ชุดที่ 20 ประเพณี ยี่เป็ง ประเพณี ภาคเหนือ
นิตยสารการท่องเที่ยว และ วัฒนธรรม
คำนำ
บ ท ค ว า ม ข่ า ว ส า ธ ย า ย ถึ ง ข่ า ว ปั จ จุ บั น ห รือ ข่ า ว ล่ า สุ ด ที่
มีความน่าสนใจทั่วไป (เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน)
หรือหัวข้อเฉพาะ (เช่น นิตยสารข่าวการเมืองหรือ
ข่าวการค้า จดหมายข่าวของสโมสร หรือเว็บไซต์ข่าว
เทคโนโลยี)
บ ท ค ว า ม ข่ า ว อ า จ ร ว ม ถึ ง เ รื่ อ ง ร า ว ข อ ง พ ย า น ผู้ เ ห็ น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถมีภาพถ่าย เรื่องราว
สถิติ กราฟ บันทึกความทรงจำ บทสัมภาษณ์ การ
สำรวจความคิดเห็น การถกเถียงในหัวข้อ เป็นต้น
หัวข้อข่าวสามารถใช้เพื่ อมุ่งเน้นความสนใจของผู้
อ่านในส่วนใดส่วนหนึ่ ง (หรือส่วนหลัก) ของ
บทความ ผู้เขียนยังสามารถให้ข้อเท็จจริงและข้อมูล
รายละเอียดไว้ข้างหลังคำตอบของคำถามทั่วไป เช่น
ใคร อะไร เมื่ อไร ที่ไหน ทำไม และอย่างไร การ
อ้ า ง อิ ง ที่ ย ก ม า อ า จ มี ป ร ะ โ ย ช น์ เ ช่ น กั น
ก า ร อ้ า ง อิ ง ถึ ง ผู้ ค น ส า ม า ร ถ ทำ ไ ด้ ผ่ า น เ รื่ อ ง ร า ว ที่ เ ป็ น
ล า ย ลั ก ษ ณ์ อั ก ษ ร จ า ก ก า ร สั ม ภ า ษ ณ์ แ ล ะ ก า ร ถ ก เ ถี ย ง
ซึ่ ง จ ะ ช่ ว ย ยื น ยั น ค ว า ม เ ป็ น จ ริง ข อ ง ข้ อ มู ล ข อ ง ผู้ เ ขี ย น
และความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลของเขา ผู้เขียน
สามารถใช้การเปลี่ยนเส้นทางเพื่ อให้ผู้อ่านอ่าน
บทความต่อไปและเพื่ อดึงความสนใจของผู้อ่านไปที่
บทความอื่ น ๆ ตัวอย่างเช่น วลีอย่าง "อ่านต่อใน
หน้า 3" จะทำให้ผู้อ่านเปิดหน้าที่มีส่วนที่บทความ
ส่ ว น ที่ เ ห ลื อ
ป ร ะ เ พ ณี เ ดื อ น ยี่ เ ป็ ง เ ชี ย ง ใ ห ม่
ประเพณีเดือนยี่ คือ ประเพณีลอยกระทง
แบบล้านนาโดยคำว่า ยี่ แปลว่า สอง
ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ คืนพระจันทร์เต็มดวง
ซึ่ ง ห ม า ย ถึ ง ป ร ะ เ พ ณี ใ น วั น เ พ็ ญ เ ดื อ น ส อ ง ข อ ง ช า ว
ล้านนา ซึ่งตรงกับเดือนสิบเอ็ดของไทย งาน
ประเพณีจะมีสามวัน วันขึ้นสิบสามค่ำ หรือ วันดา
เ ป็ น วั น ซื้ อ ข อ ง เ ต รีย ม ไ ป ทำ บุ ญ ที่ วั ด
