โครงงานสงิ่ ประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสตกิ เพื่อจาํ หนา่ ยเปน็ รายไดร้ ะหว่างเรยี น
(Make a lantern out of plastic spoons to sell as income during Class)
นางสาวจริ าพรรณ ศรยี วง
นางสาวสร้อยสริ ิ คําปนั
โครงงานน้เี ป็นส่วนหนึง่ ของการศึกษาตามหลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
ประเภทวิชาบริหารธุรกจิ สาขาวชิ าการบัญชี
วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาเชยี งใหม่
ปีการศกึ ษา 2564
สารบัญ ง
เรือ่ ง
หน้า
ใบรบั รองโครงงาน
ก
บทคดั ย่อ ข
กิตติกรรมประกาศ ค
ง
สารบัญ จ
ฉ
สารบัญ (ตอ่ ) ช
สารบัญตาราง 1
สารบัญรูปภาพ 1
บทที่ 1 บทนาํ 2
2
1.1 ความเปน็ มาและความสาํ คัญ 2
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 3
8
1.3 ขอบเขตโครงงาน 22
1.4 ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะได้รบั
23
1.5 นยิ ามศัพท์ 24
บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฎีและรายงานวิจัยทเ่ี กยี่ วข้อง 26
29
2.1 ความร้เู ก่ียวกบั โครงงาน 30
2.2 ทฤษฎที เี่ กยี่ วข้อง
33
2.3 งานวจิ ยั ที่เกย่ี วข้อง
บทท่ี 3 วิธีดําเนินงานโครงงาน 38
40
3.1 กรอบแนวคิดสงิ่ ประดิษฐ์
3.2 การออกแบบโครงสร้างสิ่งประดิษฐ์
3.3 ข้นั ตอนการดําเนินงาน
3.4 สรา้ งและพฒั นาสิ่งประดษิ ฐ์
3.5 การหาประสทิ ธิภาพของสิง่ ประดษิ ฐ์
บทที่ 4 ผลการดําเนนิ โครงงาน
4.1 ผลการดาํ เนนิ โครงงาน/ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล
บทท่ี 5 สรปุ ผลการดําเนินงานโครงงานและขอ้ เสนอแนะ
5.1 สรปุ ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู
5.2 ข้อเสนอแนะ
จ
สารบญั (ต่อ) หน้า
เรือ่ ง
41
บรรณานุกรม 48
ภาคผนวก
50
ภาคผนวก ก เค้าโครงรา่ งโครงงาน 52
ภาคผนวก ข กรอบแนวคิดสง่ิ ประดิษฐ์ 54
ภาคผนวก ค รปู อาจารย์ท่ีปรึกษา/อาจารย์ประจําวิชาโครงงาน 57
59
และคณะผจู้ ัดทํารูปทีป่ รึกษาโครงงานและรปู สงิ่ ประดิษฐ์ 63
ภาคผนวก ง แบบบนั ทึกการปฏิบตั ิงาน 69
ภาคผนวก จ แบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม 74
ภาคผนวก ฉ แบบรายงานผลการนําไปใช้ประโยชน์ 77
ภาคผนวก ช แผนธุรกจิ 80
ภาคผนวก ซ แบบนาํ เสนอขออนมุ ัตโิ ครงงานวิชาชพี 85
ภาคผนวก ฌ คณะกรรมการอนมุ ตั โิ ครงงานและคณะกรรมการประเมินโครงงาน
ภาคผนวก ญ รูปภาพนําเสนอโครงงาน
ประวตั ิผู้จดั ทาํ
สรุปเเบบสอบถามประเมนิ ความพงึ พอใจในการเยย่ี มชมการนําเสนอโครงงาน
สง่ิ ประดษิ ฐ์โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ เพอื่ จําหน่ายเป็นรายได้ระหว่างเรยี น
สารบญั ตาราง ฉ
เรอ่ื ง
หน้า
ตารางท่ี 3.1 วเิ คราะห์ขอ้ มูลเพ่ือตัดสินใจเลือกโครงงานวชิ าชพี
26
ตารางที่ 3.2 ปฏทิ ินการปฏิบตั ิงาน 28
34
ตารางท่ี 4.1 การจาํ แนกเพศของผูต้ อบแบบสอบถาม 35
36
ตารางท่ี 4.2 การจําแนกอายขุ องผูต้ อบแบบสอบถาม 37
ตารางที่ 4.3 ระดบั ความพึงพอใจด้านคุณสมบัติ 40
ตารางที่ 4.4 ระดบั ความพึงพอใจดา้ นประสทิ ธภิ าพ
ตารางที่ 5.1 ข้อเสนอแนะสาํ หรับการนาํ ผลไปใช้
ช
สารบญั รปู ภาพ หน้า
เร่ือง
5
ภาพที่ 2.1 โคมไฟ 7
ภาพที่ 2.2 ชอ้ นพลาสตกิ 24
ภาพที่ 3.1 โคมไฟจากชอ้ นพลาสติกขนาดเลก็ 24
ภาพท่ี 3.2 โคมไฟจากช้อนพลาสติกขนาดกลาง 24
ภาพที่ 3.3 ขวดพลาสตกิ 24
ภาพท่ี 3.4 ช้อนพลาสตกิ 25
ภาพที่ 3.5 กาวรอ้ น 25
ภาพที่ 3.6 หลอดไฟ LED พร้อมเดนิ สายไฟ 25
ภาพท่ี 3.7 คัตเตอร์ 25
ภาพท่ี 3.8 สเปรย์พ่นสี 34
ภาพที่ 4.1 แผนภมู แิ สดงการจําแนกเพศของผตู้ อบแบบสอบถาม 35
ภาพท่ี 4.2 แผนภมู แิ สดงการจําแนกอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม 36
ภาพท่ี 4.3 แผนภูมแิ สดงความพึงพอใจด้านคุณสมบตั ขิ องโคมไฟจากช้อนพลาสติก 37
ภาพที่ 4.4 แผนภูมแิ สดงความพงึ พอใจดา้ นประสทิ ธิภาพของโคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ
ข
ช่ือผู้จัดทําโครงการ : นางสาวจิราพรรณ ศรียวง , นางสาวสรอ้ ยสริ ิ คําปนั
ช่ือโครงการ : สง่ิ ประดษิ ฐ์โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ เพ่อื จําหนา่ ยเปน็ รายได้
ระหว่างเรยี น
สาขาวิชา : การบัญชี
ประเภทวิชา : บรหิ ารธรุ กิจ
ครทู ปี่ รกึ ษาโครงการ : นางภทั รานษิ ฐ์ พัชริศวโรจน์
ปีการศกึ ษา : 2564
บทคัดยอ่
โครงงานส่ิงประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพื่อจําหน่ายเป็นรายได้ระหว่างเรียน
วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1. เพื่อให้เกิดประสบการณ์ในการทําโคมไฟจากช้อนพลาสติก 2. เพื่อนํา
ส่ิงของเหลือใช้มาทําให้เกิดมูลค่า 3. เพื่อก่อให้เกิดรายได้จากการดําเนินงาน ณ หอพักเรือนจันทร์ 1
ซอย1 ถ.ศรีมงคล ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50300 ระยะเวลาการดําเนินงาน ตั้งแต่
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 จนถงึ วันที่ 31 มกราคม 2565
ผลการดําเนินงานโครงงานประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพ่ือจําหน่ายเป็นรายได้ระหว่าง
เรียน เป็นดังนี้ ได้โคมไฟจากช้อนพลาสติกจํานวน 2 ขนาด และจากการหาประสิทธิภาพและ
ประดิษฐ์รูปแบบของโคมไฟจากช้อนพลาสติก มีผู้ตอบแบบสอบถามจํานวน 20 คน มีผลดังนี้ ข้อมูล
ท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าการจําแนกเพศของผู้ตอบแบบสอบถามจํานวน 20 คนดังนี้ ส่วน
ใหญ่เป็นผู้หญิงจํานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 60 ,และเป็นผู้ชายจํานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 40 ,
การจําแนกอายุของผู้ตอบแบบสอบถามจํานวน 20 คนที่ตอบแบบสอบถามมีช่วงอายุดังน้ี ช่วงอายุ
ระหว่าง 15-20 ปีมีจํานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25 , ช่วงอายุระหว่าง 20-25 ปีมีจํานวน 12 คน คิด
เป็นร้อยละ 60 ช่วงอายุระหว่าง 26 ปีขึ้นไปมีจํานวน 3 คนคิดเป็นร้อยละ 15 ระดับความพึงพอใจใน
ด้านคุณสมบัติของโคมไฟจากช้อนพลาสติกจําหน่ายเพ่ือหารายได้ระหว่างเรียนมีความพึงพอใจโดย
รวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( = 4.58) โดยเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ วัสดุท่ีใช้ในการทําโคม
ไฟจากช้อนพลาสติก ( = 4.65 ) ความแข็งแรงของโคมไฟจากช้อนพลาสติก ( = 4.60) นํ้าหนัก
ของโคมไฟจากช้อนพลาสติก ( = 4.55) และความสะดวกในการใช้งาน ( = 4.50) ระดับความพึง
พอใจในด้านประสิทธิภาพของโคมไฟจากช้อนพลาสติกจําหน่ายเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน มีความพึง
พอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( = 4.68 ) โดยเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ความ
ปลอดภัยในการใช้งาน ( = 4.75) ประโยชน์ในการใช้งาน ( = 4.70) และใช้งานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ( = 4.60) จากแบบสอบถามความพึงพอใจในการทดลองใช้สิ่งประดิษฐ์โคมไฟจาก
ช้อนพลาสติกเพื่อจําหน่ายเป็นรายได้ระหว่างเรียน จํานวน 20 คน มีข้อเสนอแนะ 2 คน คิดเป็นร้อย
ละ 10 ไม่มีข้อเสนอแนะ 18 คน คิดเป็นร้อยละ 90 ข้อเสนอแนะมีดังต่อไปนี้ 1. อยากให้โคมไฟจาก
ช้อนพลาสติกมีรปู ทรงท่ีหลากหลายและแปลกใหมก่ วา่ นี้ 2. อยากให้โคมไฟมีความสมดลุ มากกว่านี้
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานสิ่งประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกจําหน่ายเพ่ือเป็นรายได้ระหว่างเรียนสําเร็จ
ลุล่วงไปได้ด้วยดีโดยความกรุณาของหลายฝ่ายตั้งแต่ผู้อํานวยการฯ ครูอาจารย์และเจ้าหน้าท่ีวิทยาลัย
อาชีวศึกษาเชยี งใหม่ทไ่ี ด้ใหก้ ารสนบั สนุนการดาํ เนนิ งานโครงงานวชิ าชีพด้วยดตี ลอดมา
ขอขอบคุณ ครูภัทรานิษฐ์ พัชริศวโรจน์ ครูท่ีปรึกษาโครงงาน/ครูประจําวิชาโครงงานที่ให้
คําแนะนําในการจัดทําโครงงานวิชาชีพรวมท้ังแก้ไขข้อบกพร่องในส่วนต่างๆจนเป็นรูปเล่มสมบูรณ์
และขอขอบคณุ คณะกรรมการรับรองโครงงานและสอบโครงงานท่ใี หค้ วามเห็นชอบในคร้งั น้ี
ขอขอบคุณเพื่อนร่วมห้อง ครอบครัวท่ีเป็นกําลังใจรักและหวังดีจนผลงานสําเร็จเรียบร้อยหวัง
เป็นอย่างยิ่งว่าผลการศึกษาโครงงานคร้ังนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจศึกษาและผู้ท่ีคิดจะประกอบ
อาชพี อสิ ระตอ่ ไป
จิราพรรณ ศรียวง
สร้อยสริ ิ คําปัน
บทที่ 1
บทนํา
1.1 ความเปน็ มาและความสาํ คญั ของโครงงาน
โคมไฟ เป็นอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างชนิดหนึ่งแต่ปัจจุบันนิยมนําโคมไฟมาประดิษฐ์เป็น
เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านซ่ึงโคมไฟจะมีรูปร่างและรูปทรงแตกต่างกันออกไปตามวัสดุท่ีนํามาประดิษฐ์
การผลิตโคมไฟสามารถใช้วัสดุได้หลายอย่างหลายชนิด เช่น พลาสติก เหล็ก หรืออลูมิเนียม ซ่ึงมักจะ
มีราคาแพงแต่ความเป็นจริงแล้วโคมไฟสามารถผลิตจากวัสดุอย่างอ่ืนได้ไม่ว่าจะเป็น กะลามะพร้าว
เศษไม้ต่างๆที่เหลือใช้ ขวดนํา พลาสติกต่างๆ เป็นต้น เมื่อกล่าวถึงขวดนําซึ่งเป็นวัสดุที่เหลือใช้แต่บาง
คนอาจคิดว่าไม่มีประโยชน์และอาจจะเป็นขยะได้แต่ความจริงสามารถนํามาประดิษฐ์เป็นโคมไฟได้
เพ่ือช่วยลดปัญหาการตกค้างของขยะลดการใช้พลังงานในการรีไซเคิลและเพ่ือเป็นการกระตุ้น
เสริมสร้างให้เกิดจิตใต้สํานึกมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนัํนประชากรโลกจึงหันมา
อนุรักษ์ธรรมชาติให้ความสําคัญกับสินค้าท่ีทําจากวัสดุเหลือใช้และการนํากลับมาใช้ใหม่ นับแต่สมัย
โบราณ ยามค่ําคืน ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้า มีเพียงแต่แสงดาว แสงจันทร์ และคบเพลิง ซึ่งจากคบ
เพลิงไม้ ก็ได้นําไปสู่โคมไฟ เพ่ือใช้เป็นแสงสว่างยามคํ่าคืน โคมไฟถูกสร้างขึํนรับอิทธิพลมาจาก
ประเทศจีน ซ่ึงปัจจุบันโคมไฟที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆเลยก็คือ โคมไฟไม้สัก ซึ่งมีความสวยงาม
คงทน แข็งแรง แต่มีความคลาสสิกในตัวของโคมเอง ลักษณะของดวงโคม 1. ดวงโคมไฟผนังเป็นชนิด
ท่ีใช้ยึดติดกับผนัง มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเช่นกัน แบบสะท้อนเข้าผนังเพื่อสร้างบรรยากาศ
ให้กับห้อง เป็นต้น 2. ดวงโคมไฟตํังพืํน ตัํงโต๊ะ เป็นดวงโคมไฟแบบลอยตัวที่ช่วยในการให้แสงสว่าง
ตามจุดต่าง ๆ เป็นพิเศษ เช่น ในบริเวณท่ีน่ังอ่านหนังสือโต๊ะทํางาน หรือโต๊ะหัวเตียง และยังใช้เป็น
ของประกอบการตกแต่งในห้องชุดร่วมกับชุดเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ อีกด้วย เช่น ชุดรับแขก ชุดทาน
อาหาร เป็นต้น มีรูปแบบและวัสดุให้เลือกมากมายหลายหลายราคา 3. ลักษณ์โคมไฟจาก
กะลามะพร้าว มีลักษณ์เดียวกับโคมไฟตัํงพืํน ตํังโต๊ะแต่สามารถออกแบบได้หลายแบบ สีสันสามารถ
ทาํ ไดห้ ลายสแี ต่ท่ีนยิ มคอื สีเนํอื ไม้
คณะผู้จัดทําโครงงาน มีแนวคิดในการนําช้อนพลาสติกมาทําเป็นโคมไฟ โดยนําวัสดุที่เหลือใช้
กลับมาใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยประดิษฐ์เป็นโคมไฟจากช้อนพลาสติกสามารถใช้
ประโยชน์ได้จริงและสวยงาม เป็นโคมไฟตกแต่งบ้านเรือนได้และทําเป็นธุรกิจสร้างรายได้ จนสําเร็จใน
การทาํ โครงงานนํี
1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงงาน
1.2.1 เพอื่ ศึกษาขัํนตอนในการทาํ โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ
1.2.2 เพื่อนาํ ส่งิ ของเหลอื ใชม้ าทําให้เกดิ มูลค่า
1.2.3 เพ่อื ก่อใหเ้ กิดรายได้จากการดําเนนิ งาน
2
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
1.3.1 เปา้ หมายของโครงงาน
1. เป้าหมายเชิงคณุ ภาพ
1) การทําโคมไฟจากช้อนพลาสติกเปน็ การพัฒนามงุ่ สรา้ งผลิตภณั ฑ์สาํ เร็จรปู เพื่อ
สร้างจดุ เด่น
2) สรา้ งมูลค่าเพิ่มใหก้ ับวสั ดุเหลอื ใชแ้ ละสร้างรายได้
2. เป้าหมายเชงิ ปรมิ าณ
