียบข้าง (Side grafting) เป็นวิธีที่แนะนาสาหรับต้นตอต้นใหญ่ เน้ือไม้แข็ง วิธีการเสียบ
ข้าง จึงนามาใชส้ าหรบั การเปลีย่ นยอดจากตน้ ลางสาดมาเปน็ ตน้ ลองกองของเกษตรกรในจงั หวัดอุตรดิตถ์ ท่ีเคย
ปลูกลางสาดเป็นอาชีพหลักมากอ่ น โดยมีขั้นตอนการปฏบิ ตั ดิ ังนี้

การเตรยี มยอดลองกองในระยะฟักตวั มีใบแก่สมบูรณ์ ตดั ใบทง้ิ ทั้งหมด ตัดก้านยาว 15-20
เซนติเมตร (ภาพที่ 5.3)

(1) (2)
ภาพที่ 5.3 (1) ยอดลองกองในระยะฟกั ตัว มีใบแก่สมบูรณ์ และ (2) ตดั ใบทิง้ ทง้ั หมด ตัดกา้ นยาว 15-20
เซนติเมตร

33

วิธกี ารเสียบยอดมีขน้ั ตอนการปฏบิ ัตดิ ังนี้
1. ฝานปลายกง่ิ ลองกองใหเ้ ป็นรปู ลมิ่ ความยาวแผลประมาณ 2 เซนตเิ มตร ระวังอยา่ ให้แผลช้า

2. ผา่ เน้ือไมอ้ อกเป็นรูปครงึ่ วงกลม และกรดี แผลลงมาเปน็ เส้นตรง 2 เส้นขนานลงมากับลาต้นยาว
2-3 เซนติเมตร

34

3. แง้มเปลือกไม้และเสียบยอดลองกองลงในช่องว่าง จัดเรียงให้เปลือกไม้ของยอดลองกองและต้น
ตอสัมผสั กนั พนั แผลใหแ้ นน่ ด้วยเทปพันกง่ิ

4. คลุมยอดด้วยถุงพลาสติกขนาด 6X11 เซนติเมตร เพื่อควบคุมการคายน้า ยอดลองกองจะเชื่อม
กับตน้ ตอภายใน 25-30 วัน

35

5.3 การสรา้ งแปลงปลูก
5.3.1 เลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ควรเป็นพื้นที่ที่ระบายน้าดี ค่าความเป็นกรด ด่าง อยู่ที่ 5.5-6.5 อุณหภูมิเฉล่ีย

ตลอดทั้งปีอยู่ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิท่ีสูงกว่านี้ อาจทาให้ใบลองกองเกิดอาการใบไหม้ได้
ปริมาณน้าฝนท่ีตกในรอบปีมีปริมาณ 640 มิลลิเมตร ขึ้นไป จากรายงานของกฤชพร และคณะ 2564 รายงาน
ว่าการเกิดดอกและการพัฒนาสู่การเป็นผลของลองกองจะผันแปรกับอุณหภูมิ ความต่อเนื่องของสภาวะ
ความเครยี ดจากการขาดน้าเป็นระยะเวลา 25-40 วัน และปริมาณน้าที่เพียงพอหลังจากผ่านสภาวะเครียด ซึ่ง
ปริมาณน้าฝนสะสมท่เี หมาะสมสาหรับลองกองหลังจากผา่ นสภาวะเครยี ดและมีผลต่อการพัฒนาของตาดอกคือ
100 มลิ ลิเมตร ข้ึนไป

5.3.2 การปลกู
ระยะปลูกที่เหมาะสมสาหรับลองกองคือ 4x4 6x6 หรือ 6x8 เมตร ลองกองเป็นไม้

ท่ีปลูกในระยะถี่ได้ เน่ืองจากเป็นไม้ผลท่ีให้ผลผลิตบริเวณกิ่งและลาต้น การปลูกลองกองควรเตรียมหลุมปลูก
ขนาด 80X80X80 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ปริมาณ 20 กิโลกรัม และปุ๋ยชีวภาพ
ละลายฟอสเฟส 150 กรัม คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วจึงปลูก หลังจากนั้นปักไม้เป็นหลักป้องกันลมโยกเอน ให้น้า
สม่าเสมอ หลักจากปลูกลองกองแล้วควรทาร่มเงาเพ่ือบังแสงแดดให้กับลองกองก่อนประมาณ 1-3 ปี (ภาพที่
5.4) เน่ืองจากลองกองเป็นไม้ท่ีไม่ชอบแดดจัด ในช่วงที่ต้นลองกองอายุ 1-3 ปี ควรหมั่นพรวนดินเพื่อกาจัด
วชั พืชใตโ้ คนตน้ เป็นระยะ แต่เมื่อลองกองเร่ิมแตกพุ่มในปีท่ี 4 ควรหยุดพรวนดิน เนื่องจากจะกระทบต่อระบบ
รากฝอยที่โผล่ขนึ้ เหนอื ดนิ บรเิ วณทรงพุ่มของตน้ ลองกอง (สมพร, 2535)

