อวยั วะออกเสยี ง
(The Organs of Speech)
อวัยวะออกเสียง (The Organs of Speech)
เร่ิมจากหวั ขอ้ แรกและท่ีเป็นหัวใจหลักของสายโฟเนตคิ เลยคอื Speech organs หรอื 'อวยั วะที่ใช้
ในการออกเสยี ง'
เสยี งจากเพดานแข็ง
หลงั ปมุ่ เหงอื ก
เสียงจากเพดานออ่ น
ปุ่มเหงือก
ริมฝปี าก เสยี งจากเส้นเสียง
รมิ ฝีปากล่างและบน
ฟัน
พอเราศึกษาเรอ่ื งเสยี ง สง่ิ แรกท่ีเราต้องทำความเข้าใจไว้เลยคือแหลง่ ท่ีมาหรอื แหล่งกำเนดิ ของเสียง
พูดง่าย ๆ คอื เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่า 'เสยี งน้ี (หรอื เสียงนัน้ ) มันเกดิ ข้ึนมาได้ยงั ไง'
เปน็ เหตุผลทเ่ี ราตอ้ งทำความรูจ้ ักอวยั วะตา่ ง ๆ ในปากกอ่ น เพ่ือทเ่ี ราจะได้เลียนแบบเสยี งใน
ภาษาองั กฤษให้เหมือนท่ีสุด
จำไวใ้ ห้ขนึ้ ใจเลยว่า 'ต่อใหเ้ ราพยายามออกเสยี งแทบตายแคไ่ หน แตใ่ ช้อวัยวะออกเสียงผดิ มนั ก็
ยากท่จี ะเหมอื น แถมอาจจะเหนอื่ ยกวา่ อกี ดว้ ย'
พอลองเปลยี่ นมาใช้ speech organ ใหถ้ กู ตอ้ งตามเจ้าของภาษา พบวา่ การออกเสียงงา่ ยข้นึ หลาย
เทา่ !
เข้าเรื่องดกี วา่ Speech organs มดี ังน้ี
1) Lips (รมิ ฝปี ากทัง้ สอง) แบง่ ออกเปน็ ริมฝปี ากบน (upper lip) และรมิ ฝีปากล่าง (lower lip)
ริมฝปี ากมีหน้าท่ีในการปดิ ช่องปาก (oral cavity) ในขณะท่กี ำลงั ทำเสยี งพยัญชนะอยู่ รมิ ฝปี าก
ทง้ั สองคู่น้ีอาจอยใู่ นลักษณะ “ริมฝปี ากห่อกลม” ขณะกำลงั ออกเสยี งพยญั ชนะบางตวั คำท่ีอยู่ในรปู
คณุ ศัพท์ คอื labial (ในภาษาละตนิ labia แปลว่า ริมฝปี าก) เมื่อใดกต็ ามทม่ี ีการใช้รมิ ฝปี ากท้งั คู่
เปน็ ฐานกรณ์ เราจะเรยี กเสยี งน้นั วา่ bilabial sound
2) Teeth (ฟัน) แบง่ ออกเป็น ฟนั บน (upper teeth) และฟันล่าง (lower teeth) ฟันกเ็ ป็น
อวัยวะอีกชิ้นหน่ึงทีม่ บี ทบาทในการทำใหเ้ กดิ เสียงพูด เสียงทเ่ี กิดทีฐ่ านฟนั เรียกว่า dental
sounds (ในภาษาละตนิ dentes แปลว่า ฟัน) สว่ นมากในการทำใหเ้ กิดเสยี งในภาษานน้ั ฟันบน
จะมบี ทบาทมากกว่าฟนั ล่าง
3) Tongue (ล้ิน) อนั น้จี ะคอ่ นข้างเยอะหน่อย เพราะถือเปน็ อวัยวะทส่ี ำคัญทสี่ ุดในการออกเสียงเลย
แบ่งจากหน้าไปหลงั ดังนี้
- ปลายลิ้น (tip of the tongue)
- บริเวณท่ถี ดั มาจากปลายล้ิน หรือบางทเี่ ราเรยี กว่า ลนิ้ ส่วนปลาย (blade of the tongue) *
จัดเป็นตำแหน่งทใี่ ชอ้ อกเสียงมากท่ีสุด
- ล้นิ สว่ นหน้าหรอื ล้นิ สว่ นตน้ (front of the tongue)
- ลน้ิ สว่ นกลาง (center of the tongue)
- ล้ินส่วนหลงั (back of the tongue)
- โคนลน้ิ (root of the tongue)
ล้นิ ส่วนหนา้ หรอื ลน้ิ ส่วนต้น ลิน้ ส่วนหลัง