1) จดั ทําโคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ เป็นระยะเวลา 2 เดือนตงํั แตเ่ ดอื น พฤศจกิ ายน
2564 ถงึ วนั ท่ี 1 มกราคม 2565
2) ทาํ โคมไฟจากช้อนพลาสติก จาํ นวน 2 ขนาด ขนาดเลก็ 1 อัน ขนาดกลาง 1 อนั
1.3.2 ระยะเวลาและสถานทด่ี ําเนินงาน
1. ระยะเวลา ตํงั แต่วนั ท่ี 2 พฤศจกิ ายน 2564 จนถึงวนั ที่ 31 มกราคม 2565
2. หอพกั เรือนจันทร์ 1 ซอย 1 ถ.ศรีมงคล ต.ปา่ ตนั อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชยี งใหม่
50300
1.4 ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะไดร้ บั
1.4.1 เพอ่ื เป็นแนวทางการศึกษาค้นควา้ การออกแบบโคมไฟจากชอ้ นพลาสติกในแบบท่ี
หลากหลาย
1.4.2 สามารถนําไปขายเปน็ รายไดเ้ สรมิ ได้
1.5 นยิ ามศัพท์
1.5.1 โคมไฟ หมายถงึ เปน็ เครอ่ื งมือทีอ่ นุญาตให้อปุ กรณ์สรา้ ง แสง หรือทีเ่ รียกว่า หลอดไฟ
เพอื่ เช่ือมต่อกบั ระบบไฟฟ้า และสง่ั การด้วยการเปดิ สวติ ชไ์ ฟ หรอื เสยี บปล๊ักไฟใหม้ ีแสงสวา่ งออกมา
จากหลอดไฟ และทําหน้าที่เปน็ ของตกแตง่
1.5.2 พลาสติก หมายถึง พลาสติกเป็นวัสดุที่มนุษย์ประดิษฐ์ขํึน โดยการนําวัตถุดิบที่ได้จาก
ธรรมชาติ เช่น นํามันปิโตรเลียม มาแยกเป็นสารประกอบบริสุทธิ์หลายชนิด พลาสติกมีบทบาทอย่าง
ยิ่งในชีวิตประจําวัน เราจะพบเห็นพลาสติกในรูปของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น หวี กล่องใส่สบู่
ขวดและกระปกุ เครอื่ งสาํ อาง
1.5.3 การออกแบบ หมายถงึ การทําต้นแบบ หรือการทาํ โครงสร้างของชํินงานทต่ี ้องการ
ประดษิ ฐ์ เพ่อื ให้ได้ผลงานสาํ เรจ็ ตามท่ีมงุ่ หวงั โดยการเลอื กวัสดุ เลือกสี ทีน่ ํามาใช้ให้เหมาะสม
สวยงาม
บทท่ี 2
เอกสาร ทฤษฎีและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
การดําเนินโครงงานประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพื่อจําหน่ายเป็นรายได้ระหว่างเรียน
จํานวน 2 ขนาด ณ หอพักเรือนจันทร์ 1ซอย1 ถ.ศรีมงคล ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
50300 ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันท่ี 31 มกราคม 2565 ผู้ดําเนินโครงงานได้รวบรวม
เอกสาร ทฤษฎีและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ งมีหวั ข้อดงั ต่อไปนี้
2.1 ความรูเ้ กี่ยวกบั โครงงานทีท่ ํา
2.2 ทฤษฎที ี่เกี่ยวข้อง
2.3 ประวัติวิทยากร/ท่ปี รกึ ษาโครงงานและสถานประกอบ
2.4 งานวจิ ัยท่เี ก่ยี วข้อง
2.1 ความรเู้ กี่ยวกับโครงงานทที่ ํา
2.1.1 ความรู้เกีย่ วกับโคมไฟ
โคมไฟ (lamp) หมายถึง เคร่ืองมือท่ีอนุญาตให้อุปกรณ์สร้าง แสง หรือที่เรียกว่า
หลอดไฟ เพ่ือเช่ือมต่อกับระบบไฟฟ้า และส่ังการด้วยการเปิดสวิตช์ไฟ หรือเสียบปล๊ักไฟให้มีแสงสว่าง
ออกมาจากหลอดไฟ และทําหน้าท่เี ปน็ ของตกแตง่ เปน็ อุปกรณ์ทีใ่ ห้แสงสว่างชนดิ หนึ่งแต่ปจั จบุ นั นิยม
นําโคมไฟมาประดิษฐ์เป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านซึ่งโคมไฟจะมีรูปร่างและรูปทรงแตกต่างกันออกไป
ตามวัสดุที่นํามาประดิษฐ์ การผลิตโคมไฟสามารถใช้วัสดุได้หลายอย่างหลายชนิด เช่น พลาสติก เหล็ก
หรืออลูมิเนียม ซึ่งมักจะมีราคาแพงแต่ความเป็นจริงแล้วโคมไฟสามารถผลิตจากวัสดุอย่างอ่ืนได้ไม่ว่า
จะเป็น กะลามะพร้าว เศษไม้ต่างๆท่ีเหลือใช้ ขวดนํ้า พลาสติกต่างๆ เป็นต้น เมื่อกล่าวถึงขวดน้ําซึ่ง
เป็นวัสดุท่ีเหลือใช้แต่บางคนอาจคิดว่าไม่มีประโยชน์และอาจจะเป็นขยะได้แต่ความจริงสามารถนํามา
ประดิษฐ์เป็นโคมไฟได้ เพื่อช่วยลดปัญหาการตกค้างของขยะลดการใช้พลังงานในการรีไซเคิลและเพื่อ
เป็นการกระตุ้นเสริมสร้างให้เกิดจิตใต้สํานึกมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม ดังนั้นประชากร
โลกจึงหันมาอนุรักษ์ธรรมชาติให้ความสําคัญกับสินค้าท่ีทําจากวัสดุเหลือใช้และการนํากลับมาใช้ใหม่
นับแต่สมัยโบราณ ยามค่ําคืนไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้า มีเพียงแต่แสงดาว แสงจันทร์ และคบเพลิง ซ่ึง
จากคบเพลิงไม้ก็ได้นําไปสู่โคมไฟ เพ่ือใช้เป็นแสงสว่างยามคํ่าคืน โคมไฟถูกสร้างขึ้นมา รับอิทธิพลมา
จากประเทศจีน การผลิตโคมไฟสามารถใช้วัสดุได้หลายอย่างหลายชนิด เช่น พลาสติก เหล็ก หรือ
อลูมิเนียม ซ่ึงมักจะมีราคาแพงแต่ความเป็นจริงแล้วโคมไฟสามารถผลิตจากวัสดุอย่างอ่ืนได้ไม่ว่าจะ
เป็น กะลามะพร้าว เศษไม้ต่างๆท่ีเหลือใช้ ขวดนํ้า พลาสติกต่างๆ เป็นต้น เม่ือกล่าวถึงขวดนํ้าซ่ึงเป็น
วัสดุที่เหลือใช้แต่บางคนอาจคิดว่าไม่มีประโยชน์และอาจจะเป็นขยะได้แต่ความจริงสามารถนํามา
ประดิษฐ์เป็นโคมได้ซึ่งมีความสวยงามอยู่ในตัวและช่วยทําให้ลดแสงของไฟให้เบาลงมองแล้วไม่แ
สบตาและยงั มคี วามสวยงามและยังใหป้ ระโยชนต์ ามท่ตี ้องการอกี ดว้ ย
4
งานประดิษฐ์ หมายถึง ส่ิงท่ีจัดทําข้ึน โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดความประณีต สวยงาม
น่าสนใจ เพื่อประโยชน์ท่ีพึงประสงค์ เช่น งานประดิษฐ์ดอกไม้ งานประดิษฐ์โคมไฟจากขวดพลาสติก
และชอ้ นพลาสติก ผ้ารองจาน กระเปา๋ ตุ๊กตา กระทงใบตอง บายศรี พานดอกไม้ มาลยั แบบอื่นๆ
2.1.2 ความสําคัญของงานประดิษฐ์
2.1.1 ประหยัดคา่ ใช้จ่าย
2.1.2 ใช้เวลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์
2.1.3 ความเพลดิ เพลิน
2.1.4 เพ่มิ คณุ คา่ ของวัสดุ
2.1.5 สรา้ งความแปลกใหมท่ ี่มอี ย่เู ดมิ
2.1.3 การเลือกใช้และบํารงุ รักษาอปุ กรณ์ มหี ลักการดังนี้
2.1.1 ควรเลือกใช้ให้ถกู ประเภทของวัสดุและอปุ กรณ์
2.1.2 ควรศึกษาวิธีการใช้ก่อนลงมอื ใช้
2.1.3 เม่อื ใช้แลว้ เกบ็ ไว้ใหเ้ ป็นระเบยี บเรยี บร้อย
2.1.4 ซอ่ มแซมเครอ่ื งมอื ทช่ี าํ รดุ ใหพ้ รอ้ มใช้เสมอ
2.1.4 ประเภทของงานประดษิ ฐ์
งานประดิษฐ์ต่างๆ สามารถเลือกทําได้ตามความต้องการและประโยชน์ใช้สอย ซึ่งอาจ
แบง่ ประเภทของงานประดษิ ฐต์ ามโอกาสใช้สอยดังน้ี
1. ประเภทใช้เป็นของเล่น เป็นของเล่นท่ีผู้ใหญ่ในครอบครัวทําให้ลูกหลานเล่นเพ่ือความ
เพลดิ เพลนิ เช่น งานปั้นดนิ เป็นสัตว์ สงิ่ ของ งานจกั สานใบลานเปน็ โมบาย งานพับกระดาษ
2. ประเภทของใช้ ทําข้ึนเพ่ือเป็นของใช้ในชีวิตประจําวัน เช่น การสานกระบุง ตะกร้า
การทําเคร่อื งใช้จากดนิ เผา จากผา้ และเศษวสั ดุ
3. ประเภทงานตกแต่ง ใช้ตกแต่งสถานท่ี บ้านเรือนให้สวยงาม เช่น งานแกะสลักไม้ การ
ทาํ กรอบรปู โคมไฟจากช้อนพลาสติก
4. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในงานเทศกาลและประเพณีต่างๆ เช่น
การทํากระทงลอย ทาํ พานพมุ่ มาลัย บายศรี เป็นต้น
2.1.5 รูปแบบโคมไฟทีน่ ยิ มใช้ในงานออกแบบอินทเี รยี ร์
1. โคมไฟส่องลง หมายถึง โคมไฟท่ีให้แสงสว่างส่องลงด้านล่าง เหมาะสําหรับใช้งานส่อง
สวา่ งท่ัวไป
2. โคมไฟส่องข้ึน หมายถึง โคมไฟท่ีให้แสงสว่างขึ้นไปด้านบน เพ่ือให้แสงสะท้อนที่
เพดานและตกกระทบมายงั พ้ืนทีท่ าํ งาน เหมาะสาํ หรบั งานเพดานสงู และเพดานมสี ีอ่อน
5
2.1.6 ประโยชน์ของโคมไฟ
เป็นวัสดุหรือเคร่ืองให้แสงสว่างท่ีมีหลายรูปแบบและหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภท
เหมาะกับการใชง้ านทแ่ี ตกต่างกันไป สาํ หรบั ประโยชน์ของโคมไฟหลัก ๆ มีดงั น้ี
1. ชว่ ยอาํ นวยความสะดวก เพราะแสงจากโคมไฟทําใหม้ แี สงสว่างในบริเวณที่ติดตัง้
2. โคมไฟหลอด LED ช่วยประหยัดไฟและประหยัดคา่ ใชจ้ ่าย
3. โคมไฟเป็นของตกแต่งบ้านและเหมาะกับงานออกแบบอินทีเรียร์ เพราะรูปทรงสวย
และมีเอกลักษณอ์ ยู่ในตวั เอง
4. แสงสว่างจากโคมไฟหลากหลายประเภทให้ความสวยงามและให้แสงสว่างท่ีแตกต่าง
กัน ทาํ ใหเ้ หมาะกับการเลอื กใช้งานทหี่ ลากหลาย
5. โคมไฟบางรูปแบบสามารถนํามาประยุกต์เป็นของประดับตกแต่งบ้านให้สวยงามได้
เช่น โคมไฟติดเสาร้วั โคมไฟติดผนังนอกบ้าน หรอื โคมไฟระเบียงบา้ น
ภาพท่ี 2.1 โคมไฟ
ท่ีมา : โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ , 2556 : เว็บไซต์
6
2.1.2 ความรู้เกีย่ วกับช้อนพลาสติก
1. ช้อน คือ เป็นเคร่ืองครัวท่ีมีลักษณะเป็นแอ่งต้ืนและเล็กกว่าทัพพี ตรงปลายมีท่ีจับ
โดยท่ัวไปใช้ในการตักอาหารเหลว หรืออาหารกึ่งเหลว หรืออาหารแข็งท่ีไม่อาจใช้กับส้อมได้อย่าง
สะดวก เช่น ใช้ในการตักข้าวหรือธัญพืช นอกจากน้ี ช้อนยังใช้ในการทําอาหารที่จะตวงวัดปริมาณ
ส่วนผสมของอาหารที่จะใช้ด้วย ช้อนอาจจะทํามาจากโลหะ ไม้ พลาสติก หิน หรือแม้แต่งาช้าง ใน
วัฒนธรรมไทยแต่เดิมใช้มือในการเปิบอาหารรับประทาน ภายหลังมีการนําช้อนเข้ามาใช้ โดยปรากฏ
ในรูปของช้อนสั้น ส่วนในปัจจุบันมักใช้ช้อนยาวคู่กับส้อมในการรับประทานอาหารโดยทั่วไป ซึ่งเป็น
ลกั ษณะเฉพาะทีไ่ ม่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดทีใ่ ดในโลก
2. พลาสติก จัดเป็นวัสดุพอลิเมอร์ที่เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีลักษณะเป็นสายโซ่
ยาวๆ แต่ไม่สามารถมองเห็นเป็นสายโซ่ได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งสายโซ่ดังกล่าวประกอบด้วยหน่วยย่อยๆท่ี
เรียกว่า มอนอเมอร์ พอลิเมอร์สามารถสังเคราะห์ได้จากกระบวนการ พอลิเมอร์ไรเซชั่น
(polymerization) ของมอนอเมอร์ โดยใช้แหล่งวัตถุดิบจากปิโตรเคมีเป็นหลัก พลาสติกมีหลายชนิด
และสามารถใช้แทนวัสดุธรรมชาติได้ หลายอย่าง เช่น พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) ใช้ผลิตท่อพีวีซี, พอลิ
เอทธิลีนเทเรฟธาเลท (PET) ใช้ผลิตขวดบรรจุน้ําด่ืม และพอลิสไตรีน (PS) ใช้ผลิตภาชนะบรรจุต่างๆ
เช่นชอ้ น พลาสติก เปน็ ต้น
1) พลาสติกหมายเลข 1 มีชื่อว่า พอลิเอทธิลีนเทเรฟธาเลท (Polyethylne
Terephthalate) หรือท่ีรู้จักกันดีว่า เพ็ท (PET หรือ PETE) เป็นพลาสติกใส แข็ง ทนแรงกระแทกดี
ไม่เปราะแตกง่าย และกันแก๊สซึมผ่านดีใช้ทําขวดบรรจุน้ําด่ืม ขวดน้ํามันพืช เป็นต้น สามารถนํามา รี
ไซเคิลเป็นเสน้ ใย สาํ หรับทาํ เสือ้ กนั หนาว พรม และใยสงั เคราะหส์ ําหรบั ยดั หมอน เป็นต้น
2) พลาสติกหมายเลข 2 มีช่ือว่า พอลิเอธิลีนความหนาแน่นสูง (High Density
Polyethylene) หรือท่ีเรียกแบบย่อว่า เอชดีพีอี (HDPE) เป็นพลาสติกที่เหนียวและแตกยาก
ค่อนข้างแข็งแต่ยืดได้มาก ทนทานต่อสารเคมีและสามารถข้ึนรูปทรงต่างๆ ได้ง่าย ใช้ทําขวดนม ขวด
น้ํา และบรรจุภัณฑ์สําหรับน้ํายาทําความสะอาด ยาสระผม เป็นต้น สามารถนํามารีไซเคิลเป็น ขวด
น้ํามันเครอื่ ง ท่อ ลังพลาสตกิ ไมเ้ ทยี ม เปน็ ตน้
3) พลาสติกหมายเลข 3 มีชื่อว่า พอลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride) หรือที่
รู้จักกันดีว่า พีวีซี (PVC) ใช้ทําท่อน้ําประปา สายยางใส แผ่นฟิล์มสําหรับห่ออาหาร แผ่นพลาสติก
สําหรับทําประตู หน้าต่าง และหนังเทียม เป็นต้น สามารถนํามารีไซเคิลเป็นท่อนํ้าประปาหรือรางนํ้า
สาํ หรบั การเกษตร กรวยจราจร เฟอร์นิเจอร์ ม้าน่งั พลาสติก ตลบั เทป เคเบิล แผ่นไม้เทยี ม เป็นตน้
4) พลาสติกหมายเลข 4 มีช่ือว่า “พอลิเอทิลีนความหนาแน่นตํ่า” สามารถเรียก
แบบย่อว่า “แอลดีพีอี” (LDPE) เป็นพลาสติกที่มีความน่ิม เหนียว ยืดตัวได้มาก ใส ทนทาน แต่ไม่
คอ่ ยทนตอ่ ความรอ้ น ใช้ทําฟลิ ์มหอ่ อาหารและหอ่ ของ ถงุ ใส่ขนมปงั ถุงเย็นสาํ หรบั บรรจุอาหาร
7
สามารถนํามารีไซเคิลเป็นถุงดําสําหรับใส่ขยะ ถุงหูหิ้ว ถังขยะ กระเบ้ืองปูพ้ืน เฟอร์นิเจอร์ แท่งไม้
เทียม เปน็ ต้น
5) พลาสติกหมายเลข 5 มีชื่อว่า พอลิโพรพิลีน (Polypropylene) เรียกโดยย่อว่า
พีพี (PP) เป็นพลาสติกท่ีมีความ ใส ทนทานต่อความร้อน คงรูป เหนียว และทนแรงกระแทกได้ดี
นอกจากนี้ยังทนต่อสารเคมีและน้ํามัน ใช้ทําภาชนะบรรจุอาหาร เช่น กล่อง ชาม จาน ถัง ตะกร้า
กระบอกใส่นํ้าแช่เย็น ขวดซอส แก้วโยเกิร์ต ขวดบรรจุยา สามารถนํามารีไซเคิลเป็นกล่องแบตเตอร่ีใน
รถยนต์ ชน้ิ ส่วนรถยนต์ เช่น กันชนและ กรวยสาํ หรบั นาํ้ มัน ไฟทา้ ย ไมก้ วาดพลาสตกิ แปรง เป็นต้น
6) พลาสติกเลข 6 มีช่ือว่า พอลิสไตรีน (Polystyrene) หรือที่เรียกโดยย่อว่า พีเอส