วันงานครั้งถัดไป ศุกร์ 19 พ.ย. 2564 – เสาร์ 20
พ.ย. 2564
น ช ่ ว ง วั น ยี่ เ ป็ ง จ ะ มี ก า ร ป ร ะ ดั บ ต ก แ ต่ ง ง า น ป ร ะ เ พ ณี จ ะ มี ส า ม วั น
วัด บ้านเรือน ทำประตูป่า ด้วยต้นกล้วย วันขึ้นสิบสามค่ำ หรือ วันดา เป็น
ต้นอ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุง ช่อ วั น ซื้ อ ข อ ง เ ต รีย ม ไ ป ทำ บุ ญ ที่ วั ด
ประทีป และชักโคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ ขึ้น วันขึ้นสิบสี่ค่ำ จะไปทำบุญกันที่วัด
เป็นพุ ทธบูชา และมีการจุดถ้วย พ ร้อ ม ทำ ก ร ะ ท ง ใ ห ญ่ ไ ว้ ที่ วั ด แ ล ะ
ประทีป(การจุดผางปะตี๊บ) เพื่ อบูชาพระ นำของกินมาใส่กระทงเพื่ อทำทาน
รัตนตรัย และมีการจุดว่าวไฟปล่อยขึ้นสู่ ใ ห้ แ ก่ ค น ย า ก จ น
ท้องฟ้าเพื่ อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบน วันขึ้นสิบห้าค่ำ จะนำกระทงใหญ่
ส ร ว ง ส ว ร ร ค์ ชั้ น ด า ว ดึ ง ส์ ที่ วั ด แ ล ะ ก ร ะ ท ง เ ล็ ก ส่ ว น ตั ว ไ ป
การตั้งธรรมหลวง หรือเทศน์มหาชาติ ลอยในลำน้ำ
ในอดีตเป็นหัวใจหลักของงานยี่เป็ง โดย
แบ่งการเทศน์เป็น วันแรกเทศน์ ประเพณี ยี่เป็ง
ธรรมวัตร วันที่สองเทศน์คาถาพัน ก่อน
ที่จะเทศน์มหาชาติก็จะเทศน์เรื่องอื่ นไป
เรื่อย ๆ พอถึงวันสุดท้ายก็จะเทศน์ด้วย
คัมภีร์ชื่อ มาลัยต้น มาลัยปลาย และ
อานิสงส์มหาชาติ รุ่งขึ้นเวลาเช้ามืดก็จะ
เ ริ่ม เ ท ศ น์ ม ห า ช า ติ ตั้ ง แ ต่ กั ณ ฑ์ ท ศ พ ร
เรื่อยไป จนครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ซึ่งมักจะ
ไปเสร็ฐเอาในเวลาทุ่มเศษ แล้วจะมีการ
เทศนธรรมพุ ทธาภิเษกปฐมสมโพธิ สวด
มนต์เจ็ดตำนานย่อ ธัมมจักกัปปวัตน
สูตร และสวดพุ ทธาภิเษก ปัจจุบันนิยม
เ ท ศ น์ จ บ ภ า ย ใ น วั น เ ดี ย ว
ก่อนการจัดพิธีตั้งธรรมหลวง พระเณร
แ ล ะ ช า ว บ้ า น ต้ อ ง ช่ ว ย กั น เ ต รีย ม ง า น
เป็นการใหญ่ ล่วงหน้าอย่างน้อยเป็น
เดือน เพราะต้องเตรียมการในหลายส่วน
ก า ร เ ดิ น ท า ง
ทำ ใ ห้ คุ ณ ถ่ อ ม ตั ว ล ง
คุ ณ ไ ด้ เ ห็ น
สถานที่เล็ก ๆ
ที่ คุ ณ อ า ศั ย
อ ยู่ ใ น โ ล ก
กุสตาฟ ฟลอเบิร์ต
การตกธรรม
การ “ตกธรรม” คือการไปนิมนต์
