The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chosita99991111, 2021-05-09 05:44:18

ART AND LIFE

สารบัญ

ไม่มีความเป็นธรรมในความโศกเศรา้ 1
ความโศกเศร้าของตน้ ทุนชีวิต เงนิ และอานาจ 5
ศิลปะและอานาจ 8
บทบาทของศิลปะ 11
เขยี นถงึ ศิลปะที่ตนเองเข้าใจ 13

1

บทที่ 1

ไมม่ คี วามเป็นธรรมในความโศกเศร้า

ความเป็นธรรม จากความคิดสว่ นตัวของผู้เขียนคือความเสมอภาคเท่าเทียม ซึ่งจะไม่มี
ฝา่ ยใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ หรือเสียเปรยี บไป ถ้าหากเกิดความไมเ่ ท่าเทียม ก็จะไม่มีความเป็นธรรม
เกิดขึ้น

ต้ังแต่อดีตถึงปัจจุบันผู้เขียนเจอคาว่า ไม่เป็นธรรม จากเร่ืองราวเหตุการณ์ต่างๆ
มากมาย ถา้ เรม่ิ พดู ถงึ ตอนเด็กเหตกุ ารณไ์ ม่เป็นธรรม ฝังใจมากที่สุดก็คงเป็นเร่ืองการเรียนต้ังแต่
อนบุ าลถึงมัธยม ในชว่ งนั้นการเรียนเป็นสิ่งสาคัญที่สุดในชีวิตผู้เขียนเลยก็ว่าได้อาจจะครอบครัว
คาดหวงั กบั การเรียนในตวั ผเู้ ขียนมากเกนิ ไป บงั คับใหเ้ ลอื กเรียนสาย วิทย์-คณิต ส่งเรียนเพิ่มเติม
คาดหวังกับผลการเรยี นทกุ เทอมต้องให้ถึงกับที่ครอบครัวตั้งเอาไว้ ต้ังใจเรียนทุ่มเทกับการเรียน
มากไม่วา่ จะในหอ้ ง อกี ทง้ั ยงั สง่ เรยี นเพ่ิมเติมอีกหลายชั่วโมงต่อวัน คงหวังว่าเรียนเพ่ิมแล้วจะทา
ให้ผลการเรียนมากข้ึนกว่าเดิม แต่ไม่ใช่แบบนั้น กลับบ้านมาอ่านหนังสือต่อทาให้ในช่วงเวลาท่ี
เรยี นตอนนนั้ มแี ตก่ ารเรียน ไมไ่ ดเ้ ท่ียวหรือทากิจกรรมกับเพื่อนๆเลย จึงไม่มีความทรงจาท่ีสนุกๆ
อยู่กบั เพือ่ น จนทาให้ชีวติ ไมส่ นกุ เอาสะเลย หมกหมุ่นกับการเรียนมากเกินไป พอผลลัพธ์ออกมา
ไมเ่ ป็นด่งั ท่ใี จเราและครอบครวั หวงั ไวท้ าใหผ้ ู้เขยี น เครียด เศร้าอยู่กับตัวเอง ครอบครัวก็ผิดหวัง
ในตวั เรา ทาให้ยง่ิ ร้สู ึกผิดกบั สงิ่ ท่ีเราทาไมไ่ ด้มากข้ึน แตล่ องมาคิดดูส่งิ ท่ีครอบครัวเลือกคือส่ิงที่ทา
ใหเ้ ราไม่มคี วามสขุ จนเราทามนั ไม่ไดด้ ี มนั เป็นสง่ิ ที่พยายามอย่แู ตก่ ็กลับทาไม่ได้ ทาให้มันเกิดเป็น
ความทุกข์ตลอดในช่วงเวลานน้ั อาจเปน็ เพราะต้ังใจมากๆด้วยแต่กับไม่เป็นดั่งที่เราตั้งหวังไว้ จม
กับความเครียดกับส่ิงที่ครอบครัวเลือกมาหลายปี ทาให้กลับบ้านมาอารมณ์หงุดหงิด โมโหง่าย
ร้องให้ง่าย ทะเลาะกับครอบครัวบ้างแหละ พ่อแม่ไม่เข้าใจ เกิดเป็นความเศร้าจนถึงช่วงเข้า
มหาวทิ ยาลยั เอาจรงิ ๆครอบครัวกบ็ ังคบั ใหเ้ ลือกเรียนทางวิทยาศาสตร์เหมือนเดิมแต่ครั้งนี้ เรา
ด้ือท่ีจะเลือกเองจนได้เรียนศิลปะอยากเรียนท่ีเราชอบจริงๆทาให้ชีวิตในช่วงเรียนมหาลัยมี

2

ความสขุ มากท่ีสุดในช่วงชีวิต ได้ทากิจกรรมกับเพ่ือน ได้มีความคิดอิสระ ผิดกับตอนเรียนช่วงท่ี
ผา่ นมาใครๆกพ็ ูดวา่ ช่วงมธั ยมมีความสุขท่ีสุด แต่คานน้ั ไม่ได้เกดิ ขนึ้ กับเรา ซ่ึงการจมกับความทุกข์
ทจ่ี ะพยายามแล้วทาไม่ไดด้ ัง่ หวังจากการที่ครอบครัวเลือกสิ่งท่ีเราไม่ได้ชอบให้ ซ่ึงเป็นความเศร้า
ที่ไม่เป็นธรรมที่สุดในช่วงวยั เดก็ ทผี่ ่านมา

