The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ระบบต่อมไร้ท่อและระบบสืบพันธุ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mee.2545, 2022-03-17 23:15:29

ระบบต่อมไร้ท่อและระบบสืบพันธุ์

ระบบต่อมไร้ท่อและระบบสืบพันธุ์

อวัยวะอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกับอวัยวะสืบพันธุ์
1. ท่อปัสสาวะ (Urethra) มีความยาวประมาณ 4-5 ซม. ทอด
จากกระเพาะปั สสาวะมาสู่ภายนอกที่บริเวณรูเปิ ดของอวัยวะ
สืบพันธุ์ภายนอกเรียกว่ารูเปิดของท่อปัสสาวะ (Urethal opening)
ช่องนี้จะอยู่กึ่งกลางระหว่างคลิตอริส (Clitoris) กับปากช่องคลอด
(Vagina)

2. กระเพาะปัสสาวะ (Bladder) อยู่ในอุ้งเชิงกรานอยู่ด้านบนและ
หน้ าของมดลูกเวลาปัสสาวะอยู่เต็ม (Full bladder) เราจะคลำ
กระเพาะปัสสาวะได้ทางหน้ าท้องที่ Anus

3. ทวารหนัก (Rectum) อยู่ด้านหลังของมดลูกมีช่องเปิดที่
ทวารหนัก (Anus) ได้ perineum มีกล้ามเนื้อหูรูดที่บังคับการเปิด
ปิ ดอยู่กล้ามเนื้ อนี้บังคับการถ่ายอุจจาระและการผายลมดังนั้นถ้า
เกิดการฉีกขาดจากการคลอดซึ่งจะมีช่องทะลุติดต่อกันระหว่าง
Rectum กับช่องคลอดเรียกว่า Recto-Vaginal fistular ทำให้
อุจจาระไหลออกทางช่องคลอดหรือถ้าหลอดโลหิตดำบริเวณนี้โป่ ง
พองขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในระยะใดของการตั้งครรภ์การคลอดหรือ
หลังคลอดจะเกิดการเจ็บปวดมากเรียกว่าริดสีดวงทวาร
(Hemorrhoids) การมีประจำเดือนหรือ

46

การมีประจำเดือนหรือระดู (Menstruation)

ประจำเดือนหรือระดูหมายถึงการที่มีเลือดออกจากภายในโพรง
มดลูกทุกรอบเดือน (โดยประมาณ 25 วันอาจมากหรือน้ อยกว่านี้)เกิด
เนื่องจากมีการสลายตัวของเยื่อบุมดลูกจะเริ่มเมื่อมีอายุเข้าวัยสาว โดยมาก
เริ่มตั้งแต่อายุ 11-14 ปีไม่ควรเร็วกว่า 9 ปีหรือช้ากว่า 18ปีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเชื้อ
ชาติอาหารจิตใจระดูจะออกมาทุกๆเดือนจกระทั่งสตรีมีอายุได้ประมาณ 45-
50 ปีจะเข้าระยะหมดประจำเดือนหรือที่ เรียกว่า Menopauseสตรีจะไม่
สามารถมีบุตรได้อีก

ในเด็กหญิงแรกเกิดที่รังไข่จะมี Primodial follicles มากมายและจะ
ลดลงในระหว่างที่เด็กเจริญเติบโตจนเข้าระยะ puberty จะเหลือเพียง
ประมาณ 3,000 ใบต่อรังไข่ 1 ข้างทุกๆเดือน Primodial follicle จะ
เปลี่ยนแปลงไป เป็น Graafian follicle คือมีไข่ (Ovum) เกิดขึ้นภายในโดย
การควบคุมของฮอร์โมนจาก Pituitary gland คือ FSH (Follicle
Stimulating Hormone) กล่าวคือเม็ดไข่ (Follicle) กลุ่มหนึ่งจะเจริญขึ้นและ
เลื่อนมาอยู่ที่ผิวของรังไข่ภายในจะมีของเหลวเรียกว่า Estrogen ฮอร์โมน
Estrogen นี้จะถูกส่งไปทำให้เยื่อบุภายในมดลูกเจริญงอกงามขึ้นต่อมมูกที่
อยู่ในชั้นเยื่อผูกเจริญโตขึ้นเพื่อรองรับไข่ที่ผสมแล้วซึ่งจะตกประมาณวันที่
10 ของ

