เข้ามาเลย!
การสร้างคำ
ซ้ำ&ซ้อน
มัธยมศึ กษาปีที่ 1
ผู้จัดทำ
ระวีวรรณ 023
โชติรส 038
ก
คำนำ
บทเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำ ประสม ซ้ำ ซ้อน สอดคล้อง
กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทรศักราช 2551
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท 4.1
เข้าใจรรรมชาติของภาษาและ หลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษาไทย และรักษาภาษาไทยไว้
เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดข้อที่ 2 สร้างคำในภาษาไทย สาระการเรียนรู้
แกนกลาง การสร้างคำ หัวข้อ คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน โดยบทเรียน
เล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจำนวน 5 บท ได้แก่ บทที่ 1 ก่อร่างสร้างคำ
บทที่ 2 ประสมปนเป บทที่ 3 เน้นย้ำ ซ้ำ ๆ สิ บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
บทที่ 5 ลองคิดลองทำ
บทเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำ ( ประสม ซ้ำ ซ้อน ) สร้างขึ้น
โดยนำทฤษฎีของ โรเบิร์ต กาเย่ (Robert Gange) มาประยุกต์ใช้ทั้งนี้
ทฤษฎี 9 ขั้นของโรเบิร์ต กาเย่ จัดอยู่ในกลุ่มผสมผสาน ซึ่งเชื่อว่าความรู้
มีหลายประเภท บางประเภทสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้
ความคิดที่ลึกซึ้งแต่บางประเภทมีความซับซ้อนจำเป็นต้องใช้ความ
สามารถในขั้นสูง ทฤษฎีของกาเย่มี ๒ ส่วนใหญ่ ๆ คือ ทฤษฎีการเรียนรู้
ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับการเกิดการเรียนรู้และทฤษฎีการจัดการเรียนการสอน
ซึ่งเป็นการประยุกต์ความรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ใน
การส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ (สำนักงานคณะ
กรรมการการศึกษาแห่งชาติ, ๒๕๕๕, หน้า ๑๐๙')
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, ๒๕๕๕, หน้า ๑๐๙')
ข
คำนำ
การศึกษาในโรงเรียนไม่เพียงแต่จะสามารถทำให้เกิดผลด้านอัตรา
การพัฒนาสติปัญญาเท่านั้น แต่จะต้องแสดงบทบาทที่สร้างอิทธิพลใน
เรื่องนี้อย่างชัดเจน ซึ่งความพร้อมในการเรียนของนักเรียนแต่ละคนมี
ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการจัดระบบด้านทักษะให้มีความเหมาะสม
การศึกษาบทเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำ ประสม ซ้ำ ซ้อน
เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการทำความเข้าใจกับเนื้อหา และฝึกฝนให้
นักเรียนได้คิด และวิเคราะห์มากกว่าความจำ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียน
รู้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้ศึกษาไปใช้ในชีวิต
ประจำวันได้อย่างถูกต้อง
คณะผู้จัดทำ
25 กุมภาพันพ์ 2565
ค
ตารางแสดงความสัมพันธ์ของทฤษฎีกาเย่และ
บทเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำ ประสม ซ้ำ ซ้อน
ง
รายละเอียดเกี่ยวกับทฤษฎีกาเย่
โรเบิร์ต กาเย่ ( Robert Gange ) ได้นำเอาแนวความคิด ซึ่งเป็น
หลักการสอนที่นำเสนอเนื้อหา และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเน้นให้ผู้
เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับครูผู้สอนและบทเรียนซึ่งจะส่งผลดีต่อการเรียนรู้
ของผู้เรียน โดยสำหรับหลักการสอนทั้ง 9 ประการนั้น มีดังนี้
1. เร่งเร้าความสนใจ (Gain Attention)
2. บอกวัตถุประสงค์ (Specify Objective)
3. ทบทวนความรู้เดิม (Activate Prior Knoeledge)
4. นำเสนอเนื้อหาใหม่ (Present New Information)
5. ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ (Guide Learning)
6. กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน (Elicit Response
7. ให้ข้อมูลย้อนกลับ (Provide Feedback)
8. ทดสอบความรู้ใหม่ (Assess Performance
9. สรุปและนำไปใช้ (Review and Transfer
สารบัญ จ
เรื่อง หน้า
คำนำ ก
ตารางแสดงความสัมพันธ์ ค
รายละเอียดเกี่ยวกับทฤษฎีกาเย่ ง
สร้างได้สร้างดู 1
บอกเล่าเป้าหมาย 2
สร้างคำสำคัญ 3
อะไรคือคำมูล 5
บทที่ 1 ก่อร่างสร้างคำ 7
บทที่ 2 ประสมปนเป 10
บทที่ 3 เน้นย้ำ ซ้ำ ๆ สิ 16
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ 20
ดูให้ดี ดูให้ได้ 29
บทที่ 5 ลองคิดลองทำ 30
ก่อนลาช่วยจำ 33
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
1
สร้างได้สร้างดู
2
บอกเล่า..เป้าหมาย
วัตถุประสงค์ของบทเรียน
1.เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจในเรื่อง การสร้างคำภาษาไทย
คำประสม คำซ้ำ และคำซ้อน
2. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ได้อย่างถูกต้อง
3
สร้างคำสำคัญ
คุณรู้จัก
การสร้างคำไหม ?
4
สร้างคำสำคัญ
ทำไมการสร้างคำถึงสำคัญ ?
