The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 4 ธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หน่วยที่ 4 ธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech

หน่วยที่ 4 ธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech

หน่วยที่ 4 ธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech) ระบบเงินดิจิทัล สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี (Crypto Currency) 1


หน่วยที่ 4 ธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech) ระบบเงินดิจิทัล สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี (Crypto Currency) เนื้อหาการเรียนรู้ 1. ความหมายของธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech) 2. ผลกระทบต่อกิจกรรมทางการเงินจากธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech) 3. เทคโนโลยีส าคัญที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจฟินเทค 4. รูปแบบการให้บริการของธุรกิจฟินเทค 5. ระบบเงินดิจิทัล 6. ลักษณะของสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี 7. ประเภทของสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี 2


• เทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟิ นเทค (FinTech) ก าลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ ทั่ว โลก เนื่องจากมูลค่าเพิ่มที่จะเกิดแก่ธุรกิจ และความสามารถทางการแข่งขันของประเทศที่จะสูงขึ้น จากการ น า นวัตกรรมดังกล่าวไปสร้างบริการทางการเงินชนิดใหม่ และพัฒนาประสิทธิภาพของบริการทางการเงินที่ มีอยู่เดิม ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่เทคโนโลยีทางการเงินเหล่านี้ จะถูกน าไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ใน กิจกรรมด้าน อื่นๆ อย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้ การสร้างนวัตกรรมทางการเงินจากธุรกิจฟิ นเทค จึง ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไทย ที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุค 4.0 อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ภาครัฐ และภาคเอกชนไทย จะมีความตื่นตัวในธุรกิจฟิ นเทค แต่การศึกษาทางวิชาการที่สร้างความเข้าใจ ในธุรกิจฟิ นเทคในประเทศไทย ระบบนิเวศทางธุรกิจฟิ นเทคของประเทศไทย มีจุดเด่นที่ส าคัญ คือ ความ เชี่ยวชาญในงานบริการของคนไทย แต่ก็ยังมีประเด็นส าคัญอีกหลายประการที่จะต้องได้รับการปรังปรุง และพัฒนาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ เช่น ความ ไม่ชัดเจนของกฎระเบียบ การขาดแคลนบุคลากร และความอ่อนแอด้านการสร้างนวัตกรรมภายในประเทศ 3


4


1. ความหมายของธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech) • FinTech หรือ Financial Technology คือการน าเอาเทคโนโลยีดิจิทัล มาประยุกต์ใช้กับบริการทางการเงินในรูปแบบ ต่างๆ ทั้งการช าระเงิน การลงทุน การระดมทุน หรือด้านประกันภัย เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในยุค ปัจจุบันได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการน าเอา Technology ของ Fin Tech ผ่านระบบ online มาใช้จะช่วยให้ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) และมีค่าใช้จ่ายในการท าธุรกรรมที่ ลดลง 5 เทคโนโลยีทางการเงิน fintech


• ค ำว่ำ FinTech ในปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกน ามาใช้ในการเรียกบริษัท กลุ่มธุรกิจ หรือกลุ่มผู้ประกอบการที่ คิดค้น นวัตกรรมทางการเงินในรูปแบบใหม่ๆ ที่ท าให้ผู้บริโภคไม่ต้องยึดติดกับการท าธุรกรรมที่จ ากัดอยู่ เพียง เงินสด เช็ค บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้น โดยที่ผู้บริโภคสามารถท า ธุรกรรมผ่านคอมพิวเตอร์และ Smart Phone ส่วนตัว ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางทางการเงิน อย่างระบบธนาคารอีกต่อไป แม้ FinTech จะเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ แต่บทบาทของ FinTech มีการใช้มา หลาย 10 ปี โดยตัวอย่างรูปแบบของ FinTech ดั้งเดิม (Traditional FinTech) ที่เห็นได้ชัดและยังมีการใช้ อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ATM, Internet Banking, Mobile Banking ตู้กดเติมเงิน โทรศัพท์มือถือ การซื้อขายหุ้น ผ่านออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างเป็นการท าธุรกรรมด้วยตนเองโดยไม่ต้องผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ในขณะที่ FinTech ในรูปแบบใหม่ (Emergent FinTech) จะเกิดขึ้นผ่านองค์กรขนาดเล็กที่เป็นผู้น าทางเทคโนโลยี ใหม่ๆ และน ามา สร้างนวัตกรรมทางการเงิน 6


2. ผลกระทบต่อ กิจกรรมทางการเงิน จากธุรกรรมการเงิน ดิจิทัล (Fintech) 7 • ผลกระทบต่อกิจกรรมทำงกำรเงิน 6 ประเภทหลัก ดังนี้ • 1. การช าระเงิน (Payment) เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการช าระเงินรูปแบบ ใหม่ เช่น สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) การแลกเปลี่ยนเงินตรา ต่างประเทศระหว่างกนโดยตัดตัวกลาง (Peer-to-Peer Foreign Exchange) การใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Money) และการลด ความส าคัญของเงินสด เช่น การช าระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payments) ระบบเรียกเก็บเงินรวม (Integrated Billing) การช าระเงิน ประสิทธิภาพสูง (Streamlined Payments) เช่น ระบบช าระเงินระหว่าง เครื่องจักร (Machine-to-Machine Payment) คือ ระบบช าระเงิน อัตโนมัติที่เชื่อมโยงกับระบบ Internet of Things (IoT) เช่น รถยนต์ที่มี IoT เมื่อขับเข้าไปเติมน ้ามัน ในปั๊มที่หัวจ่ายน ้ามันมีIoT รถยนต์จะจ่ายเงิน (แบบดิจิทัล) ให้กับหัวจ่ายน ้ามันโดยตรง เพราะมีเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับว่า เติมน ้ามันประเภทใดและในปริมาณเท่าไร


• การช าระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payments) 8 การช าระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payments) https://www.scnsoft.com/blog/hotel-andrestaurant-mobile-payments


•2. การซื้อขายและวิเคราะห์หลักทรัพย์ (Market Provisioning) เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ เช่น การเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) การวิเคราะห์ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analysis) และตลาด รูปแบบใหม่ เช่น การเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูล อัตโนมัติ (Automated Data Collection and Analysis) ฐานงาน ข้อมูล ตลาด (Market Information Platforms) 9


•3. การจัดการการลงทุน (Investment Management) เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้าน การยกระดับศักยภาพ นักลงทุน เช่น ระบบการให้ค าแนะน า และการบริหารความมั่งคั่ง แบบอัตโนมัติ ( Automated Advice and Wealth Management) เครือข่ายสังคม ส าหรับคัดลอกการซื้อขาย (Social Trading คือ การที่นักลงทุนอ้างอิงข้อมูลที่ใช้ในการ ตัดสินใจทางการเงินด้วยข้อมูลที่ได้จากระบบอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อสังคม (Social Media) เป็นส าคัญ) การส่งค าสั่งซื้อขายอัตโนมัติ ส าหรับ นักลงทุนรายย่อย (Retail Algorithmic Trading) และระบบการพัฒนาแบบเปิด เช่น ระบบประมวลผล แบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอก พัฒนาต่อยอด (Open Source IT) การ แบ่งปันสมรรถภาพระหว่างองค์กร (Capability Sharing) 10


