The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaipam, 2024-06-09 05:47:31

ฮีตที่ 1 บุญข้าวกรรม

บุญข้ากรรม

Keywords: ฮีตสิบสอง

ฮีตที่ 1 บุญเข้ากรรม


เดือนอ้าย ท้องฟ้ายามเช้าใสกระจ่างเป็นสีคราม แผ่นฟ้าราบเรียบ ไม่มีแม้ เกล็ดเมฆสายลมโชยมาเป็นริ้ว เด็ก ๆ ในชุดนักเรียนกำ ลังเดินทยอยกันไป โรงเรียนแต่เช้า สองข้างทางอุดมด้วยหมู่ไม้สดไสว แลเห็นธงชาติปลิวไสว น้องพร้าวเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และน้องไผ่เป็นนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 สองพี่น้องเดินทางมาโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพื่อทำ ความ สะอาดห้องเรียน สักครู่ เสียงระฆังดังหง่างๆ 3 ครั้งกังวานขึ้น เป็นสัญญาณเตือนให้นักเรียนเตรียม เข้าแถวเคารพธงชาติเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นพร้อมกับนักเรียนประสานเสียงร้องเพลง ชาติไทย ดังกระหึ่มก้องไปทั้งโรงเรียนและหมู่บ้าน นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่มีความเป็นเอกราช มีชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ที่มีนํ้าพระทัยเปี่ยมล้นด้วย พระเมตตาต่อประชาราษฎร์หลังจากเคารพธงชาติ นักเรียนทุกคนพร้อมใจท่อง คำ ขวัญของจังหวัดสกลนครพร้อมกัน “พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำ หนักภูพานคู่เมือง งานลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสวยภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม” จากนั้น ท่านผู้อำ นวยการโรงเรียน เดินมายืนที่หน้าแถวนักเรียนและพูดกับ นักเรียนก่อนขึ้นเรียน “ สวัสดี นักเรียนที่รักของครูทุกคน วันนี้ครูมีข่าวดีมาบอกกับพวกเรา ” ผู้อำ นวยการโรงเรียนกล่าวอย่างอารมณ์ดี และหันไปมองนักเรียน ที่สนใจฟังกันอย่างใจจดใจจ่อ “ เมื่อวานครูไปประชุมที่จังหวัดมา ปีนี้ทางจังหวัดสกลนครประกาศ ให้เป็นปีการอนุรักษ์ ฮีตสิบสองของ ชาวสกลนคร มีนักเรียนคนไหน ทราบไหมครับว่า ฮีตสิบสอง คืออะไร” ผู้อำ นวยการโรงเรียนถาม นักเรียน และกวาดสายตาไปรอบๆ น้องพร้าว ซึ่งเป็นประธานนักเรียน ได้ยกมือขึ้นและตอบว่า “ ฮีตสิบสอง หมายถึง จารีตประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา หรือประเพณี 12 เดือน ครับ ”


