The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ไฟล์เล่มรายงาน นักบริหารยุคดิจิทัล กลุ่ม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aramsart.so, 2021-08-27 12:35:02

ไฟล์เล่มรายงาน นักบริหารยุคดิจิทัล กลุ่ม 2

ไฟล์เล่มรายงาน นักบริหารยุคดิจิทัล กลุ่ม 2

การเป็นผใู้ ฝ่รู้
ผูม้ ีวสิ ยั ทัศน์ หลกั ธรรมาภบิ าล
และการใช้เครื่องมือการเรยี นรู้ในยคุ ดจิ ทิ ลั

นักศึกษาแผน ก หอ้ ง 1 กลุ่มท่ี 2

1. นายศภุ ฌา อรา่ มศาสตร์ รหัส 63221278006
2. นางสาวปฏมิ า ชมุ รำ รหสั 63221278007
3. นายอาณฐั ไตรศรีวริ ตั น์ รหสั 63221278008
4. นางสาวลลิตา ขันธกสิกรรม รหัส 63221278009
5. นายวทญั ญู จนั กันธรรม รหัส 63221278010

รายวชิ า นักบรหิ ารยุคดจิ ทิ ลั (Digital-aged Administrators)
ครุศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์



คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 1165301 นักบริหารยุคดิจิทัล (Digital-aged
Administrators) หลกั สูตรครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา โดยมจี ดุ ประสงค์ใน
การศึกษาเนื้อหาที่สำคัญในต่อการเป็นนักบริหารยุคดิจิทัล 4 เรื่อง คือ 1) การเป็นผู้ใฝ่รู้ 2) ผู้มี
วิสยั ทัศน์ 3) หลักธรรมาภบิ าล และ 4) การใช้เคร่อื งมอื การเรียนรูใ้ นยุคดิจิทัล เพ่ือให้ผู้อ่านได้เข้าใจ
หลักการ แนวคิด รวมถงึ สามารถนำไปปรับใช้ในการบรหิ ารงานดา้ นต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

คณะผูจ้ ดั ทำได้รับผิดชอบศกึ ษาหัวข้อเหล่านใี้ นการทำรายงาน เนื่องมาจากเปน็ เรื่องท่ีสำคัญ
ในการบริหารงานในยุคดิจิทัล รวมทั้งมีประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ผู้จัดทำต้อง
ขอขอบคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทีปพิพัฒน์ สันตะวัน อาจารย์ประจำรายวิชา ผู้ให้ความรู้ และ
แนวทางการศึกษา หวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่าน หากมี
ข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทำขอรับไว้ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง หวังว่ารายงานฉบับนี้จะเป็น
ประโยชน์ตอ่ ผู้อา่ น

คณะผจู้ ัดทำ

สารบญั ข

เร่ือง หน้า
1. การเป็นผู้ใฝ่รู้และมวี ิสยั ทัศน์ 1
1
1.1 การเป็นผู้ใฝ่รู้ 1
1.2 แหล่งเรียนรขู้ องผบู้ รหิ ารมืออาชีพ 1
1.3 หัวใจสำคญั ของผู้ใฝร่ ู้ 3
2. วสิ ยั ทศั น์ (Vision) 3
2.1 แนวคดิ ความหมาย และความสำคญั ของวสิ ัยทศั น์ 4
2.2 มิติของวิสยั ทัศน์ 6
2.3 เครอื่ งมอื วัดวสิ ยั ทัศน์ 7
2.4 การเผยแพร่วสิ ยั ทศั น์ 8
2.5 การปฏบิ ตั ิตามวิสยั ทัศน์ 8
2.6 การประเมินผลเพอ่ื การปรบั ปรงุ และแกไ้ ข 10
3. หลกั ธรรมาภบิ าล 10
3.1 ความหมาย 10
3.2 หลกั ธรรมาภิบาล 6 12
3.3 หลกั ธรรมภบิ าล 10 15
3.4 หลกั ธรรมาภิบาลสากล 17
4. การใชเ้ คร่ืองมือการเรยี นรู้ในยุคดิจิทัล 17
4.1 ความหมายเครือ่ งมอื การเรยี นรู้ในยคุ ดจิ ิทัล 17
4.2 ประเภทของเคร่อื งมือการเรยี นรู้ในยุคดิจิทัล 22
4.3 เปา้ หมายของการใชเ้ คร่ืองมือดิจทิ ัลเพ่อื การเรยี นรู้ 23
4.4 แหลง่ สืบค้นและการใช้เคร่อื งมอื การเรยี นรูย้ ุคดจิ ิทัล 26
ภาคผนวก 32
เอกสารอา้ งองิ 33
คณะผจู้ ัดทำ

1

1. การเปน็ ผู้ใฝร่ ู้

1.1 ความหมาย
กรมวิชาการ (2540) ให้ความหมายว่า ความใฝ่รู้ คือ การแสวงหาความรู้อยู่เสมอ เป็นการ

เพิ่มพูนสติปัญญา ทำให้เป็นคนมีเหตุผล มีความรับผิดชอบ และมั่นใจในตนเองและได้เขียนถึง
คุณลักษณะนิสัยใฝ่เรียนรู้ไว้ว่าเป็น คุณลักษณะของความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้อย่าง
สมำ่ เสมอและสามารถนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ไดอ้ ย่างเหมาะสม

ศิริพร ลักษณาภริ มย์ (2548) ให้ความหมายความใฝ่รู้ หมายถงึ การแสดงความกระตือรือร้น
และความต้องการในการแสวงหาความรู้ ทั้งในชั้นเรียนและนอกห้องเรียน เพื่อสนองความต้องการ
ความอยากรู้ ด้วยวิธีการสืบสวนสอบสวน เสาะหาความรู้ ค้นหาข้อมูล ข้อเท็จจริงด้วยการพิจารณา
อย่างถี่ถ้วน สำรวจตรวจสอบด้วยการวิจัยต่าง ๆ ที่ศึกษาด้วยตนเองทำการค้นคว้า รู้ให้เท่าทัน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และปรับตัวใหร้ บั กบั กระแสเทคโนโลยสี มยั ใหม่

ราชบัณฑิตยสถาน (2555) ระบุไว้ในพจนานุกรมศกึ ษาศาสตรว์ า่ ความใฝ่รู้ (curiosity) โดย
ใชค้ ำในภาษาไทยวา่ ความอยากรูอ้ ยากเห็น หมายถึง ความต้องการท่จี ะเรยี นรู้โดยมีใจจดจอ่ และมี
ความพยายามแสวงหาขอ้ มูลหรอื ส่งิ ใหม่ เปน็ พฤติกรรมทคี่ วรสง่ เสริมในดา้ นดี และแกไ้ ขในด้านไม่ดี

1.2 แหลง่ เรียนรูข้ องผู้บริหารมืออาชพี
1) สถานศึกษา หมายถึง สถานที่ ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้การศึกษาและฝึกอบรมซึ่งสถานศึกษามีชอ่ื

เรยี กต่าง ๆ กัน เช่น โรงเรียน สถาบนั วิทยาลัย มหาวิทยาลยั ศนู ย์ สำนักนกั เรียน เปน็ ต้น
2) สว่ นราชการ หมายถงึ หนว่ ยงานของรัฐทีม่ ฐี านะเป็นกรมหรือเทียบเท่ากรม
3) หนว่ ยงานการศึกษา เช่น สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษา สำนักงานการศึกษานอกโรงเรยี น

แหล่งเรียนรูต้ ามประกาศของสำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา เปน็ ต้น
4) ชุมชน หมายถงึ กลุ่มคนทอ่ี ยู่ อาศยั อย่ใู นอาณาเขต บริเวณเดียวกัน มคี วามสมั พนั ธใ์ กลช้ ิด

มีฐานะและอาชีพที่ คล้ายคลึงกัน มีลักษณะของการใช้ชวี ติ ร่วมกัน มีความเป็นอนั หนึ่ง อันเดียวกนั
ตั้งแต่ระดับครอบครัวไปสู่ระดับเครือญาติ จนถึงระดับ หมู่บ้านและระดับเกนิ หมู่บ้าน และผู้ที่อาศยั
อยู่ในชุมชน มคี วามรสู้ กึ ว่าเปน็ คนชมุ ชนเดยี วกนั นอกจากน้ียงั มกี ารดำรงรักษาคุณค่า และมรดกทาง
วฒั นธรรมและศาสนา ถา่ ยทอดไปยังลูกหลาน อีกดว้ ย

1.3 หวั ใจสำคัญของผู้ใฝ่รู้
เสาวนีย์ กานตเ์ ดชารักษ์ (2542) กลา่ วถงึ ความสำคัญของความใฝ่รู้ใฝ่เรียนอันเกิดจาก การ

สอนแบบสืบเสาะหาความรู้ว่า ผู้เรียนจะเกิดการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เนื่องจาก
การคดิ วเิ คราะหข์ องบคุ คลเกี่ยวกับการตระหนกั ในข้อมูล และการจดั กระทำตอ่ ข้อมูลโดย ใช้ความคิด
และอ้างเหตุผลเชิงอุปนัย และนิรนัยได้อย่างถูกต้อง ซึ่งผู้ที่มีความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์
สามารถควบคุม และตรวจสอบความจริงของข้อเสนอ หรือทฤษฎีต่างๆได้ ทำให้สามารถ อธิบาย

2

ทาํ นาย และควบคมุ สถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างนา่ เช่ือถอื และยงั เกดิ การพัฒนาความสา มารถในการ
คิดสร้างสรรค์ โดยในส่วนความสามารถในการคิดสร้างสรรค์นี้จะเป็นการคิด หรือการ ผลิตสิ่งใหม่ๆ
ข้นึ มาได้ โดยมคี วามเขา้ ใจสง่ิ นนั้ อยา่ งถ่องแท้ เปน็ การค้นพบแนวคดิ ใหม่ ความสมั พนั ธ์แบบใหม่ หรือ
มโนทัศน์ใหม่ ทำใหม้ ีแนวทางหลายแง่หลายมุม ตลอดจนผเู้ รยี นเกิด การพฒั นาความสามารถสืบสอบ
คุณค่าเป็นความสามารถของการตัดสินคุณค่าในการเลือก ปัญหาในการแยกความแตกต่างระหว่าง
คา่ นยิ มกับข้อเท็จจรงิ และการกระทำตดั สนิ คุณคา่ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวันไดโ้ ดยไมม่ ีอคติ

น้อยทิพย์ ลิ้มยิ่งเจริญ (2547) กล่าวถึง ความสำคัญของความใฝ่รู้ใฝ่เรียนและความ
รับผิดชอบต่อกลุ่มของนักเรียนว่า นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองและสามารถศึกษา
ค้นคว้าหาคําตอบได้ด้วยตนเอง มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความสามัคคี รักความสะอาด พูดจา
สภุ าพ มผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นสูงข้ึน และมคี ณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

วัฒนา พาผล (2550) กลา่ วถงึ ความสำคญั ของความใฝร่ ู้ใฝ่เรียนว่า เมอื่ บคุ คลมีความใฝ่รู้ ใฝ่
เรียนแล้วจะทำให้บุคคลนั้นเกิดทกั ษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถศึกษาค้นคว้าหาคําตอบได้ ด้วย
ตนเอง มีความสามารถในการสืบสอบคุณค่า มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความสามัคคี มีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนสูงขึ้น เกิดการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ เกิดการพัฒนา
ตนเองให้มีความสามารถทางด้านวิชาการ และวิชาชีพจนเกิดความรู้ใหม่ๆ ตลอดจนรู้เท่าทันการ
เปล่ียนแปลง

1.4 สรปุ
ความสำคัญของความใฝ่รู้ คือ การเกิดทักษะการเรียนรดู้ ้วยตนเอง โดยการศึกษาคน้ ควา้ หา

คาํ ตอบ คิดวเิ คราะห์ คิดสงั เคราะห์ เกีย่ วกบั ขอ้ มูลที่ศึกษาแล้วสร้างสรรค์เป็นองคค์ วามร้ใู หม่
ตลอดจนร้เู ท่าทนั การเปลยี่ นแปลง

3

2. วสิ ยั ทัศน์ (Vision)

วสิ ัยทศั น์ (Vision) เปน็ คำทีน่ ักวิชาการได้ให้ความสนใจ และพยายามให้ความหมายแตกต่าง
กันไปมากมาย จนอาจเกิดความสับสนว่ากำลังกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร หรือวิสัยทัศน์ของ
องคก์ รกันแน่ อยา่ งไรก็ตามความหมาย ของวสิ ยั ทัศน์สามารถสรปุ ได้ในแนวทางเดียวกนั คอื วิสัยทัศน์
หมายถึง ภาพในอนาคตขององค์กรซึ่งได้มาจากปัญญา ความคิดโดยภาพนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของ
ความจริง มีความเป็นไปได้ ดึงดดู ใจใหป้ ฏบิ ัติตาม สอดคล้องกับเป้าหมายและภาระหนา้ ที่ขององค์กร
อันจะทำใหอ้ งคก์ รมีสภาพดีกว่าทเี่ ปน็ อยู่ในปัจจุบัน เม่ือพิจารณาจากความหมายของวิสยั ทัศน์จะเห็น
ว่า วิสัยทัศน์มีลักษณะเป็นภาพ สถานศึกษาไม่สามารถที่จะสร้างภาพด้วยตนเองได้ แต่จะมองเห็น
อนาคตขององค์กรผ่านผู้บริหารสถานศึกษาว่าจะกำหนดทิศทางและแนวทางการดำเนินงานของ
สถานศกึ ษาอยา่ งไรจงึ จะเหมาะสม ดังนนั้ วิสยั ทศั น์ที่จะกล่าวถงึ ในบทความนจ้ี ะหมายถงึ วิสยั ทัศน์ของ
ผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้บริหารสถานศึกษาทุกคนจะต้องมีเพื่อนำการเปลี่ยนแปลง
มาสู่สถานศึกษาใหบ้ รรลเุ ป้าหมายที่ต้องการ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงท่ี
เป็นพลวัตรเช่นในปัจจุบัน และผู้เขียนจะขอนำเสนอแนวทางในการพัฒนาวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร
สถานศกึ ษาตามกรอบแนวคิด ดงั น้ี

