101 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 2.2 โรงพยาบาลร้อยเอ็ด-ธนบุรี ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ สสจ.ร้อยเอ็ด ได้ร่วมออกตรวจโรงพยาบาลร้อยเอ็ดธนุบรี ร่วมกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 7 ขอนแก่น เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเรื่องร้องเรียน ภาพขณะประชุมและตรวจสอบข้อเท็จจริง โรงพยาบาลร้อยเอ็ด-ธนบุรี 3. ออกตรวจเรื่องร้องเรียน และสถานพยาบาลที่มีความเสี่ยงกระทำความผิด จำนวน 10 แห่ง โดยส่วนใหญ่พบ - ไม่จัดทำเวชระเบียนผู้ป่วยให้เป็นไปตามมาตรฐาน - มีการโฆษณาสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต - ไม่มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตลอดเวลาทำการ - ประกอบกิจการอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ดำเนินการบันทึก เก็บข้อมูลหลักฐาน และนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการ สถานพยาบาล และคณะกรรมการเปรียบเทียบคดี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
102 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ข้อมูลการดำเนินงานจัดการเรื่องร้องเรียน รายการ จำนวน (รายการ) 1. จำนวนรับเรื่องร้องเรียน/เรื่องที่ต้องตรวจสอบ ประเด็นร้องเรียน 1.1 ประกอบกิจการไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 4 1.2 ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับ อนุญาต 2 1.3 ให้บริการโดยไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพที่ได้รับอนุญาต 3 1.4 เปิดนอกเวลาที่ได้รับอนุญาต 1 รวม 10 2. ผู้ร้องเรียน/แจ้งให้ตรวจสอบ 2.1 เจ้าหน้าที่อำเภอ 6 2.2 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 1 2.3 ภาคประชาชน 3 3. ผลการดำเนินงานเรื่องร้องเรียน 3.1 ไม่พบการกระทำความผิด 1 3.2 แนะนำตักเตือน แก้ไข ปรับปรุง 3 3.3 เปรียบเทียบคดี 6 4. การดำเนินการสถานพยาบาลกรณีไม่ชำระค่าธรรมเนียมประจำปี 2566 /ต่ออายุใบอนุญาต ประกอบกิจการ/ต่ออายุใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ได้แจ้งผู้ประกอบการให้มาชำระค่าธรรมเนียม โดยส่งหนังสือราชการไปยังสถานพยาบาล ตามหนังสือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ รอ 0033.004/ว509 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566ข้อมูล ณ ปัจจุบัน ยังมีสถานพยาบาลที่ยังไม่มาชำระค่าธรรมเนียม จำนวน 4 แห่ง สิ่งที่จะดำเนินการ: แจ้งให้หยุดการประกอบกิจการสถานพยาบาล และจะดำเนินการตามกฎหมาย
103 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ในปีงบประมาณ 2567 การดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลและการ ชำระค่าธรรมเนียม จะดำเนินการดังนี้ ครั้งที่ ช่วงระยะเวลา การดำเนินการ 1 เดือน ตุลาคม 2566 ส่งหนังสือแจ้งให้มาดำเนินการต่ออายุฯ 2 เดือน มกราคม 2567 ส่งหนังสือแจ้งเตือนครั้งที่ 1 3 เดือน มีนาคม 2567 ส่งหนังสือแจ้งเตือนครั้งที่ 2 4 เดือน พฤษภาคม 2567 ส่งหนังสือแจ้งเตือนครั้งที่ 3 5 เดือน กรกฎาคม 2567 กรณียังไม่มาต่ออายุฯ เจ้าหน้าที่สั่งหยุดการ ประกอบกิจการ และดำเนินการตามกฎหมาย ❑ การดำเนินการเปรียบเทียบปรับ ปีงบประมาณ 2566 กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ร้อยเอ็ด ได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ โดยผ่านมติที่ประชุมของคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีตาม พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2559 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 เห็นชอบให้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับสถานพยาบาล จำนวนทั้งหมด 10 แห่ง โดยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2559 ประกอบด้วย 1) ไม่จัดทำเวชระเบียนผู้ป่วยให้เป็นไปตามมาตรฐาน จำนวน 3 แห่ง 2) มีการโฆษณาสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 6 แห่ง 3) ไม่มีตู้จัดเก็บเวชระเบียนที่มั่นคง จำนวน 1 แห่ง 4) ไม่มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตลอดเวลาทำการ จำนวน 4 แห่ง 5) เปิดให้บริการอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องภายในสถานพยาบาล โดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 1 แห่ง พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ จำนวนทั้งหมด 10 แห่ง เสร็จสิ้น แล้ว เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 350,000 บาท
104 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การดำเนินการความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนสู่จังหวัดใช้ยาสมเหตุผล (RDU Province) โดย ภญ.จิรานุชกิจจาวรอาภรณ์ เภสัชกรปฏิบัติการ การขับเคลื่อนสู่จังหวัดใช้ยาสมเหตุผล (RDU province) ของจังหวัดร้อยเอ็ด ใช้กลไกในการขับ เคลื่อนที่หลากหลายทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล ซึ่งหมายรวมถึงการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทั้ง RDU PLEASE และ RDU Community แผนพัฒนาระบบสุขภาพด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่ ระยะ 3 ปีอำเภอมีการดำเนินงาน RDU District 101 ได้ 20 อำเภอ (ทุกอำเภอ มีการดำเนินงาน ตามเกณฑ์ RDU District ทุกด้าน และมีการดำเนินงานบูรณาเครือข่ายบวร.ร. และมีร้านชำRDU อย่างน้อย อำเภอละ 5 ร้าน และมีกิจกรรมส่งเสริม) ระยะ 5 ปีมีอำเภอ อย่างน้อย 16 อำเภอ ที่บรรลุการดำเนินงานตามเกณฑ์ RDU District 101 และ มีพื้นที่ต้นแบบ และกิจกรรมรณรงค์การใช้ยาสมเหตุผลทุกอำเภอ แก่ประชาชน ระยะ 10 ปี จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดส่งเสริมการใช้ยาสมเหตุผล (RDU Province) ตัวชี้วัด เป้าหมาย ระยะ 3 ปี ของจังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่าง ปี พ.ศ. 2565-2567 ปี 2565 มีอำเภอดำเนินการ ตามเกณฑ์ RDU District 101 ครบทุกด้าน อย่างน้อย 8 อำเภอ ปี 2566 มีอำเภอดำเนินการ ตามเกณฑ์ RDU District 101 ครบทุกด้าน อย่างน้อย 15 อำเภอ ปี 2567 มีอำเภอดำเนินการ ตามเกณฑ์ RDU District 101 ครบทุกด้าน ทุกอำเภอ และมีอำเภอต้นแบบ บรรลุการดำเนินงาน RDU District 101 อย่างน้อย 10 อำเภอ ในปี 2567 ๑. การวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์/ผลการดำเนินงานของจังหวัดร้อยเอ็ด ปีงบประมาณ ๒๕65-๒๕66
105 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด Structure : จังหวัดร้อยเอ็ดมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ RDU , คณะกรรมการ AMR ระดับจังหวัด ระดับ อำเภอ ครบทุกพื้นที่ 20 อำเภอ ประกอบไปด้วย แพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข จาก โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเป็น ทีมนำ การขับเคลื่อนระดับจังหวัด ดำเนินการโดย คณะกรรมการ RDU จังหวัด, คณะกรรมการ PTC จังหวัด, คณะกรรมการ AMR จังหวัด การขับเคลื่อนระดับอำเภอ,ตำบล มีการดำเนินงานตามแนวทาง RDU community ทั้ง 5 กิจกรรม Information : ปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) ผลงานจังหวัดร้อยเอ็ด – ร้อยละของโรงพยาบาล ส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ผ่าน 10-12 ข้อ จำนวน 17/20 โรงพยาบาล คิดเป็นร้อยละ 85 โรงพยาบาลที่ไม่ผ่านเกณฑ์ คือ โรงพยาบาลศรีสมเด็จ ผ่าน 8 ข้อ โรงพยาบาล พนมไพร ผ่าน 9 ข้อ และโรงพยาบาลสุวรรณภูมิ ผ่าน 9 ข้อ ตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านร่วมกันมากที่สุดคือ การใช้ยา ปฏิชีวนะในโรค Acute Diarrhea ไม่ผ่านทั้งหมด 11 โรงพยาบาล จากการวิเคราะห์พบว่า มีการใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่เหมาะสมจริง และส่วนหนึ่งเนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยน้อยราย เมื่อมีผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยาจึงทำให้อัตรา การใช้ยาสูง อีกตัวชี้วัดหนึ่งที่ยังเป็นปัญหาคือการใช้ยาปฏิชีวนะในแผลสด มีโรงพยาบาลที่ไม่ผ่านเกณฑ์นี้ จำนวน 6 โรงพยาบาล ร้อยละการใช้ยาเฉลี่ยทั้งจังหวัด 43.28 ในกลุ่มแผลสดจากอุบัติเหตุทั้งหมด แต่เมื่อ พิจารณาเฉพาะกลุ่มแผลสดที่ไม่รวมแผลสัตว์กัด พบว่ามีโรงพยาบาลที่มีการใช้ยาปฏิชีวนะเกินเกณฑ์ 7 โรงพยาบาล ร้อยละการใช้ยาเฉลี่ยทั้งจังหวัด 40.02 จากการวิเคราะห์พบว่า พฤติกรรมของผู้ป่วยกลุ่มแผล สะอาดหรือแผลเพียงเล็กน้อยจะไม่มารับบริการที่โรงพยาบาล รพ.ศรีสมเด็จ รพ.สุวรรณภูมิ รพ.พนมไพร RDU Hospital ผ่านเกณฑ์10-12 ข้อ ร้อยละ 85 ผ่านเกณฑ์6-9 ข้อ ร้อยละ 15 85 %