การสร้างคำ เป็นการเรียนรู้ภาษา หรือคำต่าง ๆ
ที่ได้แตกกิ่งก้านออกมาใหม่ เหมือนกับต้นไม้
เนื่องจากคนเราใช้ภาษามากขึ้นมีเรื่องราวมากขึ้น
คนจึงสรรสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาเสมอ
ซึ่งการสร้างคำจากภาษาไทย คือการนำคำมูล
มารวมกันในรูปแบบต่าง ๆ ก็จะทำให้เกิด
คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน
โดยคำเหล่านั้นเป็นคำที่เราใช้
กันอยู่ในชีวิตประจำวัน!!
5
อะไรคือคำมูล
คำพื้นฐานที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง
สร้างขึ้นโดยเฉพาะอาจเป็นคำไทยดั้งเดิม หรือ
คำจากภาษาอื่นก็ได้ และจะเป็นคำ " พยางค์ " เดียว
หรือหลายพยางค์ก็ได้ ( KWANNIE, 2565 )
" พยางค์ "
เสียงที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่ง ๆ ซึ่งจะมีความ
หมายหรือไม่ก็ได้ วิธีนับว่ามีกี่พยางค์นั้น คือเมื่อเรา
อ่านออกเสียง 1 ครั้ง ถือว่าเป็น 1 พยางค์ ถ้าออกเสียง
2 ครั้ง ถือว่าเป็น 2 พยางค์ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้
( ทีมงานทรูปลูกปัญญา, 2564 )
เช่น
ดิน = ( ดิน ) มี 1 พยางค์
ดอกไม้ = ( ดอก - ไม้ ) มี 2 พยางค์
ภูเขาไฟ = ( ภู - เขา - ไฟ ) มี 3 พยางค์
6
อะไรคือคำมูล
" พยางค์ "
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
พยางค์เปิด คือ พยางค์ที่ประกอบด้วย พยัญชนะ
ต้น สระ และวรรณยุกต์
เช่น แก่ ตา ใจ ไม่ ไป ลา ป้า
พยางค์ปิด คือ พยางค์ที่ประกอบด้วย พยัญชนะต้น
สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกด
เช่น เข็ม สอบ เด็ก กราบ โกรธ ปาก
พยางค์เปิด พยางค์ปิด
แม่ ม้า เสือ กาย แก้ว แห้ว
ปลา หนู ฟ้า ม่วง ฝน สาก
ผ้า ขา หวี รูป แมว บ้าน
7
บทที่ 1 ก่อร่างสร้างคำ
การสร้างคำในภาษาไทย
คำที่ใช้ในภาษาไทยดั้งเดิม ส่วนมากจะเป็นคำที่มี
พยางค์เดียว เช่น พี่ น้อง เดือน ดาว หมู หมา กิน
นอน ดี ชั่ว สอง สาม เป็นต้น
แต่เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลง มีสิ่งที่แปลกใหม่
เพิ่มมากขึ้น ภาษาไทยจึงต้องพัฒนาทั้งรูปคำ และการ
เพิ่มจำนวนคำเพื่อให้มีคำใช้ในการสื่อสารให้เพียงพอ
กับการเปลี่ยนแปลงของทุก ๆ อย่าง คำมูลที่เป็นคำ
ดั้งเดิมที่มีใช้ในภาษาไทยไม่เพียงพอที่จะนำไปใช้
จึงจำเป็นต้องสร้างคำใหม่ด้วยการ..
คำประสม " สร้างคำ "
คำซ้ำ
คำซ้อน
8
บทที่ 1 ก่อร่างสร้างคำ
คำมูล
คือ คำพื้นฐานที่มีความหมายชัดเจนในตัวเอง
ใช้เรียกสิ่งของ และบอกลักษณะอาการทั่วไป อาจเป็น
คำไทยแท้ หรือคำยืมจากภาษาต่างประเทศก็ได้
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
คำมูลพยางค์เดียว เช่น เพลง ชาม พ่อ ยิ้ม สุข ฟรี เมตร
แป๊ะ
คำมูลหลายพยางค์ เช่น ดอกไม้ แมวน้ำ จิ้งหรีด กระดาษ
มะละกอ เมื่อแยกแต่ละพยางค์แล้ว อาจมีความหมาย
หรือไม่มีความหมายก็ได้
*แต่ความหมายของแต่ละพยางค์ไม่เกี่ยวข้องกับความหมายของคำมูลนั้น
สิ่งที่จะขาดไม่ได้ในการสร้างคำทุกรูปแบบ
ทั้งคำประสม คำซ้ำ หรือคำซ้อน ล้วนแต่ต้องใช้
"คำมูล" เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างขึ้นมา
( KWANNIE, 2565 )
9
บทที่ 1 ก่อร่างสร้างคำ
คำมูลมาเล่นกันเถอะ
คำชี้แจง : ให้นักเรียนพิจารณาคำมูลลพยางค์เดียว และคำมูลหลาย
พยางค์ลงในตารางให้ถูกต้อง
ปราชญ์ สลัก จวัก แก้วน้ำ พิศดาร แถลง
ผอม ขนม ผลไม้ แกร่ง ม้านั่ง ร้อนเย็น
ตราด วุฒิ พัดลม จรด บาส แก้ม
คำมูลพยางค์เดียว คำมูลหลายพยางค์
....................................... .......................................
....................................... .......................................
....................................... .......................................
....................................... .......................................
....................................... .......................................