พอมาถึงปจั จบุ ันน้ีผู้เขียนได้พบเจอและได้ใช้ชีวิตมากข้ึน เกิดและเติบโตมา 20 กว่าปี
ถ้าหากถามถึงความเป็นธรรมในโลกใบนี้ ผู้เขียนคิดว่าหาได้ยากจากโลกน้ีย่ิงสมัยนี้ย่ิงเป็นไปได้
ยาก พบเจอความไม่เปน็ ธรรมอยู่บ่อยๆแต่ก็ใช่ว่าความเป็นธรรมน้ันจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยแรกเริ่ม
ของชีวติ มนุษย์ในมมุ มองของผเู้ ขยี นนนั้ เริ่มตน้ จากความไม่เป็นธรรม เริ่มต้นเลยเน่ียทุกคนเกิดมา
ลว้ นมคี วามแตกต่างไมว่ า่ จะเปน็ รปู ร่างหนา้ ตา ฐานะทางสังคม เพศสภาพ การจดทะเบียนสมรส
ระดับสติปัญญาการเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลจนถึงจบมหาลัย แม้แต่ร่างกายตลอดการ
เจริญเติบโตของตัวผู้เขียนเองก็ไม่มีความเป็นธรรม กล่าวคือ ทาไมวัยเด็กผู้เขียนถึงไม่สามารถ
ตัดสนิ ใจอะไรไดเ้ อง ไม่สามารถเลือกส่งิ ทีช่ อบหรือสง่ิ ท่ีดที ี่สุดให้กับตัวผู้เขียนเองได้ แต่เมื่อเติบโต
ขึ้นผู้เขียนสามารถตัดสินใจและเลือกส่ิงท่ีดีที่สุดให้กับชีวิตผู้เขียนได้และน่ีก็ถือเป็นเร่ิมต้นจาก
ความไม่เป็นธรรมในด้านสติปัญญาของวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ หากเรามองโลกตามความเป็นจริง
เราจะฉุกคดิ ไดว้ ่าส่ิงเรานี้ล้วนเป็นตัวแบง่ แยกความแตกต่างและทาให้ราถูกปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน
ด่ังเช่นคนที่มีการศึกษาท่ีดีล้วนจะได้รับโอกาสมากกว่าคนท่ีไม่มีการศึกษาคนที่หน้าตาและ
บคุ ลกิ ภาพทางรา่ งกายไม่ดหี รอื บกพรอ่ ง อาจถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าเป็นคนไม่ดีทั้งที่
ไม่ได้เรียนรู้นิสัยใจคอกนั ก่อน

หรือความรกั เกดิ มามนุษย์ทุกคนมกั จะแสวงหาความรัก ดัง่ ความรักคู่หน่ึงซึ่งแน่นอนว่า
จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ท่ีจะรู้สึกมากกว่า ยากท่ีท้ังสองจะรู้สึกเท่ากัน เมื่อฝ่ายที่รู้สึกมากกว่าก็จะ
ตอ้ งการหรือคาดหวังมากจากอกี ฝ่าย ถ้าไม่เปน็ ดังทใ่ี จตอ้ งการ หรอื รู้สึกไดว้ า่ ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงให้ไม่
เทา่ กนั ซึ่งเกดิ ความไม่เท่าเทียมจะพาเกิดความเสยี ใจตามมา

3

LGBTQ ทอี่ ยากจะเลือกประกอบอาชีพที่ตนนนั้ อยากจะเป็น แต่ถูกจากัดด้วยคาว่าเพศ
สภาพ อกี ทง้ั ยังรวมไปถึง การจดทะเบียนสมรสคู่รักเพศเดียวกันท่ียังไม่ได้รับการขับเคล่ือนจาก
ทางหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้องมากนกั และสิ่งเหลา่ น้ีเปน็ แคส่ ่วนหนึ่งท่ีจะก่อให้เกิดความเหลื่อมล้าทั้งที
เราทกุ คนเปน็ มนษุ ยเ์ หมือนกนั แต่ทาไมเราถงึ มีการปฏิบัตทิ ่ีแตกตา่ ง ผลท่ีตามมาก็คือความไม่เป็น
ธรรม ดงั นัน้ ผู้เขียนขอนิยามของความหมายของคาว่า ความไม่เป็นธรรมของตัวผู้เขียนคือ ความ
ไมเ่ ท่ากัน

ตัวผู้เขียนเรียนรู้และใช้ชีวิตและได้ตกตะกอนความคิดออกมาได้หลายเร่ืองเกี่ยวกับ
ปัญหาท่เี กิดจากความไม่เป็นธรรม แม้แตใ่ นสถานการณ์โลกปจั จุบันยงั มีเรื่องการร้องขอความเป็น
ธรรมออกมาทางส่ือมากมาย เช่นเมื่อไม่นานมาน้ีมีกระแสที่เป็นไวรัลทั่วประเทศกรณีแม่ค้าขาย
ของออนไลน์ชื่อดังพิมรี่พาย ได้ติดต้ังแผงโซลาร์ชลล์ที่หมู่บ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
เพื่อให้เด็กๆท่ีนั่นได้มีไฟฟ้าใช้และเรียนรู้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ ทาให้เกิดกระแส
ความเห็นต่างกัน 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่บอกว่าหากเข้าไปช่วยเหลือแล้วจะทาให้เสียความเป็น
วัฒนธรรมของชาวเขาบนดอย บ้างก็ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เด็กๆทุกคนบนโลก ควร
ไดร้ ับการเปน็ อยทู่ ดี่ ี มไี ฟฟ้าใชม้ เี ครือ่ งมือที่อานวยความสะดวกเสมอภาคกัน ไม่ควรปล่อยให้คน
กลุ่มใดกลุ่มหน่ึงลาบากหรือไม่เข้าถึงการศึกษา ท้ังน้ีท้ังนั้นผู้เขียนคิดว่าไม่มีความเป็นธรรมกับ
หม่บู า้ นแม่เกิบ

