The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Thidarat, 2021-10-07 04:20:34

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม2 หน่วย6_หินและซากดึกดำบรรพ์

แหล่งที่มาของสื่อ อจท.

วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เล่ม 2
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 7 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8

Slide PowerPoint_ส่อื ประกอบการสอน

บริษัท อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทร./แฟกซ์ : 0 2622 2999 (อตั โนมตั ิ 20 คูส่ ำย) [email protected] / www.aksorn.com

6หนว่ ยการเรียนรู้ที่

หินและซากดึกดาบรรพ์

ตวั ช้ีวัด

• เปรยี บเทยี บกระบวนกำรเกิดหินอคั นี หินตะกอน และหนิ แปร และอธบิ ำยวฏั จกั รหินจำกแบบจำลอง
• บรรยำยและยกตัวอยำ่ งกำรใช้ประโยชนข์ องหินและแรใ่ นชีวิตประจำวันจำกขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้
• สร้ำงแบบจำลองท่อี ธบิ ำยกำรเกิดซำกดกึ ดำบรรพแ์ ละคำดคะเนสภำพแวดล้อมในอดีตของซำกดกึ ดำบรรพ์

นกั เรียนคดิ วา่ กระบวนการเกดิ หินอัคนี หินตะกอน และหนิ แปร

? แตกต่างกันอย่างไร

หนิ ในธรรมชาติ

หินเปน็ ทรพั ยากรท่เี กดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ มีอยหู่ ลายชนิด นักธรณวี ิทยา
จาแนกหนิ แต่ละชนดิ โดยใชล้ ักษณะการเกดิ หินเป็นเกณฑไ์ ด้ เป็น 3 ประเภท

1 หินอคั นี

• หนิ อคั นที เี่ ย็นตัวใต้เปลอื กโลก หินอัคนแี ทรกซอน หรอื หินอคั นรี ะดบั ลึก
• หินอัคนีทแี่ ขง็ ตวั บนเปลอื กโลก หินอัคนีพุ หรือ หนิ ภเู ขาไฟ

2 หินตะกอน
3 หินแปร

หนิ ในธรรมชาติ

1 กระบวนการเกดิ หิน

1.1 หินอคั นี เกดิ ได้ทั้งบนผวิ โลกและใต้เปลอื กโลก ดงั น้ี

1) หนิ อคั นีที่เย็นตัวใต้เปลือกโลก เกิดจำกแมกมำ (หินหนืด) ดนั ตัวขนึ้ มำอยู่บริเวณ
ใต้เปลือกโลกท่ีมีอุณหภูมิต่ำกว่ำ แมกมำจะเย็นตัวลงอย่ำงช้ำ ๆ ทำให้กลำยเป็นหิน
เรียกหินกลุ่มน้ีวำ่ หนิ อัคนแี ทรกซอน หรือหนิ อคั นีระดับลกึ

หนิ ในธรรมชาติ

ตัวอยา่ ง หนิ อัคนีแทรกซอน

หนิ แกรนิต หนิ แกบโบร หินไดออไรต์

เน้ือหินเป็นผลึกขนำดใหญ่ เน้อื ผลึกหยำบ เนื้อหยำบถึงละเอยี ด แตม่ ี
เน้ือหยำบ มีควำมแวววำว มีสีเขยี วเขม้ ถึงดำ ควำมละเอียดกว่ำหนิ แกรนิต

หินในธรรมชาติ

2) หินอัคนีท่แี ขง็ ตวั บนเปลอื กโลก เกิดจำกกำรปะทุของภูเขำไฟทำให้แมกมำ
(หนิ หนืด) พุ่งข้ึนมำอยู่บนผวิ โลก เรยี กวำ่ ลาวา เมื่อลำวำเยน็ ตวั ลงอย่ำงรวดเรว็ จึงทำ
ใหก้ ลำยเปน็ หิน เรยี กหนิ กล่มุ น้วี ำ่ หนิ อคั นีพุ หรือ หินภูเขาไฟ

หนิ ในธรรมชาติ

ตวั อยา่ ง หินอคั นีพุ

หนิ พมั มิซ หินไรโอไลต์ หินออบซิเดียน

เน้ือหนิ แขง็ และสำก มรี พู รนุ เนอื้ ละเอียดมำก เนอ้ื หนิ มลี กั ษณะ
เพรำะมฟี องอำกำศเลก็ ๆ แทรกอยู่ เหมือนแก้ว มันวำว