47

ในช่วงที่ Corpus luteum กลายเป็น Corpus albicans นั้น
Pituitary gland จะสร้าง FSH มาใหม่เพื่อกระตุ้น follicles ใหม่ให้
เจริญเติบโตเกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวซึ่งวงจรเช่นนี้จะเกิดขึ้น
จนกว่าจะมีการตั้งครรภ์และจะเป็นไปจน สตรีอายุโดยประมาณ 45-50
ปีวงจรของการมีประจําเดือนเรียกว่า Menstrual cycle ซึ่งโดยปกติใน
รอบของระยะหนึ่ง ๆ ใช้เวลาประมาณ 28 วัน
การมีประจําเดือนอาจแบ่งได้เป็ น 3 ระยะ
โดยถือเอาการเปลี่ยนแปลงที่เยื่ออ่อนภายในมดลูก (Endometrium)
เป็ นหลักดังนี้คือ

1. ระยะเลือดออก (Menstrual phase หรือ Bleeding phase)
เนื่องจากการสลายตัวของเยื่อบุภายในมดลูกเพราะ Corpus luteum
กลายเป็น Corpus albican ซึ่งไม่สร้าง Progesterone (Corpus
luteum hormone เมื่อเยื่อบุมดลูกไม่มีฮอร์โมนมา ควบคุมจึงมีการ
สลายตัวเกิดการฉีกขาดของเส้นเลือดเลือดจะหยุดโดยการหดตัวของ
มดลูกและแผลจะหายโดยมีเยื่อบุมดลูกออกมาใหม่ระยะนี้กินเวลา 3-5
วันอย่างมากไม่เกิน 7 วัน

2. ระยะเยื่อ บุมดลูกงอกงาม (Proliferative phase) คือระยะที่เยื่อ
บุมดลูกเจริญงอกงามขึ้นต่อมต่างๆก็จะเจริญเต็มที่ แต่ยังไม่มีการหลั่ง
ของสารในต่อมระยะนี้ถูกควบคุมโดย Estrogen (Follicular
Hormone) ในวันที่ 14 ของวงจรจะเกิดมีไข่ตกจากรังไข่

3. ระยะที่ต่อมในเยื่อมดลูกทำงานมากขึ้น (Secretory phase) คือ
หลังจากไข่สุกตกจากรังไข่ฮอร์โมนจาก Corpus luteum คือ
Progesteroneสูงมากและจะควบคุมทำให้เยื่อบุมดลูกหนาขึ้นอีกต่อม
ต่างๆ (Uterine gland) จะเริ่มทำงานเต็มที่มีการหลั่งสารของต่อมใน
เยื่อบุจะซุ่มคล้ายฟองน้ำเพื่อ เตรียมพร้อมที่จะให้ไข่ที่ได้ผสมแล้วฝัง
ตัวถ้าไข่ไม่ถูกผสมพันธุ์ไข่ก็ฝ่ อหายไปเยื่ อบุมดลูกที่เจริญหนาก็จะ
สลายตัวลอกหลุดออกมาพร้อมกับเลือดเป็ นวงจรเช่นนี้เรื่ อยไป