10
บทที่ 2 ประสมปนเป
ประสม
คำที่สร้างขึ้นใหม่ โดยการนำคำมูลตั้งแต่ 2 คำขึ้น
ไปมารวมกัน และเกิดเป็นคำใหม่ ความหมายใหม่
คำประสมอาจเกิดจากการประสมคำต่าง ๆ ดังนี้
ไทย + ไทย
คำมูล พ่อ คำประสม = พ่อตา
ตา
คำมูล ลูก คำประสม = ลูกสูบ
สูบ
คำมูล ต้ม คำประสม = ต้มยำ
ยำ
11
บทที่ 2 ประสมปนเป
ประสม
คำประสมอาจเกิดจากการประสมคำต่าง ๆ ดังนี้
ไทย + ต่างประเทศ
คำมูล กิน คำประสม = กินแชร์
คำประสม = ของโปรด
( ไทย )
แชร์
( อังกฤษ )
คำมูล ของ
( ไทย )
โปรด
( เขมร )
ต่างประเทศ + ต่างประเทศ
คำมูล เครดิต คำประสม = เครดิตการ์ด
คำประสม = แก๊สพิษ
( อังกฤษ )
การ์ด
( อังกฤษ )
คำมูล แก๊ส
( อังกฤษ )
พิษ
( สันสกฤต )
12
บทที่ 2 ประสมปนเป
เกิดความหมายใหม่แต่ยังมีเค้าความหมายเดิม
เตา + ถ่าน
เตา = ที่สำหรับก่อไฟหุงต้มหรือเผาสิ่งต่าง ๆ
ถ่าน = ไม้ที่เผาจนสุกมีสีดำ ใช้เป็นเชื้อเพลิง
เตาถ่าน หมายถึง เตาที่ใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิง
รถ + ไฟ
รถ = ยานที่มีล้อสำหรับเคลื่อนไป
ไฟ = ผลจากปฏิกิริยาเคมีซึ่งก่อให้เกิดความร้อน
รถไฟ หมายถึง รถที่พ่วงกันเป็นขบวนยาว ใช้พลังงานไฟขับเคลื่อน
ความหมายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ขาย + หน้า
ขาย = เอาของแลกเงินตรา
หน้า = ส่วนของศีรษะตั้งแต่หน้าผากลงมาจดคาง
ขายหน้า หมายถึง อับอาย
อก + หัก
อก = ส่วนของร่างกายด้านหน้าอยู่ระหว่างคอกับท้อง
หัก = พับงอ
อกหัก หมายถึง พลาดหวัง ผิดหวัง
13
บทที่ 2 ประสมปนเป
การย่อความให้กะทัดรัด
มักจะขึ้นต้นด้วย การ ความ ของ เครื่อง ชาว นัก ผู้ ช่าง
เช่น
การ = การงาน การบ้าน การค้า
ความ = ความดี ความคิด ความโลภ
ของ = ของหวาน ของเสีย ของกิน
เครื่อง = เครื่องแบบ เครื่องเรือน เครื่องบิน
ชาว = ชาวนา ชาวบ้าน ชาววัง
นัก = นักร้อง นักเรียน นักสู้
ผู้ = ผู้ร้าย ผู้ใหญ่ ผู้บริหาร
ช่าง = ช่างไม้ ช่างเสริมสวย ช่างแอร์
14
บทที่ 2 ประสมปนเป
ข้อสังเกต
1.ถ้านำคำมูล 2 คำมารวมกันแล้วไม่เกิดความหมายใหม่
ไม่จัดเป็นคำประสม
ไข่ + ไก่ = ไข่ไก่ หมายถึง ไข่ของไก่
ลูก + ไก่ = ลูกไก่ หมายถึง ลูกของไก่
( จัดเป็นกลุ่มคำ )
2. คำภาษาบาลีประสมกับคำภาษาสันสกฤต ไม่ถือเป็น
คำประสม พุทธ ( ป. ) ป. = คำภาษาบาลี
พุทธ + บูชา = บูชา ( ป./ส. ) ส. = คำภาษาสันสกฤต
รัฐ + บาล = รัฐ ( ป./ส. )
บาล ( ป./ส. )
( จัดเป็นคำสมาส )
15
บทที่ 2 ประสมปนเป
ปริศนาคำประสม
คำชี้แจง : ให้นักเรียนทายคำประสมจากภาพ
16
บทที่ 3 เน้นย้ำ ซ้ำ ๆ สิ
คำซ้ำ
เป็นคำที่เกิดจากคำมูลตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป แต่คำมูล
ที่นำมาประสมกันนั้นต้องเป็น คำเดียวกัน จึงจะเกิด
เป็นคำซ้ำ โดยคำที่เกิดขึ้นใหม่ จะมีความหมายคล้าย
เดิม แต่เน้นน้ำหนักของความหมายให้หนักขึ้นหรือ
เบาลง หรืออาจเปลี่ยนความหมายเป็นอย่างอื่นก็ได้
( อลงกรณ์ พลอยแก้ว, 2564 )
มีด้วยกัน 2 วิธี
คำซ้ำที่ใช้ไม้ยมก ( ๆ ) กำกับ
เด็ก ๆ ไปไหน
เด็ก ๆ หมายถึง เด็กหลายคน
สินค้าถูก ๆ เยอะแยะเลย
ถูก ๆ หมายถึง ถูกมาก
ขนมอร่อย ๆ ทั้งนั้น
อร่อย ๆ หมายถึง ของอร่อยทุกอย่าง
17
บทที่ 3 เน้นย้ำ ซ้ำ ๆ สิ
คำซ้ำ
คำซ้ำที่เล่นเสียงวรรณยุกต์ โดยเปลี่ยนเสียง
วรรณยุกต์แรกให้สูงขึ้น
สวย ๆ = ซ้วยสวย
เช่น เธอคนนั้นซ้วยสวย
ซ้วยสวย หมายถึง สวยมาก ๆ
ดี ๆ = ดี๊ดี
เช่น เขาคนนั้นนิสัยดี๊ดี
ดี๊ดี หมายถึง ดีมาก ๆ
ดำ ๆ = ด๊ำดำ
เช่น เฉาก๊วยสีด๊ำดำ
ด๊ำดำ หมายถึง ดำมาก ๆ
18
บทที่ 3 เน้นย้ำ ซ้ำ ๆ สิ
ข้อสังเกต
1. คำที่ไม่สามารถเป็นคำซ้ำได้
กริยาช่วย เช่น จะ คง ได้ อาจ
บุพบท เช่น ของ แห่ง ด้วย กับ
สันธาน เช่น เมื่อ หลังจาก ตั้งแต่ และ แต่
หรือ จึง
2. คำซ้ำบางคำ จะเปลี่ยนเป็นความหมายใหม่ไปเลย
โดยไม่มีเค้าของคำคำเดิม
กล้วย = ชื่อไม้ล้มลุก
กล้วย ๆ = ง่ายมาก
หมู = ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
หมู ๆ = ง่ายมาก
พื้น = ฐาน
พื้น ๆ = ธรรมดา
19
บทที่ 3 เน้นย้ำ ซ้ำ ๆ สิ
แต่งประโยคคำซ้ำ
คำชี้แจง : ให้นักเรียนนำคำซ้ำที่ครูกำหนดให้มาแต่งประโยค
เพื่อน ๆ ..................................
