The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by peepee_009, 2024-06-28 10:13:03

1รร1นวัตกรรม

1รร1นวัตกรรม


๕ คำนำ ตามที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้ดำเนินการคัดสรรผลงาน “หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม” (One School One Innovation : OSOI) เป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษาได้สร้าง นวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบท และเพื่อคัดสรรผลงานนวัตกรรมที่มีคุณค่าทางวิชาการและเป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาการศึกษา และพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นโรงเรียนบ้านหนองหิน จึงเห็นถึงความสำคัญของการ จัดการเรียนรู้และประสิทธิภาพของผู้เรียน แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันส่งผลให้นักเรียนเกิดสภาวะถดถอย ทางการเรียนรู้ ที่น่ากลัวคือปัญหานี้เกิดกับนักเรียนกลุ่มปานกลางจนถึงเก่งที่จะมีความเป็นผู้นำและสามารถเป็น แบบอย่างให้กับผู้เรียนคนอื่นๆได้มากกว่ากลุ่มผู้เรียนที่ต้องพัฒนา ทางโรงเรียนจึงได้คิดวิธีการที่จะแก้ไขปัญหา ดังกล่าวและได้ออกมาเป็นนวัตกรรม “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) มาตรการ ๕ ด้านฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” ที่มุ่งเน้น การแก้ไขปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ด้วยหลักการความร่วมมือของผู้บริหาร คณะครูบุคลากร ชุมชนและ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งในปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ ทางโรงเรียนจึงเสนอขอรับการคัดสรรรางวัล “หนึ่งโรงเรียน หนึ่ง นวัตกรรม” ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ทางโรงเรียนบ้านหนองหินหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้ จะเป็น ประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนที่สนใจและช่วยจุดประกายความคิด หรือต่อยอดใน การสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนาผู้เรียนและการศึกษาของชาติต่อไปในอนาคต คณะผู้จัดทำ โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓


๖ สารบัญ เนื้อหา หน้า คำนำ สารบัญ ข้อมูลแบบ นร.๑ หน้าปก ๑ บทสรุป ๔ ๔ ความเป็นมาและความสำคัญ ๖ วัตถุประสงค์ กระบวนการพัฒนาผลงานหนึ่งโรงเรียนหนึ่ง นวัตกรรม - สภาพปัญหาก่อนการพัฒนา ๗ - การออกแบบนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา ๑๐ - ขั้นตอนการดำเนินงานพัฒนา ๑๑ - ผลงานที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน ๒๑ - สรุปสิ่งที่เรียนรู้และการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ๒๗ - การขยายผลและเผยแพร่ผลการพัฒนา ๒๙ ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ๓๐ จุดเด่น หรือลักษณะพิเศษของผลงานนวัตกรรม ๓๑ บรรณานุกรม ภาคผนวก





๔ ๒. บทสรุป “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) มาตรการ ๕ ด้านฟื้นฟูความรู้ ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียน บ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” คำนิยามที่ทำให้เข้าใจความหมาย ของสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน คือ “ควรรู้ในระดับของตนเองแต่ไม่รู้ หรือเคยรู้แต่จำไม่ได้” โดย การดำเนินงานเกิดขึ้นจากความต้องการในการแก้ไขปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน (Learning Loss) เพื่อให้นักเรียนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีความรับผิดชอบ โดยทางโรงเรียนมุ่งหวังที่จะพัฒนา ผู้เรียนให้ได้เต็มตามศักยภาพเนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ที่ผ่านมาส่งผลให้นักเรียนโรงเรียนบ้าน หนองหินหลุดออกจากระบบการศึกษาไปถึง ๘ คนและได้มีการดำเนินโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” และได้นำ นักเรียนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาในโรงเรียนจำนวน ๕ คน ซึ่งพบว่ามีปัญหาทางครอบครัว ส่วนอีก ๓ คนพบว่า อายุเกินเกณฑ์หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง สภาพความเป็นอยู่ กระบวนการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน เริ่มคืนสู่สภาพปกติ ปัญหาที่ตามมา คือ ภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ที่มีสาเหตุการเกิดที่หลากหลาย และพบ ปัญหานี้กับกลุ่มนักเรียนกลุ่มกลางไปจนถึงกลุ่มเก่ง มากกว่านักเรียนกลุ่มที่ต้องดำเนินการพัฒนาซึ่งทางโรงเรียน เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงมีการจัดประชุมคณะครูบุคลากรเป็นวาระเร่งด่วน ในการพัฒนาแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะสำเร็จและมีประสิทธิภาพที่ดีซึ่งทางโรงเรียนไม่สามารถดำเนินการได้ฝ่ายเดียว จึงศึกษาและนำหลักการของ ความร่วมมือบริหาร ซึ่งทางโรงเรียนเล็งเห็นความเข้มแข็งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่ง ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสระตะเคียน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ที่จะมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ต่างๆที่เกิดขึ้นให้เข้าสู่ภาวะปกติ ให้กระบวนการจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามหลักสูตรสถานศึกษาและกรอบ การศึกษาที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดขึ้นโดยคำนึงถึงการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคน เก่ง ดี มีความสุขและสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีคุณธรรม จริยธรรม จากผลการวิเคราะห์ผู้เรียนในแต่ละระดับชั้นทั้งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พฤติกรรม พัฒนาการด้านต่างๆ (การอ่าน-เขียน การทดสอบ Pre - NT, RT,O - NET) ทางคณะครูและบุคลากรโรงเรียนบ้านหนองหินได้นำมา วิเคราะห์ร่วมกันถึงปัญหาที่แต่ละห้องกำลังเผชิญและร่วมหาสาเหตุซึ่งล้วนแต่ตกลงเป็นเสียงเดียวกันว่า ส่วน สำคัญที่ต้องแก้ไขปรับปรุงคือระบบการบริหารงานในสถานศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทชุมชน ท้องถิ่น สนอง ความต้องการของผู้เรียน และผู้ปฏิบัติงานสามารถดำเนินงานได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป้าหมายหลัก คือ ต้องการ แก้ไขสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน และได้ร่วมกันศึกษาบทความที่เขียนเกี่ยวกับสภาวะถดถอย ทางการเรียนรู้จึงพบกับ ๕ มาตรการที่ฟื้นฟูความรู้ให้กับนักเรียนซึ่งทั้ง ๕ ด้านนั้นครอบคลุมการบริหารงานของ โรงเรียนบ้านหนองหินและนำมาบูรณาการกับหลักการการบริหารงานด้วยความร่วมมือ “บวช.เรียน โรงเรียนบ้าน หนองหิน” (บ้าน วัด ชุมชน และโรงเรียน) ซึ่งให้ บ้าน ที่มีพ่อแม่ผู้ปกครอง วัด ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจและแหล่ง เรียนรู้ ชุมชน ที่เป็นเบ้าหลอมและกำลังสำคัญในการช่วยพัฒนาเข้ามามีบทบาทในการบริหารงานของโรงเรียน ตามความเหมาะสม เสนอความคิดเห็นและสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียนตามความเหมาะสม จุดเด่นของนวัตกรรม “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) มาตรการ ๕ ด้านฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน


๕ โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” เป็นการ บริหารงานด้วยหลักความร่วมมือการใช้มาตรการบริหารงาน ๕ ด้าน (อ้างอิงจากบทความของ ดร.นรรถพร จันทร์ เฉลี่ย เสริบุตร ที่เรียบเรียงโดย Starfish Education) มาปรับให้เข้ากับบริบทสถานศึกษา ได้แก่ มาตรการที่ ๑ ประเมินสภาพแวดล้อมทั้งระบบ (Landscape Assessment) มาตรการที่ ๒ การวางแผนของโรงเรียนทั้งระบบ (Whole School Planning) มาตรการที่ ๓ การสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครู (Professional Development Support for Teachers) มาตรการที่ ๔ การช่วยเหลือเด็กเรียนรายบุคคล (Intervention and Support for Students) มาตรการที่ ๕ การติดตาม ปรับปรุง และผลสะท้อนกลับ (Monitoring and Intervention Redesign) ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบริบทสภาพแวดล้อมของโรงเรียนอย่างครบวงจรไปจนถึงแก้ไขปัญหาการวางแผนงาน ของโรงเรียนทั้งระบบบ แก้ไขสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน ตลอดจนการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน ความหลากหลายของกิจกรรมในโรงเรียน การพัฒนาตนเองของคณะครูบุคลากร และพัฒนาระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียน ด้วยหลักการความร่วมมือให้ชุมชนมีส่วนร่วม ซึ่งทางโรงเรียนมีแนวทางในการพัฒนาให้เกิดเป็น โมเดลของโรงเรียนบ้านหนองหิน เพื่อนำไปต่อยอดและดำเนินงานตามแผนการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพ และสามารถเป็นแบบอย่างให้ได้มากที่สุด ซึ่งแต่ละมาตรการการดำเนินงานจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ทั้งนี้คำนึงความเหมาะสมและผลที่จะเกิดขึ้น เน้นการบูรณาการและการมีส่วนร่วม การติดตามประเมินผล และการนิเทศผลการดำเนินงานที่หลากหลาย ก่อให้เกิดเป็นชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่เข็มแข็งและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น (PLC) จากคณะครูสู่ชุมชน การทบทวนหลังการปฏิบัติงาน และการจัดการความรู้ในด้านต่างๆ ส่งผลให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนรอบด้านไม่เพียงแค่ลดสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ แต่เป็นการยกระดับคุณภาพ