48

รอบประจำเดือนจะมีไข่เพียงใบเดียวเท่านั้นที่เจริญเติบโตอย่าง
รวดเร็วภายในมีไข่ซึ่งจะแก่เต็มที่ภายใน 3 วันต่อมา follicle นี่ถูก
เรียกชื่อใหม่ว่า Graafian follicle follicles อื่น ๆ ก็จะหยุดเจริญ
เติบโตและค่อยๆแห้งไปขณะเดียวกันเซลล์ ที่อยู่รอบ ๆ follicle ที่
เรียกว่า Theca cell ก็เจริญมากขึ้นและผลิตฮอร์โมน Estrogen ทำ
ให้จํานวน Estrogen hormone เพิ่มมากขึ้นและทำให้ Pituitary
gland ปล่อยฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งคือ LH Luteinizing Hormone) ซึ่ง
จะทำให้ follicle ที่แก่เต็มที่ใบเดียว นั้นแตกออกปล่อยไข่หรือ Ovum
ที่อยู่ภายในให้หลุดออกไปการตกของไข่นี้เรียกว่า Ovulation

ภายหลังที่ไข่หลุดออกไปแล้วส่วน Follicle ที่เหลืออยู่จะเปลี่ยน
เป็นสีเหลืองและมีชื่อใหม่ว่า Corpus luteurn ซึ่งจะหลั่งฮอร์โมน
Progesterone ออกไปทำให้เยื่ออ่อนบุภายในมดลูกหนามากยิ่งขึ้น
หลอดเลือดของตัวมากขึ้นต่อมมูกภายในชั้นเยื่ ออ่อนโตขึ้นเป็ นการ
เตรียมที่จะให้ไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้วได้ฝั งตัวในเยื่ ออ่อนนี้โดยง่ายและ
สะดวกขึ้น

49

ภายหลังที่ไข่หลุดออกไปแล้วส่วน Follicle ที่เหลืออยู่จะเปลี่ยน
เป็นสีเหลืองและมีชื่อใหม่ว่า Corpus luteurn ซึ่งจะหลั่งฮอร์โมน
Progesterone ออกไปทำให้เยื่ออ่อนบุภายในมดลูกหนามากยิ่งขึ้น
หลอดเลือดของตัวมากขึ้นต่อมมูกภายในชั้นเยื่ ออ่อนโตขึ้นเป็ นการ
เตรียมที่จะให้ไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้วได้ฝั งตัวในเยื่ ออ่อนนี้โดยง่ายและ
สะดวกขึ้น ไข่ที่หลุดออกมานั้นจะเข้าไปใน Follopian ซึ่งถ้ามีตัวอสุจิ
อยู่ก็จะล้อมรอบและจะมีตัวอสุจิตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถผสมกับไข่
ได้ไข่ที ่ผสมแล้วจะลอยกลับเข้าไปในมดลูกกินเวลาประมาณ 3 วัน
และอยู่ในโพรงมดลูกประมาณ 2-3 วันจึงจะฝังตัวลงในผนังของ
มดลูกการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้วนี้เรียกว่า Implantation ถ้าไม่มี
การผสมกันระหว่างไข่กับตัวอสุจิไข่ก็จะตายและแห้งไป Corpus
luteum จะเหี่ยวและสลายเป็น Corpus albicans จํานวนฮอร์โมนทั้ง
Estrogen และ Progesterone ลดลงทันทีทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ที่เยื่อบุมดลูกเส้นเลือดฝอย ใต้ชั้นเยื่ออ่อนภายในมดลูกจะรัดตัวจน
ตีบตันไปส่วนที่อยู่ที่เยื่ออ่อนในมดลูกก็จะหลุดออกมาพร้อมด้วยอม
มูกและเยื่ อบุมดลูกไหลออกสู่ภายนอกเป็ นเลือดประจําเดือนหรือที่
เรียกว่าระดู (Menstruation)

50

ลักษณะของประจำเดือนหรือระดู
1. จะเริ่มเมื่อเข้าสู่วัยสาวและมีไปเรื่อยจนถึงวัยหมดระดู