106 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด - ร้อยละของ รพ.สต.ที่มีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะในโรค Respiratory Infection และ Acute Diarrhea <= ร้อยละ 20 ทั้ง 2 โรค (RUA PCU) จำนวน 179 หน่วยบริการ จากทั้งหมด 230 หน่วยบริการ คิดเป็นร้อยละ 77.78 รพ.สต.ที่มีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะในโรค Respiratory Infection ผ่านร้อยละ 99.57 รพ.สต.ที่มีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะในโรค Acute Diarrhea ผ่านร้อยละ 76.62 จากการวิเคราะห์พบว่ามีร้อย ละของรพ.สต.ที่มีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะในโรค Respiratory Infection และ Acute Diarrhea <= ร้อยละ 20 ทั้ง 2 โรค ลดลงเนื่องจากจ.ร้อยเอ็ดมีการถ่ายโอนรพ.สต.ออกนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 100% จึง ยากต่อการกำกับติดตาม ปีงบประมาณ 2566 ได้ดำเนินการตามแนวทาง RDU community 5 กิจกรรม กิจกรรมเด่นที่ได้ ดำเนินการได้แก่ ๑.การเฝ้าระวังเชิงรุกในหน่วยบริการ (Proactive Hospital based Surveillance) โดยทุกโรงพยาบาล มีเกณฑ์การคัดกรอง เฝ้าระวังอาการไม่พึ่งประสงค์จากการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เสี่ยงอันตรายจาก ผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาล มีการประชุมติดตามผลการดำเนินงาน และ ประชุมการติดตามการลงข้อมูลการ รายงานอาการไม่พึงประสงค์Adverse event ; AE ใน AE online reporting ผ่านศูนย์เฝ้าระวังความ ปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Health Product Vigilance Center: HPVC) จัดทำระบบข้อมูลผ่าน โปรแกรมประยุกต์ระบบฐานข้อมูลของโรงพยาบาล Nemocare KBS101 ตามรหัส ICD10 ความสัมพันธ์ของ ลักษณะอาการ (Trigger) กับการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพของผู้ป่วย นอกจากนั้น มีการประชุมคืนข้อมูล ประจำปี ทุกปี ๒.การเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านยาเชิงรุกในชุมชน (Active Community based Surveillance) สรุปผลการดำเนินงานการสำรวจร้านชำ โดยใช้เครื่องมือNemocare KBS101 จังหวัดร้อยเอ็ด 2566 โดย ภก.พัฐเดช มกรารัตต์ (เภสัชกรปฏิบัติการ) มีการใช้เครื่องมือ Nemocare KBS101 สำรวจ ผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่ปลอดภัยในชุมชน ทั้งสิ้น 18 อำเภอ ซึ่ง จังหวัดร้อยเอ็ด มี 20 อำเภอ ถือเป็นร้อยละ 90 ของอำเภอทั้งหมด ซึ่งมี 1 อำเภอ รายงานเพียง 1 รายงาน อำเภอที่ยังไม่มีข้อมูลได้แก่ เมืองสรวง ธวัชบุรี เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 3 อำเภอ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 จากฐานข้อมูลพบสถานประกอบการในปี 2566 ที่ลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 5276 ร้าน แบ่งเป็น ร้านชำ จำนวน
107 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 5243 ร้าน และ ร้านขายส่งจำนวน 33 ร้าน ซึ่งจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 1657 ร้าน ซึ่งสะท้อนให้ เห็นถึงความครบถ้วนของของข้อมูลเพิ่มขึ้นจากการที่มีอำเภอมาใช้ข้อมูลมากขึ้น มีการดำเนินงานสำรวจร้านชำทั้งสิ้น 1068 ครั้ง จาก 1011 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 20.24 จากจำนวนร้านค้า ร้านชำที่ได้ลงทะเบียนในระบบ เป็นผลการสำรวจร้านชำที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ถูกต้อง ปลอดภัย(ผ่าน) ทั้งสิ้น 835 ครั้ง (คิดเป็นร้อยละ 78.18) และผลการสำรวจร้านชำที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ ไม่ปลอดภัย(ไม่ผ่าน)ทั้งสิ้น 233 ครั้ง (คิดเป็นร้อยละ 21.82 ) พบมีผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยจำหน่าย 612 รายงาน ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2564 และ 2565 การดำเนินงาน ปี2564 ปี2565 ปี2566 จำนวนร้านที่ตรวจ 3233 2195 1068 ผ่าน 2640 (81.66) 2017 (91.89) 835 (78.18) ไม่ผ่าน 593 (18.34) 502 (8.11) 233 (21.82) Odds Ratio โอกาส 0.225 0.088 0.279 จากกราฟ ซึ่งใช้ข้อมูลเปรียบเทียบอัตราส่วนโอกาสการที่ร้านค้าร้านชำไม่ปลอดภัยกับร้านชำที่ปลอดภัย ปี 2564-2566 พบว่าแนวโน้มร้านชำที่ไม่ปลอดภัย มีแนวโน้มสูงขึ้น ถึงแม้ว่าจำนวนร้านที่ได้สำรวจนั้น มีจำนวนน้อยลง และมีร้านชำไม่ผ่านเกณฑ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับปี 2564 ตาราง ผลการดำเนินงานเฝ้าระวังร้านค้าร้านชำด้วยโปรแกรม Nemocare KBS101 จังหวัดร้อยเอ็ด ปี2566 0.225 0.088 0.279 0 0.05 0.1 0.15 0.2 0.25 0.3 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 ODDS RATIO โอกาส Odds Ratio โอกำส เชิงเส้น (Odds Ratio โอกำส)
108 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด รายงานผลการสำรวจผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย 1.ยาอันตรายห้ามขายในร้านชำ จำนวน 494 รายงาน แบ่งได้เป็น
109 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด รายการ จำนวนรายงาน เพิ่มเติม 1.ทิฟฟี่ เดย์ 82 รายงาน อำเภอพนมไพร 18 รายงาน สุวรรณภูมิ 18 รายงาน โพธิ์ชัย 11 รายงาน 2.ดีคอลเจน พริน 71 รายงาน อำเภอพนมไพร 15 รายงาน โพธิ์ชัย 13 รายงาน สุวรรณภูมิ 13 รายงาน 3.ยาน้ำ ยาน้ำเด็ก ที่ไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้าน 53 รายงาน อำเภอปทุมรัตต์ 15 รายงาน สุวรรณภูมิ 14 รายงาน 4.ทัมใจ 42 รายงาน อำเภอพนมไพร 12 รายงาน สุวรรณภูมิ 10 รายงาน 5.ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ 40 รายงาน อำเภอสุวรรณภูมิ 10 รายงาน พนมไพร 9 รายงาน 6.การโน่ สเป็ก 22 รายงาน อำเภอพนมไพร 6 รายงาน โพธิ์ชัย 5 รายงาน 7.ยาบำรุงร่างกายตรา พญานาค 20 รายงาน อำเภอสุวรรณภูมิ 11 รายงาน 8.ยาแผนโบราณที่ไม่ยาสามัญประจำบ้าน 19 รายงาน 9.ป๊อก 19 รายงาน อำเภอพนมไพร 6 รายงาน 10.ทีซีมัยซิน 18 รายงาน อำเภอพนมไพร 10 รายงาน 11.เพนนิชิลิน 17 รายงาน อำเภอพนมไพร 8 รายงาน 12. ซี พี เอ็ม ขนาด 4 มก 12 รายงาน
110 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด รายการ จำนวนรายงาน เพิ่มเติม 3. คาโนโลน 11 รายงาน 14. เพียแคม-20 10 รายงาน 15.ฮีโร่มัยซิน 9 รายงาน อำเภอพนมไพร 7 รายงาน 16.เฮกซิน 7 รายงาน 17.น้อกซี่ 6 รายงาน 18.พอนสแตน 500 6 รายงาน 19.ไอยาฟิน 4 รายงาน 20.นีโอติก้า 3 รายงาน 21.เบนด้า 3 รายงาน 22.คาพีร็อกซ์ 3 รายงาน 23.ไอบูโปรเฟน 3 รายงาน 24.ค๊อดคีล่า 2 รายงาน 25.อะม็อกซีซิลลิน 2 รายงาน พนมไพร 1 รายงาน สุวรรณภูมิ 1 รายงาน 26. บอมซิน 2 รายงาน 27.มายบาซิน 2 รายงาน 28.ยาคุมกำเนิด 2 รายงาน พนมไพร 2 รายงาน 29.น๊อกซ่า 1 รายงาน 30.เตตร้าชัยคลิน 1 รายงาน 31.Albemed 1 รายงาน 32.M16 1 รายงาน 33.สวนทวาร พาตาร์ 1 รายงาน 34.ไดฟีลีน 1 รายงาน จากข้อมูลข้างต้นพบว่า อำเภอพนมไพร,สุวรรณภูมิ มีความเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ยา อันตรายและยาปฏิชีวนะระบาดในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีโครงการดำเนินการเฝ้าระวังและพัฒนาผู้ประกอบการ ร้านชำโดยด่วน และจัดการปัญหาในพื้นที่อย่างยั่งยืน
111 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 2.กลุ่ม ยา / อาหารเสริม / อาหาร / เครื่องสำอาง / วัตถุอันตราย ผิดกฎหมาย ไม่ปลอดภัย จำนวน 91 รายงาน แบ่งได้เป็น รายการ จำนวน เพิ่มเติม พบ "อาหาร" ไม่มีฉลาก ไม่มีวันที่ผลิต/หมดอายุ 38 สุวรรณภูมิ 17 รายการ เมยวดี 10 รายการ พบ “วัตถุอันตราย” ที่ฉลากไม่มีข้อความภาษาไทย 11 สุวรรณภูมิ 8 รายการ พบ "อาหาร" เสื่อมสภาพ หมดอายุ บูด เน่า 8 สุวรรณภูมิ 8 รายการ พบ "ยาชุด" 6 เมืองร้อยเอ็ด 1, พนมไพร 2 โพธิ์ชัย 1, สุวรรณภูมิ 2 พบ"เครื่องสำอาง"ฉลากไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน 5 สุวรรณภูมิ 3 พบ"เครื่องสำอาง"หมดอายุ/เสื่อมสภาพ/บรรจุภัณฑ์ 5 สุวรรณภูมิ 5 พบ"ผลิตภัณฑ์สมุนไพร" ฉลากไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน 3 พบ "ยา" หมดอายุ/เสื่อมสภาพ/บรรจุภัณฑ์ชำรุด 3 พบ "ยา" ไม่มีทะเบียน/ยาปลอม/ฉลากไม่ถูกต้อง 3 สุวรรณภูมิ 2 อาจสามารถ 1 ผลิตภัณฑ์ที่มีข้อความ “กระตุ้นทางเพศ” 2 เมืองร้อยเอ็ด 1 พนมไพร 1 ผลิตภัณฑ์ที่มีข้อความ “ช่วยให้ผิวขาว” 2 เมืองร้อยเอ็ด 1 สุวรรณภูมิ1 พบ “อาหาร” เลขสารบบไม่ถูกต้อง พบการสวมเลข ปลอมเลข 2 เสลภูมิ 1 สุวรรณภูมิ 1 พบ “เครื่องสำอาง” ปลอมเลขที่จดแจ้ง/สวมเลข 1 สุวรรณภูมิ 1 ผลิตภัณฑ์ที่มีข้อความ “อวดอ้างสรรพคุณ” 1 เสลภูมิ 1 ผลิตภัณฑ์ที่มีข้อความ “ช่วยลดน้ำหนัก” 1 สุวรรณภูมิ 1
112 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด จากข้อมูลข้างต้น พบว่า “อาหารฉลากไม่ถูกต้อง”เป็นปัญหาที่พบมากถึง จำนวน 38 รายงาน ร้อยละ 41.8 จากจำนวนรายงานทั้งหมด ส่วนใหญ่พบในอำเภอสุวรรณภูมิและเมยวดี แต่อย่างไรก็ดียังมี รายงานการพบ “ยาชุด” ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญสูง พบ 6 รายงาน ซึ่งต้องทำการจัดการปัญหา อย่างเร่งด้วนต่อไป นอกจากนั้นยังมีการรายงานผลิตภัณฑ์ที่มีข้อความโฆษณา ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย รวม 6 รายงาน ซึ่งต้องนำสืบต่อไป และตรวจสอบผลิตภัณฑ์ว่ามีความเสี่ยงในการปนเปื้อน หรือเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ หรือไม่ต่อไป ทั้งนี้กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มี แผนการดำเนินงานในปี 2567 ส่งเสริมการใช้ยาสมเหตุผลในพื้นที่ชุมชน ของอำเภอต้นแบบทั้ง 5 อำเภอ ผ่านโครงการส่งเสริมการใช้ยาสามัญประจำบ้านสมเหตุผลในร้านชำ โดยกลไกร้านยาใกล้บ้าน ซึ่งเป็นโครงการ บูรณาการกับภาคีที่มีวัตถุประสงค์ ในการเชื่อมต่อระหว่าง เภสัชกรร้านยา(Full time pharmacist) ผู้ประกอบการร้านชำ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล และ ประชาชนในครัวเรือน ในการ รักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น โดยเน้นที่การใช้ยาสามัญประจำบ้านอย่างสมเหตุผล ให้ผู้ป่วยมีการเข้าถึงยา อย่างเหมาะสม ตรงกับบริบทและได้ประโยชน์สูงสุดในการรักษาตนเอง พัฒนายกระดับศักยภาพ ผู้ประกอบการร้านชำ เพื่อให้เกิดการแข่งขันและได้รับการรับรองการผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรฐานร้านชำ White RDU 101 อย่างน้อยอำเภอละ 1 แห่ง สรุปผลการดำเนินงานการเยี่ยมครัวเรือนด้านความปลอดภัยด้านยา โดยการประยุกต์ใช้เครื่องมือ Nemocare KBS101 และอื่นๆ จังหวัดร้อยเอ็ด 2566 โดย ภก.พัฐเดช มกรารัตต์ (เภสัชกรปฏิบัติการ) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข ได้ ดำเนินการ ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชปฐมภูมิ มาอย่างต่อเนื่อง เช่น การสำรวจพัฒนาร้านค้าร้านชำให้ปลอดยา อันตราย เยี่ยมบ้านสำรวจความปลอดภัยด้านยาแก่ครัวเรือน การเสริมสร้างความรอบรู้ให้แก่ประชาชน การบูรณาการเครือข่ายบ้านวัดโรงเรียนและโรงพยาบาล (บว.ร.ร) โดยงานที่กล่าวมานั้น ยังไม่มีการเก็บ รวบรวมข้อมูลเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จึงเป็นเหตุให้กลถ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัช สาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดสร้างเครื่องมือในการเก็บข้อมูลการตรวจร้านชำและการลง สำรวจเยี่ยมบ้านด้านความปลอดภัยด้านยา ชื่อว่า Nemocare KBS101 และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกใน การดำเนินงานของเภสัชกร สอดคล้องกับนโยบายการบริการทางการแพทย์ทางไกล (TeleMedicine) เพื่อลด ความแออัดในโรงพยาบาล เพิ่มการเข้าถึงการรักษา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งเภสัชกรจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ เริ่มให้บริการเภสัชกรรมทางไกล (Tele Pharmacy)ผสานกับการลงเยี่ยมบ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย ทันยุคสมัยและประสิทธิผลของการบริการ อย่างไรก็ดี Tele Pharmacy มีเครื่องมือในการใช้งานที่หลากหลาย