• 4. การระดมทุน (Capital Raising) เกี่ยวข้องกับ นวัตกรรมการระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อย (Crowd funding) เช่น ตลาดซื้อขายเสมือน (Virtual Exchanges คือ ตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินที่ผู้ซื้อและ ผู้ขายสามารถท าสัญญาได้ โดยไม่ต้องพบกันในสถานที่ จริง) สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts คือ การก าหนด เงื่อนไขในระบบคอมพิวเตอร์ (Protocols) ให้สามารถ สนับสนุน ตรวจสอบ ยืนยัน และบังคับข้อตกลง ให้ส าเร็จ ตามสัญญาได้ด้วยตัวเอง (Self-Executing Contract)) ทางเลือกใหม่ ส าหรับการสอบทานธุรกิจ (Alternative Due Diligence) เป็นต้น ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ จะช่วยเพิ่ม การเข้าถึงแหล่ง เงินทุน ท าให้สภาพแวดล้อมทางการเงิน ดีขึ้น 11 Smart Contract หรือ สัญญาอัจฉริยะ http://dv.co.th/blog -th/smart -contract -blockchain/


5. การฝากเงิน และการกู้ยืมเงิน (Deposits and Lending) เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม การกู้ยืมทางเลือก เช่น การกู้ยืมระหว่างกันโดยตรง ระหว่างผู้กู้ และผู้ให้กู้(Peer-to-Peer Lending) ทางเลือกใหม่ส า หรับการตัดสินข้อพิพาท (Alternative Adjudication เพิ่ม ความสามารถของผู้ให้กู้ ในการประเมินผู้กู้เช่น ข้อมูลทางสังคม (Social Data) ระบบประเมินความ เสี่ยง ประสิทธิภาพสูง (Risk Engines) เป็นต้น นอกเหนือไปจากการใช้คะแนนเครดิต (Credit Score) ในการพิจารณาสินเชื่อแบบเดิม) และการเปลี่ยนแปลงความพึงพอใจของลูกค้า เช่น โทรศัพท์มือถือยุคที่ 3 (Mobile 3.0) ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างโปรแกรมของบุคคลที่สาม (Third Party API) เทคโนโลยีเสมือน (Virtual Technologies คือ กลุ่มของเทคโนโลยีที่ท าให้ผู้ใช้บริการ สามารถท ากิจกรรมต่างๆ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่จ าลองขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์) 12


• 6. การประกันภัย (Insurance) เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านการเชื่อมโยงการประกันภัย (Connected Insurance) เช่น เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ที่สามารถเชื่อมโยงการท างานกับอุปกรณ์ชนิดต่างๆ (Internet of Things) เซ็นเซอร์ยุคใหม่ (Advanced Sensors) คอมพิวเตอร์ แบบสวมใส่ (Wearable Computers) และการแยกประเภทการประกันภัย เช่น ยานพาหนะไร้คนขับ (Autonomous Vehicles) เป็นต้น ทั้งนี้ เว็บไซต์ Fintechranking และ Venture Scanner ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน มีธุรกิจฟินเทค มากกว่า 1,900 บริษัท ใน 58 ประเทศทั่วโลก ซึ่งแต่ละบริษัท ใช้เงินทุนเฉลี่ย 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดยเป็นธุรกิจ ให้บริการช าระเงิน 447 บริษัท การกู้ยืมเงิน 419 บริษัท การเงิน ส่วนบุคคล 194 บริษัท เครื่องมือทางธุรกิจ 184 บริษัท การลงทุนรายย่อย 151 บริษัท การลงทุนสถาบัน 142 บริษัท นับเป็น 6 กลุ่มธุรกิจ ที่ มีผู้ให้บริการมากที่สุด ตามล าดับ ทั้งนี้ ประเทศที่มีระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) เหมาะสมแก่การเติบโตของผู้ประกอบการฟินเทค โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเกิดใหม่ (Startups) ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิสราเอล และสหราชอาณาจักร โดยพิจารณาจากจ านวนบริษัทเกิดใหม่ใน ธุรกิจฟินเทคเทียบกับจ านวนประชากร ขณะที่ประเทศสิงคโปร์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีระบบนิเวศทางธุรกิจดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย 13


•คอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ (Wearable Computers) 14 คอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ (Wearable Computers) https://www.wikiwand.com/en/Wearable_comput er


•เนื่องจากธุรกิจฟินเทค ในประเทศไทย ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น จึงเป็นประโยชน์ ที่จะศึกษา กิจกรรมของ ประเทศต่างๆ ซึ่งสร้างความเป็นเลิศ ให้แก่ระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ในประเทศนั้นๆ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจ อันจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจฟินเทค ในประเทศไทย โดยตัวอย่างของระบบ นิเวศทางธุรกิจในประเทศต่างๆ จากผลการศึกษาของบริษัท EY Financial Service ที่ ด าเนินการร่วมกับกระทรวงการคลังแห่งสหราชอาณาจักร (HM Treasury) พบว่ามีการ รวมตัวกันของผู้เชี่ยวชาญทาง เทคโนโลยีมายาวนาน จนเกิดความเชื่อมโยงเป็นชุมชนฟิน เทค และมีความเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมในระดับสูงในพื้นที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา 15


•นอกจากนี้ มลรัฐนิวยอร์กยังมีการรวมตัวของตลาด การเงินที่เข้มแข็ง และมี โครงการบ่มเพาะธุรกิจมากมาย (Incubator และ Accelerator) ส าหรับ ประเทศสหราชอาณาจักร ผู้ก าหนดนโยบาย และรัฐบาลล้วนมีความตื่นตัวท างาน เชิงรุก เพื่อสนับสนุนธุรกิจฟินเทคอย่างเต็มที่ ทั้งยังมีศูนย์กลางของธุรกิจฟินเทค (Hubs) ที่มีประสิทธิภาพ ในภาคพื้นยุโรปที่เมืองเบอร์ลิน แฟรงค์เฟิร์ตและมิวนิค รัฐบาลเยอรมนีได้สนับสนุนเงินกู้จ านวนมหาศาล โดยเน้นผู้ให้บริการทางการเงิน ระหว่างธุรกิจ (Businessto-Business FinTech) รวมทั้งการให้ความส าคัญกับ การสร้างนวัตกรรมทางการเงินที่ซับซ้อน 16


3. เทคโนโลยีส าคัญที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจฟินเทค •เทคโนโลยีกับการพัฒนาบริการทางการเงิน กลายเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ใน ปัจจุบัน เนื่องจากการ ตัดสินใจทางการเงินต่างๆ มักต้องพึ่งพาศักยภาพของ เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ได้รับการบูรณาการ และมีความกาวหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม Härle P., Havas A., และ Samandari H. (2016) สรุปว่ามีกลุ่ม เทคโนโลยีบางชนิด ที่ถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานของการสร้างนวัตกรรมในธุรกิจ ฟิ นเทค โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่เพียงเพิ่มความเร็ว ความถูกต้องแม่นย า และ ปริมาณในการท าธุรกรรม แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ น าเสนอบริการทาง การเงินแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วย ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าว ประกอบไป ด้วย 17