เร่อื งของความเป็นธรรมผ้เู ขยี นได้ข้อสรปุ ว่า ธรรมชาติทส่ี ร้างเราล้วนให้มีความแตกต่าง
ไม่มีความเป็นธรรมอยแู่ ลว้ ตวั เรานัน้ ไม่สามารถเปลย่ี นแปลงอะไรได้จากกฎขอ้ น้ี เรามีหน้าที่สร้าง
ความเป็นธรรม โดยเริม่ ต้นจากตัวเราเองทม่ี องว่าเพราะความแตกต่างนี่แหละที่ทาให้โลกนี้น่าอยู่
ข้ึน เพราะความแตกต่างนี่แหละที่ทาให้เราได้เห็นน้าใจเพ่ือนมนุษย์ เราสามารถเปล่ียนแปลง
ความไม่เปน็ ธรรมใหก้ ลับมาเป็นธรรมได้ ปญั หาต่างๆทเ่ี กดิ ขึน้ กจ็ ะลดลง

4

แตม่ ีสง่ิ หนึ่งทีต่ วั ผเู้ ขยี นเองคิดวา่ เปลยี่ นแปลงได้ยาก คือการหาความเป็นธรรมในความ
โศกเศรา้ กล่าวคือ ไม่มคี วามเปน็ ธรรมในความโศกเศรา้ แน่นอนวา่ ความเจ็บปวดเกิดข้ึนได้กับทุก
คนแต่ทุกข์ของคนมีความเจ็บปวดไม่เท่ากัน แปลกท่ีเราเกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกันทาไมความ
เจ็บปวดถึงไม่เท่ากัน ผู้เขียนได้เรียนรู้กับตัวเองว่าประสบการณ์จะบรรเทาความเจ็บปวด ย่ิงมี
ประสบการณม์ ากก็จะเกิดความเคยชิน ด้วยพฤติกรรมมนุษย์ที่เรียกว่า พฤติกรรมHabituation
(พฤติกรรมสัตว์ กล่าวคือเราจะมีความด้านชาต่อเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนซ้าๆยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
คอื หุ่นไล่กา (เมอ่ื เวลาผา่ นไปกาจะไมก่ ลวั หุ่นไล่กา) สุนัขที่กลัวเสียงดังของพรุแต่ถ้าจุดทุกวันสุนัข
จะเคยชินกบั เสยี งนนั้ และจะไมก่ ลัวเสยี งดังท่เี กิดข้นึ ดงั มนุษย์ที่เจอความล้มเหลว ในชีวิตหลายๆ
ครงั้ จะมีภมู ติ า้ นทานความเจ็บปวดไดม้ ากกวา่ คนท่ีไมเ่ คยมีความล้มเหลวเลย จากที่ผู้เขียนกล่าว
มา ประสบการณ์จะสอนให้เรามีความต้านทานต่อความเจ็บปวดแต่ทุกคนมีประสบการณ์ไม่
เทา่ กนั ดงั น้ันจะมาหาความเปน็ ธรรมจากความโศกเศรา้ ไม่ไดใ้ นเรื่องของความรักผู้เขียนเคยได้ยิน
มาบา้ งว่ามันเกิดจากคนสองคนที่มีความรู้สึกเหมือนกันความรักท่ีเท่ากันโดยส่วนตัว ข้าพเจ้าเอง
คิดวา่ ไมจ่ รงิ ไม่มคี วามเท่ากนั เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ตง้ั แต่แรกแล้ว ฉะนั้นความรักที่เกิดข้ึนกับคนสอง
คนอมไมม่ ีความเท่ากัน ตอ้ งมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่รักมากกว่าพอถึงคราวแตกหักความเจ็บปวดและ
ความโศกเศรา้ จึงไมเ่ ทา่ กนั และเรายงั กล้าหาความเป็นธรรมจากความโศกเศร้าได้อีกหรอ ในเมื่อ
ทุกอยา่ งไมม่ คี วามแน่นอนและเทา่ กันเลยความเศร้าก็คือความเศร้ามันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ไม่ได้ ใหค้ นอน่ื มาเศรา้ แทนก็ไมไ่ ด้และความเศร้าของแต่ละคนก็มีไม่เท่ากันดังน้ัน ไม่มีความเป็น
ธรรมในความ โศกเศร้า

5

บทท่ี 2

ความโศกเศรา้ ของตน้ ทนุ ชีวติ เงินและอานาจ

ในปัจจุบัน เรามักถูกปลูกฝังให้เรียนสูง และขยัน แม้แต่ตัวผู้เขียนเอง ก็ได้ถูกปลูกฝัง
เร่อื งเหล่าน้ีมาต้งั แตเ่ ล็ก และก็เกิดคาถามว่า เราเรียนสูงไปเพื่ออะไร อะไรคือส่ิงท่ีเราจะได้จาก
การเรยี นสูง หรือขยัน คาตอบที่ผู้เขยี นไดร้ บั กค็ อื การเปน็ เจ้าคนนายคน การได้รับการเคารพนับ
ถือจากผูค้ น และส่งิ เหล่าน้ผี ู้เขียนมองวา่ มันเปน็ อานาจอย่างหน่ึง แต่อานาจที่ผู้เขียนกล่าวมา มัก
เปน็ ไปตามบทบาทหนา้ ที่ เชน่ คณุ ครู มีหน้าที่ชี้แนะ และสง่ั สอนส่ิงที่ถูกหรือผิด และให้ความเป็น
ธรรมแกฝ่ ่ายทถ่ี ูกต้อง ซึ่งถือวา่ เป็นอานาจอยา่ งหน่งึ คาสงั่ จากศาล ทุกคนคงอาจเคยได้ยินข่าว
2 แม่ลูกถูกข่มขืนจากผูช้ ายวยั รุน่ 7 คน ทง้ั 2 รอดชวี ติ จาเหตุการณ์นัน้ โดยคนลกู ได้รับผลกระทบ
ทางจติ ใจทาใหเ้ สียสติ สว่ นผ้เู ป็นแมบ่ าดเจบ็ สาหัสจากการโดนทาร้าย คาสั่งศาลที่ตัดสินถือว่าไม่
เปน็ ธรรมกบั แมล่ ูก2คนน้ี