113 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการเภสัชกรรมทางไกลผ่าน 1.โปรแกรมอสม.ทางไกล (Televhv) ซึ่งได้พัฒนาเฉพาะให้ สามารถสื่อสารส่งต่อเคส ได้ระหว่าง เภสัชกร อสม. ผู้ป่วย สอดคล้องกับนโยบาย 3 หมอ 2.โปรแกรมหมอ พร้อม station โปรแกรมที่พัฒนาโดยกระทรวงสาธารณสุข ข้อดีสามารถเชื่อข้อมูล ผู้ป่วยเข้าในฐานข้อมูลได้ และสามารถใช้เป็น Digital Health ID ได้ในอนาคต ในปีงบประมาณ 2566 กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ร้อยเอ็ด ได้กำหนดให้เภสัชกรระดับอำเภอมีการเยี่ยมบ้าน เป็นตัวชี้วัดระดับอำเภอ โดยให้มีการใช้เครื่องมือ Nemocare KBS101 หรือเครื่องมืออื่นๆ บันทึกข้อมูลการเยี่ยมบ้าน (เภสัชกรระดับอำเภอมีการเยี่ยมบ้าน หมายถึง การปฏิบัติการให้บริการทางเภสัชกรรม การสำรวจความปลอดภัยด้านยาในครัวเรือน และการสร้าง เสริมความรอบรู้ในด้านยาให้แก่ประชาชน โดยเป็นการสื่อสาร โดยตรงกับผู้ป่วย ซึ่งรวมถึง การลงเยี่ยมบ้าน การทำเภสัชกรรมทางไกลโดยโปรแกรมต่างๆ การโทรศัพท์ ซึ่งต้องมีการเก็บรวมรวบข้อมูลผลงานเอาไว้) ผลดังนี้ ซึ่งจากแบบสำรวจเภสัชกรผู้ดำเนินงานเยี่ยมบ้านในจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 20 อำเภอ ในปี2566 มีจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการเยี่ยมบ้านโดยเภสัชกรรวมทั้งสิ้น เป็นจำนวน 1849 ราย อำเภอ จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับ การเยี่ยม; ราย) ผลงานดำเนินงาน เชียงขวัญ 43 ลงเยี่ยมบ้านร่วมกับสหวิชาชีพเพื่อให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการใช้ยา พร้อมทั้งแก้ปัญหายาไม่ปลอดภัยในครัวเรือน จังหาร 768 แนวโน้มการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในครัวเรือนเพิ่มขึ้น ปทุมรัตต์ 60 เยี่ยมบ้านติดตามผู้ป่วย TB ป้องกันการดื้อยา พบว่าผู้ป่วยกินยาไม่ สม่ำเสมอ ร้อยละ 3 และ เบาหวาน ที่ใช้insulin penfill ผู้ป่วยฉีด ยาไม่ถูก เก็บยาไม่ถูกต้อง ร้อยละ 5
114 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอ จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับ การเยี่ยม; ราย) ผลงานดำเนินงาน ทุ่งเขาหลวง 353 ลงเยี่ยมบ้านกับสหวิชาชีพและแพทย์ในผู้ป่วยที่มีประวัติการใช้ยาไม่ ถูกต้อง มีการใช้telemedicine โดยบูรณาการร่วมกับรพ.สต. อสม. โดยทำการส่งเคส เพื่อทำการscreen เบื้องต้นก่อนการรับบริการ บริการทั้งสิ้น 355 ครั้ง หนองฮี 25 จากการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยจิตเวชที่มีปัญหาการใช้ยาและไม่มาตามนัด สามารถจัดการ ปัญหาด้านยาในผู้ป่วยได้ถึงร้อยละ 47.82 เมืองสรวง 32 ลงเยี่ยมบ้านร่วมสหวิชาชีพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ป่วย NCDs ที่ มีปัญหาการใช้ยา อาจสามารถ 64 เภสัชกรได้เยี่ยมบ้านด้านยา ของผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านยา และ แก้ปัญหาด้านยาให้กับผู้ป่วยเฉพาะราย ซึ่งแก้ไขจัดการปัญหาได้ร้อย ละ 75 และพบว่า ปัจจัยความสำเร็จคือ caregiver จตุรพักตรพิมาน 21 ลงเยี่ยมบ้านร่วมสหวิชาชีพ โดยกำหนดเป้าหมายร่วมกัน หนองพอก 18 ได้ลงเยี่ยมบ้าน และใช้ tele pharmacy สอนการใช้ยา สำหรับ ผู้ป่วยที่เริ่มยาเทคนิคพิเศษ โพธิ์ชัย 30 จากการเยี่ยมบ้าน พบความเสี่ยงสูงที่จะใช้ยาต้ม ยาหม้อ ซึ่งเภสัชกร ได้ให้ความรู้แก่ประชาชน พนมไพร 32 กำหนดเคสเยี่ยมบ้านเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งพบว่ามีการใช้ ยาNSAIDs ยาชุด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ร่วมด้วย โพนทราย 33 จากการเยี่ยมบ้าน พบปัญหา เก็บยาไม่เหมาะสม polypharmacy ซึ่งได้แก้ไขให้ความรู้ผู้ป่วยและประสาน รพ.สต. อสม.ติดตามต่อไป โพนทอง 35 เยี่ยมบ้านกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มstroke กลุ่มไตวายระยะสุดท้าย เป็นหลัก พบปัญหา ประสิทธิภาพยาไม่เพียงพอ เป็นหลัก สุวรรณภูมิ 30 พบผู้ป่วยใช้ยาผิดวิธี เป็นหลัก ศรีสมเด็จ 45 พบผู้ป่วยใช้ยาผิดวิธี และ ไม่รับประทานยาตามแผนการรักษา เมยวดี 30 พบผู้ป่วยNCDsมียาเหลือในปริมาณมาก เนื่องจากกินยาไม่ครบ และ ได้ส่งเสริมความรอบรู้อบรมให้แก่ผู้ป่วยโดยทำแบบสอบถามวัดก่อนหลัง ธวัชบุรี 30 คัดเลือกเป้าหมายจากความเสี่ยงที่จะใช้ยาไม่ถูกต้อง สภาวะไม่ปกติ ของผู้ป่วย ความร่วมมือในการรักษา ผู้สูงอายุ เสลภูมิ 44 เยี่ยมบ้านโดยมีกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาการใช้ยาเป็นหลัก เกษตรวิสัย 17 มีการเยี่ยมบ้านโดยบูรณาการใช้ระบบLine เมืองร้อยเอ็ด 139 บูรณาการการดำเนินงาน รพ.รอ. เทศบาลเมือง พบปัญหา
115 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การดำเนินงานรายงานการเยี่ยมบ้านผ่านระบบ Nemocare KBS101 จังหวัดร้อยเอ็ด 2566 - มีการรายงานการรายงานทั้งหมด 512 รายงาน - พบไม่มีความเสี่ยง 411 ราย หมายถึง ไม่มี DRPs ไม่พบยาเหลือ ไม่มี ADEs - มีความเสี่ยงต่ำ 69 ราย หมายถึง มีปัญหาด้านยา แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายรุนแรง - มีความเสี่ยงปานกลาง 27 ราย หมายถึง มีปัญหาด้านยาที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย อย่างรุนแรงได้ หรือส่งผลกระทบต่อร่างกายแล้วแต่ยังไม่รุนแรง - มีความเสี่ยงสูง 5 ราย หมายถึง มีปัญหาด้านยา ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย ทำให้เจ็บป่วย หรือมี ความผิดปกติเกิดขึ้น ส่งผลต่อชีวิต ง จากการสำรวจความปลอดภัยด้านยาในครัวเรือน 512 ราย พบว่า มีปัญหาการใช้ยา Drug Related Problem; DRPs ทั้งสิ้น 52 ราย แบ่งเป็น ปัญหาการไม่ร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วย 20 ราย (ร้อยละ 39.2 ของ ผู้ที่ได้รับการสำรวจ) เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยา 8 ราย (ร้อยละ 15.7 ของ ผู้ที่ได้รับการสำรวจ) ไม่ได้รับยารักษาอาการไม่พึงประสงค์ที่หลีกเลี่ยงได้ 6 ราย (ร้อยละ 11.8 ของ ผู้ที่ได้รับการสำรวจ) ควรได้รับ ยาชนิดใหม่ 5 ราย (ร้อยละ 9.8 ของ ผู้ที่ได้รับการสำรวจ) และอื่นๆ ตามแผนภูมิ ซึ่งพบปัญหาที่มีความรุนแรงสูง
116 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เช่น การแพ้ยาซ้ำ เกิดdrug interaction และได้รับยาที่เชื้อดื้อยา ซึ่งเภสัชกรผู้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและทำแบบ สำรวจนั้น ได้จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว การสำรวจAdverse Event หรือ การสำรวจประวัติอาการผลข้างเคียง ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงที่ กำหนด ตามนโยบาย Proactive Hospital-based surveillance ขยายผลจากโรงพยาบาลสู่ชุมชนครัวเรือน โดยสำรวจอาการไม่พึงประสงค์จากสารSteroids NSAIDs Sildenafil Sibutramine เป็นเพื่อข้อมูลในการ ติดตามเฝ้าระวังต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ พร้อมทั้งได้ให้ความรู้ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างไรให้ ปลอดภัยแก่ครัวเรือน อย่างไรก็ดีจังหวัดร้อยเอ็ดได้มีการติดตามผ่านระบบ ICD10 และ HPVC เพิ่มเติม การสำรวจการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพกลุ่มเสี่ยงในครัวเรือน เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้มากใน สภาพแวดล้อมครัวเรือนของชุมชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหารเสริม จำนวน 17 ราย (คิดเป็นร้อยละ 23.3) ยาต้ม/ยาหม้อ จำนวน 13 ราย (คิดเป็นร้อยละ 17.8) ยาลูกกลอน จำนวน 9 ราย (คิดเป็นร้อยละ 12.3) ยาชุด จำนวน 7 ราย (คิดเป็นร้อยละ 9.6) สมุนไพร/ สมุนไพรสกัด ชนิดน้ำ จำนวน 7 ราย (คิดเป็นร้อยละ 9.6) ยาแคปซูล จำนวน 7 ราย (คิดเป็นร้อยละ 9.6) พบว่ายังคงมีความเสี่ยงจาก ยากษัยเส้น/ประดง ยาน้ำที่มีสรรพคุณอื่นๆ ยาชุด ยาลูกกลอน กระจายอยู่ในพื้นที่ ซึ่งได้รายงานและให้ความรู้ พร้อมทั้งจัดทำนโยบายเฝ้าระวังและจัดการผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่มีความเสี่ยงต่อไป
117 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การสำรวจยาเหลือใช้/เสื่อมสภาพ/หมดอายุ ในครัวเรือน หมายถึง การสำรวจยาที่ไม่จำเป็นคงค้างอยู่ ในครัวเรือน ซึ่งอาจเป็นอันตรายจากผู้ใช้ได้ จากการสำรวจพบว่า มียากลุ่มความดัน จำนวน 105 ราย (คิดเป็นร้อยละ 26.4) ยากลุ่มลดไขมัน 85 ราย (คิดเป็นร้อยละ 21.4) และ ยากลุ่มเบาหวานคงค้างอยู่ จำนวน 81 ราย (คิดเป็นร้อยละ 20.4) ซึ่งเป็นยากลุ่มโรคเรื้อรังและยาปฏิชีวนะ สะท้อนให้เห็นว่าผู้ป่วย มีการกินยาที่ ไม่ถูกต้อง ไม่ต่อเนื่อง มียาเหลือใช้ คงค้างอยู่ ซึ่งอาจเป็นผลให้การควบคุมอาการและผลลัพธ์การรักษา ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงขึ้น จากเชื้อดื้อยา การสำรวจความรอบรู้การใช้ยาสมเหตุผลเป็นการสอบถามซึ่งแสดงข้อมูลโดยเป็นข้อคำถาม 2 0 ข้อ ประเภทคำถาม ตอบใช่หรือไม่ ซึ่งจะแสดงข้อมูลผู้ที่ตอบ “ผิด” ในแผนภูมิดังกล่าวจึงได้ข้อมูลดังนี้