ล้ินส่วนปลาย โคนลิ้น
ปลายลิน้
4) Alveolar ridge (ปุ่มเหงอื ก) อยบู่ ริเวณหลงั ฟนั บนไปหนอ่ ย ลองเอาลิ้นแตะ ๆ ดจู ะสมั ผสั ได้
5) Palate (เพดานปาก) แบ่งออกเปน็ เพดานแขง็ (hard palate) และ เพดานอ่อน (soft
palate) คำนี้มาจากภาษาละตินว่า palatum โดยทวั่ ไปถ้ากล่าวถึง palate เฉยๆ มกั จะเป็นท่เี ข้าใจ
กนั โดยทวั่ ๆ ไปว่าหมายถงึ เพดานแขง็ หรอื hard palate แตถ่ า้ จะหมายถงึ เพดานออ่ น (velum)
จะตอ้ งกล่าวเตม็ รปู ว่า soft palate เสมอ บรเิ วณทีเ่ รียกว่า เพดานแขง็ เร่ิมตน้ จากส่วนปลายสุดของ
ปุ่มเหงอื กมายงั สว่ นตน้ ของเพดานออ่ น รปู คำท่เี ปน็ คำคณุ ศพั ท์ของคำๆ น้ี คือ palatal
6) เพดานออ่ น (soft palate มาจากภาษาละตินว่า velum) เพดานอ่อนคอื สว่ นของเพดานปากท่ี
อยตู่ ่อจากเพดานแขง็ หนา้ ที่ของเพดานอ่อนในเร่ืองภาษาหรือการพูดมี 2 อยา่ ง คือเพดานอ่อนอาจ
ทำหนา้ ทเ่ี ปน็ passive articulator ใหล้ ิน้ สว่ นหลงั เลอ่ื นเข้ามาใกลห้ รือเล่ือนมาชดิ เพือ่ ใหเ้ กดิ
เสียงในกรณีนเ้ี ราเรียก เสยี งทเ่ี กดิ ขนึ้ วา่ velar sound เสยี งทเี่ กิดจากการเคล่อื นตวั ของล้ินส่วนหลงั
สเู่ พดานออ่ นเรยี กวา่ Velar Sounds ส่วนปลายสดุ ของเพดานออ่ นทเ่ี ปน็ ต่ิงหอ้ ยลงมาคือลน้ิ ไก่
(uvular) และเสียงท่ีลิ้นไกท่ ำหน้าทเ่ี ป็นสว่ นฐานกรณ์ จะมีช่ือว่า uvular sound
7) Uvular (ลน้ิ ไก่)
8) ช่องปาก (oral cavity) ชอ่ งปากนเ้ี ปน็ อวยั วะอกี ส่วนหน่ึงทมี่ คี วามสำคญั ในการพูด กลา่ วคอื
ช่องปาก จะทำหน้าที่เป็น resonance chamber ซ่ึงมีบทบาทมากในการสน่ั สะท้อนเสียงทเ่ี ดนิ
ทางผ่านมาถงึ บรเิ วณนี้ ทัง้ นีเ้ พราะช่องปากสามารถจะเปลย่ี นแปลงเปน็ resonance chamber
รปู รา่ งตา่ งๆ กัน เนื่องจากรูปร่างของมันแปรผนั ไปตามการจัดทา่ ของล้ิน ริมฝีปาก และขากรรไกร
9) โพรงจมกู (nasal cavity) คุณสมบตั ิหรอื ลักษณะของเสยี งพูดท่เี กดิ ขึน้ จะแปรผันไปตามการปดิ
เปดิ ของช่องทางออกของอากาศท่ีจะออกสู่โพรงจมกู ซง่ึ เปน็ ผลมาจากการยกขึน้ หรอื เล่อื นลงของ
เพดานอ่อน
10) ชอ่ งคอ (pharynx) ชอ่ งคอคือช่องทางเดินของอากาศ ท่อี ยดู่ า้ นหลังของโคนลน้ิ ทำหน้าทเ่ี ปน็
resonance chamber
11) หลอดลม (trachea) เป็นชอ่ งทางเดนิ ของอากาศท่ีเชอ่ื มโยงระหวา่ งกลอ่ งเสียงไปยังปอด โดย
การเช่ือมโยงของท่อลมเล็กๆ ในปอด (bronchi) ขณะท่ีมีการกินอาหารหรอื การกลืนอาหาร ชอ่ ง
ทางเขา้ หลอดลมจะถูกปิดโดย epiglottisหรือบางทา่ นเรียกลน้ิ กลอ่ งเสียง ซงึ่ จะช่วยป้องกันไม่ให้
เกดิ อาการสำลัก อนั เนอื่ งมาจากอาหารตกลงไปในหลอดลม