“ เก่งมากเด็กชายธนชิต ขอให้นักเรียนทุกคนปรบมือ ให้คนเก่งด้วย ” เสียงปรบมือดังกึกก้อง เด็กชายธน ชิต หรือน้องพร้าวยกมือไหว้ขอบคุณทุกคน “ ครูจะอธิบายเพิ่มเติมนะครับว่า ฮีต เป็นคำ ย่อของคำ ว่า จารีต เพราะชาวอีสานใช้ตัว ฮ แทนตัว ร ฮีตสิบสอง คือ ประเพณีสิบสองเดือนของชาวอีสานเรานั่นเอง ” ผู้อำ นวยการโรงเรียนขยายความเพิ่มเติม และกล่าวต่อว่า “ ที่ครูว่า ข่าวดีคือ มีการจัดให้นักเรียนประกวดการเขียน เรียงความ เกี่ยวกับฮีตสิบสอง ของชาวสกลนคร ผู้ที่ชนะ เลิศจะได้รับโล่ จากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้นักเรียน ทุกคนสอบถามรายละเอียดที่คุณครูนุชวิไล อ่อนน้อม นะครับ ” หลังจากนั้นท่านผู้อำ นวยการโรงเรียนก็พูดคุย กับนักเรียนในเรื่องอื่นๆ ก่อนให้นักเรียนขึ้นห้องเรียน น้องพร้าวและน้องไผ่ ใจจดจ่อให้ถึงเวลาพักเที่ยง เมื่อเสียงระฆังบอกให้ นักเรียนพักรับประทานอาหาร สองพี่น้องจึงรีบวิ่งไปที่ห้องพักครูที่จัดเป็น ห้องภูมิปัญญาท้องถิ่น “ อ้าว เด็กๆ วิ่งหนีใครมา ระวังหกล้มนะคะ ” ครูนุชร้องทักเด็กทั้งสอง “ ผมมาหาคุณครูนะครับ อยากทราบการ ประกวดเขียนเรียงความ เรื่อง ฮีตสิบสอง ครับ ” น้องพร้าวตอบอย่างกระหืดกระหอบ ทำ ให้ครูนุชยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนตอบว่า “ อ๋อ ได้สิคะ คือว่าทางจังหวัดสกลนคร กำ ลังรณรงค์ให้ เยาวชนเห็นคุณค่าประเพณีท้องถิ่น จึงจัดการเขียนเรียง ความประกวด ฮีตสิบสอง ชาวสกลนคร ขึ้นมา ” ครูนุชเว้น ระยะการตอบสักครู่ จึงกล่าวว่า“ โดยให้นักเรียนศึกษา ข้อมูล ประเพณีในท้องถิ่น บอกกล่าวถึงการอนุรักษ์ประ เพณีฮีตสิบสองของชาวสกลนคร แล้วเรียบเรียงออกมา เป็นเรียงความ ”


“ ผมและน้องไผ่ มีความภูมิใจในฮีตสิบสอง ของจังหวัดสกลนครของเรา อยากศึกษา ประเพณีให้ครบทั้ง 12 เดือน ขอความกรุณา ให้ครูนุชช่วยเป็นที่ปรึกษาให้ด้วยครับ ”น้องพร้าวบอกคุณครูนุชแกมขอร้อง “ อ๋อ ได้ซิคะ นักอนุรักษ์รุ่นจิ๋ว ” ครูนุชแซวน้อง พร้าว ทำ ให้เด็กๆ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน “ แล้วนักเขียนรุ่นจิ๋ว จะเริ่มงานวันไหนคะ ” ครูนุชถามยิ้ม ๆ “ วันมะรืนนี้ครับคุณครู เป็นงานแรก ของปี ฮีตที่ 1 เดือนอ้ายบุญเข้ากรรม ” น้องพร้าวตอบอย่างกระตือรือร้น “ แล้วเด็กๆ จะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรคะ ครูอยากรู้จัง ” ครูนุชถาม “ เรื่อง ฮีตสิบสอง ค่ะ” น้องไผ่ตอบอย่างภาคภูมิใจ