118 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ยุทธศาสตร์เป้าหมายเภสัชกรรมปฐมภูมิจังหวัดร้อยเอ็ด 2567-70 1.กำหนดกลุ่มโรคเป้าหมายและร้อยละเป้ามายที่จะลงเยี่ยมบ้านและให้บริการเภสัชกรรม สามารถ ประเมินได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ 2.เสริมสร้างความรอบรู้ Literacy 2.1 รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนการกินยาตามวิธีใช้อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ + การเก็บรักษายา + การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาชุด ยาหม้อคู่กับยารักษาจากโรงพยาบาล เพื่อประสิทธิภาพการรักษาและ ความยั่งยืนในการใช้ยากับโรคนั้นๆ 2.2 กำหนดแบบประเมินความรอบรู้ 3.พัฒนาการเยี่ยมบ้านโดยระบบTelepharmacy 4.มีการเก็บค่างานเภสัชกรรมโดยรหัส ICDP 5.อบรมพัฒนา Caregiver และ ระบบ Tele pharmacist ติดตาม ผู้ป่วย และ ติดตาม caregiver ประมวลภาพกิจกรรม การเยี่ยมบ้าน การเยี่ยมบ้านอำเภอ จตุรพักตรพิมาน ปีงบประมาน จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการ ออกเยี่ยมบ้าน (คน) จำนวนผู้ป่วยที่มี ปัญหาด้านยา(ครั้ง) จำนวนปัญหา ด้านยาที่พบ (ครั้ง) ปี 2564 13 2 2 ปี 2565 15 4 2 ปี 2566 21 6 3 การเยี่ยมบ้านอำเภอโพนทราย
119 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การเยี่ยมบ้านอำเภอโพนทอง จำนวนเคสที่ออกเยี่ยม การจัดการปัญหา Drug Related Problems จำนวน ร้อยละ 1 Untreated indication 2 18 2 Improper drug Selection 4 37 3 Too low dose of correct drug - - 4 Too high dose of correct drug - - 5 ADRs 1 9 6 Drug Interaction - -
120 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 7 Noncompliance 1 9 8 Invalid indication/ยาซ้ำซ้อน - - 9 Other eg. Failure to receive prescribtion drugs 3 27 รวม 11 100 การดำเนินงานTELEMEDICINE ในทุ่งเขาหลวง
121 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด สรุปโครงการพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังและจัดการความเสี่ยงผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน จังหวัดร้อยเอ็ด วันที่26 มิถุนายน 2566 ณ ห้องประชุมชั้น 1 โรงแรมเอ็มแกรนด์ ร้อยเอ็ด โดย ภก.พัฐเดช มกรารัตต์ (เภสัชกรปฏิบัติการ) ที่มาและความสำคัญ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ได้จัดตั้งทีมตระหนักรู้สถานการณ์ภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Situation Awareness Team: SAT) และทีมปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว (Rapid Response Team: RRT) เพื่อดำเนินการติดตามเฝ้าระวัง ประเมินสถานการณ์ ประเมินความเสี่ยงของเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ด้าน ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกิดขึ้น รวมทั้งดำเนินการสืบสวน วิเคราะห์สาเหตุ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จัดการภัยด้าน ผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ทันเหตุการณ์ และแจ้งเตือนภัยให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องรวมทั้งประชาชนทราบตามความ เหมาะสม โดยที่ผ่านมาพบว่า การดำเนินการของทั้ง SAT และ RRT จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลางส่วนภูมิภาค และในระดับจังหวัดตลอดวันตลอดวงจรเพื่อให้การจัดการ ความเสี่ยงเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงทีซึ่งต้องมีการบูรณาการเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพด้านการ สื่อสาร การเข้าถึงข้อมูล และการประสานการดำเนินงานของเครือข่ายเฝ้าระวังฯ ครอบคลุมถึงระดับอำเภอ ของจังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดเล็งเห็นว่าการพัฒนาทีมเพื่อจัดการ ความเสี่ยงในชุม ชนต้อง อาศัยเครือข่ายจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน อสม ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกจากชาวบ้าน แต่ละหมู่บ้านและได้รับการอบรมตามหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดโดยมีบทบาทหน้าที่สำคัญใน ฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมสุขภาพอนามัย change agents เพื่อช่วยเฝ้าระวังความเสี่ยงจาก ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และอาการไม่พึงประสงค์จากผลิตภัณฑ์สุขภาพ จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาเครือข่ายเฝ้า ระวังและจัดการความเสี่ยงผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ดขึ้น โครงการพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังและจัดการความเสี่ยงผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน จังหวัดร้อยเอ็ดวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ณ ห้องประชุมชั้น 1 โรงแรมเอ็มแกรนด์ ร้อยเอ็ด การอบรมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากเภสัชกรประวุฒิ ละครราช เภสัชกรเชี่ยวชาญ รองนายแพทย์สาธารณสุข เป็นประธานในพิธี เปิดการอบรม และได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากเครือข่ายเภสัชกรคุ้มครองผู้บริโภค ระดับอำเภอ มาร่วม ให้ความรู้ ฝึกปฏิบัติการรายงานอาการไม่พึ่งประสงค์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก่ผู้อบรม โดยมีผู้เข้าร่วม โครงการพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังและจัดการความเสี่ยงผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน จังหวัดร้อยเอ็ด ประกอบด้วย เภสัชกรคุ้มครองผู้บริโภค เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน(อสม.) รวมทั้งสิ้น 136 คน
122 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ผลการประเมินความรู้ก่อน-หลังเรียน ผู้ตอบแบบประเมินทั้งสิ้น 136 คน (ร้อยละ 100) มีผลการประเมินดังนี้ จากแบบประเมินที่วัดความรู้ในการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพจาก ผู้บริโภคและความรู้ด้านคุ้มครองผู้บริโภคผลการประเมินความรู้ก่อนรับการอบรม โดยจะให้เริ่มทำ
123 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด แบบทดสอบก่อนเริ่มการอบรม เป็นผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 136 คน ซึ่งประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน (อสม.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับอำเภอ เภสัชกรคุ้มครองผู้บริโภคระดับอำเภอ เภสัชกรและ เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด วัดผลการอบรม โดย แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน เกี่ยวกับการ รายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพจากผู้บริโภคและความรู้ด้านคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 12 ข้อ และคำนวณสถิติ โดยโปรแกรม Microsoft Excel (Microsoft Office 365) โดยใช้สถิติ t-Test: Paired two Sample for Means กำหนดค่าระดับความเชื่อมั่น;Alpha ที่ 0.05 ได้ผลดังนี้ ผลประเมินที่วัดความรู้ก่อนเรียน มีค่าเฉลี่ยจำนวนข้อตอบถูกต้อง จำนวน 9.04 ข้อ ร้อยละ 75.33 (ค่าส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.992 ค่าความแปรปรวน 3.968 ) ผลประเมินที่วัดความรู้หลังเรียน มีค่าเฉลี่ยจำนวนข้อตอบถูกต้อง จำนวน 10.89 ข้อ ร้อยละ 90.75 (ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.822 ค่าความแปรปรวน 0.676 ) ดังตารางล่างนี้ รอบก่อนเรียน รอบหลังเรียน Mean ค่าเฉลี่ย 9.04411765 10.8897059 Variance ค่าความแปรปรวน 3.96840959 0.67663399 Observations 136 136 Pearson Correlation 0.07531857 Hypothesized Mean Difference 0 df 135 t Stat -10.262819 P(T<=t) one-tail 6.3627E-19 t Critical one-tail 1.65621913 P(T<=t) two-tail 1.2725E-18 t Critical two-tail 1.97769228
124 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การแปรผลตามสถิติ 1.Null Hypothesis คือ ผลการผลประเมินที่วัดความรู้ก่อนเรียน – หลังเรียน ไม่มีความแตกต่างกัน 2.Alternative Hypothesis คือ ผลการผลประเมินที่วัดความรู้ก่อนเรียน – หลังเรียน มีความแตกต่างกัน 3.ถ้าค่า |t-Stat| ที่ได้ มากกว่าหรือเท่ากับ ค่า |t-Critical| แสดงว่า เราปฏิเสธ Null Hypothesis และ ยอมรับ Alternative Hypothesis 4.ถ้าค่า P น้อยกว่าหรือเท่ากับค่าระดับความเชื่อมั่น ตามที่กำหนด แสดงว่า เราปฏิเสธ Null Hypothesis และยอมรับ Alternative Hypothesis จากผลสถิติt-Test: Paired two Sample for Means ปรากฏ ค่า t-Stat มีค่ามากกว่า ค่า tCritical two-tail และ ค่า p-value(two-tail) น้อยกว่าค่าระดับความเชื่อมั่น 0.05 หมายความว่า ผู้เข้าร่วม อบรมมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับการอบรมและความต่างของความรู้แคบลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากค่าเฉลี่ย ตอบถูก 9.04 ข้อ เป็น 10.89. ข้อ ร้อยละ 75.33 เป็น ร้อยละ 90.75 ซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบ งานคุ้มครองผู้บริโภคและมีทักษะด้านการประเมินใช้เครื่องมือการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อยู่แล้วโดย ภายหลังการอบรม ได้มอบหมายภารกิจ ให้เภสัชกรและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระดับอำเภอร่วมกับเครือข่าย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จัดตั้งทีมเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน สำรวจชุมชนของ ตน เพื่อค้นหาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากผลิตภัณฑ์สุขภาพและจัดการปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นอันตราย รวมถึงรายงานเข้าเว็ปไซต์ hpvcth.go.th ต่อไป สรุปเนื้อหาการอบรม เรื่องการบรรยาย การบรรยายหัวข้อเรื่อง “การขับเคลื่อนองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ในการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัด ร้อยเอ็ด” โดย ภก.มานิตย์ ทวีหันต์ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุขสำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นการบรรยายถึงแนวทางการดำเนินงานงานคุ้มครองผู้บริโภคในบริบทของ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน การบูรณาการการดำเนินงานทำงานคุ้มครองร่วมกับภาคีเครือข่าย โดย อาศัยทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความยั่งยืนตาม ยุทธศาสตร์ชาติสิทธิของผู้บริโภคพึงมี การพัฒนาความรอบรู้ตามแนวทางการพัฒนา