12) กล่องเสียง (larynx) กลอ่ งเสยี งเป็นอวัยวะที่อย่ตู อนบนสดุ ของหลอดลมมีความซบั ซอ้ นภายใน
ตวั กล่องเสียงประกอบด้วยกระดกู อ่อนหลายชิ้นจัดตวั เรียงกันอย่ใู นลกั ษณะช่วงบนกวา้ ง ชว่ งล่างแคบ
ยดึ ติดกนั โดยเอ็น พังผดื กล้ามเน้ือและขอ้ ตอ่ กระดูกชิ้นสำคัญๆ ที่ประกอบกันเปน็ กลอ่ งเสียงมี 4
ชน้ิ คอื
– Hyoid bone เป็นขอบเขตบนสดุ ของกล่องเสยี ง และเป็นทเ่ี กาะของกล้ามเนื้อลิน้
– Thyroid cartilage อยูท่ างด้านหนา้ สว่ นหนง่ึ คือบริเวณท่เี รยี กว่า ลูกกระเดอื ก
(Adam’s apple)
– Cricoid cartilage เป็นกระดูกออ่ นท่ีเล็ก แตห่ นาและแข็งแรงมาก อย่ใู นระดบั ตำ่
ทส่ี ุดในกล่องเสียง ทำหน้าท่ีเป็นฐานของกล่องเสยี ง
– Arytenoid cartilage เปน็ กระดกู ออ่ นชิน้ เล็กๆ 2 ชิน้ รปู ร่างคลา้ ยปริ ามิด อยตู่ ดิ กบั
ผวิ ดา้ นหลงั ตอนบนของ cricoid cartilage
13) เส้นเสยี ง (Vocal cords, Vocal folds, vocal bands, vocal lips, true vocal folds)
เส้นเสยี งมีชื่อทางกายวิภาควา่ plicae มีบทบาทมากในการทำใหเ้ กิดเสยี งพูดในภาษา มลี ักษณะที่
เป็นกลา้ มเนื้อค่พู เิ ศษ ซึ่งประกอบดว้ ยแผน่ เนอื้ เย่อื (tissue) และเอ็น (ligament) วางพาดอย่ใู น
แนวนอน แถบช่วงกลางของกลอ่ งเสยี ง ซ่งึ ไม่มบี ทบาทในการเปลง่ เสยี งพูดตามปรกติ แตส่ ามารถ
เปิดปิดได้ เพื่อกนั ไมใ่ หอ้ ากาศออกจากหลอดลม
14) ปอด (Lungs) เปน็ อวัยวะทส่ี ำคัญอกี ช้ินหน่งึ ในการผลิตเสียงพูด เป็นต้นกำเนิดใหญข่ อง
พลังงานทีท่ ำให้เกดิ เสียง
ที่ตอ้ งทำความร้จู กั speech organs กอ่ น เพราะวนั นเี้ ราจะเรยี นเรอ่ื ง 'Place of articulation' หรอื
'ตำแหน่งของการเกิดเสยี ง'
ทำความรู้จักกับชื่อมนั สกั เลก็ นอ้ ย Articulation มาจาก articulate (v.) แปลว่า 'ออกเสียง' (to
pronounce) หรอื 'แสดงออกมาเป็นคำพดู ' (to express in words) และ articulate ยังเป็น
adjective ไดด้ ว้ ย แปลว่า ชัดเจน, ชดั ถ้อยชัดคำ (showing the ability to speak fluently)
กลบั มาที่เรอ่ื งของเรา 'ตำแหน่งของการเกิดเสยี ง' มดี ังน้ี (สังเกตด้วยว่าชื่อของมนั จะมคี ำศัพท์จาก
เรอ่ื ง speech organ ข้างบนมาด้วย นน่ั แหละเปน็ ตัวชว่ ยสำคญั ที่ทำให้เรารวู้ า่ เราจะใช้อวยั วะออก
เสียงตวั ไหน)
อันนีเ้ ปน็ ภาพ Speech organ คู่กบั Place of articulation
การทำใหเ้ กิดเสยี งพดู (Speech Production)
ถ้าจะพิจารณาในแงก่ ารเกิดเสยี งพูด ก็คอื ลมหายใจ ท่ถี ูกดัดแปลงไปโดยมกี ระแสอากาศ
ซง่ึ ถูกขับเคลือ่ นโดยการทำงานของอวยั วะออกเสียง ซ่ึงทำหนา้ ทีเ่ ปน็ แหล่งกำเนิดพลงั งานตา่ ง ๆ เปน็