(PS) เป็นพลาสติกท่ีมีความใส แต่เปราะและแตกง่าย ใช้ทําภาชนะบรรจุของใช้ต่างๆ หรือโฟมใส่
อาหาร เป็นต้น สามารถนํามารีไซเคิลเป็นไม้แขวนเส้ือ กล่องวิดีโอ ไม้บรรทัด กระเปาะเทอร์โมมิเตอร์
แผงสวิตช์ไฟ ฉนวนความรอ้ น ถาดใส่ไข่ เครือ่ งมือเครอ่ื งใชต้ ่างๆ ได้
7) พลาสติกเลข 7 นั้นมิได้มีการระบุชื่อจําเพาะ แต่ไม่ใช่พลาสติกชนิดใดชนิดหน่ึงใน
6 ทไี่ ด้กล่าวไปในข้างตน้ แตเ่ ปน็ พลาสติกท่ีนํามา หลอมใหม่ได้
ภาพท่ี 2.2 ชอ้ นพลาสติก
ท่ีมา : ช้อนพลาสตกิ สขี าว , 2560 : เว็บไซต์
8
2.2 ทฤษฎที ีเ่ กยี่ วข้อง
2.2.1 แนวคดิ เก่ยี วกับนวตั กรรมสงิ่ ประดษิ ฐ์
วัตกรรมมาจากคําภาษาอังกฤษว่า “Innovation” ตามรากศัพท์หมายถึง การกระทําท่ี
ใหม่ของตนเอง ซ่ึงสอดคล้องกับคํานิยามของสํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (2549) ได้ให้ความหมาย
ของนวัตกรรมไว้ว่า นวัตกรรมคือ “ ส่ิงใหม่ที่เกิดจากการใช้ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์ท่ีมี
ประโยชน์ตอ่ เศรษฐกิจและสงั คม”
ทอมัส ฮิวช์ (Thomas Hughes) ได้ให้ความหมายของ “นวัตกรรม” ว่า เป็นการนํา
วิธีการใหม่ ๆ ปฏิบัติหลังจากได้ผ่านการทดลองหรือได้รับการพัฒนามาเป็นขั้น ๆ แล้ว เร่ิมต้ังแต่การ
คิดค้น (Invention) การพัฒนา (Development) ซึ่งอาจจะเป็นไปในรูปของโครงการทดลองปฏิบัติ
ก่อน (Pilot Project) แลว้ จึงนําไปปฏบิ ัติจรงิ ซ่งึ มคี วามแตกตา่ งไปจากการปฏบิ ัติเดิมที่เคยปฏบิ ัติมา
มอร์ตัน (Morton,J.A.) ให้ความหมาย “นวัตกรรม” ว่าเป็นการทําให้ใหม่ข้ึนอีกครั้ง
(Renewal) ซึ่งหมายถึง การปรับปรุงส่ิงเก่าและพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจนหน่วยงานหรือ
องค์การน้ันๆนวัตกรรม ไม่ใช่การขจัดหรือล้มล้างส่ิงเก่าให้หมดไป แต่เป็นการปรับปรุงเสริมแต่งและ
พฒั นา
วัชรพล วิบูลยศริน (2556 : 10) กล่าวถึงความหมายของ นวัตกรรม คือ แนวคิด วิธีการ
ปฏิบัติ หรือส่ิงใหม่ที่ยังไม่แพร่หลายหรือยังไม่เคยใช้มาก่อน และเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการหรือ
สิ่งที่มีอยู่เดิม โดยผ่านการคิดค้นประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือพัฒนาจากของเดิมที่มีอยู่ให้ทันสมัยและ
ปรับปรุงจนไดผ้ ลดีมปี ระสิทธิภาพ ( อ้างอิงจาก https://jarernsri512.wordpress.com)
องคป์ ระกอบของนวัตกรรม ประกอบดว้ ย
1. ความใหม่ ใหม่ในทีนี้คือ สิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีผู้ใดทํามาก่อน เคยทํามาแล้วในอดีตแต่นํามา
รอ้ื ฟ้นื ใหม่ หรือเป็นสงิ่ ใหมท่ ี่มกี ารพัฒนามาจากของเก่าทม่ี ีอยเู่ ดมิ
2. ใช้ความรู้หรือความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนานวัตกรรมต้องเกิดจากการใช้ความรู้
และความคดิ สร้างสรรคใ์ นการสร้างและพฒั นา ไม่ใช่เกดิ จากการลอกเลยี นแบบ หรือการทาํ ซาํ้
3. มีประโยชน์ สามารถนําไปพัฒนาหรือแก้ปัญหาในการดําเนินงานได้ ถ้าในทางธุรกิจ
ตอ้ งมปี ระโยชน์เชงิ เศรษฐกจิ สรา้ งมลู ค่าเพ่ิม และนวัตกรรมมโี อกาสในการพฒั นาตอ่ ได้
2.2.2 การออกแบบงานประดิษฐ์ เป็นการสร้างรูปลักษณ์ของชิ้นงาน โดยอาศัยความคิด
สร้างสรรค์ความรู้ความเข้าใจ ในหลักการออกแบบและนํามาใช้ ทําให้การออกแบบชิ้นงานน้ันมีคุณค่า
และนา่ สนใจยง่ิ
1. การออกแบบ หมายถึง การทําต้นแบบ หรือการทําโครงสร้างของชิ้นงานท่ีต้องการ
ประดิษฐ์ เพ่ือให้ได้ผลงานสําเร็จตามที่มุ่งหวัง โดยการเลือกวัสดุ เลือกสี ท่ีนํามาใช้ให้เหมาะสม
สวยงาม
9
2. ทม่ี าของการออกแบบงานประดษิ ฐ์
2.1 การศึกษาแบบของงานทีต่ นสนใจจากหนังสอื นิตยสารแล้วทดลองปฏบิ ตั ิ
2.2 การดดั แปลงแบบที่มีอยู่เดมิ หรือแบบตัวอยา่ งโดยทาํ การศึกษาแบบ จนเกิด
ความเข้าใจ จึงปฏบิ ัติการสร้างแบบโดยการนําเอาแนวความคดิ หรอื ความคิดสรา้ งสรรค์ของตนเองไป
ผสมผสานทาํ ให้ได้แบบทเี่ ป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะไม่เหมือนใคร
2.3 การออกแบบดว้ ยตนเองคือการออกแบบที่เกดิ จากแนวคดิ ของตนเองและ
ทดลองปฏิบตั สิ ร้างแบบจนไดแ้ บบที่สวยงาม เหมาะสมตามความต้องการ
3. ประโยชน์ของงานประดิษฐ์
1. งานประดิษฐม์ คี วามสัมพันธ์เกีย่ วขอ้ งกบั ชีวิตประจาํ วนั ของไทย
2. งานประดิษฐม์ ีความสมั พนั ธเ์ กย่ี วข้องขนบธรรมเนียมและประเพณีทางศาสนา
3. งานประดษิ ฐ์ชว่ ยให้เกิดความรกั ความสามัคคใี นหม่คู ณะ
4. งานประดษิ ฐช์ ่วยให้การทํางานของสมองและประสาทสัมผัสประสานสมั พนั ธก์ ัน
5. ใช้เปน็ เครอื่ งประดับตกแต่งของขวญั ท่รี ะลกึ
6. รูจ้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์
7. เปน็ การฝึกลักษณะนิสัยในการทํางานให้มีความอดทน
2.2.3 แนวคดิ เกย่ี วกบั พฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภค
พฤติกรรมผู้บริโภค เป็นการศึกษาปัจเจกบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์การ และ
กระบวนการที่พวกเขาเหล่าน้ันใช้เลือกสรร รักษา และกําจัดส่ิงที่เก่ียวกับผลิตภัณฑ์ บริการ
ประสบการณ์ หรือแนวคิดเพื่อสนองความต้องการและผลกระทบท่ีกระบวนการเหล่าน้ีมีต่อผู้บริโภค
และสังคมพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นการสมผสานจิตวิทยา สังคมวิทยา มนุษย์วิทยาสังคม และ
เศรษฐศาสตร์เพ่ือพยายามทําความเข้าใจกระบวนการการตัดสินของผู้ซ้ือท้ังปัจเจกบุคคลและกลุ่ม
บุคคลพฤติกรรมผู้บริโภคศึกษาลักษณะเฉพาะของผู้บริโภคปัจเจกชน อาทิ ลักษณะทาง
ประชากรศาสตร์และตัวแปรเชิงพฤติกรรม เพื่อพยายามทําความเข้าใจความต้องการของประชาชน
พฤติกรรมผู้บริโภคโดยท่ัวไปก็ยังพยายามประเมินส่ิงที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคโดยกลุ่มบุคคลเช่น
ครอบครัวมิตรสหาย กลุ่มอ้างอิง และสังคมแวดล้อมด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภค (Consumer
Behavior)หมายถึง การแสดงออกของแต่ละบุคคลที่เก่ียวข้องโดยตรงกับการใช้สินค้าและบริการทาง
เศรษฐกจิ รวมทัง้ กระบวนการในการตัดสนิ ใจทม่ี ีผลต่อการแสดงออก
พฤตกิ รรมผบู้ ริโภค (Consumer Behavior) หมายถึง พฤตกิ รรมซ่ึงผบู้ รโิ ภคทาํ การ
ค้นหาการซอื้ การใช้ การประเมินผล การใชส้ อยผลติ ภัณฑ์ และการบรกิ าร ซงึ่ คาดว่าจะสนองความ
ตอ้ งการของเขา
10
ชิฟแมน และคะนุค (Schiffman and Kanuk, 1987) ได้ให้ความหมายของพฤติกรรม
ของผู้บริโภคไว้ว่าเป็นพฤติกรรมท่ีผู้บริโภคแสดงออกไม่ว่าจะเป็นการเสาะหา ซ้ือ ใช้ ประเมินผล หรือ
การบริโภคผลิตภัณฑ์ บริการ และแนวคิดต่าง ๆ ซึ่งผู้บริโภคคาดว่าจะสามารถตอบสนองความ
ต้องการของตนได้เป็นการศึกษาการตัดสินใจของผู้บริโภคในการใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ทั้งเงิน เวลาและ
กําลังเพื่อบริโภคสินค้าและบริการต่าง ๆ อันประกอบด้วย ซ้ืออะไร ทําไมจึงซ้ือ ซื้อเม่ือไรอย่างไร ที่
ไหน และบ่อยแค่ไหน
แองเจิลคอลแลต และแบลคเวลล์ (Engel Kollat and Blackwell, 1968) ได้ให้
ความหมายของพฤติกรรมผู้บริโภคว่า หมายถึง การกระทําของบุคคลใดบุคคลหนึ่งซ่ึงเกี่ยวข้อง
โดยตรงกับการจัดหาให้ได้มาและการใช้ซ่ึงสินค้าและบริการ ท้ังนี้หมายรวมถึง กระบวนการตัดสินใจ
ซง่ึ มีมาอย่กู อ่ นแล้ว และซง่ึ มีส่วนในการกาํ หนดใหม้ ีการกระทําดงั กลา่ ว
ปจั จัยทมี่ อี ทิ ธิพลตอ่ การตัดสินใจซอ้ื
1. ปัจจัยท่ีเกิดจากตัวผู้ซ้ือเองผู้ซ้ือมีความแตกต่างในเร่ือง เพศ อายุ รายได้ สถานภาพของ
ครอบครัว และอาชีพ โดยความแตกต่างในปัจจัยเหล่าน้ีทําให้เกิดพฤติกรรมการซ้ือที่แตกต่างกัน
ออกไป
2. ปัจจัยด้านจิตวิทยาความต้องการและแรงจูงใจ โดย A.H. Maslow ได้กล่าวไว้ใน
Hierarchy of Needs อย่างน่าสนใจว่า ความต้องการของผู้ซ้ือนั้นต้องการตอบสนองในเรื่องของด้าน
ร่างกาย, ความปลอดภัยความต้องการให้สังคมยอมรับ, ต้องการมีฐานที่เด่น และต้องการประสบ
ผลสาํ เร็จในชีวติ มชี อื่ เสยี ง
3. การรับรู้ (Perception) การรับรู้มีผลกับการกระตุ้นการซ้ือ และการบริการลูกค้า
สัมพันธ์ น้ันควรทําความเข้าใจในลักษณะการรับรู้ของกลุ่มตลาดเป้าหมายต่าง ๆ เช่น กลุ่มของสินค้า
สําหรับเด็ก, สําหรับกลุ่มคนที่อยู่ในวัยทํางาน และกลุ่มของผู้สูงอายุหลังจากนั้น องค์กรสามารถเลือก
ข้อมลู ข่าวสารที่เหมาะสมกลมุ่ ตลาดเป้าหมายจะรับรไู้ ด้งา่ ย
4. ทัศนคติ (Attitude) ควรสร้างทัศนคติท่ีดีกับภาพพจน์ขององค์กรพนักงานขายและ
สินค้า หรือบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการท่ีผลิตสินค้าใดๆ ท่ีใหม่ออกสู่ตลาด จะประสบ
ความสําเร็จได้นับต้องสร้างทัศนคติที่ดีให้กับผู้ซ้ือให้เกิดการยอมรับในตลาดกลุ่มบุคคลที่เข้ามา
เกี่ยวข้องใน กระบวนการซ้ือกลุ่มคนเหล่านี้มีบทบาทในการตัดสินใจซื้อ โดยสามารถแยกกลุ่มบุคคลที่
เขา้ มาเก่ยี วขอ้ งในกระบวนการซอื้
กระบวนการตัดสินใจ การเปลี่ยนแปลงลักษณะการซ้ือของผู้บริโภค (Chang in
Consumer Buying Habits) พฤติกรรมการซื้อในสังคมไทยมีลักษณะเปล่ียนแปลงไปอย่างเห็นชัด
เจนมีดังนี้
11
1) การเปล่ียนแปลงปริมาณการซ้ือ (Size and Quantity) เน่ืองจากเป็นครอบครัวเดียว
มากขึ้นปริมาณการซื้อสินค้าต่าง ๆ มีขนาดลดลงในแต่ละครั้งที่ซื้อ โดยจะเป็นการซื้อปริมาณที่น้อยลง
แต่เนน้ คุณภาพมากข้ึน
2) การเปลี่ยนแปลงทําเลซ้ือ (Changing in Buying location) ทําเลที่ตั้งขององค์กร
โดยเฉพาะร้านค้ามีความสําคัญมากข้ึนกับการซ้ือสินค้าหรือบริการต้องการความสะดวกสบายในการ
ซอื้ มากข้ึน(Conveniences) สินค้าหรือบริการน้ันต้องการความสะดวกสบายในการซ้อื
3) การซื้อสินค้าโดยการบริการตัวเองเพ่ิมข้ึน (Selp-Services) ผู้ซ้ือจะมีความสนใจมาก
ขนึ้ เพราะสามารถซอื้ สนิ คา้ ไดใ้ นราคายุติธรรมมากขนึ้
4) ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่มีความพิเศษเฉพาะตัวมาใช้งานเพื่อสนองความต้องการความ
พึงพอใจของลูกค้าในแต่ละฝ่าย เช่น บริการหรือสินค้าจะสามารถปรับเปลี่ยนคุณสมบัติหรือลักษณะ
การให้บริการของลูกค้าได้มากข้ึน เช่น การออกแบบของหมอนข้ึนอยู่กับอายุของผู้ใช้, ขนาดของ
ศรี ษะ และความชอบส่วนบุคคลทแี่ ตกต่างกนั ออกไปในแต่ละราย
2.2.4 ทฤษฎีสว่ นประสมทางการตลาด
ฟิลลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) กล่าวว่าท่ีใดก็ตามท้ังที่เป็นสถานท่ีหรือไม่มีสถานท่ี
ที่มีอุปสงค์และอุปทาน ในสินค้า หรือบริการมาพบกันจนทําให้เกิดราคาที่มาจากกลไกตลาด โดย
เศรษฐกิจในระบบตลาดน้ียอมรับการเปลี่ยนแปลงของราคา เช่น การที่ราคาลดลงโดยอัตโนมัติเมื่อมี
การเสนอขายสินค่า เป็นต้น ทางด้านทฤษฎีน้ัน เห็นว่าเศรษฐกิจในระบบตลาดท่ีแท้จริงน้ัน
จําเป็นต้องประกอบไปด้วยเง่ือนไขต่าง ๆ ดังน้ีคือ ผู้ผลิตสินค่าท่ีมีขนาดเล็ก ผู้บริโภคจํานวนมาก
รวมถึงมาตรการในการกีดกันการเข้าตลาดที่น้อย เงื่อนไขเหล่านี้ถ้ามีครบท้ังหมดจะถือว่าเป็นตลาดที่
สมบูรณ์ซึ่งพบได้มากในโลกปัจจุบัน (Kotler, 2003a, p.11) คําว่า “ตลาด (Market)” มีความหมาย
ครอบคลุมถึงลูกค้าหลายกลุ่มรวมท้ังตลาดท่ีมีตัวตนโดยลักษณะทางกายภาพ และตลาดท่ีไม่มีตัวตน
ในกายภาพ (ตลาด Digital) ตลอดจนตลาดขนาดใหญ่ที่มีหลายๆตลาดย่อยซ่ึงมีความ เกี่ยวข้อง
สัมพันธ์อยู่ในธุรกิจน้ันขอบเขตของการตลาด (The Scope of Marketing) การตลาดเป็นงานท่ี
เก่ียวข้องกับการสร้างสรรค์ การส่งเสริม และการส่งมอบสินค้า หรือบริการให้กับผู้บริโภค และองค์กร
การธุรกิจต่าง ๆ นักการตลาดมีหน้าที่ความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัทการส่งมอบสินค้า
หรือบริการให้กับผู้บริโภคและองค์กรการธุรกิจต่าง ๆ นักการตลาดมีหน้าที่กระตุ้นความต้องการ ซื้อ
ผลติ ภัณฑต์ า่ ง ๆ ของบริษัท
เสรี วงษ์มณฑา (2542: 11) กล่าวว่า ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix)
หมายถึง การมีสินค้าท่ีตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ขายในราคาที่ผู้บริโภค