125 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การบรรยายหัวข้อเรื่อง “บทบาทขององค์กรของผู้บริโภค ในการคุ้มครองผุ้บริโภค” โดย นายไพบูลย์ ผิวไธสงค์ เจ้าหน้าที่ประจำหน่วย สภาองค์กรของผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด ได้บรรยายถึงบทบาทและพันธกิจ ของเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภคในจังหวัดร้อยเอ็ด วัตถุประสงค์ความเป็นมาของการจัดตั้งองค์กรของ ผู้บริโภค การสนับสนุนและภารกิจงานที่องค์กรได้ดำเนินการผ่านมา การบรรยายหัวข้อเรื่อง “การใช้เครื่องมือรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ จากการใช้ผลิตภัณฑ์ สุขภาพจากผู้บริโภค ผ่านระบบ HPVC Online โดย ภญ.จิรานุช กิจจาวรอาภรณ์ เภสัชกรปฏิบัติการ สสจ. ร้อยเอ็ด ได้บรรยายความหมายเหตุการณไม่พึงประสงค์ และยกตัวอย่าง พร้อมกับความสำคัญของการรายงาน หรือการที่สามารถแจ้งเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน อธิบายถึงวิธีแนวทางการ รายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยเครื่องมือรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ จากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ จากผู้บริโภค ผ่านระบบHPVC Online การบรรยายหัวข้อเรื่อง “การใช้เครื่องมือ Nemocare KBS101 ในการตรวจเฝ้าระวังร้านชำใน ชุมชน”โดย ภก.พัฐเดช มกรารัตต์ เภสัชกรปฏิบัติการ สสจ.ร้อยเอ็ด ได้บรรยายการประยุกต์ใช้เครื่อง Nemocare KBS 101 ในการตรวจเฝ้าระวังร้านชำ ร้านค้าในชุมชน วิธีการเข้าตรวจ และเทคนิคการตรวจ อย่างไรให้ผู้ประกอบการรับฟัง การสมัครใช้งานเครื่องมือ และวิธีการรายงานกรณีไปสำรวจตรวจร้านค้า ร้าน ชำ โดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน การบรรยายหัวข้อเรื่อง “การใช้เครื่องมือ FDA Center ในการพัฒนาความรอบรู้”โดย ภก.พงศกร โค สุโน เภสัชกร สสจ.ร้อยเอ็ด ได้บรรยายเรื่องการใช้เครื่องมือ FDA Center ในการเรียนรู้ ซึ่งเป็นห้องเรียน
126 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ออนไลน์ในการพัฒนาความรู้แก่บุคลากรในระบบสาธารณสุขในเรื่องคุ้มครองผู้บริโภคเช่น พนักงานเจ้าหน้าที่ อสม. อย.น้อย ผู้สูงอายุ และ ประชาชนทั่วไป ที่จะสามารถเอาไปเรียนชุดความรู้ที่สำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยาพัฒนาหลักสูตรขึ้น เมื่อศึกษาครบถ้วนจะมีการประเมินทดสอบความรู้ และเมื่อผ่านการประเมิน เรียบร้อยแล้ว จะได้รับใบประกาศรับรอง จึงเชิญชวนอสม.และผู้มาร่วมการอบรมในครั้งนี้ได้ทดลองเข้าเรียน นอกจากนั้นยังสอนเรื่องการตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์สุขภาพผ่านเว็ปไซต์ อย. กิจกรรมฝึกปฏิบัติการ กลุ่มที่ 1 การรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยา กลุ่มที่ 2 การรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กลุ่มที่ 3 การรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากเครื่องสำอาง กลุ่มที่ 4 การตรวจร้านชำผ่านระบบNemocare KBS101 กลุ่มที่ 5 การคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการตรวจสอบฉลาก เป็นกิจกรรมแบ่งกลุ่มเพื่อฝึกปฏิบัติการรายงานข้อมูลเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ พบ เพื่อให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านสามารถรายงานข้อมูลผ่านผ่านระบบHPVC Online ได้ และ สามารถสำรวจร้านชำและสำรวจฉลากได้
127 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด สรุปและรับฟังข้อคิดเห็นในภาพรวม จากการอบรมในครั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มอบหมายให้เภสัชกรระดับอำเภอ สำนักงาน สาธารณสุขอำเภอ และตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ดังนี้ มอบหมาย การติดตาม การรวบรวมข้อมูล เภสัชกรระดับอำเภอ เป็นที่ปรึกษากรณีมี เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ จากการใช้ผลิตภัณฑ์ สุขภาพต่างๆ เพื่อช่วยใน การคัดกรอง รายงาน จัดการ และติดตามผู้ ได้รับผลกระทบ -รายงานสื่อสารความ เสี่ยง -ผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ จากการใช้ผลิตภัณฑ์ สุขภาพต่างๆ กรณีต้อง ได้รับการรักษา ตั้งกลุ่มไลน์ในการ สื่อสารในภาพจังหวัด สำนักงานสาธารณสุข อำเภอ มอบหมายเป็นแก่นนำใน การขยายผลเผยแพร่ แนวทางการรายงาน เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ผ่านระบบHPVC Online แก่อาสาสมัคร สาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน -เครือข่ายอาสาสมัคร สาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน ในการ ดำเนินงานสำรวจชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน สำรวจชุมชน ค้นหา เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ จากผลิตภัณฑ์สุขภาพ และรายงานผ่านระบบ HPVC Online พร้อม กับติดตามผู้ได้รับ ผลกระทบ -ผู้ที่สงสัยได้รับ ผลกระทบจากเหตุการณ์ ไม่พึงประสงค์จากการใช้ ผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ อย่างไรก็ดี เนื่องจากเป็นเครื่องมือการายงานใหม่ จึงทำให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อส ม.)ดำเนินการในการรายงานได้อย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป และยังพบข้อกังวลในการพิจารณารายงานเหตุการณ์ ไม่พึงประสงค์ในชุมชน ดังนั้น กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ร้อยเอ็ด จึงเห็นควรให้ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำเนินการ โครงการนี้ต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการขยายผลในหมู่อสม.และภาคประชาชน ให้เกิดการตะหนักและสามารถ
128 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด รายงานเป็น อันเป็นหนึ่ง ในมิติความรอบรู้ เพื่อสร้างความมั่นคงในการคุ้มครองผู้บริโภค ฐา นข้อมูล ระดับประเทศ และบูรณาเครือข่าย ภาคี ที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่สังคมการตื่นรู้ในการคุ้มครองผู้บริโภค ภาพการดำเนินงาน เอกสารการอบรมและ แบบประเมินความรู้
129 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
130 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ๓.การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Community Participant) การดำเนินงานโครงการจัดการความเสี่ยงด้านยาและผลิตภัณฑ์ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ กำหนดให้มีการบูรณาการกับภาคประชาชนและภาคีเครือข่าย ซึ่งในการดำเนินงานเป็นข้อจำกัดในบางพื้นที่ แต่เพื่อความยั่งยืน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจึงมีโครงการพัฒนาอย.น้อยและเครือข่ายบ้านวัดโรงเรียน ใน เขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดต่อเนื่องตลอด 3 ปี ประสบผลสำเร็จได้รับรางวัล การดำเนินงานบวร.ร. ดีเลิศ ระดับประเทศ ปี 2566 พร้อมกับภาคีเครือข่าย ผลการดำเนินงานเครือข่าย บ้าน วัด โรงเรียน โรงพยาบาล ( บวร.ร.) ประจำปี 2566 ซึ่งมีอำเภอเข้าร่วมครบทั้ง 20 อำเภอ ซึ่งทั้ง 20 อำเภอได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านตัวชี้วัดระดับจังหวัดจน ได้ผลงานเป็นที่ประจักษ์หลายอำเภอ เช่น อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ทุ่งเขาหลวง ปทุมรัตต์ เชียงขวัญ โพนทอง สุวรรณภูมิ พนมไพร ศรีสมเด็จ เสลภูมิ หนองพอก จังหาร เมยวดี เมืองสรวง เป็นต้น การดำเนินกิจกรรมก็ จะมีตั้งแต่ การจัดอบรม การเยี่ยมบ้าน ตรวจร้านร้านชำ การเสริมสร้างความรอบรู้การใช้ยาอย่างสมเหตุผล หรือการสร้างความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ เป็นต้น มี 2 อำเภอที่ลงผลการดำเนินงานในระบบ FDA CENTER ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้แก่ เครือข่าย บวร.ร. อำเภอเมืองร้อยเอ็ด และ เครือข่าย บวร.ร. อำเภอปทุมรัตต์
131 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Community Participant) มีอำเภอดำเนินการแล้ว 19 อำเภอ จาก 20 อำเภอ โดยแบ่งเป็น - สัมฤทธิ์ผล ผ่านเกณฑ์ ที่ตั้งไว้ (เป็นไปตามเป้าประสงค์) จำนวน 10 อำเภอ คิดเป็นร้อยละ 50 ได้แก่ ทุ่งเขาหลวง ปทุมรัตต์โพนทอง เสลภูมิโพนทอง โพธิ์ชัย จตุรพักตรพิมาน พนมไพร สุวรรณภูมิและศรีสมเด็จ - ยังต้องพัฒนาต่อไป (ดำเนินการต่อเนื่อง, ดำเนินการแล้วผลสัมฤทธิ์ ยังไม่ปรากฎ) จำนวน 9 อำเภอ คิดเป็นร้อยละ 45 ได้แก่ อำเภอ อาจสามารถ หนองฮี เมืองสรวง โพนทราย เชียงขวัญ ธวัชบุรี เมยวดี และหนอกพอก - กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินโครงการใกล้แล้วเสร็จ จำนวน 1 อำเภอ คิดเป็นร้อยละ 5 ได้แก่ อำเภอ เกษตรวิสัย
132 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ๔.การสร้างความรอบรู้ด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลของประชาชน (Rational Drug Use Literacy: RDU Literacy) มีการสำรวจความรอบรู้ภาคประชาชนด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยเป็นการบูรณาการร่วมกับ ภาคีเครือข่ายและงานการส่งเสริมการใช้ยาสมเหตุผลในชุมชนไม่ว่าจะเป็นการสำรวจร้านชำหรือการสำรวจ ครัวเรือน โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลผ่าน Google form จะมีการสรุปคืนข้อมูลเพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการ พัฒนาความรอบรู้ในแต่ละพื้นที่ต่อไป พร้อมกับมีการประกวดการดำเนินงานด้านการส่งเสริมความรอบรู้ ทั้งนี้ให้ปี 2566 ได้สำรวจความรอบรู้ผ่านโครงการของสำนักงานเขตสุขภาพที่ ๗ ซึ่งขอความร่วมมือ ทุกจังหวัดดำเนินการทำแบบสำรวจการสร้าง ความรอบรู้ในการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุ (RDU Literacy) โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่ม รายละเอียดดังนี้ ๑). บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ (รพ.สต.) อย่างน้อยจังหวัดละ 30 รพ.สต./ จังหวัด และรพ.สต.ละไม่น้อยกว่า 2 คน รวมไม่น้อยกว่า 60 คน/จังหวัด ๒). กลุ่มอสม.อย่างน้อยจังหวัดละ 30 รพ.สต./จังหวัด และรพ.สต.ละไม่น้อยกว่า 10 คน รวมไม่น้อย กว่า 300 คน/จังหวัด ทั้งนี้อยู่ระหว่างการติดตามผลการดำเนินงาน ๕.การส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในภาคเอกชน (Good Private Sector) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด สร้างนวัตกรรม ROIET RDU สำหรับการส่งเสริมการใช้ยาอย่าง สมเหตุผลในคลินิกเอกชนและร้านขายยา ประเมินร้านยาให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดทุกแห่งใน จังหวัดร้อยเอ็ด คลินิก : ส่งเสริมพัฒนาการใช้ฉลากยาสมเหตุผล/ประเมินตนเองจำนวน 6 แห่ง จาก 443 แห่ง และผ่านระดับ 2 จำนวน 5 แห่งจาก 6 แห่ง ร้านยา: ประเมินตนเองผ่าน GPP หมวด 5 มากกว่า 80% ร้อยละ 100