ไกล ๆ ..................................
กล้วย ๆ
..................................
..................................
..................................
..................................
20
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
คำซ้อน
การสร้างคำโดยนำคำมูลที่มีความหมายเหมือนกัน
ใกล้เคียงกัน หรือตรงข้ามกันมารวมกันเป็นคำใหม่
มีความหมายใหม่ โดยความหมายใหม่อาจกว้างขึ้น
หนักแน่นขึ้น หรือเบาลงก็ได้ (อักษรเจริญทัศน์, มปป)
มีด้วยกัน 2 รูปแบบ
คำซ้อนเพื่อความหมาย
คือ คำซ้อนที่เกิดจาคำมูลที่มีความหมายเหมือนกัน
ใกล้เคียงกัน หรือตรงกันข้ามมาวางชิดกัน
ความหมายเหมือนกัน
บ้าน + เรือน
บ้าน = ที่อยู่อาศัย
เรือน = ที่อยู่อาศัย
บ้านเรือน หมายถึง ที่อยู่อาศัย
เสื่อ + สาด
เสื่อ = เครื่องสานชนิดหนึ่งสำหรับปูนั่งและนอน
สาด = เครื่องสานชนิดหนึ่งสำหรับปูนั่งและนอน
เสื่อสาด หมายถึง เครื่องสานชนิดหนึ่งสำหรับปูนั่งและนอน
21
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
คำซ้อน
ความหมายใกล้เคียงกัน
คัด + เลือก
คัด = เลือก, แยกสิ่งที่รวมกันอยู่
เลือก = คัดสิ่งที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่ง
คัดเลือก หมายถึง เลือกเอาที่ต้องการไว้, คัดเอาที่ไม่ต้องการออก
เกรง + กลัว
เกรง = นึกกลัวไปเอง, นึกวิตกไปเอง
กลัว = รู้สึกไม่อยากประสบสิ่งที่ไม่ดีแก่ตัว
เกรงกลัว หมายถึง กลัว
หด + หาย
หด = สั้นเข้า, ย่นเข้า
หาย = สูญ, หาไม่พบ, ไม่ปรากฏ
หดหาย หมายถึง น้อยลง, หมดไป
22
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
คำซ้อน
ความหมายตรงข้ามกัน
ชั่ว + ดี
ชั่ว = เลว, ทราม, ร้าย
ดี = อวัยวะภายในของคน, กระทำในทางที่ต้องการ
ได้ + เสีย
ได้ = รับมาหรือตกมาเป็นของตัว
เสีย = เสื่อมลงไป, ชำรุด
เช้า + เย็น
เช้า = ที่อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่รุ่งสว่างถึงเที่ยง
เย็น = เวลาใกล้คํ่า, หนาว
23
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
จำแนกโดยใช้เกณฑ์ด้านความหมายของคำ
ความหมายของคำชัดเจนยิ่งขึ้น
เช่น ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง รูปร่าง พัดวี เลือกสรร ซื่อสัตย์
หลงเหลือ
ปรับ + ปรุง
ปรับ = ทำให้อยู่ในสภาพที่เหมาะหรือดีขึ้น
ปรุง = ประสมหรือประกอบให้เหมาะส่วน
ปรับปรุง หมายถึง แก้ไขให้เรียบร้อยยิ่งขึ้น
ความหมายของคำเฉพาะเจาะจงกว่าเดิม
เช่น ปัดกวาด เช็ดถู หัวหู ญาติโยม เนื้อตัว
เนื้อ + ตัว
เนื้อ = ส่วนของร่างกายคนและสัตว์อยู่ถัดหนังเข้าไป
ตัว = รูป, ตน, ตนเอง
เนื้อตัว หมายถึง ร่างกาย
ความหมายของคำกว้างกว่าเดิม
เช่น ลูกหลาน พี่น้อง ถ้วยชาม ข้าวปลา
ลูก + หลาน
ลูก = ผู้มีกำเนิดจากพ่อแม่
หลาน = ลูกของลูก, ลูกของพี่หรือของน้อง
ลูกหลาน หมายถึง ผู้สืบเชื้อสาย
24
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
จำแนกโดยใช้เกณฑ์ด้านความหมายของคำ
ความหมายของคำเปลี่ยนไปจากเดิม
เช่น กดขี่ หนาแน่น แน่นหนา อบรม ตัดขาด โขกสับ
อ่อนหวาน อยู่กิน วิ่งเต้น เสียดสี
อ่อน + หวาน
อ่อน = ไม่กระด้าง, นิ่ม
หวาน = มีรสอย่างรสนํ้าตาล
อ่อนหวาน หมายถึง งามละมุนละไม, ไพเราะ, น่าฟัง
