1
2
ให้นักศึกษาออกแบบสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏยศิลป์จากว รรณคดีที่ได้ศึกษาตลอด
1 ภาคเรียน โดยคำนงึ ถึงองคป์ ระกอบและความเหมาะสมรวมถึงโอกาสในการแสดงเป็นสำคัญ
(20 คะแนน)
การสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากวรรณกรรมเรื่อง ดาหลงั
ชอื่ ผลงานสร้างสรรค:์ การสร้างสรรค์นาฎศลิ ป์ไทย ละครใน ชุด ตำมะหงงชมนาง
ผู้สรา้ งสรรค์ผลงาน
นางสาววรศิ รา วันชัย รหสั นกั ศึกษา 6181163036
สาขาวชิ านาฏยศิลปศ์ ึกษา คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั บ้านสมเด็จเจ้าพระยา
1. ที่มาและความสำคญั
ดาหลงั เปน็ นิยายอิงประวัตศิ าสตร์ของชวา พระราชนพิ นธ์เปน็ กลอนบทละคร
ดาหลังนั้นมีเค้าโครงเรื่องมาจากนิทานปันหยีในชวา ซึ่ง ระเด่นปูรพจ รถ (ระ-เด่น-ปู-ระ-พด รด)
ได้เป็นผู้รวบรวมนิทานปันหยีสำนวนต่าง ๆ เอาไว้ นิทานเรื่องนี้เป็นที่แพร่หลายอย่างมากและมีอยู่หลาย
สำนวนด้วยกัน นิทานปันหยี จะใช้ชื่อพระเอกว่า ปันหยี ตลอดทั้งเรื่อง จะไม่ค่อยนิยมใช้ชื่ออิเหนามากนัก
(สว่ นทางประเทศไทยจะใชช้ ่ือทง้ั อเิ หนาและปันหยี)
ดาหลังหรือเรียกอีกอย่างว่า อิเหนาใหญ่ เป็นกลอนบทละคร พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระ-
พทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(ร.1) ซง่ึ มเี คา้ เดิมมาจากนิทานชวา เช่ือกนั วา่ เข้ามาในประเทศไทยเม่อื ปลายสมัย
กรุงศรีอยุธยา โดยหญิงเชลยชาวปัดตานีซึ่งเป็นข้าหลวงรับใช้เจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกุฎพระธิดาใน
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ โดยหญิงเชลยได้เล่าถวายเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์ ทั้งสองพระองค์จึงทรงแต่งเรื่องข้ึน
องค์ละเรื่อง คืออิเหนาใหญ่(เจ้าฟ้ากุณฑลแต่งขึ้น)และอิเหนาเล็ก(เจ้าฟ้ามงกุฎแต่งขึ้น) แต่เรื่องทั้งสองได้
สูญหายไป พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(ร.1)ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่ท้ังอิเหนาใหญ่
และอิเหนาเล็ก โดยอาศัยโครงเรื่องในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
(ร.2)ได้ทรงพระราชนพิ นธ์ อิเหนาเล็ก หรอื ที่ร้จู ักกันทว่ั ไปวา่ อิเหนา ข้ึนใหม่อกี สำนวนหนง่ึ ซ่งึ ได้รับการยกย่อง
ว่าเปน็ วรรณคดยี อดเยยี่ มทางกลอนบทละคร(เร่ืองเลา่ ดาหลงั .2527)
(สรุป)จากท่ีมาและความสำคัญข้างต้นทำให้ผู้สร้างสรรค์ได้แรงบันดาลใจจากวรรณคดีเรื่อง ดาหลัง
และได้เล็งเห็นถึงบทบาทของ ตำมะหงง(ยศเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ของชวา) ที่ได้เห็นนางเกนบุษบาส่าหรีครั้งแรก
ก็ชื่นชมใน กิริยา มารยาทและความงามของนาง จนตำมะหงงนึกสงสารนางขึ้นมาแต่ก็ต้องทำตามหน้าท่ี
3
ที่ท้าวกุเรปันหมอบหมาย ทำให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานเกิดแนวคิดที่จะนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เป็นผลงาน
ศิลปะการแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทย ชดุ ตำมะหงงชมนาง
2. วตั ถปุ ระสงค์
จัดทำขึ้นเพื่อ เล่าถึงความงดงามของนางเกนบุษบาส่าหรีและเล่าถึงหน้าที่ของตำมะหงงที่จะพา
นางเกนบุษบาส่าหรีไปลอบฆ่า ตำมะหงงนั้นรู้สึกสงสารนางแต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับหมอบหมายจาก
ท้าวกุเรปัน โดยนำวรรณคดี เรื่อง ดาหลัง บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 นำมาสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์-
ไทย ชดุ ตำมะหงงชมนาง
3. ขนั้ ตอนการสร้างสรรค์ผลงาน
1. กระบวนการสร้างแนวความคิด
2. กระบวนการผลติ ผลงาน
กระบวนการสร้างแนวความคิด
กระบวนการสร้างแนวความคิดเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกในการสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏย ศิลป์
โดยในเบื้องต้นต้องพิจารณาจากวัตถุประสงค์และข้อมูลที่ได้รับเป็นพื้นฐาน ซึ่งการแสดงชุด ตำมะหงงชมนาง
มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏยศิลป์ไทยละครในและเผยแพร่ให้การแสดงรูปแบบนี้เป็นท่ี
นิยมและแพร่หลายในวงการนาฏศลิ ป์และยงั เปน็ แนวทางให้เกิดงานชิน้ ใหม่ข้นึ อีกด้วย
กระบวนการผลติ ผลงาน
เมื่อผ่านกระบวนการในการสร้างแนวคิดและจินตนาการภาพของผลงานในระดับที่มีความ
เป็นไปได้แล้ว จึงเข้าสู่กระบวนการผลิตผลงานด้วยวิธีการประมวลข้อมูลที่ได้และกำหนดรูปแบบ กำหนด
ขอบเขต กำหนดองค์ประกอบของการแสดงจากนั้นจึงออกแบบทา่ ทางและการเคลื่อนไหวทางดา้ นนาฏยศิลป์
ดังนี้
1.การศกึ ษาประมวลขอ้ มูล
การศกึ ษาประมวลข้อมลู นผ้ี ู้สรา้ งสรรค์ผลงานได้เลอื กใชว้ ิธีการอ่านวรรณคดีไทยเรื่อง ดาหลงั จากน้ัน
จงึ ทำการตรวจสอบความเพียงพอและความถูกต้องของข้อมูลท้ังหมดและต้องมีความสอดคล้องกับแนวคิดของ
ผลงานที่ตอ้ งการสรา้ งสรรค์ โดยขอ้ มลู ดงั กลา่ วสามารถสรุปได้ ดังน้ี
1.ขอบเขตเน้ือหา
ผู้สร้างสรรค์ได้ศึกษาบทบาทตัวละคร นางเกนบุษบา และตำมะหงง จากวรรณคดีเรื่อง ดาหลัง ใน
พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท่ี 1
4
2.ขอบเขตการแสดง
ผู้สร้างสรรค์ต้องการนำเสนอผลงานการแสดงในรูปแบบของนาฏศิลป์ไทยละครในโดยใช้ผู้แสดง
จำนวน 2 คน คอื ผชู้ าย 1 คน ผหู้ ญงิ 1 คน ใช้ระยะเวลาในการแสดงประมาณ 10 นาที
3. รปู แบบการแสดง
ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้กำหนดรูปแบบของการแสดงชุด “ตำมะหงงชมนาง” กำหนดให้อยู่ในรูปแบบ
นาฏศิลป์ไทย โดยใช้นักแสดงนักแสดงจำนวน 2 คน ผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน ใช้ระยะเวลาในการแสดง
ประมาณ 10 นาที
จากการประมวลขอ้ มูลดงั กลา่ ว ผสู้ รา้ งสรรคผ์ ลงานจงึ ได้กำหนดรปู แบบการแสดงออกเปน็ 3 ช่วง ดังนี้
ชว่ งที่ 1 ผู้แสดงชายรา่ ยรำเพ่ือส่อื ความหมายถึงวา่ นางเกนบุษบาสา่ หรงี ดงามอย่างไรบ้าง ส่วนผู้แสดงหญิง
นง่ั จดั ดอกไมอ้ ย่บู นแครไ่ ม้
ช่วงที่ 2 ผู้แสดงชายร่ายรำเพื่อสื่อความรู้สึกนึกคิดสงสารนางเกนบุษบาส่าหรี ส่วนผู้แสดงหญิงนั่งทำ