นอกจากเมื่อมีการตั้งครรภ์
2. เลือดระดูต้องมีทุกระยะ 28 วันจะช้าหรือเร็วได้ไม่เกิน 7 วัน
3. เลือดที่ไหลออก มาครั้งหนึ่ง ๆ นาน 3-5 วันไม่ควรน้ อยกว่า

1 วันและไม่เกิน 7 วัน
4. จำนวนเลือดที่ออกประมาณ 100-200 ลูกบาศก์เซนติเมตร

หรือใช้ผ้าซับประมาณ 3 ผืนต่อวันจำนวนเลือดจะออกมากในวันที่ 1
และวันที่ 2 และจะค่อยๆลดน้ อยลงจนหมด

5. ลักษณะของเลือดระดูที่ออกต้องเป็นน้ำเลือดสีคล้ำเล็กน้ อย
ไม่ควรเป็ นก้อนหรืออิ่ม

6. ในระหว่างที่มีประจำเดือนจะมีเลือดมาเลี้ยงบริเวณอวัยวะใน
อุ้ง เชิงกราน (Pelvic organs) มากจึงอาจมีอาการปวดท้องเล็กน้ อย
เรียก Premenstrual pain หรือ Dysmen norrhea แต่อาจเกิดจาก
ปากมดลูกเล็กหรือการบีบตัวมดลูกผิดปกติก็ได้

7. อาจมีอาการบางอย่างร่วมด้วยเช่นใจสั่นหงุดหงิดปวดเมื่อย
ตามตัวปวดศีรษะนอนไม่หลับเจ็บบริเวณหน้ าอกเป็นต้น

51

ระยะหมดประจําเดือน (Menopause)
เป็ นระยะที่รังไข่เหี่ยวลงอวัยวะสืบพันธุ์จะเริ่มเหี่ยวแห้งไม่มีไข่สุก
อีกฮอร์โมน Estrogen ซึ่งผลิตโดย ovary จะมีปริมาณลดน้ อยลง
เรื่อย ๆ ประจํา เดือนมีน้ อยลงและห่างไปจนหมดในระยะสตรีอาจจะ
มีอาการบางอย่างเช่นหนาว ๆ ร้อนๆอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวตกใจ
ง่ายท้องกท้องอืดเบื่ออาหารไม่ย่อยอาการต่างๆนี้จะกินเวลา 2-3 ปี
ซึ่ งสาเหตุเนื่ องมาจากการขาดฮอร์โมนเพศดังกล่าวและการ
เปลี่ยนแปลงของต่อมอีกด้วยบางราย อาจมีเลือดออกกะปริบกะ
ปรอยหรือเลือดออกมากกว่าปกติธรรมดาซึ่ งอาจเนื่ องจากเยื่ อบุ
มดลูกหนา (Glandular hyperplasia) หรือมดลูกอักเสบหรือมะเร็ง
ของปากมดลูก (Carcinoma of cercix) ซึ่งมีความสำคัญมากในการ
วินิจฉัยและการรักษาโดยเร็วที่สุด

ฮอร์โมนของระบบสืบพันธุ์สตรี

ต่อมที่ควบคุม การตกไข่ และการมีประจำเดือน
คือ Hypothalamus,Anterrior Pituitaly gland และรังไข่เอง

Hypothalamus จะให้ฮอร์โมน 2 ชนิ ด คือ

1.FRF (Follicular Stimulating Releasing Factors)
ไปกระตุ้น Anterior pituitary ให้หลั่ง FSH (Follicular
Stimulating Hormone)

2.LRF (Luteinizing Hormone Releasing Factors)
ซึ่ งจะไปกระตุ้น Anterior pituitaly
ให้หลั่ง LH (Luteinzing Hormone)

52

1.FRF (Follicular Stimulating Releasing Factors)
ไปกระตุ้น Anterior pituitary ให้หลั่ง FSH (Follicular
Stimulating Hormone)

2.LRF (Luteinizing Hormone Releasing Factors) ซึ่ ง
จะไปกระตุ้น Anterior pituitaly ให้หลั่ง LH (Luteinzing
Hormone)