๖ ผู้เรียน การสร้างพื้นฐานอาชีพ ตลอดจนการพัฒนาการบริหารงานทั้ง ๔ ฝ่ายของโรงเรียนแบบครบวงจรด้วย ความร่วมมือของ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชนและโรงเรียน) ๓. ความเป็นมาและความสำคัญ ภาวะความรู้ถดถอย (Learning Loss) ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสโควิด ๑๙ และได้สร้างผลกระทบในวงกว้าง ทั้งต่อตัวนักเรียนโดยตรง และต่อประเทศในหลากหลายมิติ โดยทางโรงเรียนบ้านหนองหิน มุ่งให้ความสำคัญและแก้ไขผลกระทบต่อตัวเด็กใน ๓ ด้าน ดังนี้ ด้านวิชาการ ด้านพัฒนาการ และด้านอารมณ์และสังคม และได้ศึกษาข้อเสนอ ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ถดถอยทางการ เรียนรู้ของนักเรียนซึ่งสอดคล้องและสามารถปรับให้เข้าบรบทสถานศึกษาบูรณาการหลักการบริหารด้วยความ ร่วมมือโดยให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการบริหารตามความเหมาสะม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบ การศึกษาทั่วโลก ถึงแม้จะมีการจัดการเรียนรู้ที่เรียกว่า Remote Learning หรือการจัดการศึกษาทางไกลที่ หลากหลายรูปแบบ ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์การเรียนรู้ของนักเรียนรายบุคคลได้ ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่หลุด ออกจากระบบการศึกษา แต่พอหลังสถานการณ์ดีขึ้นโรงเรียนส่วนมากกลับพบปัญหานักเรียนเกิดสภาวะ ถดถอยทางการเรียนรู้และสิ่งสำคัญคือเกิดกับนักเรียนกลุ่มปานกลางและกลุ่มเก่งที่ถือเป็นแบบอย่างในการ พัฒนาต่อยอด นิยามคำว่าภาวะถดถอยแบบเข้าใจง่ายคือ “ควรรู้ในระดับของตนเองแต่ไม่รู้ หรือเคยรู้แต่จำ ไม่ได้” โดยทางโรงเรียนบ้านหนองหินได้มีการทดสอบและวิเคราะห์ผู้เรียนจากหลายด้านและพบว่านักเรียน โรงเรียนบ้านหนองหินกำลังเผชิญปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ทางโรงเรียนจึงต้องหาแนวทางในการ แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมองถึงสาเหตุของการเกิดสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ โดยถ้ามองจากตัวนักเรียนคง มีหลากหลายปัจจัยที่จะเข้าถึงและทำความเข้าใจได้อย่าถ่องแท้ จึงมองมุมกลับมาถึงการบริหารงานภายใน โรงเรียน การดึงจุดเด่นของสถานศึกษาเพื่อให้สถานศึกษาดึงนักเรียนให้กลับเข้ามาสู่ห้องเรียน ซึ่งแน่นอนว่า การมาโรงเรียนของนักเรียนแต่ละคนถ้าทุกคนพบกับกิจกรรมที่หลากหลาย สนองความต้องการ คณะครูมีการ พัฒนาตนเอง มีนวัตกรรม หลักจิตวิทยาที่สามารถจัดการนักเรียนและชั้นเรียนได้ บรรยากาศในชั้นเรียนจะ พัฒนาได้อย่างครบวงจรนักเรียนจะ เก่ง ดี และมีความสุขตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ มีระบบการดูล ช่วยเหลือนักเรียนที่เป็นระบบ มีการผสานความร่วมมือกับชุมชนเพื่อให้นักเรียนรู้สึกใกล้ชิดและได้สัมผัสกับ โรงเรียนที่เป็นมุมมองใหม่ที่ต่างจากเดิม ก็จะทำให้นักเรียนกลับสู่ห้องเรียนและเรียนรู้อย่างมีความสุข สิ่งสำคัญ อยู่ที่การวางแผนการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียน ซึ่งนำมาตรการ ๕ ด้านฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการ บริหารงานด้วยการความร่วมมือซึ่งใช้ฐานของ “บวร” (บ้าน วัด โรงเรียน) มาต่อยอดเป็น “บวช.เรียนโรงเรียน บ้านหนองหิน (บ้าน วัด ชุมชน และโรงเรียน) โดยภายใน ๕ มาตรการจะมีการสอดแทรกนวัตกรรมที่ช่วยเหลือ นักเรียนเข้าไป ทำให้การใช้ ๕ มาตรการดังกล่าว เป็นการพัฒนาอย่างครบวงจร จากปัญหาที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนมีการ PLC กับคณะครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น จนเกิดเป็น “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) มาตรการ ๕ ด้านฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลัก ความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา


๗ ประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” เพื่อแก้ไขสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ ยกระดับคุณภาพผู้เรียน พัฒนาครู และบุคลากร และเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่เกิดจากความร่วมมือ โรงเรียนและชุมชนต่อยอดพัฒนาให้เกิด ประสิทธิภาพกับนักเรียนต่อไป ๔. วัตถุประสงค์ การดำเนินงานนวัตกรรม หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) มาตรการ ๕ ด้านฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลัก ความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑. เพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะถอดถอยทางการเรียนรู้ (Learning loss recovery) ๒. เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายและชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ PLC ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและ พัฒนาต่อยอด Model ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน SCS Model ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๓. เพื่อยกระดับแผนการบริหารงานภายในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ เข้ากับบริบทสถานศึกษาและโลก ปัจจุบัน สนองความต้องการของผู้เรียนและผู้ดำเนินงานสามารถปรับใช้ได้อย่างมีความสุข ๔. เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครูการสร้างผลงานและคิดค้นนวัตกรรมการสอนที่นำมาใช้กับผู้เรียน ๕. เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองเต็มตามศักยภาพ มีพื้นฐานในการประกอบอาชีพ และอยู่ในสังคมได้ อย่างมีความสุข ๕. กระบวนการพัฒนาผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม ๑. สภาพปัญหาก่อนการพัฒนา โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓ เป็นโรงเรียนขยาย โอกาสที่เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น พื้นที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชน หมู่ที่ ๒


๘ ตำบลสระตะเคียน อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันมีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๗ คน จำนวน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ๑๓ คน ซึ่งถือเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในเขตหมู่บ้านและชุมชน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในครัวเรือนมีรายได้น้อย ส่งผลให้เด็กนักเรียนและเยาวชนในหมู่บ้านหนองหิน-หนอง ไข่น้ำหลุดออกจากระบบการศึกษา ประกอบกับปัญหายาเสพติด การติดเทคโนโลยี ทำให้นักเรียนขาดความ กระตือรือร้น ขาดความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ขาดทักษะการทำงาน จากการศึกษาวิเคราะห์การจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน บ้านหนองหิน การจัดการเรียนการสอนของครู พบว่า ครูใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้รับข้อมูลจากผู้สอน โดยตรง หรือแบบ (Passive Learning) ทำให้ผู้เรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ไม่พึงประสงค์ ร่วมกับสภาพแวดล้อม ในโรงเรียน การบริหารจัดการระบบต่างๆในโรงเรียนที่ไม่ได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยและความ ต้องการของผู้เรียน ทำให้นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองหินขาดประสบการณ์และการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Learning By Doing) “ควรรู้ในระดับของตนเองแต่ไม่รู้ หรือเคยรู้แต่จำไม่ได้” ซึ่งไม่ตอบโจทย์บริบทและความต้องการ ของผู้เรียนและเมื่อศึกษาบริบทด้านอื่นๆ พบว่า ๑) สภาพชุมชนบริเวณโดยรอบมีลักษณะเป็นชุมชนขนาดเล็ก และประสบปัญหายาเสพติด ๒) ขาดการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชน โรงเรียน ทำให้ขาดกำลังหลักที่จะเป็นทางเชื่อมให้เกิดการ ดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ด้วยปัจจัยของปัญหาดังกล่าวจึงส่งผลให้เกิดสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน (Learning Loss) จัดเป็นปัญหาหลักของการคิดค้นนวัตกรรมที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองหิน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ๑๙ ที่ผ่านมาจนในปัจจุบันปีการศึกษา ๒๕๖๖ ทางโรงเรียน ได้มีการสำรวจผู้เรียนเป็นรายบุคคลของกลุ่มงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนร่วมกับกลุ่มงานบริหารวิชาการออก นิเทศกระบวนการจัดการเรียนการสอนและวิเคราะห์ผู้เรียนแต่ละระดับชั้นเพื่อนำผลที่ได้มาวางแผนการจัดการ เรียนการสอนและการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ โดยเริ่มจากท่านผู้อำนวยการ (นายปรเมศ กองสมบัติ) มีการมอบ นโยบาย “พาน้องขึ้นชั้นเรียน” การให้ครูประจำชั้นเดิมของปีการศึกษา ๒๕๖๕ ได้สรุปหัวข้อเป็นประเด็นของ ผู้เรียนในด้านต่างๆเพื่อส่งต่อข้อมูลพื้นฐานให้ครูประจำชั้นถัดไป เช่น ด้านวิชาการ ด้านพัฒนาการ ด้านอารมณ์ สังคม เป็นต้น ทำให้มีกระบวนการ PLC คณะครูในโรงเรียนเพื่อวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาของแต่ละห้องนำเสนอ ผ่านการประชุม ตลอดจนผลของการนิเทศชั้นเรียน การตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของคณะครู นำมาวิเคราะห์ เพิ่มเติม โดยจากผลการวิเคราะห์พบว่า นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองหินในปีการศึกษา ๒๕๖๖ เกิดสภาวะถดถอย ทางการเรียนรู้ถึง ๘๐% โดยแบ่งเป็นประเด็นสำคัญใน ๓ ด้านดังนี้ ๑. ด้านวิชาการ : นักเรียนมีการส่งการบ้านน้อยลง ความสนใจในการเรียนที่น้อยลง การถาม-ตอบคำถามใน ชั้นเรียนน้อยลงอย่างชัดเจน กระบวนการคิดวิเคราะห์ การลงมือทำที่น้อยลง ตลอดจนผลเชิงประจักษ์ จากการใช้แบบทดสอบฉบับเดิมที่นักเรียนเคยสอบ (ข้อสอบ NT RT O-NET) นำกลับมาทดสอบอีกครั้ง พบว่า (ตัวอย่าง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ นักเรียนมีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ลดลงมากกว่า ความสามารถด้านภาษา ซึ่งมีนักเรียนร้อยละ ๕๔ มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ลดลง และนักเรียน ร้อยละ ๑๕ มีความสามารถด้านภาษาลดลง และนักเรียนกลุ่มเก่งมีความรู้ถดถอยมากกว่ากลุ่มอ่อน )