25
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
คำซ้อนเพิ่มข้อความในส่วนเนื้อหาเล็กน้ อย
คำซ้อนเพื่อเสียง
คือ คำซ้อนที่เกิดจากการนำคำที่มีเสียงคล้องจอง
และมีความหมายสัมพันธ์กันมาซ้อนกัน เพื่อให้ออกเสียง
ได้ง่ายและไพเราะ
ซ้อนเสียงพยัญชนะต้น
เร่อร่า = /ร/ ตูมตาม = /ต/
ท้อแท้ = /ท/ จริงจัง = /จ/
ซ้อนเสียงสระ
ราบคาบ = สระ -า แร้นแค้น = สระ แ-
จิ้มลิ้ม = สระ -ิ เบ้อเร่อ = สระ เ-อ
ซ้อนเสียงพยัญชนะ - สระ
ออดอ้อน = /อ/ สระ -อ อัดอั้น = /อ/ สระ -ะ
รวบรวม = /ร/ สระ -ัว ลักลั่น = /ล/ สระ -ะ
ซ้อนพยางค์ที่ไม่มีความหมาย แต่มีเสียงสัมพันธ์กับคำ
ที่มีความหมาย
พยายงพยายาม กระดูกกระเดี้ยว
ตาเตอ หนังสงหนังสือ
26
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
คำซ้อน
ซ้อนด้วยคำที่มีความหมายใกล้เคียงแล้วเพิ่ม พยางค์
ให้เสียงสมดุลกัน
สะกิดสะเกา ขโมยขโจร
กระดุกกระดิก
คำซ้อน 4 - 6 พยางค์ จะมีเสียงสัมผัสภายในคำ
ทรัพย์ในดินสินในน้ำ สัมผัสดิน/สิน
ถ้วยโถโอชาม สัมผัสโถ/โอ
ผู้ลากมากดี สัมผัสลาก/มาก
(อักษรเจริญทัศน์, มปป)
27
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
ข้อสังเกต
1. คำซ้อนมีลักษณะคล้ายคำประสม
แต่!! แตกต่างจากคำประสมตรงที่ คำซ้อนจะมาจาก
คำมูลที่มีความหมายคล้ายกันหรือเกี่ยวข้องในเรื่องเดียวกัน
โดยเป็นไปในทางเดียวกัน หรือ ทางตรงกันข้ามก็ได้
( อลงกรณ์ พลอยแก้ว, 2564 )
28
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
เกมคำซ้อนซ่อนคำศัพท์
คำชี้แจง : ให้นักเรียนวงรอบคำซ้อนในตารางให้ถูกต้อง
เ สื่ อ ส า ด
ก ล็ จิ้ ม ลิ้ ม
ซ ยั ก ห ข ป
ช งู พี่ น้ อ ง
ไ ร่ น า อ ฒ
เ นื้ อ ตั ว ย
29
ดูให้ดี ดูให้ได้
คำประสม
เกิดความหมายใหม่แต่ยังมีเค้าความหมายเดิม
เตา + ถ่าน = เตาถ่าน หมายถึง เตาที่ใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิง
คอ + ห่าน = คอห่าน หมายถึง ส่วนของโถส้วมตรงที่มีลักษณะ
คล้ายคอห่านสำหรับกักนํ้ าเพื่อกันกลิ่น
ความหมายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
แม่ + บ้าน = แม่บ้าน หมายถึง หญิงผู้จัดการงานในบ้าน
ผ้า + ขาว = ผ้าขาว หมายถึง ผ้าสีขาว
คำซ้ำ
คำซ้ำที่ใช้ไม้ยมก ( ๆ ) กำกับ
เด็ก ๆ หมายถึง เด็กหลายคน
น้อย ๆ หมายถึง น้อยมาก
เล่นเสียงวรรณยุกต์ แรกให้สูงขึ้น
แพง ๆ = แพ้งแพง นาน ๆ = น้านนาน
สูงๆ = สู้งสูง อ้วน ๆ = อ๊วนอ้วน
คำซ้อน
คำซ้อนเพื่อความหมาย
ชั่ว + ร้าย = ชั่วร้าย หมายถึง ร้าย, โหดเหี้ยม
ดู + แล = ดูแล หมายถึง เอาใจใส่ให้เป็นไปด้วยดี
คำซ้อนเพื่อเสียง โยกเยก = /ย/ มุ่งมั่น = /ม/
แออัด = /อ/ อ้างว้าง = /-า/ เพิ่มเติม = /เ-อ/
จิ้มลิ้ม = / -ิ/
30
บทที่ 5 ลองคิดลองทำ
1. ข้อใดไม่ใช้การสร้างคำใหม่ 5. ข้อใดเป็นคำประสมทุกคำ
ในภาษาไทย
ก. จานเด็ด จานด่วน
ก. ซ้ำคำ ข. คิดถึง คิดก่อน
ข. ซ้อนคำ ค. เตะจมูก เตะฉาก
ค. ประสมคำ ง. คำขวัญ คำตั้ง
ง. สมาส สนธิ
6. คำใดบ้างที่เป็นคำมูลหลาย
2. ข้อใดเป็นคำซ้ำทั้งหมด พยางค์
ก. ปิดๆ เปิดๆ ทรัพย์สมบัติ
ข. ผิดชอบ กระโดกกระเดก ก.ทำดี ผลดี ประพฤติ
ค. กระชุ่มกระชวย จุกจิก ข.ประพฤติ ประโยชน์ ราศี
ง. เป็นรูปเป็นร่าง ระริกระรี้ ค.ราศี ดาวเคราะห์ ประโยชน์