หินในธรรมชาติ

1.2 หินตะกอน เกดิ จำกกำรทบั ถมของเศษหนิ ทีผ่ พุ ังมำจำกหิน ซำกส่ิงมีชวี ิต

โคลน ดนิ ทรำย หรือสำรอื่น ๆ ท่ีสกึ กร่อน แล้วถกู พดั พำไปสะสมในทอ้ งทะเล
หรือแอ่งเปลือกโลกเป็นเวลำนำน ทำให้ตะกอนถูกบีบอัด กดทบั และเกิดกำร
เช่อื มประสำนเม็ดตะกอนหรือเกิดกำรตกผลกึ ทำให้กลำยเป็นหิน

หนิ ในธรรมชาติ

ตวั อยา่ ง หินตะกอน

หนิ ทราย หนิ ปนู หินกรวดมน

เนอ้ื หยำบ แข็ง เนอ้ื ละเอียด หินปนู บำงก้อน เน้ือหยำบ
และมักพบซำกฟอสซิลปนอยู่ มซี ำกสัตวผ์ สมอยใู่ นเน้ือหนิ บำงก้อนมลี ักษณะกลมมน

หินในธรรมชาติ

1.3 หินแปร เกิดจำกกำรแปรสภำพของหนิ อคั นี หินตะกอน หรือหินแปร จำกควำมร้อน

และควำมดันภำยในโลก โดยมีกระบวนกำรทำงเคมีเข้ำมำเกยี่ วข้อง เชน่

แปรสภาพเปน็ แปรสภาพเปน็

หนิ ทรำย หนิ ควอรต์ ไซต์ หนิ แกรนิต หินไนส์

เน้ือหนิ มีลักษณะ เนื้อหยำบและ
เปน็ เมด็ เน้ือแนน่ ละเอียด แข็ง
ทนทำน เปน็ ริว้ ขนำน
ไมม่ ีรว้ิ ขนำน

หินในธรรมชาติ

2 วัฏจักรหิน

หินอัคนี หนิ ตะกอน และหนิ แปร
มีกำรเปล่ียนแปลงจำกหินประเภทหนงึ่
ไปเปน็ หินอีกประเภทหนงึ่ หรือเปน็ หนิ

ประเภทเดิมได้ โดยมแี บบรูปกำร
เปลย่ี นแปลงคงทแี่ ละตอ่ เน่ืองเป็นวัฏจกั ร

หนิ ในธรรมชาติ

3 ประโยชนข์ องหินและแร่

หินและแรแ่ ตล่ ะชนดิ มีลกั ษณะและสมบัติแตกต่ำงกัน มนุษยจ์ ึงสำมำรถนำมำใชป้ ระโยชนใ์ น
ชวี ิตประจำวันในลักษณะทแี่ ตกตำ่ งกนั ไป เชน่

นำหินทรำยมำทำหินลับมีด นำแร่ควอตช์มำทำกระจก

นำหินแกรนิตมำเปน็ วสั ดกุ อ่ สรำ้ ง นำแร่ฟลอู อไรตม์ ำเป็นส่วนผสมในยำสฟี ัน

นำหนิ ออ่ นมำใช้สรำ้ งอำคำร นำแร่ทองคำมำทำเครอ่ื งประดับ

นกั เรยี นคดิ วา่ กระบวนการเกดิ หนิ อัคนี หินตะกอน และหนิ แปร

? แตกต่างกันอย่างไร

หินอัคนี เกดิ จำกกำรแข็งตวั ของลำวำทป่ี ะทุขึน้ มำบน

เปลือกโลกหรอื เกดิ จำกแมกมำดันตวั ข้ึนมำอย่ใู ต้เปลอื ก
โลกทีม่ อี ุณหภมู ิตำ่ กว่ำ

หนิ ตะกอน เกดิ จำกกำรทบั ถมของส่งิ มชี ีวติ หิน โคลน ฯลฯ

แลว้ ถูกพัดพำไปสะสมเป็นเวลำนำน

หนิ แปร เกิดจำกกำรแปรสภำพของหินอคั นี หนิ ตะกอน

หรอื หนิ แปร

นกั เรียนคดิ วา่ ซากดกึ ดาบรรพค์ อื อะไร และเกดิ ขึน้ ได้อยา่ งไร

?