๙ ๒. ด้านพัฒนาการ : นักเรียนขาดทักษะในด้านต่างๆอย่างชัดเจน เช่น นักเรียนประถมศึกษากลับมี พัฒนาการที่แย่ลงไม่ว่าจะเป็นในด้านของการเจริญเติบโต หรือพัฒนาการด้านความคิด เป็นต้น ๓. ด้านอารมณ์สังคม : สายชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนเริ่มมีอารมณ์ที่รุนแรง มีความเป็นตัวของตัวเอง และเริ่มที่จะข้องเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดรวมไปถึงการเข้ากับสังคมที่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ค่อนข้างยากเกิดการทะเลาะวิวาท ส่วนในระดับประถมศึกษาเป็นพฤติกรรมการลอกเลียนแบบจากรุ่นพี่ และตามสื่อโซเชียลต่างๆ เป็นต้น โอกาสและข้อจำกัดของโรงเรียน โอกาส : วัด ชุมชน เครือข่ายผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีความเข้มแข็งและพร้อม สนับสนุนในการจัดการศึกษา ตลอดจนสนับสนุนงานด้านต่างๆของโรงเรียน ข้อจำกัด : ความแตกต่างระหว่างบุคคล และปัจจัยภายนอกที่ดึงดูดให้นักเรียนออกจากระบบการศึกษา ส่งผลกระทบต่อการเกิดภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ ด้วยสภาพการวิเคราะห์ใน ๓ ด้านและการพิจารณาโอกาสและข้อจำกัดของโรงเรียน จะพบว่า สภาวะ ถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียนส่งผลกระทบกับหลายด้าน เช่น ด้านผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ สมรรถนะ พฤติกรรมของผู้เรียน ปัญหาทั้งหมดทำให้ทางโรงเรียนต้องมีการระดมความคิด PLC ทั้งคณะครูและ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง เพื่อหาทางออกของปัญหาดังกล่าว โดยมีนวัตกรรมที่ออกมาเพื่อแก้ไข ปัญหา คือ “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) มาตรการ ๕ ด้านฟื้นฟู ความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” การประชุมคณะครูและบุคลากรเพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นและหาแนวทางการแก้ไขรวมถึงการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา


๑๐ ๒. การออกแบบนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา กรอบแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรม คือ “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ถดถอยในเด็กกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” จาก สภาพปัญหาดังกล่าวข้างต้น ทางโรงเรียนจึงได้จัดทำกรอบแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรมเป็นลำดับขั้นตอน ดังนี้ ๑. ประชุมชี้แจงทำความเข้าใจ และสร้างความตระหนักรับรู้ โดยมีการจัดประชุมครูบุคลากรเป็นวาระ เร่งด่วน เพื่อให้แต่ละชั้นเรียนได้แสดงข้อมูลที่แสดงถึงการเกิดภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของชั้นเรียน ตนเองขึ้น พร้อมสรุปข้อมูลเพื่อรายงานให้ผู้อำนวยการได้ทราบ รวมถึงการประชุมคณะกรรมการ สถานศึกษาและประชุมผู้ปกครอง การร่วมประชุมกับหมู่บ้านตามวาระโอกาสเพื่อหารือและขอความ ร่วมมือในการร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว ๒. ดำเนินการนิเทศ ติดตาม และตรวจสอบถึงปัญหาที่ได้ระดมความคิดเห็นในช่วงประชุมเพื่อสำรวจและ ประเมินสภาพจริง ๓. ขั้น P ขั้นการวางแผนและกำหนดมาตรการ จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมและดำเนินการ PLC เรียบร้อยแล้ว โดยมีการกำหนดมาตรการ ๕ ด้านที่ครอบคลุมการบริหารงานในโรงเรียนเพื่อแก้ไขสภาวะ ถดถอยทางการเรียนรู้ได้แก่ มาตรการที่ ๑ ประเมินสภาพแวดล้อมทั้งระบบ (Landscape Assessment) มาตรการที่ ๒ การวางแผนของโรงเรียนทั้งระบบ (Whole School Planning) มาตรการที่ ๓ การสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครู (Professional Development Support for Teachers) มาตรการที่ ๔ การช่วยเหลือเด็กเรียนรายบุคคล (Intervention and Support for Students) มาตรการที่ ๕ การติดตาม ปรับปรุง และผลสะท้อนกลับ (Monitoring and Intervention Redesign) ๔. ขั้น Do การดำเนินการตามมาตราการและมีการหาคุณภาพของใช้มาตรการทุกระบวนการเพื่อวิเคราะห์ และพัฒนาปรับปรุงแก้ไขให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ๕. ขั้น Check เป็นขั้นการตรวจสอบประเมินผลจากการใช้มาตรการ ๕ ข้อด้วยหลักการบริหารอย่างมีส่วน ร่วม เช่น - กิจกรรมกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โดยผู้บริหาร คณะครู บุคลากร เดือนละ ๑ ครั้งเพื่อติดตามการดำเนินงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และภาคเรียนละ ๑ ครั้งกับการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาและจัดประชุมผู้ปกครอง - กิจกรรมทบทวนหลังปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) เป็นการตรวจสอบคุณภาพหลังจาก ดำเนินงานตามมาตรการ ๕ ด้าน โดยเป็นการบันทึกข้อเสนอแนะเพิ่มเติม จุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข และจุดเด่นของแต่ละห้องเรียน มาร่วมอภิปรายร่วมกันในกิจกรรม PLC


๑๑ ๖. ขั้น Action ขั้นของการนำการใช้มาตรการ ๕ ด้านมาพิจารณาและวิเคราะห์ร่วมกัน ระหว่างผู้บริหาร คณะครู กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน เพื่อลงความเห็นว่าควรปรับปรุงหรือไม่ หากต้อง ดำเนินการปรับปรุง จะต้องมีการพิจารณาปรับปรุงขั้นตอนหรือส่วนใดของมาตรการข้อใด และมีข้อเสนอ เพิ่มเติมอย่างไร ๗. พัฒนาการใช้มาตรการ ๕ ด้าน ฟื้นฟูความรู้ถดถอยในเด็กและการบริหารงานด้วยหลักการความร่วมมือ บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน อย่างต่อเนื่อง ๘. ผลของการใช้มาตรการ “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning loss recovery) มาตรการ ๕ ด้านฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครราชสีมา เขต ๓” ที่แก้ไขปัญหาภาวะความถดถอยทางการเรียนรู้ทั้ง ๓ ด้าน คือ ด้านวิชาการ ด้าน พัฒนาการ และด้านอารณ์และสังคม เป็นต้น ๓) ขั้นตอนการดำเนินงานพัฒนา ในการดำเนินงาน“การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” หลังจากการประชุมชี้แจง ทำความเข้าใจถึงปัญหาดังกล่าวจนตกตะกอนทางความคิดและร่วมหาแนวทางการ แก้ไขจนเกิดเป็นมาตรการ ๕ ด้าน ทางผู้บริหาร คณะครู บุคลากรและชุมชน เน้นการมีส่วนร่วมในการ ดำเนินงานและการหาข้อบกพร่องในระหว่างดำเนินการตามแผนการดำเนินงานตามมาตรการ ดังนี้ ๑. การประเมินสภาพแวดล้อมทั้งระบบ (Landscape Assessment) ทางโรงเรียนมีการ ประชุมคณะครูบุคลากรเร่งด่วน รวมถึงการประชุมผู้ปกครอง ถึงแนวทางในการประเมินสภาพแวดล้อม โดย เริ่มจากห้องเรียนโดยผู้ปกครองจะเข้าไปพบครูประจำชั้น (Classroom Meeting) หลังจากการประชุมรวมกัน ทั้งโรงเรียนเพื่อรับฟังนโยบายการบริหารงานและปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน คือ การแก้ไขภาวะถดถอยทางการ เรียนรู้ของนักเรียน โดยครูแต่ละชั้นเรียนจะแสดงความคิดเห็นถึงจุดเด่น จุดด้อยของห้องเรียนตนเอง แนว ทางการพัฒนา รวมไปถึงห้องปฏิบัติต่างๆเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้นักเรียนเกิดความสนใจเรียนและดึงดูด นักเรียนให้ได้มากที่สุด การเสริมเทคโนโลยี การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ห้องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งจากการ ประชุมร่วมกัน ผู้ปกครองจะได้รับฟังการเสนอความคิดเห็นของกลุ่มงานบริหารทั่วไปที่มองถึงการปรับ สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน การระดมความร่วมมือจากคณะกรรมการสถานศึกษา องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ผู้ปกครอง ชุมชน จัดกิจกรรม Big Cleaning ปรับภูมิทัศน์สภาพแวดล้อมในโรงเรียน ทำลายแหล่งที่จะ เป็นจุดมั่วสุมของกลุ่มนักเรียนที่อาจมีความเสี่ยงกับยาเสพติด สร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยใน ขั้นตอนของมาตรการที่ ๑ นี้ทางผู้บริหารและหัวหน้ากลุ่มงานทั้ง ๔ ฝ่ายรวมไปถึงคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง จะร่วมกันประเมินสภาพแวดล้อมร่วมกันและมีการเสนอความคิดเห็นร่วมกันตั้งแต่เริ่มต้นของการ เริ่มดำเนินงานจนถึงกิจกรรมสุดท้ายที่ดำเนินการ เช่น การปรับแก้บริเวณที่มีความเสี่ยง การเพิ่มจุดบริการ