ง. ดาวเคราะห์ ผลดี สิ่งร้าย
3. ข้อใดเป็นคำประสมทั้งหมด 7. ข้อใดเป็นคำมูลทุกคำ
ก. กระดานดำ แปดเปื้ อน ก. เกาเหลา เซ่งจี้ เทนนิส
ข. เครื่องคิดเลข ข้าวสุก ข. หมึกแดง นาฬิกา โขมด
ค. ผิดชอบเสแสร้ง ค. ศิลปะ ข้าวแดง กระป๋อง
ง. ผลิตผล ชดว้อย ง. กัลปังหา อักษร หญ้าแห้ง
4. คำในข้อใดเป็นคำซ้อน 8. ข้อใดเป็นคํามูลทุกคํา
ก. ต้นข้าวปลา ก. กะลา นาฬิกา เฟื่ องฟ้า ปลาเค็ม
ข. ท้วงติง ข. กะทิ กะละมัง ตลก มะลิ
ค. ช่างไฟฟ้า ค. น้ำใจ สะอาด ขนม ผัดเผ็ด
ง. ขัดคอ ง. สมอง ฉลาด ข้าวผัด สวยงาม
31
บทที่ 5 ลองคิดลองทำ
9. คําในข้อใดเมื่อสลับที่แล้วไม่ 12. ประโยคใดไม่มีคําซ้ำ
เป็นคําประสม ก. แม่รักลูกลูกทุกคนเสมอ
ข. แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก
ก. แม่บ้าน ค. แม่รักลูกลูกโดยไม่มี
ข. หายใจ เงื่อนไข
ค. ลอยตัว ง. แม่รักลูกลูกจึงสอนให้เป็น
ง. ใจดี คนดี
10. คําซ้อนในข้อใดเป็นคําซ้อน 13. คําซ้ำในข้อใดต่างจากพวก
เพื่อความหมายทั้งสองคํา ก. กล้วย ๆ
ข. หมู ๆ
ก. ใหญ่โตมโหฬาร อึดอัด ค. หยก ๆ
ข. ภูตผีปีศาจ ฟูมฟาย ง. ต่าง ๆ
ค. ตับไตไส้พุง ปูุย่าตายาย
ง. ถนนหนทาง วุ่นวาย
11. ข้อใดมีทั้งคําซ้อนเพื่อความ 14. ข้อใดเป็นคํามูล คําประสม
หมายและคําซ้อนเพื่อเสียง คําซ้อนและคําซ้ำตามลําดับ
ก. พ่อแม่ทุกคนเฝ้าฟูมฟักลูก ก. สะอาด ตู้เย็น เบิกบาน
มาตั้งแต่เล็ก จริง ๆ
ข. พี่น้องกันควรทําความดีต่อ ข. จริงๆ วุ่นวาย เครื่องมือ
กันเสมอ ประเทือง
ค. มิตรสหายควรหมั่นดูแลกัน ค. เปลี่ยนแปลง บ้านเมือง
และกัน น้ำใจ เร็ว ๆ
ง. สามีภรรยาต้องรู้จักให้อภัย ง. มาม่า ไวไว ยํายํา ช้างน้อย
ต่อกัน
32
บทที่ 5 ลองคิดลองทำ
15. คําซ้อนในข้อใดมีความหมาย 18. ข้อใดเป็นคํามูลและคํา
คงเดิม ประสมตามลําดับ
ก. สูญหาย ก. เสวย แสวง
ข. อบรม ข. ขนม ต้มยํา
ค. ถากถาง ค. ประชุม ตํานาน
ง. ขัดเกลา ง. สําราญ ตะลุง
19. คํามูลในข้อใดเกิดจากการ
16. ข้อใดเป็นคําประสมและคํา กร่อนเสียงพยางค์หน้า
ซ้อนตามลําดับ ก. กระทํา
ข. ประเดี๋ยว
ก. บ้านเรือน บ้านเมือง ค. มะพร้าว
ข. หายใจ จิตใจ ง. ยังไง
ค. ข้าวต้ม ข้าวผัด
ง. ทองคํา ทองแดง
17. คําประสมที่เกิดจากคํานามและ 20. คําดั้งเดิมในทุกภาษาจะเป็น
คําพยางค์เดียวหรือหลาพยางค์
คํากริยาตามลําดับคือข้อใด ก็ได้เราเรียกคําชนิดนั้นว่าอะไร
ก. เดินเล่น ก. คําพ้อง
ข. น้ําปลา ข. คํานาม
ค. คําซ้อน
ค. หมูทอด ง. คํามูล
ง. ปลาเค็ม
33
ก่อนลาช่วยจำ
คำประสม
คือ คำที่สร้างขึ้นใหม่ เกิดเป็นคำใหม่
เกิดความหมายใหม่แต่ยังมีเค้าความหมายเดิม
เช่น พ่อตา น้ำแข็ง ลูกน้ำ จับจอง
ความหมายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
เช่น คอหอย คอห่าน แม่บ้าน หมดตัว
คำซ้ำ
คือ คำมูลคำเดียวกัน 2 คำ และจะมีความหมายคล้ายเดิม
คำซ้ำที่ใช้ไม้ยมก ( ๆ ) กำกับ
เช่น ใหญ่ ๆ มาก ๆ นิ่ม ๆ น้อย ๆ
เล่นเสียงวรรณยุกต์ แรกให้สูงขึ้น
เช่น แพ้งแพง ส้วยสวย อ๊วนอ้วน กร๊อบกรอบ
คำซ้อน
คือ คำมูลที่มีความหมายเหมือน คล้าย หรือตรงกันข้าม
รวมเป็นคำใหม่ ความหมายใหม่
คำซ้อนเพื่อความหมาย
เช่น ใหญ่โต เสื่อสาด ลูกหลาน ถ้วยชาม
คำซ้อนเพื่อเสียง
เช่น อึดอัด ทุ่มเท มุ่งมั่น กว้างขวาง สอดส่อง แจกแจง