2.1 แนวคิด ความหมาย และความสำคัญของวิสยั ทศั น์
วิสัยทัศน์ หมายถึง ภาพในอนาคตขององค์กรที่ผู้บรหิ ารและสมาชิก ขององค์กรร่วมกันวาด

ฝัน หรือจินตนาการขึ้นโดยมีพื้นฐานอยู่บนความจริง ในปัจจุบัน เชื่อมโยงวัตถุประสงค์ ภารกิจ
คา่ นยิ ม และความเชอ่ื มน่ั เข้าด้วยกัน พรอ้ มทัง้ พรรณนาให้เหน็ ทิศทางของสถานศึกษาอย่างชัดเจน มี
พลังท้าทาย ทะเยอทะยาน และมคี วามเป็นไปได้ (ร่งุ , 2539: 129) วิสยั ทศั น์จึงเป็นเสมือนพิมพ์เขียว
ของสภาพที่ต้องการเพื่อให้ทกุ คนทำงานไปสู่ความสำเร็จในอนาคต วิสัยทัศน์ได้มาจากการวเิ คราะห์
ปัญหาขององค์กรบนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่ ในปัจจุบัน ร่วมกับการระดมความคิดหาแนวทาง
แก้ปัญหานน้ั เพื่อให้ได้มา ซง่ึ องค์กรอันพงึ ประสงค์ในอนาคต (บัณฑิต, 2540: 27) วิสัยทัศน์เป็นเรื่อง
ของทุก ๆ คน แตว่ ิสยั ทัศนไ์ ม่สามารถเกิดข้ึนกบั ทกุ คนได้ หากไมไ่ ด้รบั การปลกู ฝัง ไม่ได้รับการเรียนรู้
จากสงั คม (เกรียงศักดิ์, 2541: 65)

วิสัยทัศน์เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาของผู้บริหารในการดำเนนิ กิจกรรมขององค์กร หากผู้บริหาร
ปราศจากวิสัยทัศน์ก็จะไม่สามารถสร้างสรรค์ความเจรญิ กา้ วหน้าและดำรงรักษาความเป็นองค์กรที่ดี
ไว้ได้ (Sergiovanni, 1987: 73) วิสัยทัศน์ทำให้ผู้บริหารมองเห็นว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่แท้จริงของ
องค์กร และสามารถกำหนดภาพในอนาคตขององค์กรได้ว่าต้องการให้เป็นอย่างไร เพื่อกำหนด
กิจกรรม และแนวทางปฏิบัติงานให้บรรลุผลสำเร็จตามต้องการโดยไม่เสียเวลากระทำการในสิ่งที่ไม่
เปน็ ประโยชน์ และยังเป็นแรงกระตุ้นใหส้ มาชิกขององคก์ รปฏบิ ัติงานดว้ ยความเต็มใจอย่างเป็นพิเศษ
ย่งิ กวา่ ธรรมดา (Duke, 1987: 51) วสิ ัยทศั น์จะช่วยสร้างความผูกพนั และร้อยรดั พลังของสมาชิกเพื่อ

4

การบรรลุเปา้ หมาย ผู้บริหารทมี่ ีวสิ ยั ทศั นจ์ ะสามารถสร้างวสิ ัยทัศน์ใหก้ บั องค์กร และเปล่ียนวิสัยทัศน์
ให้เป็นสภาพที่เป็นจริง มองเห็นได้อย่างชดั เจนวา่ เปา้ หมายท่ีตอ้ งการให้เกิดคืออะไร จะต้องทำอะไร
และทำอย่างไรจึงจะบรรลุเป้าหมายนัน้ วิสัยทัศน์ที่แจ่มแจ้งชัดเจนนั้นมาจากการเข้าใจองค์กรอย่าง
ถ่องแท้และลึกซึ้ง งานวิจัยและวรรณกรรมต่าง ๆ ได้ยืนยันว่า วิสัยทัศน์เป็นสิ่งจำเป็นและเป็น
องคป์ ระกอบที่สำคญั ของผบู้ รหิ าร (เสรมิ ศักดิ์, 2538: 6)

วิสัยทัศน์เป็นสิ่งสำคัญประการแรกที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องมี และจะต้องเผยแพร่
วิสัยทัศน์นัน้ ไปสคู่ ณะครู เพื่อให้สมาชิกกระทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยม่งุ หวงั ให้บรรลุวสิ ยั ทศั น์นั้น (Davis
and Thomas, 1989: 22-23) การมีวิสัยทัศน์อย่างเดียวยังไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญที่ผู้บริหารจะต้อง
กระทำให้ไดค้ อื การทำใหส้ มาชิกมจี ิตผูกพันกบั วสิ ยั ทศั น์ สามารถหลอ่ หลอมวสิ ยั ทัศนน์ ้ันลงสู่นโยบาย
แผนงาน และกิจวตั รประจำวันภายในองค์กร ยินดีเสยี สละประโยชน์ส่วนตนเพอ่ื ปฏิบัตงิ านต่าง ๆ ให้
บรรลุวิสัยทัศน์นั้น (Caldwell and Spinks, 1990: 174) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารสถานศึกษา
นอกจากจะมีวิสัยทัศน์แล้ว ยังต้องมีความสามารถในการเผยแพร่วิสัยทัศน์ให้สมาชิกเข้าใจ ยอมรับ
และปฏบิ ตั ติ ามวสิ ยั ทศั น์ให้บรรลุผลด้วย

2.2 มิติของวิสยั ทัศน์
Braun (1991: 26) ได้กำหนดมิติของวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษาเป็น 3 มิติ คือ การ

สร้างวิสัยทัศน์ (Formulated Vision) การเผยแพร่วิสัยทัศน์ (Articulated Vision) และการปฏิบัติ
ตามวิสยั ทัศน์ (Operational Vision)

การสร้างวิสัยทัศน์ หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถสร้างภาพในอนาคตของ
สถานศึกษาไดอ้ ย่างชัดเจนวา่ ประสิทธิผลที่ดีท่ีสุดของสถานศกึ ษาทต่ี ้องการอย่างแท้จริงคอื อะไร ทั้งน้ี
โดยอาศัยทักษะการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการสังเคราะห์ข้อมูลของผู้บริหาร
สถานศกึ ษา

Locke et al. (1991: 53-54) ได้เสนอแนวคิดว่า การสร้างวิสัยทัศน์ของผู้บริหารได้มาจาก
วิธีการดังตอ่ ไปนี้

1. โดยการเก็บรวบรวมข้อมลู หมายถึง การสนทนาพูดคยุ และ ฟังความคิดเห็นจากบคุ คล
ตา่ ง ๆ ท้งั ในองค์กรและนอกองค์กร

2. โดยกระบวนการจัดกระทำขอ้ มูล หมายถงึ การวิเคราะห์ และสังเคราะห์ขอ้ มูลทมี่ อี ยู่ เพ่ือ
นำไปกำหนดวิสัยทัศน์ของผู้บริหารซึ่งต้องอาศัยความรู้ความสามารถของผู้บริหารในเรื่อง การมี
สายตายาวไกล ความเข้าใจ วัฒนธรรมขององคก์ ร ความเขา้ ใจถึงผลกระทบต่าง ๆ ทอ่ี าจเกิดขึ้นและ
แนวโน้มของโลกในอนาคต ความสามารถในการมองเห็นภาพรวมขององค์กร ความสามารถในการ
คาดคะเนแรงต่อต้านที่อาจจะเกิดขึ้น ความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนความคิดเห็นของตนเองได้
ตลอดเวลา

3. โดยการถ่ายทอดวิสยั ทัศน์ของตนออกมาเป็นถอ้ ยคำไดอ้ ยา่ งชัดเจน มีพลังในการกระตุ้น
ให้สมาชิกทุกคนทำงานเพ่ือเปา้ หมายขององค์กร ท้ังน้ถี อ้ ยคำ ทแี่ สดงวิสยั ทัศนน์ ั้นควรมีลกั ษณะยน่ ย่อ
ชัดเจน ทา้ ทาย มุ่งอนาคต ม่ันคง ปรารถนาทจี่ ะบรรลใุ หไ้ ด้

5

4. โดยการประเมนิ ผลเป็นระยะ หมายถงึ การทดสอบวา่ วิสัยทัศนน์ ัน้ สอดคล้องกบั ความรู้
ความสามารถของสมาชิกในองค์กรหรือไม่ หากไดค้ ำตอบปฏิเสธ ผูบ้ รหิ ารกจ็ ะต้องนำวสิ ัยทัศนน์ ้ันมา
พจิ ารณาเพื่อปรับเปลยี่ นตอ่ ไป

เสรมิ ศกั ด์ิ (2538: 4) ไดอ้ ธิบายไว้อย่างชดั เจนวา่ การสรา้ งวสิ ัยทัศน์ เปน็ การสร้างความฝันที่
เปน็ จรงิ หรือเป็นการสรา้ งพิมพเ์ ขยี วขององคก์ รท่มี ีความเปน็ เลศิ ในอนาคต การสร้างวสิ ัยทศั น์จะต้อง
ศึกษาองค์กรอย่างลึกซึ้ง มีข้อมูลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับจุดเด่น จุดด้อยของบุคคล สถานที่ ทรัพยากร
และเวลา วิสยั ทศั น์ ทส่ี ร้างขน้ึ จำเป็นตอ้ งสอดคล้องกับสภาพแวดลอ้ ม วธิ ีการทดี่ อี ย่างหนง่ึ ในการสร้าง
วสิ ัยทศั นก์ ค็ อื การสร้างวสิ ยั ทัศน์โดยการใหม้ ีสว่ นร่วม (Shared Vision) ในขณะที่สมศักดิ์ (2540: 13)
มีความคิดเห็นว่า การสร้างวิสัยทัศน์ควรกำหนดขึน้ โดยผู้บริหาร (Leader Initiate) มิได้กำหนดโดย
กลมุ่ บุคคล ซึง่ ผบู้ รหิ ารทด่ี ีจะตอ้ งรจู้ ักสนทนาและรับฟงั ความคิดเหน็ ของสมาชิกแลว้ นำมาพิจารณาว่า
โลกปจั จุบันเป็นเช่นไร นำข้อมูลผนกึ เข้าเปน็ วิสยั ทศั น์ แล้วหาวธิ กี ารท่ีจะมุ่งสวู่ สิ ัยทศั น์นั้น ในการสรา้ ง
วิสัยทัศน์จำเป็นต้องคำนึงถึงศีลธรรม จริยธรรม เพื่อให้ทิศทางที่จะมุ่งไปมีความถูกต้อง ตัวแปรท่ี
สำคัญในการสร้างวิสัยทัศน์คือ ทักษะด้านความคิดรวบยอด (Conceptual Skills) อันเป็นทักษะท่ี
สำคัญย่ิงของผูบ้ ริหารโรงเรียน โดยเฉพาะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ท่ีพัฒนาให้
ผ้บู รหิ ารมองกวา้ ง คดิ ไกล ทันสมยั และเฉียบแหลม

การเผยแพร่วิสัยทัศน์ หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถสื่อสารให้สมาชิกมีความ
เข้าใจในวิสัยทัศน์ของตนได้อย่างชัดเจน ยอมรับ และเต็มใจที่จะปฏิบัติงานทั้งหลายเพื่อให้บรรลุ
วิสัยทัศน์นั้น Ellis and Joslin (1990: 8) มีความเห็นว่า การสร้างวิสัยทัศน์ขึ้นมาได้นั้นยังไม่สำคัญ
เท่ากับความสามารถในการเผยแพร่วิสัยทัศน์ไปยังสมาชิกทุกคนขององค์กรให้มีความคิดเห็นคล้อย
ตาม และเต็มใจที่จะปฏิบัติกิจกรรมทั้งหลายเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์นั้นซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดคือ การให้
สมาชิกทุกคนมีสว่ นร่วมในการเปลี่ยนแปลงเพือ่ มุ่งไปยงั วิสัยทศั น์ของสถานศกึ ษาทีก่ ำหนดไว้ นั่นคือ
เปลย่ี นสภาพของวิสัยทศั นส์ ว่ นบคุ คลเปน็ วสิ ยั ทศั น์ของสว่ นรวม จดุ มุ่งหมายของการเผยแพร่วิสัยทัศน์
คือ การทำให้สมาชิกขององค์กรยอมรับวิสัยทัศน์นั้น เป็นของตน ผู้บริหารจึงต้องมีศิลปะในการ
เปลี่ยนแปลงทัศนคติและค่านิยมของสมาชิก มีวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิผลในการอธิบายและโน้ม
นา้ วให้สมาชกิ ขององค์กรเขา้ ใจและยอมรับวสิ ยั ทศั น์ท่สี ร้างขนึ้ อยา่ งต่อเนอ่ื ง

การปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถนำวิสัยทัศน์ไปสู่การ
ปฏบิ ตั ิจรงิ ได้เป็นผลสำเร็จ ทงั้ นีโ้ ดยวธิ ีการหลอมวิสัยทัศน์ของตนลงไปสูน่ โยบาย เปา้ หมาย แผนงาน
โครงการ กิจวตั รประจำวนั ของสถานศกึ ษา และโดยการสร้างความสัมพันธ์อนั ดีกบั คณะครู

Sashkin (1988: 247) ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถปฏิบัติตาม
วิสัยทัศนไ์ ด้ 2 แนวทาง คอื