๑๒ นักเรียน เช่น ร้านค้าสหกรณ์ หรือการนำโครงการสถานศึกษาสีขาวมาบูรณาการ เช่น การเพิ่มตู้แดงรับเรื่อง ร้องทุกข์และแจ้งข่าวสารรวมถึงมีการแจ้งผ่านรูปแบบออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งผลของการประเมินคุณภาพของ มาตรการข้อแรกถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากทางคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชนมีการ สร้างข้อตกลงที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการทำจิตอาสาพัฒนาภูมิทัศน์ของโรงเรียนและปรับปรุงในด้านอื่นๆให้ โรงเรียนมีความน่าอยู่ น่าเรียนมากยิ่งขึ้น รวมถึงในชั้นเรียนที่คณะนิเทศได้ออกนิเทศการจัดห้องเรียนและพบว่า มีการจัดห้องเรียนที่หลากหลายรูปแบบและมีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในชั้นเรียนของแต่ละห้องเพื่อเตรียมความ พร้อมกับการปฏิรูปกระบวนการจัดการเรียนรู้รูปแบบใหม่รวมไปถึงสภาพแวดล้อมสังคมในชั้นเรียน บรรยากาศ ในชั้นเรียน การมีมาตรการในชั้นเรียนเช่น การเลือกตั้งหัวหน้าห้อง การเปลี่ยนที่นั่งทุกสัปดาห์ หรือการจัด กิจกรรมห้องเรียนสีขาวของโครงการโรงเรียนสีขาว เพื่อแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้และเป็นกระตุ้น การเรียนรู้ ดึงความสนใจของนักเรียน ๒. การวางแผนของโรงเรียนทั้งระบบ (Whole School Planning) ทางโรงเรียนมีการประชุมเพื่อรับฟัง ข้อปัญหาต่างๆจากคณะครูบุคลากรเพื่อการวางแผนงานของโรงเรียนทั้งระบบ โดยเริ่มจากกลุ่มงาน ๔ ฝ่าย ได้แก่ - กลุ่มบริหารวิชาการ มีการวางแผนยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ผ่านการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ที่มีความหลากหลาย เน้นกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) นักเรียนได้คิด ได้ลงมือทำ ได้สร้างชิ้นงาน ได้เรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ในโรงเรียน สร้างพื้นฐานของการประกอบอาชีพจัดกิจกรรมที่ นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน เช่น การจัดค่ายวิชาการ การจัดเสนอผลงาน รวมถึงการพัฒนากิจกรรม การประชุมผู้ปกครอง และ Classroom Meeting รวมถึงการจัดกิจกรรมพัฒนาสภาพแวดล้อมของโรงเรียนให้น่าอยู่ น่าเรียน


๑๓ พัฒนาผู้เรียนให้มีความน่าสนใจ ชุมนุมที่เพิ่มการแข่งขันกีฬา E-Sport (ROV) เน้นการกีฬา การสร้างชิ้นงาน สิ่งประดิษฐ์เพิ่มจุดเด่นของโรงเรียนในปีการศึกษา ๒๕๖๕ การแกะสลักผักผลไม้ที่ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมระดับชาติรวมถึงกิจกรรมตามแผนงานที่เกิดจากความต้องการในการพัฒนารูปแบบการเรียนการ สอนของครู การยกระดับและพัฒนาศักยภาพของครู เช่น การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้รวมถึงนวัตกรรมที่ ส่งเสริมผู้เรียนในด้านต่างๆ การจัดคาบเรียน การมีกิจกรรมในคาบลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ การโฮมรูมนักเรียนพบ ครูที่ปรึกษา รวมถึงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม พานักเรียนเข้าวัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล กับผู้เรียนและแก้ไขปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ได้มากที่สุด การหาคุณภาพของงานด้านวิชาการ เริ่มแต่การประเมินและวิเคราะห์จากปัญหาสู่การลงมือปฏิบัติและสรุป รายงานผลการดำเนินงานจากกิจกรรมด้านต่างๆ - กลุ่มบริหารงานบุคคล มีการวางแผนการดำเนินงานที่ยืดหยุ่นให้กับคณะครู บุคลากร การดำเนินงานจัดหา หลักสูตรการอบรมที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของครูและบุคลากร โดยมีการหาคุณภาพของการดำเนินงานเป็นระยะ เช่น ความพึงพอใจของการบริหารงานบุคคลที่คุณครูประเมินจากการกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครูใน การพัฒนาตนเองเพื่อลงไปสู่การพัฒนาผู้เรียน การจัดทำแผนเพื่อสนองนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานในทุกปีงบประมาณ และนโยบายเร่งด่วน มีแนวทางขั้นตอนการลา สรุปวันลา การลงเวลา ปฏิบัติงานที่ชัดเจนและยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงประโยชน์ทางราชการเป็นสำคัญ - กลุ่มบริหารงานงบประมาณ มีการวางแผนการจัดตั้งงบประมาณในโครงการต่างๆอย่างเต็มตามศักยภาพ และเกิดความหลากลาย เช่น งบประมาณในงานวิชาการ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ทัศนศึกษา รวมถึงระบบ สาธารณูปโภคในโรงเรียนที่มีการตั้งงบประมาณในการเบิกใช้ซ่อมแซมและจัดซื้อเพิ่มเติมตามความเหมาะสม ซึ่งมี การประเมินคุณภาพจากความโปร่งใสในการดำเนินงาน และความเป็นขั้นตอนของการเบิกใช้งบประมาณ


๑๔ - กลุ่มบริหารงานทั่วไป มีการวางแผนในการปรับปรุงภูมิทัศน์ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ลูกเสือ ที่มีความ หลากหลายและบูรณาการเข้ากับยุคปัจจุบัน เช่น การเข้าค่ายลูกเสือในสถานที่ที่แปลกใหม่ กิจกรรมค่ายที่บูรณา การกับยุคปัจจุบันที่ทันสมัย การร่วมกิจกรรมที่ทางกระทรวงศึกษาธิการจัดขึ้น “ลูกเสือช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ” ส่ง ต่อคลิปการทำความดีในแอพพลิเคชั่นต่างๆพร้อมติดแฮชแท็คเพื่อชิงรางวัล รวมถึงการระดมทรัพยากร การ เสริมสร้างความปลอดภัยในโรงเรียนระบบไฟ ระบบน้ำ การดำเนินการจัดทำแผนเผชิญเหตุและมาตรการดูแล สถานศึกษา สำรวจอาคารสถานที่ ห้องน้ำ สนามเด็กเล่นให้มีความปลอดภัย เพื่อให้สภาพแวดล้อมในโรงเรียนมี ความน่าอยู่ น่าเรียน กลุ่มบริหารงานบุคคล และงบประมาณมี การประชุมการดำเนินงานการเบิกใช้งบประมาณ ในกิจกรรมต่างๆรวมถึงความยืดหยุ่นในด้านเวลา ของการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและ ไม่เสียประโยชน์ต่อทางราชการ รวมถึงกลุ่มงาน บริหารทั่วไปจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่หลากและ สำรวจความปลอดภัยบริเวณโรงเรียน อาคารเรียน ห้องน้ำ สนามเด็กเล็ก เพื่อความปลอดภัยของ นักเรียน


๑๕ ๓. การสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครู(Professional Development Support for Teachers) ครูถือเป็นกำลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างชัดเจนและตรง ประเด็นมากที่สุด เพราะฉะนั้นทางโรงเรียนจึงถือว่าการลงทุนกับการพัฒนาครูถือเป็นการลงทุนที่ได้ผลกำไรใน ระยะยาวมากที่สุด โดยทางโรงเรียนมีการสนับสนุนให้ครูเข้าร่วมอบรมพัฒนาตนเองรวมถึงการเข้าแข่งขันส่งผล งาน (Best Practice) หรือแผนการจัดการเรียนรู้ในด้านต่างๆเพื่อนำผลที่ได้มาพัฒนาและร่วมแก้ไขปัญหาด้าน สภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ โดยในช่วงปีการศึกษา ๒๕๖๖ คณะครูโรงเรียนบ้านหนองหินมีการเข้ารับการอบรม พัฒนาและส่งแข่งขันทักษะวิชาการต่างๆจนได้รับรางวัลเชิงประจักษ์และนำมาสู่การแก้ไขปัญหาสภาวะถดถอย ทางการเรียนรู้ของนักเรียนได้เป็นอย่างดี เช่น - นายพีรพล ปรีเปรม ครูผู้ช่วย รางวัลเหรียญเงิน ผลงานที่มีวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ประเภท ครูผู้ใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC CONTENT CENTER) และรางวัลเหรียญทองแดง แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning Lesson Plan) ของคณะ ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และรางวัลล่าสุด ๑๐๐ แผนระดับประเทศ สร้างแรงบันดาลใจ โดยได้รับรางวัลทั้งแผนวิทยาศาสตร์ที่ติด ๑ ใน ๗๕ แผนที่ดีที่สุดของประเทศ และแผนคณิตศาสตร์ ที่อยู่ใน ๑๐๑-๒๐๐ แผนที่มีคุณภาพของบริษัทอักษรเจริญทัศน์ จำกัด


๑๖ - นางสาวพิมพ์ผกา พินิตธรรมนาถ รางวัลคุณภาพระดับดี ผลการใช้หลักสูตรต้านทุจริต การจัดทำหนังสือ เล่มเล็กต้านทุจริต ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ระดับภูมิภาค พร้อมกับ เด็กหญิงวรัญญา ลองกระโทก เด็กหญิงศุภิสรา เพลาศรี และเด็กหญิงฑิฆัมพร แยกกระโทก ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ - นางนันท์นิชา วรรณโชติวัฒน์ รางวัลคนดีศรีย่าโม ระดับจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี ๒๕๖๖ - นางสุประวีณ์ จันทะเรือง รางวัลครูดีศรีเสิงสาง ประจำปี ๒๕๖๖ จากผลงานความสำเร็จดังกล่าวของมาตรการที่ ๓ การสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครูที่ครูในโรงเรียนบ้าน หนองหินได้รับรางวัลต่างๆ ยังมีการเข้าร่วมอบรมพัฒนาตนเองในหลักสูตรเพิ่มพูนความรู้ต่างๆเพื่อนำผลและ