•1. บล็อกเชน (Blockchain) Harvey (2016) อธิบายว่า บล็อกเชนอยู่เบื้องหลังสกุล เงินดิจิทัล (Alternative / Digital Currencies) ในกลุ่ม สกุลเงินดิจิทัลแบบกระจาย ศูนย์ (Decentralized Cryptocurrency) เช่น บิตคอยน์(Bitcoin) ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2009 โดยระบบช าระเงินดังกล่าว มีบล็อกเชนท าหน้าที่เป็นฐานข้อมูลธุรกรรม ใน รูปแบบสมุดบัญชีแยกประเภท แบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger) หรืออาจ เรียกว่าบล็อกเชนเป็นระบบฐานข้อมูลกระจายศูนย์ (Distributed Database) โดยมี ลักษณะการท างานพื้นฐาน ที่ไม่พึ่งพาอุปกรณ์เก็บข้อมูล (Storage Device) จุดใดจุด หนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่จะกระจายการจัดเก็บข้อมูลไปยังโครงข่ายระบบคอมพิวเตอร์ที่ เชื่อมต่อกัน (Nodes) โดยไม่จ ากดจ านวน และที่ตั้ง รวมทั้งไม่เชื่อมโยงกบระบบ ประมวลผล ณ จุดใดในโครงข่ายเป็นพิเศษ เนื่องจากฐานข้อมูลถูกกระจาย การจัดเก็บ ท าให้การท าธรกรรมสามารถเกิดขึ้นจากจุดใดก็ได้ในโครงข่าย และการท างานไม่ กระจุกตัวอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ประสิทธิภาพการด าเนินธุรกรรมจึงสูงขึ้น 18


นอกจากนี้ รายละเอียดของธุรกรรมที่เกิดขึ้นในระบบแต่ละครั้ง จะถูกบันทึกเป็นบล็อก (Block) ของ ธุรกรรมครั้งนั้น เมื่อมีธุรกรรมเกิดขึ้นอีก รายละเอียดของธุรกรรมใหม่ ก็จะถูกบันทึก ในบล็อกใหม่ ต่อเนื่องจากบล็อกล่าสุดไปเรื่อยๆ (บันทึกแบบบล็อกต่อบล็อกเท่านั้น) คล้ายสายโซ่ จึงเรียกว่าบล็อกเชน (Blockchain) และการ สร้างธุรกรรมทุกครั้งจะถูกบันทึกเวลา และเมื่อมีการ เปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ระบบก็จะถือเป็นการท าธุรกรรมเสมอ จึงต้องถูกบันทึกเวลาด้วย ทั้งนี้ ข้อมูลเวลาดังกล่าว สามารถใช้ตรวจสอบการปลอมแปลงธุรกรรม ซึ่งเรียกว่า กลไก ยืนยันเวลาของ การท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Trusted Timestamp) นอกจากนี้ บล็อกเชนยังใช้ประโยชน์ จาก ฟังก์ชันแฮช (Hash Function) ในการเข้ารหัส สร้างกลไกความปลอดภัย เมื่อรวมกบระบบ ตรวจสอบโดยผู้อยู่ ในโครงข่าย (Nodes) และความยุ่งยากในการเจาะเข้าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อย่างผิดกฎหมาย (Hack) โครงข่ายระบบ ฐานข้อมูลกระจายศูนย์ (Distributed Database) จึง ส่งผลให้บล็อกเชนมีประสิทธิภาพ ในการตรวจสอบ ยืนยัน อนุมัติการท าธุรกรรม และไม่สามารถ แก้ไขข้อมูลโดยมิชอบ 19


จากจุดเด่นดังกล่าว ท าให้บล็อกเชนกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานส าคัญ ของการ พัฒนานวัตกรรมอีกหลาย ชนิด ซึ่ง Skinner (2016) รายงานความเป็นไปได้ของ นวัตกรรมที่ต่อยอดจากเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ซึ่งจะประมวลผลฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ถ้าหากเป็นไปตามเงื่อนไขใน ข้อตกลงที่ก าหนด ไว้ล่วงหน้า ระบบก็จะด าเนินการตามสัญญาโดยอัตโนมัติ สินทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Assets)จะบันทึกข้อมูล ธุรกรรมโดยละเอียดตามเวลาจริง (Real-Time) ท าให้สามารถตรวจสอบข้อมูลส าคัญของสินทรัพย์ณ เวลาใดก็ไดอีกทั้ง สินทรัพย์บางประเภท ยังสามารถแลกเปลี่ยน และช าระเงินตามเวลาจริงได้อีกด้วย บล็อกเชนยังท าให้การ ช าระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์ (Clearing and Settlement) มีต้นทุนที่ต ่าลง เพราะใช้ข้อมูลดิจิทัล ทั้งยังบันทึก ตรวจสอบ และท า ธุรกรรมได้สมบูรณ์ในทันที นอกจากนี้ยังมีการใช้บล็อกเชนในการพัฒนาระบบช าระ เงิน (Payments) โดยธนาคารทั่วโลกตั้งกลุ่มอาร์สาม (R3) เพื่อสร้างระบบโอนเงิน ระหว่างกัน ซึ่งสามารถพัฒนาเป็น ระบบการช าระเงินของคนทั่วโลก เป็นต้น 20


• 2. ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่(Big Data) เทคโนโลยีการเก็บข้อมูล ระบบประมวลผล คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบปฏิบัติการ (Smartphone) ได้มีการ พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งความจุข้อมูล และความเร็วในการประมวลผลข้อมูล แต่ราคากลับถูกลง ท าให้ผู้บริโภคเข้าถึงอุปกรณ์ได้มากขึ้น ประกอบกบการขยายการให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน ทาง เทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งขอบข่ายพื้นที่ และคุณภาพบริการ ซึ่งสนับสนุนการใช้งานอินเทอร์เน็ต และการ ติดต่อสื่อสาร รวมถึงการส่งข้อมูลต่างๆที่สะดวกรวดเร็วกวาในอดีต โดย Chen, Chiang และ Storey (2012) รายงาน ว่ากิจกรรมที่เกิดจากการซื้อขายสินค้า และบริการ ก่อให้เกิดฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่ภาครัฐ และเอกชน สามารถ น ามาใช้ประกอบการตัดสินใจ และ สร้างมูลค่าเพิ่ม จากการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ เช่น การ เก็บข้อมูลประชาชน ระบบฐานข้อมูลลูกค้า การวิเคราะห์ความต้องการและความพึงพอใจของ กลุ่มลูกค้า การวิเคราะห์ความเสี่ยง การให้ค าแนะน าการลงทุน การตรวจสอบอาชญากรรม ทางการเงิน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาส าคัญของการใช้งานระบบฐานข้อมูล คือ กฎหมายที่ เกี่ยวกับการละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน 21


3. การเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) Bose และ Mahapatra (2001) กล่าวว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) สามารถใช้ วิเคราะห์ฐานข้อมูลขนาด ใหญ่ และสร้างแบบจ าลอง (Model) สนับสนุนการตัดสินใจที่ซับซ้อน ทั้งยังพัฒนาความแม่นย า ของการคาดการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลใหม่ที่ได้รับแบบเวลาจริง (Real-Time) จาก ความสามารถดังกล่าว เทคโนโลยีนี้จึงสามารถน าไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของงานประเมิน ความเสี่ยงทางการเงิน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังมีประเด็นปัญหาในแง่กฎหมาย ที่เกี่ยวกบ ภาระความรับผิดชอบ กรณีผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามการคาดการณ์ของแบบจ าลอง นอกจากนี้ ยังมี เทคโนโลยีอื่นๆ ที่สนับสนุนการใช้งานด้านการเรียนรู้ของเครื่องจักร เช่น เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ที่สามารถเชื่อมโยงการท างานกบอุปกรณ์ต่างๆ (Internet of Things) การพิสูจน์ตัวตนทาง ชีวภาพ (Biometric Authentication) เทคโนโลยีรู้จ าเสียง (Voice Recognition) เซ็นเซอร์ อัจฉริยะ (Smart Sensor)แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ (Mobile Application) และเครื่อง บันทึกแบบพกพาความละเอียดสูง (High Resolution Portable Recorder) เป็นต้น 22


• 4. ปัญญาจากฝูงชน (Crowdsourcing) เป็นกระบวนการได้มาซึ่งบริการ หรือข้อมูล ด้วยการร้องขอจากคนกลุ่มใหญ่ ซึ่งไม่ใช่พนักงานประจ าภายในบริษัท และผู้ด าเนินการไม่จ าเป็นต้องได้รับค่าตอบแทน เช่น ระบบฐานข้อมูลวิกิพี เดีย (Wikipedia) ซึ่งผลลัพธ์อาจส าเร็จจากแหล่งเดียว หรือเป็นผลรวมจากหลายแหล่งก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิยม ท าผ่านระบบ อินเทอร์เน็ต ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับจาก Crowdsourcing คือ ต้นทุนต ่า รวดเร็ว มีคุณภาพ มีความ ยืดหยุ่น สามารถรองรับการขยายงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และได้ประโยชน์จากความสามารถที่หลากหลายของ ผู้ด าเนินการ ดังนั้น กิจกรรมแทบทุกประเภท รวมถึงบริการทางการเงิน จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ โดยใช้แนวคิด ดังกล่าว เช่น การ ระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อย หรือ Crowdfunding ซึ่งเป็นการระดมทุนจากคนกลุ่มใหญ่ โดยตรงไม่ผ่านธนาคาร ทั้งนี้ Mollick (2014) ศึกษาปัจจัยความส าเร็จของแผนธุรกิจ 48,500 โครงการ ที่ระดมทุน แบบ Crowdfunding พบว่า ความส าเร็จของการระดมทุนมีความสัมพันธ์กบคุณภาพของโครงการ และเครือข่าย สังคม (Social Network) ของ ผู้ระดมทุน โดยร้อยละ 75 ของโครงการ มักจะให้ผลตอบแทนล่าช้า และระดับของ ความล่าช้า มีความสัมพันธ์กับ จ านวนเงินลงทุน อย่างไรก็ตาม ระดับของความล่าช้าดังกล่าว เป็นข้อมูลที่นักลงทุน ส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้แล้ว ล่วงหน้า 23


4. รูปแบบการให้บริการของธุรกิจฟินเทค FinTech 24 https://www.gsb.or.th/getattachment/eaab8bae-4abb-400f-9f8b-


• ผู้ให้บริการ FinTech ได้เห็นช่องว่างระหว่าง การให้บริการทางการเงินใน รูป แบบเดิมๆ กับ เทคโนโลยีที่ก้าว ไปอย่างรวดเร็วจนสามารถพัฒนาเป็น นวัตกรรมทางการเงินและน ากลับมาแก้ไขปัญหาที่ ลูกค้าประสบอยู่ (pain point) ไม่ว่าจะเป็นความล่าช้า ของการให้บริการ เอกสารที่ต้องใช้ท าธุรกรรมมีจ านวน มาก ตลอดจน ความไม่สะดวกในการเข้าถึงบริการทางการเงิน โดยกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่ (Start Up) เข้า มาจัดตั้ง บริษัทเพื่อพัฒนาธุรกิจและน าเสนอผลิตภัณฑ์ ในตลาดการเงินหลากหลายรูปแบบ ทั้งบริการช าระเงิน (Payments) โอนเงิน (MoneyTransfers) กู้ยืมเงิน (Lending)การระดมทุน (Funding) การลงทุน (Investment) และการประกันภัย (Insurance) เป็นต้น โดยธุรกิจ FinTech ในปัจจุบัน ที่เข้ามามีบทบาท และส่งผลกระทบกับสถาบันการเงินอย่างมีนัยส าคัญจะเป็นกลุ่มที่ให้บริการในด้านการช าระเงิน/โอนเงิน (payments/Transfers) การลงทุน (Investments) และการให้สินเชื่อและเงินทุน (Lending & Financing) 25


• 1.1 FinTech ในกลุ่มการช าระเงิน/โอนเงิน (Payments/Transfers) เป็นบริการช าระค่าสินค้าและบริการผ่านช่องทาง Digital (e-payment) ซึ่งถือเป็นจุดก าเนิดแนวคิด FinTech ที่มีจุดเด่นในด้านความสะดวกรวดเร็วในการช าระเงิน โดยลูกค้า ไม่จ าเป็นต้องใช้เงินสด/บัตรเครดิต/ บัตรเดบิตหรือโอนผ่านบัญชีธนาคารเพื่อช าระเงินค่าสินค้า/บริการแต่ละครั้งดังเช่นใน อดีต จึงช่วยให้การซื้อขาย สินค้าออนไลน์(E-Commerce) มีความคล่องตัวมากขึ้น ตัวอย่าง FinTech ที่ให้บริการรับช าระ เงินค่าสินค้าและโอนเงินผ่านออนไลน์ ได้แก่ Paypal, Alipay, Line Pay, Paysbuyและการให้บริการของ 3 ค่ายมือถือ AIS Mpay, Jaew Wallet และ Wallet by TrueMoney ที่มีบริการรับช าระเงินค่าสินค้า/ บริการทางออนไลน์จากกระเป๋ าเงินเล็ก ทรอนิกส์ (e-Wallet) ที่ลูกค้าสามารถเติมเงินไว้ส าหรับการช าระเงินและโอนเงินได้โดยตรง 26