ยอมรับได้และผู้บริโภคยินดีจ่ายเพราะเห็นว่าคุ้มรวมถึงมีการจัดจําหน่ายกระจายสินค้าให้สอดคล้อง
12
กับพฤติกรรมการซ้ือหาเพื่อความสะดวกแก่ลูกค้าด้วยความพยายามจูงใจให้เกิดความชอบในสินค้า
และเกดิ พฤติกรรมอย่างถกู ตอ้ ง
อดุลย์ จาตุรงคกุล (2543: 26) กล่าวในเร่ืองตัวแปรหรือองค์ประกอบของส่วนผสม
ทาง การตลาด (4P’s) ว่าเป็นตัวกระตุ้นหรือสิ่งเร้าทางการตลาดที่กระทบต่อกระบวนการตัดสินใจ
ซื้อโดยแบ่งออกได้ดงั นี้
ผลิตภัณฑ์ (Products) ท่ีต้องมีคุณภาพและรูปแบบดีไซน์ตรงตามความต้องการของ
ลูกค้าหรือสินค้าหรือบริการท่ีบุคคลและองค์กรซื้อไปเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าอ่ืน ๆ หรือใน
แนวทางการประกอบธุรกิจ หรือหมายถึงสินค้าหรือบริการท่ีผู้ซ้ือสินค้าหรือบริการที่ผู้ซ้ือไปเพื่อใช้ใน
การผลิต การให้บริการ หรือดําเนินงานของกิจการ หรือแม้ผลิตภัณฑ์จะเป็นองค์ประกอบตัวเดียวใน
ส่วนประสมของการตลาดก็ตามแต่เป็นตัวสําคัญที่มีรายละเอียดท่ีจะต้องพิจารณาอีกมากมาย ดังน้ี
เช่น ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ (Produce Variety) ชื่อตราสินค้าของผลิตภัณฑ์ (Brand
Name)คุณภาพของผลิตภัณฑ์ (Quality) การรับประกันผลิตภัณฑ์ (Warranties) และการรับคืน
ผลิตภณั ฑ์ (Returns)
ราคา (Pricing) ต้องเหมาะสมกับตําแหน่งทางการแข่งขันของสินค้าและสร้างกําไรใน
อัตราที่เหมาะสมสู่กิจการหรือจํานวนเงินที่ถูกเรียกเก็บเป็นค่าสินค้าหรือบริการหรือผลรวมของมูลค่า
ที่ผู้ซื้อทําการแลกเปลี่ยนเพ่ือให้ได้มาซ่ึงผลประโยชน์จากการมีหรือการใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าหรือบริการ
หรือนโยบายการต้ังราคา (Pricing Policies) หรือมูลค่าของสินค้าและบริการท่ีวัดออกมาเป็นตัวเงิน
การกําหนดรามีความสําคัญต่อกิจการมาก กิจการไม่สามารถกําหนดราคาสินค้าเองได้ตามใจชอบ การ
พิจารณาราคาจะต้องกําหนดต้นทุนการผลิต สภาพการแข่งขันกําไรที่คาดหมายราคาของคู่แข่งขัน
ดังนั้น กิจการจะต้องเลือกกลยุทธ์ท่ีเหมาะสมในการกําหนดราคาสินค้าและบริการประเด็นสําคัญ
จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับราคาได้แก่ ราคาสินค้าที่ระบุในรายการหรือราคาท่ีระบุ (ListPrice) ราคาท่ี
ให้ส่วนลด (Discounts) ราคาท่ีมีส่วนยอมให้ (Allowances) ราคาที่มีช่วงระยะเวลาที่การชําระเงิน
(Payment Period) และราคาเงอ่ื นไขให้สินเชื่อ (Credit Terms)
ช่องทางการจัดจําหน่าย (Place) เน้นช่องทางการกระจายสินค้าท่ีครอบคลุมและ
ทั่วถึงสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทุกส่วนได้เป็นอย่างดีหรือเป็นช่องทางการจัดจําหน่ายเป็น
เส้นทางเคล่ือนย้ายจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคหรือลูกค้า ซ่ึงอาจผ่านคนกลางหรือไม่ผ่านก็ได้ในช่อง
ทางการจัดจําหน่ายประกอบด้วย ผู้ผลิต ผู้บริโภค หรือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรม (Industrial User)หรือ
ลูกค้าทางอุตสาหกรรม (Industrial Consumer) และคนกลาง (Middleman) โลจิสติกส์ทางการ
ตลาด เป็นการวางแผนการปฏิบัติตามแผนและการควบคุมการเคล่ือนย้ายสินค้าจากจุดเร่ิมต้นไปยง
จุดท่ีต้องการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยมุ่งผลกําไร หรือกลยุทธ์ทางการตลาดในการ
ทําให้มีผลิตภัณฑ์ไว้พร้อมจําหน่าย สามารถก่ออิทธิพลต่อการพบผลิตภัณฑ์ แน่นอนว่าสินค้าที่มี
13
จําหน่ายแพร่หลายและง่ายที่จะซ้ือก็จะทําให้ผู้บริโภคนําไปประเมินประเภทของช่องทางที่นําเสนอก็
อาจก่ออิทธิพลต่อการรับรู้ภาพพจน์ของผลิตภัณฑ์ หรือ ช่องทางการจัดจําหน่ายที่เก่ียวข้องกับหน่วย
เศรษฐกิจต่างๆ ท่ีมีส่วนร่วมในกระบวนการนําพาสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่มือผู้บริโภค ซ่ึงการตัดสินใจ
เลือกช่องทางการจัดจําหน่ายท่ีเหมาะสม มีความสําคัญต่อกําไรของหน่วยธุรกิจรวมท้ังมีผลกระทบต่อ
การกําหนดส่วนผสมทางการตลาดที่เกี่ยวข้องอ่ืนๆ เช่น การต้ังราคาการโฆษณา เกรดสินค้า เป็นต้น
โดยการเลือกช่องทางการตลาดมักมีผลผูกพันในระยะยาว เช่น การเลือกแต่งตั้งตัวแทนจัดจําหน่าย
เปล่ียนตัวแทนจําหน่ายจริง หมายความว่า การบริหารจัดการในส่วนอ่ืนๆ เช่น การผลิต การบรรจุหีบ
ห่อ พนักงานขาย นโยบายการจัดส่งสินค้า หรือการกระจายสินค้าเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการ
เคลื่อนย้ายตัวสินค้าจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค หรือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรมการขนส่งและการเก็บรักษาตัว
สินค้าภายในธุรกิจใดธุรกจิ หนงึ่ และระบบช่องทางการจัดจําหน่ายของธุรกิจนั้น
การส่งเสริมการตลาด (Promotion) ท่ีเน้นท้ังการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการ
ขายและการตลาดโดยตรง ซึ่งสามารถเรียกว่า 4P ซ่ึงนําไปสู่การได้ครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาด
ที่เพ่ิมขึ้นตามเป้าหมายของกิจการน่ันเอง ระดับที่สองคือการตลาดที่มุ่งเน้นทางด้านของการสร้าง
ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ที่ ดี น่ า ป ร ะ ทั บ ใ จ ใ ห้ กั บ ลู ก ค้ า ซึ่ ง รู้ จั ก กั น ใ น ชื่ อ ว่ า ก า ร ต ล า ด เ ชิ ง ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์
(Experiential Marketing) ซึ่งหากสามารถสร้างประสบการณ์ในการใช้สินค้า หรือบริการท่ีดีต่อลูกค้า
เ ป้ า ห ม า ย แ ล้ ว ก็ จ ะ นํ า ไ ป สู่ ก า ร ส ร้ า ง ค ว า ม ผู ก พั น ท า ง ด้ า น อ า ร ม ณ์ ท่ี แ น บ แ น่ น
(EmotionalAttachment) ต่อผู้บริโภคแบบสนิทแนบแน่นโดยผลลัพธ์ท่ีคาดหวังจากกิจการในการ
ดําเนินกลยุทธ์ทางการตลาดระดับท่ีสองน้ี คือกิจการจะสามารถมีส่วนแบ่งการตลาดในจิตใจของลูกค้า
สูงขึ้น (Share of Heart) เมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน (ณัฐอิรนพไพบูลย์ 2554) หรือ เป็นกิจกรรม
ติดต่อสื่อสารไปยังตลาดเป้าหมายเพื่อเป็นการให้คามรู้ ชักจูงหรือเป็นการเตือนความจําเป็นของตลาด
เป้าหมายที่มีต่อตราสินค้าและผลิตภัณฑ์สินค้าหรือบริการการโฆษณา การส่งเสริมการขาย หรือ เป็น
การตลาดทางตรงการให้ข่าวสาร และการประชาสัมพันธ์เป็นส่ิงสําคัญท่ีนํามาใช้ในการสร้างการรับรู้
การกระตุ้นช่ือเสียงของบริษัทการแยกแยะข้อมูลข่าวสารของผลิตภัณฑ์หรือการนําทางให้กับพนักงาน
ขายหรือเป็นกลยุทธ์การส่ือสารภายใต้เป้าหมายได้ทราบถึงผลิตภัณฑ์ และบริการที่ต้องการจะ
จําหน่าย ณ สถานท่ีใดระดับใด การส่งเสริมการตลาดเป็นตัวแปรท่ีหนึ่งของส่วนประสมการตลาดโดย
ทําหน้าท่ีชี้ชวนให้ลูกค้าเป้าหมายสนใจและซ้ือสินค้าผลิตภัณฑ์หรือบริการน้ัน (เชาว์ โรจนแสง 2545)
หรือเป็นเครื่องมือการส่ือสารเพื่อสร้างความพึงพอใจต่อตราสินค้าหรือบริการความคิดต่อบุคคลโดยใช้
เพ่ือจูงใจให้เกิดความต้องการเพื่อเตือนความทรงจําในผลิตภัณฑ์โดยคาดว่าจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึก
ความเชือ่ และพฤติกรรมการซ้ือ
14
2.2.5 ทฤษฎีตน้ ทุน
1. ความหมายของต้นทุน คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดําเนินการผลิตสินค้า หรือบริการ
หรือถ้าพูดกันแบบภาษาชาวบ้าน ต้นทุนคือ จํานวนเงินที่ได้จ่ายไปในการซ้ือ สินค้า ข้าวของ วัตถุดิบ
ต่างๆ นานาจิปาถะ เพื่อนํามาผลิตหรือขายสินค้าเพ่ือให้ก่อให้เกิดรายได้คือยอดขายอีกที โดยเร่ิม
ต้ังแต่ข้ันตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิต การทดสอบ การจัดเก็บ และการขนส่ง โดยเรา
สามารถจําแนกต้นทุนออกได้หลายชนิด ต้นทุน มีความหมายหลายประเภทตามวัตถุประสงค์ของการ
นําไปใช้ของผู้บริหาร เช่น ต้นทุนเพ่ือกําหนดค่าของสินค้าคงคลัง และใช้ในการคํานวณผลการ
ดาํ เนนิ งาน ต้นทนุ เพื่อใชใ้ นการวางแผนและควบคุม ต้นทนุ เพอ่ื ใช้ในการตดั สนิ ใจ
ใบหยก เทธนาวิน (2556 : เว็บไซต์ ) ต้นทุน(cost) คือ ค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนในการ
ดําเนินการผลิตสินค้า หรือบริการ หรือถ้าพูดกันแบบภาษาชาวบ้าน ต้นทุนคือ จํานวนเงินที่ได้จ่ายไป
ในการซื้อ สินค้า ข้าวของ วัตถุดิบ ต่างๆ นานาจิปาถะ เพื่อนํามาผลิตหรือขายสินค้าเพ่ือให้ก่อให้เกิด
รายได้คือยอดขายอีกที โดยเริ่มตั้งแต่ข้ันตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิต การทดสอบ การ
จดั เกบ็ และการขนสง่ โดยเราสามารถจาํ แนกตน้ ทนุ ออกไดห้ ลายชนดิ ดังน้ี
สมชาย สุพันธุ์วนิช (2557 : เว็บไซต์ ) ต้นทุน(cost) คือมูลค่า ที่คิดเป็นเงิน ซึ่งใช้จ่าย
หรือส้ินเปลืองไปในการดําเนินงานหรือการผลิต ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม และไม่สามารถจะนําไปใช้
ประโยชนอ์ ย่างอื่นไดอ้ ีก
จากความหมายของ ต้นทุน (Cost) สรุปได้ว่า ต้นทุน (Cost) หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ในการดําเนินการผลิตสินค้า หรือบริการ หรือมูลค่าของทรัพยากรท่ีสูญเสียไปเพื่อให้ได้สินค้าหรือ
บริการ โดยมูลค่านั้นจะต้องสามารถวัดได้เป็นหน่วยเงินตรา ซึ่งเป็นลักษณะของการลดลงในสินทรัพย์
หรอื เพิ่มขนึ้ ในหนี้สนิ ตน้ ทุนทเ่ี กิดข้ึนอาจจะให้ประโยชน์ในปัจจบุ ันหรือในอนาคตก็ได้
2. ประเภทของต้นทุนในทางบัญชบี ริหารจําแนกไดด้ งั นี้
1. การจําแนกต้นทุนตามลักษณะส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบของ
ต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด(Cost of a Manufactured Product) จะ
ประกอบด้วยวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต ซ่ึงถ้าพิจารณาในด้าน
ทรัพยากรท่ีเปน็ สว่ นประกอบของสินค้าแล้ว ประกอบด้วย
1.1 วัตถุดิบ (Materials) วัตถุดิบนับว่าเป็นส่วนประกอบสําคัญของการผลิต
สินค้าหรือผลิตภัณฑ์สําเร็จรูปโดยทั่วไปซ่ึงต้นทุนท่ีเก่ียวกับการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าอาจจะถูก
แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1.1.1 วัตถุดิบทางตรง (Direct materials) หมายถึง วัตถุดิบหลักท่ีใช้ในการ
ผลิต และสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าใช้ในการผลิตสินค้าชนิดใดชนิดหน่ึงในปริมาณและต้นทุน
15
เท่าใด รวมท้ังจัดเป็นวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ในการผลิตสินค้าชนิดน้ัน ๆ เช่น ไม้แปรรูปจัดเป็นวัตถุดิบ
ทางตรงของการผลติ เฟอรน์ ิเจอร์ ผา้ ท่ใี ช้ในอตุ สาหกรรมเสอ้ื ผ้า ยางดิบที่ใช้ในการผลิตยางรถยนต์
แร่เหลก็ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมถลงุ เหล็ก กระดาษทีใ่ ช้ในธุรกิจสิ่งพมิ พ์ เป็นตน้
1.1.2 วัตถุดิบทางอ้อม (Indirect materials) หมายถึง วัตถุดิบต่าง ๆ ที่
เก่ียวข้องโดยทางอ้อมกับการผลิตสินค้า แต่ไม่ใช่วัตถุดิบหลักหรือวัตถุดิบส่วนใหญ่ เช่น ตะปู กาว
กระดาษทรายท่ีใช้เป็นส่วนประกอบของการทําเคร่ืองหนังหรือเฟอร์นิเจอร์ นํามันหล่อล่ืนเครื่องจักร
เส้นด้ายท่ีใช้ในการตัดเย็บเส้ือผ้า เป็นต้น โดยปกติแล้ว วัตถุดิบทางอ้อมอาจจะถูกเรียกว่า “วัสดุ
โรงงาน” ซึง่ จะถือเป็นค่าใช้จ่ายการผลิตชนดิ หน่งึ
1.2 ค่าแรงงาน (Labor) ค่าแรงงาน หมายถึง ค่าจ้างหรือผลตอบแทนท่ีจ่าย
ให้แก่ลูกจ้างหรือคนงานที่ทําหน้าท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า โดยปกติแล้วค่าแรงงานจะถูกแบ่ง
ออกเป็น 2 ชนดิ คอื คา่ แรงงานทางตรง(Direct labor) และค่าแรงงานทางออ้ ม (Indirect labor)
1.2.1 ค่าแรงงานทางตรง (Direct labor) หมายถึง ค่าแรงงานต่าง ๆ ที่
จ่ายให้แก่คนงานหรือลูกจ้างท่ีทําหน้าท่ีเกี่ยวกับการผลิตสินค้าสําเร็จรูปโดยตรง รวมทั้งเป็นค่าแรงงาน
ท่ีมีจํานวนมากเม่ือเทียบกับค่าแรงงานทางอ้อมในการผลิตสินค้าหน่วยหน่ึงๆ และจัดเป็นค่าแรงงาน
ส่วนสําคัญในการแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นสินค้าสําเร็จรูป เช่น คนงานท่ีทํางานเกี่ยวกับการควบคุม