๑๗ ความรู้จากการอบรมมาปรับใช้ในกระบวนการจัดการชั้นเรียนและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามนโยบาย ของทางโรงเรียนและตามนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการแก้ไขสภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ของนักเรียนและลดช่องว่าง การเรียนรู้ รวมถึงการมีแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรให้มีความน่าสนใจ เครื่องมือการประเมิน โดยมีการประเมิน คุณภาพได้จากการส่งนักเรียนแข่งขันทักษะวิชาการต่างๆ หรือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความหลากหลาย สร้างความสนใจและดึงดูดให้นักเรียนเกิดความสนใจเรียนและกลับมาเห็นความสำคัญของการเรียนมากยิ่งขึ้น ๔. การช่วยเหลือผู้เรียนเป็นรายบุคคล (Intervention and Support for Students) ในมาตรการข้อนี้ ทางโรงเรียนได้ใช้นวัตกรรม SCS Model ตามนโยบายของท่านผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓ มอบให้ เกี่ยวกับการพัฒนางานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น S ( Screening) : การคัดกรอง/ตรวจสอบ โดยเริ่มจากครูประจำชั้นของนักเรียนคัดกรองนักเรียน จากแบบคัดกรองนักเรียนรายบุคคล ไปจนถึงการออกเยี่ยมบ้านเพื่อตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ การสอบถาม ผู้ปกครองและผู้คนบริเวณโดยรอบ สังเกตพฤติกรรมการใช้ชีวิตของนักเรียนบริเวณในและนอกโรงเรียนเพื่อนำมา วิเคราะห์จัดประเภทสำหรับพัฒนาส่งเสริมและแก้ไขตามปัญหาที่พบ ในขั้นตอนนี้จะมีการระดมความคิดเห็นกับ ผู้ปกครองในการแก้ไขปัญหาภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ไปในตัวเพื่อรับข้อเสนอแนะจากผู้ปกครองนำมาปรับแก้ ในชั้นเรียน C (Cleaning) : ส่งเสริม/พัฒนา/แก้ปัญหา รับช่วงต่อจากการคัดกรองโดยจะจัดประเภทของเด็กคือ กลุ่มเก่ง เน้นการส่งเสริม ผลักดันและดึงความสามารถออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะพบปัญหาภาวะความ ถดถอยที่ชัดเจนมากเป็นพิเศษ จึงต้องมีกิจกรรมหรือรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ปลุกระดมความคิดของ นักเรียนออกมาให้ได้มากที่สุด เช่นการจัดการเรียนรู้แบบแบ่งทีมแข่งขัน การแข่งขันการตอบปัญหาโดยใช้ของ รางวัลเป็นสิ่งเสริมแรงกระตุ้นการเรียนรู้ เป็นต้น กลุ่มกลาง คือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยทางการ เรียนรู้ เช่นเดียวกัน ซึ่งทางครูประจำชั้นและครูผู้สอนต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาภาวะถดถอยทางการ เรียนรู้ของนักเรียน กลุ่มอ่อน คือกลุ่มของการแก้ปัญหา กลุ่มนี้จะไม่ค่อยพบภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ชัดเจน แต่ เป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังการหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยการใช้นวัตกรรมรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การให้ผู้เรียนได้คิด ได้ลงมือทำ รวมถึงการสร้างชิ้นงาน การใช้สื่อการสอน หรือรูปแบบการ


๑๘ สอนที่ดึงดูดความสนใจและให้นักเรียนได้คิดและลงมืดทำให้ได้มากที่สุด เช่น กิจกรรมการเรียนรู้ STEAM ศึกษา บูรณาการรายวิชาต่างๆ เป็นต้น S (Safety) : ป้องกัน/ดูแล/ช่วยเหลือ ดำเนินการหลังจากการส่งเสริม พัฒนาแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น โดยการป้องกัน ดูแล และให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามสภาพปัญหาที่พบเจอในชั้นเรียนหรือสภาพ ปัญหาที่เกิดขึ้นในสภาพภาพรวมของทางโรงเรียน โดยอาจเป็นการทำงานวิจัยเพื่อรองรับการแก้ไขพัฒนาหรือ การศึกษาเครื่องมือที่จะมาช่วยในการป้องกันดูแลและช่วยเหลือนักเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


๑๙ การสนับสนุนสุขภาวะโภชนาการ โดยได้เข้าร่วมโครงการสร้างความเท่าเทียมด้านโภชนาการสำหรับ นักเรียนกลุ่มเป้าหมายพิเศษ กิจกรรมสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการของนักเรียน สังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓ สำนักงานกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวัน สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โดยได้รับอนุมัติงบประมาณจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการ เรียนรู้และนำผลผลิตที่ได้ไปพัฒนาอาหารกลางวันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้ - การปลูกมะนาวในท่อบ่อซีเมนต์ - ผักกางมุ้ง - เลี้ยงปลาดุกในบ่อดิน โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทคาร์กิลล์มีสต์ ประเทศไทย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีสนับสนุนโรงเรือนเพาะเห็ดและก้อนเชื้อเห็ด เพื่อใช้ในการเพาะปลูกไว้บริโภค อาหารกลางวันและจำหน่ายเพื่อนำเงินมาพัฒนาคุณภาพอาหารกลางวันในโครงการของโรงเรียน รวมถึงทาง โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมบูรณาการโดยใช้โรงเรือนเป็นแหล่งการเรียนรู้ และแหล่งฝึกอาชีพพื้นฐาน การดูแลเห็ด การเก็บผลผลิต ตลอดจนการนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนในทุกระดับชั้นเป็นอย่าง มาก จากการดำเนินงานมาตรการข้อที่ ๔ จะพบว่าเป็นการแก้ไขปัญหาผู้เรียนที่ตรงจุดและมีความสำคัญ มากที่สุดซึ่งพบว่าหลังจากที่ทางคณะครูได้ใช้มาตราการข้อที่ ๔ ผลปรากฏว่าสามารถจัดประเภทนักเรียนได้ชัดเจน และสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น รวมถึงในมาตรการด้านที่ ๔ ถือเป็นหัวใจหลักในการแก้ไข พัฒนา นักเรียน โดยจัดว่าเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยลดปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียนด้วย หลักการบริหารงานด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่สนับสนุนและร่วมกันบริหารงานกับทางโรงเรียน โครงการสร้างความเท่าเทียมด้านโภชนาการสำหรับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายพิเศษ กิจกรรมสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหา ภาวะทุพโภชนาการของนักเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓ และโครงการ เกษตรเพื่ออาหารกลางวัน


๒๐ ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้นำชุมชน มูลนิธิ ศุภนิมิต และทุนการศึกษาที่เจ้าอาวาสวัดหนองหิน ดำเนินการช่วยเหลือนักเรียนมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การ เรียน และมอบเงินเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต เป็นต้น ๕. การติดตามปรับปรุงและผลสะท้อนกลับ(Monitoring and Intervention Redesign) : การพัฒนา หลังจากการดำเนินงานตามาตรการทั้ง ๕ ด้าน จะมีการสรุปรายงานของแต่ละชั้นเรียนเพื่อดูผลการ ดำเนินงานที่จะนำไปต่อยอด พัฒนาในด้านต่างๆต่อไป ผลตอบรับ ผู้ดำเนินงานดูผลตอบรับที่เกิดจากการ ดำเนินงาน ทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น การประเมิน ประเมินจากวัตถุประสงค์ ความสำเร็จของการใช้ มาตรการ ความพึงพอใจ และนำผลการประเมินมาสะท้อนกลับถึงกระบวนการดำเนินงานในทุกขั้นตอน จากขั้นตอนการดำเนินงานข้างต้น ๕ มาตรการ ในทุกมาตราการทางโรงเรียนจะเห็นถึงความสำคัญของ การบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ นอกจากคณะครูทุกท่านในโรงเรียนจะมีส่วนในการแสดงความคิดเห็นเพื่อ การพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ชุมชนก็ถือเป็นจุดสำคัญในการเป็นป้อมปราการให้กับโรงเรียน ชุมชนเข็มแข็งก็ ส่งผลถึงโรงเรียนไปในทิศทางที่ดี ตรงจุดนี้ทางโรงเรียนบ้านหนองหินจึงได้ใช้หลักการพื้นฐานของการบริหารงาน อย่างมีส่วนร่วมจาก “บวร” (บ้าน วัด โรงเรียน) มาเป็น บวช.เรียน (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) เพื่อการบริหาร อย่างมีส่วนร่วม


๒๑ ๔. ผลงานที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน“การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” จาก มาตราการการดำเนินงานพบว่ามีผลตอบรับจากการแก้ไขปัญหาภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียนอยู่ใน เกณฑ์ที่ดีขึ้น รวมถึงส่งผลดีต่อการพัฒนาสถานศึกษา ครูบุคลากรในด้านต่างๆ ดังนี้ การนิเทศ ติดตาม ประเมินผลจากหัวหน้ากลุ่มบริหารงาน ๔ ฝ่าย ผู้บริหาร ประธาน กลุ่มพัฒนาการศึกษา ศึกษานิเทศก์ และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา


๒๒ ด้านผู้เรียน ปัจจัยสำคัญของการพัฒนาคือการแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่ง พบว่า ๑. ด้านวิชาการ นักเรียนมีการพัฒนาและพัฒนาการที่ดีขึ้น สามารถลดภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ ของนักเรียนได้ร้อยละ ๑๐๐ ซึ่งทางกลุ่มบริหารวิชาการได้วัดจากการเข้าสอบในการทดสอบต่างๆและ พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์และคะแนนจากการทดสอบที่สูงขึ้น ความสนใจในการเรียนที่ดีขึ้นซึ่งวัดได้จากการเข้าร่วม กิจกรรมค่ายวิชาการหรือกิจกรรมทางวิชาการที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น การมาเรียนจากสถิติบันทึกการมาเรียน รวมไป ถึงการแข่งขันทักษะทางวิชาการที่ในปีการศึกษา ๒๕๖๖ มีรายการส่งแข่งขันระดับกลุ่มพัฒนาการศึกษาที่เพิ่มมาก ขึ้นหลายรายการ รวมไปถึงการได้เป็นตัวแทนแข่งขันศิลปหัตถกรรม ระดับเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน ๑๐ รายการซึ่งเพิ่มมากขึ้นจากปีการศึกษา ๒๕๖๕ ถึง ๗๐% ตลอดจนนักเรียนสามารถเข้าแข่งขันการแข่งขันต่างๆใน หลายรายการ เช่น การประกวดผลงานการจัดทำหนังสือเล่มเล็กต้านทุจริต ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ และ ได้รับรางวัล รองชนะเลิศอันดับ ๒ ช่วงชั้นที่ ๑ (ป.๑-๓) รางวัลชนะเลิศ ระดับดีเยี่ยม ช่วงชั้นที่ ๒ (ป.๔-๖) ตัวแทน แข่งขันระดับภูมิภาค และรางวัลชนะเลิศ ระดับดีมาก (ม.๑-๓) ตัวแทนแข่งขันระดับภูมิภาค รายการแข่งขันการ ประกวดเรียงความเถิดพระเกียรติ ธ ครองธรรม ธ ครองไทย ตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ ดำเนินการจัดให้มีการประกวดเรียงความเพื่อเถิดพระเกียรติพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม นาถบพิตร โดยนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองหิน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ ทั้ง ๒ ระดับชั้น คือ ช่วงชั้นที่ ๒ (ป.๔-๖) และช่วงชั้นที่ ๓ (ม.๑-๓)


๒๓


๒๔ ๒. ด้านพัฒนาการ นักเรียนมีพัฒนาการที่ดีขึ้น มีทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น จากการ เข้าร่วมกิจกรรมที่ทางโรงเรียนดำเนินการใน ๕ มาตรการเพิ่มความรู้นักเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะถดถอย ทางการเรียนรู้ของนักเรียน ด้านร่างกายเจริญเติบโตสมวัย น้ำหนักส่วนสูงตามเกณฑ์ ซึ่งทางโรงเรียนเข้าร่วม กิจกรรมยกระดับโภชนาการพัฒนาอาหารเพื่อส่งเสริมโภชนาการให้กับนักเรียน พัฒนาการในด้านของการคิดการ ลงมือทำ ซึ่งพบจากกิจกรรมพี่ช่วยน้องที่พี่น้องสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้จนประสบความสำเร็จผ่านการเข้า ฐานการเรียนรู้ในค่ายวิชาการ เป็นต้น ซึ่งในด้านพัฒนาการอาจจะมองภาพของการพัฒนาได้ค่อนข้างไม่ชัดเจนซึ่ง ส่วนมากนักเรียนจะมีการเจริญเติบโตพัฒนาการตามวัยของแต่ละคน ๓. ด้านอารมณ์สังคม นักเรียนมีการพัฒนาทางด้านอารมณ์และสังคมได้ชัดเจนจากการใช้มาตรการ ๕ ด้าน ซึ่งพบว่านักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่จะมีปัญหาทางด้านอารมณ์ การทะเลาะวิวาท ในปีการศึกษา ๒๕๖๖ ทางโรงเรียนบ้านหนองหิน จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และบูรณาการปรับให้เข้ากับความทันสมัยและบริบท ของนักเรียนพบว่านักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นถึง ๙๐% และไม่เกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทซึ่งในปี การศึกษา ๒๕๖๕ มีปัญหาการทะเลาะวิวาทที่เกิดในกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือของกลุ่มพัฒนาการศึกษา แต่ในปี การศึกษา ๒๕๖๖ พบว่าไม่เกิดปัญหาดังกล่าว นักเรียนเกิดความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆได้เป็นอย่างดี ใน ด้านของสังคมนักเรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมได้ดี สามารถร่วมและทำกิจกรรมกับเพื่อนนักเรียนต่าง โรงเรียน กับคนที่มีวัยวุฒิที่สูงและต่ำกว่าได้อย่างดี สามารถสื่อสาร แสดงความคิดเห็น และรับฟังความคิดเห็น นำมาวิเคราะห์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ นักเรียนมีพัฒนาการด้านอารมณ์และสังคมดีขึ้น สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้และร่วมกิจกรรมที่มีเพื่อนนักเรียน โรงเรียนอื่นโดยไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทและเข้าร่วมกิจกรรมทุกกิจกรรมที่ทางโรงเรียนและกลุ่มพัฒนาการศึกษาจัดขึ้น


๒๕ ด้านครูผู้สอน พบว่าร้อยละ ๑๐๐ ของครูผู้สอนหลังจากการใช้มาตรการ ๕ ข้อฟื้นฟูความรู้นักเรียน ของทางโรงเรียน คณะครูโรงเรียนบ้านหนองหิน มีความตระหนักและเห็นความสำคัญของการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ที่น่าสนใจมากขึ้น ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมี ปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็นผู้แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวก (Facilitator) สร้าง แรงบันดาลใจ ให้คำปรึกษา ดูแล แนะนำ แก่ผู้เรียน กระตุ้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย (Meaningful Learning) บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้แต่ละกิจกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการรวบรวมความรู้ที่ได้ จากการทำกิจกรรมจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ รวมไปถึงการ สร้างผลงานและส่งผลงานประกวดเผยแพร่ เป็นวิธีการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ (Best Practice) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับคณะครูในกลุ่มพัฒนาการศึกษาและนำเสนอผลงานในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ตลอดจนความก้าวหน้าทาง วิชาชีพการเลื่อนวิทยฐานะจากระบบ DPA เป็นต้น คณะครูมีการเลื่อนวิทยฐานะในระบบ DPA รวมถึงรับรางวัลการประกวด Best Practice การจัดกิจกรรม Active Learning รวมถึงรางวัลบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย


๒๖ ด้านผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษามีทิศทางในการพัฒนาและส่งเสริมกระบวนการต่างๆ ของโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ตลอดจนการพัฒนายกระดับมาตรการ ๕ ด้านเพิ่ม ความรู้ในเด็กให้มีประสิทธิภาพและเป็นแบบอย่าง รวมถึงเป็นนวัตกรรมที่เป็นจุดเด่นของแก้ไขปัญหาและลด สภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างชัดเจน สามารถเผยแพร่ให้โรงเรียนในกลุ่มพัฒนาการศึกษาและ ระดับเขตพื้นที่การศึกษาสามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้ให้กับบริบทของสถานศึกษาได้ ด้านชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนบ้านหนอง หิน ที่ได้มีการนำเสนอมาตรการ ๕ ด้านเพิ่มความรู้แก่นักเรียนเพื่อลดสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน พบว่าทางคณะกรรมการสถานศึกษาที่ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสระตะเคียน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำ ชุมชน มีความพึงพอใจในการใช้มาตรการ ๕ ด้านและพร้อมสนับสนุนในทุกด้านของการพัฒนาโรงเรียนให้มี ประสิทธิภาพและส่งผลดีกับผู้เรียนมากที่สุด