1. โดยการหลอมวิสัยทัศน์นั้นลงในปรัชญาของสถานศึกษา และกำหนดนโยบาย โครงการ
เพ่อื นำปรชั ญาของสถานศกึ ษาไปปฏบิ ัตจิ ริง

6

2. โดยการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสมาชิกแต่ละคน ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาควรมี
คณุ ลกั ษณะ 5 ประการ คือ มที กั ษะการสื่อสารทด่ี ี แสดงออกถงึ วสิ ัยทัศน์ของตนอย่างเดน่ ชดั วางตน
ให้เป็นทไี่ วว้ างใจได้ มีความม่นั ใจในตนเอง และเคารพความคิดเหน็ ของผู้อืน่

การนำวิสัยทัศน์ไปปฏิบัตจิ ะบรรลุผลเพียงใดน้ันขึ้นอยู่กับความสามารถทางการบริหารของ
ผู้บริหารสถานศึกษา โดยเฉพาะการมีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ การเป็นผู้สื่อสารที่ดี และ
ความสามารถในการทำงานร่วมกับบุคคลที่มีลักษณะต่าง ๆ ได้ทุกสถานการณ์ (Scheive and
Schoenheit, 1987: 102)

สรุปได้ว่า วิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเม่ือ
เป้าหมายชัดเจน การตั้งเป้าหมายว่าองค์กรจะไปทางใดนั้นเป็นภารกิจเพียงครึ่งเดียวของผู้บริหาร
สถานศกึ ษา ภารกิจอกี ครง่ึ หนึ่งก็คือ ผบู้ ริหารจะต้องเผยแพร่หรือส่อื สารใหส้ มาชิกทราบในวิสัยทัศน์
ของตน มีความเห็นพ้องกันในวสิ ยั ทศั นน์ น้ั และรว่ มพลงั ในการปฏิบัตติ ามวสิ ัยทัศน์

2.3 เครอื่ งมือวัดวสิ ยั ทศั น์
เครื่องมือวัดวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่สามารถตรวจสอบวิสัยทัศน์ได้ครอบคลุม

สาระสำคัญมากกว่าเครื่องมือชนิดอื่น คือ Leadership Vision Questionnaire-Principal (LVQ-P)
ซึ่งสร้างขึ้นโดย Braun (1991) และศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ ได้แปลและปรับให้
สอดคล้องกับบริบทของไทย ลักษณะเครื่องมือประกอบด้วยข้อคำถาม 32 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วน
ประมาณค่า 4 ช่วงคะแนน เพื่อตรวจสอบวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษา 3 มิติ คือ การสร้าง
วิสัยทัศน์ การเผยแพร่วิสัยทัศน์ และการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ โดยมีวิธีการคิดคะแนน 2 ระดับคือ
ระดับที่ 1 คิดคะแนนรวมแยกเป็นแต่ละมิติ และระดบั ที่ 2 คิดคะแนนเฉลีย่ ของคะแนนรวมท้ัง 3 มิติ
จะได้คะแนนที่เป็นค่าแสดงถึงระดับวิสยั ทศั นข์ องผู้บริหารสถานศึกษาแต่ละคน ซ่ึงได้กำหนดการแปล
ค่าคะแนนเฉลยี่ ของแบบวดั วสิ ัยทศั นไ์ ว้ดงั น้ี

1.00 – 1.80 แสดงว่า มีวิสัยทศั นอ์ ยู่ในระดับต่ำ
1.81 – 3.20 แสดงว่า มวี สิ ัยทัศนอ์ ย่ใู นระดบั ปานกลาง
3.21 – 4.00 แสดงวา่ มีวิสยั ทศั นอ์ ยใู่ นระดับสูง
ในการสรา้ งวสิ ยั ทัศน์มีประเด็นทีค่ วรพิจารณา ดงั นี้
1. ผู้บริหารจะต้องเข้าใจองคก์ ร ผู้บริหารสถานศึกษาจะตอ้ งเข้าใจองค์กรอย่างลึกซึ้ง เข้าใจ
ภารกิจ เปา้ หมาย และวตั ถุประสงค์เดิมขององค์กร เข้าใจวฒั นธรรมขององค์กร เขา้ ใจความต้องการ
และค่านยิ มของสมาชิก ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาจะตอ้ งวเิ คราะหอ์ งคก์ รเพือ่ หาจดุ แข็ง จุดออ่ นขององคก์ ร
2. ผู้บริหารจะต้องเข้าใจสภาพแวดล้อม เนื่องจากสถานศึกษาเป็นระบบสังคมซึ่งได้รับ
ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารสถานศึกษาจำเป็นจะต้องศึกษาสภาพปัจจุบันของสิ่งแวดล้อม
และศึกษาแนวโน้มของสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมเพื่อแสวงหาโอกาส และหลีกเลี่ยง
ความเส่ยี งหรอื อุปสรรค

7

ทง้ั นกี้ ารที่ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาจะเข้าใจองค์กรและสภาพแวดลอ้ มน้นั จำเป็นจะต้องมีข้อมูลท่ี
ทันสมยั และเช่อื ถอื ได้ การแสวงหาขอ้ มลู จงึ ต้องหาข้อมูลทงั้ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

ในการสร้างวิสยั ทศั นน์ ้ัน ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาควรพฒั นาตนเองให้มีความสามารถในดา้ น
ตอ่ ไปนี้ (เสริมศกั ด,ิ์ 2538:27)

1. การมองการณไ์ กล
2. การมองย้อนกลับไปข้างหลัง
3. การมองผลกระทบและแนวโนม้ ต่าง ๆ
4. การมององคก์ รในภาพรวม
5. การคาดคะเนแรงตอ่ ตา้ นตา่ ง ๆ
6. การวเิ คราะหจ์ ุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กร
7. การมคี วามมงุ่ มน่ั หรือความสนใจที่จะเปลย่ี นแปลง
8. การทดสอบว่าวิสัยทัศน์ที่สร้างข้นึ น้ันสอดคล้องกับเปา้ หมายขององคก์ ร และ
ความสามารถของสมาชิกในองคก์ รหรือไม่

2.4 การเผยแพรว่ ิสยั ทัศน์
เมือ่ ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาสามารถสร้างวิสัยทัศนข์ น้ึ มาได้แล้วจำเป็นต้องเผยแพร่วิสัยทัศน์นั้น

ใหส้ มาชิกไดร้ ับรู้ เข้าใจ และยอมรับ เพอื่ เปลีย่ นสภาพวสิ ัยทัศนส์ ว่ นบุคคลใหเ้ ป็นวิสยั ทัศน์ขององค์กร
เพราะสมาชกิ จะไมท่ ำงานเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ทผ่ี ู้บริหารสร้างขนึ้ หากสมาชิกไมย่ อมรับในวิสัยทัศน์นั้น
ดงั น้นั จึงควรใหส้ มาชิกได้มีสว่ นร่วมตง้ั แต่เริ่มตน้ วิสัยทัศนท์ ่ีสร้างขึ้นจะกลายเป็นภารกิจที่จะต้องลง
มือปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้น การเผยแพร่วิสัยทัศน์จึงเป็นการเชื่อมโยงระหว่างวิสัยทัศน์
ภารกจิ และการปฏบิ ัติ

ในการเผยแพรว่ สิ ยั ทัศน์น้นั ผบู้ ริหารสถานศึกษาควรพฒั นาตนเองให้มีความสามารถในเร่ือง
ต่าง ๆ ดังน้ี

1. ทักษะในการติดตอ่ สอื่ สาร ผู้บริหารควรพัฒนาทกั ษะในการพูด การฟงั การเขียน และการ
แสดงภาษาทา่ ทาง เพ่ือให้สมาชิกเข้าใจวิสยั ทัศน์ท่สี ร้างข้นึ

2. ทักษะในการทำตนเป็นแบบอย่าง (Role Model) เนื่องจากวิสัยทัศน์ ที่สร้างขึ้นจะ
กลายเป็นภารกิจขององคก์ ร ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาจึงควรแสดงให้เห็นว่า วสิ ัยทศั นน์ ้นั มคี วามเป็นไปได้
สามารถปฏิบัติให้บรรลุผลไดโ้ ดยการปฏบิ ัติใหด้ ูเป็นแบบอย่าง ซึ่งการทำตนเป็นแบบอย่างนี้ผู้บริหาร
จะตอ้ งปฏิบัติอย่างต่อเนือ่ งและสม่ำเสมอ

8

2.5 การปฏิบตั ิตามวสิ ยั ทศั น์
การปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ เป็นการนำวิสัยทัศน์ที่สร้างไปสู่การปฏิบัติจริงโดยความร่วมมือ

ทุ่มเทกำลังกาย ความคิด และความพยายามของสมาชิก เพื่อให้วิสยั ทัศน์ทีส่ ร้างขึ้นนั้นเป็นผลสำเร็จ
นั่นคือเป็นการรวมพลังเพื่อบรรลุสภาพการณ์ในอนาคตที่พึงปรารถนา ซึ่งเป็นการพัฒนาองค์กรสู่
ความเป็นเลิศ ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องบูรณาการวิสัยทัศน์ที่สร้างขึ้นให้เข้ากับปรัชญา นโยบาย
แผนงาน และโครงการของสถานศกึ ษา และปฏบิ ัติตามจนกระทั่งบังเกดิ ผล

ในการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์นั้น ผู้บริหารสถานศึกษาควรพัฒนาตนเองให้มีความสามารถใน
ดา้ นต่าง ๆ ดงั นี้

1. ทักษะในการบริหารการเปลี่ยนแปลง การปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ จำเป็นจะต้องนำการ
เปล่ยี นแปลงมาสู่องคก์ ร เนอ่ื งจากเปน็ การเปลี่ยนวธิ ดี ำเนนิ การเพือ่ การบรรลุเป้าหมายท่แี ตกต่างหรือ
สูงขึ้นกวา่ เดิม ซึ่งจะกอ่ ให้เกิดแรงต่อต้าน ความวิตกกงั วล ความเครียด และความขัดแย้ง ด้วยเหตุนี้
ผู้บริหารจงึ ควรพฒั นาทักษะในการบรหิ ารการเปลย่ี นแปลง

2. ทักษะในการทำงานกับคน การปฏิบัติตามวิสยั ทัศน์เป็นการรวบรวมพลังทรพั ยากรต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ทรพั ยากรมนุษย์ ผู้บริหารจึงควรพัฒนา การสื่อสารแบบ 2 ทางระหว่างผู้บรหิ ารกบั
สมาชกิ ใน 3 ประเดน็ คือ ความไว้วางใจ ความเชื่อม่นั และการยอมรบั ความคิดเห็น

3. ทักษะการสร้างแรงจูงใจ การทำงานของสมาชิกในองค์กรเป็นผลจากปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่าง
ความสามารถและแรงจงู ใจ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาจึงควรมที ักษะในการสร้างแรงจงู ใจใหเ้ กิดแกส่ มาชิก

4. ทักษะในการมอบหมายงาน ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีทักษะในการมอบหมายงาน ทั้งนี้
เพราะการมอบหมายงานจะทำให้เกิดการกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วม ซึ่งจะทำให้สมาชิกมี
อิสระในการทำงาน เกิดความผูกพนั เกดิ ความรู้สึกเปน็ เจ้าของ และมีความรับผดิ ชอบมากขึน้

5. ทกั ษะในการปรับโครงสร้างองค์กร ผู้บรหิ ารสถานศึกษาควรปรับโครงสร้างองค์กรเพ่ือให้
สอดคล้องและเหมาะสมกับภารกิจทจ่ี ะต้องปฏิบัติ

2.6 การประเมินผลเพ่อื การปรับปรุงและแก้ไข
วิสัยทัศน์ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถกำหนดภาพในอนาคต ที่ต้องการได้

ขณะเดียวกันผู้บริหารก็ต้องทำการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง เพื่อนำสถานศึกษาไปสู่วิสัยทัศน์ท่ี
กำหนด ซึง่ เปน็ สิ่งท่ยี าก และมกั จะล้มเหลว เนอ่ื งจากธรรมชาตขิ องบคุ คลกด็ ี ขององคก์ รกด็ ยี อ่ มมีการ
ต่อตา้ นเมื่อมกี ารเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาจึงควรมีการประเมินผลเป็นระยะเพื่อทดสอบว่าวิสัยทัศน์น้ัน
สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร สอดคล้องกับความสามารถของสมาชิกในองค์กรหรือไม่ หากได้
คำตอบปฏิเสธ ผู้บริหารสถานศึกษาก็จะต้องนำวิสัยทัศน์นั้นมาพิจารณาเพื่อปรับเปลี่ยนต่อไป
ผู้บริหารที่ดีควรมองการสร้างวิสัยทัศน์ การเผยแพร่วิสัยทัศน์ การปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ และการ
ประเมนิ ผล เพ่ือการปรบั ปรงุ และแกไ้ ขให้มคี วามเช่ือมโยงกนั

9

2.7 สรุป
วิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษา เป็นคุณสมบัติของผู้บริหารที่สามารถมองเห็นภาพใน

อนาคตของสถานศึกษาที่ต้องการจะให้เป็นไปได้อย่างชัดเจนโดยภาพนั้นต้องสอดคลอ้ งกับเป้าหมาย
ของสถานศกึ ษา มีความเป็นไปได้ และสามารถมองเหน็ วิธกี ารปฏบิ ตั ทิ ่ีจะนำสถานศกึ ษาให้บรรลุความ
ต้องการนั้น วิสัยทัศนเ์ ป็นภาพอันชัดเจนที่สะท้อนให้เห็นเป้าหมาย ค่านิยม ปรัชญา และความเชือ่ ที่
สมาชกิ ของสถานศึกษารว่ มกันยดึ ถอื วิสัยทศั น์ที่แท้จรงิ ตอ้ งเป็นวสิ ยั ทัศนร์ ว่ มทสี่ มาชิกชว่ ยกันผลักดัน
สานฝัน อันเป็นผลจากความสามารถคิดอ่านผสานเข้ากับประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมของ
สมาชิก และเป็นผลจากความสามารถในการเก่งคิด เก่งคน และเก่งงานของผู้บริหารสถานศึกษา
วิสัยทัศนจ์ ะเกิดไดก้ ต็ ่อเม่อื มเี ปา้ หมายที่ชัดเจน