ซากดึกดาบรรพ์

1 การเกดิ ซากดกึ ดาบรรพ์

ซากดึกดาบรรพ์ คือ ซำกพืช ซำกสตั ว์ หรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตต่ำง ๆ ในยุคโบรำณ
ที่ถูกแปรสภำพด้วยกระบวนกำรทำงธรณีวิทยำ แล้วถูกเก็บรักษำไว้ในหินหรือชั้นหินจำก
กำรสะสมและทับถมของตะกอน

ซากดึกดาบรรพ์ เกิดจำกกำรทับถมหรือประทับรอยของส่ิงมีชีวิตในอดีต
แล้วผ่ำนกระบวนกำรเปลี่ยนแปลงทำงธรรมชำติต่ำง ๆ จนทำให้กลำยเป็นโครงสร้ำง
ของซำกหรือรอ่ งรอยของสงิ่ มชี ีวิต

ซากดึกดาบรรพ์

1.1 ประเภทของซากดกึ ดาบรรพ์

ซากดึกดาบรรพ์สัตว์ ซากดกึ ดาบรรพ์พชื ซากดกึ ดาบรรพ์ร่องรอย

เชน่ ปลำ เชน่ ใบไม้ เช่น รอยเท้ำไดโนเสำร์

ซากดึกดาบรรพ์

1.2 ปัจจยั ที่ทาใหเ้ กิดซากดกึ ดาบรรพ์

1) องค์ประกอบของส่งิ มชี วี ติ 2) อุณหภูมิ 3) ระยะเวลาการทับถม

เม่ือส่ิงมีชีวิตตำย โครงร่ำงที่เป็น เมื่อบริเวณใดมีอุณหภูมิเย็นจัด ระยะเวลำท่ีตะกอนทับถมลงบน
ของแข็งจะใชเ้ วลำในกำรย่อยสลำย หรือแห้งแล้งจัด จนเช้ือจุลินทรีย์ ซำกของส่ิงมีชีวิตจะต้องเกิดขึ้น
นำน หำกในขณะน้ันมีตะกอนมำ ไม่สำมำรถเจริญเติบโตได้ ซำกของ อยำ่ งรวดเร็ว จนทำให้เช้ือจุลินทรีย์
ปิดทับซำกอย่ำงรวดเร็ว จะทำให้ สิ่งมีชีวิตบำงชนิดจึงรอดพ้นจำก ต่ำง ๆ ไม่สำมำรถย่อยสลำยซำก
กลำยเป็นซำกดึกดำบรรพ์ได้ง่ำย กำรย่อยสลำยของจุลนิ ทรีย์ต่ำง ๆ ของส่งิ มีชีวิตไดท้ ัน
เช่น กระดูก ฟัน กระดอง

ซากดึกดาบรรพ์

1.3 การเกดิ ซากดึกดาบรรพ์ประเภทต่าง ๆ

1) การเกดิ ซากดกึ ดาบรรพ์แบบซากกลายเป็นหิน มีกระบวนกำรเกดิ ดงั น้ี

สงิ่ มีชวี ติ ทต่ี ำยแล้ว สว่ นออ่ นท่เี นำ่ เป่ือยสลำยไป เมือ่ เวลำผ่ำนไปหลำยลำ้ นปี
ถกู พดั พำลงไปใต้น้ำ จนเหลอื แต่โครงร่ำง เม่อื เวลำ ตะกอนดนิ และโครงรำ่ ง
ทำให้ถูกฝงั อยใู่ ตช้ ัน้ ตะกอน ของสตั ว์จะแปรสภำพ
ผ่ำนไปแรธ่ ำตุจะแทรกซมึ แลว้ กลำยเปน็ หิน
เขำ้ ไปสะสมตำมโครงรำ่ งของสัตว์

ซากดึกดาบรรพ์

ตวั อย่าง ซากดกึ ดาบรรพ์แบบซากกลายเป็นหนิ

ซำกดึกดำบรรพ์ไดโนเสำร์

ซากดกึ ดาบรรพ์

2) การเกิดซากดึกดาบรรพ์แบบรอยพิมพ์และแบบรูปหลอ่ มกี ระบวนกำรเกดิ ดังน้ี

สิ่งมีชีวิตตำยลง เวลำผำ่ นไปสว่ นท่ีแข็ง เมือ่ แร่ต่ำง ๆ เขำ้ ไปตกผลกึ
สว่ นทแี่ ข็งของสง่ิ มชี วี ิต ย่อยสลำยเหลือแต่รอย ในรอยพิมพ์ จะกลำยเปน็
ของสิ่งมีชวี ิตนน้ั เปน็ ซำกดกึ ดำบรรพแ์ บบรูปหลอ่
ถูกฝงั ไว้ใต้ตะกอน ซำกดกึ ดำบรรพ์แบบรอยพมิ พ์
เช่น โคลน ทรำย