อริยบทตา่ ง ๆ อยบู่ นแครไ่ ม้
ช่วงท่ี 3 ผ้แู สดงชายพานางเกนบษุ บาส่าหรเี ขา้ ฉาก
4.โครงสรา้ งท่ารำ
เป็นรปู แบบทา่ รำทางนาฏศลิ ป์ไทย
ดงั ตัวอยา่ งดังน้ี (ออกแบบทา่ รำทีใ่ ช้อยา่ งนี้ 7 ท่า )
1.ชอ่ื ทา่ ตำมะหงงเสนี
สอื่ ถึง ตำมะหงง
ความหมาย ตัวเรา
5
2.ชอ่ื ท่า มียศถา
สอ่ื ถงึ ความย่ิงใหญ่
ความหมาย ยศของตำมะหงง
3.ชื่อท่า คร้ันเห็นนวลนาง
ส่ือถงึ พบนางเกนบษุ บาส่าหรี
ความหมาย ตำมะหงงเจอนางเกนบุษบาส่าหรี
6
4.ชื่อท่า บุษบา
ส่ือถึง นางเกนบษุ บาส่าหรี
ความหมาย ตำมะหงงบอกวา่ คนนคี้ ือนางเกนบษุ บาส่าหรี
5.ชอื่ ท่า รจนารูปโฉม
สือ่ ถงึ เดนิ เขา้ ไปดใู กลๆ้
ความหมาย ตำมะหงงเดินเขา้ ไปใกลน้ างเกนบุษบาส่าหรีเลก็ นอ้ ย
7
6.ชอ่ื ท่า ประโลมใจ
สื่อถึง มือทง้ั สองจบี แลว้ ปล่อย(ระทวยนวยนาด)
ความหมาย บง่ บอกว่านางเกนบุษบาสา่ หรีงดงามมาก ๆ
7.ช่อื ท่า นางเกนบษุ บาสา่ หรีทำอริ ิยาบถตา่ ง ๆ
สอ่ื ถึง นางเกนบุษบาส่าหรนี ั่งบนแคร่ไมแ้ ละทำกริ ยิ าตา่ ง ๆ
ความหมาย เปน็ ทา่ รำทต่ี วั ละครน่งั อยบู่ นแครไ่ มเ้ พ่ือประกอบทา่ รำในการใช้ชีวิตประจำวนั
8
5.โครงสร้างเครื่องแต่งกาย
เครื่องแต่งกายตำมะหงง
เครื่องแตง่ กายนางเกนบุษบาส่าหรี
9
6.โครงสรา้ งดนตรี
ดนตรีประกอบทำนองเพลง 1.เพลงวา 2.เพลงรวั 3.เพลงชมโฉม 4.เพลงเสมอ
วงดนตรีที่ใช้ในการแสดง คือ วงปี่พาทย์เครื่องห้า ประกอบด้วย 1.ระนาด 2.ฆ้องวง 3.ฉ่ิง
4.กลองสองหนา้ 5.ปใ่ี น
บทขบั ร้องและการแต่งบทร้องใหม่จากเน้ือหาของวรรณกรรม
เร่ือง ดาหลงั ชื่อชุดการแสดง ตามะหงงชมนาง
-ปี่ พาทย์ทาเพลงวา-
-ปี่ พาทย์ทาเพลงรัว-
(ตามะหงงวงิ่ ออกจากเวที)
-ป่ี พาทย์ทาเพลงชมโฉม-
บดั น้นั ตามะหงงเสนีมียศถา
(ม่านเปิ ดออกนางเกนบุษบานง่ั อยบู่ นแท่น)
คร้ันเห็นนวลนางบุษบา รจนารูปโฉมประโลมใจ
งามทรงองคอ์ ่อนอรชรโฉม งามประโลมงวยงงน่าหลงใหล
กลอ้ งแกลง้ แน่งนวลยวนใจ ใครเห็นดงั่ ไดท้ าขวญั ตา
ตามะหงงนึกไปก็ใจหาย เสียดายรูปร่างนางหนกั หนา
ประกอบท้งั มารยาทกิริยา ดง่ั นางในช้นั ฟ้าสุราลยั
จะทูลทดั ผดั เพ้ียนผ่อนปรน เห็นขดั สนท่ีไหนจะโปรดให้
จึงวา่ นางบุษบาจงคลาไคล มาจะเร่งรีบไปอยา่ ไดช้ า้
-ปี่ พาทย์ทาเพลงเสมอ-
(นางเกนบุษบากบั ตามะหงงวิง่ เขา้ เวที)
-จบการแสดง-
10
7.อุปกรณ์ประกอบการแสดง
ตระกรา้ ดอกไม้ของนางเกนบุษบาสา่ หรี
8.โอกาสในการแสดง
ใชแ้ สดงเปน็ ชุดเป็นตอน ใช้แสดงในงานร่ืนเรงิ งานอวมงคล
9. ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ
1.ไดผ้ ลงานสรา้ งสรรคน์ าฏยศิลปไ์ ทย ชดุ ตำมะหงงชมนาง จากวรรณคดีเรอ่ื ง ดาหลัง
2.ไดป้ ระสบการณใ์ นการคิดสร้างสรรค์ผลงาน
3.ได้ทราบถงึ ความงามของนางเกนบุษบาส่าหรี
4.ได้คิดแยกแยะระหวา่ งความรู้สกึ นกึ คดิ กับหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับหมอบหมาย
10. รายการอา้ งองิ
1.เรอ่ื งเล่าดาหลงั .2527
2.https://vajirayana.org/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8
%B1%E0%B8%87