Anterior Pituitaly gland รับตอบสนองต่อฮอร์โมน
ทั้ง 2 ชนิ ดจาก Hypothalamus ให้หลั่งฮอร์โมนดังต่อไปนี้

1.FSH (Follicular stimulating hormone) เป็ นตัวที่ไป
กระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตของ Follicle กระตุ้นให้ cell
ของ Follicle สร้าง Follicular Hormone (Estrogen)

2.LH (Luteinizing Hormone) ในจำนวนที่พอเหมาะกับ
FSH ซึ่ งเป็ นตัวกระตุ้นให้มีไข่สุกตกจากรังไข่(Ovulation) มี
การสร้างและกระตุ้นให้ Follicel เจริญเติบโตเป็ น Corpus
luteum

53

รังไข่ (Ovary) เป็ นส่วนที่ตอบสนองต่อมา ภายใต้การควบคุม
Anterior pituitary gland โดยจะผลิตฮอร์โมน 2 ชนิด คือ
1.Estrogen ซึ่ งผลิตจากเซลล์ของ follicle มีหน้ าที่คือ

1.ทำให้มีการเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ์
2.ทำให้เกิด Secondary sex characteristics คือ สภาพ
ร่างกายที่เปลี่ยนเป็ นสาว มีขนขึ้นที่หัวเหน่า รักแร้ เต้านมใหญ่ขึ้น
ฯลฯ
3.ทำให้เยื่ อบุมดลูกชั้นบนๆ มี Proliferation คือเจริญหนาขึ้น
มีต่อมขยายตัวมากขึ้น เราเรียกเยื่ อบุมดลูกระยะนี้ว่า Proliferative
phase
4.ทำให้มีการขยายตัวของเต้านมใหญ่ขึ้น และท่อน้ำนมเจริญ
ม า ก ขึ้ น

2.Progesterone เกิดจากเซลล์ของ Corpus luteum มีหน้ าที่คือ
1.ทำให้เยื่ อบุมดลูกเปลี่ยนจาก Proliferative phase เป็ น

Secretory phase
2.ทำให้เกิดการกระชับตัวของมดลูกลดลง มดลูกจะหดตัวน้ อย

ครั้งแต่แรง ทั้งนี้ เพื่ อทำให้เกิดการสลายตัวของเยื่ อบุมดลูก และหด
ตัวทำให้เลือดหยุดได้เร็ว

3.ทำให้ต่อมน้ำนมเจริญเติบโตขึ้น ซึ่ งจะเห็นได้ชัดในระยะ
หลังคลอด

54

การตั้งครรภ์ (Pregnacy)

การตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตัวอสุจิ (sperm) หนึ่ง
ในล้านๆตัวสามารถเดินทางเข้าไปผสมกับไข่(ovum) การปฎิ
สนธิจะเกิดขึ้นภายในท่อนำไข่ ระยะเวลาที่ไข่ผสมกับอสุจินั้นสั้น
มากจะเกิดขึ้นภายใน 6-12 ชม. หลังจากไข่ตก โดยอสุจิเจาะ
ผ่าน Zona pellucida เข้าไป ไข่ที่ถูกผสมแล้วเรียกว่า
Fertilized ovum จะมีการแบ่งตัวแบบ Mitosis ไปเรื่อยๆ จน
กลายเป็น Blastocyte ซึ่งจะลอยเข้าไปตามท่อนำไข่จนถึง
มดลูกใช้เวลาประมาณ 3 วัน ในวันที่ 7 หลังจากการปฎิสนธิจะ
เริ่มฝั่งตัวในผนังมดลูก และจะฝังตัวเรียบร้อยในวันที่ 14
ประมาณวันที่ 16 จะเกิด Primitive streak