วิสัยทัศน์เป็นสิ่งสำคัญประการแรกที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องมี เพราะวิสัยทัศน์เป็น
Roadmap ใหท้ ุกคนในสถานศึกษาได้ใช้เปน็ ประทีปนำทางในการปฏิบัติงาน ผบู้ ริหารที่มีวิสัยทัศน์ท่ี
แทจ้ ริงนน้ั จะตอ้ งมกี ระบวนการลลี าของวิสัยทัศน์ครบทงั้ 3 มิติคือ คดิ ได้ (การสร้างวสิ ัยทัศน์) ส่ือเป็น
(การเผยแพร่วสิ ยั ทัศน)์ และโนม้ นำใหม้ ีการปฏิบัตลิ ่วงหน้า (การปฏิบตั ิตามวิสัยทัศน)์ พร้อมทั้งมีการ
ประเมนิ ผลเพือ่ การปรับปรุงแก้ไขให้เชอ่ื มโยงกันอย่างเปน็ ระบบด้วย

10

3. หลกั ธรรมาภิบาล

3.1 ความหมาย
ธรรมาภบิ าล (Good Governance) คือการปกครอง การบรหิ าร การจดั การการควบคุมดูแล

กิจการต่าง ๆ ให้เป็นไปในครรลองธรรม นอกจากนี้ยังหมายถึงการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งสามารถ
นำไปใชไ้ ด้ท้ังภาครฐั และเอกชน ธรรมที่ใชใ้ นการบรหิ ารงานนี้ มคี วามหมายอยา่ งกว้าง กล่าวคือ หาได้
มคี วามหมายเพยี งหลกั ธรรมทางศาสนาเท่านนั้ แต่รวมถึง ศลี ธรรม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และความถูก
ต้องชอบธรรมทั้งปวง ซึ่งวิญญูชนพึงมีและพึงประพฤติปฏิบัติ อาทิ ความโปร่งใสตรวจสอบได้ การ
ปราศจากการแทรกแซงจากองค์กรภายนอก

ธรรมาภิบาล เป็นหลักการที่นำมาใช้บริหารงานในปัจจุบันอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุเพราะ
ช่วยสร้างสรรค์และส่งเสริมองค์กรให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพ อาทิ พนักงานต่างทำงานอย่าง
ซอื่ สตั ย์สุจริตและขยันหมนั่ เพียร ทำให้ผลประกอบการขององค์กรธุรกจิ น้นั ขยายตัว นอกจากน้แี ล้วยัง
ทำให้บุคคลภายนอกที่เก่ียวข้อง ศรัทธาและเชื่อมัน่ ในองค์กรนัน้ ๆ อันจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่าง
ต่อเนอ่ื ง เชน่ องค์กรท่โี ปรง่ ใส ยอ่ มไดร้ บั ความไว้วางใจในการรว่ มทำธรุ กิจ รัฐบาลทีโ่ ปรง่ ใสตรวจสอบ
ได้ ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและประชาชน ตลอดจนส่งผลดีต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
และความเจรญิ กา้ วหน้าของประเทศ

ธรรมาภิบาล หมายถึง การบริหารกิจการบ้านเมืองและสงั คมที่ดี เป็นแนวทางสำคัญในการ
จัดระเบียบให้สังคมรัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งครอบคลุมถึงฝ่ายวิชาการ ฝ่าย
ปฏบิ ัตกิ าร ฝา่ ยราชการ และฝา่ ยธุรกจิ สามารถอยูร่ ว่ มกันอย่างสงบสขุ มีความรรู้ ักสามัคคแี ละร่วมกัน
เป็นพลัง ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนเสริมความเข้มแข็งหรือสร้างภูมิคุ้มกันแก่
ประเทศ เพื่อบรรเทาปอ้ งกันหรอื แกไ้ ขเยียวยาภาวะวิกฤติ ภยันตรายที่หากจะมีมาในอนาคต เพราะ
สงั คมจะร้สู ึกถงึ ความยตุ ิธรรม ความโปรง่ ใสและความมีส่วนร่วม อนั เปน็ คณุ ลักษณะสำคญั ของศักดิ์ศรี
ความเป็นมนุษย์ และการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
สอดคล้องกับความเป็นไทยรัฐธรรมนูญ และกระแสโลกยุคปัจจุบัน (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีวา่
ดว้ ยการสร้างระบบบรหิ ารกจิ การบา้ นเมืองและสังคมท่ีดี พ.ศ.2542)

3.2 หลกั ธรรมาภบิ าล 6
ในภาคราชการไดเ้ รมิ่ ดำเนินการสรา้ งธรรมาภิบาลขึน้ เพอ่ื บรหิ ารองคก์ ร โดยมีระเบยี บสำนัก

นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกจิ การบ้านเมืองและสังคมท่ีดี พ.ศ.2542 และประกาศ
ในราชกจิ จานุเบกษาเม่ือวนั ท่ี 10 สงิ หาคม 2542 ระเบียบนี้มีผลใช้บังคบั กับหน่วยงานของรัฐต้ังแต่
วนั ท่ี 11 สงิ หาคม 2542 เป็นตน้ มา โดยระเบียบนีก้ ำหนดให้ทุกหนว่ ยงานของรัฐ ดำเนินการบริหาร
จัดการโดยยึดหลักการ 6 หลัก ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมี
สว่ นร่วม หลักความรบั ผดิ ชอบ และหลักความคมุ้ ค่า ซ่ึงมีสาระสำคัญ ดังน้ี

1. หลักนิตธิ รรม ไดแ้ ก่ การตรากฎหมาย กฎขอ้ บังคบั ต่าง ๆ ใหท้ นั สมยั และเปน็ ธรรม เปน็ ท่ี
ยอมรับของสังคม และสงั คมยนิ ยอมพร้อมใจปฏิบตั ิตามกฎหมาย กฎขอ้ บังคับเหล่านนั้ โดยถือว่าเป็น
การปกครองภายใตก้ ฎหมายมิใชต่ ามอำเภอใจ หรอื อำนาจของตัวบุคคล

11

2. หลักคุณธรรม ได้แก่ การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม โดยรณรงค์ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ
ยึดถือหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตัวอย่างแก่สังคมและส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนา
ตนเองไปพร้อมกันเพือ่ ให้คนไทยมีความซื่อสตั ย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบวิชาชพี
สุจริตจนเป็นนสิ ัยประจำชาติ

3. หลักความโปรง่ ใส ได้แก่ การสร้างความไวว้ างใจซง่ึ กนั และกนั ของคนในชาติโดยปรับปรุง
กลไกการทำงานขององค์กรทุกวงการให้มีความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์
อยา่ งตรงไปตรงมาดว้ ยภาษาทีเ่ ขา้ ใจง่าย ประชาชนเขา้ ถงึ ขอ้ มูลข่าวสารได้สะดวกและมีกระบวนการ
ให้ประชาชนตรวจสอบความถกู ตอ้ งชัดเจนได้

4. หลักความมีสว่ นรว่ ม ได้แก่ การเปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนมสี ่วนรว่ มรบั รูแ้ ละเสนอความเห็น
ในการตัดสินใจปัญหาสำคัญของประเทศ ไม่ว่าด้วยการแจ้งความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การ
ประชาพจิ ารณ์ การแสดงประชามตหิ รอื อนื่ ๆ

5. หลกั ความรบั ผดิ ชอบ ได้แก่ การตระหนักในสิทธิหน้าที่ความสำนึกในความรับผิดชอบต่อ
สงั คม การใสใ่ จปัญหาสาธารณะของบ้านเมอื งและกระตอื รอื ร้นในการแก้ปัญหาตลอดจนการเคารพใน
ความคดิ เหน็ ที่แตกตา่ ง และความกล้าทจี่ ะยอมรบั ผลจากการกระทำของตน

6. หลกั ความคุ้มคา่ ได้แก่ การบริหารจดั การและใช้ทรพั ยากรทีม่ ีจำกดั เพื่อให้เกดิ ประโยชน์
สงู สุดแกส่ ่วนรวม โดยรณรงคใ์ ห้คนไทยมีความประหยัด ใชข้ องอยา่ งคุม้ ค่า สร้างสรรค์สินค้าบริการท่ี
มีคณุ ภาพสามารถแขง่ ขันไดใ้ นเวทีโลกและรักษาพัฒนา ทรพั ยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ย่งั ยนื

QR Code วดี ีโอ เร่อื งหลกั ธรรมาภิบาลพนื้ ฐาน 6 หลกั

การส่งเสริมให้เกิดการสร้างธรรมาภิบาลนั้น มาจากความร่วมมือของทั้งสถาบันทั้งภาครัฐ
ภาคเอกชน และประชาสังคม ซึ่งบทบาทของรัฐที่สำคัญนั้น คือรัฐเป็นผู้มีบทบาทในการวางรากฐาน
และรักษากฎระเบยี บตา่ ง ๆ การสรา้ งธรรมาภิบาลของรัฐน้ันจำเปน็ ตอ้ งอาศัยระบบการจัดการภาครัฐ
ที่มีประสิทธิภาพ มีภาระรับผิดชอบภายใต้กฎหมาย และนโยบายที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ดังนั้นจึงมี
ความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐจะตอ้ งมีการปฏิรูประบบราชการเพื่อปรบั ปรุงระบบการบริหารจัดการให้มี
ประสิทธิภาพ และรับผิดชอบภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งจุดมุ่งหมายในการสร้างธรรมาภิบาลของ
ภาครัฐนั้นจะต้องพยายามปฏิรูปการบริหารจัดการให้ถูกต้องตามหลักเหตุผล และหน้าที่ มีระบบ
ความรับผิดชอบด้านการเงินที่มีประสิทธิภาพมาใช้ และให้มีความโปร่งในการปฏิบัติงาน ยกระดับ
ความชำนาญของภาครัฐให้มีความทันสมัย ส่วนบทบาทขององค์การภาคเอกชน และบทบาทของ

12

ประชาสงั คมทีม่ ีต่อการสร้างธรรมาภิบาล คอื การรวมตวั กันของสาธารณชนในการต่อต้านการทุจริต
และการประพฤติมิชอบ โดยรัฐควรมีการหามาตรการที่จะกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงการทำผิด
จรรยาบรรณ

3.3 หลกั ธรรมภิบาล 10
จากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบการบริหารกิจการบ้านเมือง

และสังคม ที่ดี พ.ศ. 2542 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จึงได้ศึกษาข้อมลู
เพิ่มเติม และหารือในเบื้องต้นกับประธาน อ.ก.พ.ร.เรื่องการส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ซึ่งในขณะน้ันคือศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม ได้จัดทำหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการ
บา้ นเมืองท่ดี ี (Good Governance Framework) ประกอบด้วย 4 หลกั การสำคญั และ 10 หลักการ
ย่อย

เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้มีการ
กำหนดความหมายสำคัญของหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ทั้ง 10
องค์ประกอบ เรียกว่า หลักธรรมาภิบาล 10 ของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good
Governance) หมายถึง หลักในการปกครอง การบริหาร การจัดการ การควบคุมดูแล กิจการต่าง ๆ
ให้เป็นไปในครรลองธรรม ประกอบด้วย องค์ประกอบ 10 หลัก ได้แก่ หลักประสิทธิผล หลัก
ประสิทธิภาพ หลักการตอบสนอง หลักภาระรับผิดชอบ หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม
หลกั การกระจายอำนาจ หลักนิติธรรม หลกั ความเสมอภาค และหลกั การมงุ่ ฉันทามติ ซึง่ มคี วามหมาย
ดงั นี้

1. หลกั ประสิทธิผล (Effectiveness)
ผลการปฏิบตั ิราชการที่บรรลุวัตถุประสงค์และเปา้ หมายของแผนการปฏิบัติราชการตามที่

ได้รบั งบประมาณมาดำเนนิ การ โดยการปฏบิ ตั ริ าชการจะต้องมีทศิ ทาง ยทุ ธศาสตร์ และเป้าประสงค์
ที่ชัดเจน มีกระบวนการปฏิบัติงานและระบบงานที่เป็นมาตรฐาน รวมถึง มีการติดตาม ประเมินผล
และพฒั นา ปรบั ปรุงอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและเปน็ ระบบ

2. หลกั ประสิทธภิ าพ (Efficiency)
การบริหารราชการตามแนวทางการกำกับดูแลที่ดี ที่มีการออกแบบกระบวนการ

ปฏิบัติงานโดยการใช้เทคนิคและเครื่องมือการบริหารจัดการที่เหมาะสม ให้องค์การสามารถใช้
ทรพั ยากรทั้งด้านตน้ ทนุ แรงงาน และระยะเวลาให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาขีดความสามารถ
ในการปฏิบัตริ าชการตามภารกจิ เพอื่ ตอบสนองความต้องการของประชาชนและผ้มู สี ว่ นได้ส่วนเสียทุก
กลุ่ม

3. หลักการตอบสนอง (Responsiveness)
การให้บริการที่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด และสร้างความเชื่อมั่น

ความไวว้ างใจ รวมถึง ตอบสนองตามความคาดหวัง/ความต้องการของประชาชนผ้รู ับบรกิ าร และ ผู้มี
สว่ นไดส้ ่วนเสยี ทีม่ ีความหลากหลาย และมคี วามแตกตา่ ง