• 1.2 FinTechในกลุ่มธุรกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุน (Investments) เป็นบริการด้านการลงทุนและที่ปรึกษา ทางการเงินแบบออนไลน์ซึ่งโดยทั่วไปผู้ที่เข้าถึงบริการด้านการลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีสินทรัพย์สูง แต่ในปัจจุบันธุรกิจ FinTech เกี่ยวกับการลงทุนได้พัฒนาเพื่อช่วยให้กลุ่มผู้ มีรายได้ทั่วไปสามารถเข้าถึงการ วางแผนทางการเงินและการลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยการน าเทคโนโลยี Robo-Advisor ที่มีการใช้ (Artificial Intelligence :AI) เข้ามาใช้เรียนรู้พฤติกรรมการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ผ่านข้อมูลสถิติและผลการวิเคราะห์ที่ ได้ จากการตอบแบบสอบถามทางออนไลน์ โดย Robo-Advisor จะท าหน้าที่เลือกการลงทุนที่เหมาะสมและ ช่วยบริหารเงินลงทุนให้แบบ อัตโนมัติตามระยะเวลาการลงทุน ระดับผลตอบแทนที่ต้องการและตามความ เสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยมีค่าธรรมเนียมการลงทุนที่ต ่ากว่า การให้ปรึกษาทางการเงินผ่านพนักงาน ส าหรับ FinTech ที่ให้บริการ Robo-advisor เช่น Wealthfrontและ Betterment เป็นต้น 27


• FinTech ในกลุ่มธุรกรรมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อและเงินทุน (Lending & Financing) มีการ ให้บริการใน หลายรูปแบบ ได้แก่ Crowd Funding เป็นการระดมทุนจากมวลชนผ่านเว็บไซต์เพื่อเป็นช่องทางการเข้าถึง แหล่งเงินทุน ส าหรับผู้ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ หรือริเริ่มโครงการเพื่อสังคมส่วนรวม แต่ไม่มีเงินทุนในการ ด าเนินการ โดยการระดมทุนของ Crowd Funding มีหลายรูปแบบ เช่น การบริจาคเงิน การจ่ายเงินเพื่อสั่ง จองสินค้าในโครงการ ที่จะผลิตออกมาขาย การให้เจ้าของน าเสนอโครงการผ่านเว็บไซต์เพื่อระดมทุนจาก บุคคลทั่วไป การร่วมลงทุนในหุ้นของบริษัทและการกู้ยืมเงิน เป็นต้น โดยผู้ลงทุนจะได้รับส่วนแบ่งจากการ ขายเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือเป็นรายได้ในรูปของอัตรา ดอกเบี้ย 28


• ตัวอย่างผู้ให้บริการ ได้แก่ Kickstarter Indiegogo Dreamaker และTaejai เป็นต้น P2P (Peer-to-Peer) Lending เป็นการ ให้กู้ยืมเงินระหว่างบุคคลกับบุคคลผ่านออนไลน์แพลตฟอร์ม โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางทางการเงิน เช่น ธนาคารหรือสถาบัน การเงิน แต่ระบบจะสามารถเชื่อมโยงระหว่าง ผู้ให้กู้กับผู้กู้เงินโดยตรง โดยมีแพลตฟอร์มกลางที่เป็นผู้ให้คะแนนเครดิตของ แต่ละคน ตัวอย่างผู้ให้บริการ ได้แก่ Zopa Prosper และ Satangdee Marketplace Lending เป็นการสนับสนุนเงินลงทุน ระยะสั้นเพื่อปล่อยกู้ให้แก่ธุรกิจที่ต้องการเงินทุน หมุนเวียนโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่อยู่ใน Platform ของผู้ให้บริการ เช่น Amazon และ Alibaba โดยผู้ ให้บริการมีการคิดค้นและพัฒนา Credit Scoring Model เป็นของตัวเอง และมีการน าข้อมูล ผู้ซื้อผู้ขายใน ตลาดของตัวเองมาใช้ประเมินความเสี่ยงในการผิดนัดช าระหนี้ รวมทั้งน าข้อมูลความนิยมสินค้าและระดับ สินค้าคงคลังของผู้ขายมาใช้ประเมินอัตราดอกเบี้ยในการปล่อยกู้ระยะสั้น 3-6 เดือน ตัวอย่างผู้ให้บริการ ได้แก่ Kabbage, Amazon lending และ Alipay Financial 29


5. ระบบเงินดิจิทัล • ระบบการเงินสมัยใหม่จะมีผู้ให้บริการที่หลากหลายมากขึ้นไม่เฉพาะแต่สถาบันการเงิน แต่จะมีผู้ให้บริการที่ มิใช่สถาบัน การเงิน (Non-Bank) รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ เช่น ฟิ นเทค (FinTech) เข้ามาร่วมพัฒนารูปแบบการช าระเงิน ร่วมกัน และระบบการเงินสมัยใหม่จะมีความเชื่อมโยงถึงกันหมด มี ความหลากหลายของสื่อการช าระเงินและช่องทางการช าระเงินที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลง ดังกล่าวส่งผลให้สถาบันการเงินมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ส าคัญ 30


• 1.การใช้ Mobile Banking รวมถึงการ ช าระเงินผ่าน Mobile Banking จะมี แนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่ การใช้ Internet Banking จะเติบโต ค่อนข้างคงที • 2.Social Media และ Analytic Tools จะถูกน ามาใช้เพื่อวิเคราะห์ลูกค้า มากขึ้นเพื่อให้ทราบถึงความพึง พอใจ และความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว • 3.ช่องทางการบริการทางการเงินของ ธนาคารและสถาบันการเงินจะมีความ หลากหลายและเชื่อมโยงกัน มากขึ้น ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Mobile, Tablet, Computer และ Smart TV เป็นต้น • 4.การน าเทคโนโลยีการเงินรูปแบบใหม่ (FinTech) มาปรับใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทาง การเงิน ให้มีประสิทธิภาพผ่านระบบการสื่อสาร ออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้บริโภค สามารถเข้าถึงการบริการได้ อย่างรวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายในการท าธุรกรรม 31


6. ลักษณะของสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี (Crypto Currency) • สกุลเงินดิจิทัล หรือที่ใครๆ หลายคนรู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า คริปโตเคอร์เรนซี่ (Crypto currency) ซึ่งก็ คือนวัตกรรมโลกการเงินขนานใหม่ เปรียบเสมือนระบบธนาคารในโลกดิจิทัลที่ไม่มีสถาบันกลางควบคุม เพราะมีการน าระบบบล็อกเชน (Block chain) มาใช้เป็นพื้นฐานของระบบสกุลเงินดิจิทัล • Crypto currency คือการประยุกต์ใช้รูปแบบหนึ่งจากระบบ Block chain เท่านั้น ซึ่งเป็นสกุลเงินใหม่ที่ใช้ เป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนได้ทั่วโลก สิ่งที่มีผลต่อมูลค่าของ Crypto currency คือความเชื่อมั่นของนัก ลงทุน หรือก็คือความต้องการซื้อ ความต้องการขายของตลาด ณ เวลานั้นตามอัพเดทของข่าวสาร และ สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล 32