ศาลตัดสินใหจ้ าเลยไดร้ บั โทษแตไ่ ม่ทุกคน โดยอกี 3 คาที่กระทาความผิดด้วยกลับไม่ถูก
ลงโทษ เหตุเพราะมีนักการเมืองหนุนหลังบุคคลเหล่านี้ ทาให้2 แม่ลูกไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฝา่ ยแม่จงึ ออกมาเรยี กรอ้ งความยุตธิ รรมให้กับลกู โดยการตามฆา่ จาเลยเหล่านั้น จากเหตุการณ์น้ี
ผูเ้ ขียนคิดวา่ คาวา่ อานาจของศาลหากให้ความเปน็ ธรรม จะไมเ่ กดิ เหตุการโศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้น
รวมถึงนักการเมืองที่มีอิทธิพล ควรมีความซ่ือสัตย์ และหัวใจของนักการเมืองคือการรับใช้
ประชาชนนั่นคอื เกียตภิ มู ิของนกั การเมือง เร่อื งที่เกิดข้ึน ผู้เขียนเห็นว่า ไม่มีฝ่ายใดมีความสุขเลย
7 จาเลยเกิดการสูญเสีย ญาติพ่ีน้องทั้ง7 เจ็บปวดและเสียใจ ฝ่ายแม่ที่ท่ีก่อโศกนาฏกรรมได้รับ
โทษติดคุกตลอดชีวิต กลา่ วคือไม่ไดอ้ ยกู่ ับลูกและมอี าการเสียสติ คนรอบของเสียใจ ฝ่ายลูกไม่ได้
อยกู่ ับแมเ่ นือ่ งจากแมต่ ดิ คุก ท้ังนี้ทัง้ น้ันผู้เขียนคิดว่า เหตุเป็นเพราะคาว่าอานาจคาเดียว ท่ีทาให้
เกดิ โศกนาฏกรรมและความโศกเศร้าในครั้งน้ี คาว่าอานาจสามารถกาหนดชะตาชีวิตของคนได้
เลย หากอานาจตกไปอยกู่ บั คนไมด่ ี คนนั้นย่อมใช้อานาจในทางที่ผิด และก่อให้เกิดความสูญเสีย

6

กฎเหล็กของผู้มีอานาจคือ ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่เห็นถึงประโยชน์ที่ตนจะได้รับ
มากกวา่ ความถกู ต้องและความยุติธรรม คาว่าอานาจ ในความคิดของผู้เขียน เป็นได้หลายอย่าง
เช่นอานาจของยศถาบรรดาศักด์ิ อานาจจากเป็นพ่ี อานาจจากการเป็นหัวหน้าครอบครัว หรือ
รวมทง้ั เราที่มีอานาจในการตัดสินใจเร่ืองต่างๆ แต่ทั้งนี้ทั้งน้ันอานาจที่กล่าวมาเป็นอานาจที่เป็น
นามธรรม แต่อานาจท่ีมาในรูปธรรมในความคิดผู้เขียน คืออานาจเงิน เงินตราแน่นอนว่าเรา
ปฏิเสธไม่ไดว้ า่ มนั คือปัจจัยพ้ืนฐานในการดาเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นค่ากับข้าว ค่าน้าค่าไฟ ค่าเช่า
บา้ น ค่ารถ ทุกอย่างของการดาเนินชีวิตขับเคล่ือนด้วยเงิน ผู้ที่มีเงินมากสามารถตอบสนองส่ิงท่ี
ตนเองต้องการไดม้ าก รวมถึงการใช้เงินแก้ปญั หาต่างๆ แต่การใช้เงินแก้ปัญหามีได้หลายรูปแบบ
หากเป็นสิ่งทผ่ี ิดจรรยาบรรณของความเป็นมนุษย์ สิ่งนั้นย่อมเป็นอานาจในการทาลายคนเช่นกัน
คนจนในปจั จุบนั ถึงตกเป็นรองของคนรวยเสมอมา

การเริ่มต้นชวี ติ ของคนเราก็ไม่เท่ากันแล้วตั้งแต่เกิดมาของแต่ละครอบครัว แน่นอน
ว่าต้นทุนของแต่ละครอบครัวจะไม่เท่ากันบางคนเกิดมามีพร้อมกับทุกอย่าง บางคนยังไม่มีเงิน
แม้กระท่ังเงนิ ทาคลอดจึงทาใหม้ ขี า่ วมากมายทิ้งเด็กในถงั ขยะบ้างทง้ิ เดก็ ไว้ตามถนนบ้างส่ิงเหล่าน้ี
เกิดมาพร้อมกับความไม่พร้อม และความแตกต่างทางฐานะหรือแม้การเลี้ยงเด็กขึ้นมาบาง
ครอบครัวก็ไมม่ แี ม้กระทั่งเงินใหน้ ม ผูเ้ ขียนเห็นไดท้ ั่วไปมาขอเงินตามร้านอาหารบ้างนาลูกมาเป็น
ตัวช่วยในการหาเงนิ ซึ่งอ้างวา่ ไมม่ ีนมให้ลูกกิน บังคับเด็ก มาขอเร่ียรายเงิน บางครอบครัวถ้าเด็ก
ไมไ่ ดเ้ งนิ กลบั ไปอาจจะทาร้ายตบตีเด็กด้วยซ้า เด็กบางคนไม่มีแม้กระทั่งบ้านอยู่ ไม่มีโอกาสได้
เรียน ส่ิงเล่าล้วนเกิดจากความไม่เป็นทา เด็กๆเกิดมาในครอบครัวที่ไม่พร้อมก็จะลาบาก แค่น้ี
ต้นทุนชีวิตก็ไม่เท่ากันแล้ว บางคนเกิดมาก็ดิ้นรนเองพ่อแม่ปล่อยให้ใช้ชีวิตเอง. รับผิดชอบชีวิต
ตวั เอง บางคนใชช้ ีวติ เกง่ จงึ เป็นทางทีด่ แี ตบ่ างคนไม่มีอะไรให้เร่ิมต้นเลยจึงต้องลาบากกว่าคนอื่น
แนน่ อน ทาให้บางคนน้อยใจชวี ติ อาจเลอื กทางเดนิ ชวี ติ ผดิ หรอื บางคนเกิดมาในสังคมท่ีไม่ดีทาให้
สังคมหล่อหลอมกับสิ่งนั้น ทาให้เสียคน จนทาให้คุณภาพชีวิตล้วนแตกต่างกัน ไปแต่ละ
ครอบครวั แคเ่ กดิ มาชีวิตของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันแล้ว ไม่มีสิทธิเลือกความฝันของตัวเองด้วยซ้า