13

4. หลกั ภาระรบั ผิดชอบ (Accountability)
การแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่และผลงานต่อเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดย

ความรบั ผดิ ชอบน้ัน ควรอยใู่ นระดบั ท่สี นองตอ่ ความคาดหวังของสาธารณะ รวมทัง้ การแสดงถึงความ
สำนกึ ในการรบั ผดิ ชอบต่อปัญหาสาธารณะ

5. หลกั ความโปรง่ ใส (Transparency)
กระบวนการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ชี้แจงได้เมื่อมีข้อสงสัย และสามารถเข้าถึงข้อมลู

ข่าวสาร อันไม่ต้องห้าม ตามกฎหมายได้อย่างเสรี โดยประชาชนสามารถรู้ทุกขั้นตอนในการดำเนิน
กจิ กรรมหรือกระบวนการตา่ ง ๆ และสามารถตรวจสอบได้

6. หลกั การมสี ว่ นร่วม (Participation)
กระบวนการที่ข้าราชการ ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มมีโอกาสได้เขา้ ร่วมใน

การรับรู้ เรยี นรู้ ทำความเขา้ ใจ รว่ มแสดงทัศนะ รว่ มเสนอปัญหา/ประเดน็ ที่สำคัญทเ่ี กีย่ วขอ้ ง รว่ มคิด
แนวทาง ร่วมการแก้ไขปัญหา ร่วมในกระบวนการตัดสินใจ และร่วมกระบวนการพัฒนาในฐานะ
หนุ้ ส่วนการพฒั นา

7. หลกั การกระจายอำนาจ (Decentralization)
การถ่ายโอนอำนาจการตัดสินใจ ทรัพยากร และภารกิจ จากส่วนราชการส่วนกลาง

ให้แก่หน่วยการปกครองอืน่ (ราชการบริหารสว่ นท้องถิน่ ) และภาคประชาชน ดำเนินการแทน โดยมี
อิสระตามสมควร รวมถึงการมอบอำนาจและความรบั ผดิ ชอบในการตัดสินใจและการดำเนินการให้แก่
บุคลากร โดยมงุ่ เนน้ การสรา้ งความพึงพอใจในการให้บรกิ ารตอ่ ผรู้ บั บรกิ ารและผมู้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสีย การ
ปรบั ปรุงกระบวนการ และเพ่ิมผลติ ภาพ เพือ่ ผลการดำเนนิ งานท่ีดีของสว่ นราชการ

8. หลกั นติ ธิ รรม (Rule of Law)
การใช้อำนาจของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ในการบริหารราชการด้วยความเป็น

ธรรม ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ และคำนงึ ถงึ สทิ ธิเสรภี าพของผมู้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสยี
9. หลักความเสมอภาค (Equity)
การได้รับการปฏิบัติและได้รับบริการอย่างเท่าเทียมกันโดย ไม่มีการแบ่งแยกด้าน ชาย

หญิง ถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล
ฐานะทางเศรษฐกจิ และสงั คม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษา การฝึกอบรม และอื่น ๆ

10. หลักม่งุ เนน้ ฉนั ทามติ (Consensus Oriented)
การหาข้อตกลงทั่วไป ภายในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เกิด

จากการใช้กระบวนการเพื่อหาข้อคิดเห็นจากกลุ่มบุคคลที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์
โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งต้องไม่มีข้อคัดค้านที่ยุติไม่ได้ในประเด็นที่สำคัญ โดย
ฉันทามตไิ มจ่ ำเปน็ ต้องหมายความว่าเปน็ ความเห็นพ้องโดยเอกฉันท์

14

QR Code วีดโี อ เรื่องหลกั ธรรมาภิบาลของการบรหิ ารกิจการบ้านเมืองท่ีดี 10 หลัก

เมอ่ื นำหลกั ธรรมาภิบาลของการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งท่ีดี 10 หลักการยอ่ ย มาจัดกลุ่มตาม
แนวคิดของการบริหารภาครัฐ เพื่อให้งา่ ยตอ่ การเข้าใจ สามารถจดั หมวดหมู่ ได้ 4 หลกั การใหญ่ คือ

หมวดท่ี 1 การบริหารจดั การภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) เนน้ การทำงาน
เชิงรกุ มุง่ ผลสัมฤทธ์ิ ประกอบดว้ ย

1) ประสทิ ธิภาพ (Efficiency)
2) ประสทิ ธผิ ล (Effectiveness)
3) การตอบสนอง (Responsiveness)
หมวดที่ 2 คา่ นยิ มประชาธิปไตย (Democratic Value) การทำงานท้ังหมดต้องพร้อมรับ
ตรวจสอบ ยดึ กรอบประชาธปิ ไตยของประเทศ ประกอบด้วย
1) ภาระรบั ผิดชอบ/สามารถตรวจสอบได้ (Accountability)
2) เปิดเผย/โปรง่ ใส (Transparency)
3) หลกั นติ ธิ รรม (Rule of Law)
4) ความเสมอภาค (Equity)
หมวดที่ 3 ประชารัฐ (Participatory State) มีจุดเน้นคือประชาชนในประเทศทุกคนให้มี
ความผกู พันทุกภาคสว่ น มคี วามเขม้ แข็ง และเข้าถงึ หลักธรรมภิบาล ประกอบด้วย
1) การมสี ว่ นรว่ ม การพยายามแสวงหาฉนั ทามติ (Participation / Consensus
Oriented)
2) การกระจายอำนาจ (Decentralization)
หมวดที่ 4 คือความรับผิดชอบทางการบริหาร (Administrative Responsibility) ต้องยึด
หลัก คุณธรรม จริยธรรม (Morality/Ethics) ผู้บริหารทุกคนต้อง ซื่อสัตย์ ตั่งมัน ปลูกสำนึกศีลธรรม
และสามารถดำรงตนใหเ้ ป็นแบบอย่างได้

15

ภาพท่ี 1 หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกจิ การบ้านเมืองท่ีดี 10 ขอ้ จำแนก 4 หมวด
3.4 หลกั ธรรมาภบิ าลสากล

ธรรมาภิบาลตามแนวคิดสากล เปน็ หลกั การท่นี ำมาใช้บรหิ ารงานในปัจจุบันอย่างแพร่หลาย
ด้วยเหตเุ พราะ ชว่ ยสร้างสรรค์และสง่ เสริมองคก์ รให้มีศักยภาพและประสิทธภิ าพ อาทิ พนักงานต่าง
ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตและขยันหมั่นเพียร ทำให้ผลประกอบการขององค์กรธุรกิจนั้นขยายตัว
นอกจากนแี้ ลว้ ยังทำให้บุคคลภายนอกที่เก่ียวข้อง ศรัทธาและเชอื่ ม่ันในองคก์ รนน้ั ๆ อันจะทำให้เกิด
การพัฒนาอยา่ งต่อเนื่อง เช่น องค์กรทโ่ี ปร่งใส ยอ่ มได้รบั ความไวว้ างใจในการร่วมทำธุรกิจ รัฐบาลท่ี
โปร่งใสตรวจสอบได้ ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและประชาชน ตลอดจนส่งผลดีต่อ
เสถียรภาพของรัฐบาลและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ซึ่งมีหลักการสากลของธรรมาภิบาล
โดยองค์การสหประชาชาติ กำหนดหลกั การทั่วไปของธรรมาภิบาล ไว้ 8 หลกั การ ดงั น้ี

1. การมสี ่วนร่วม
การมีส่วนร่วมของสมาชิกทั้งชายหญิงคือการตัดสินใจที่สำคัญในสังคมและสร้าง ความ

สามัคคีให้เกิดกับประชาชน การมีส่วนร่วมสามารถทำได้โดยอิสระไม่มีการบังคับ สมาชิกเต็มใจให้
ความรว่ มมอื ด้วยตนเอง หรือมีสว่ นร่วมผา่ นหนว่ ยงาน สถาบนั หรอื ผ้แู ทนตามระบอบประชาธิปไตย

2. การปฏิบัตติ ามกฎ
ธรรมาภิบาลต้องการความถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ลำเอียง มี

การปฏิบัติอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมกับประชาชนโดยเท่าเทียมกัน ทุกคนในสังคมอยู่ภายใต้
ขอ้ กำหนดของกฎหมายเดียวกนั

16

3. ความโปรง่ ใส
ความโปรง่ ใสเป็นการตรวจสอบความถกู ต้อง มีการเปิดเผยขอ้ มูลอย่างตรงไปตรงมา ส่ิงนี้

ช่วยแกป้ ญั หาการทุจริตและคอรัปชันได้ทงั้ ในภาครัฐและเอกชน สือ่ จะเข้ามีบทบาทอย่างมากในการ
ตรวจสอบและรายงานผลงานดำเนินงานโดยการนำเสนอ ข่าวสารให้แก่สังคมได้รับทราบ

4. ความรับผิดชอบ
ความรับผิดชอบเป็นการพยายามให้คนทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดในการทำงาน

กล้าทจ่ี ะตัดสินใจและรับผิดชอบต่อผลการตัดสินใจนั้น ๆ
5. ความสอดคลอ้ ง
ความสอดคลอ้ งตอ้ งกันเปน็ การกำหนดและสรุปความต้องการของคนในสงั คม ซึ่งมีความ

แตกตา่ งอยา่ งมาก โดยพยายามหาจุดสนใจรว่ มกันและความต้องการท่ีสอดคลอ้ งต้องกันของสังคมมา
เป็น ข้อปฏิบัติเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งในสังคม การจะพัฒนาสังคมได้ ต้องทราบความต้องการท่ี
สอดคลอ้ งต้องกนั ของสังคมนน้ั ๆ ดว้ ยวธิ ีการเรยี นรู้ วัฒนธรรมของสงั คมนน้ั ๆ ก่อน

6. ความเสมอภาค
ความเสมอภาคเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานทีป่ ระชาชนทกุ คนพึงได้รับจากรัฐบาล ทั้งการบรกิ าร

ดา้ นสวัสดิการตลอดจนสาธารณูปโภคดา้ นอื่นๆ
7. หลักประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล
เป็นวิธีการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่โดยการผลิตและจำหน่ายเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มี

คมุ้ คา่ กับเงนิ ที่ลงทุนหรอื การใชท้ รพั ยากรใหไ้ ดป้ ระโยชน์สงู ที่สุดต่อมวลมนษุ ยชาติ โดยมีการพัฒนา
กระบวนการเพ่มิ ผลผลติ อย่างตอ่ เน่ืองและยัง่ ยนื

8. การมีเหตุผล
การมีเหตุผลเป็นความต้องการในทุกสังคม ประชาชนทุกคน ต้องตัดสินใจและความ

รบั ผดิ ชอบต่อการกระทำของตนเองดว้ ยเหตุด้วยผลที่สมเหตุสมผล การมเี หตุผลไม่สามารถกระทำได้
ถา้ ปราศจากการปฏบิ ัติตามกฎหมายและความโปร่งใส

3.5 สรปุ
แนวคิดของการประยุกตใ์ ช้หลักธรรมาภิบาล เป็นการนำหลกั การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

มาใช้ในการบริหาร เป็นการบริหารหรือปกครองโดยธรรม หรือธรรมรัฐ เพื่อประโยชน์สุขหรือความ
ผาสุกของประชาชนเป็นท่ีตงั้ ดังคำทีว่ ่า “บริหารต้องธรรมาภิบาล บรกิ ารตอ้ งยดึ ประชาชน” ธรรมาภิ
บาลก็มีทั้งธรรมาภิบาล 10 หลัก ธรรมาภิบาล 6 หลัก และ ธรรมาภิบาลตามหลักสากลต่าง ๆ ต้อง
นำไปปรับใชก้ ับสภาพบรบิ ทของหน่วยงานแต่ละแห่ง แต่จะเปน็ หลักการใดก็ตาม ก็จะเห็นวา่ หลักการ
ทัง้ หลายล้วนมจี ดุ มุง่ หมายทจี่ ะรกั ษา “ความสมดลุ ” ในมิตติ า่ ง ๆ ไว้ เชน่ หลักคุณธรรมกค็ ือการรกั ษา
สมดุลระหว่างตนเองกบั ผู้อื่น คือไม่เบยี ดเบียน ผู้อื่นหรือตวั เองจนเดือดร้อน ซึ่งการทีม่ คี วามโปร่งใส
เปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมสี ่วนร่วม ตรวจสอบ ก็เพื่อมุ่งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เห็นถึงความสมดุล
ดังกล่าวว่าอยู่ในวิสัยทีย่ อมรับได้ ส่วนหลักความรบั ผิดชอบ ก็ต้องสมดุลกับเสรีภาพที่เป็นสิ่งที่สำคัญ
ของทุกคน หลักธรรมาภบิ าลจงึ เปน็ สงิ่ สำคญั ให้การบริหารประสบผลสำเร็จ