๒๗ ๕) สรุปสิ่งที่เรียนรู้และการปรับปรุงให้ดีขึ้น จากการดำเนินงาน “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” ผลปรากฏว่า สภาพปัญหาและการแก้ไข : การพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกิดกับนักเรียนถือเป็นเรื่องยากมากกับสภาพ นักเรียนในปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีผลต่อการดำรงชีวิตและควบคุมการใช้ชีวิตของนักเรียน พฤติกรรมการ ลอกเลียนแบบหลายๆอย่างส่วนหลักๆมาจากเทคโนโลยีที่ถือเป็นดาบสองคม หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโควิด ๑๙ ที่นักเรียนมีการเรียนออนไลน์ ทำให้นักเรียนหลายคนหลุดออกจากระบบการศึกษาไปจำนวนหนึ่ง ทางโรงเรียนดำเนินการพาน้องกลับมาเรียนตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น โดยมี การร่วมมือกับชุมชน ต่อยอด “บวร” (บ้าน วัด โรงเรียน) ให้กลายเป็น “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน และ โรงเรียน) ร่วมมือกันพาน้องกลับมาเรียนและผลปรากฏว่าได้ผลที่น่าพึงพอใจ นักเรียนที่หลุดออกจากระบบกลับ เข้ามาเรียนตามปกติ แต่โรงเรียนต้องเจอปัญหาที่สำคัญมากๆอีกครั้งคือ สภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน (Learning loss) ที่เกิดหลังจากนักเรียนกลับมาเรียนตามสภาวะปกติ และเกิดขึ้นกับเด็กกลุ่มปานกลางและเก่ง มากกว่าเด็กกลุ่มอ่อน ซึ่งถือเป็นภัยร้ายใกล้ตัวในการศึกษาที่ต้องเร่งหาแนวทางการแก้ไข โรงเรียนบ้านหนองหิน เป็นโรงเรียนขนาดเล็กในเขตชุมชนที่ได้รับความร่วมมือหลักๆจากชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจน การช่วยเหลือกันในกลุ่มพัฒนาการศึกษาชมตะวันที่เรียกได้ว่ามีความเป็นโรงเรียนพี่ โรงเรียนน้อง ปัญหาสภาวะ ถดถอยทางการเรียนรู้เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในปีการศึกษา ๒๕๖๖ ทั้ง ๓ ด้าน คือ ด้านวิชาการ (ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนต่ำลง ความสนใจเรียนที่ลดลง เป็นต้น) ด้านพัฒนาการ (พัฒนาการไม่สมวัย ไม่สามารถช่วยเหลือ ตนเองได้ในหลายเรื่องที่ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำรงชีวิตในสังคม) และด้านอารมณ์สังคม (ปัญหาการทะเลาะ วิวาท การใช้อารมณ์และการไม่สามารถทำงานร่วมกันได้กับนักเรียนต่างระดับชั้น เป็นต้น) ซึ่งทางผู้บริหาร คณะ ครูบุคลากรในโรงเรียนเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ที่เปรียบเสมือนเนื้อร้ายที่จะทำลายระบบการศึกษาของโรงเรียน ให้ล่มสลายอย่างแน่นอนหากไม่ดำเนินการแก้ไข จึงจัดเป็นวาระเร่งด่วนมีการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ประชุมครู ประชุมผู้ปกครอง เพื่อร่วมกันหาแนวทาง รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน นำมาร่วม PLC กับคณะ ครูในโรงเรียนซึ่งถือเป็นกองกำลังหลักในการแก้ไขปัญหา โดยมีชุมชนเป็นกำลังสำรองที่คอยสนับสนุน การ วิเคราะห์ปัญหาดังกล่าวได้ตกตะกอนและเกิดเป็นมาตรการ ๕ ด้านเพิ่มความรู้ในเด็ก ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของ ทางโรงเรียนและถือเป็นมาตราการที่แก้ไขปัญหาที่นอกเหนือจากสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ได้อย่างครบวงจร เช่น มาตรการที่ ๑ ประเมินสภาพแวดล้อมทั้งระบบ มาตรการนี้จะช่วยแก้ไขสภาพแวดล้อมทั้งในและนอก ห้องเรียน ในและนอกบริเวณโรงเรียน สภาพแวดล้อมที่บริหารจัดการชั้นเรียน สภาพแวดล้อมการทำงานของคณะ ครูและผู้บริหารในโรงเรียน เพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินงาน สถานศึกษาน่าอยู่ น่าเรียนรู้ มาตรการที่ ๒ การวางแผนของโรงเรียนทั้งระบบ มาตรการนี้จะช่วยในการแก้ไขจัดการแผนงานในโรงเรียน ให้มีความเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากการที่แผนปฏิบัติการประจำปีบางกิจกรรม บางโครงการ


๒๘ ไม่ได้ดำเนินงานเพราะความไม่พร้อมและขาดประสบการณ์ของครูเจ้าของโครงการ รวมถึงไม่ตอบสนองต่อความ ต้องการของผู้เรียน แต่การวางแผนงานทั้งระบบของโรงเรียนทำให้โรงเรียนมีแผนการทำงานที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม คณะครูสามารถดูแผนปฏิบัติการและนำไปปรับใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน เกิด ความยืดหยุ่น และทำงานอย่างมีความสุขส่งผลให้นักเรียนได้รับการจัดกิจกรรมและการพัฒนาตามกระบวนการ ของโรงเรียนได้อย่างมีความสุขและเต็มตามศักยภาพ มาตรการที่ ๓ การสนับสนุนพัฒนาวิชาชีพครู กองกำลังหลักในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทาง โรงเรียนยังมีความเชื่อว่าการลงทุนกับครู ถือเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนระยะยาว การสนับสนุนให้ครูมีการ พัฒนาตนเอง พัฒนาวิชาชีพ ผลที่ได้จากการพัฒนาที่นอกเหนือคือนวัตกรรมการเรียนการสอน การจัดการชั้น เรียน หลักจิตวิทยาที่จะนำมาใช้กับนักเรียน การนำเสนอผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การสร้าง นวัตกรรมเพื่อนำเสนอและแก้ไขปัญหาตามข้อตกลงการพัฒนางาน PA ตลอดจนนวัตกรรมผลงานที่ช่วยให้คณะ ครูที่มีคุณสมบัติที่จะเข้ารับการประเมินเพื่อขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะตามระบบ DPA ผ่านหลักเกณฑ์ต่างๆ เป็นต้น มาตรการที่ ๔ การช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล มาตรการหลักที่นำ ๓ มาตรการข้างต้นมาบูรณาการปรับใช้ ตามบริบทของแต่ละห้องเรียนและร่วมเรียนรู้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกันผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ PLC โดยทางโรงเรียนมีการใช้นวัตกรรมที่จัดเป็นนวัตกรรมระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน SCS Model เป็นฐานในการ ดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยมีการคัดกรองเบื้องต้น การส่งเสริม พัฒนา ปรับปรุงแก้ไข และการป้องกัน ดูแล ช่วยเหลือตามบริบทของนักเรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Differences) เพื่อนำไปสู่ เป้าหมายการลดสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของผู้เรียน (Learning Loss Recovery) มาตรการที่ ๕ การติดตาม ปรับปรุงและผลสะท้อนกลับ มาตรากรนี้จะมีการดำเนินการในทุกๆกิจกรรมที่จัด ขึ้นเพื่อวัดผลการสะท้อนกลับของนักเรียน เช่น การสรุปรายงานโครงการ แบบประเมินความพึงพอใจ การนิเทศ ติดตามประเมินผล รวมไปถึงการนำข้อมูลผลการปฏิบัติงานในกิจกรรมต่างๆมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และสะท้อนผลการดำเนินงาน หาจุดเด่น จุดด้อยของแต่ละกิจกรรมการดำเนินงานเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องให้มี คุณภาพและส่งผลกับผู้เรียนมากที่สุด ข้อคิด ประสบการณ์ องค์ความรู้ที่ได้จากการดำเนินงาน คือการเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Differences) รวมถึงการเข้าใจบริบทโดยรวมของสภาพแวดล้อม หลักการของความร่วมมือที่ถือว่า เป็นหลักใหญ่ที่ต้องเป็นตัวตั้งต้นของการดำเนินงานในกิจกรรมต่างๆของทางโรงเรียน ชุมชนที่ถือเป็นป้อมปราการ ในการเฝ้าระวังและดูแลโรงเรียนรวมถึงนักเรียน บุคลากรในโรงเรียน ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน กรรมการสถานศึกษา ที่ถือเป็นแม่ทัพใหญ่ในการดำเนินงานร่วมกับผู้บริหาร คณะครูในโรงเรียนให้การดำเนินงานในด้านต่างๆออกมามี ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลมากที่สุด และพร้อมที่จะนำไปสู่ชุมชนแห่งการเรียนรู้ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่แค่ใน โรงเรียนแต่เป็นระดับชุมชน PLC บวช.เรียน (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) การปรับปรุงพัฒนาผลงานให้ดีขึ้น ในส่วนนี้ทางโรงเรียนบ้านหนองหินที่เริ่มดำเนินการการใช้๕ มาตรการ ฟื้นฟูเพิ่มความรู้ให้เด็ก เกิดปัญหาและข้อผิดพลาดที่มากพอสมควร การดำเนินการกิจกรรมหลายอย่างทางผู้จัดยัง ขาดความรู้ ขาดทักษะที่จำเป็นที่จะทำให้กิจกรรมนั้นออกมามีประสิทธิภาพตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ ต้องมีการ ประชุมงาน วางแผน และทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวให้สามารถทำงานร่วมกันได้ทั้งโรงเรียนและ


๒๙ สามารถแลกเปลี่ยน แสดงความคิดเห็นเชิงประจักษ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการนำไปพัฒนา ปรับปรุง หรือ เปลี่ยนแปลงระบบงานเดิมให้เกิดคุณภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือการยอมรับฟังความคิดเห็น การพัฒนาตนเอง ของคณะดำเนินงาน การลงแรงกาย แรงใจ และสละเวลาที่จำมาพัฒนาปรับปรุงให้การดำเนินงาน ๕ มาตราการ ฟื้นฟูความรู้เด็กเพื่อแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้เกิดเป็นนวัตกรรมที่มีคุณภาพของโรงเรียนได้ในอนาคต การปรับแก้ในจุดบกพร่องทีละจุดที่ละกิจกรรมทีละมาตรากรเพื่อให้การดำเนินงานเกิดความละเอียด ถี่ถ้วน ตลอดจนการหาคุณภาพของงานแต่ละด้านเพื่อให้ได้ตามความต้องการของผู้เรียน ครู บุคลากรและตอบสนองกับ บริบทของนักเรียน โรงเรียนและชุมชน เป็นต้น ๖) การขยายผลและเผยแพร่ผลการพัฒนา “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียน บ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” ได้มีการขยายผลและเผยแพร่ การ พัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ เพจ Facebook โรงเรียนบ้านหนองหิน ทั้งนี้ โรงเรียนได้ วางแผนและขยายผลการพัฒนานวัตกรรมไว้ คือ ๑. การให้บริการศึกษาดูงาน ให้กับโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆที่สนใจรูปแบบการบริหารงานเพื่อแก้ไข สภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ด้วยหลักความร่วมมือ ได้มาศึกษาดูงาน เยี่ยมชมการดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆที่ จัดขึ้น ตลอดจนศึกษารูปแบบการพัฒนางานในด้านต่างๆ เพื่อนำไปปรับใช้และพัฒนาให้เข้ากับบริบทของตนเอง ต่อไป ๒. การทำเอกสารเผยแพร่ไปยังสถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษาต่างๆ ตลอดจนเผยแพร่ผ่าน Facebook : เพจโรงเรียนบ้านหนองหิน ๓. สร้างเครือข่ายโรงเรียนร่วมพัฒนา ที่มุ่งออกแบบและพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสภาวะถดถอย ทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) สำหรับโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนขยายโอกาส ๔. จัดแสดงผลงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ในการจัดแสดงผลงาน KORAT 3 show & share for change Fundamental Active Learning Training ๕. การจัดแสดงผลงานในมาตรการบางด้านที่แสดงถึงผลการปฏิบัติการเป็นแบบอย่างที่ดีรวมถึงร่วม แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการดำเนินงานซึ่งกันและกัน