7

บางครอบครวั เกิดมามพี ร้อมทุกอย่าง วางแผนอนาคตเตรียมพรอ้ มใหล้ ูกไวต้ ั้งแต่เด็ก ส่งเรียนตาม
หาความฝันท่ีชอบ บางครอบครัวลูกเกิดมาไม่ต้องคิดจะทาอะไรก็แสนจะสุขสบาย พร้อม
สนบั สนนุ อย่างเตม็ ท่ที าให้เดก็ คนนั้นมีชีวติ ท่ีดกี วา่ ครอบครัวท่ีไม่พร้อม บางครอบครัวมีเงินมากๆ
ก็จะสร้างอานาจให้แก่ตน บ้างก็ใช้ในทางท่ีผิด แน่นอนว่าต้นทุนชีวิตและเงิน เป็นรากฐานที่
สาคัญในการดารงชวี ิต

การมีเงินมากๆนาพาไปสูก่ ารมอี านาจ อานาจก็จะมาในรูปแบบ ยศ ต่าแหน่ง บางคน
อาจจะเกิดการหลงในอานาจได้แลว้ เกิดการเห็นผดิ เปน็ ชอบเพราะใช้อานาจกับผู้ที่น้อยกว่าได้เกิด
ความ อยตุ ิธรรมเกิดขึ้น ความสูญเสียและความโศกเศร้าก็จะเกิดขึ้นกับผู้ที่ด้อยกว่า ท่ีถูกข่มเหง
โดยผมู้ อี านาจ บางคนมีเงินมากก็ใช้เป็นตัวสร้างอานาจ ไม่ว่าจะใช้กับคนที่ไม่รู้จักหรือแม่กะท่ัง
เองใชก้ ับคนรักหรอื คนในครอบครัวตัวเอง โดนส่วนตัวผู้เขียนเจอเกี่ยวกับตัวเองรอบคนรอบข้าง
ท่ีดูภายนอกครอบครัวแสนท่ีจะเพียบพร้อมแต่คนในครอบครัวกับเจอปัญหาที่ว่าสามีที่มีเงิน
มากมายน้ัน ให้ภรรยาอยู่ใต้อานาจของเขาซึ่งบังคับให้ภรรยา โดยคนเป็นภรรยาอยู่โดยไม่มี
ความสุข เพราะว่าคนเป็นภรรยาไม่มีงานที่จะทาที่เป็นเรื่องเป็นราวจึงใช้เงินข่มไว้และพื้นฐาน
ครอบครวั ภรรยาเป็นพี่คนโตในครอบครวั ตัวภรรยาเองก้ป่วยบ่อย พ่อแม่ก็ต้องเล้ียงดู จึงจาเป็น
จะต้องใชเ้ งินมากๆเพ่ือหาเลี้ยงครอบครัวด้วยส่วนหนึ่ง อดทนในการที่เขาจะทาอะไรเก่ียวกับ
ชวี ติ ภรรยาก็ได้โดยใช้เงินแก้ปัญหาท่ีตัวเองก่อโดยไม่นึกถึงความถูกต้องหรือการกระทาที่ทาให้
ภรรยารูส้ กึ เสยี ใจ อีกทงั้ ยังถกู กดดนั ให้ดว้ ยคาพูดจาการกระทารุนแรงที่ใช้กับผู้ท่ีเป็นภรรยา โดย
ใช้คาพูดที่ว่าถ้าทนได้ชีวิตตัวเธอแล้วพ่อแม่จะสบาย ตัวภรรยาจึงอดทนการทนอยู่กับสามีคนนี้
ดว้ ยความรักส่วนหนึ่งอีกส่วนเพอื่ ความสบายของคนในครอบครวั ก็ย่อมเกิดเป็นความโศกเศร้าได้
เช่นกัน

8

บทที่ 3

ศลิ ปะและอานาจ

ศิลปะคือส่ิงท่ีสร้างข้ึนมาเพื่อแสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู้สึกปัญญาความคิด ซึ่งจะมี
สว่ นประกอบไปด้วยความงาม มีจดุ ม่งุ หมายและจะมีความคดิ สร้างสรรค์ ศิลปะเป็นส่วนสาคัญซึ่ง
เกิดมาจากอารมณข์ องศลิ ปิน หรือการถา่ ยทอดความร้สู ึกของมนษุ ย์ออกมา การรับรู้กระบวนการ
ของศิลปะ ด้วยความคิดอนั หลากหลาย ซ่ึงศิลปะสื่อสัมผัสได้ผ่านกระบวนการรับรู้ของความรู้สึก
เพื่อส่งเสริมความคิดและจิตใจ ปัจจุบันมนุษย์ในสังคมต่างยอมรับว่าศิลปะเป็นสิ่งท่ีสวยงาม
กลอ่ มเกลาจติ ใจและถา่ ยทอดเร่ืองราวให้เป็นความรู้สึกต่างๆได้และยังบ่มเพาะความสุนทรียะให้
เกดิ ในจิตใจ เกิดประโยชน์แกต่ นเองและสังคมตลอดมา