55

มี 3 ชั้น ซึ่งจะเจริญเป็นทารกต่อไป ชั้นทั้งสามมีดังนี้
ชั้นนอกเรียกว่า Ectoderm ซึ่งชั้นนี้จะกลายเป็น ผม ขน

เล็บ ผิวหนัง ต่อมน้ำมูก ต่อมน้ำลาย เคลือบฟัน เส้นประสาท
ต่างๆ รวมทั้งเยื่อสมอง
ชั้นกลางเรียก Mesoderm ชั้นนี้กลายเป็น กล้ามเนื้อ กระดูก
กระดูกอ่อน และเอ็นต่างๆ ไต
หัวใจ ท่อน้ำเหลือง เยื่อหุ้มปอด ลูกอัณฑะและรังไข่

ชั้นในเรียก Endodrem ชั้นนี้กลายเป็นเยื่อบุทางเดินหายใจ
เยื่อบุลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ต่อมธัยรอยด์ ต่อม
ธัยมัส

ในชั้นนี้จะเรียกไข่นั้นว่า ตัวอ่อน (Embryo) จนอายุได้ 7
สัปดาห์ และหลังจากนั้นไปจนครบ 40 สัปดาห์ เรียกว่า ลูก
อ่อนในครรภ์ (Fetus) เด็กก็ครบกำหนดคลอดออกมาแต่เด็กที่
คลอดหลัง 28 สัปดาห์ แต่ไม่ถึง 40 สัปดาห์ เราเรียกว่าเด็ก
คลอดก่อนกำหนด
เด็กที่อยู่ในครรภ์จะอาศัยรก (Placenta) ทำหน้ าที่แทนระบบ
หายใจ รับอาหารและขับถ่าย ตลอดจนทำหน้ าที่กลั่นฮอร์โมน
ต่างๆ

56

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระยะตั้งครรภ์

รกของตัวอ่อนนั้นทำหน้ าเหมือนกับต่อมไร้ท่อ ซึ่งสร้างและหลั่ง
ฮอร์โมนออกมาหลายตัว มี่สำคัญตัวหนึ่งคือ Human chorionic
gonadotropin (HCG) ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายกับ Gonadtropins
จากต่อมใต้สมองมากระตุ้นการเจริญเติบโตของ Corpus luteum ในรังไข่
และกระตุ้นให้ Corpus luteum หลั่งฮอร์โมน Estrogen progesterrone
และ relaxin ก่อนอาทิตย์ที่ 6
ของการตั้งครรภ์ ซึ่งรกไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนพวกนี้ได้ ดังนั้นในช่วง
เวลานี้ Copus luteum
จึงมีความสำคัญมาก ถ้าการทำงานของ Corpus luteum เสียไปจะเกิดการ
แท้ง (Abortion)
แต่หลังจากอาทิตย์ที่ 6-8 ไปแล้ว รกสามารถสร้างและหลั่งฮอร์โมนดัง
กล่าวออกมาในปริมาณที่เพียงพอ ความสำคัญของ Corpus luteum ก็ลด
ลงถึงแม้จะยังไม่สลายตัวไปก็ตาม

ต่อมน้ำนม (Mammary gland)
ถือเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี ตั้งอยู่ด้านบนและด้านหน้ า
ของทรวงอก เป็นต่อมของผิวหนังที่เปลี่ยนแปลงหน้ าที่ไปแล้วรวมตัวกัน
เป็นหมู่ เต้านมแต่ละข้างประกอบด้วย lobules ประมาณ 15-20 อัน แต่ละ
lobules มีเซลล์เล็กๆ เรียกว่า Acini น้ำนมจะเกิดจาก Acini แล้วมารวม
กันเป็นท่อ จาก lobules นี้จะมีท่อหลายท่อมารวมกันเป็นท่อใหญ่เปิดที่
หัวนม (Nipple) ท่อเหล่านี้ก่อนเปิดจะพองโตเป็นรูปกระสวย เพื่อขังน้ำนม
ไว้เวลาที่ต่อมน้ำนมขับน้ำนมออกมา
ท่อน้ำนมในเต้านมข้างหนึ่งๆ จะมีประมาณ 15-20 ท่อ ภายใน
lobules หนึ่งๆจะมีไขมันและเนื้อเยื่อพังพืด (Connective tissue) คั่นอยู่
เต็ม บุคคลจะมีเต้านมรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์
ประกอบหลายอย่าง เช่น กรรมพันธุ์ รูปร่าง การโภชนาการ เป็นต้น