พระเสียงดีมาเทศน์ การตกแต่งสถาน
ที่ การทำรั้วราชวัตร ประตูป่า ประดับ
โครงซุ้มด้วยทางมะพร้าว ประดับด้วย
ฉัตร ธง ช่อช้าง ต้นกล้วย ต้นอ้อย
ต้นข่า ต้นกุก มาปักไว้ให้ดูเหมือนกับ
ประตูเข้าป่า การที่จัดทำประตูป่านี้
ค า ด ว่ า ค ง จำ ล อ ง ม า จ า ก เ รื่ อ ง ใ น
เวสสันดรชาดก คือตอนที่พระ
เวสสันดรถูกขับให้ออกจากเมือง
พร้อมทั้งพระมเหสีและโอรสธิดา จึง
พากันเข้าไปอยู่ในป่าเพื่ อบวชเป็นฤาษี
บำเพ็ญบารมี เมื่ อไปถึงประตูป่าที่มี
พรานเจตบุตรเป็นผู้เฝ้า ได้ชี้ทางไป
เขาวงกตให้และอาจมีการจำลองเขา
วงกตไว้ภายในวัดให้ได้เดินเล่น
โ ด ย ต ร ง ก ล า ง เ ข า ว ง ก ต จ ะ มี แ ท่ น บู ช า
พระพุ ทธรูปอยู่ หากหลงก็วนเวียนอบ
ยู่จนกว่าจะเข้าไปสักการะพระพุ ทธรูป
ได้ จึงเป็นที่สนุกสนานของผู้ที่มาร่วม
ทำบุญ สถานที่ใช้ในการ ตั้งธรรม
หลวง จะนิยมใช้วิหาร ภายในจะต้อง
ต ก แ ต่ ง ไ ป ด้ ว ย เ ค รื่ อ ง บู ช า เ ว ส สั น ด ร
ชาดก ได้แก่ ดอกบัว ดอกพ้าน(บัว
สาย) ช่อสามเหลี่ยม ติดกระดาษ
ต้อง(กระดาษฉลุ) รูปช้าง ม้า วัว
ควาย ทาสหญิง ทาสชาย แก้ว แหวน
เงิน ทอง อย่างละ ๑๐๐ รูป ประดับ
โคมผัดที่เล่าเรื่องเวสสันดรชาดก มี
การทำค้างโคมแขวนบูชา มีเชือก
สำหรับดึงขึ้นลงได้ จึงเรียกว่า โคมล้อ
ล้อ หมายถึงรอกที่ใช้สำหรับชักเชือก
ขึ้นลงเพื่ อจุดประทีสบูชา
ธรรมมาสน์
ส่ ว น ธ ร ร ม ม า ส น์ สำ ห รับ เ ป็ น ที่ นั่ ง เ ท ศ น์ ข อ ง
พระสงฆ์ก็จะประดับตกแต่งด้วยม่าน และ
ห้อยดอกพัน ที่อยู่ใน หับดอก ที่สานโดยแตะ
ไม้ไผ่ประกบกัน ดอกไม้พันดอก หรือ สหสสฺ
ปุปฺผานิ เป็นเครื่องบูชาพระธรรม บูชาพระ
คาถาจำนวน ๑,๐๐๐ พระคาถา ที่เรียกว่า
สหสฺสคาถา ดอกไม้ที่นิยมได้แก่ดอกกาสะ
ลอง ดอกจีหุบ(มณฑา) ดอกสารภี เป็นต้น
ด อ ก ไ ม้ เ ห ล่ า นี้ เ ป็ น ด อ ก ไ ม้ ห อ ม ทำ ช่ ว ย ใ ห้
บ ร ร ย า ก า ศ เ ห มื อ น อ ยู่ ใ น ป่ า หิ ม พ า น ต์ ที่ พ ร ะ
เวสสันดรบำเพ็ญบารมีอยู่ที่นั่น ส่วนด้านข้าง
ก็จะมีการจำลองเป็นป่าหิมพานต์ ปัจจุบันมี
ก า ร ต ก แ ต่ ง ด้ ว ย ซุ้ ม ต้ น ไ ม้ ด อ ก ไ ม้ ใ ส่ ก ร ะ ถ า ง ไ ป
ป ร ะ ดั บ ต ก แ ต่ ง ใ ห้ ง ด ง า ม
ด้ า น ข้ า ง พ ร ะ ป ร ะ ธ า น ใ น วิ ห า ร ก็ จ ะ มี ก า ร อ่ า ง