• ตัวอย่ำงเงินสกุลดิจิทัล • ในช่วงเร ิ่มต ้ น คนส่วนใหญ่ใช ้ คำ ว่ำบต ิคอยน์กับค ำว่ำเงินสกุลดิจิทัลเสมือนเป็นค ำเดียวกัน แต่ ในช่วง 6-7 ปี ทผ ี่่ำนมำกม ็ ก ี ำรสร ้ ำงเงน ิสกุลดิจิทัลด้วยอัลกอร ิ ทม ึ่อน ื่ขน ึ ้ มำอีกมำกมำย โดยหำก เร ี ยงตำมม ู ลค่ำตำมรำคำตลำด (Market Cap คำ นวณจำกจำ นวนเหร ี ยญค ู ณด ้ วยอ ั ตรำซอ ื ้ ขำย) เงินสกุลดิจิทัล 5 อ ั นด ั บแรกของว ั นน ี ม ้ ต ีั วอย่ำงได ้ แก่Bitcoin, Ethereum, Ripple, Bitcoin Cash, และ Litecoin แต่ในควำมเป็ นจริงแล้วเงินสกุลดิจิทัลทม ี่ก ี ำรสร ้ ำงขน ึ ้ มำน ั ้ นมส ี ู งถึงกว่ำ 1,500 สกุล ซง ึ่แต่ละสก ุ ลเงน ิ ทถ ีู่ กสร ้ ำงขน ึ ้ มร ี ะด ั บควำมน ิ ยมและควำมน่ำเชอ ื่ถอ ื แตกต่ำงก ันไป 33


• ควำมน่ำเชอ ื่ถอ ื ของเงน ิสกุลดิจิทัล • ปัจจุบัน เงินสกุลดิจิทัลเป็นเงินที่ยังไม่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ รวมถึงไม่มีการใช้ สินทรัพย์เช่น ทองค า หรือตราสารมาค ้าประกัน ดังเช่นการพิมพ์ธนบัตรของสกุลเงินประเทศต่างๆ โดยที่ ราคาหรือมูลค่าของเงินสกุลดิจิทัลนั้นจะขึ้นลงตามอุปสงค์และอุปทาน ถือเป็นกลไกตลาดอย่างแท้จริง ผู้สนใจเงินสกุลดิจิทัลนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่การทดลองเล่นกับนวัตกรรมเทคโนโลยีการเงินด้วยความอยาก รู้อยากเห็น การขุดเหมือง (ร่วมผลิตเงินสกุลดิจิทัล) เพื่อหวังผลตอบแทน การใช้เงินสกุลดิจิทัลเป็นทางเลือก ในการเก็บเงิน การลงทุนระยะสั้นและระยะยาวเพื่อหวังก าไร หรือแม้แต่การลงทุนกับกลุ่มสตาร์ทอัพที่ระดม ทุนแบบ Initial Coin Offering (ICO) 34


• โดยที่ตลาดเงินสกุลดิจิทัลเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งตลาดเงินสกุลดิจิทัลนั้นมีเงินลงทุนไหลเข้ามา มาก ท าให้ราคาเกิดความผันผวน และตลาดมีความอ่อนไหวสูง ยกตัวอย่างเช่น ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ราคา ของบิตคอยน์เกิดการตกลงอย่างรุนแรงถึง 12 ครั้ง และนับตั้งแต่เกิดการพัฒนาเงินสกุลดิจิทัล นัก เศรษฐศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบลและนักการเงินที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น Paul Krugman, Joseph Stiglitz, Robert Shiller, Warren Buffett รวมถึงสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เช่น JP Morgan ได้มองว่า ระบบเงินสกุลดิจิทัลจะไม่มีความยั่งยืน เพราะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมีสินทรัพย์ที่มีค่ารองรับมูลค่าของสกุล เงิน และยังมองว่าปริมาณเงินที่สร้างขึ้นก็อาจไม่สามารถควบคุมให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง ได้ นอกจากนี้ ในธุรกิจเงินสกุลดิจิทัล มีการโจมตี ขโมย กลโกง หรือการหลอกลวงเกิดขึ้นเป็นระยะ 35


• ตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 2014 บริษัท Mt.Gox อันเป็นศูนย์ให้บริการรับแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดใน โลกขณะนั้น ได้หยุดการซื้อขายและพบว่า บิตคอยน์ของลูกค้าและบริษัทได้หายไปถึง 850,000 เหรียญ คิด เป็นมูลค่าปัจจุบันถึงกว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทก็ได้ประกาศล้มละลายไป และคดีนี้ ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน หรือในปี ค.ศ. 2018 เกิดการเจาะระบบของ Coincheck ซึ่งเป็นศูนย์ ให้บริการรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลในญี่ปุ่ น ท าให้เงินสกุล NEM coins หายไปจ านวนมาก คิดเป็นมูลค่า กว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจเงินสกุลดิจิทัลนี้ยังปรากฏนักหลอกลวงต้มตุ๋นเกิดขึ้น มากมาย เช่น การเปิดเงินสกุลดิจิทัลขึ้นใหม่และมาหลอกระดมทุนในลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ เป็นต้น 36


มูลค่าตามราคาตลาดเงินสกุลดิจิทัล 37 ที่มา: https://coinmarketcap.com/


• โดยจะเห็นว่าบิตคอยน์นั้นยังคงเป็นเงินสกุลดิจิทัลที่แพงที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุดมีมูลค่าตามราคาตลาดสูง ถึงกว่า 1 แสน 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามมาด้วยอีเธอเรียม (Ethereum) ซึ่งถูกพัฒนาโดย Vitalik Buterin ซึ่งเป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญบิตคอยน์ในยุคเริ่มต้น และได้มองเห็นถึงข้อจ ากัดหลายประการ ของระบบสกุลเงินบิตคอยน์จึงได้พัฒนาสกุลเงินใหม่ขึ้นมา และได้เพิ่มเติมคุณสมบัติในหลายด้าน รวมถึง ความสามารถในการรองรับ Smart Contract ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมที่ Vitalik Buterin พัฒนาขึ้นเพื่อให้ สามารถน าไปประยุกต์ใช้ในการท าธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยการเก็บสัญญาไว้บนการจัดเก็บข้อมูลแบบ บล็อกเชน (Block Chain) ซึ่งท าให้ยากต่อการแอบแก้ไขสัญญา และเมื่อเกิดการท าธุรกรรม จะใช้สกุลเงินอี เธอเรียม (Ethereum) เป็นสื่อกลาง โดยอีเธอเรียม (Ethereum) ได้รับความคาดหวังว่าจะได้รับความนิยมที่ แพร่หลายมากกว่าบิตคอยน์เพราะ Smart Contract สามารถน าไปพัฒนาต่อยอด และท าให้เกิดนวัตกรรม ของธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างหลากหลาย 38


7. ประเภทของสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี (Crypto Currency) • Crypto currencies ออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก • 1.1 Decentralized crypto currencies คือ crypto currencies ที่ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้ออกโดย ชัดเจน แต่มีกลไก ให้สาธารณชนมีโอกาสเข้าเป็นส่วนหนึ่ง ในการรับรองความถูกต้องของธุรกรรมในระบบ โดย ระบบจะออก crypto currencies ให้เป็นผลตอบแทน ซึ่งเปรียบได้กับการจูงใจให้สาธารณชนเข้ามาร่วมผลิต crypto currencies ออกใช้ ซึ่งกลไกนี้มีชื่อที่รู้จักกันทั่วไป ว่า กระบวนการท าเหมือง หรือ mining ทั้งนี้ decentralized crypto currencies ใน กลุ่มนี้มักมีการจ ากัดปริมาณที่จะออกแต่ต้น เช่นในกรณีบิทคอยน์ซึ่งเป็น decentralized crypto currencies ที่ แพร่หลายที่สุด ซึ่งได้มีการเขียนอัลกอริธึมก าหนดไว้แต่ แรกว่าจะมีการทยอยออกจนครบ 21 ล้านบิทคอยน์แล้ว จะ หยุดการออกโดยอัตโนมัติ (Nakamoto, 2008) ซึ่ง การก าหนดปริมาณของบิทคอยน์ที่จะออกได้ทั้งหมดแต่ต้นนี้จะ ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ได้ว่าบิทคอยน์จะมีจ านวนจ ากัด ไม่ถูกปล่อยออกมามากเกินไปจนด้อยค่าลงได้ง่าย หลังจากที่บิทคอยน์ได้ออกมาระยะหนึ่ง ได้มีการออก decentralized crypto currencies สกุลใหม่ๆมา เพิ่มเติม โดยมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตาม วัตถุประสงค์ที่ต่างกัน เช่นในกรณีของ Litecoin ที่มีการเพิ่ม ความเร็ว ในการรับรองธุรกรรมหรือ Ethereum ที่เพิ่มความสามารถ ในการผูกกับสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่อให้ สามารถใช้ decentralized crypto currencies ท าธุรกรรม ต่างๆ ได้อย่างสะดวก 39


• 1.2 Private-entity issued crypto currencies คือ crypto currencies ที่ระบุผู้ออกได้ชัดเจน (ต่างจาก decentralized crypto currencies ซึ่งมีการให้สาธารณชนเข้ามาร่วมออก) ตัวอย่างของ Private-entity issued crypto currencies ที่เป็นที่ รู้จักกันดีคือ XRP ของบริษัท Ripple ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในธุรกรรมโอนเงิน ระหว่างประเทศ2 นอกจากนั้นสถาบันการเงิน หลายแห่ง ก็มีแนวคิดที่จะออก Private-entity-issued crypto currencies เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ กัน เช่น ในระดับการช าระ เงิน รายย่อย สถาบันการเงินของญี่ปุ่ น เช่น Mizuho Financial Group และ Japan Post Bank ที่อยู่ระหว่าง การร่วมกัน พัฒนา J-Coin โดยได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยงานก ากับดูแลของญี่ปุ่ น และมีวัตถุประสงค์เพื่อ สนับสนุนนโยบายการลด การใช้เงินสดของชาวญี่ปุ่ น โดย จะมีเงินเยนหนุนหลัง J-Coin เต็มจ านวนและสามารถแลก J-Coin เป็นเงินเยนได้ในอัตรา 1 ต่อ 1 ซึ่ง J-Coin จะสามารถอยู่บนแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของประชาชน เพื่อซื้อสินค้าและบริการผ่าน QR Code (Financial Times, 2017) ขณะเดียวกัน Mitsubishi UFJ Financial Group เองก็ได้พัฒนา MUFG Coin บน Distributed Ledger Technology (DLT)ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ที่ประยุกต์จาก block chain เพื่อทดลองให้พนักงานใช้ช าระธุรกรรมภายในของ ธนาคาร (Reuters, 2017) ในกรณีของการช าระธุรกรรมระหว่างธนาคาร UBS, Credit Suisse, BNY Mellon, Barclays, State Street และสถาบันการเงินระหว่างประเทศหลายแห่ง อยู่ระหว่างการร่วมกันพัฒนา Utility Settlement Coin (USC) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และลด ระยะเวลาที่ใช้ในการช าระเงินมูลค่าสูงระหว่างสถาบัน การเงิน (Morgan Stanley Research, 2017) โดย USC นี้จะใช้หน่วยของเงินสกุลที่ออกโดยธนาคารกลางหนุน หลังเต็มจ านวน 40


• เช่น หากสถาบันการเงินใดเลือกที่จะ 2 บริษัท Ripple ก าหนดปริมาณของ XRP ไว้ที่ 100 พันล้าน XRP ณ จุดเริ่มต้น และจะไม่มีการเพิ่มอีก (Wikipedia, 2017b) ออก USC สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ สถาบันการเงินนั้น จะต้องมี ดอลลาร์ สหรัฐฯ (ที่ออกโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ) หนุนหลังเต็ม จ านวน แม้ว่า private-entity issued crypto currencies จะ มีผู้ออกชัดเจน และไม่จ าเป็นต้องมีกระบวนการ miningแบบ บิทคอยน์แต่ private-entity issued crypto currencies ก็มี คุณลักษณะส าคัญหลายประการที่คล้าย decentralized crypto currencies เช่น ความเป็น peer-to-peer (ในกรณีของ USC และ J-Coins นั้น peers คือสถาบัน การเงินต่างๆ ที่อยู่ในระบบ ซึ่งต่างจะมีส่วนในการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องและการเกิดขึ้นของ ธุรกรรม) และการใช้ cryptography เป็นพื้นฐานของ ระบบ 41


• 1.3 Central bank digital currencies (CBDC) ในที่นี้หมายถึง crypto currencies ที่ธนาคารกลางเป็นผู้ ออกเองหรือมอบหมายให้สถาบันเงินเป็นผู้ร่วมออก ปัจจุบันธนาคารกลางหลายแห่งอยู่ระหว่างการ ศึกษาวิจัย แนวทางการออก CBDC ทั้งในรูปแบบ Retail CBDC เพื่อการช าระเงินรายย่อย (ธนาคารกลางจีน และธนาคาร กลางสวีเดน) และ Wholesale CBDC เพื่อการช าระเงินที่มีมูลค่าสูงระหว่างสถาบันการเงิน (ธนาคารกลาง แคนาดา สิงคโปร์ และฮ่องกง) โดยมีการประเมินถึงการ น าเทคโนโลยี DLT ซึ่งพัฒนาจาก เทคโนโลยี block chain ของบิทคอยน์มาประยุกต์ใช้ซึ่งจะท าให้ CBDC มี คุณลักษณะของความเป็น peerto-peer (ธนาคารกลาง และสถาบันการเงินที่ร่วมอยู่ในวงต่างร่วมกันสอบทาน และรับรองการเกิดขึ้นของ ธุรกรรม CBDC) และมีการใช้cryptography ในการช่วยรักษาความปลอดภัย แต่จะไม่มีการ mining เนื่องจากธนาคารกลางหรือสถาบันการเงินที่ได้รับมอบหมายจะเป็นผู้ออก CBDC ตามที่ก าหนดโดย นโยบายการเงินของธนาคารกลาง3 ส าหรับในเชิงนโยบาย มีการศึกษาประโยชน์ของการออก CBDC จาก หลายมุมมอง เช่น การช่วยลด ต้นทุนในระบบเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้เงินสด (Rogoff, 2016) หรือเพื่อ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงเงินของธนาคารกลาง 42


• อาทิในกรณีของธนาคารกลางสวีเดน ซึ่งระบบการ ช าระเงินอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวแพร่หลายจนประชาชน บางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงเงินของธนาคารกลางได้เท่าที่ควร (Skingley, 2016; Sveriges Riksbank, 2017) โดยเฉพาะจากจ านวน ตู้ ATM ที่ลดลง จึงมีการศึกษาถึง ความเป็นไปได้และนัยของรูปแบบของ CBDC ที่จะ ออก เช่น ธนาคารกลางควรจะออก Retail CBDC ให้แก่ ประชาชนโดยตรงหรือมอบหมายให้สถาบันการเงิน เป็น ตัวแทนธนาคารกลาง (Broadbent, 2016) และความ เป็นไปได้ของการให้ดอกเบี้ยจากการถือ Retail CBDC (Broadbent, 2016; Bordo and Levin, 2017) ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีผลต่อการด าเนินนโยบายการเงิน การด าเนินงานของสถาบันการเงิน และระบบเศรษฐกิจ การเงินโดยรวม ทั้งนี้ธนาคารกลางแคนาดา สิงคโปร์ และฮ่องกง ได้เริ่มท าการทดสอบการออก Wholesale CBDC เพื่อช าระเงินที่มีมูลค่าสูง ระหว่าง สถาบันการเงิน โดยใช้เทคโนโลยี DLT บ้างแล้ว 43


44


•ในโลกการเงินปัจจุบัน หนึ่งในค าที่ได้ยินบ่อย คือ ฟินเทค หรือ เทคโนโลยีทางการเงิน ซึ่งถ้าตีความกว้าง ๆ คือ การน าเทคโนโลยีมาใช้ พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก รวดเร็ว ความปลอดภัย ลดต้นทุนที่เกิดขึ้น และตอบสนอง ความต้องการของผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการได้ดียิ่งขึ้น BOT พระสยาม MAGAZINE ฉบับนี้ จึงขอสรุปภาพรวมพัฒนาการของฟินเทคในระบบ การเงิน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงการผลักดันระบบนิเวศ ฟินเทคของ ธปท. 45


• ฟินเทคถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทาง การเงินในส่วนที่เทคโนโลยีแบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์ได้ด้วยขีดจ ากัด ทางความช านาญด้านเทคโนโลยี วัฒนธรรม องค์กร แนวคิดการให้บริการ แบบเดิม ๆ หรือกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามในฐานะสถาบันการเงินก็ดี โดย ในแต่ละประเทศมีการพัฒนาฟินเทคในมิติที่แตกต่างกัน ตาม สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป 46


• หนึ่งในพัฒนาการที่เห็นได้ชัด คือ การเกิดขึ้นของบริษัทฟิ นเทคเกิดใหม่ หรือที่เรียกว่า ฟิ นเทคสตาร์ทอัป (FinTech Startups) ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน โดยมีจุดเด่นคือความช านาญในด้าน เทคโนโลยีและลักษณะการด าเนินธุรกิจ (Business Model) รูปแบบใหม่ ซึ่งสามารถปิดช่องว่างที่ เกิดขึ้นส าหรับลูกค้า โดยเน้นการให้บริการเฉพาะด้านและมีความคล่องตัวสูง ส่งผลให้มีบริษัทฟิ นเทคเกิด ขึ้นมาเป็นจ านวนมากทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น ในสหราชอาณาจักรมีบริษัทฟิ นเทคราว 1,600 บริษัท ส่วน ใหญ่เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการช าระเงินและการโอนเงินระหว่างประเทศ (Payments and Remittances) และซอฟต์แวร์ด้านการเงิน (Financial Software) ประเทศสิงคโปร์มี บริษัทฟิ นเทคราว 500 บริษัทที่ส่วนใหญ่เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) การให้กู้เงินแบบทางเลือก (Alternative Lending) และการ ช าระเงิน ในขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีบริษัทฟิ นเทคราว 260 บริษัท เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์การช าระ เงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment) และการให้กู้เงินแบบทางเลือก 47


ความก้าวหน้าของฟินเทคในประเทศไทย • ส าหรับประเทศไทยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ฟิ นเทคเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก โดยมีผู้เล่นจากทั้งในและนอก ประเทศ โดยมีฟิ นเทคสตาร์ทอัปที่เป็นสมาชิกของสมาคมฟิ นเทคประเทศไทยจ านวนเกือบ 70 บริษัท นอกจากนี้ สถาบันการเงินในไทยก็มีความตื่นตัวในการน าฟิ นเทคมาปรับปรุงวิธีการด าเนินงานและรูปแบบธุรกิจของตัวเอง เร่ง เปลี่ยนแปลงและพัฒนาความสามารถ เพื่อให้แข่งขันในยุคดิจิทัลได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงและขยาย กลุ่มลูกค้า เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด รวมทั้งท าให้ประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินสามารถเข้าถึงได้ดียิ่งขึ้น ด้วย 48


• ฟิ นเทคก าลังก้าวเข้ามาเป็นส่วนส าคัญของชีวิตประจ าวันจนแทบจะขาดไม่ได้ หนึ่งในพัฒนาการด้านฟิ นเทคที่เด่นชัด ที่สุดของไทยคือ กำรพัฒนำมำตรฐำน QR Code เพอ ื่กำรชำ ระเงน ิ ที่ช่วยเพิ่มทางเลือกในการช าระเงินผ่าน โทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment) ให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส าหรับร้านค้าขนาดกลางและ ขนาดเล็กสามารถรับช าระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการขยายช่องทางการรับช าระเงิน เพื่ออ านวยความ สะดวกให้ลูกค้า ท าให้ร้านค้ามีต้นทุนต ่าลง 49


เอกสารอ้างอิง • https://www.gsb.or.th/getattachment/eaab8bae-4abb-400f-9f8b-e683fd69de0e/3IN_hotissue_fintech_detail.aspx • https://www.paymentsjournal.com/how-fintech-apps-make-things-easier-for-businesses/ • https://www.stou.ac.th/website/ejodil0.5/filejodil/14_1_592.pdf • https://www.scnsoft.com/blog/hotel-and-restaurant-mobile-payments • http://dv.co.th/blog-th/smart-contract-blockchain/ • https://www.wikiwand.com/en/Wearable_computer • https://www.gsb.or.th/getattachment/eaab8bae-4abb-400f-9f8b-e683fd69de0e/3IN_hotissue_fintech_detail.aspx • https://www.gsb.or.th/getattachment/8d7a5d95-b808-49b4-a871-7f985f1f7d38/2IN_hotissue_Digital_bank_detail.aspx • https://www.jib-ex.com/knowledge-center/posts/what-is-cryptocurrency • https://www.depa.or.th/th/article-view/article-getting-know-cryptocurrency • https://coinmarketcap.com/ • https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/ArticleAndResearch/FAQ/FAQ_124.pdf 50


Click to View FlipBook Version