57

น้ำนม (Nipple) จะอยู่เหนือเต้านมมีสีแตกต่างกันตามสีผิว
ของคนคนนั้น รอบๆหัวนมจะมีวงกลมสีชมพูหรือสีคล้ำกว่าผิวหนัง
ที่อื่นๆเรียก Areola บริเวณนี้จะมีตุ่มๆเล็กๆเรียกว่า Tubercles of
Montgomery ตุ่มนี้จะมีสีแก่ขึ้นขณะตั้งครรภ์ ภายหลังตั้งครรภ์ได้
10 สัปดาห์ จะมีน้ำใสๆเหลืองๆบีบออกมาได้จากหัวนม น้ำนี้ต่อไป
จะปะปนกับน้ำเหลือง (Colostrum) ซึ่งเป็นน้ำนมที่แม่เริ่มจะมีไหล
ออกมาเป็นครั้งแรก หลังคลอดแล้ว 48 ชม.

57

ความสัมพันธ์ระหว่างกายและสรีรวิทยาของของระบบสืบพันธุ์กับการคุมกำเนิด

ห่วงอนามัย (Intrauterine divice หรือ I.U.D.)
ห่วงอนามัยเป็นวัสดุที่ใช้ใส่เข้าไปในโพรงจมูกมดลูกเพื่อป้ องกันการตั้งครรภ์

เป็นพลาสติกชนิดพิเศษที่นืยมแพร่หลาย คือ Lippes loop และห่วงพลาสติกที่มี
โลหะพันรอบๆ อยู่ด้วย เช่น Cu7
cu T เป็นต้น พลาสติกชนิดพิเศษนี้ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ
กลไกลในการป้ องกันการตั้งครรภ์

1.การใส่หวงจะทำให้การเดินทางของไข่เร็วขึ้น (ปกติต้องเดินทางกินเวลา
6-7 วัน จาก Fimbria ถึง Uterine cavity) และไข่ต้องเจริญขึ้นเรื่อยๆจนถึงระยะ
Blastocyte จึงจะมาฝังตัวใน Endometrium ได้ ซึ่งต้องกินเวลา 6-7 วัน เช่นกัน
อำนาจการฝั งตัวไม่ดีพอก็ออกมาภายนอกก็ไม่เกิดการตั้งครรภ์

2. สำหรับ Endometrium เมื่อเกิด Ovulation จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็น
Secretory phase แต่ต้องอาศัยเวลา 6-7 วันเช่นกัน กว่าจะเป็น Endometrium
ที่เหมาะสมในการฝังตัวของไข่ แต่ถ้าระยะเวลาอันสั้นไข่เข้ามาฝังตัวแล้ว
Endometrium ก็อาจยังเตรียมพร้อมไม่่พอ หรือไม่ดีสำหรับการฝังตัวของไข่ ไข่ก็
ยังฝั งตัวไม่ได้จะหลุดออกมาภายนอกจึงไม่เกิดการตั้งครรภ์

จากสาเหตุทั้งสองประกอบกัน แสดงให้เห็นว่าไข่ที่ยังไม่มีสมรรถภาพในการฝั่ง
ตัวและ Endometrium ยังไม่เหมาะสมที่ไข่จะฝังตัวได้ ผลก็คือเป็นการป้ องกัน
การตั้งครรภ์ได้ และได้ผลดีมาก effective ประมาณ 98%