ภาพที่ 5.4 แปลงทที่ ารม่ เงาเพอ่ื บงั แสงแดดใหก้ บั ลองกองหลงั ปลกู 1-3 ปี

36

5.3.2 การกาจัดวชั พชื
เม่ือเร่มิ ตน้ สร้างแปลงลองกอง ช่วงแรก ๆ ต้องหมั่นถอนหญ้าบริเวณรอบ ๆ ต้นอยู่

เสมอ เพ่ือป้องกันสัตว์ประเภทฟันแทะ เช่นหนู ตุ่น ท่ีจะเข้ามากัดกินลาต้นอ่อน รากอ่อนของลองกอง
หลีกเลีย่ งการใช้สารเคมกี าจดั วชั พชื บริเวณทรงพุ่ม ดังนนั้ วิธกี ารกาจัดวัชพชื รอบโคนตน้ และในแปลงท่ีดีที่สุดคือ
การตัด เพราะจะไมก่ ระทบกับระบบรากในดินของต้นลองกอง

37

เอกสารอา้ งอิง
กฤชพร ศรีสังข์ นันทนา หรง่ั เจริญ กุลธิดา ดอนอยู่ไพร และนุกลู อ่อนนิ่ม. 2564. การผลิตลองกองคุณภาพใน

สภาพแวดลอ้ มเปล่ียนแปลงเขตภาคเหนอื ตอนลา่ ง. แหล่งขอ้ มูล
https://www.doa.go.th/research/showthread.php?mode=linear&tid=2385&pid=2403
สืบคน้ เม่ือ : 20 กันยายน 2564
จรัสศรี นวลศรี สมปอง เตชะโต และ มงคล แซห่ ลมิ . 2544. การศกึ ษาความแปรปรวนทางพันธกุ รรมของ
ตน้ กล้าลองกอง (Lansium domesticum Corr.) ที่ไดจ้ ากการเพาะเมล็ดโดยใช้เทคนิค RAPD
(Random amplified polymorphic DNA). หน้า 532-539. ใน:การประชุมทางวชิ าการของ
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ครง้ั ที่ 39 สาขาพืช สาขาส่งเสริมและนิเทศศาสตรเ์ กษตร. 5-7 กมุ ภาพนั ธ์
2544 ณ กรุงเทพฯ.
วันทนา บวั ทรัพย์ เรืองเดช นิเวศประเสริฐ สรุ กิตติ ศรีกุล และภญิ โญ มีเดช. 2540. ลองกอง. โรงพิมพช์ มุ นุม
สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั กรุงเทพฯ. 41 หน้า.
สมพร จนั ทเดช. 2535. การปลกู ลองกอง.สานกั พิมพ์โอเดียนสโตร์ กรุงเทพฯ. 98 หนา้