เครือ่ งจักรทใ่ี ชใ้ นการผลติ กค็ วรถือเปน็ แรงงานทางตรง พนกั งานในสายการประกอบ เป็นต้น
1.2.2 ค่าแรงงานทางอ้อม (Indirect labor) หมายถึง ค่าแรงงานท่ีไม่
เกี่ยวข้องกับค่าแรงงานทางตรงท่ีใช้ในการผลิตสินค้า เช่น เงินเดือนผู้ควบคุมโรงงาน เงินเดือน
พนักงานทําความสะอาดเคร่ืองจักร และโรงงาน พนักงานตรวจสอบคุณภาพ ช่างซ่อมบํารุง ตลอดจน
ต้นทุนท่ีเก่ียวข้องกับคนงาน เช่น ค่าภาษีท่ีออกให้ลูกจ้าง สวัสดิการต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งค่าแรงงาน
ทางอ้อมเหลา่ นี้จะถอื เปน็ สว่ นหน่งึ ของคา่ ใชจ้ ่ายการผลติ
1.2.3 ค่าใช้จ่ายการผลิต (Manufacturing Overhead) ค่าใช้จ่ายการผลิต
หมายถึง แหล่งรวบรวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าซึ่งนอกเหนือจากวัตถุดิบทางตรง
ค่าแรงงานทางตรง เช่น วัตถุดิบทางอ้อม ค่าแรงงานทางอ้อม ค่าใช้จ่ายในการผลิตทางอ้อมอื่น ๆ
ไดแ้ ก่ ค่านาํ้ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าเสอ่ื มราคา ค่าประกันภัย คา่ ภาษี เปน็ ตน้
เราสามารถจําแนกได้ 2 ลักษณะคือ
2.1 ต้นทุนขั้นต้น (Prime Costs) หมายถึง ต้นทุนรวมระหว่างวัตถุดิบทางตรง
และค่าแรงงานทางตรง ซ่ึงตามปกติเราจะถือว่า ต้นทุนข้ันต้นจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการผลิต
รวมท้ังเป็นต้นทุนท่ีมีจํานวนมากเมื่อเทียบกับต้นทุนการผลิตท้ังหมด แต่อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบัน
การผลิตในธุรกิจบางแห่งมีการใช้เคร่ืองจักรมากข้ึน ทําให้ต้นทุนค่าแรงงานทางตรงลดลง ในลักษณะ
เชน่ นี้ต้นทุนขน้ั ต้นก็จะมคี วามสาํ คญั ลดลงเมื่อเทียบกับต้นทุนแปรสภาพ
16
2.2 ต้นทุนแปรสภาพ (Conversion costs) หมายถึง ต้นทุนท่ีเกี่ยวกับแปร
สภาพและเปลี่ยนรูปแบบจากวัตถุดิบทางตรงให้กลายเป็นสินค้าสําเร็จรูป ต้นทุนแปรสภาพจะ
ประกอบด้วย ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต จากท่ีกล่าวแล้วก็คือ เม่ือกิจการมีการลงทุน
ในเคร่ืองจักรมากขึ้น ค่าเส่ือมราคา ค่าซ่อมบํารุง ซ่ึงจัดเป็นค่าใช้จ่ายการผลิต ก็จะมีจํานวนมากขึ้น
ตามไปด้วย ดังน้ันในปัจจุบันนี้ สําหรับธุรกิจที่มีการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ก็จะให้ความสําคัญกับต้นทุน
แปรสภาพมากกว่าต้นทนุ ข้ันตน้
3. การจาํ แนกตน้ ทุนตามความสัมพันธ์กบั ระดับของกจิ กรรม
การจําแนกต้นทุนความสัมพันธ์กับระดับของกิจกรรมนี้ บางคร้ังเราก็เรียกว่า “การจําแนกต้นทุน
ตามพฤติกรรมของต้นทุน (Cost Behavior) ซ่ึงมีลักษณะท่ีสําคัญ คือ เป็นการวิเคราะห์จํานวนของ
ต้นทุนท่ีจะมีการเปล่ียนแปลงไปตามปริมาณการผลิต หรือระดับของกิจกรรมท่ีเป็นตัวผลักดันให้เกิด
ต้นทุน (Cost Driver) ในการผลิตทั้งที่เก่ียวกับการวางแผน การควบคุม การประเมิน และวัดผลการ
ดําเนินงาน การจําแนกต้นทุนตามความสัมพันธ์กับระดับของกิจกรรม เราสามารถท่ีจะจําแนกต้นทุน
ได้ 3 ชนิด คือ ต้นทุนผันแปร ต้นทุนคงท่ี ต้นทุนผสม อย่างไรก็ตามแนวคิดในการจําแนกต้นทุนใน 3
ชนิดน้ี เป็นการจําแนกต้นทุนท่ีอยู่ในช่วงของต้นทุนที่มีความหมายต่อการตัดสินใจ (Relevant range)
นน่ั ก็คอื เป็นชว่ งที่ตน้ ทนุ คงทรี่ วม และตน้ ทุนผนั แปรต่อหนว่ ย ยังมีลักษณะคงท่ีหรือไมเ่ ปลยี่ นแปลง
3.1 ต้นทุนผันแปร (Variable Costs) หมายถึง ต้นทุนที่จะมีต้นทุนรวมเปลี่ยนแปลง
ไปตามสัดส่วนของการเปล่ียนแปลงในระดับกิจกรรมหรือปริมาณการผลิต ในขณะท่ีต้นทุนต่อหน่วย
จะคงที่เท่ากันทุก ๆ หน่วย โดยท่ัวไปแล้วต้นทุนผันแปรนี้จะสามารถควบคุมได้โดยแผนกหรือ
หน่วยงานที่ทําให้เกิดต้นทุนผันแปรนั้นในเชิงการบริหารน้ัน ต้นทุนผันแปรจะเข้ามามีบทบาทอย่าง
มาก ต่อการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร เช่น การกําหนดราคาสินค้าของกิจการ ก็จะต้องกําหนดให้
ครอบคลุมท้ังส่วนที่เป็นต้นทุนผันแปร และต้นทุนคงท่ีท้ังหมด ในกรณีท่ีกิจการจะทําการผลิตและ
จําหน่ายสินค้าในส่วนที่นอกเหนือจากกําลังการผลิตปกติ แต่ไม่เกินกําลังการผลิตสูงสุดของกิจการ
การตัดสนิ ใจกําหนดราคาสินคา้ ในใบสั่งซื้อพิเศษนี้ ก็ไมค่ วรท่จี ะตาํ่ กว่าตน้ ทนุ ผันแปรตอ่ หนว่ ย
3.2 ต้นทุนคงท่ี (Fixed Costs) คือ ต้นทุนที่มีพฤติกรรมคงท่ี หมายถึง ต้นทุนรวม
ที่มิได้เปลี่ยนแปลงไปตามระดับของการผลิตในช่วงของการผลิตระดับหน่ึง แต่ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยก็
จะเปล่ียนแปลงในทางลดลงถ้าปริมาณการผลิตเพ่ิมมากข้ึน นอกจากนี้ต้นทุนคงที่ยังแบ่งออกเป็น
ต้นทุนคงท่ีอีก 2 ลักษณะ คือ ต้นทุนคงท่ีระยะยาว (Committed Fixed Cost) เป็นต้นทุนคงที่ท่ีไม่
สามารถเปล่ียนแปลงได้ในระยะสั้น เช่น สัญญาเช่าระยะยาว ค่าเส่ือมราคา เป็นต้น และต้นทุนคงที่
ระยะสั้น (Discretionary Fixed Cost) จัดเป็นต้นทุนคงท่ีที่เกิดขึ้นเป็นคร้ังคราวจากการประชุมหรือ
ตัดสินใจของผู้บริหาร เช่น ค่าโฆษณา ค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าและวิจัย เป็นต้น สําหรับในเชิงการ
บริหารแลว้ ต้นทนุ คงที่สว่ นใหญม่ ักจะควบคุมได้ด้วยผูบ้ ริหารระดับสูงเทา่ นัน้
17
3.3 ต้นทุนผสม (Mixed Costs) หมายถึง ต้นทุนที่มีลักษณะของต้นทุนคงที่และ
ต้นทุนผันแปรรวมอยู่ด้วยกัน ในช่วงของการดําเนินกิจกรรมที่มีความหมายต่อการตัดสินใจ โดยต้นทุน
ผสมนี้จะแบ่งออกเปน็ 2 ชนิด คือ ต้นทุนก่ึงผนั แปร และตน้ ทนุ ก่ึงคงทห่ี รอื ตน้ ทนุ เชงิ ข้ัน
3.3.1 ต้นทุนก่ึงผันแปร (Semi variable cost) หมายถึง ต้นทุนที่จะมีต้นทุน
ส่วนหนึ่งคงที่ทุกระดับของกิจกรรม และมีต้นทุนอีกส่วนหน่ึงจะผันแปรไปตามระดับของกิจกรรม เช่น
ค่าโทรศัพท์ ค่าโทรสาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งก็เป็นการยากท่ีจะระบุได้ว่าต้นทุนส่วนใด
เป็นต้นทุนผันแปร ดังน้ันจึงจําเป็นต้องใช้เทคนิคในการประมาณต้นทุนเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ ซ่ึง
เทคนิคในการประมาณต้นทุนจะได้ศึกษาต่อไปในส่วนของการบัญชีต้นทุนท่ีเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลเพื่อ
การตดั สนิ ใจ
3.3.2 ต้นทุนเชิงข้ัน (Step cost) หรือต้นทุนกึ่งคงที่ (Semi fixed cost)
หมายถึง ต้นทุนที่จะมีจํานวนคงท่ี ณ ระดับกิจกรรมหน่ึงและจะเปลี่ยนไปคงที่ในอีกระดับกิจกรรม
หนง่ึ เช่น เงนิ เดอื น ผ้คู วบคุมคนงาน คา่ เช่าบางลักษณะ เป็นต้น
4. การจาํ แนกตน้ ทุนตามความสมั พันธ์กับหนว่ ยตน้ ทนุ ในการจําแนก
ต้นทนุ ลักษณะนเ้ี ราสามารถที่จะจาํ แนกได้ 2 ชนิด คือ ต้นทนุ ทางตรง (Direct cost)
และต้นทุนทางอ้อม (Indirect cost) โดยพิจารณาตามความสามารถท่ีจะระบุได้ว่าต้นทุนใดเป็น
ตน้ ทุนของงานใด แผนกใด หรือเขตการขายใด เป็นตน้
4.1 ต้นทุนทางตรง (Direct cost) หมายถึง ต้นทุนที่ฝ่ายบริหารสามารถที่จะระบุได้
ว่าต้นทุนใดเป็นของหน่วยต้นทุน (Cost Object) ใดนั่นเอง เช่น วัตถุดิบทางตรงและค่าแรงงาน
ทางตรงท่ีใช้ในการผลิตงานผลิตช้ินใดชิ้นหน่ึง หรือค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรในแผนกประกอบ ก็คือ
ต้นทุนทางตรงของแผนกประกอบน่ันเอง
4.2 ตน้ ทนุ ทางอ้อม (Indirect cost) หมายถงึ ตน้ ทุนร่วม (Common cost)
ท่ีเกิดขึ้นโดยไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากหน่วยต้นทุนใด โดยปกติแล้วต้นทุนทางอ้อมน้ีจะถูกแบ่งสรร
ให้แก่หน่วยต้นทุนต่าง ๆ ด้วยเทคนิควิธีในการจัดสรรต้นทุน (Allocation techniques) ซ่ึงโดยทั่วไป
ตน้ ทุนเกย่ี วกบั การผลิตนัน้ ต้นทุนทางอ้อมกห็ มายถงึ คา่ ใช้จา่ ยการผลิตของสนิ ค้า
5. การจําแนกต้นทุนตามหน้าท่ีงานในสายการผลิต การดําเนินงานของธุรกิจ
อุตสาหกรรมต่าง ๆ มักจะประกอบไปด้วยแผนกต่างๆ จํานวนมากในสายการผลิตสินค้า และแต่ละ
แผนกก็ทําหน้าท่ีงานที่ได้รับมอบหมาย สําหรับกิจการที่ทําการผลิตสินค้าเราสามารถที่จะจําแนก
แผนกต่างๆ ออกเปน็ 2 ลักษณะใหญๆ่ คือ
5.1 ต้นทุนแผนกผลิต (Cost of production departments) หมายถึง ต้นทุน
ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวกับการทํางานของเครื่องจักร คนงาน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ท่ีเกิดข้ึนในแผนกผลิตสินค้า
ของกิจการ เชน่ แผนกตดั แผนกเช่ือม แผนกประกอบ แผนกบรรจุ เป็นต้น
18
5.2 ต้นทุนแผนกบริการ (Cost of service departments) หมายถึง ต้นทุนต่างๆ
ท่ีไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรงโดยแผนกต่าง ๆ เหล่าน้ีจะทําหน้าที่ในด้านการบริการให้แก่แผนก
อ่ืน ๆ เช่น แผนกเงินเดือนและค่าจ้าง แผนกบุคคล แผนกซ่อมบํารุง แผนกธุรการโรงงาน เป็นต้น โดย
ปกติแล้วต้นทุนในแผนกบริการส่วนท่ีเก่ียวกับการผลิตก็จะถูกจัดสรรเข้าแผนกผลิตต่างๆ เพ่ือทําการ
คํานวณหาต้นทุนผลิตที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามการจัดสรรต้นทุนจากแผนกบริการให้แก่แผนกผลิตก็
จะตอ้ งคาํ นงึ ถงึ การทแ่ี ผนกผลิตได้ใชป้ ระโยชนจ์ ากแผนกบริการนัน้ ๆ
6. การจําแนกต้นทุนตามหน้าที่งานในกิจการ การจําแนกต้นทุนตามหน้าท่ีงาน เป็นการ
พิจารณาต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการดําเนินงานหรือปฏิบัติงานของหน้าท่ีงานต่างๆ โดยปกติแล้วจะ
สามารถแบ่งหน้าที่งานในกิจการต่างๆ ออกเป็น 4 หน้าที่งาน คือ การผลิต การตลาด การบริหาร
การเงนิ ดงั น้ันตน้ ทนุ ทจ่ี ะเกิดข้ึนในหนา้ ท่งี านต่างๆกค็ ือ
6.1 ต้นทุนท่ีเก่ียวกับการผลิต (Manufacturing costs) ได้แก่ต้นทุนที่มี
ความสัมพนั ธก์ บั การผลติ คือ วตั ถุดิบทางตรง คา่ แรงงานทางตรง และคา่ ใช้จา่ ยการผลิต
6.2 ตน้ ทนุ ทเ่ี กีย่ วกบั การตลาด (Marketing costs) หมายถึง ตน้ ทนุ ต่างๆ
ท่เี กี่ยวกบั การส่งเสริมการจาํ หน่ายสนิ คา้ หรอื บริการ คา่ โฆษณา ค่านายหน้าพนกั งานขาย
6.3 ต้นทุนท่ีเก่ียวกับการบริหาร (Administrative costs) ได้แก่ ต้นทุนที่เกิดข้ึน
ในลักษณะที่เก่ียวกับการสั่งการ การควบคุม และการดําเนินงานของกิจการ นอกจากน้ียังรวมถึง
เงนิ เดือนของผู้บริหารและพนกั งานในแผนกตา่ ง ๆ ท่ีไม่เก่ียวกบั แผนกผลติ และแผนกขาย
6.4 ต้นทุนทางการเงิน (Financial costs) หมายถึง ต้นทุนที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาก
จากการจดั หาเงนิ ทุน หรือการบรหิ ารเงินทนุ ของกจิ การ เชน่ คา่ ดอกเบี้ย คา่ ธรรมเนยี มต่าง ๆ เปน็ ตน้
7. การจําแนกต้นทุนตามความสัมพนั ธก์ บั เวลา
7.1 ต้นทุนในอดีต (Historical cost) หมายถึง ต้นทุนที่กิจการได้จ่ายไปจริงตาม
หลักฐานอันเที่ยงธรรมที่ปรากฏ จํานวนเงินที่กิจการได้จ่ายไปน้ันจึงถือเป็นมูลค่าหรือต้นทุนของสินค้า
หรือสินทรัพย์ของกิจการในอดีต แต่ต้นทุนในอดีตนี้อาจจะไม่มีความเหมาะสมในการนํามาใช้เพื่อการ
ตัดสินใจของฝ่ายบริหารในปัจจุบัน ทั้งน้ีเพราะค่าของเงินในอดีตกับในปัจจุบันย่อมมีความแตกต่างอัน
เนื่องมากจากภาวะเงนิ เฟอ้ และความเจรญิ ทางด้านเศรษฐกิ
7.2 ต้นทุนทดแทน (Replacement cost) หมายถึง มูลค่าหรือราคาตลาดปัจจุบัน
ของสินทรัพย์ประเภทเดียวกันกับท่ีกิจการใช้อยู่กล่าวอีกนัยหน่ึงก็คือสินทรัพย์ที่กิจการเคยซื้อมาใน
อดีต ถ้าต้องการที่จะซื้อใหม่ในขณะนี้จะต้องจ่ายเงินในจํานวนเท่าไร ซึ่งโดยปกติมูลค่าหรือราคา
ต้นทุนทดแทนย่อมมีมูลค่าสูงกว่าต้นทุนในอดีตท้ังนี้อาจจะเป็นเพราะการเกิดภาวะเงินเฟ้อส่วนหนึ่ง
และจากการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยขี องสนิ ทรัพย์ เพื่อใหม้ ปี ระสิทธภิ าพการทํางานท่ีสงู ข้ึน
19
8. การจําแนกตน้ ทนุ ตามลกั ษณะของความรับผิดชอบ
8.1 ต้นทุนท่ีควบคุมได้ (Controllable cost) หมายถึง ต้นทุน หรือ ค่าใช้จ่ายที่
สามารถระบุหรือกําหนดได้ว่า หน่วยงานใดหรือบุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง กล่าวอีก
นัยหน่ึงก็คือ มีอํานาจ หน้าท่ี หรือมีความสามารถที่จะทําให้ต้นทุนจํานวนน้ันเพ่ิมข้ึน หรือลดลงจาก