17

4. การใช้เครือ่ งมือการเรยี นรใู้ นยคุ ดิจทิ ัล

เคร่ืองมอื ดิจทิ ัลเพือ่ การเรยี นรู้ หรอื Digital Learning Tools เป็นอาวุธที่สำคญั ในการเรยี นรู้
ของคนในยุคดิจิทัลนี้ มีลักษณะเป็นโปรแกรมชอฟท์แวร์หรือแอพลิเคชั่น ทั้งแบบออนไลน์ที่อยู่บน
คลาวน์คอมพิวติ้ง (Cloudcomputing) หรือบนเว็บ 2.0 (WEB 2.0) หรือแบบแพลตฟอร์ม
(Platform) อื่นๆ ที่ทำงานผ่านอุปกรณ์พกพาแบบไร้สายอย่าง เครื่องคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต หรือ
สมาร์ทโฟน เป็นเครื่องมือที่ทรงอานุภาพในการแสวงหาความรู้เพื่อการพัฒนาตนเองทั้งด้านความรู้
ทักษะ และความคิด ทัศนคติอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของผู้เรียน ใช้เป็นเครื่องมือค้นหาความรู้จาก
แหล่งทรัพยากรความรู้ออนไลน์บนเครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต ศึกษาจากหลักสูตรออนไลน์ทีม่ ีแพร่หลาย
ใช้สรา้ งสรรคผ์ ลงานการเรยี นรู้ของตนเอง นำเสนอ แบ่งปัน แลกเปลี่ยน และสร้างมูลคา่ ผลงานความรู้
ของตนเองสู่สารธารณะชน ใช้สื่อสารสร้างปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ทุกที่ทุกเวลา
นอกจากน้ี ผ้สู อนยงั ใชเ้ ครอื่ งมือดิจิทัลเพือ่ การเรียนรพู้ ฒั นาการสอนของตนเอง ใช้เป็นเครื่องมือช่วย
สอนอำนวยความสะดวกในการสอนและการส่ือสารระหว่างผู้เรียนและผูส้ อน การใช้เครื่องมอื ดิจิทลั
เพื่อการเรียนรูน้ ี้ ผสู้ อนจะทำหนา้ ท่ี

4.1 ความหมายเครือ่ งมอื การเรียนรู้ในยคุ ดจิ ทิ ลั
เครื่องมือการเรยี นรู้ในยุคดจิ ทิ ัล หรอื Digital Learning Toolsหมายถึง เครื่องมือการเรยี นรู้

ออนไลน์ แบบโปรแกรมแอพลิเคชนั่ หรอื เทคโนโลยีใดๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน การเช่อื มต่อเครือข่าย
อินเทอรเ์ นต็ และเพิ่ม ความสามารถของผู้สอนในการนำเสนอขอ้ มูลและความสามารถในการเข้าถึง
ขอ้ มลู นัน้ ของผ้เู รียน (Study.com, 2017)

เครื่องมือการเรยี นรู้ในยุคดิจทิ ลั หมายถงึ ซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มสำหรบั การเรียนการ
สอนที่สามารถไรก้ บั คอมพิวเตอร์หรอื โทรศัพทส์ มารท์ โฟนเพอ่ื ทำงานรว่ มกับข้อความ รูปภาพ เสยี ง
และวดิ ีโอ เปน็ โปรแกรมสำหรบั แกไ้ ขเน้อื หาดจิ ิทัล และการทำงานรว่ มกันและแบ่งปันทรพั ยากร
ร่วมกบั ผ้อู นื่ (Interactive Teaching in Languages with Technology, 2017)

สรุปได้ว่า "เครอ่ื งมอื ดิจทิ ัลเพอื่ การเรยี นร"ู้ หมายถงึ โปรแกรมหรือแอพลเิ คช่ันสำหรับการ
เรียนรู้ของ บคุ คลท้งั แบบเรียนรู้สว่ นบคุ คลหรือเรียนรแู้ บบกล่มุ ซึง่ ผใู้ ชง้ านสามารถเข้าถงึ ดว้ ยการ
เชือ่ มตอ่ อินเทอร์เนต็ ผ่านคอมพวิ เตอร์ แทบเล็ต หรือสมาร์ทโฟน

4.2 ประเภทของเครอื่ งมอื การเรยี นรูใ้ นยคุ ดิจทิ ัล
เครื่องมอื ดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ที่มใี ช้อยู่ในปัจจุบนั มีจำนวนมากมายมหาศาลที่ใช้งานทั้งการ

เรียนรู้ส่วนบุคคลและพัฒนางาน (Personal & Professional Leaming) ส่วนการจัดศึกษา
(Education) และส่วนสถานที่ทำงาน (Workplace Learning) จากการศึกษาวิจัยของ Hart (2017)
ผู้ก่อตั้ง Centre for Leamning and Performance Technologies ในประเทศสหราชอาณาจักร
ไดท้ ำการวจิ ยั สำรวจความนิยมในการใชง้ านเครือ่ งมือดิจิทัลเพ่ือการเรียนรู้จากบุคคล หน่วยงานและ
องค์กรต่างๆ จาก 52 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันพบว่าในโลกของเรานี้มีเครื่องมอื
ดิจิทัลเพื่อการเรยี นรูท้ ่เี ปน็ ยอมรบั และใชง้ านหลายชนิด ผลจากการสำรวจอย่างตอ่ เน่ืองนีเ้ อง ทำให้มี

18

การจัดหมวดหมูป่ ระเภทของเคร่ืองมือดิจิทลั เพื่อการเรยี นรูท้ ีแ่ บ่งตามลกั ษณะการใช้งานของเคร่ืองมือ
แต่ละชนิดที่ตอบสนองต่อเป้าหมายการเรียนรู้ของผู้ใช้งาน ดังนั้น หากจะจำแนกประเภทเครื่องมอื
ดจิ ิทัลเพอ่ื การเรียนรู้ สามารถแบ่งตามลักษณะการใช้งานตามกจิ กรรมการเรียนการสอน ออกเป็น 5
ประเภท (Hart,Poore,2013) ไดแ้ ก่ 1) เครอ่ื งมอื การจดั การเรียนการสอน 2) เครอื่ งมือพัฒนาเนื้อหา
3) เครื่องทรัพยากรบนเว็บไซต์ 4) เครื่องมือทางสังคม และ 5) เครื่องมือส่วนบุคคลและพัฒนางาน
มีรายละเอียด ดงั นี้

ภาพที่ 2 ประเภทเครอ่ื งมอื ดจิ ิทัลเพ่ือการเรียนรู้

4.2.1 เครื่องมอื การจัดการเรียนการสอน (Instructional tools)
เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ใช้ออกแบบและสร้างกิจกรรม
การเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านทางแอพลิเคชันต่าง ๆ ทั้งรูปแบบเรียนเป็นหลักสูตร เป็น
รายวิชาเป็น เนื้อหาเฉพาะเรื่อง จัดการเรียนรู้ได้ทั้งแบบส่วนบุคคลหรือแบบห้องเรียนเสมือน ซ่ึง
รองรับการนำเสนอเนอ้ื หาแกผ่ ูเ้ รียนในลกั ษณะท่ีหลากหลาย อาทเิ ชน่ ข้อมลู ตวั อักษร เสยี งภาพแอนนิ
เมชัน วิดีโอ เกมส์แบบทดสอบ หรือ มัลติมีเดีย เป็นต้น เครื่องมือการจัดการเรียนการสอน
แบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย ดังนี้
1. เครอ่ื งมอื ชว่ ยสรา้ งการเรียนรู้ (Authoring tools) เปน็ เครอื่ งมอื ท่ีใช้สรา้ งบทเรยี น
ออนไลนห์ รอื หลักสตู รออนไลน์ทท่ี ำงานบนเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ และเรยี นผา่ นทางเครื่องคอมพวิ เตอร์
สมาร์ทโฟน (Smart phone) หรอื แทบเล็ต (Tablet) เครื่องมนื ้จี ะใช้สรา้ งเนื้อหาของบทเรียน ทั้ง
แบบข้อความ ภาพ เสียง หรอื แอนเิ มชนั ทำการรวบรวมทรัพยากรการเรียนรมู้ าถ่ายทอดเป็นบทเรียน
ในลกั ษณะมลั ตมิ ีเดียและสามารถสร้างปฏิสัมพันธก์ ับผเู้ รียนได้
2. ระบบการจดั การเรียนรู้ (Learning Management Systems and Learning platforms)
เรียกสั้น ๆ ว่า LMS เป็นเคร่ืองมือที่ใช้เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการเรียนการสอนผ่านเครือข่าย
อินเทอร์เน็ตได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การลงทะเบียน การนำเสนอบทเรียน การทำกิจกรรม การเก็บ
คะแนน การทดสอบ การให้การบ้านหรือภารงาน รวมทั้งการสื่อสารระหว่างผู้เรียนและผู้สอน
เครื่องมือระบบการจัดการเรียนรู้นี้จะใช้อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สอน ผู้เรียน ผู้ดูแลระบบ โดยท่ี

19

ผูส้ อนนำเนอ้ื หาและสื่อการสอนขน้ึ เวบ็ ไชตร์ ายวิชาตามท่ไี ด้ขอให้ระบบจดั ไว้ให้ได้โดยสะดวก ผู้เรียน
เขา้ ถงึ เนอ้ื หา กิจกรรมตา่ ง ๆ ไดโ้ ดยผา่ นเว็บไซต์ ผสู้ อนและผู้เรียนติดต่อส่ือสารได้ผ่านทางเคร่ืองมือ
สื่อสารทร่ี ะบบจดั ไวใ้ ห้

3.เครื่องมอื โต้ตอบในช้ันเรียน (Classroom response tools) เปน็ เคร่อื งมือทใี่ ชส้ รา้ ง
การตอบสนองและการโตต้ อบ (Interaction) กนั ในชั้นเรยี นระหวา่ งผเู้ รยี นกับเครอื่ งมือต่างๆ และ
เปน็ เคร่ืองมอื ในการให้ข้อมลู ยอ้ นกลบั (Feedback) แก่ผู้เรียนเคร่ืองมอื โตต้ อบในช้นั เรยี นนีส้ ามารถ
สร้างการสำรวจความคิดเหน็ (Polling) การถามตอบและการสอบ (Quizzing & Testing) และเกมส์
(Game)

4.2.2 เคร่ืองมอื พฒั นาเนอ้ื หา (Content development tools)
เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับสร้างสรรค์เนื้อหาหลากหลายรูปแบบเนือ่ งจากเนื้อหาถือเป็นหัวใจ
สำคัญ ในการเรยี นรูจ้ ึงต้องมีการออกแบบพฒั นา และนำเสนอเนือ้ หาใหม้ ีความชัดเจน ความถูกตอ้ ง
และต้องมี ความสนใจ กระต้นุ และส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี นอยากเรยี นรู้เนื้อหานั้น ๆ เคร่ืองมือพัฒนาเนื้อหา
นี้จะสามารถสร้างเนื้อหาได้ทั้งเป็นข้อความ ภาพ กราฟิก เสียง ภาพเคลื่อนไหว แอนนิเมชัน วิดีโอ
มัลติมีเดีย แบบฟอร์ม Augmented Reality (AR) Virtual Reality (VR) หรือแบบอื่น ๆ ซึ่งผู้ใช้งาน
สามารถเลือกใชไ้ ด้ตามความตอ้ งการของตน ซงึ่ เคร่ืองมอื พฒั นาเนอ้ื หา แบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย
ดงั น้ี
1. เครื่องมือพัฒนาเนื้อหา (Content development tools) ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับสร้าง
ตกแต่ง และดัดแปลงเนื้อหาให้อยูใ่ นลักษณะตรงตามความต้องการของผู้ผลิตและผู้ใช้งาน เนื้อหาท่ี
สร้างนี้จะอยู่ในรูปแบบของข้อความ ภาพ เสียง กราฟิก แอนิเมชัน วิดีโอ HTML5, PDF file,
Augmented Reality (AR) หรือVirtual Reality (VR) แล้วจะถูกนำไปใชเ้ พือ่ การเรียนรู้ โดยผู้สอนจะ
ใช้สอนถ่ายทอดความรู้สู้ผู้เรียน หรือผู้เรียนจะใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงผลการเรียนรู้
ของตนเอง เครื่องมือประเภทนี้มีจำนวนมากมายมหาศาลอยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้สามารถ
เลอื กใชไ้ ด้ตามความต้องการ
2. เครื่องมือจับภาพหน้าจอและจับภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ (Screen capture and
screen casting tools) เปน็ เครื่องมือที่ใช้บนั ทึกภาพหนา้ จอคอมพิวเตอรห์ รอื บันทึกการเคล่ือนไหวท่ี
กำลังปรากฎอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างเป็นวิดีโอมาประกอบเสียงบรรยายหรือสร้างเป็น
แอนิเมชันในลักษณะไฟล์วิดีโอ WMV ที่เปิดใช้งานได้ในอุปกรณ์ทุกประเภทหรือจะอัพโหลด
(Upload) ขึน้ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3. เครื่องมอื แบบฟอร์มสำรวจ (Survey forms toolร เป็นเคร่ืองมือทใ่ี ชส้ ร้างแบบสำรวจ
แบบสอบถามไดห้ ลายรปู แบบ มีลกั ษณะเป็นแบบฟอรม์ ออนไลน์ทสี่ ามารถเก็บรวบรวมขอ้ มลู แล้ว
วเิ คราะหผ์ ลขอ้ มูลจากการสำรวจได้เสรจ็ สมบูรณ์