38

บทท่ี 6
การเกบ็ เกย่ี วและการจดั การผลผลติ ลองกองตามมาตรฐานการส่งออก
ลองกองมีหลักเกณฑ์ในการคัดคุณภาพของผลผลิตคือ อายุการเก็บเกี่ยว ตาหนิหรือข้อบกพร่อง ขนาด
ของผลผลิตและบรรจุภัณฑ์ ทั้งน้ีเพราะอายุการเก็บเก่ียวและตาหนิ เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อรูปลักษณ์และ
คุณภาพของผลผลิต ว่าผลผลิตนั้นเหมาะสมต่อการบริโภคหรือไม่ ส่วนขนาดของผลผลิตและบรรจุภัณฑ์ จะ
เปน็ ปัจจัยทช่ี ่วยกระตนุ้ และสง่ เสริมให้ผบู้ รโิ ภคสนใจสนิ ค้ายง่ิ ขน้ึ (เบญจมาส, 2549)
6.1 อายุเก็บเก่ียว
การตัดสินอายุการเก็บเก่ียวหรือความแก่ของลองกองโดยทั่ว ๆ ไป จะพิจารณาจากการ
เปล่ียนสีผิว ลองกองแก่สีของผิวเปลือกผลจะเปล่ียนจากเขียวเป็นเหลือง (ภาพท่ี 6.1) ในขณะเดียวกันสีของ
เนื้อก็จะเปลี่ยนจากขาวขุ่นเป็นขาวใส และถ้าจะให้แน่ใจก็อาจต้องชิม ผลลองกองท่ีแก่ได้ท่ี จะมีรสชาติหวาน
มากกว่าเปรี้ยว ถ้าเป็นผลลองกองแก่ยังไม่ได้ท่ี จะให้รสชาติท่ีเปร้ียวมากกว่าหวาน ในทางปฏิบัติก่อนการเก็บ
เกีย่ วชาวสวนมกั จะชมิ รสชาติจากผลที่อยู่ส่วนโคน กลาง และปลายช่อ ก็ถือว่าช่อนั้นแก่เหมาะสาหรับการเก็บ
เกีย่ วได้

ภาพท่ี 6.1 ลองกองระยะสุกแก่ ผวิ เปลอื กจะมสี ีเหลอื งนวล
6.2 ตาหนิ

เนื่องจากลองกองเป็นผลไม้ท่ีนิยมซ้ือขายเป็นแบบช่อ การจัดมาตรฐานคุณภาพของ
ลองกองจึงต้องดูลักษณะของช่อประกอบกับความสมบูรณ์ของผลในแต่ละช่อควบคู่กันไป ซึ่งลักษณะของช่อ
ลองกองอาจแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ ประเภทช่อแนน่ ซ่งึ แบ่งเป็น 3 เกรด ตามน้าหนักช่อ และเกรดรวมช่อ

39

(ภาพที่ 6.2) สาหรับลองกองช่อที่นิยมซ้ือขายกันในตลาดและสะดวกในการจัดช้ันคุณภาพ คือ ช่อที่ผลรวมตัว
กนั แนน่ เพราะผลจะไม่รว่ งหล่นงา่ ย ๆ ทาให้สะดวกในการบรรจุหบี หอ่ และการขนสง่

(1) (2)
ภาพท่ี 6.2 (1) ลองกองเกรดชอ่ และ (2) เกรดรวมช่อ
นอกจากชนิดและขนาดของช่อแล้ว ส่ิงสาคัญท่ีจะทาให้ลองกองได้รับการจัดให้อยู่ในชั้น
คุณภาพได้หรือไม่นนั้ มกั ข้ึนอยกู่ ับ ตาหนิของผลในชอ่ ของลองกอง ซ่งึ แยกออกได้เปน็ 3 ประเภท ดงั นี้ คอื
1. ตาหนดิ ้านกกั กันพืช

ผลลองกองท่ีมีตาหนิไม่ผ่านการกักกันพืช คือ ผลท่ีมีแมลงเกาะอยู่หรือเข้า
ทาลายซึง่ ไดแ้ ก่ หนอนชอนเปลอื กลองกอง (ภาพที่ 6.3(1)) ผเี ส้ือมวนหวาน (ภาพท่ี 6.3(2)) เป็นตน้

(1) (2)
ภาพท่ี 6.3 (1) ลองกองทโ่ี ดนหนอนชอนเปลอื กลองกองทาลาย และ(2) ลองกองทีโ่ ดนผเี สอ้ื มวนหวาน

40

เข้าทาลาย
2. ตาหนิท่รี นุ แรง

ตาหนิที่มีผลกระทบต่อรูปลักษณ์และคุณภาพของลองกอง เช่น ผลแตก
(ภาพท่ี 6.4) ผลเนา่ (ภาพที่ 6.5) ผลเขียว (ภาพที่ 6.6) ซ่งึ จะตอ้ งคัดออกเม่ือพบ

ภาพที่ 6.4 ผลแตก

ภาพท่ี 6.5 ผลเนา่

41

ภาพท่ี 6.6 ผลเขียว
3. ตาหนิทไ่ี มร่ นุ แรง

ตาหนิท่ีมีผลกระทบต่อรูปลักษณ์และคุณภาพของลองกองไม่มากนัก เช่น
แผลตกสะเก็ดทเี่ ปลือก (ภาพท่ี 6.7) และราดา (ภาพท่ี 6.8)