ซากดกึ ดาบรรพ์

ตวั อย่าง ซากดกึ ดาบรรพแ์ บบรอยพมิ พห์ รอื แบบรปู หล่อ

ซำกดึกดำบรรพร์ อยเปลือกหอย

ซากดกึ ดาบรรพ์

3) การเกิดซากดึกดาบรรพ์แบบรอ่ งรอยกลายเป็นหิน มกี ระบวนกำรเกดิ ดงั นี้

สิ่งมีชวี ิตท้งิ รอ่ งรอยไว้ เวลำผำ่ นไปร่องรอยจะถูกฝังไวใ้ ต้
ช้ันตะกอน จนกลำยสภำพเปน็ หนิ

ทำใหเ้ กิดเป็นซำกดกึ ดำบรรพ์

ซากดกึ ดาบรรพ์

ตวั อย่าง ซากดกึ ดาบรรพแ์ บบรอ่ งรอยกลายเป็นหนิ

รอยเทำ้ ไดโนเสำร์

ซากดึกดาบรรพ์

4) การเกดิ ซากดึกดาบรรพ์แบบการคงสภาพ เกดิ จำกกำรถกู คงสภำพจำกตวั กลำง
ทแี่ ตกต่ำงกนั เช่น
ช้ำงแมมมอธถกู คงสภำพดว้ ยน้ำแขง็ และสภำพอำกำศหนำวเย็น
แมลงถกู คงสภำพดว้ ยยำงไม้หรอื อำพนั

ซากดึกดาบรรพ์

ตวั อยา่ ง ซากดึกดาบรรพแ์ บบคงสภาพ

ซำกแมลงในอำพนั

ซากดึกดาบรรพ์

2 ประโยชน์ของซากดกึ ดาบรรพ์

เป็นข้อมูลที่ใช้ในกำร ใ ช้ ร ะ บุ อ ำ ยุ ข อ ง เป็นตัวช่วยในกำร เป็นหลักฐำนหนึ่ง
สั น นิ ษ ฐ ำ น เ กี่ ย ว กั บ ถ่ิ น หิ น ใ น บ ริ เ ว ณ ท่ี พ บ คำดคะเนว่ำ บริเวณ เพื่อช่วยบอกถึงสภำพ
กำเนิดและวิวัฒนำกำร ซำกดึกดำบรรพ์ นั้นอำจจะมีแหล่งแร่ แวดล้อมและสภำพ
ของสง่ิ มีชีวิต แ หล่ งถ่ำ นหิน หรื อ ภู มิ อ ำ ก ำ ศ ใ น อ ดี ต
แหลง่ น้ำมัน ขณะเกิดสิง่ มีชีวติ น้ัน

ซากดึกดาบรรพ์

3 ซากดึกดาบรรพ์ทพี่ บในประเทศไทย
ในประเทศไทยมกี ำรคน้ พบซำกดึกดำบรรพห์ ลำยประเภท ซึ่งกระจำยอยูใ่ น
หลำยจงั หวดั ของประเทศ เชน่

ซำกดกึ ดำบรรพ์ ลาปาง รอยเท้ำ
หอยขม ไดโนเสำร์ทเ่ี ดนิ 2 ขำ
ตาก เลย
ขอนแกน่ กาฬสินธุ์

ไม้กลำยเป็นหนิ ซำกดึกดำบรรพ์
ไดโนเสำร์

สุสำนหอย กระบ่ี ฟันกรำมของ
แหลมโพธ์ิ สตลู ช้ำงสเตโกดอน

นกั เรยี นคิดวา่ ซากดึกดาบรรพค์ อื อะไร และเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร

? ซากดึกดาบรรพ คอื ซำกพชื ซำกสัตว์ หรือ

ร่องรอยของสง่ิ มีชวี ติ ต่ำง ๆ ในยุคโบรำณที่

ถกู แปรสภำพด้วกระบวนกำรทำงธรณีวิทยำ

แลว้ ถกู เก็บรกั ษำไว้ในหนิ หรอื ช้ันหนิ จำกกำร

สะสมและทับถมของตะกอน ซากดกึ ดาบรรพ์ เกิดจำกกำรทับถมหรือ

ประทับรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีตแล้วผ่ำน

กระบวนกำรเปล่ียนแปลงทำงธรรมชำติ

ต่ำง ๆ จนทำให้กลำยเป็นโครงสร้ำงของ

ซำกหรือร่องรอยของส่ิงมชี ีวิต


Click to View FlipBook Version