การสร้างคำ ยังมีอีกมากมาย
เช่น คำพ้อง คำสมาส และคำสนธิ
34
บรรณานุกรม
ฟองจันทร์ สุขยิ่ง, กัลยา สหชาติโกสีย์, ศรรีวรรณ ช้อยหิรัญ,
ภาสกร เกิดอ่อน และระวีวรรณ อินทรประพันธ์ (2551).หลักภาษาและ
การใช้ภาษา ม.1. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร : บริษัท ไทยร่มเกล้า
จำกัด
มปป (มปป). คำซ้อน. ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 15, 2565,
จาก https://sites.google.com
มปป (มปป). คำประสม. ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 15, 2565,
จาก http://www.digitalschool.club
ทีมงานทรูปลูกปัญญา (2564) พยางค์ คำ กลุ่มคำ. ค้นเมื่อ
กุมภาพันธ์ 14, 2565, จาก https://www.trueplookpanya.com
ทีมงานทรูปลูกปัญญา (2564) การสร้างคำในภาษาไทย. ค้นเมื่อ
กุมภาพันธ์ 14, 2565, จาก https://www.trueplookpanya.com
นงคราญเจรจิญพงษ์ (มปป). คำประสม. ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 15,
2565, จาก https://kunkrunongkran.wordpress.com
นงคราญเจรจิญพงษ์ (มปป). คำซ้ำ. ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 15, 2565,
จาก https://kunkrunongkran.wordpress.com
วันทนามาศวรรณา (2556). คำซ้อน. ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 15, 2565,
จาก https://www.gotoknow.org
อลงกรณ์ พลอยแก้ว (2564). การสร้างคำ. ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 14,
2565, จาก https://www.trueplookpanya.com
KWANNIE (2565). คำมูล. ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 14, 2565,
จากhttps://www.trueplookpanya.com
Laksana Kachaban (2564). คำซ้อน. ค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 15,
2565,จาก https://blog.startdee.com
35
ภาคผนวก
36
บทที่ 1 ก่อร่างสร้างคำ
เฉลยคำมูลมาเล่นกันเถอะ
คำชี้แจง : ให้นักเรียนพิจารณาคำมูลลพยางค์เดียว และคำมูลหลาย
พยางค์ลงในตารางให้ถูกต้อง
ปราชญ์ สลัก จวัก แก้วน้ำ พิศดาร แถลง
ผอม ขนม ผลไม้ แกร่ง ม้านั่ง ร้อนเย็น
ตราด วุฒิ พัดลม จรด บาส แก้ม
คำมูลพยางค์เดียว คำมูลหลายพยางค์
..ส..ล.ั.ก.........จ.ว.ั.ก........แ..ก.้.ว.น..้.ำ.....
.ป..ร.า..ช..ญ..์.....ผ..อ..ม......แ..ก..ร.่.ง........ ..พ.ิ..ศ..ด..า..ร...แ..ถ..ล..ง......ผ...ล..ไ.ม.้......
.บ..า.ส..........แ...ก.้.ม.................... ..ม.้.า..น.ั่.ง......ร.้.อ..น..เ.ย.็.น....ต...ร.า..ด......
....................................... ..ว.ุ.ฒ.ิ....พ.ั..ด..ล..ม.....จ..ร..ด.....บ...า.ส.....
.......................................
37
บทที่ 2 ประสมปนเป
เฉลยปริศนาคำประสม
คำชี้แจง : ให้นักเรียนทายคำประสมจากภาพ
ผีเสื้อ
ปากกา
ถุงเท้า
รถไฟ
38
บทที่ 3 เน้นย้ำ ซ้ำ ๆ สิ
เฉลยแต่งประโยคคำซ้ำ
คำชี้แจง : ให้นักเรียนนำคำซ้ำที่ครูกำหนดให้มาแต่งประโยค
เพื่อน ๆ ..................................
ไกล ๆ ..................................
กล้วย ๆ
..................................
..................................
..................................
..................................