ภาพท่ี 6.7 ลองกองเปน็ แผลตกสะเก็ดที่เปลอื ก

42

ภาพที่ 6.8 ลองกองเป็นราดาบรเิ วณผวิ
สาหรับกรณีของลองกองช่อนั้น การกาหนดหลักเกณฑ์ของพ่อค้าคนกลางในจังหวัดอุตรดิตถ์
กาหนดคุณภาพว่าต้องเป็นลองกองที่ช่อแน่น (ภาพที่ 6.9) โดยมีขนาดและความแก่ของผลสม่าเสมอ แบ่งเป็น
3 เกรดตามน้าหนักช่อคือ เกรด A น้าหนัก 700 กรัมขึ้นไป เกรด B น้าหนัก 600-700 กรัม และเกรด C
นา้ หนกั 500-600 กรมั

ภาพที่ 6.9 ลองกองประเภทช่อเกรด A (1) เกรด B( 2) และ เกรด C (3)
43

6.3 ขนาดของผล
ในกรณีที่มีการขายลองกองเป็นผลเด่ียวขนาดของผลจะมีส่วนสาคัญในการจัดช้ันคุณภาพ

ของลองกองเช่นเดียวกับขนาดและความแน่นของช่อ ขนาดของผลโดยเฉล่ียแบ่งออกได้ 6 ขนาด คือ ใหญ่
พิเศษ ใหญ่ กลาง เล็ก จ๋ิว และเม็ดบัว ดังตารางที่ 6.1 จากรายงานของนันทนาและคณะ, 2564 รายงานว่า
ขนาดผลของลองกองของเกษตรกรในจังหวัดอุตรดิตถ์ จะอยู่ในช่วง 22.00-23.36 กรัม (ตารางท่ี 6.2) อยู่ใน
ขนาดกลางของการจัดชัน้ คณุ ภาพผลลองกอง
ตารางท่ี 6.1 ขนาดของลองกองผลเดี่ยวตามมาตรฐานของ สานกั งานมาตรฐานสนิ ค้าเกษตรและอาหารแหง่ ชาติ

ขนาดผล น้าหนกั (กรัม)
ใหญ่พิเศษ >30
ใหญ่ 26 - 30
กลาง 21 - 25
เล็ก 16 - 20
จวิ๋ 10 - 15
เมล็ดบวั <10

หมายเหตุ เมล็ดบวั คอื คาท่ีชาวสวนหรือผคู้ ้าใชเ้ รยี กผลลองกองขนาดเลก็ กวา่ 10 กรมั ลงไป
ตารางท่ี 6.2 ขนาดผลลองกองเฉลย่ี ในแปลงเกษตรกร ต.แมพ่ ลู อ.ลบั แล จ.อุตรดติ ถ์ ปี 2561-2563

ปี น้าหนักผล (กรัม)
2561 23.36
2562 22.00
2563 22.27
เฉลยี่ 22.54

6.4 การเก็บเกีย่ ว
หลักการสาคัญของการเก็บเกี่ยวลองกองคือ ต้องเก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสม เพราะ

ลองกองเปน็ ไม้ผลประเภทนันไคลแมคเทอริก (non-climacteric fruit) หมายถึงไม้ผลท่ีไม่สามารถนาไปบ่มให้
สุกได้เหมือนมะม่วง ขนุน หรือทุเรียน (พรทิพย์, 2564) การเก็บเก่ียวท่ีเร็วเกินไปจะทาให้ลองกองจะยังมีรส
เปรยี้ ว แตถ่ า้ เก็บเกย่ี วชา้ เกนิ ไปผลก็ร่วง ซ่ึงลองกองในต้นเดียวกันจะสุกไม่พร้อมกัน เกษตรกรจึงควรเลือกเก็บ
เกย่ี วเฉพาะชอ่ ทส่ี กุ พอเหมาะเท่าน้ัน โดยพจิ ารณาไดจ้ าก

44

1. สีผิวของเปลอื กจะเปล่ียนจากสีเขยี วเปน็ สีอมเหลือง (ภาพที่ 6.10 (1)) และเหลืองมาก
ขึ้นจนออกเหลืองนวลทั้งช่อ ระยะท่ีเหมาะต่อการเก็บเก่ียวคือหลังจากผลเร่ิมเปล่ียนสีประมาณ 15-25 วัน
(ภาพท่ี 6.10 (2))