133 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ข้อมูลสถานการณ์ระดับจังหวัดเปรียบเทียบรายปี ผลการดำเนินงานตัวชี้วัด อำเภอมีการขับเคลื่อนอำเภอส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ภาพรวมของจังหวัด ร้อยเอ็ด ปี 2565 - 2566 เรื่อง/ตัวชี้วัด/ กิจกรรมดำเนินการ เกณฑ์ ผลการดำเนินงาน 2565 ๒๕66 (1 ตุลาคม 2565 ถึง กันยายน 2566) จำนวน อัตรา จำนวน อัตรา ร้อยละโรงพยาบาลผ่าน เกณฑ์โรงพยาบาล ส่งเสริมการใช้ยาสม เหตุผล 10-12 ตัวชี้วัด ร้อยละ 80 (> 11 แห่ง) 18 90.00 17 85.00 ร้อยละ รพ.สต.มีการใช้ ยาปฏิชีวนะใน RI และ AD ไม่เกินร้อยละ 20 ทั้งสองโรค ร้อยละ 80 (> 145 รพสต.) 226 97.00 175 77.78 อำเภอมีการขับเคลื่อน RDU community (มีร้านชำไม่มียา อันตราย/อำเภอ) ร้อยละ 50 6 30 16 50 จากตารางข้างต้น จังหวัดร้อยเอ็ดมีการขับเคลื่อน RDU Province โดยการกำกับการดำเนินงานเป็น 3 กลุ่มตัวชี้วัดสำคัญได้แก่ RDU Hospital, RDU PCU และ RDU community โดยแนวโน้มผลการดำเนินงาน พบว่า RDU hospital มีผลการดำเนินงานจากปีงบประมาณ 2566 ทำได้ดีมาก มีจำนวนโรงพยาบาลผ่าน
134 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ตัวชี้วัด 10-12 ตัวชี้วัด ร้อยละ 85.00 แต่ผลงานลดลงจากปีงบประมาณ 2565 เนื่องมาจากการควบคุมกำกับ ที่เข้มงวดน้อยลงและตัวชี้วัด RDU ไม่ถูกจัดเป็นประเด็นสำคัญในการตรวจราชการ ในส่วน RDU PCU มีการ ถ่ายโอนไปนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจึงยากต่อการกำกับติดตาม ส่งผลให้มีผลงานลดลง การขับเคลื่อน RDU community มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง มีการดำเนินกิจกรรมอย่างน้อย ร้อยละ 50 ขึ้นไป ผลงานของจังหวัดร้อยเอ็ดโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับน่าพึงพอใจ ทั้งนี้ยังต้องมีการพัฒนาผลงาน ในด้านคุณภาพ การขยายพื้นที่และความยั่งยืนของชุมชนทั้งนี้ RDU Community ทั้งนี้ ตัวชี้วัดทั้ง 3 ประเด็น ผ่านเป้าหมายที่กระทรวงและจังหวัดกำหนดทั้งหมด สรุปผลการดำเนินงาน RDU จ.ร้อยเอ็ด ปี 2566 แยกรายอำเภอ
135 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 1.4 แผนงานและกิจกรรมดำเนินงาน ปี 2567 ปีงบประมาณ 2567 จังหวัดร้อยเอ็ดมีแผนการดำเนินงานเพื่อพัฒนาการขับเคลื่อนจังหวัดสู่การใช้ยา อย่างสมเหตุผล โดยระดับจังหวัดได้รับงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ งบประมาณจากเงินรายได้ของส่วนราชการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด มีแผนดำเนินกิจกรรม ดังต่อไปนี้ 1. การประชุมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อขับเคลื่อนจังหวัดใช้ยาสมเหตุผล มี วัตถุประสงค์เพื่อทบทวนสถานการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และกำหนดข้อตกลง หาแนวทางใน การดำเนินงานร่วมกัน โดยแบ่งเป็น 4 กิจกรรมย่อย ได้แก่ 1) การจัดการปัญหาโฆษณา ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่เหมาะสม 2) กิจกรรมสร้างเครือข่ายชุมชนจัดการปัญหาด้านยาผ่าน โครงการ อย.น้อยและ บวรร. 3) กิจกรรมจัดการปัญหาการกระจายยาไม่เหมาะสมในร้านยา ร้านยาสัตว์ และการใช้ยาในการเกษตร 4) กิจกรรมการสร้างความร่วมมือเพื่อควบคุมกำกับ เชิงระบบกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ชุมชน เครือข่ายภาคประชาชน 2. การประเมินและรับรองร้านชำ และยกระดับให้เป็นร้านชำ RDU 3. การนิเทศเชิงลึกเพื่อติดตามการขับเคลื่อน RDU hospital, RDU PCU , RDU community 4. กำหนดตัวชี้วัดในการประเมินผลการปฏิบัติราชการระดับอำเภอ ประจำปี 5. พัฒนาระบบ Data center ให้เป็นช่องทางในการรายงานข้อมูล ตรวจสอบผลการปฏิบัติงาน ของทุกหน่วยบริการ 6. ตรวจ ประเมิน RDU ในคลินิก และร้านยา 7. ควบคุมกำกับโดยคณะกรรมการ PTC / พบส. 8. ตรวจสอบภายใน เพื่อควบคุมกำกับการดำเนินงานโดยธรรมาภิบาล 9. ส่งเสริมการดำเนินงาน อย.น้อย โดยการพัฒนาเครื่องมือประเมินความรอบรู้ และขยาย เครือข่ายโรงเรียน อย.น้อย เครือข่าย บวรร. พร้อมจัดประกวดโรงเรียน อย.น้อยและ ชุมชน บวรร. ดีเด่นระดับจังหวัด
136 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ป้องกันและควบคุมการดื้อยาต้านจุลชีพและการใช้ยาอย่างสมเหตุผล การดื้อยาต้านจุลชีพ (antimicrobial resistance: AMR) เป็นปัญหาระดับโลก จึงกำหนดเป็น ยุทธศาสตร์ที่ 3 ว่าด้วยการป้องกัน และควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาลและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยา ต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม เพื่อบรรลุผลลัพธ์ต่อการลดอัตราป่วยและ/หรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อดื้อยา ส่งผล ให้เกิดประโยชน์ต่อระบบสุขภาพ เป้าประสงค์ (Goals) ของแผนยุทธศาสตร์ฯ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน คำนิยาม อัตราป่วย / อัตราตาย จากเชื้อดื้อยาในกระแสเลือด หมายถึง ร้อยละของผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรีย 8 ชนิดในกระแสเลือด (bacteremia) และ ผู้ป่วยที่เสียชีวิตที่ติดเชื้อดื้อยา รายละเอียดการดื้อยา ดังนี้ 1. Acinetobacter baumannii ดื้อต่อยา Carbapenemหรือ Colistin 2. Pseudomonas aeruginosa ดื้อต่อยา Antipseudomonal penicillin (Piperacillin +Tazobactam) หรือCarbapenemหรือ Colistin 3. Klebsiella pneumonia ดื้อต่อยา Extended-Spectrum Cephalosporin (Ceftriaxone or Cefotaxime) หรือCarbapenem(CRE) หรือ Colistin 4. Staphylococcus aureus ที่ดื้อต่อยา Methicillin (MRSA) หรือ Vancomycin (VISA and VRSA) 5. Escherichia coli ดื้อต่อยา Colistinหรือ Carbapenem(CRE) หรือFluoroquinolone(Ciprofloxacin) หรือ Extended-Spectrum Cephalosporin (Ceftriaxone or Cefotaxime) 6. Salmonella spp. ดื้อต่อยา Colistinหรือ Fluoroquinolone (Ciprofloxacin) หรือExtendedSpectrumCephalosporin (Ceftriaxone or Cefotaxime) 7. Enterococcus faeciumดื้อต่อยา Vancomycin (VRE) 8. Streptococcus pneumonia ดื้อต่อยา Penicillin (Ampicillin) หรือ Macrolide (Erythromycin) หรือ Extended-Spectrum Cephalosporin (Ceftriaxone or Cefotaxime) 1.) เป้าหมาย และผลงาน (ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ในพื้นที่)
137 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เป้าหมาย มาตรการที่ ดำเนินงาน ในพื้นที่ แนวทางการตรวจ ติดตาม ผลลัพธ์ที่ ต้องการ ประเด็นการตรวจราชการที่มุ่งเน้น รอบ 2 (โดยใช้ข้อมูลจาก AMASS Dash board) ตัวชี้วัดหลัก 1.อัตราป่วย เปรียบเทียบ ปี 65 และ ปี 66 ไม่เพิ่มขึ้น และ/หรือ ลดลง ตัวชี้วัดเพิ่ม 2.อัตราตาย เปรียบเทียบ ปี 65 และ ปี 66 ไม่เพิ่มขึ้น และ/หรือ ลดลง กระบวนการ โครงการที่รายงาน ความคืบหน้า 1.มีการพัฒนา นวัตกรรม และ/ หรือ ระบบ Refer ประเด็นติดตามเพิ่ม 2.ติดตามการพัฒนา หลักสูตร IC 3.ติดตามการจัดหา MALDI-TOF (ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์) เพิ่มศักยภาพการ วิเคราะห์ข้อมูล 1.อัตราป่วยเชื้อดื้อยา 8 ชนิด เปรียบเทียบ ปี 2565 ปี 66 (ม.ค.– มิ.ย.66) 2.อัตราตายจากเชื้อดื้อยา เปรียบเทียบ ปี 2565 ปี 66 (ม.ค.– มิ.ย.66) 3.ปริมาณการใช้ยาลดลง เปรียบเทียบ ปี 2565 ปี 66 (ม.ค.– มิ.ย.66) 4. การประเมินระดับการจัดการเชื้อดื้อ ยา อัตราป่วยจากเชื้อ ดื้อยา และ อัตราตายจากเชื้อ ดื้อยา ใช้ข้อมูลปีปฏิทิน 66 (ม.ค.– มิ.ย. 66) เทียบกับปีปฏิทิน 65 (ม.ค.-ธ.ค.65) ไม่เพิ่มขึ้น และ/ หรือ ลดลง
138 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ตัวชี้วัด : ผลการประเมินการดำเนินงาน 5 กิจกรรม รายการ เกณฑ์ ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 รอบที่ 1 ปี 2566 รอบที่ 2 ผลการประเมินการ ดำเนินงาน 5 กิจกรรม ระดับ 3 (Intermediate) 331 348 348 343 358 อัตราการติดเชื้อดื้อยา 8 ชนิด ในกระแสเลือดต่อผู้ป่วยที่พบเชื้อแบคทีเรียดื้อยา รายการ เกณฑ์ ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 รอบที่ 1 ปี 2566 รอบที่ 2 ตัวชี้วัดหลัก ข้อมูลจากฐานข้อมูลรายงานเฉพาะกิจ กระทรวงสาธารณสุข (AMASS) อัตราการป่วยจาก เชื้อดื้อยา 8 ชนิดใน กระแสเลือด ดื้อยา ในกระแสเลือด ลดลง 10% (ในปี 2566- 2570) 47.28 47.76 50.34 43.50 (-13.59%) อัตราตายจากเชื้อ ดื้อยา 8 ชนิด ลดลง 10% (ในปี 2566- 2570) N/A 33.94 37.82 34.52 (-8.73%) รายการ เกณฑ์ ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 รอบที่ 1 ปี 2566 รอบที่ 2 ตัวชี้วัดรอง อัตราป่วยจากเชื้อ Klebsiella pneumonia (CRKP) ลดลง 10% (ในปี 2566- 2570) 47 (33/70) 66 (67/102) 69 (94/136) 70 (35/50) อัตราป่วยจากเชื้อ A.Baumannii ลดลง 10% (ในปี 2566- 2570) 83 (118/142) 88 (143/162) 88 (209/237) 87 (62/71)