58

ยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดเป็นยาที่ใช้รับประทานหรือฉีด เพื่อป้ องกันการตั้งครรภ์

โดยทั่วไป ตัวยาประกอบด้วยฮอร์โมนเพศหญิง 2 ชนิด คือ Estrogen และ
Progesterone (มีบางชนิดที่ตัวยาประกอบด้วย Progesterone อย่าง
เดียว)

ฤทธิ์และกลไกในการป้ องกันการตั้งครรภ์
เมื่อเราให้ Estrogen และ Progesterone ฮอร์โมน 2 ชนิดนี้จะไปกด

การหลั่งฮอร์โมนของสมอง คือ FSH และ LH ลดน้ อยลงจะไม่สามารถ
กระตุ้นให้ Follicle เจริญเติบโตขึ้นและไม่เกิด Ovalation การที่ไม่เกิดมีไข่
สุกนี้เองที่ทำให้ผู้หญิงไม่ตั้งครรภ์

สำหรับยาฉีดที่นิยมใช้มากในปัจจุบันเป็นชนิดที่มีแต่ Progesterone
เพียงอย่างเดียว มีชื่อทางการค้าว่าดีโป โปรเวอร่า(Depo-provera) ฤทธิ์ของ
มันก็เช่นเดียวกันคือทำให้ไม่เกิด Ovalation

บางรายงานยังแสดงว่าฤทธิ์ของฮอร์โมนทั้งสองนี้ จะทำให้มีการ
เปลี่ยนแปลงในลักษณะของเมือกทั้งในช่องคลอดและปากมดลูกข้น มี
ลักษณะไม่เหมาะสม ซึ่งมีผลทำให้ sperm motility เสียไป จะทำให้ตัวอสุจิ
ไม่สามารถผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกได้ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์เปลี่ยนแปลง
Endometrium
ทำให้มีสภาพไม่เหมาะต่อการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว ประสิทธิภาพของยา
คุมกำเนิดในการป้ องกันการตั้งครรภ์ ประมาณ 99.9%

59

การคุมกำเนิดแบบอื่นๆที่สำคัญ เช่น
การนับระยะปลอดภัย (Rhythm or Safe period) โดยการอาศัยหลักที่

ว่าสตรีมีไข่สุก (Ovalation) เดือนละ 1 ครั้ง คือประมาณวันที่ 14 ของ
รอบเดือน ซึ่งเป็นระยะอันตรายหรือเป็นระยะที่จะเกิดการตั้งครรภ์ได้ง่าย
จะต้องงดการร่วมเพศประมาณ 2 สัปดาห์คือก่อนหรือหลังนี้อีก 7 วัน

หมวกยางครอบปากมดลูก (Diaphragm) มีหลายขนาด ต้องทราบ
ขนาดของช่องคลอดเพื่อเลือกใช้ขนาดของ Diaphragm ให้เหมาะสมและ
รู้ position ที่จะใส้ครอบปิดปากมดลูกโดยตรง เพื่อปิดกั้นไม่ให้ตัวอสุจิ
ผ่านเข้าไปในปากมดลูกได้ จึงจะมีการป้ องกันการตั้งครรภ์ ดังนั้นก่อนใช้
จึงควรทราบเกี่ยวกับกายวิภาคเป็ นอย่างดี

60

บรรณานุกรม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์รำแพน พรเทพเกษมสันต์. กายวิภาคศาสตร์และ
สรีรวิทยาของมนุษย์. พิมพ์ครั้งที่ 5. โสภณการพิมพ์. บริษัทบูรพาสาส์น
(1991) จำกัด. สืบค้นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565
ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) พญ.ผาสุก มหรรฆานุเคราะห์, ผศ.อภิชาติ สินธุบัว.
ตำรากายวิภาคศาสตร์พื้นฐานของมนุษย์. ครั้งที่ 1. บริษัท สยามพิมพ์
นานา จำกัด. สืบค้นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565

61


Click to View FlipBook Version