ศิลปะสามารถเป็นสอ่ื นาชกั จูงในเชอื่ มโยง ให้เกิดความเข้าใจร่วมกันได้ รูปภาพเพียง 1
รปู สามารถใชแ้ ทนคาพูดได้หลายพันคา อีกทั้งยังแสดง ถึงบุคลิก หรือแนวโน้มท่ีแสดงให้เห็นถึง
ลกั ษณะเหมอื น แตกต่างของความรสู้ ึกนึกคิดและการกระทาในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งจะมีความ
แตกต่างกนั ไปของแตล่ ะบุคคลไมอ่ าจจะเหมอื นกันไดเ้ ลย การถา่ ยทอดออกมาหลายรูปแบบท่ีเป็น
ศิลปะไม่ว่าจะเป็น เสียงเพลง ภาพวาด หรือการแสดงเป็นต้นท้ังหมดล้วนเป็นศิลปะท่ีแสดง
ออกมา การท่ีจะสร้างสรรค์ผลงานนั้นมีข้ันตอนและกระบวนการในการถ่า ยทอดที่มี
ลักษณะเฉพาะ และเป็นการแปลความหมายของรูปธรรมในชีวิต มาสู่จินตนาการและสร้างสรรค์
เปน็ ผลงาน ศิลปกรรม ซง่ึ แตกตา่ งกันไปแต่ละมุมมอง ของแต่ละบคุ คล

ศิลปะล้วนยังสร้างจิตนาการให้ผู้ชมได้เห็นภาพและแสดงความรู้สึกต่อภาพท่ีล้วน
ต่างกันออกไป ภาพเพียง1ภาพ เร่ืองราวสะท้อนสังคม แต่ความคิดคนแต่ละบุคคลนั้นหลาย
ความคดิ ดงั น้นั คอื แสดงใหเ้ ห็นถึงอานาจของศลิ ปะท่ีถกู ใช้ในการเลา่ เร่อื งผา่ นภาพเคลื่อนไหวและ
อาจถูกตีความไปได้ตามประสบการณ์ของผู้แต่ละบุคคล ทาให้การตีความแตกต่างกันออกไป

9

อานาจชองศิลปะจึงมีผลแน่นอน เพียงแต่ว่าภาพนั้นจะแสดงอานาจได้มากน้อยเพียงใด โดย
ส่วนตัวอาจจะดูรูปแล้วรู้สึกแสดงออกแบบตรงไปตรงมา แต่คนอ่ืนมาภาพน้ันอาจจะมองแสดง
ออกมาในดา้ นลบหลายคร้ังท่ีการตีความของศิลปะน้ัน เกินไปกว่าภาพท่ีจะส่อื จนเกินเร่อื ง
ตา่ งๆมากมายเช่นโดนฟอ้ งรอ้ ง การตอ้ งออกมาขอโทษสังคม หรอื การถูกแบนในหลายส่อื แต่
การท่ีแบนศิลปะชนิ้ นนั้ หรอื การถอดถอนการติดตงั้ สะทอ้ นใหเ้ ห็นความกลวั ของผมู้ ีอานาจหรอื
บคุ คลท่ีถกู พดู ถงึ กลวั แสดงความไมร่ ูข้ องตวั เอง ย่งิ เกิดเรอ่ื งราวต่อเรามากขนึ้ จะแสดงใหร้ ูส้ กึ
ว่าเขาไม่รบั รู้ และไมฉ่ ลาด หรอื คิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ฉลาดและไม่มีอานาจพอ ซ่งึ เป็นการคิด
ผดิ ย่งิ ทาย่งิ เหน็ ไดว้ า่ ไมฉ่ ลาดตอ่ คนหม่มู าก แตป่ ัจจบุ นั สงั คมไดถ้ ่ายทอดเห็นเร่อื งราวท่ีเกิดขนึ้
ในสงั คมไดง้ ่าย ลว้ นมาจากผลงานจากศิลปะทัง้ น้ันต่างก็เพ่ือใหค้ นท่วั ไปไดร้ บั รูแ้ ละเขา้ ใจถึง
เหตผุ ลอนั แทจ้ รงิ

โชติกา วชิ าชู

10
0

ในขณะท่ีศิลปินบางคนใส่ใจในการแก้ปัญหาของสไตล์และเทคนิคในการวาดภาพ
ศลิ ปินบางคนก็ใช้สไตล์และเทคนิคเหล่าน้ันในการแสดงออกถึงทัศนคติทางสังคมและการเมือง
ของพวกเขา ศิลปินเหล่านน้ั ใช้เทคนิคหลากหลายในการแสดงออกถึงทัศนคติของตัวเอง ไม่ว่าจะ
เป็นการกระทบกระเทียบ เปรียบเปรย ล้อเลียน เสียดสี ประชดประชัน และการใช้สัญลักษณ์
เพ่ือบังคบั ใหผ้ ู้ชมเผชญิ หนา้ และสัมผัสกับความเป็นจริงทางสังคมและการเมืองอันไม่พึงประสงค์
ซึ่งโดยปกตพิ วกเขามักจะหลกี เลยี่ งมันไป

ผ ล ง า น ท่ี เ ป็ น ก ร ะ แ ส แ ล ะ มี อ า น า จ น อ ก จ า ก ผ ล ง า น ทั ศ น ศิ ล ป์ อ ย่ า ง จิ ต ก ร ร ม
ประตมิ ากรรม ภาพพิมพ์ ศลิ ปะการจัดวางและการ์ตูนท่ีออกผลงานศิลปะมาหลากหลายรูปแบบ
ทเี่ ปน็ ส่วนการวพิ ากษว์ ิจารณส์ ภาพทางสงั คม เศรษฐกจิ และการเมืองอยู่เสมอมา ปัจจุบันจะเห็น
การเขียนการ์ตูนส่วนใหญ่จะเสียดสีสังคมการเมืองและจะรู้ทันเหตุการณ์บ้านเมืองได้ทันคือ
การต์ นู ท่ีเขียนลงในนติ ยสารต่างๆอกี ทัง้ ยังมีการเผยแพร่ลงทางโซเชียลลงภาพวาดในเว็บส่วนตัว
เฟสบคุ๊ ของตนเองอีกด้วย ทาให้การเคล่ือนไหวศิลปะน้ันง่ายข้ึน ทาให้เกิดความในวงการศิลปะ
เกดิ ข้นึ มากมาย ไมว่ ่าจะเป็นการปลดภาพไม่ให้แสดงภายในนิทรรศการ การแบนไม่ให้ถ่ายทอด
เกดิ จากผู้มีอานาจเป็นคนส่ังห้าม ทั้งหมดล้วนเกิดมาจากอานาจของศิลปะทั้งน้ันที่แสดงออกให้
ผู้คนทว่ั ไปรับรู้