20

4.2.3 เคร่ืองมือทรัพยากรบนเว็บไซต์ (Web resources tools)
เป็นเครื่องมือท่ีอยบู่ นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในลกั ษณะเว็บไซตจ์ ดั เป็นทรพั ยากรแบบออนไลน์
ที่ ผเู้ รียนแต่ละบุคคลสามารถเลือกศึกษาเรยี นรู้ด้วยตัวเอง (Self-Learning) เพื่อสืบค้นข้อมูล เข้าถึง
แหล่งข้อมูล ศึกษาด้วยตนเองจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ นำเสนอและเผยแพร่ความรู้ของตนเอง
ออกมาสู่สาธารณะได้นอกจากนี้ ผู้สอนยังสามารถใช้เครื่องมอื นีน้ ำเสนอความรู้แก่ผูเ้ รียนในลักษณะ
ของแหลง่ การเรียนรูอ้ อนไลน์ได้ อกี ดว้ ยเครอื่ งมอื ทรพั ยากรบนเว็บไชต์ แบ่งออกเปน็ 5 ประเภทย่อย
ดังน้ี
1. เครื่องมือสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ต (Web browsers and search engines tools)
เป็นเครื่องมือที่ช่วยสืบค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตด้วยวิธีการค้นหาจากคำสำคัญ (Keyword) หรือ
คน้ หาจากหมวดหมู่ (Directories)
2. เครือ่ งมือแหล่งทรพั ยากรบนเวบ็ ไซต์ (Web resources tools) เป็นเครอ่ื งมือท่ีเป็นแหล่ง
ความรู้ที่มีเนื้อหาบรรจุอยู่ในนั้น ถูกใช้เพื่อการแก้ปัญหา การค้นคว้าหาความรู้ หรือการสร้างแรง
บันดาลใจทาง
การเรียนรู้ เคร่อื งมือชนดิ นถ้ี กู สร้างไวเ้ ป็นจำนวนมากมายมหาศาลและได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งใน
การเรยี นรู้ส่วนบคุ คล ทั้งวิดีโอคลิปใน Youtube สารานุกรมออนไลนอ์ ยา่ ง Wikipedia เสยี ง หนังสือ
หนงั สอื เสยี ง สไลด์ออนไลน์
3. เครอื่ งมอื หลกั สตู รออนไลนบ์ นเว็บไซต์ (Web course platforms tools) เป็นเครื่องมือที่
ผใู้ ช้งานสามารถเข้าเรียนในหลกั สูตรออนไลนท์ อี่ ยบู่ นเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต เขา้ ถึงได้ง่ายโดยการเรียน
ผ่านเว็บไซต์ของสถาบันท่ีเป็นผู้ผลิตหลักสูตรหรือบทเรยี นออนไลน์นั้น ผู้เรียนทีเ่ ป็นผู้ใช้งานสามารถ
เข้าถึงหลกั สตู ร ลงทะเบียนเรยี น ศึกษาด้วยตนเองผา่ นบทเรยี นท่ีถูกสร้างไว้ และเมอื่ จบหลักสูตรก็จะ
ไดร้ ับประกาศนยี บัตรหรือใบรับรองจากบางสถาบนั ด้วย
4. เครื่องมือข่าวและจัดการเนือ้ หา (News and curation tools) เป็นเครื่องมือท่ีมีลกั ษณะ
เป็นเว็บไชต์บริการออนไลน์ที่ทำการเก็บรวบรวมและแบ่งปันช่าวสารหรือเนื้อหาที่น่าสนใจอยู่บน
เครือข่ายอินเทอรเ์ น็ตเคร่อื งมือนี้จะทำการควบคุมเนอ้ื หาสำหรับนำเสนอแก่ผู้ใช้งาน ทำการรวบรวม
ข้อมูล จัดการกับข้อมูล เนื้อหาข่าวสาร หัวข้อและประเด็นที่น่าสนใจมาจัดเป็นหมวดหมู่ ข่าว ภาพ
บคุ๊ มารก์ นิตยสาร เวบ็ มอนเิ ตอร์
5. เครื่องมือบล็อกและเว็บไชต์ (Blogging and website tools) เป็นเครื่องมือที่มีลักษณะ
เปน็ เว็บไชต์ที่ผู้ใช้งานสามารถเรียนร้ไู ด้จากบลอ็ กและเว็บไชทมี่ ีการเผยแพไว้อยู่แล้วบนบนเครือข่าย
อินเทอร์เนต็ เครื่องมือนีผ้ ู้ใช้งานจะศึกษาเนือ้ หาที่มีการเผยแพรไ์ ว้แล้ว หรือจะใช้เปน็ สร้างสรรค์และ
เผยแพรข่ อ้ มลู ของผูใ้ ช้งานเองให้ผู้อน่ื เข้ามาเรียนร้ไู ดด้ ว้ ยเช่นกนั เครื่องมอื บล็อกมกี ารนำเสนอเนื้อหา
ท่หี ลากหลายเร่อื งราวตามแต่เจ้าของบล็อกได้เขียนไว้ ผ้ใู ช้งานสามารถเปิดเข้าไปอ่านแล้วแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับเนอ้ื หาท่ีได้เรียนร้จู ากบลอ็ กน้ันไดน้ อกจากนี้ ผ้ใู ชง้ านยงั สามารถเขยี นเรอ่ื งราวท่ตี นเอง
สนใจเล่าผ่านบล็อกได้อีกด้วย ส่วนเว็บไชต์เป็นเครื่องมือที่มีการเผยแพร่เนื้อหาไว้บนเครือข่าย
อินเทอรเ์ น็ตเช่นเดยี วกัน แตแ่ ตกต่างกนั ตรงท่ีผู้ใชง้ านที่เปน็ ผ้เู รยี นไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆ
ท้งั นี้ ผ้ใู ช้งานยงั สามารถใช้เครอื่ งมอื เวบ็ ไชตส์ รา้ งและเผยแพร่ผลงานของตนเองเพ่ือในรูปแบบเว็บไช
ไดด้ ว้ ยเช่นกัน

21

4.2.4 เครือ่ งมือทางสงั คม (Social tools)
เป็นเครื่องมือที่ใช้ปฏิบัติการกันทางสังคมเพื่อสื่อสารระหว่างกันในเครือข่ายทางสังคม
(Social Network) ในลักษณะการมปี ฏสิ มั พนั ธ์แบบสงั คมออนไลนผ์ ่านเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ตสามารถ
สรา้ งการส่อื สาร ถา่ ยทอด เผยแพรแ่ ลกเปลยี่ น เนอื้ หาหรือเรอื่ งราวทตี่ ้องการส่อื สารกันระหว่างคนใน
สงั คม ผ่านสอ่ื กลางทค่ี นทั่วไปมีส่วนรว่ มในการสรา้ งและแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ต่างๆผา่ นส่อื สงั คม ท่ี
เรยี กกนั ว่า โซเชียลมเี ดีย (Social Media) เคร่อื งมือทางสงั คม แบง่ ออกเปน็ 4 ประเภทย่อย ดงั น้ี
1. เคร่อื งมอื เครอื ขา่ ยทางสงั คมและส่งข้อความ (Social networks and messaging tools)
เป็นเคร่ืองมือท่มี ีลักษณะเปน็ เวบ็ ไซต์ท่ีใช้ติดต่อส่ือสารปฏิสัมพนั ธ์กนั ของคนในสังคม ผู้ใช้งานเป็นทั้ง
ผู้รับสารและผสู้ ง่ สาร เครอื่ งมือนม้ี อี ิทธพิ ลมากในสงั คมไทยและสังคมโลก มอี ัตราการเข้าใช้งานสูงสุด
ในอินเทอร์เน็ต ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวงการ ผู้ใช้งานสามารถเขียนเล่าเรื่องราว ความรู้สึก
ความรู้ สาระต่างๆ นำเสนอรูปภาพวิดีโอภาพเคลื่อนไหว เล่นเกมส์ ทั้งยังสามารถส่งข้อความสือ่ สาร
ระหว่างบุคคลหรือกลุ่มได้ด้วยเครือ่ งมือการส่งข้อความ (Messaging tools) มักจะเป็นส่วนหนึง่ ของ
เครอื่ งมอื เครอื ข่ายทางสังคมซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือเพ่ือการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองของคนในยคุ ปจั จุบนั
2. เครื่องมือการประชุมผ่านวิดีโอ (Video meeting tools) เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้
ผู้ใช้งานทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน มองเห็นหน้า ได้ยินเสียงกัน ในเวลาเดียวกันและยังสามารถพูดคุย
ประชุมกันแบบกลุ่มหลายคนได้ เครื่องมือนี้ยังใช้จัดประชุมและจัดสัมมนาออนไลน์ได้อีกด้วย
เคร่ืองมือสมั มนาออนไลน์ หรือ Webinar tools ย่อมาจาก Web-based seminar เปน็ เครือ่ งมอื ท่ีใช้
เพื่อการจัดสัมมนาหรือจัดอบรม สามารถเห็นหน้าผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคน อีกทั้งยังสามารถพูดคุย
ตอบโต้ ซกั ถาม แชรเ์ อกสาร ภาพ วีดโี อ ใหท้ กุ คนไดเ้ หน็ ไปพร้อม ๆ กนั โดยผู้เขา้ รว่ มสัมมนาสามารถ
แลกเปล่ียน ความคิดเห็น โต้ตอบกบั วิทยากรได้ สามารถต้ังคำถาม อธบิ ายอภิปรายและมีกิจกรรมใน
การเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้เข้าร่วมสัมมนาและวิทยากร ทั้งแบบ Real Time (Live Webinar) ท่ี
สมั มนาพรอ้ มกนั ได้ทกุ ท่ีหรอื แบบ On-demand ท่ีดูจากการบันทึกการสมั มนายอ้ นหลัง
3 .เครื่องมือการใช้แฟ้มข้อมูลร่วมกัน (File sharing tools) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเก็บ
สำรองขอ้ มลู บนคลาวด์คอมพิวติ้ง สามารถเรียกใช้ไฟลง์ านของตนเองได้ทกุ ทีท่ ุกเวลาผ่านการใช้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ แทบเล็ต หรือสมาร์ทโฟน สามารถเพิ่ม ลด แก้ไข โยกย้าย จัดเก็บ สำรองข้อมูลของ
ผู้ใชง้ านในรูปแบบไฟลบ์ นคลาวดค์ อมพวิ ติ้งและแบง่ ปันไฟล์ต่าง ๆ กบั ผู้อ่นื ได้
4. เครื่องมือการทำงานเป็นทีมและร่วมมือกัน (Team and enterprise collaboration
tools)เป็นเครื่องมือเครือข่ายสังคมสำหรับองค์กร ใช้ในการสื่อสารและทำงานร่วมกันเป็นทีมของ
บุคลากรในองค์องค์จากสถานที่ต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้และมีความปลอดภัยสูงสุด
บุคลากรในองค์กรจะใช้เครื่องมือน้ีส่งข่าวสาร ความรู้ สาระ ทำงานร่วมกัน พูดคุยสื่อสารกันภายใน
องคก์ รของตนเอง สนบั สนุนการทำงานรว่ มกนั เปน็ ทีม

22

4.2.5 เคร่อื งมอื ส่วนบุคคลและพัฒนางาน (Personal & Professional tools)
เป็นเครื่องมือทีใ่ ช้สำหรับการเรียนรูด้ ้วยตนเองตามวิธีท่ีหลากหลายทัง้ ในรูปแบบการเรยี นรู้
อย่าง เป็นทางการหรือไมเ่ ป็นทางการใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างชิ้นงาน การพัฒนางานของตนเอง
การดำรงชีวติ ผ่านอุปกรณ์ส่ือสารพกพาแบบไรส้ ายท้ังสมาร์ทโฟน (Smartphone) แทปเล็ต (Tablet)
และเครือ่ งคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสว่ นบคุ คลและพัฒนางาน แบ่งออกเป็น 3 ประเภทยอ่ ย ดังน้ี
1. เครื่องมือสำนักงาน (Office tools) เป็นเครื่องมือที่ใช้สร้าง แก้ไข และนำเสนอ เอกสาร
แบบโปรแกรมประมวลผลคำ งานนำเสนอ ตารางงาน (Spreadsheets) ฐานข้อมูล (Database) ใช้
จัดการข้อมูลทงั้ แบบสว่ นตัวหรือใช้งานระบบกล่มุ ทำงานรว่ มกันในลกั ษณะโปรแกรมบนระบบคลาวน์
2. เครื่องมืออีเมล์ (Email tools) เป็นเครื่องมือรับส่งอีเมล์ที่ผู้เรียนควร มีประจำตัวของ
ตนเองเพื่อใช้สำหรับการแสดงตัวตนเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้อื่นๆ ที่อยู่บนเครือข่าย
อินเทอรเ์ น็ต เนอื่ งจากเครอ่ื งมอื ดจิ ทิ ัลเพือ่ การเรยี นรูแ้ ละโปรแกรมต่าง ในปัจจบุ ันอยู่ในระบบคลาวน์
การเข้าใช้งานทำได้ง่ายและสะดวกอย่างยิ่งเพียงผู้เรียนร้องขอเข้าใช้งานเครื่องมือต่างๆ ด้วยการ
ลอ็ กอินแสดงตวั ตนด้วยอีเมล์แล้วต้งั รหัสผ่านสว่ นบุคคล เพื่อระบกุ ารเข้าใช้งาน
3. เครื่องมือเพิ่มผลผลิตส่วนบุคคล (Personal productivity tools) เป็นเครื่องมือที่ใช้
สนับสนุนการเรียนรู้ การทำงานของตนเองเฉพาะบุคคล จะเป็นเครื่องมือที่อำนวยความสะดวก
รวดเร็วในการทำงาน การเรียนรู้ การดำรงชวี ติ ประจำวนั ทั้งการบันทึก จัดเก็บ สร้างเน้ือหา เขียนผัง
งาน ผังความคิด สร้างการนัดหมาย ปฏทิ นิ แผนท่ี แปลภาษา ตรวจสอบไวยากรณ์ ตวั อา่ น QR Code
PDF File เป็นตน้

4.3 เป้าหมายของการใช้เครอ่ื งมอื ดิจทิ ัลเพื่อการเรียนรู้
1. ใช้เพื่อการสืบคน้ ขอ้ มูลบนเวบ็ ไซต์และแหล่งขอ้ มูลออนไลน์บนเครอื ขา่ ย
2. ใช้เพื่อการเรยี นผ่านหลกั สตู รออนไลน์ (online courses)
3. ใช้เพอ่ื การเรียนจากแหลง่ ทรพั ยากรการเรียนรอู้ อนไลน์
4. ใช้เพอ่ื การเรยี นจากเครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์ทั้งเรยี นรู้รว่ มกันแบบกลุม่ หรอื ดว้ ยตนเอง
5. ใช้เพ่ือรวบรวมข่าวสารและแบ่งปันขา่ วสารและแบง่ ปันส่ผู ูอ้ ื่นได้
6. ใช้เพอื่ สร้างงานเอกสารและงานนำเสนอ
7. ใช้เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหา ความรู้ หลายลักษณะอย่างข้อความ กราฟฟิก ภาพนิ่ง ภาพ