ดวงจันทร์ทรงกลดสุกอร่าม ทอรัศมีเป็นวงกลมรอบดวง สะท้อนลงพื้นนํ้า ซึ่งไหวพลิ้วเป็นระลอก ต้นไทรริมตลิ่งโบกกิ่งใบล้อสายลม แสงจันทร์ อาบชานบ้านหลังเตี้ย หญิงชายต่างวัย 4 เสียงสนทนา ดังขึ้นเป็นระยะๆ “ พรุ่งนี้ เป็น งานบุญเข้ากรรม แม่จะไปทำ บุญที่วัด เด็กๆ จะไปกับแม่ไหม ” แม่เอ่ยถามน้องพร้าว น้องไผ่ “ ไปสิคะแม่ แต่น้องไผ่สงสัยจังเลย ว่าทำ ไมถึงเรียกว่า บุญเข้ากรรม คะ” น้องไผ่เอ่ยขึ้น “ บุญเข้ากรรม คือบุญที่ทำ ขึ้นในเดือน อ้าย ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีที่ชาวอีสานจะ ต้องประกอบพิธีบุญ อาจเป็นข้างขึ้นหรือ ข้างแรมก็ได้ ” แม่อธิบายให้ฟังเมื่อเห็น เด็กๆ สนใจจึงเล่าต่อ “ เป็นกิจกรรมที่ต้องทำ เพื่อให้พระที่ต้องอาบัติสังฆาทิเลส หรืออาบัติหนัก ต้องทำ พิธีที่เรียกว่า วุฎฐานพิธี หรือพิธีเข้ากรรม ชำ ระจิตใจให้หายมัวหมอง ” “ พ่อมีนิทานเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับพิธีบุญเข้ากรรม เด็กๆ อยากฟังไหม ” น้องพร้าวน้องไผ่ ตอบรับพร้อมกันเสียงดัง ทำ ให้พ่อและแม่หัวเราะด้วยความเอ็นดู “ มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีพระภิกษุรูปหนึ่ง ล่องเรือไปตามแม่นํ้าคงคา ได้เอามือจับใบ ตะไคร่นํ้าขาด เข้าใจว่าเป็นอาบัติเพียงเล็กน้อยจึงมิได้แสดงอาบัติ ต่อมาแม้ภิกษุรูปนั้น ปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าเป็นเวลานาน ก็ยังคงนึกอยู่เสมอว่า ตนต้องอาบัติอยากจะใคร่แสดง อาบัติ แต่ไม่มีภิกษุรับแสดง ครั้นมรณภาพไปก็เกิดเป็นนาคชื่อ เอรถปัด จากเหตุอาบัติ เพียงเล็กน้อยยังมีกรรมติดตัวมา ถ้าเป็นอาบัติหนักก็คงจะบาปมากกว่านี้ ดังนั้นจึงจัดให้ มีการอยู่ปริวาสกรรมเพื่อให้พ้นจากอาบัติ ” “ ชาวอีสานเชื่อกันว่าพระภิกษุหากได้อยู่กรรมแล้ว ย่อมออกจากอาบัติได้ และทำ ให้บรรลุมรรคผลดังปรารถนา ” แม่เล่าเสริมต่อจากพ่อ และหันไปบอกเด็กๆ ว่า “ เตรียมเข้านอนได้แล้วนะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปวัดแต่เช้ากับแม่ ” แม่บอกน้องพร้าวน้องไผ่ ซึ่งกำ ลังนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันเข้านอน ท้องฟ้าเป็นสีเทาทึมด้วยเป็นเวลาเช้ามืดอยู่ หมอกลอยซ่านแทรกตามหมู่ไม้ มองเห็น สิ่งต่างๆ เพียงเลือนราง เสียงกลองดังกังวานแว่วมาจากวัด เป็นสัญญาณเตือน ชาวบ้านให้เตรียมตัวไปทำ บุญแม่เตรียมอาหาร ที่จะเอาไปทำ บุญ โดยมีน้องพร้าว น้องไผ่เป็นผู้ช่วย ระหว่างทางเดินไปวัดได้เจอกับครูนุช ซึ่งกำ ลังมุ่งหน้าไปวัด เหมือนกัน ครูนุชได้ยกเอาบทกลอนบุญเข้ากรรมเล่าให้เด็กๆ ฟังระหว่างการเดิน ทางไปวัด “ ฮีตหนึ่งนั้น เถิงเดือนเจียงเข้ากลายมาแถมถ่าย ฝูงหมู่สังฆเจ้ากะเตรียมเข้าอยู่กรรม มันหากธรรมเนียมนี้ถือมาตั้งแต่ก่อน อย่าได้ละห่างเว้นเข็ญสิข้องแล่นนำ แท้แหล่ว ” ความหมายคือ พอถึงเดือนเจียง (เดือน อ้าย) ภิกษุสงฆ์ต้องเตรียมพิธีเข้าปริวาส กรรมเพราะถือเป็นธรรมเนียมประเพณี มาตั้งแต่โบราณ ขออย่าได้ละทิ้งประเพณีนี้ หาไม่แล้วจะเกิดภัยพิบัติได้ ด้วยคำ สอนชาว อีสานจึงนำ มาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดถึง ปัจจุบัน