139 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด รายการ เกณฑ์ ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 รอบที่ 1 ปี 2566 รอบที่ 2 อัตราป่วยจากเชื้อ 3rd generation cephalosporinresistance E.coli ลดลง 10% (ในปี 2566- 2570) 81 (35/43) 79 (56/71) 78 (56/72) 81 (17/21) อัตราป่วยจากเชื้อ Carbapenemsresistance E.coli ลดลง 10% (ในปี 2566- 2570) 33 (14/43) 35 (25/71) 46 (33/72) 24 (5/21) อัตราการติดเชื้อจาก เครื่องช่วยหายใจ (VAP) ลดลง 10% (ในปี 2566- 2570) 5.06 5.25 5.76 6.11 (6.07%) 5.71 (-0.86%) ปริมาณการใช้ยา ปฏิชีวนะชนิดฉีด ลดลง 5% (ในปี 2566- 2570) 106.11 94.33 114.24 106.76 DDD Carbapenem gr. ลดลง 5% (ในปี 2566- 2570) 12.05 11.50 14.20 13.81 DDD BLBI gr. ลดลง 5% (ในปี 2566- 2570) 7.85 7.30 9.54 12.25 2) สถานการณ์ จากการประเมินการดำเนินงานของจังหวัดร้อยเอ็ด พบว่ามีโรงพยาบาลที่ต้องดำเนินงานระบบการ จัดการ AMR อย่างบูรณาการ ระดับ A,S,M1 เพียง 1 โรงพยาบาล คือโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นโรงพยาบาล ระดับ A จากการประเมินตนเองพบว่าโรงพยาบาลร้อยเอ็ดสามารถดำเนินการระบบการจัดการ AMR อย่าง บูรณาการ 5 กิจกรรมสำคัญ ได้คะแนน ดังนี้ 1.กลไกการจัดการ AMR อย่างบูรณาการ ได้ 87 คะแนน 2.การเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาทางห้องปฏิบัติการ ได้ 75 คะแนน 3.การควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาในโรงพยาบาล ได้ 68 คะแนน
140 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 4.การเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล ได้ 78 คะแนน 5.การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา และระบบจัดการ AMR ของโรงพยาบาลและนำไปสู่มาตรการการ แก้ปัญหา AMR อย่างบูรณาการ ได้50 คะแนน รวมได้คะแนนทั้งหมด 358 คะแนน จัดอยู่ในระดับ 3 มีการดำเนินการปานกลาง (Intermediate) ดังนั้น จังหวัดร้อยเอ็ดจึงมีผลการดำเนินงาน 5 กิจกรรมสำคัญ ผ่านร้อยละ 100 (1 โรงพยาบาลจากโรงพยาบาล 1 โรงพยาบาล) โดยหัวข้อที่ได้คะแนนเพิ่มจากการประเมินครั้งที่ผ่านมาคือ - ด้านการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการ โดยจากโปรแกรม AMASS ทำให้โรงพยาบาลสามารถ เชื่อมโยงฐานข้อมูลจุลชีววิทยาคลินิก กับฐานข้อมูลโปรแกรมบริการของโรงพยาบาล (HOSxP) และนำข้อมูลมาวิเคราะห์อัตราป่วย/ตายจากเชื้อดื้อยาได้ตามข้อมูลตัวชี้วัดที่ได้รับการประเมิน - ด้านการกำกับดูแลการใช้ยาในโรงพยาบาล มีการปรับระบบการรายงานแบบแผนความไวต่อยา ต้านจุลชีพโดยรายงานแบบ cascade reporting แทนการรายงานการทดสอบยาต้านจุลชีพ ทั้งหมด - ด้านการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาและระบบจัดการ AMR ของโรงพยาบาล และนำไปสู่ มาตรการของโรงพยาบาลในการแก้ปัญหา AMR อย่างบูรณาการ ในปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่าน มาทางทีมมีการตอบสนองต่อการระบาดของเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล โดยสามารถหาปัจจัยเสี่ยง และมีมาตรการควบคุมการระบาดได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 จากเหตุการณ์การระบาดของเชื้อดื้อ ยาในโรงพยาบาลทั้งหมดในรอบปี ทั้งนี้ผลการดำเนินงานควบคุมอัตราการติดเชื้อดื้อยา 8 ชนิด ในกระแสเลือด ปี พ.ศ. 2566 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) โรงพยาบาลร้อยเอ็ดมีอัตราการติดเชื้อดื้อยาในกระแสเลือดร้อยละ 43.50 (281/646 ราย (HN ไม่ซ้ำ)) เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2565 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565) ซึ่งมีอัตราการติดเชื้อดื้อยาใน กระแสเลือดร้อยละ 50.34 (669/1,329 ราย (HN ไม่ซ้ำ)) พบว่ามีอัตราการติดเชื้อดื้อยาในกระแสเลือดลดลง ร้อยละ 13.59 สำหรับอัตราการตายเชื้อดื้อยา 8 ชนิดพบว่าลดลงเช่นเดียวกันกับอัตราการติดเชื้อ ซึ่งในปี พ.ศ. 2566 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) โรงพยาบาลร้อยเอ็ดมีอัตราการตายจากเชื้อดื้อยาในกระแสเลือด ร้อยละ 34.52 (97/281 ราย (HN ไม่ซ้ำ)) เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2565 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565) ซึ่งมี อัตราการตายจากเชื้อดื้อยาในกระแสเลือดร้อยละ 37.82 (253/669 ราย (HN ไม่ซ้ำ)) พบว่ามีอัตราการตาย จากเชื้อดื้อยาในกระแสเลือดลดลงร้อยละ 8.73 เมื่อพิจารณาการติดเชื้อดื้อยาในกระแสเลือดแบบแยกรายเชื้อ พบว่าอัตราการติดเชื้อดื้อยาในเชื้อ Carbapenems-resistance E.coli ลดลงร้อยละ 47.83 แต่ในเชื้อ 3rd generation cephalosporin-resistance E.coli กลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.85 สำหรับเชื้อ Klebsiella pneumonia (CRKP) และเชื้อ Acinetobacter Baumannii นั้นพบว่าอัตราการติดเชื้อไม่แตกต่างจาก ปีงบประมาณ 2565 สำหรับอัตราการติดเชื้อจากเครื่องช่วยหายใจ (VAP) พบว่าในปีงบประมาณ 2565 โรงพยาบาลร้อยเอ็ดมีอัตราการติดเชื้อจากเครื่องช่วยหายใจร้อยละ 5.76 ในปีงบประมาณ 2566 นั้น พบอัตรา
141 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การติดเชื้อจากเครื่องช่วยหายใจร้อยละ 5.71 (การติดเชื้อ 264 ครั้งจาก46,230 วันนอน ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2566) ลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565 คิดเป็นร้อยละ 0.86 สำหรับปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด (DDD-IPD) ในปีงบประมาณ 2566 พบว่ามีการใช้ยา ปฏิชีวนะ 106.76 (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565 ร้อยละ 6.55 (DDDIPD ณ ปี 2565 (ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) เท่ากับ 114.24) ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการดำเนินการ Drug use evaluation (DUE) ที่มีการกำกับติดตามอย่างใกล้ชิดและมีการปรับการสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะโดยเดิมกำหนดให้ แพทย์ต้องทบทวนรายการยาปฏิชีวนะทุก 7 วันเป็นทบทวนรายการยาปฏิชีวนะทุก 5 วัน และในปีงบประมาณ 2566 นอกจากกิจกรรมต่างๆ ตามแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คือ - กำหนดนโยบาย AMR ให้เป็นวาระของโรงพยาบาล พร้อมทั้งประชุมชี้แจง สื่อสารกับผู้รับผิดชอบ - สะท้อนภาพการปฏิบัติงาน และปัญหา อุปสรรคในที่ประชุมบริหาร (กกบ.) ทุกเดือน - กำหนดการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา (MDR Checklist) โดยเน้น Ventilator-associated Pneumonia (VAP) - มีการเผ้าระวัง วิเคราะห์ผลเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการ และมีระบบรายงาน MDR ผ่าน Line Alert - กำหนดแนวทางการรักษา และติดตาม ควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม (Antimicrobial Stewardship, DUE) - ให้สุขศึกษาแก่ญาติและผู้รับบริการ โดยจัดทำสื่อโปสเตอร์ คู่มือคำแนะนำเชื้อดื้อยาสำหรับผู้ป่วย และผู้ดูแล - มีการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วย ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อดื้อยา โดยกำหนดให้ใช้ 0.5% Sodium Hypochlorite ทำความสะอาด - มีการใช้ 2% Chlorhexidine in 70% Alcohol ทำความสะอาดผิวของผู้ป่วย ก่อนเจาะเลือดส่ง Hemoculture - มีการแยกอุปกรณ์ และผ้าเปื้อนของผู้ป่วยที่ติดเชื้อดื้อยา ออกจากอุปกรณ์ และผ้าทั่วไป ส่งงานจ่าย กลาง และซักฟอก - มีการกำหนดแนวทางการส่งต่อผู้ป่วยเชื้อดื้อยา และสื่อสารให้ผู้ปฏิบัติทราบ และจากผลการ ดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ปี 2566 ยังมีการเพิ่มนโยบาย ดังนี้ -เพิ่มการกำกับติดตามคุณภาพการส่ง Specimen โดยกำหนดให้หากพบเชื้อกลุ่ม Bacillus spp., Micrococcus spp., Staphylococcus coagulate negative จะนับเป็นมีการปนเปื้อนของ Specimen จากการเริ่มดำเนินการประชุมชี้แจง ในเดือน มีนาคม 2566 พบว่าในเดือน เมษายน 2566 มีร้อยละการ
142 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ปนเปื้อนของ Specimen ร้อยละ 7.66 ในเดือน พฤษภาคม 2566 พบการปนเปื้อนร้อยละ 7.02 ซึ่งมีแนวโน้ม ดีขึ้น แต่ในเดือนมิถุนายน 2566 กลับพบการปนเปื้อนสูงขึ้น คือ ร้อยละ 8.03 จึงมีการมอบให้หัวหน้าหอ ผู้ป่วยแต่ละหอผู้ป่วยกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด -จัดตั้ง CoPs ลด VAP & MDR ร่วมกับกลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โดยมีข้อตกลงร่วมกัน ในการ ผลักดันให้เกิดนโยบายการจัดหาอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย ได้แก่ Bacteria Filter กับเครื่องช่วย หายใจ (อยู่ระหว่างหารือในคณะกรรมการ) น้ำยาทำความสะอาดเครื่องมือ และสิ่งแวดล้อม การทำลายเชื้อ และทำให้ปราศจากเชื้อ Blade & Laryngoscope ร้อยละ 100 การส่งเครื่องช่วยหายใจที่ใช้กับผู้ป่วยเชื้อดื้อ ยากลับไปศูนย์เครื่องมือแพทย์ทำความสะอาดตามแนวทาง การขยายผลแนวปฏิบัติการทำความสะอาดช่อง ปากเพื่อลดการติดเชื้อ VAP ของหอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง ๒ รวมทั้งติดตามการส่งผ้าเช็ดตัว และผ้าเช็ดเตียง ผู้ป่วยเชื้อดื้อยาของหอผู้ป่วย ให้งานซักฟอกจัดการตามแนวทางผ้าติดเชื้อ กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ช่วยกระตุ้นให้ โรงพยาบาลผ่านการดำเนินงานระบบการจัดการ AMR อย่างบูรณาการ และช่วยควบคุมอัตราการติดเชื้อดื้อยา 8 ชนิด ในกระแสเลือดได้ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ยังต้องมีการกำกับติดตามนโยบายต่างๆ อย่างใกล้ชิด และสะท้อน ปัญหาอย่างรวดเร็วเมื่อพบการระบาดของเชื้อดื้อยาในกระแสเลือด 3) ปัญหา/จุดร่วมที่สะท้อนปัญหา หรือความเสี่ยงต่อความไม่สําเร็จของงาน ปัญหา/สาเหตุ แผน/กิจกรรมการแก้ไขปัญหา ความก้าวหน้า/ผลการดําเนินงาน Service Delivery -ขาดการควบคุมกำกับการปฏิบัติ ตามนโยบายที่วางไว้ -ในหอผู้ป่วยบางหอผู้ป่วยมีความ แออัด และมีภาระงานมาก ทำให้ ไม่สามารถหาปัจจัยเสี่ยงของการ เกิดเหตุการณ์ระบาด เพื่อนำมา วางแผน หรือวางมาตรการ ควบคุมการระบาดได้ Health Workforce ติดตาม และควบคุมกำกับการ ปฏิบัติตาม MDR Checklist 6 ข้อ อย่างเข้มข้น -เน้นนโยบาย hand hygiene 100% ในทุกกลุ่มบุคลากร และ ให้ความรู้แก่ญาติผู้ป่วย/ผู้ดูแล -พัฒนาคุณภาพการเก็บ specimen อยู่ในระหว่างดำเนินการ อยู่ในระหว่างดำเนินการ อยู่ในระหว่างการศึกษาต่อ