2. กลีบเลีย้ งและก้านช่อผลเปลย่ี นจากสีเขยี วสด เปน็ สนี ้าตาล
3. การชิม โดยให้ปลิดผลท่อี ยู่ปลายช่อซง่ึ จะสุกชา้ กว่าตอนบนของช่อ ผลสุกจะมรี สชาติ
หอมหวาน เนอื้ เปลี่ยนจากสขี าวขุ่นเปน็ สีขาวใส
4. สังเกตการณ์อ่อนตัวของผลโดยบีบเบา ๆ จะพบวา่ ผลท่ีสุกแกด่ ีจะนิ่มกวา่ ผลทีย่ งั ไม่แก่
(วนั ทนา และคณะ, 2540)
การเก็บลองกองควรใช้มีดคม ตดั ขว้ั ใหช้ ิดกง่ิ เรยี งในเข่งท่ีมีถุงรองไม่ให้มีชอ่ งวา่ ง เพื่อกัน
ผลหลุดรว่ งออกจากชอ่ มดั ปากถุงให้แน่น (ภาพท่ี 6.11) และลาเลยี งมายังโรงคัดบรรจุ เพ่ือคดั แยกผลผลิตท่มี ี
ตาหนอิ อก และคดั ขนาดช่อ ตามมาตรฐานท่ีกาหนดก่อนจาหน่ายใหพ้ ่อค้าคนกลางต่อไป

(1) (2)
ภาพท่ี 6.10 (1) ลองกองเร่ิมเปล่ยี นสยี งั ไมพ่ ร้อมเก็บเกยี่ ว และ (2) ลองกองในระยะสุกแกพ่ ร้อมเก็บเกยี่ ว

45

ภาพท่ี 6.11 การเก็บเก่ียวลองกอง และการเตรียมขนสง่ ไปยังโรงคดั บรรจุ
6.5 บรรจภุ ณั ฑ์

ลองกองเกรดช่อนิยมบรรจุในกล่องกระดาษ ขนาดบรรจุประมาณ 5-10 กิโลกรัม โดยมี
กระดาษคั่นระหว่างชั้นหรือระหว่างช่อ (ภาพท่ี 6.12) ในกรณีที่เป็นเกรดรวมช่อ นิยมบรรจุลงในลังพลาสติก
แลว้ หมุ้ ดว้ ยกระดาษ สาหรับการจาหนา่ ยภายในประเทศ (ภาพที่ 6.13)

ภาพที่ 6.12 ลองกองที่บรรจุในกลอ่ งกระดาษขนาด 5 กิโลกรมั

ภาพที่ 6.13 ลองกองเกรดรวมช่อบรรจลุ งในลงั พลาสติก สาหรับการจาหนา่ ยภายในประเทศ

46

เอกสารอ้างองิ
นนั ทนา บุญสนอง ยุพา สวุ ิเชียร เอกพล มนเดช และวิลาวรรณ ไชยบุตร. 2564. รายงานโครงการวิจัยสนิ้ สดุ

การทดสอบเพมิ่ ประสิทธิภาพและคณุ ภาพในการผลิตไม้ผลในเขตภาคเหนือตอนล่าง
แหล่งขอ้ มูล:http://www.doa.go.th/plan/wp-content/uploads/2021/05/2132.1. สบื ค้นเมือ่ :
20 กันยายน 2564
เบญจมาส รตั นชนิ กร. 2549. การคดั คุณภาพผลไม้เมืองรอ้ นเพอื่ การสง่ ออก. โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์
การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากัด กรงุ เทพฯ. 144 หน้า.
พรทพิ ย์ ศริ สิ ุนทราลกั ษณ.์ 2564. เอกสารประกอบการเรียนการสอน อภ 311 การแปรรูปอาหาร 1.
แหลง่ ขอ้ มลู : http://thesis.swu.ac.th/swuebook/h335986.pdf. สืบค้นเมื่อ : 20 กันยายน 2564
วนั ทนา บวั ทรพั ย์ เรืองเดช นิเวศประเสรฐิ สรุ กติ ติ ศรีกุล และภิญโญ มเี ดช. 2540. ลองกอง. โรงพิมพช์ มุ นุม
สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั กรุงเทพฯ. 41 หนา้ .

47


Click to View FlipBook Version