น้ำมนต์ โดยใช้น้ำมันงา หรือน้ำมันมะพร้าว ใส่
ลงไป โยงสายสิญจน์จากพระประธาน ไปยัง
ธรรมมาสน์ โยงมาพันที่อ่างน้ำมนต์สามรอบ
แ ล้ ว โ ย ง ก ลั บ ไ ป ยั ง ธ ร ร ม ม า ส น์ ใ ห้ พ ร ะ ถื อ ไ ว้
ขณะเทศน์กัณฑ์ต่างๆ เชื่อว่าอานุภาพของ
ก า ร เ ท ศ น์ ตั้ ง ธ ร ร ม ห ล ว ง จ ะ ทำ ใ ห้ น้ำ ม น ต์ นี้
ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทาแผล แก้ปวดเคล็ดขัดยอก
แก้ผื่ นคัน และเชื่อว่าจะทำให้อยู่ยงคงกระพัน
ก า ร ป ล่ อ ย ว่ า ว โคมยี่เป็ง
ว่าว ในภาษาล้านนา หมายถึง เครื่องเล่น ในช่วงก่อนจะถึงวันยี่เป็ง จะมีการ
ชนิดหนึ่ งทำด้วยกระดาษ สำหรับปล่อย ประดิษฐ์โคมรูปลักษณะต่างๆ ( ภาษา
ให้ลอยไปตามลม คล้ายกับบอลลูน ตาม ล้านนา ออกเสียง โคม ว่า โกม ) เพื่ อ
วัฒนธรรมของล้านนา ในช่วงยี่เป็งจะมี เตรียมใช้ในการจุดผางประทีสบูชา โดย
การปล่อยว่าว 2 แบบ คือ ก า ร แ ข ว น ใ ส่ ค้ า ง โ ค ม บู ช า ต า ม พ ร ะ ธ า ตุ
เจดีย์ แขวนไว้หน้าวิหาร กลางวิหาร
1. ว่าวฮม (ว่าวลม) หรือ ว่าวควัน นำ ห รือ ใ น ปั จ จุ บั น นิ ย ม แ ข ว น ป ร ะ ดั บ ต ก แ ต่ ง
กระดาษหลายสี มาทำเป็นถุงรับ ตามอาคารบ้านเรือน มีหลากหลายรูป
ความร้อนจากควันไฟ ใช้ควันไฟที่มี ทรง เช่น โคมรังมดส้ม โคมไห โคม
ความร้อนอัดเข้าไปในตัวว่าว เรียก กระจัง โคมดาว โคมกระบอก โคม
ว่า ฮมควัน เพื่ อให้พยุงให้ลอยขึ้นไป เงี้ยว(โคมเพชร) โคมหูกระต่าย โคมผัด
ในอากาศได้ มี2ชนิดคือ ว่าวสี่แจ่ง โคมแอว โคมญี่ปุ่น ฯลฯ อีกมากมาย
คือว่าวทรงสี่เหลี่ยม และ ว่าวมน คือ
ว่าวทรงมน มักจะผูกสายประทัดติด กิ จ ก ร ร ม ใ น ง า น ยี่ เ ป็ ง
ที่หางว่าวและจุดเมื่ อปล่อย นิยม
ป ล่ อ ย กั น ใ น ช่ ว ง ก ล า ง วั น
2. ว่าวไฟ ใช้หลักการเดียวกันกับการทำ
ว่าวฮม แต่ใช้กระดาษน้อยกว่า และ
อ า ศั ย ค ว า ม ร้อ น จ า ก ลู ก ไ ฟ ที่ ผู ก ติ ด
กับแกนกลาง ทำให้ว่าวลอยขึ้นสู่
อากาศ ลูกไฟที่ผูกติดแกนกลางใน
อดีตนั้น ใช้ขี้ย้าหล่อเป็นแท่ง
ปัจจุบันนิยมใช้กระดาษชำระชุบขี้ผึ้ ง
เทียน นิยมจุดในตอนกลางคืน
ปั จ จุ บั น นิ ย ม เ รีย ก ห รือ เ รีย ก เ พ ร า ะ ไ ม่ รู้