11
0

บทที่ 4

บทบาทของศลิ ปะ

บทบาทของศิลปะคือการสร้างสรรค์งานศิลปะให้มีความสัมพันธ์กับผู้สร้างงานศิลปะ
และผู้รับชมผลงานศิลปะ ศิลปะแต่ละยุคสมัยจะมีวิธีการสื่อหรือถ่ายทอดแตกต่างกัน แนวคิด
การสร้างสรรค์ผลงานแสดงออกถึงคุณค่าของศิลปะนิยมให้บุคคลตระหนักถึงรสนิยมการทางาน
ของแต่ละบุคคล แตแ่ นวทางการชมงานศิลปะ อกี ทง้ั ยงั เป็นสื่อแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์
ที่สร้างงานออกมาท่ีมีเนื้อหาสาระที่หลากหลายเร่ืองราวอีกท้ังยังสอดแทรกประสบการณ์ใน
ผลงานความคดิ สรา้ งสรรค์เฉพาะตัวงานศลิ ปะ อีกทั้งเปน็ สอ่ื ใหผ้ ้คู นรับรู้ไดง้ ่ายอีกดว้ ย

ศิลปะในปัจจุบันบทบาทท่ีสาคัญเป็นตัวขับเคล่ือนกระแสสังคม ไม่ว่าจะเป็นการ
เรียกร้อง หรอื การวพิ ากษว์ ิจารณโ์ ดยใช้ศลิ ปะเป็นตัวถ่ายทอดให้บุคคลทั่วไปได้รับชม มีทั้งไม่ชื่น
ชอบตานิติเตยี น โดยสั่งเก็บผลงาน มีท้ังเห็นด้วยกับความคิดแต่ถ้าศิลปะในปัจจุบันน้ัน สร้างมา
เพอื่ เป็นไปตามคนในสังคมส่วนใหญ่ชื่นชอบนั้นคงเป็นได้แค่เพียงสร้างความบันเทิงที่ปราศจาก
แก่นสารและเป็นศลิ ปะท่ีไมส่ ะท้อนความจริง และเม่ือศิลปะทางสังคมแง่มุมของชีวิตตรงข้ามกับ
มมุ องหรือประสบการณ์ของบุคคลหน่ึงมักจะเก่ียวข้องกับศิลปะทางสังคมและบางครั้งจะได้รับ
อิทธิพลจากมัน ตัวอย่างเช่นงานศิลปะสาธารณะในเยอรมนีในปี 1930 มีรูปแบบสัญลักษณ์ท่ี
ครอบงา ศลิ ปะน้มี ีอิทธิพลตอ่ ประชากรชาวเยอรมันหรือไม่? เช่นเดียวกับโปสเตอร์การเมืองและ
ความรกั ชาติในประเทศพันธมติ รในช่วงเวลาเดียวกัน ศลิ ปะทางการเมอื งซ่ึงมักออกแบบมาเพื่อส่ง
ข้อความบางอย่างมักมีหน้าท่ีทางสังคม ถ้วยน้าชา Dada ท่ีปกคลุมด้วยขนสัตว์ซึ่งไร้ประโยชน์
สาหรบั การถือชามีหนา้ ทท่ี างสงั คมทปี่ ระท้วงสงครามโลกครง้ั ที่ 1 (และเกือบทกุ อย่างในชวี ติ )

12
0

ผลงานท่ีเป็นกระแ สและมีอานาจนอกจากผลงานทัศนศิลป์อย่างจิตกรรม
ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ศลิ ปะการจดั วางและการ์ตูนท่ีออกผลงานศิลปะมาหลากหลายรูปแบบ
ท่ีเปน็ สว่ นการวิพากษ์วิจารณ์สภาพทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมอื งอยู่เสมอมา ปัจจุบันจะเห็น
การเขียนการ์ตูนส่วนใหญ่จะเสียดสีสังคมการเมืองและจะรู้ทันเหตุการณ์บ้านเมืองได้ทันคือ
การต์ นู ท่เี ขยี นลงในนิตยสารตา่ งๆ

อีกท้ังยังมีการเผยแพร่ลงทางโซเชียลลงภาพวาดในเว็บส่วนตัว เฟสบุ๊คของตนเองอีก
ดว้ ย ทาให้การเคลือ่ นไหวศิลปะนั้นง่ายขึ้น ทาให้เกิดความในวงการศิลปะเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่า
จะเป็นการปลดภาพไม่ให้แสดงภายในนทิ รรศการ การแบนไม่ให้ถ่ายทอดเกิดจากผู้มีอานาจเป็น
คนสัง่ ห้าม ทั้งหมดลว้ นเกดิ มาจากอานาจของศิลปะท้งั นน้ั ที่แสดงออกใหผ้ คู้ นท่วั ไปรบั รู้

แต่การสร้างงานศิลปะแต่ละบุคคล เป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวในการสร้างผลงาน ซึ่งจะ
แตกตา่ งกันไปแตล่ ะบุคคล ศลิ ปินบางคนอาจสร้างงานแค่จากความต้องการแสดงออกและความ
พอใจของตน อาจต้องการสอื่ สารทางความคิดหรือช้ีให้ผู้ชมทราบแทน หรือศิลปินบางท่านสร้าง
ผลงานแคค่ วามสุนทรยี ะให้กบั ตนเองและผูช้ มเท่านั้น