องคป์ ระกอบทีส่ ำคัญท่ีทำให้เกดิ เป็นเสยี งข้ึนมา ข้นั ตอนทท่ี ำใหเ้ กดิ เสียงพูดมี ๓ ขั้นตอน ดงั น้ี
๑. การขบั เคล่ือนกระแสอากาศ(Air-stream Mechanism)
๒. การทำให้เปน็ เสยี งแบบตา่ ง ๆ (Phonation)
๓. การแปรเสียงหรอื การกล่อมเกลาเสียง (Articulation)
แบบฝกึ หดั
1. Uvular sound เกิดจากอวัยวะส่วนใด
a. เพดานแข็ง
b. ลิ้นไก่
c. เพดานอ่อน
d. ป่มุ เหงอื ก
2. Velar sound เกิดจากอวยั วะสว่ นใด
a. เพดานออ่ น
b. ปมุ่ เหงือก
c. เพดานแข็ง
d. ล้นิ ไก่
3. Labial หมายถงึ อวยั วะใด
a. ปุ่มเหงือก
b. ริมฝีปาก
c. เพดานแข็ง
d. เพดานออ่ น
4. The small, dangly thing at the back of soft palate
a. Trachea or wind pipe
b. Alveolar ridge
c. Tongue
d. Uvula
5. Passage leading to the pharynx, tube through which air passes to and from the
lungs
a. Alveolar ridge
b. Tongue
c. Uvula
d. Trachea or wind pipe
6. Hard palate
a. The roof of the mouth
b. This articulator can be moved into different places and different shapes
c. The tongue can touch this to make sounds like /t/ and /d/
d. Two thick flaps of muscle rather like a pair of lips
7. Vocal cords
a. The voice box
b. The tongue can touch this to make sounds like /t/ and /d/
c. The roof of the mouth
d. Two thick flaps of muscle rather like a pair of lips
8. Larynx
a. The roof of the mouth
b. The tongue can touch this to make sounds like /t/ and /d/
c. The voice box
d. Two thick flaps of muscle rather like a pair of lips
9. Alveolar ridge
a. This articulator can be moved into different places and different shapes
b. The tongue can touch this to make sounds like /t/ and /d/
c. Two thick flaps of muscle rather like a pair of lips
d. The roof of the mouth
10. Tongue
a. This articulator can be moved into different places and different shapes
b. The tongue can touch this to make sounds like /t/ and /d/
c. Two thick flaps of muscle rather like a pair of lips
d. The roof of the mouth
เฉลย
1. b. ลิ้นไก่
2. a. เพดานอ่อน
3. b. รมิ ฝีปาก
4. d. Uvula
5. d. Trachea or wind pipe
6. a. The roof of the mouth
7. d. Two thick flaps of muscle rather like a pair of lips
8. c. The voice box
9. b. The tongue can touch this to make sounds like /t/ and /d/
10. a. This articulator can be moved into different places and different shapes