39
บทที่ 4 ซับซ้อนซ่อนแอบ
เกมคำซ้อนซ่อนคำศัพท์
คำชี้แจง : ให้นักเรียนวงรอบคำซ้อนในตารางให้ถูกต้อง
เ สื่ อ ส า ด
ก ล็ จิ้ ม ลิ้ ม
ซ ยั ก ห ข ป
ช งู พี่ น้ อ ง
ไ ร่ น า อ ฒ
เ นื้ อ ตั ว ย
40
บทที่ 5 ลองคิดลองทำ
1. ข้อใดไม่ใช้การสร้างคำใหม่ 5. ข้อใดเป็นคำประสมทุกคำ
ในภาษาไทย
ก. จานเด็ด จานด่วน
ก. ซ้ำคำ ข. คิดถึง คิดก่อน
ข. ซ้อนคำ ค. เตะจมูก เตะฉาก
ค. ประสมคำ ง. คำขวัญ คำตั้ง
ง. สมาส สนธิ
6. คำใดบ้างที่เป็นคำมูลหลาย
2. ข้อใดเป็นคำซ้ำทั้งหมด พยางค์
ก. ปิดๆ เปิดๆ ทรัพย์สมบัติ
ข. ผิดชอบ กระโดกกระเดก ก.ทำดี ผลดี ประพฤติ
ค. กระชุ่มกระชวย จุกจิก ข.ประพฤติ ประโยชน์ ราศี
ง. เป็นรูปเป็นร่าง ระริกระรี้ ค.ราศี ดาวเคราะห์ ประโยชน์
ง. ดาวเคราะห์ ผลดี สิ่งร้าย
3. ข้อใดเป็นคำประสมทั้งหมด 7. ข้อใดเป็นคำมูลทุกคำ
ก. กระดานดำ แปดเปื้ อน ก. เกาเหลา เซ่งจี้ เทนนิส
ข. เครื่องคิดเลข ข้าวสุก ข. หมึกแดง นาฬิกา โขมด
ค. ผิดชอบเสแสร้ง ค. ศิลปะ ข้าวแดง กระป๋อง
ง. ผลิตผล ชดว้อย ง. กัลปังหา อักษร หญ้าแห้ง
4. คำในข้อใดเป็นคำซ้อน 8. ข้อใดเป็นคํามูลทุกคํา
ก. ต้นข้าวปลา ก. กะลา นาฬิกา เฟื่ องฟ้า ปลาเค็ม
ข. ท้วงติง ข. กะทิ กะละมัง ตลก มะลิ
ค. ช่างไฟฟ้า ค. น้ำใจ สะอาด ขนม ผัดเผ็ด
ง. ขัดคอ ง. สมอง ฉลาด ข้าวผัด สวยงาม
41
บทที่ 5 ลองคิดลองทำ
9. คําในข้อใดเมื่อสลับที่แล้วไม่ 12. ประโยคใดไม่มีคําซ้ำ
เป็นคําประสม ก. แม่รักลูกลูกทุกคนเสมอ
ข. แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก
ก. แม่บ้าน ค. แม่รักลูกลูกโดยไม่มี
ข. หายใจ เงื่อนไข
ค. ลอยตัว ง. แม่รักลูกลูกจึงสอนให้เป็น
ง. ใจดี คนดี
10. คําซ้อนในข้อใดเป็นคําซ้อน 13. คําซ้ำในข้อใดต่างจากพวก
เพื่อความหมายทั้งสองคํา ก. กล้วย ๆ
ข. หมู ๆ
ก. ใหญ่โตมโหฬาร อึดอัด ค. หยก ๆ
ข. ภูตผีปีศาจ ฟูมฟาย ง. ต่าง ๆ
ค. ตับไตไส้พุง ปูุย่าตายาย
ง. ถนนหนทาง วุ่นวาย
11. ข้อใดมีทั้งคําซ้อนเพื่อความ 14. ข้อใดเป็นคํามูล คําประสม
หมายและคําซ้อนเพื่อเสียง คําซ้อนและคําซ้ำตามลําดับ
ก. พ่อแม่ทุกคนเฝ้าฟูมฟักลูก ก. สะอาด ตู้เย็น เบิกบาน
มาตั้งแต่เล็ก จริง ๆ
ข. พี่น้องกันควรทําความดีต่อ ข. จริงๆ วุ่นวาย เครื่องมือ
กันเสมอ ประเทือง
ค. มิตรสหายควรหมั่นดูแลกัน ค. เปลี่ยนแปลง บ้านเมือง
และกัน น้ำใจ เร็ว ๆ
ง. สามีภรรยาต้องรู้จักให้อภัย ง. มาม่า ไวไว ยํายํา ช้างน้อย
ต่อกัน
42
บทที่ 5 ลองคิดลองทำ
15. คําซ้อนในข้อใดมีความหมาย 18. ข้อใดเป็นคํามูลและคํา
คงเดิม ประสมตามลําดับ
ก. สูญหาย ก. เสวย แสวง
ข. อบรม ข. ขนม ต้มยํา
ค. ถากถาง ค. ประชุม ตํานาน
ง. ขัดเกลา ง. สําราญ ตะลุง
19. คํามูลในข้อใดเกิดจากการ
16. ข้อใดเป็นคําประสมและคํา กร่อนเสียงพยางค์หน้า
ซ้อนตามลําดับ ก. กระทํา
ข. ประเดี๋ยว
ก. บ้านเรือน บ้านเมือง ค. มะพร้าว
ข. หายใจ จิตใจ ง. ยังไง
ค. ข้าวต้ม ข้าวผัด
ง. ทองคํา ทองแดง
17. คําประสมที่เกิดจากคํานามและ 20. คําดั้งเดิมในทุกภาษาจะเป็น
คําพยางค์เดียวหรือหลาพยางค์
คํากริยาตามลําดับคือข้อใด ก็ได้เราเรียกคําชนิดนั้นว่าอะไร
ก. เดินเล่น ก. คําพ้อง
ข. น้ําปลา ข. คํานาม
ค. คําซ้อน
ค. หมูทอด ง. คํามูล
ง. ปลาเค็ม
มันไม่ยาก การสร้างคำ
อย่างที่เธฮคิด ยากไหม