เปน็ ศลิ ปะทย่ี งั คงเปน็ การยกระดับจิตใจของผู้คนให้สูงขึ้นด้วย ให้ช่ืนชมความงามและ
ความประนีประนอมในการสร้างผลงาน เป็นการจรรโลงจิตใจให้ผู้ดูเคร่งเครียดและเศร้าหมอง
ของศิลปินผู้สร้างสรรค์และผู้ชมได้เป็นอย่างดี ศิลปะจึงเป็นส่วนหน่ึงสร้างเพื่อความผ่อนคลาย
ความเครียดและพฒั นาสุขภาพจติ

13
0

บทท่ี 5

เขียนถึงศลิ ปะท่ตี นเองเขา้ ใจ

จากการเร่ิมตน้ ไดเ้ รยี นศลิ ปะในวชิ าการตามการบงั คบั เรียน คือจติ กรรม ประติมากรรม
รจู้ ักเพียงเท่าน้ี โดยส่วนตัวเข้าใจวา่ ศลิ ปะเปน็ การสรา้ งว่าเพ่ือความสวยงามเป็นสิ่งสาคัญ เห็นแต่
ผลงานที่สร้างเป็นภาพจิตกรรมท่ีเน้นความเหมือนจริงของภาพทั่วๆไปไม่ว่าจะเป็น คนเหมือน
ภาพธรรมชาติ ภาพสวยงามทว่ั ไป การเรียนช่วงน้ันก็สร้างผลงานออกมาเพ่ือความสวยงามและ
ความสุนทรยี ใ์ ครๆเหน็ กร็ ับรู้ว่างานช้ินนี้สวยแค่นั้น แต่เมื่อในสังคมปัจจุบันน้ันพบว่าสังคมท่ัวไป
ยอมรบั วา่ ศิลปะเป็นส่ิงสวยงาม สามารถกล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยน ไม่หยาบกระด้าง ศิลปะจึง
เป็นพืน้ ฐานในการสรา้ งลักษณะนิสัยที่ดงี ามของมนุษย์ เป็นจุดเน้นให้มนุษย์สร้างสรรค์งานศิลปะ
และบ่มเพาะสุนทรียะให้เกิดขึ้นในจิตใจ เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคมตลอดมา ให้ความ
เพลิดเพลนิ ทัง้ ผู้ผลิตและผู้ชมผลงานเพื่อเป็นภาวะที่ดีมีคุณค่าต่อจิตใจ เป็นความอ่ิมเอิบใจ ปล้ืม
ใจเป็นเจตคตทิ เ่ี กดิ จากการรับรู้ความสามารถของผู้อ่ืน เป็นความไม่เห็นแก่ตัวทาให้สุขภาพทาง
จติ และทางกายดีไปดว้ ย

งานศลิ ปะในประเทศไทยโตยาก คนไทยจึงไม่ค่อยให้ค่ากับผลงานศิลปะเท่าที่ควร แต่
ปัจจบุ นั ยคุ สมัยเปลยี่ น ดว้ ยเทคโนโลยที ท่ี นั สมัย สื่อต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ศิลปะจึงถูกพูดถึงมาก
ขึ้นกว่าเดิม การขบั เคลือ่ นทางสงั คมในปัจจบุ ันตอ้ งการศิลปะเขา้ มาเกี่ยวข้องสูงมาก โดยเฉพาะใน
ยุคน้ีเราใช้ศิลปะอยู่รอบตัว เสพและสร้างศิลปะ เพราะศิลปะนั้นจะมีการส่ือสารกับเราโดยไม่
จาเป็นต้องมเี หตผุ ลแตส่ ามารถส่ือสารไดล้ ึกมากเทา่ ทีค่ วรและทกุ คนสามารถยอมรบั ได้ เราจึงรู้สึก
วา่ ศลิ ปะน้นั มีความสาคญั มาก ศลิ ปะท่พี ูดถงึ เรื่องราวชีวติ สว่ นตวั น้อยลง และพูดถึงเกี่ยวกับสังคม
ท่มี ากข้นึ

14
0

แต่ศิลปะในปัจจุบันศิลปะเกิดข้ึนมาในหลากหลายรูปแบบ นอกเหนือจากจิตกรรม
ประติมากรรม ภาพพิมพแ์ ลว้ ยงั มีการสรา้ งภาพ วิดีโออารต์ ภาพยนตร์ ศิลปะการจัดวาง เพราะ
ไม่จบแค่ความสวยงามเพียงเทา่ นนั้ ศิลปะกลายเป็นสิง่ ที่กระจายความรู้ ข้อมูลข่าวสาร เนื่องจาก
ผลงานศิลปะแต่ละยุคสมัยสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญ ความเสื่อม ความเช่ือ ค่านิยม
และความสามารถทางสติปัญญา อีกด้วย ศิลปะจึงกลายมาเป็นศิลปะสมัยใหม่ในรูปแบบท่ีต่าง
ออกไป ศิลปะหลงั สมยั ใหม่มักถือความคิด ภาพความคิดหรือจินตภาพ ซึ่งเป็นภาพในสมองเป็น
ตัวตั้ง การสร้างรูปลักษณ์ให้ปรากฏเป็นผลงานศิลปะเป็นผลท่ีตามมา หรือเป็นผลท่ีเกิดจาก
เหตุผล จากอดีตสู่ปัจจุบัน ห้วงเวลาและความคิดท่ีต่างกัน วัฒนธรรมและการดารงชีวิตท่ี
เปลี่ยนไป ปัจจุบันผลงานศิลปะกลายเป็นส่ือถ่ายทอดทางความคิดท่ีดีในรูปแบบหนึ่ง สร้าง
ผลงานออกมาเป็นหัวข้อในการถกเถียงมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นการ
สนับสนนุ ให้ผชู้ มที่ได้เข้ามาดูงานมีความกล้าท่ีจะแสดงออกและตอบโต้กับปัญหาต่างๆที่เกิดข้ึน
จากผลงานศลิ ปะทีส่ ือ่ ออกมา

โชตกิ า วชิ าชู
60110010238


Click to View FlipBook Version