๓๐ ๖. ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนา“การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โรงเรียนบ้านหนองหิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” ทางโรงเรียนบ้านหนองหิน ได้ดำเนินการเป็นปีการศึกษาแรก ทำให้ทราบถึงแนวทางในการพัฒนาที่ คำนึงถึงประสิทธิภาพที่จะเกิดกับผู้เรียนในแต่ละมาตรการทั้ง ๕ มาตรการ ดังนี้ มาตรการที่ ๑ ประเมินสภาพแวดล้อมทั้งระบบ (Landscape Assessment) : มีข้อเสนอแนะ ในด้านของ การประเมินสภาพแวดล้อมทั้งระบบ ทางโรงเรียนควรมีแนวทางในการประเมน ตัวชี้การประเมินที่เป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน เนื่องจากในบางครั้งการรับฟังความคิดเห็นของครูแต่ละชั้นเรียนจะเป็นการมองเห็นถึงปัญหาในวง กล้างและมีความหลากหลายยากที่จะจับประเด็น แนวทางการพัฒนาต่อเนื่อง การจัดทำข้อมูลนักเรียน ครอบครัว สำรวจความต้องการในด้านต่างๆเพื่อจัดทำเป็นทะเบียนข้อมูลนักเรียนแต่ละปีการศึกษาอย่างชัดเจน มาตรการที่ ๒ การวางแผนของโรงเรียนทั้งระบบ (Whole School Planning) ข้อเสนอแนะ การประชุม และวางแผนงานอย่างเป็นระบบ เน้นการมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นจากหลาย ฝ่ายสนองความต้องการของผู้เรียน ผู้สอนและตอบสนองต่อบริบทการศึกษา แนวทางการพัฒนาต่อเนื่อง คือการ พัฒนาการวางแผนงาน กิจกรรมการดำเนินงานที่มีผลการดำเนินอยู่ในระดับพึงพอใจและเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน สนองนโยบายของเขตพื้นที่ ของกระทรวงศึกษาธิการ และมีการต่อยอดให้มีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้น การจัดแสดงผลงาน KORAT 3 show & share for change Fundamental Active Learning Training และ แสดงนิทรรศการนวัตกรรมพัฒนาการอ่าน-เขียนครูภาษาไทย ตลอดจนต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากโรงเรียนบ้านโพธิ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต ๒


๓๑ มาตรการที่ ๓ การสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครู (Professional Development Support for Teachers) ข้อเสนอแนะ ควรมีหลักสูตรการจัดอบรมครูตามความต้องการการพัฒนาของครู มีการสำรวจความต้องการ และ ลดภาระงานที่ส่งผลกระทบต่อการดึงครูออกจากห้องเรียน ให้ครูได้มีเวลาอยู่กับนักเรียนมากยิ่งขึ้น มาตรการที่ ๔ การช่วยเหลือเด็กเรียนรายบุคคล ( Intervention and Support for Students) ข้อเสนอแนะ การสร้างแพลตฟอร์มในการจัดทำระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างครบวงจรและสามารถเข้าถึง ข้อมูลได้ตลอด รวมถึงการประสานงานกับหลายภาคส่วนเพื่อช่วยแก้ไขปัญหานักเรียนที่เข้าข่ายที่จะต้องปรับปรุง พฤติกรรม เช่น สถานีตำรวจ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นต้น แนวทางการพัฒนาต่อเนื่อง คือ การ ดำเนินงานตาม SCS Model ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีแบบคัดกรองนักเรียน และแบบสอบถามที่มีความเป็น เอกภาพและสามารถทำความรู้จักกับนักเรียนได้ดีมากยิ่งขึ้น มาตรการที่ ๕ การติดตาม ปรับปรุง และผลสะท้อนกลับ (Monitoring and Intervention Redesign) ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนาต่อเนื่อง คือ การสร้างแบบประเมินตามตัวชี้วัดที่ชัดเจน มีกระบวนการ PLC หลังจากดำเนินกิจกรรมอีกครั้งเพื่อรับผลการสะท้อนกลับของการดำเนินงาน ตลอดจนการขยายผลการ ดำเนินงานออกสู่ภายนอกเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนำกลับมาพัฒนา ปรับปรุง ต่อยอด หรือริเริ่มแนวคิดใหม่ เพิ่มเติม ๗. จุดเด่น หรือลักษณะพิเศษของผลงานนวัตกรรม “การแก้ปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning loss recovery) ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ถดถอยของ นักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียนโรงเรียนบ้านหนองหิน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓” จุดเด่นของการดำเนินงาน คือ หลักการบริหารงานอย่างมีส่วนร่วม ทางโรงเรียนเล็งเห็นถึงความเข็มแข็งของ คณะกรรมการสถานศึกษาที่ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสระตะเคียน และผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน โดยนำหลักพื้นฐานของการบริหารงานด้วยความร่วมมือ “บวร” มาเพิ่มชุมชนเข้าไปในหลักการบริหารงานอย่างมี ส่วนร่วม เกิดเป็น “บวช.เรียน” (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) โดยจุดเด่นของชุมชนคือชาวบ้านส่วนใหญ่กว่า ๘๐% เป็นศิษย์เก่าทางโรงเรียนและมีความศรัทธา รักโรงเรียน เคารพครูอาจารย์ทั้งที่เป็นครูบรรจุใหม่และครูที่ทำงาน กับโรงเรียนมาอย่างยาวนาน ทำให้การชี้แจงปัญหาต่างๆได้รับการรับฟังและตอบสนองความคิด ความต้องการที่ ทางโรงเรียนจะพัฒนาได้เป็นอย่างดี ความโดดเด่นของ ๕ มาตรการฟื้นฟูความรู้ถดถอยของนักเรียนกับการบริหารงานด้วยหลักความร่วมมือ “บวช.เรียน โรงเรียนบ้านหนองหิน” คือการสร้างมาตรการที่แก้ไขปัญหาระบบการบริหารของโรงเรียนที่ส่งผล กระทบในวงกว้างทำให้ในหลายๆกิจกรรมได้รับผลกระทบการพัฒนาระบบการบริหารนี้ขึ้นมาที่นอกเหนือการ แก้ไขปัญหาสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของนักเรียน แต่ในด้านของพฤติกรรมนักเรียน ด้านกิจกรรมต่างๆใน โรงเรียนล้วนแต่มีการพัฒนารูปแบบ ปรับปรุงให้มีความน่าสนใจและดึงดูด รวมถึงสนองความต้องการของผู้เรียน เพิ่มมากขึ้น คณะครูบุคลากรมีการพัฒนาตนเองและเกิดนวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่ๆที่ส่งเข้าประกวดเป็นปีแรกและ ได้รับรางวัลทั้งในระดับกลุ่มพัฒนาการศึกษาชมตะวัน ระดับเขตพื้นที่ ระดับภูมิภาค ไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่ง


๓๒ เป็นผลของการใช้ ๕ มาตรการซึ่งถือเป็นสิ่งที่ครอบคลุมการดำเนินงานในโรงเรียนขั้นพื้นฐานเกือบ ๙๐% ซึ่งทาง โรงเรียนตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาให้นวัตกรรมการแก้ไขสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้นี้เกิดประสิทธิภาพ เป็น แบบอย่าง และเป็นประโยชน์ต่อวงการศึกษาต่อไป


๑ บรรณานุกรม คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.(๒๕๕๙). การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning). สารแพทยศาสตรศึกษา มอ., ๒๕๕๙ (๑), ๒-๔. http ://meded.psu.ac.th ดร.นรรธพร จันทร์เฉลี่ย เสริบุตร เรื่องภาวะความรู้ถดถอย (Learning Loss) วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ บทความมาตรการฟื้นฟูความรู้ในเด็ก (Learning Loss) โดย Starfish Education bit.ly/3BWsyAp


๒ ภาคผนวก - ภาพการดำเนินงาน - ประกาศผลรางวัลความสำเร็จต่างๆ


๓ ภาพกิจกรรมการดำเนินงานในด้านต่างๆเพิ่มเติม กิจกรรมทอดผ้าป่าเพื่อการศึกษาโดยได้รับความร่วมมือจากชุมชน วัด ที่ช่วยประสัมพันธ์และช่วยสนับสนุนการศึกษา การแข่งขันกีฬาภายใน โดยมีชุมชน ผู้ปกครองมีส่วนร่วม และมีกีฬาประเพณีครู-ผู้ปกครองเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์


๔ การแข่งขันกีฬากลุ่มพัฒนาคุณภาพการศึกษา การทำงานร่วมกันเป็นทีม ความสามัคคีและการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดย ปราศจากปัญหา การทะเลาะวิวาท เป็นต้น บวช.เรียน (บ้าน วัด ชุมชน โรงเรียน) การดำเนินการร่วมกิจกรรมซึ่งกันและกันตามวาระและโอกาสต่างๆ


๕ กิจกรรมที่ทำร่วมกับวัดหนองหิน วัดเป็นแหล่งการเรียนรู้และเป็นสถานที่บ่มเพาะในด้านคุณธรรมจริยธรรม


๖ การดำเนินงานความปลอดภัยในโรงเรียนโดยความร่วมมือของภาคีเครือข่าย และสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติด


๗ กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สร้างพื้นฐานอาชีพ และโรงเรียนคุณธรรม


๘ ประกาศผลนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน OBEC CONTENT CENTER ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและเขตพื้นที่ การศึกษา ระดับเงิน ประเภทครูผู้ใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัล


๙ ประกาศผลงานหนังสือเล่มเล็กต้านทุจริตและการอบรมพัฒนาตนเองของครูโรงเรียนบ้านหนองหิน


๑๐


Click to View FlipBook Version