143 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ปัญหา/สาเหตุ แผน/กิจกรรมการแก้ไขปัญหา ความก้าวหน้า/ผลการดําเนินงาน -โรงพยาบาลร้อยเอ็ดยังไม่มี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโรค ติดเชื้อ โรงพยาบาลมีแผนการส่งแพทย์ ศึกษาต่อเฉพาะด้านโรคติดเชื้อ -คณะกรรมการ AMR ของ โรงพยาบาลยังไม่สามารถ ดำเนินงานวิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อมูล และคืนข้อมูลแก่ ผู้เกี่ยวข้องได้ทันเวลา Financing -ความเพียงพอของอุปกรณ์ เครื่องมือ และ PPE ส่งผลถึงการ เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการ ติดเชื้อในโรงพยาบาล Access to Essential Medicines -การสั่งใช้ยายังไม่ปฏิบัติตาม CPG และยังไม่มีการนำข้อมูลจาก Antibiogram มาประกอบการสั่ง ใช้ยา Health Information System ภาระงานการเขียนส่งต่อข้อมูล เชื้อดื้อยาเมื่อมีการส่งต่อผู้ป่วยทั้ง กรณี Refer in – Refer out Leadership / Government - วางแผนพัฒนาระบบสารสนเทศ ในการรวบรวมข้อมูลเพื่อเพิ่ม ความรวดเร็วในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล วางแผนการจัดการและใช้ อุปกรณ์ สำหรับแยกโรคเฉพาะ ราย และการใช้ PPE เมื่อเข้า สัมผัสผู้ป่วย และเน้นการทำความ สะอาด 100% จัดทำ CPG ตามผล Antibiogram เพื่อให้แพทย์ สามารถใช้งาน Antibiogram ได้ สะดวก และเหมาะสม จัดทำระบบส่งต่อข้อมูลทาง ห้องปฏิบัติการ เชื่อมโยงระหว่าง แต่ละโรงพยาบาล และส่งข้อมูล เข้าระบบ Refer อยู่ในระหว่างดำเนินการ อยู่ในระหว่างดำเนินการ อยู่ในระหว่างดำเนินการ อยู่ในระหว่างดำเนินการ
144 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 4) ข้อเสนอเชิงนโยบาย/ข้อเสนอเพื่อปรับปรุงพัฒนา - พัฒนา CPG ตามผล Antibiogram ของโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์สามารถใช้งานได้สะดวก และ เหมาะสม - พัฒนาศักยภาพด้านห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยา และระบบการรายงานแจ้งผลเชื้อดื้อยาให้มีความ รวดเร็ว และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งกระตุ้นและพัฒนาแนวทางการเปลี่ยนยาต้านจุลชีพให้สอดคล้องตาม ผลความไวของเชื้อต่อยา หลังรายงานผลทางห้องปฏิบัติการ - ขยายระบบการจัดการเชื้อดื้อยาในระดับเขตสุขภาพให้ครอบคลุมโรงพยาบาลทุกระดับ เนื่องจากมี การส่งต่อผู้ป่วยระหว่างกันในแต่ละโรงพยาบาล ทั้งที่เป็น Refer in และ Refer out ดังนั้นหากในทุก โรงพยาบาลไม่มีระบบบริหารจัดการที่ดีพอ จะเกิดการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในทุกระดับของโรงพยาบาลได้
145 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด มาตรฐานความปลอดภัยด้านยา ประจำปีงบประมาณ 2566 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด โดย ภญ.จิรานุชกิจจาวรอาภรณ์ เภสัชกรปฏิบัติการ การประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านยา การประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านยา เพื่อใช้ในการประเมินตนเองและใช้ประเมินโดยองค์กร ภายนอกด้านความปลอดภัยด้านยา และนำหลักเกณฑ์จากการประเมิน รวมทั้ง ผลการประเมินนำมาทบทวน การดำเนินการของโรงพยาบาลให้เกิดการพัฒนาองค์กรในการจัดการด้านความปลอดภัยด้านยา ทั้งนี้เพื่อสร้าง ความมั่นใจแก่ กระทรวงสาธารณสุข และผู้รับบริการ ว่าโรงพยาบาลสามารถดำเนินการจัดการด้านยาที่ ปลอดภัยเหมาะสมและได้ผลพร้อมทั้งการมียาที่มีคุณภาพสูงพร้อมใช้สำหรับผู้ป่วย การประเมินแบ่งเป็น 2 ตอน ประกอบด้วย ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของโรงพยาบาล และผู้ให้ข้อมูล ตอนที่ 2 แบบประเมินประเมินการดำเนินงานเพื่อมาตรฐานความปลอดภัยด้านยา 4 มิติและภายใต้ แต่ละมิติประกอบไปด้วยมาตรฐานด้านต่างๆ ดังนี้ สำหรับการประเมินของสสจ.จะประกอบด้วย 4 มิติดังนี้ 1. การบริหารจัดการระบบความปลอดภัยด้านยา 2. การกำกับดูแลการคัดเลือกยาเข้าโรงพยาบาล 3. การจัดซื้อยาและคลังเวชภัณฑ์ 4. เภสัชกรรมปฐมภูมิ
146 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด การประเมินแต่ละประเด็นของระบบมาตรฐานความปลอดภัยจะประกอบไปด้วยกลุ่มตัวชี้วัดที่จะ สะท้อนระดับของการปฏิบัติงานหรือศักยภาพของโรงพยาบาลในแต่ละตัวชี้วัด ดังนี้ A. สรุปผลคะแนนการประเมินตนเองรายหมวด 4 มิติของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 1. การบริหารจัดการระบบความปลอดภัยด้านยา ได้ 1 2. การกำกับดูแลการคัดเลือกยาเข้าโรงพยาบาล ได้ 2 3. การจัดซื้อยาและคลังเวชภัณฑ์ ได้ 4 4. เภสัชกรรมปฐมภูมิ ได้ 4 เฉลี่ย 2.75 คะแนน (เต็ม 5) รายละเอียดดังต่อไปนี้ 1.การบริหารจัดการระบบความปลอดภัยด้านยา ระดับจังหวัด -มีคณะกรรมการมาตรฐานความปลอดภัยด้านยาระดับจังหวัด 2. การกำกับดูแลการคัดเลือกยาเข้าโรงพยาบาล -มีคณะกรรมการเพื่อจัดทำกรอบบัญชียาร่วมระดับจังหวัด -มีการประชุมคณะกรรมการจัดทำกรอบบัญชียาร่วมระดับจังหวัด อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 3. การจัดซื้อยาและคลังเวชภัณฑ์ -มีคณะกรรมการบริหารเวชภัณฑ์หรือคณะกรรมการที่มีชื่ออื่น ในระดับจังหวัด -มีการกำหนดนโยบาย / แผนงาน ในการบริหารเวชภัณฑ์ระดับจังหวัด -มีการประชุมคณะกรรมการบริหารเวชภัณฑ์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง -มีการประเมิน กำกับ ติดตามหน่วยบริการระดับอำเภอทุกแห่ง ผ่านการนิเทศงาน ตรวจสอบภายใน ตรวจราชการ หรือวิธีอื่น อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี 4. เภสัชกรรมปฐมภูมิ -มีคณะกรรมการขับเคลื่อนงานเภสัชกรรมปฐมภูมิระดับจังหวัด -มีการจัดทำแผน โครงการเพื่อขับเคลื่อนงานเภสัชกรรมปฐมภูมิของจังหวัด -มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนงานเภสัชกรรมปฐมภูมิระดับจังหวัด อย่างน้อย ปีละ 2 ครั้ง
147 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด -มีการกำกับ นิเทศ ติดตามการดำเนินงานเภสัชกรรมปฐมภูมิในระดับอำเภอ ผ่านการนิเทศ ตรวจ ราชการ หรือ วิธีการอื่น อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี การดำเนินงานหัวข้อเภสัชกรรมปฐมภูมิ -Telemed / Telepharmacy : มีการดำเนินการผ่านหมอพร้อม / line-tele(ของอ.สุนีย์) -การเยี่ยมบ้าน : มีระบบฐานข้อมูล โดยใช้Nemocare โดยที่บางแห่งมีการใช้แบบสำรวจ INHOMESS ร่วมด้วย ปัญหา อุปสรรค/GAP ที่พบ 1.ขาดการประสานงานระหว่างองค์กร 2.ขาดความต่อเนื่องของการดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านยา 3.ขาดความตะหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านยา 4.ขาดแคลนกำลังคนทำให้มีภาระงานเยอะ ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าประสงค์ 5.ขาดการบันทึกข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านยา แผนการพัฒนาในประเด็นที่ยังไม่ผ่าน ระดับ 3 1.จัดประชุมคณะกรรมการความปลอดภัยด้านยา เพื่อหารือปัญหาในหัวข้อที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ พิจารณา โดยเฉพาะหัวข้อที่ได้คะแนนต่ำกว่าระดับ 3 (กค.-สค. 2566) 2.วางแผนดำเนินการ กำหนดนโยบายเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้(กย. - ธค.66) 3.ดำเนินการตามแผนที่กำหนด (2567)
148 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด B. สรุปผลคะแนนการประเมินตนเอง ระดับโรงพยาบาล ตามที่กระทรวง สาธารณสุขกำหนดให้ทุกหน่วยงานประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านยาอย่างต่อเนื่องมา เพื่อให้ทุก หน่วยงานได้พัฒนาและจัดระบบบริการด้านเภสัชกรรมของโรงพยาบาลและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ให้ เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านยาของกระทรวงสาธารณสุข ปี2566 คณะกรรมการ CPO เขต สุขภาพที่ 7 จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการมาตรฐานความปลอดภัยด้านยา เขตสุขภาพที่ 7 เพื่อขับเคลื่อนและ พัฒนาหน่วยบริการให้ได้มาตรฐานฯตามเกณฑ์และเป็นผู้คัดเลือกหน่วยบริการเพื่อเป็นต้นแบบในการ ดำเนินงานมาตรฐานความปลอดภัยด้านยาระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (ระดับ A-M1) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งจะได้มีการประชุมคัดเลือกหน่วยงานที่เป็นผู้แทนเขตสุขภาพที่ 7 ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 เวลา 9.00-16.30 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานเขตสุขภาพที่ 7 สำนักงาน
149 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดจึงได้ชี้แจงคะแนนการประเมินตนเองของแต่ละโรงพยาบาล พร้อมทั้งแจ้งให้ โรงพยาบาลที่มีคะแนนสูงเตรียมข้อมูลและนำเสนอผลการประเมินตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัย ด้านยา ปี2566 ตามวันเวลาที่แจ้งข้างต้น เพื่อคัดเลือกและส่งไปคัดเลือกหน่วยบริการเพื่อเป็นต้นแบบในการ ดำเนินงานมาตรฐานความปลอดภัยด้านยาระดับโรงพยาบาลต่อไปซึ่งไม่นับรวมโรงพยาบาลศูนย์ ผลการคัดเลือกหน่วยบริการเพื่อเป็นต้นแบบในการดำเนินงานมาตรฐานความปลอดภัยด้านยาระดับ โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดร้อยเอ็ดได้แก่อันดับที่ 1 รพ.ทุ่งเขาหลวง อันดับที่ 2 รพ.จังหาร และอันดับที่ 3 รพ.จตุรพักตรพิมาน ผลการคัดเลือกหน่วยบริการเพื่อเป็นต้นแบบในการดำเนินงานมาตรฐานความปลอดภัยด้านยาระดับเขต สำหรับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำหรับเขต 7 อันดับที่ 1 สสจ.สารคาม และอันดับที่ 2 สสจ.ร้อยเอ็ด การรายงาน Adverse Events สรุปการรายงานการติดตามเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ดึงข้อมูลจาก ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Health Product Vigilance Center) ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 15 กันยายน 2566 จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวนการรายงาน(ที่สมบูรณ์) ทั้งหมด 746 รายงาน รายละเอียดดังนี้ ปี2564 มีการรายงาน 276 รายงาน ปี2565 มีการรายงาน 1093 รายงาน ปี2566 มีการรายงาน 746 รายงาน ซึ่งลดลงจากปี2565 ร้อยละ 31.74
150 ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด 1.แหล่งรายงาน ร้อยละ 64.49 เป็นการรายงานจากโรงพยาบาลศูนย์ 2.จำแนกการรายงานตามกลุ่มยาหลัก 10 อันดับแรก