ตามแบบภาคกลางโดยเรียก ว่าวควัน
หรือว่าวฮม ว่า“โคมลอย” และเรียกว่าว
ไฟว่า “โคมไฟ” ทั้งๆ ที่โคมแปลว่า
เครื่องใช้ที่ให้แสงสว่าง สันนิฐานว่าการ
ป ล่ อ ย ว่ า ว น่ า า จ ะ เ ป็ น ก า ร ทำ ต า ม แ บ บ ข อ ง
พวกฝรั่งหรือมิชชันนารี ในเมือง
เชียงใหม่
ก า ร ล่ อ ง ส ะ เ ป า
ในอดีตชาวล้านนาไม่นิยมลอยกระทง แต่นิยมล่อง
สะเปา หรือไหลเรือสำเภา นิยมทำสะเปากันที่วัด โดย
ชาวบ้านช่วยกันทำสะเปาเป็นรูปเรือลำใหญ่ วางบน
แพไม้ไผ่ และนำสะตวง พร้อมด้วยข้าวของต่างๆ ทั้ง
หม้อ ไห เสื้ อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุ ปโภค บริโภค
ต่างๆ ใส่ลงไปในสะเปา ในช่วงหัวค่ำของวันยี่เป็ง จึง
พากันหามสะเปา พร้อมแห่ด้วยฆ้องกลองจากวัดไป
ลอยที่แม่น้ำ และทำพิธีเวนทานที่ท่าน้ำก่อนปล่อยสะ
เปาลอยลงไป ขณะที่สะเปาลอยไปได้ระยะหนึ่ ง จะมี
คนยากจนคอยดักรอสะเปากลางแม่น้ำ เพื่ อนำเอา
ของอุ ปโภคต่างๆมาใช้อุ ปโภคและบริโภค จึงเป็นการ
บริจาคทานแบบหนึ่ ง
ส่วนการลอยกระทง รับมาจากภาคกลางในช่วงหลัง
โดยเจ้าดารารัศมี พระราชชายา เป็นผู้ที่ริเริ่มการ
ลอยกระทงที่เชียงใหม่เป็นคนแรก ในช่วง
พ.ศ.2460-2470 โดยจุดเทียนบนกาบมะพร้าวทำ
เป็นรูปเรือเล็ก หรือรูปหงส์ และใช้ท่อนไม้ปอทำเป็น
รูปเรือ แต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ต่อมานายทิม
โชตนา นายกเทศมนตรีเมืองเชียงใหม่ ในช่วง
พ.ศ.2490 ได้สนับสนุนการท่องเที่ยวโดยจัดให้มี
การลอยกระทงมากขึ้น และมีการจัดงานขึ้นที่ประตู
ท่าแพ และพุ ทธสถาน หลังจากนั้นการท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย ได้ส่งเสริมการลอยกระทงแบบ
กรุงเทพฯ ที่จังหวัดเชียงใหม่ขึ้นอย่างจริงจังและ
ร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยมีการประกวด
ขบวนกระทงเล็ก และขบวนกระทงใหญ่ ต่อมาสมา
คมผู้ประกอบการย่านไนท์บาร์ซา ได้จัดประกวด
ขบวนโคมยี่เป็งขึ้นอีกวันหนึ่ ง
ป ร ะ ที ป ส่ อ ง ล่ อ ง ลิ่ ว บ น ทิ ว ฟ้ า
ล อ ย ลั บ ห ล้ า ท้ า พ ร ะ เ ป็ ง ที่ เ ป ล่ ง ฉ า ย
เ พ ลิ ง พ ลุ พุ่ ง เ พี ย ง ด า ว พ ริ บ พ ร า ว
ใ น แ ส ง เ ที ย น พ ริ บ เ ป ล่ ง ยี่ เ ป็ ง นี้
ก ล อ น ยี่ เ ป็ ง