การตัดสินใจของตน ซึ่งถ้าจะพิจารณาให้มากขึ้นก็พอท่ีจะสรุปได้ว่า ต้นทุนท่ีควบคุมได้ในหน่วยงาน
หรือผู้บริหารคนใดคนหน่ึง ก็อาจจะเป็นต้นทุนท่ีควบคุมไม่ได้ในอีกหน่วยงานหรือผู้บริหารอีกคนหนึ่ง
ก็ได้
8.2 ต้นทุนท่ีควบคุมไม่ได้ (Uncontrollable Cost) หมายถึง ต้นทุน หรือ
ค่าใช้จ่ายที่ไม่อยู่ภายใต้อํานาจหน้าท่ี ที่หน่วยงานหรือผู้บริหารในระดับน้ัน ๆ จะควบคุมไว้ได้ น่ันคือ
ไม่สามารถท่ีจะกําหนดต้นทุนประเภทนี้ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ โดยปกติต้นทุนท่ีควบคุมไม่ได้ของ
ผู้บริหารระดบั ล่างก็มักจะเกดิ จากการตัดสินใจของผู้บริหารระดบั สูง
9. การจําแนกต้นทุนตามลักษณะของการวิเคราะห์ปัญหาเพ่ือตัดสินใจในการดําเนิน
ธุรกิจผู้บริหารมักจะต้องประสบปัญหาต่าง ๆ มากมายและที่สําคัญก็คือ ผู้บริหารจะต้องพยายามทํา
การตัดสินใจแก้ไขปัญหา หรือเลือกทางเลือกท่ีดีท่ีสุด ข้อมูลทางด้านต้นทุนที่เข้ามามีบทบาทในการ
ตัดสินใจจงึ มักจะถกู จาํ แนกเป็น
9.1 ต้นทุนจม (Sunk Cost) หมายถึง ต้นทุนที่หลีกเล่ียงไม่ได้ (Unavoidable
Cost) หรือไม่สามารถท่ีจะทําการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าผู้บริหารจะทําการตัดสินใจอย่างไร ดังน้ัน
ต้นทุนจมจึงเป็นต้นทุนท่ีเกิดข้ึนจากการตัดสินใจในอดีต ซ่ึงจะไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจใน
ปัจจุบัน เช่น ค่าเช่าที่เป็นสัญญาเช่าระยะยาว ค่าเส่ือมราคาสินทรัพย์ประจํา เป็นต้น ถึงแม้ว่าต้นทุน
จมจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจในปัจจุบัน แต่ผู้บริหารก็ควรท่ีจะทําการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่
สามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากตน้ ทุนจมใหไ้ ดม้ ากทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะเปน็ ไปได้
9.2 ต้นทุนท่ีหลีกเลี่ยงได้ (Avoidable Cost) หมายถึง ต้นทุนที่สามารถประหยัดได้
จากการตัดสินใจเลือกทางใดทางหน่ึง ต้นทุนที่หลีกเล่ียงได้มักจะมีบทบาทท่ีสําคัญต่อการตัดสินใจของ
ผ้บู ริหารเสมอ
9.3 ต้นทุนเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนท่ี
กิจการจะได้รับจากการตัดสินใจเลือกทางเลือกหน่ึงแต่กับต้องสูญเสียไป จากการที่เลือกตัดสินใจใน
อีกทางเลือกหน่ึง เช่น ถ้ากิจการมีเงินจํานวนหนึ่งและสามารถนําไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยปีละ
20,000 บาท แต่ถ้ากิจการต้องการนําเงินที่มีอยู่นั้นไปลงทุนทําธุรกิจ การท่ีกิจการเลือกลงทุนทําธุรกิจ
ทําให้สูญเสียดอกเบ้ียท่ีจะได้รับ 20,000 บาท ถือว่าถ้ากิจการเลือกทําธุรกิจก็จะมีต้นทุนเสียโอกาส
เกิดข้ึน 20,000 บาท โดยปกติต้นทุนเสียโอกาสจะไม่มีการบันทึกลงบัญชีของกิจการเพราะมิได้เป็น
ต้นทนุ ท่ีเกดิ ข้ึนจริง แตเ่ ปน็ ตน้ ทนุ ท่ถี ูกสมมตเิ พื่อการตัดสนิ ใจ
20
9.4 ต้นทุนเพิ่มต่อหน่วย (Marginal Cost) หมายถึง ต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากการ
ผลิตเพ่ิมขึ้นหนึ่งหน่วย ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับต้นทุนส่วนเพ่ิม (Incremental Cost) แต่ต้นทุนส่วน
เพิ่มต่อหน่วยเป็นการพิจารณาส่วนท่ีเพ่ิมจากการเพ่ิมของการผลิตเพียง 1 หน่วย ตามท่ีกล่าวแล้ว
ช่วยผบู้ รหิ ารเพ่ือการตัดสนิ ใจได้เชน่ กนั
10. ต้นทนุ เฉลีย่ ตอ่ หนว่ ย (Cost of Average)
10.1 ต้นทุนเฉล่ียต่อหน่วย หมายถึง ผลผลิตท้ังหมดคิดเฉลี่ยต่อปัจจัยการผลิต 1
หน่วย ในระยะแรก ๆ ท่ีเพิ่มปัจจัยผันแปรเข้าไปทํางานกับปัจจัยคงท่ี ผลผลิตเฉล่ียจะค่อยๆเพิ่มข้ึนใน
อัตราตํ่ากว่าผลผลิตเพ่ิม เมื่อผลผลิตเฉล่ียมีค่าสูงสุด ผลผลิตเฉลี่ยจะเท่ากับผลผลิตเพ่ิมหลังจากน้ัน
เมื่อเพ่ิมปัจจัยผันแปรเข้าไปเร่ือยๆ ผลผลิตเฉลี่ยจะลดลงไปตามลําดับแต่เป็นการลดลงในอัตราตํ่ากว่า
การลดลงของผลผลิต
10.2 หลกั การคํานวณตน้ ทุนเฉลย่ี ตอ่ หนว่ ย
ต้นทุนเฉล่ียตอ่ หนว่ ย = ตน้ ทนุ สินค้าท่มี ไี วเ้ พ่ือขาย
จํานวนหน่วยสินค้าทม่ี ีไวเ้ พอ่ื ขาย
2.3.2 ทฤษฎตี น้ ทนุ การผลิต
1. ความหมายของต้นทุนการผลิต (production cost) หมายถึง ค่าใช้จ่ายในการดําเนิน
กจิ กรรมทางการผลิตเพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ ผลติ ภณั ฑท์ ่ดี ี มีคณุ ภาพ ตามความตอ้ งการของลกู คา้
วิทยา สุพรรณนา (2555 : เว็บไซต์) ต้นทุนการผลิต (cost of production) หมายถึง
ค่าใช้จ่ายหรือรายจ่ายในปัจจัยการผลิตที่ใช้ในกระบวนการผลิต เน่ืองจากปัจจัยการผลิตแบ่งออกเป็น
2 ประเภท คือ ปัจจัยคงที่ กับปัจจัยผันแปร ดังน้ันต้นทุนการผลิตซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหรือรายจ่ายใน
ปัจจัยการผลิตจึงแบ่งตามประเภทของปัจจัยการผลิต ออกเป็น 2 ประเภทเช่นเดียวกัน คือ ต้นทุน
คงท่ี (fixed cost) และตน้ ทนุ แปรผนั (variable cost)
ประจักษ์ ทฤษฎี (2557 : เว็บไซต์) ต้นทุนการผลิต (cost of production) หมายถึง
ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าบางอย่างข้ึนมา โดยต้นทุนการผลิตจะประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ
(material cost) ตน้ ทนุ แรงงาน(labor cost) และค่าใช้จ่ายโรงงาน(manufacturing overhead)
สุระศักด์ิ บริสุทธิ์ (2558 : เว็บไซต์ ) ต้นทุนการผลิต (cost of production) หมายถึง
ต้นทุนท่ีเกิดข้ึนท่ีจะต้องจําแนกให้เป็นต้นทุนการผลิต เพื่อคํานวณเป็นต้นทุนสินค้า (product costs)
และส่วนที่เป็นต้นทุนที่ไม่ใช่การผลิต (non manufacturing cost ) ให้แสดงเป็นรายการค่าใช้จ่ายใน
การขาย และการบรหิ ารหกั ขนั้ กําไรข้ันต้น เพ่อื แสดงกาํ ไรขาดทนุ สทุ ธิจากการดําเนนิ งาน
จากความหมายของ ต้นทุนการผลิต (cost of production) สรุปได้ว่า ต้นทุนการผลิต
หมายถึง ค่าใช้จ่ายหรือรายจ่ายในปัจจัยการผลิตที่ใช้ในกระบวนการผลิต เนื่องจากปัจจัยการผลิตโดย
21
ต้นทุนการผลิตจะประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนแรงงาน และค่าใช้จ่ายโรงงาน หรือค่าใช้จ่ายใน
การดําเนินกจิ กรรมทางการผลติ เพ่อื ให้ได้มาซ่ึงผลิตภัณฑ์ทด่ี ี มีคุณภาพ ตามความต้องการของลกู คา้
2. องค์ประกอบของต้นทนุ การผลิต ประกอบดว้ ย ดงั นี้
2.1 ต้นทุนด้านวัสดุ (material cost) เป็นค่าใช้จ่ายท่ีเก่ียวข้องกับวัสดุ, อุปกรณ์, เคร่ืองมือ
ที่ใชใ้ นการผลิตท้งั ทางตรงและทางอ้อม ดงั นี้
2.1.1 วัสดุทางตรง (direct material cost) คือ วัสดุหรือวัตถุดิบที่ใช้เพ่ือการผลิต
โดยตรง โดยส่วนมากมักจะเป็นส่วนประกอบหน่ึงของผลิตภัณฑ์ เช่น ยางรถยนต์มียางเป็นวัตถุดิบ
ทางตรง, ปากกา มี พลาสติกและหมึกเป็นวัตถุดิบทางตรง เป็นต้น จํานวนในการใช้งานวัสดุ/วัตถุดิบ
ทางตรงนจี้ ะแปรผันกบั หน่วยในการผลิตโดยตรง
2.1.2 วัสดุทางอ้อม (indirect material cost) เช่น วัสดุ, เคร่ืองมือ, อุปกรณ์ ที่ใช้
สนับสนุนในการผลิตโดยส่วนมากจะไม่แปรผันกับปริมาณการผลิตโดยตรง เช่น กระดาษทราย, ผ้า
เช็ดมือ, กาว, ตะปู เป็นต้น ในบางครั้งวัสดุทางอ้อมก็อาจถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของวัสดุทางตรงก็
เป็นได้ ท้ังน้ีขึ้นอยู่กับนโยบายทางการบัญชีของแต่ละองค์กร เช่น มีดกลึงสําหรับเคร่ืองจักรซีเอ็นซี ซ่ึง
เป็นวัตถุดิบทางอ้อม สามารถถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของวัตถุดิบทางตรงก็ได้ อาจเนื่องจากเหตุผลด้าน
ราคาที่สูงและสามารถคํานวณอายุการใช้งานต่อจํานวนชิ้นงานที่ทําการผลิตได้ (tool life) ถึงแม้ว่า
มดี กลงึ จะไมไ่ ด้ถกู ประกอบไปกบั ชนิ้ งานกต็ าม
2.2 ต้นทุนด้านแรงงาน (labor cost) เป็นค่าใช้จ่ายด้านแรงงานในการทํางานและผลิตสิน
สินค้าเพ่ือให้เกิดผลิตภัณฑ์สําเร็จรูป สามารถแบ่งออกได้คล้ายๆ กับต้นทุนวัตถุ คือค่าใช้จ่ายด้าน
แรงงานทางตรง และค่าจา่ ยดา้ นแรงงานทางอ้อม ดงั นี้
2.2.1 ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางตรง (direct labor cost) เช่น ค่าจ้ารายวัน/
เงนิ เดือนของพนักงานฝ่ายผลิต,ซ่งึ จะแปรผันกับปริมาณการผลิตโดยตรง
2.2.2 ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางอ้อม (indirect labor cost) เช่น เงินเดือนของ
พนักงานขาย, เงินเดือนของผู้จัดการ, เงินดือนของวิศวกร ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะไม่แปรผันกับปริมาณใน
การผลติ โดยตรง
2.3 ค่าใช้จ่ายโรงงานหรือค่าโสหุ้ยในการผลิต (overhead cost) เป็นค่าใช้จ่ายท่ี
นอกเหนือจากจากค่าใช้จ่ายของวัสดุและค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน เช่น ค่าสาธารณูปโภค, ค่าเช่าโรงงาน,
คา่ บํารงุ รกั ษาเครือ่ งจกั ร, สวัสดกิ ารตา่ งๆ เปน็ ตน้
2.4 การคาํ นวณต้นทนุ การผลิต สามารถคาํ นวณไดด้ งั น้ี
ตน้ ทุนการผลิต = ตน้ ทุนวัสดุ + ต้นทุนแรงงาน + คา่ โสหุ้ย
22
2.5 การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิต เป็นส่ิงจําเป็นอย่างมากเป็นการรวบรวม, แจกแจง,
วิเคราะห์และรายงานค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนในส่วนของต้นทุนต่างๆ ของการผลิตเพื่อประโยชน์ต่อการ
บริหารงานและการดําเนินนโยบายของฝา่ ยบริหาร
2.3 ประวัติวิทยากร/ทป่ี รกึ ษาโครงงานและสถานประกอบ
2.3.1 ประวัตวิ ิทยากร/ท่ีปรกึ ษาโครงงาน
นางภัทรานิษฐ์ พัชริศวโรจน์ เป็นครูท่ีปรึกษาโครงงาน หอพักเรือนจันทร์ 1ซอย 1
ถ.ศรมี งคล ต.ป่าตนั อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50300
2.4 งานวิจัยทเี่ กย่ี วขอ้ ง
สุภลักษณ์ หิ้นเจ๊ก (2560 : บทคัดย่อ) โครงงานโคมไฟจากช้อนพลาสติก โครงงานฉบับนี้เป็น
ส่วนหนึ่งของวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา โดยมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาการใช้ช้อน
พลาสติกให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เพื่อศึกษาการพัฒนางานฝีมือเพื่อให้สามารถประดิษฐ์ช้ินงานจาก
ช้อนพลาสติกเป็นการสร้างรายได้และการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เพ่ือแสดงให้เห็นความสําคัญของ
ผู้จัดทําได้เลือกหัวข้อเร่ือง การทําโคมไฟจากช้อนพลาสติกในการทําโครงงานเนื่องมาจากเป็นเร่ืองท่ีดี
มีความสําคัญเก่ียวกับผู้ท่ีต้องการตกแต่งไว้หน้าบ้าน หรือจัดโคมไฟที่สวยงาม ผู้จัดทําได้ดําเนินการ
ศึกษาโดยสืบหาข้อมูลทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต วิธีการประดิษฐ์ จากบทความต่างๆ ทางส่ือส่ิงพิมพ์
ผู้จัดทํามีความสนใจในการประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติก จากการศึกษา ในเรื่องการทําโคมไฟจาก
ช้อนพลาสติก ทําให้ผู้จัดทําได้มีความรู้ในเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างมาก ได้ประสบการณ์จากการทํางาน
และหวงั เป็นอย่างยง่ิ ว่าโครงการฉบบั นี้จะมีประโยชนแ์ กผ่ ู้พบเหน็ เป็นอยา่ งมาก
วิลาวัลย์ พันธ์ศิริ (2561 : บทคัดย่อ) โคมไฟจากแผ่นซีดี( Lamps form CD) มีวัตถุประสงค์
เพ่ือสร้างโคมไฟจากแผ่นซีดี เพ่ือลดปัญหา ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อหาประสิทธิภาพในการใช้งาน
ของโคมไฟซ่ึงได้ใช้หลักการและเหตุผลท่ีเก่ียวข้องของบทท่ี 2 มาเป็นกรอบในการกําหนดเนื้อหาเพื่อ
ใช้ในการวิเคราะห์และสรุปผล รวบรวยข้อมูลและใช้แบบประเมินความพึงพอใจเป็นเคร่ืองมือจากกลุ่ม
ตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียน นักศึกษา ระดับ ปวช. ปวส. และบุคลากร วิทยาลัยเทคนิคสระบุรี ภาคเรียน
ที่1 ปีการศึกษา 2561 ซึ่งเลือกมาโดยวิธีสุ่มตัวอย่าง จํานวน 89 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติโดยใช้ค่า
ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ด้วยโปรแกรมสําเร็จรูป SPSS ผลการทําโครงการโคมไฟ
จากแผ่นซีด(ี Lamps form CD) พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชายช่วงอายุ 15-17 ปี ระดับการศึกษา ปวช.