เคลอื่ นไหว วิดโี อ แอนนิเมช่นั มัลตมิ ีเดีย แล้วเผยแพร่แบ่งปันแกผ่ ู้อื่นได้
8. ใชเ้ พอ่ื เป็นเครื่องมอื ในการสรปุ ความคดิ รวบยอดหรอื นำเสนอแผนผงั ความคดิ
9. ใช้เพื่อเขยี นเลา่ เรอื่ งราวดว้ ยการสร้างบลอ็ กสว่ นตัว
10. ใชเ้ พอ่ื รบั สง่ จดหมายอิเล็กทรอนิคส์ (Email)
11. ใชเ้ พือ่ การจัดเก็บ สำรองขอ้ มลู ในรปู แบบไฟล์บนคลาวด์คอมพิวต้ิง
12. ใช้เพื่อจัดการงานส่วนบุคคล พัฒนางานของตน และใช้อำนวยความสะดวกในการ

ดำรงชีวิตประจำวนั ของตนเองได้

23

4.4 แหลง่ สบื ค้นและการใชเ้ คร่ืองมือการเรียนรู้ยคุ ดจิ ิทัล
เครื่องมอื สืบค้นขอ้ มลู ในอินเทอร์เน็ตท่นี ยิ มใช้
• Google Chrome
• FireFox
• Vivaldi
• Internet Explore,
• Google Search
• Google Scholar
• Bing
เคร่ืองมือแหลง่ ทรัพยากรบนเว็บไซต์ทน่ี ิยมใช้
• Youtube
• Wikipedia
• Slideshare
• TED Talks & TED ED
• Vimeo
• SoundCloud
• Audible
• Blinkist
• Stitcher
เครอื่ งมอื หลกั สตู รออนไลนบ์ นเว็บไซต์ทีน่ ิยมใช้
• Coursera
• Lynda
• Udemy
• Khan Academy
• FutureLearn

ด้านการประมวลผลขอ้ มลู และการนำเสนอ
เครือ่ งมอื ขา่ วและจดั การเน้ือหาที่นยิ มใช้ ได้แก่

• Feedly
• Pinterest
• Diigo
• Pocket
• Scoopit

24

• Flipboard
• Nuzzel
• Google Alerts
เคร่ืองมือบลอ็ กและเวบ็ ไซต์ทนี่ ยิ มใช้ ได้แก่
• WordPress
• Blogger
• Weebly
• ogle Sites
• Wix
• Tumblr
• Medium

ด้านการตดิ ต่อส่ือสารและการประสานงาน
เคร่อื งมือเครอื ขา่ ยทางสังคมและส่งขอ้ ความทนี่ ยิ มใช้ ไดแ้ ก่

• Twitter
• Facebook
• LinkedIn
• Google Plus
• Instagram
• Snapchat
• Line
• Skype
• WhatsApp
• Slack
• Trello
• Pinterest
เครื่องมอื การประชมุ ผา่ นวิดีโอที่นยิ มใช้ ได้แก่
• WebEx
• Skype
• Zoom
• Google Hangouts
• Teamviewer
• Join.Me

25

• SharePoint
• GoToMeeting
• Confluence
• Adobe Connect
• Blackboard Collaborate
เครื่องมอื การใช้แฟม้ ขอ้ มลู รว่ มกันท่ีนยิ มใช้ ได้แก่
• Google Drive
• Dropbox
• OneDrive
เครื่องมอื การทำงานเป็นทมี และร่วมมอื กนั ที่นยิ มใช้ ได้แก่
• Slack
• Yammer
• Trello
• Padlet
• SharePoint
• Google Suite
• Microsoft Teams
• Confluence
• Basecamp
• Jive
• Asana

ภาคผนวก

27

ภาคผนวก ก.
กิจกรรมเขียนวสิ ัยทศั น์

ใช้แอพพลิเคช่นั Padlet เป็นสอ่ื ประกอบการนำเสนอ โดยใหเ้ พอ่ื น ๆ ร่วมกนั แสดงวสิ ัยทัศน์
เก่ียวกับโรงเรยี นของตนเองในอนาคต

สามารถรว่ มแสดงวสิ ยั ทศั นไ์ ดท้ น่ี ี่
QR Code เข้ารว่ มกจิ กรรมแสดงวิสยั ทัศน์

28

ภาคผนวก ข.
วีดโี อประกอบการนำเสนอ

1. หลกั ธรรมาภิบาล 6

ทอ่ี ยูเ่ ว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=yWradoJf1DU
2. หลักธรรมาภิบาล 10

ที่อย่เู วบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=IrCOl8hfqSU

29

ภาคผนวก ค.
เกมตอบคำถามหลังการนำเสนอ ดว้ ย Kahoot

พนิ 06632427
ที่อยไู่ ซต์ https://kahoot.it/challenge/c433ee73-19c8

-4688-be8e-f792267837f4_1630075662296
คำถามท่ีใช้
1. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ความสำคญั ของการเป็นผ้ใู ฝ่เรียนรู้

1) เกิดการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์
2) ทำให้สามารถอธิบาย หรือทำนายเหตุการณต์ ่าง ๆ ได้อย่างน่าเชอื่ ถือ
3) เกดิ การพัฒนาความสามารถในการคดิ สร้างสรรค์
4) ทำให้มผี ูค้ นเล่อื มใสศรัทธา
2.ขอ้ ใด ไม่ใช่ ลกั ษณะของผูใ้ ฝเ่ รยี นรู้
1) มีความกระตอื รือร้นท่ีจะเรียนรู้
2) ศกึ ษาหาความรใู้ หม่ ๆ อยูเ่ สมอ
3) เม่อื เกดิ ข้อสงสยั จะสอบถามผู้รใู้ นทนั ที
4) มเี พือ่ นสนทิ ทีเ่ ปน็ ผใู้ ฝร่ ู้
3. บุคคลใดมีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
1) บคุ คลใดมคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์
2) นายบเี ปน็ ผนู้ ำทางด้านเทคโนโลยี
3) นายซีคน้ พบพชื ชนิดใหม่
4) นายดตี ัดสนิ คณุ ค่าของส่ิงต่างโดยใชท้ ฤษฎีทเี่ รียนมา

30

5. การสรา้ งวสิ ยั ทัศน์ หมายถึงขอ้ ใด
1) เขา้ ใจภาพในอนาคตของสถานศึกษาได้อยา่ งชัดเจน
2) เข้าถงึ ภาพในอนาคตของสถานศกึ ษาได้อย่างชดั เจน
3) สรา้ งภาพในอนาคตของสถานศึกษาไดอ้ ย่างชดั เจน
4) พฒั นาภาพในอนาคตของสถานศกึ ษาได้อยา่ งชัดเจน

6. การเผยแพร่วสิ ัยทศั น์ของผูบ้ ริหาร หมายถงึ
1) การเผยแพร่วิสัยทศั น์ของผู้บรหิ าร หมายถงึ
2) สามารถสื่อสารให้สมาชิกมีความเข้าใจในวสิ ยั ทัศน์ของตนไดอ้ ยา่ งชดั เจน
3) บรหิ ารสามารถเผยแพรว่ ิสยั ทศั น์ของตนทางสื่อโซเชยี ลมีเดยี
4) ถกู ทุกข้อ

7.ขอ้ ใดคอื เครื่องมอื วดั วิสัยทศั นข์ องผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา
1) Leadership Wisdom Questionnaire-Principal
2) Leadership Questionnaire-Principal
3) Leadership Community Questionnaire-Principal
4) Leadership Vision Questionnaire-Principal

8.ข้อใดคือประเดน็ พจิ ารณาในการสรา้ งวสิ ยั ทศั น์
1) เข้าใจองคก์ ร เข้าใจชมุ ชน
2) เข้าใจสมาชิก เข้าใจชมุ ชน
3) เข้าใจองคก์ ร เข้าใจสภาพแวดล้อม
4) เขา้ ใจสมาชกิ เข้าใจสภาพแวดลอ้ ม

9.ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ธรรมาภิบาล 6 ตามระเบยี บสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าดว้ ยการสร้างระบบ
บรหิ ารกิจการบา้ นเมืองและสังคมทด่ี ี พ.ศ.2542

1) หลกั นิตธิ รรม
2) หลกั คุณธรรม
3) หลกั สหธรรม
4) หลกั ความรับผิดชอบ
10. พร้อมตรวจสอบ ยดึ กรอบประชาธปิ ไตย คำกล่าวนีส้ อดคล้องกบั หลกั ธรรมภบิ าล 6
ในข้อใด
1) ความโปรง่ ใส
2) คณุ ธรรม
3) ตรวจสอบได้
4) ความรบั ผดิ ชอบ

31

11.ข้อใดเป็นความสำคญั ของหลกั ธรรมภบิ าล
1) ทำให้การบริการเปน็ ไปตามครรลองคลองธรรม
2) ทำใหบ้ ุคคลภายนอกทีเ่ ก่ยี วข้องศรทั ธา และเช่อื ม่ันในองคก์ รนน้ั ๆ
3) ชว่ ยสรา้ งเสรมิ องค์กรใหม้ ศี ักยภาพ
4) ถกู ทกุ ขอ้

12. ข้อใดไม่ใช่เปา้ หมายของระบบบรหิ ารกจิ การบา้ นเมืองท่ดี ี หรอื Good governance
1) มีคุณธรรม
2) มุ่งผลสมั ฤทธิ์
3) รัฐกำหนดนโยบายการณไ์ กล
4) มสี ่วนร่วม

13.ขอ้ ใดคือประโยชน์ของเครอ่ื งมอื ดจิ ิทัล ประเภทเคร่ืองมือทรัพยากรบนเว็ปไซต์
1) เปน็ แหล่งนำเสนอและเผยแพร่ความรู้
2) เปน็ แหลง่ สื่อสารของคนในสงั คม
3) ใช้ในการพัฒนาเน้ือหาในการจัดการเรยี นการสอน
4) ใชใ้ นการแลกเปล่ยี นความคิดเหน็ ของคนในสังคม

14. เคร่อื งมือดจิ ทิ ัลเพอื่ การเรยี นรู้ หมายถึง
1) โปรแกรมจัดการเรียนรู้แบบห้องเรยี นเสมอื นจริง
2) โปรแกรมหรอื แอพพลเิ คช่นั สำหรับการเรียนร้ขู องบคุ คล
3) หวั ใจสำคญั ของการเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21
4) ถูกทกุ ขอ้

32

เอกสารอา้ งอิง

กอบสขุ คงมนัส. (2561). เคร่อื งมือดิจิทลั เพอ่ื การเรยี นรู้: วิถแี หง่ การศึกษายคุ ดิจิทัล. Journal of
Education Naresuan University, 20(4).279-288

ถวิลวดี บุรกี ลุ (2558.) ธรรมาภบิ าล : กลไกสำคญั ในการปฏิรูปเพอื่ พฒั นาประเทศ. สถาบัน
พระปกเกลา้ . กรงุ เทพฯ.

วษิ ณุ เครืองาม. 2542. สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ. สำนกั งานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา. กรงุ เทพฯ:
กองการพิมพ์.

ราชบณั ฑิตยสถาน. (2546). พจนานกุ รมราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2546. กรุงเทพฯ: นานมบี ุ๊คส์
พลับบลิเคชั่น.

ศกั ดไ์ิ ทย สรุ กจิ บวร. (2561.) ความมีวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการ. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัย
ราชภฏั อดุ รธานี. ปีท่ี 6 ฉบับท่ี 1 มกราคม – มิถนุ ายน 2561.

สำนกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. 2544. คู่มือการสรา้ งระบบบริหารกิจการบ้านเมือง
และสงั คมทดี่ ีตามระเบยี บสำนกั นายกรฐั มนตรีวา่ ดว้ ยการสรา้ งระบบบริหารกิจการ
บ้านเมอื งและสังคมทดี่ ีพ.ศ.2542.

เอกชัย กี่สขุ พนั ธ.์ (2553). การนำองคก์ ารและเทคโนโลยกี ารบรหิ ารการศึกษา. กรงุ เทพฯ:
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .

Teaching in Languages with Technology.(2017). Digital tools. Retrieved 2017,from
http://bit.ly/2h6ENUi

Jane Hart. (2017). Top 200 tools for Learning 2017. Retrieved January 6, 2018, from
http://c4lpt.co.uk/top100tools/

33

คณะผ้จู ัดทำ

นายศุภฌา อรา่ มศาสตร์
ปริญญาตรวี ทิ ยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟสิ กิ ส์
ตำแหน่งครูผ้ชู ว่ ย โรงเรยี นอุดมธัญญาประชานุเคราะห์

นางสาวปฏมิ า ชมุ รำ
ปรญิ ญาตรีการศึกษาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาชวี วิทยา

ตำแหนง่ ครู โรงเรยี นอนุบาลชยั นาท

นายอาณฐั ไตรศรีวริ ตั น์
ปริญญาตรคี รุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ
ตำแหนง่ ครู โรงเรียนอนบุ าลวัดหนองขนุ ชาติ (อุทิศพิทยาคาร)

นางสาวลลิตา ขันธกสิกรรม
ปรญิ ญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑติ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์

ตำแหนง่ ครู โรงเรียนวัดจิกลาด

นายวทญั ญู จนั กนั ธรรม
ปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย
ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย โรงเรียนวัดกลางแดด




Click to View FlipBook Version