“ พระสงฆ์กรรมต้องประพฤติมานัตต์ แปลว่า นับราตรี ครบหกราตรี แล้วสงฆ์จะสวดระงับ อาบัติเรียกว่า อัพภาน แปลว่า เรียกเข้าหมู่ คือออกจากกรรม ได้แก่ การออกจากอาบัติ สังฆาทิเสสเมื่อจะเข้าปริวาสให้กล่าวคำ สมาทานต่อสงฆ์ว่า “ปริวาสัง สมาทิยามิ หรือ วัตตัง สมาธิยามิ 3 หน ” ระหว่างการเข้ากรรม การสารภาพความผิดต้องมีพระสงฆ์ 4 รูป เป็นผู้รับรู้ ส่วนการออกจากกรรม ต้องมีพระสงฆ์ 20 รูป ให้อัพภาน ภิกษุที่ออกจากกรรมแล้วถือว่าหมด มลทิน” ครูนุชอธิบายให้เด็กๆ ฟัง “ชาวบ้านจะต้องเป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์ด้วยจตุปัจจัยแด่พระภิกษุ สงฆ์ตลอดเวลาที่เข้ากรรม และในวันที่พระภิกษุออกจากกรรมจะ ต้องมีการทำ บุญให้ทาน เช่น การตักบาตร ถวายภัตตาหารและ ฟังเทศน์ ปัจจุบันมีการจัดทำ เฉพาะบางตำ บลหมู่บ้านที่ยึดมั่นใน ประเพณีดั้งเดิมจริงๆ เท่านั้น ” แม่อธิบายเพิ่มเติม “ งั้นพวกเรา ก็คงได้บุญมากซิคะ ได้ทำ บุญกับพระสงฆ์ที่พ้นมลทิน ”น้องไผ่รำ พึงกับตนเองแสงสีทองค่อยๆ สาดส่องสีทองบอกเวลา รุ่งเช้า ชาวบ้านพากันขึ้นไปบนโรงธรรม เอาอาหารที่เตรียม มาใส่บาตร และร่วมกันถวายภัตตาหารทั้งจตุปัจจัยตามศรัทธา หลังจากฟังพระสงฆ์แสดงธรรมและรับศีล “ ชาวสกลนครบ้านเรา มีความหลากหลายทั้งด้านเผ่าพันธุ์ ชีวิตความเป็น อยู่วัฒนธรรมของตนเอง แต่สิ่งหนึ่งที่มัดใจคนบ้านเราให้เป็นหนึ่งเดียว คือ งานบุญสิบสองเดือนของเราให้สมัครสมานสามัคคีกัน ทุกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์หรือสามัญชน ” ครูนุชกล่าวอย่างภูมิใจในวิถีชีวิต ของชาวสกลนคร และกล่าวเสริมต่อไปว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ใน รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของชาติ ไทย ดังพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่ชาวไทยว่า “ประเทศชาติของเรามีเอกราชและอิสรภาพที่สมบูรณ์มั่นคงได้จนทุกวันนี้เพราะคนไทย ทุกหมู่เหล่ายึดมั่นในชาติบ้านเมือง ประเพณีที่ดีงามทำ หน้าที่แต่ละฝ่ายประสานส่งเสริม กัน ”


Click to View FlipBook Version