ความพึงพอใจด้านการออกแบบ มีค่าเฉลี่ย 4.49 อยู่ในระดับมาก ด้านการเลือกใช้วัสดุมีค่าเฉลี่ย 4.31
อยู่ในระดับมาก และดา้ นภาพรวมของสิ่งประดษิ ฐ์ มีค่าเฉล่ีย 4.36 อยู่ในระดับมาก
บทที่ 3
วิธีการดาํ เนนิ งานโครงงาน
การดําเนินโครงงานประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพ่ือจําหน่ายเป็นรายได้ระหว่างเรียน ณ
หอพักเรือนจันทร์ 1ซอย1 ถนนศรีมงคล ตําบลป่าตัน อําเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50300
ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันท่ี 31 มกราคม 2565 ผู้ดําเนินโครงงานมีวิธีการดําเนินงาน
โครงงานดงั ตอ่ ไปนี้
3.1 กรอบแนวคิดส่งิ ประดษิ ฐ์ (Conceptual Framework)
3.2 การออกแบบโครงสร้างสงิ่ ประดษิ ฐ์
3.3 ข้ันตอนการดําเนนิ การ
3.4 สร้างและพฒั นาสง่ิ ประดิษฐ์
3.5 การประสิทธภิ าพส่งิ ประดษิ ฐ์
3.1 กรอบแนวคดิ สง่ิ ประดิษฐ์ (Conceptual Framework)
1. ขวดพลาสตกิ 1. ใชค้ ัดเตอรต์ ดั ขอบขวดด้านลา่ งออก โคมไฟจากช้อนพลาสตกิ
2. ช้อนพลาสตกิ 2. ตดั ด้ามช้อนพลาสติกออกให้เหลือ
3. กาวร้อน แต่ชอ้ น
4. หลอดไฟ 3. นําช้อนมาตดิ กาวรอ้ นแล้วเรยี งทับ
5. คตั เตอร์ กนั เป็นชน้ั ๆ ซอ้ นทบั ลงมาจากก้นขวด
ข้นึ มาจนถงึ ปากขวด
4. พ้นสีสเปรย์แลว้ นําไปตากแดดให้
แหง้
5. ไดโ้ คมไฟจากช้อนพลาสตกิ แลว้
สามารถนาํ ไปประดบั ตามท่ตี ้องการ
24
3.2 การออกแบบโครงสรา้ งสง่ิ ประดษิ ฐ์
3.2.1 การออกแบบโคมไฟจากช้อนพลาสติกเพอื่ จําหน่ายเป็นรายไดร้ ะหวา่ งเรียน
ภาพที่ 3.1 โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ ขนาดเล็ก ภาพท่ี 3.2 โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ ขนาดกลาง
3.2.2 วสั ดุ อปุ กรณ์ และเคร่อื งมือ เครื่องใช้
ภาพท่ี 3.3 ขวดพลาสติก ภาพท่ี 3.4 ชอ้ นพลาสติก
25
ภาพท่ี 3.5 กาวร้อน ภาพที่ 3.6 หลอดไฟ LED พรอ้ มเดินสายไฟ
ภาพที่ 3.7 คัตเตอร์ ภาพท่ี 3.8 สเปรยพ์ น่ สี
26
3.3 ขัน้ ตอนการดําเนินงาน
3.3.1 ข้นั เตรยี มการ
1. ทําการเลอื กโครงงานโดยใชต้ ารางการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตัดสินใจเลือกโครงงานตาราง
การวเิ คราะหข์ ้อมลู เพื่อตดั สนิ ใจเลือกโครงงาน
รายละเอยี ด โครงงาน 1 โครงงาน 2 โครงงาน 3 หมายเหตุ
ข้อมลู เกย่ี วกับตนเอง
1.ความสนใจและความถนดั 432
2.ความรู้และประสบการณ์ 322
3.ความพรอ้ มด้านเงินทุน 333
4.ความพร้อมในการจดั เตรยี มวัสดุ 433
อปุ กรณ์
5.ความพรอ้ มในดา้ นเวลา/แรงงาน 331
ขอ้ มูลเก่ียวกบั สงั คมแวดล้อม
1.เปน็ โครงการทีม่ ปี ระโยชน์ต่อตนเอง/ 4 4 3
ครอบครวั /ชุมชน
2.คนในครอบครัวใหก้ ารสนบั สนุน 433
3.มีแหล่งความรูท้ ี่จะศึกษาได้ 333
4.มีแหลง่ ทีส่ ามารถจดั หาวัสดไุ ด้ 432
5.สถานท่ีปฏบิ ัติงานเหมาะสม 432
ข้อมูลเก่ยี วกบั ความรู้พ้นื ฐานทางวชิ าชีพ
1.มีความรู้เกี่ยวกบั วิชาชพี 333
2.ขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ านไม่ซบั ซอ้ น 323
3.ความรู้/ทกั ษะในโครงงานน้ีสามารถ
นาํ ไปเปน็ ข้อมูลในการผลติ หรอื ดาํ เนินงาน 3 3 4
ช้ินงานอน่ื ๆได้
คะแนนรวม 45 41 34
ตารางที่ 3.1 การวิเคราะห์ขอ้ มูลเพ่ือตัดสินใจเลอื กโครงงานวิชาชีพ
27
หมายเหตุ ใหผ้ ู้พิจารณาขอ้ มลู ตา่ งๆ และให้คะแนนเพอื่ การตัดสนิ ใจเลอื กโครงงานโดย
1) การใหค้ ะแนน กําหนด 4 ระดับ ดังน้ี
4 = มีความพรอ้ มและเหมาะสมมากท่สี ดุ
3 = มีความพรอ้ มและความเหมาะสมมาก
2 = มคี วามพร้อมและเหมาะสมปานกลาง
1 = มีความพร้อมและความเหมาะสมนอ้ ย
2) ช่อื โครงการทีพ่ ิจารณา มีดังน้ี
ชื่อโครงงานที่ 1 สรา้ งและพัฒนาประดษิ ฐโ์ คมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ จาํ หนา่ ยเพือ่ เป็น
รายไดร้ ะหวา่ งเรยี น
ชื่อโครงงานท่ี 2 สร้างและพฒั นาลูกประคบสมุนไพร
ช่ือโครงงานท่ี 3 สร้างและพฒั นาการจัดทําบัญชคี รัวเรือนร้านเสรมิ สวย
3) ใหค้ ะแนนแตล่ ะโครงงานใหค้ รบทุกขอ้ แล้วรวมคะแนนทัง้ หมดในแตล่ ะโครงการ สรปุ
โครงงานทไี่ ดค้ ะแนนสูงสุด คือ 1 สรา้ งและพฒั นาประดิษฐ์โคมไฟจากชอ้ นพลาสติกจําหนา่ ยเพ่อื เปน็
รายได้ระหวา่ งเรยี น ได้ 45 คะแนน
2. เขียนโครงรา่ งโครงงานเพือ่ เสนอขออนมุ ัติโครงการ โดยมหี วั ข้อดงั น้ี
1) ชอ่ื โครงงาน
2) ผูจ้ ดั ทําโครงงาน
3) ครทู ่ปี รกึ ษาโครงงาน
4) หลักการและเหตผุ ล
5) วัตถปุ ระสงคโ์ ครงงาน
6) ขอบเขตของโครงงาน
7) แนวคิดในการออกแบบโครงงาน
8) แหลง่ ความร/ู้ เอกสารอา้ งอิง
9) ประมาณวัสดุ – อุปกรณใ์ นการทําโครงงาน
10) วธิ ีดาํ เนนิ โครงงาน
11) แผนดําเนนิ โครงงาน
12) ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ บั
3. กรอบแนวคิดศึกษาวธิ ีการประดษิ ฐ์โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ เพอ่ื จําหน่ายเปน็ รายได้
ระหวา่ งเรยี นจากการ ใชค้ ัดเตอรต์ ดั ขอบขวดด้านลา่ งออก หกั ดา้ มชอ้ นพลาสติกออกใหเ้ หลอื แตช่ ้อน
หลงั จากนั้นนําชอ้ นมาติดกาวรอ้ นแล้วเรยี งทบั กนั เปน็ ช้นั ๆ ซอ้ นทับลงมาจากก้นขวดขึน้ มาจนถึงปาก
ขวดและพ้นสสี เปรย์รอจนสีแหง้ จะไดโ้ คมไฟจากชอ้ นพลาสติกที่สวยงาม
28
4. กําหนดปฏิทนิ การปฏบิ ตั งิ านดงั นี้
ลาํ ดับข้ันการปฏิบตั ิงาน พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ผรู้ ับผดิ ชอบ
1 2 34 1 2 3412 3 4
1. ศึกษา เอกสาร ทฤษฎี จิราพรรณ
และงานวจิ ัยทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง สร้อยสิริ
2. วเิ คราะหป์ ัญหาประเมนิ จิราพรรณ
ความต้องการของผู้ใช้ สรอ้ ยสิริ
3. ออกแบบชนิ้ งาน จริ าพรรณ
สรอ้ ยสิริ
4. ปฏบิ ตั ติ ามแผนโดยใช้ จิราพรรณ
กระบวนการ P D C A สรอ้ ยสริ ิ
5. รายงานความกา้ วหนา้ จริ าพรรณ
สรอ้ ยสิริ
6. รวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะห์ จิราพรรณ
สรอ้ ยสริ ิ
7. เขยี นรายงานโครงการ จริ าพรรณ
สรอ้ ยสริ ิ
8. นาํ เสนอผลการดาํ เนิน จิราพรรณ
โครงการ สร้อยสิริ
9. ประเมินผลโครงการ จริ าพรรณ
สรอ้ ยสิริ
ตารางท่ี 3.2 ปฏิทนิ การปฏบิ ตั ิงาน
29
5. ศกึ ษาเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยที่เก่ยี วขอ้ งโดยมีหวั ข้อดงั ตอ่ ไปน้ี
1) ความรูเ้ ก่ียวกบั โครงงานทีท่ าํ
2) ทฤษฎที ี่เกีย่ วข้อง
3) ประวัตวิ ิทยากร
4) งานวิจยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง
3.3.2 ขน้ั ดําเนนิ การปฏิบตั ิงานโดยใชก้ ระบวนการวงจรคุณภาพ (PDCA) ดงั ตอ่ ไปนี้
1. สร้างและพัฒนาประดษิ ฐ์โคมไฟจากชอ้ นพลาสติกเพื่อจาํ หนา่ ยหารายได้ระหวา่ งเรยี น
2. ปฏิบตั ิตามแผน P D C A และปฏิทินปฏบิ ตั ิงาน
3. รายงานความกา้ วหนา้ ของการปฏิบตั งิ าน เป็นรายบคุ คล ตามแบบบันทึก การ
ปฏิบตั ิงานวิชาโครงงาน
3.4 สรา้ งและพัฒนาสิง่ ประดิษฐ์
3.4.1 วธิ ีการทําโคมไฟจากช้อนพลาสติก
1. ใชค้ ัดเตอร์ตดั ขอบขวดด้านลา่ งออก
2. หักด้ามชอ้ นพลาสตกิ ออกให้เหลอื แต่ชอ้ น
3. นาํ ชอ้ นมาตดิ กาวร้อนแลว้ เรียงทบั กนั เป็นช้ันๆ ซอ้ นทบั ลงมาจากก้นขวดขึ้นมาจนถงึ
ปากขวด
4. พน้ สสี เปรย์แล้วนาํ ไปตากแดดใหแ้ ห้ง
5. ได้โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ แล้ว สามารถนาํ ไปประดบั ตามที่ตอ้ งการ
30
3.5 การหาประสทิ ธภิ าพของสิง่ ประดษิ ฐ์
3.5.1 การสร้างเครือ่ งมอื เพอ่ื หาประสิทธภิ าพและคุณภาพของผลติ ภัณฑ์ โดยการกรอก
แบบสอบถามความพึงพอใจโคมไฟจากช้อนพลาสตกิ เพื่อจําหนา่ ยหารายไดร้ ะหวา่ งเรียน
แบบสอบถามความพึงพอใจโคมไฟจากช้อนพลาสติกเพอ่ื จาํ หนา่ ยเป็นรายไดร้ ะหว่างเรยี น
คําช้ีแจง : การสํารวจความพึงพอใจ เพื่อปรับปรุงคุณภาพโคมไฟจากช้อนพลาสติกเพ่ือจําหน่ายหา
รายได้ระหว่างเรียน ให้เป็นท่ีถูกใจและมีคุณภาพ จึงขอความร่วมมือจากทุกท่านในการกรอก
แบบสอบถาม โดยใสเ่ ครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งว่างใหค้ รบถ้วน
ตอนท่ี 1 ข้อมูลทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
1. เพศ ชาย หญิง
2. อายุ 15-20 ปี 20-25 ปี 26 ปีขน้ึ ไป
ตอนที่ 2 ระดบั ความพึงพอใจ
ระดับความพึงพอใจ
หวั ขอ้ ประเมนิ มาก มาก ปาน พอใช้ ปรบั ปรงุ
ที่สุด กลาง
5432 1
1. ด้านคุณสมบตั ขิ องผลติ ภณั ฑ์
1.1 ความแข็งแรง และความทนทานของ
โคมไฟจากชอ้ นพลาสติก
1.2 นํา้ หนกั ของโคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ
1.3 วัสดทุ ใ่ี ช้ในการทาํ โคมไฟจากช้อน
พลาสติก
1.4 ความสะดวกในการใช้งาน
2. ด้านประสทิ ธิภาพ
2.1 ใชง้ านได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
2.2 ความปลอดภยั ในการใช้งาน
2.3 ประโยชน์ในการใช้งาน
รวมคะแนนทงั้ ส้ิน
ตอนที่ 3ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
31
3.5.2 การเก็บรวบรวมข้อมลู
เกบ็ รวบรวมข้อมลู จากการแจกแจงแบบสอบถามความพงึ พอใจในการทดลองใชโ้ คมไฟจาก
ชอ้ นพลาสตกิ เพ่ือจาํ หนา่ ยหารายไดร้ ะหว่างเรยี น ซึง่ เป็นครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่และนกั เรียน/
นักศกึ ษาวทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาเชยี งใหมแ่ ละประชาชนทวั่ ไป จาํ นวน 20 คน
3.5.3 การวเิ คราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ขอ้ มูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจในการทดลองใชโ้ คมไฟจากช้อนพลาสติก
เพ่อื จาํ หนา่ ยหารายไดร้ ะหวา่ งเรยี นในแต่ละตอนดังต่อไปน้ี
ตอนที่ 1 ข้อมลู เบื้องตน้ ของผู้ตอบแบบสอบถาม
จากการหาค่ารอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถามความพงึ พอใจในการทดลองใช้โคมไฟจาก
ชอ้ นพลาสติกเพื่อจําหนา่ ยหารายไดร้ ะหว่างเรียน โดยใช้สูตรดงั ต่อไปน้ี
สตู ร
เม่ือ p แทน ค่าร้อยละ
F แทน ความถี่ตอ้ งการแปลงคา่ ให้เปน็ ค่ารอ้ ยละ
N แทน จาํ นวนความถ่ีทง้ั หมด
ตอนท่ี 2 ระดับความพงึ พอใจในการทดลองใช้โคมไฟจากชอ้ นพลาสติกเพอ่ื จําหน่ายหารายได้ระหวา่ ง
เรียน จาํ นวน 20 คน โดยการหาคา่ เฉลย่ี เลขคณติ และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน
1. การหาค่าเฉลีย่ เลขคณติ
สูตร =
เมือ่ x = คา่ เฉล่ีย
= ผลรวมของระดบั ความพงึ พอใจ
N = จาํ นวนผตู้ อบแบบสอบถามท้งั หมด
2. การหาส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
สตู ร S.D. = − 2
สูตร S.D. = 2− 2
−1
32
เม่อื S.D. แทน คา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
X แทน คา่ คะแนน
N แทน จํานวนคา่ คะแนนในแต่ละกลุ่ม
แทน ผลรวม
3. การแปลงผลตามเกณฑก์ ารประเมนิ ผล
4.01ข้นึ ไป หมายถงึ มากท่สี ุด
3.01 – 4.00 หมายถงึ มาก
2.01 – 3.00 หมายถึง ปานกลาง
1.01 – 2.00 หมายถึง นอ้ ย
0.00 – 1.00 หมายถงึ น้อยท่สี ดุ
ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ
นําข้อเสนอแนะจากผู้ตอบแบบสอบถามมาเป็นความเรียงและหาอัตราร้อยละของ
ข้อเสนอแนะ จากผู้ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจในการทดลองใช้โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพื่อ
จําหนา่ ยหารายได้ระหว่างเรยี นโดยใช้
สตู ร
เมื่อ p แทน คา่ รอ้ ยละ
F แทน ความถ่ีตอ้ งการแปลงคา่ ใหเ้ ปน็ คา่ ร้อยละ
N แทน จํานวนความถี่ท้ังหมด
บทท่ี 4
ผลการดาํ เนนิ โครงงาน
การดําเนินโครงงานสิ่งประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพื่อจําหน่ายเป็นรายได้ระหว่างเรียน
มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาข้ันตอนในการทําโคมไฟจากช้อนพลาสติก 2. เพื่อนําสิ่งของเหลือใช้มา
ทําให้เกิดมูลค่า 3. เพื่อก่อให้เกิดรายได้จากการดําเนินงาน ระหว่างวันท่ี 2 พฤศจิกายน 2564 ถึง 31
มกราคม 2565 ณ หอพักเรือนจันทร์ 1 ซอย 1 ถ.ศรีมงคล ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
50300 จากการวิเคราะห์ขอ้ มลู ผดู้ ําเนนิ โครงงานมผี ลการดาํ เนนิ โครงงานดงั ตอ่ ไปน้ี
4.1 ผลการดาํ เนินโครงงาน/ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู
4.2 อภิปรายผลการดาํ เนินงาน
4.1 ผลการดําเนินโครงงาน/ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู
4.1.1 สรา้ งและพัฒนาส่งิ ประดิษฐ์โคมไฟจากชอ้ นพลาสติกเพอื่ จาํ หนา่ ยเป็นรายไดร้ ะหวา่ งเรยี น
1. ใช้คัดเตอร์ตัดขอบขวดด้านลา่ งออก
2. หกั ด้ามช้อนพลาสตกิ ออกใหเ้ หลือแต่ชอ้ น
3. นําชอ้ นมาติดกาวรอ้ นแล้วเรยี งทบั กนั เป็นชนั้ ๆ ซ้อนทับลงมาจากก้นขวดข้ึนมาจนถึง
ปากขวด
4. พน้ สสี เปรยแ์ ล้วนาํ ไปตากแดดให้แหง้
5. ได้โคมไฟจากชอ้ นพลาสติกแลว้ สามารถนําไปประดบั ตามทตี่ ้องการ
34
4.1.2 การหาประสิทธภิ าพของส่งิ ประดิษฐ์
ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถามโคมไฟจากชอ้ นพลาสติกเพ่ือจาํ หน่ายเป็น
รายได้ระหว่างเรียน
1. เพศ
แผนภมู ิแสดงการจําแนกเพศของผตู้ อบแบบสอบถาม
ภาพที่ 4.1 แผนภูมแิ สดงการจําแนกเพศของผ้ตู อบแบบสอบถาม
ตารางท่ี 4.1 การจําแนกเพศของผตู้ อบแบบสอบถาม
เพศ จํานวนผ้ตู อบแบบสอบถาม
จาํ นวน ร้อยละ (%)
ชาย 8 40
หญิง 12 60
รวม 20 100
จากตารางที่ 4.1 พบวา่ การจาํ แนกเพศของผูต้ อบแบบสอบถามจาํ นวน 20 คนเปน็ ดังนี้ โดย
ส่วนใหญเ่ ปน็ ผ้หู ญงิ จํานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 60 และเปน็ ผูช้ ายจาํ นวน 8 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 40
35
2. อายุ
แผนภมู ิแสดงการจาํ แนกอายขุ องผู้ตอบแบบสอบถาม
ภาพท่ี 4.2 แผนภูมิแสดงการจําแนกอายุของผูต้ อบแบบสอบถาม
ตารางที่ 4.2 การจําแนกอายขุ องผูต้ อบแบบสอบถาม
อายุ จาํ นวนผ้ตู อบแบบสอบถาม
จาํ นวน รอ้ ยละ (%)
15-20 ปี 5 25
20-25 ปี 12 60
26 ปขี นึ้ ไป 3 15
รวม 20 100
จากตารางท่ี 4.2 พบว่าการจําแนกอายุของผู้ตอบแบบสอบถามจํานวน 20 คนท่ีตอบ
แบบสอบถามมีช่วงอายุดังนี้ ช่วงอายุระหว่าง 20-25 ปีมีจํานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 60 ช่วงอายุ
ระหว่าง 15-20 ปีมีจํานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25 และช่วงอายุระหว่าง 26 ปีข้ึนไปมีจํานวน 3 คน
คดิ เปน็ รอ้ ยละ 15
36
ตอนที่ 2 ระดับความพงึ พอใจในการใช้โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ เพอ่ื จําหน่ายเปน็ รายไดร้ ะหวา่ งเรยี น
1. ด้านคุณสมบตั ิของโคมไฟจากชอ้ นพลาสติกเพือ่ จาํ หนา่ ยหารายได้ระหวา่ งเรียน
แผนภมู แิ สดงความพึงพอใจดา้ นคุณสมบตั ขิ องโคมไฟจากช้อนพลาสตกิ
ภาพที่ 4.3 แผนภมู ิแสดงความพงึ พอใจด้านคุณสมบตั ขิ องโคมไฟจากช้อนพลาสติก
ตารางท่ี 4.3 ระดบั ความพึงพอใจด้านคุณสมบัติ
ขอ้ ประเด็นพจิ ารณา S.D. การแปล
ความ
1. ดา้ นคุณสมบัตขิ องโคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ
1.1 ความแขง็ แรงของโคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ 4.60 0.58 มากที่สุด
1.2 น้ําหนกั ของโคมไฟจากชอ้ นพลาสติก 4.55 0.71 มากทส่ี ุด
1.3 วัสดทุ ใี่ ชใ้ นการทําโคมไฟจากช้อนพลาสตกิ 4.65 0.54 มากที่สุด
1.4 ความสะดวกในการใช้งาน 4.50 0.75 มากทส่ี ดุ
รวม 4.58 0.65 มากท่ีสุด
จากตารางที่ 4.3 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในด้านคุณสมบัติของโคมไฟจาก
ชอ้ นพลาสตกิ จําหนา่ ยเพอื่ เป็นรายได้ระหว่างเรียน มคี วามพงึ พอใจโดยรวมอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ
( =4.58)โดยเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ วัสดุที่ใช้ในการทําโคมไฟจากช้อนพลาสติก
( =4.65) ความแข็งแรงของโคมไฟจากช้อนพลาสติก ( = 4.60) นํ้าหนักของโคมไฟจากช้อน
พลาสตกิ ( =4.55) และความสะดวกในการใช้งาน ( =4.50)
37
2. ด้านประสิทธิภาพของโคมไฟจากช้อนพลาสตกิ เพื่อจําหนา่ ยเป็นรายได้ระหว่างเรียน
แผนภูมิแสดงความพงึ พอใจด้านประสิทธิภาพของโคมไฟจากช้อนพลาสตกิ
ภาพท่ี 4.4 แผนภูมแิ สดงความพึงพอใจด้านประสิทธิภาพของโคมไฟจากชอ้ นพลาสติก
ตารางท่ี 4.4 ระดับความพึงพอใจด้านประสิทธภิ าพ
ขอ้ ประเดน็ พิจารณา S.D. การแปล
ความ
2. ด้านประสทิ ธิภาพของโคมไฟจากชอ้ นพลาสติก
2.1 ใชง้ านไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ 4.60 0.58 มากทีส่ ุด
2.2 ความปลอดภยั ในการใช้งาน 4.75 0.43 มากทีส่ ดุ
2.3 ประโยชนใ์ นการใชง้ าน 4.70 0.46 มากทส่ี ุด
รวม 4.68 0.49 มากท่ีสุด
จากตารางท่ี 4.4 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในด้านประสิทธิภาพของโคมไฟ
จากช้อนพลาสติกจําหนา่ ยเพ่ือเป็นรายไดร้ ะหว่างเรียนมีความพงึ พอใจโดยรวมอยูใ่ นระดบั มากที่สุด
( =4.68) โดยเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ความปลอดภัยในการใช้งาน ( =4.75)
ประโยชน์ในการใชง้ าน( =4.70) และใชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ( =4.60)
บทท่ี 5
สรุปผลการดําเนินงานโครงงานและขอ้ เสนอแนะ
การดําเนินโครงงานสิ่งประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพื่อจําหน่ายเป็นรายได้ระหว่างเรียน
ณ หอพักเรือนจันทร์ 1 ซอย 1 ถ.ศรีมงคล ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50300 ระหว่าง
วันท่ี 2 พฤศจิกายน 2564 ถึง 31 มกราคม 2565 ผู้ดําเนินโครงงานสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลและ
ขอ้ เสนอแนะ ดังต่อไปน้ี
5.1 สรุปผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
5.2 ข้อเสนอแนะ
5.1 สรุปผลการวิเคราะหข์ ้อมูล
5.1.1 วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน
1. เพื่อศึกษาข้ันตอนในการทําโคมไฟจากช้อนพลาสติก
2. เพื่อนาํ สิง่ ของเหลอื ใชม้ าทาํ ให้เกดิ มูลค่า
3. เพอ่ื กอ่ ให้เกิดรายได้จากการดําเนนิ งาน
5.1.2 วิธดี าํ เนนิ งานของโครงงาน
1. ขั้นเตรียมการ
1. สํารวจความสนใจและความพรอ้ มของตนเอง
2. พจิ ารณาเลือกโครงงาน
3. เขยี นเค้าโครงร่างโครงงานเพ่ือเสนอขออนุมตั ิ
4. เตรียมคดิ สง่ิ ประดิษฐ์
2. ข้ันตอนดําเนินการ
1. จัดเตรยี มอุปกรณ์ในการทาํ งาน
2. สร้างเคร่ืองมอื ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล/ออกแบบโครงสรา้ งสิง่ ประดษิ ฐ์
3. ปฏบิ ตั ติ ามแผนโดยใชก้ ระบวนการ P D C A
4. รายงานความกา้ วหนา้
3. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล
1. รวบรวมข้อมลู วเิ คราะหข์ ้อมูล
2. เขียนรายงานโครงงาน
3. นาํ เสนอผลการดําเนนิ งานโครงงาน
4. ประเมนิ ผลโครงงาน
39
5.1.3 ผลการดาํ เนินโครงงาน
1. สรา้ งและประดษิ ฐ์โคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ จาํ หนา่ ยเพอ่ื เปน็ รายได้ระหวา่ งเรียน จํานวน 2
ขนาด ขนาดเลก็ 1 อัน และขนาดกลาง 1 อัน
วิธีทําโคมไฟจากชอ้ นพลาสตกิ จาํ หน่ายเพื่อเป็นรายได้ระหวา่ งเรียน 1.ใชค้ ัดเตอรต์ ัดขอบขวด
ดา้ นล่างออก 2. หักด้ามช้อนพลาสติกออกให้เหลือแตช่ อ้ น 3. นาํ ช้อนมาตดิ กาวร้อนแลว้ เรียงทบั กัน
เปน็ ชัน้ ๆ ซอ้ นทบั ลงมาจากก้นขวดขึ้นมาจนถึงปากขวด 4. พ้นสีสเปรย์แล้วนําไปตากแดดให้แหง้ 5.
ได้โคมไฟจากช้อนพลาสติกแล้ว สามารถนาํ ไปประดับตามท่ีตอ้ งการ
2. หาประสิทธภิ าพและพฒั นาคณุ ภาพสิ่งประดิษฐ์
ผลการดําเนินโครงงานสิ่งประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกจําหน่ายเพ่ือเป็นรายได้
ระหว่างเรียน เป็นดังนี้ ได้โคมไฟจากช้อนพลาสติกจําหน่ายเพ่ือเป็นรายได้ระหว่างเรียน จํานวน 2
ขนาด และจากการหาประสิทธิภาพและคุณภาพของโคมไฟจากช้อนพลาสติกจากผู้ตอบแบบสอบถาม
จาํ นวน 20 คน มดี งั นี้
ตอนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามโคมไฟจากช้อนพลาสติกเพ่ือจําหน่ายเป็น
รายได้ระหว่างเรียน พบว่าการจําแนกเพศของผู้ตอบแบบสอบถามจํานวน 20 คนเป็นดังนี้ ส่วนใหญ่
เป็นผู้หญิงจํานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 60 , และเป็นผู้ชายจํานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 40 , พบว่า
การจําแนกอายุของผู้ตอบแบบสอบถามจํานวน 20 คนท่ีตอบแบบสอบถามมีช่วงอายุ ดังนี้ ช่วงอายุ
ระหว่าง 20-25 ปีมีจํานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 60 , ช่วงอายุระหว่าง 15-20 ปีมีจํานวน 5 คน คิด
เป็นร้อยละ 25 , และชว่ งอายุระหว่าง 26 ปขี ึน้ ไปมจี ํานวน 3 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 15
ตอนที่ 2 ระดับความพึงพอใจในด้านคุณสมบัติของโคมไฟจากช้อนพลาสติกเพื่อจําหน่าย
เป็นรายได้ระหว่างเรียน มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.58) โดยเรียงลําดับจาก
มากไปหาน้อย ได้แก่ วัสดุที่ใช้ในการทําโคมไฟจากช้อนพลาสติก ( = 4.65) ความแข็งแรงของโคม
ไฟจากช้อนพลาสติก ( = 4.60) น้ําหนักของโคมไฟจากช้อนพลาสติก ( = 4.55) และความ
สะดวกในการใช้งาน ( = 4.50)
ระดับความพึงพอใจในด้านประสิทธิภาพของโคมไฟจากช้อนพลาสติกจําหน่าย
เพ่ือเป็นรายได้ระหว่างเรียน มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.68) โดยเรียงลําดับ
จากมากไปหาน้อย ได้แก่ ความปลอดภยั ในการใชง้ าน ( = 4.75 ) ประโยชนใ์ นการใช้งาน
( = 4.70) และใช้งานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ( = 4.60)
40
ตอนที่ 3 จากแบบสอบถามความพงึ พอใจในการทดลองใช้สง่ิ ประดิษฐ์ จาํ นวน 20 คน มี
ขอ้ เสนอแนะ 2 คน คดิ เป็นร้อยละ 10 ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ 18 คน คิดเป็นร้อยละ 90 ขอ้ เสนอแนะมี
ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. อยากใหโ้ คมไฟจากช้อนพลาสติกมีรปู ทรงท่ีหลากหลายและแปลกใหม่กว่าน้ี 2. อยากให้
โคมไฟมคี วามสมดลุ มากกว่าน้ี
5.2 ขอ้ เสนอแนะ
5.2.1 ข้อเสนอแนะสาํ หรับการนาํ ผลไปใช้
ปัญหาอุปสรรคในดําเนนิ โครงงาน ข้อเสนอแนะ/แนวทางการพัฒนา
1. อยากให้โคมไฟจากชอ้ นพลาสติกมรี ูปทรงที่ 1. ทํารปู ทรงทแี่ ตกตา่ ง เช่น รูปผลไม้ รูปทรง
หลากหลายและแปลกใหม่กวา่ น้ี ส่ีเหล่ยี มผืนผ้า รปู วงกลม เป็นต้น
2. อยากใหโ้ คมไฟมคี วามสมดลุ มากกว่านี้ 2. ตดั ช้อนใหเ้ ทา่ กันและมีความแม่นยําในการ
ประกอบให้มากขน้ึ
ตารางท่ี 5.1 ขอ้ เสนอแนะสําหรับการนําผลไปใช้
5.2.2 ขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาครั้งต่อไป
จากการท่ีได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติในการทําสิ่งประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพ่ือ
จําหน่ายเป็นรายได้ระหว่างเรียนในคร้ังน้ีแล้วจึงได้ข้อเสนอแนะจากผู้ตอบแบบสอบถามว่าควรให้มี
การปรับปรุงรูปทรงให้มีความหลากหลายและมีความสมดุลของโคมไฟจากช้อนพลาสติก ทางคณะ
ผู้จัดทําจึงได้ข้อสรุปว่าในการจัดทําหรือศึกษาส่ิงประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพื่อจําหน่ายหา
รายได้ระหว่างเรียนในครั้งต่อไปควรพัฒนาและปรับปรุงตามข้อเสนอแนะดังกล่าวและยังสามารถ
พัฒนาส่ิงประดิษฐ์โคมไฟจากช้อนพลาสติกเพ่ือจําหน่ายหารายได้ระหว่างเรียนให้มีลักษณะที่ดีขึ้นด้วย
การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคตรวมท้ังความคิดสร้างสรรค์ของผู้ท่ีต้องการจะศึกษาสิ่งประดิษฐ์โคม
ไฟจากช้อนพลาสติกเพ่อื จําหนา่ ยเปน็ รายไดร้ ะหว่างเรียนในอนาคตอีกดว้ ย
บรรณานกุ รม
จเรชยั ตาเตง้ “ประวัติโคมไฟ” [ออนไลน]์ .
แหลง่ ท่ีมา : https://sites.google.com/site/khomfie/ ประวัตโิ คมไฟ. (15 พฤศจกิ ายน
2564)
วกิ พี ีเดีย สารานุกรมเสรี “ความเป็นมาของพลาสติก” [ออนไลน์].
แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ พลาสติก (10 ธนั วาคม 2564)
วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี “ชอ้ นพลาสติก” [ออนไลน์].
แหลง่ ทม่ี า : https://goodboxpack.com/product-category/%. (20 พฤศจิกายน 2564)
วีรวรรณ อาจอาคม “โครงการนวัตกรรมสง่ิ ประดิษฐ์โคมไฟมหัศจรรย์” [ออนไลน]์ .
แหลง่ ที่มา : http://www.atc.ac.th/ATCWeb/FileATC/%E0%B9%82%E0%.pdf
(9 มกราคม 2565)
อคั รนิ ทร์ สุทศั นเ์ สถียรชัย “โครงการสิง่ ประดิษฐโ์ คมไฟวนิ เทจ” [ออนไลน์].
แหล่งทม่ี า : http://www.atc.ac.th/ATCWeb/FileATC/.pdf /โครงการสาขาวิชา
การตลาด (23 มกราคม 2565)
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก
เคา้ โครงร่างโครงงาน