การอา่ นออกเสียง
การอา่ นรอ้ ยแกว้ : อ่านออกเสยี งข้อความทีไ่ มบ่ ังคับฉันทลักษณ์
อาทิ บทพดู บทสมั ภาษณ์ บทความ ประกาศ ขา่ ว
การอา่ นรอ้ ยกรอง : อ่านคาประพันธท์ ม่ี ีข้อบงั คับดา้ นฉันทลกั ษณ์
เสียงสมั ผสั จงั หวะ การแบง่ วรรค
ได้แก่ โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน รา่ ย
เตรียมตัวอา่ นบทรอ้ ยแก้ว
• ศกึ ษาเนอ้ื หาทอี่ ่านใหเ้ ขา้ ใจ ศึกษาหลกั การอา่ นออกเสียงคายากลว่ งหนา้
• ใชเ้ ครอ่ื งหมายเน้นในบทอา่ น เชน่ / วรรคสนั้ // วรรคยาว _ เนน้ คา
• อ่านออกเสยี งใหด้ ังพอเหมาะ เหมาะสมกับสถานที่และผูฟ้ ัง
• อา่ นให้ถกู ต้องตามอักขระวธิ ี ร ล คาควบกลา้
• อ่านใหเ้ ปน็ เสียงพดู ตามธรรมชาติ ไมด่ ัดเสยี ง มีสมาธิ มคี วามมัน่ ใจ
• เนน้ เสียงและถอ้ ยคาตามเนอ้ื หาหรอื ใจความสาคัญ
• อ่านออกเสยี งให้เหมาะสมกับเรือ่ งและแบ่งวรรคให้เหมาะสม ไม่เพ่มิ คา
• สบสายตาผู้ฟงั เปน็ ระยะอย่างเปน็ ธรรมชาติ
• เม่อื อา่ นในท่ีประชมุ ใหถ้ อื บทอา่ นอย่างเหมาะสมและยนื อยา่ งสงา่
ตวั อย่างการแบง่ วรรคในบทอ่านรอ้ ยแกว้
เบาหวานเปน็ โรคที่เกิดจากความผดิ ปกติของการควบคมุ ระดับนา้ ตาลในเลือด ท้าให้ระดบั นา้ ตาล
ในเลือดสูงเกินกว่าท่คี วรจะเปน็ มสี าเหตมุ าจากการหลง่ั อินซลู ิน (insulin) ซง่ึ เป็นฮอร์โมนที่ควบคมุ
ระดับนา้ ตาลในเลือดไมเ่ พียงพอ เรียกว่ามี ภาวะขาดอินซลู นิ หรือเกิดจากความสามารถในการตอบสนอง
ต่อฤทธิข์ องอินซลู ินลดลง เรียกว่ามี ภาวะดืออินซลู ิน หรือเกิดจากสาเหตทุ งั สองอย่าง คือ
ในบุคคลคนเดียวกนั อาจมที งั ความผดิ ปกติในการหล่ังอินซลู นิ และการตอบสนองต่อฤทธิ์ของอินซูลิน
ลดลง และบอ่ ยครังทีย่ ากจะบอกว่า การขาดอินซูลิน หรือดืออินซูลิน เป็นสาเหตุเริ่มต้นท่ที ้าใหเ้ กิดระดบั
นา้ ตาลในเลือดสูง การทีม่ ีระดบั น้าตาลในเลือดสูงเปน็ เวลานาน ๆ ส่งผลให้อวยั วะและเนือเยื่อทงั หมด
ของร่างกายมคี วามผดิ ปกติในการท้างานเกิดขนึ และท้ายทส่ี ุดทา้ ใหเ้ กิดโรคแทรกซ้อนขึนในอวัยวะต่าง ๆ
ไดแ้ ก่ ตา ไต เส้นประสาทสมอง หวั ใจ หรือเกิดปัญหาทีเ่ ท้า
ใชเ้ คร่ืองหมายเน้นในบทอา่ น เช่น / วรรคสั้น // วรรคยาว ___ เน้นคา
การอา่ นบทร้อยกรอง 2 ลักษณะ
อา่ นออกเสียงธรรมดา อ่านออกเสยี งปกตเิ หมอื นรอ้ ยแก้ว
แตแ่ บง่ เว้นวรรคตามฉนั ทลกั ษณ์บังคบั
ของบทร้อยกรองประเภทตา่ ง ๆ
อา่ นทานองเสนาะ อ่านเป็นทานอง มสี าเนยี งสงู ต่า หนกั เบาเหมือนดนตรี
ให้เหมาะสมกับคาประพนั ธ์ มกี ารเอื้อนเสยี ง
เน้นสมั ผัส ตามลีลาและทานองทตี่ ่างกัน
ในรอ้ ยกรองประเภทต่าง ๆ ตอ้ งศกึ ษาฉนั ทลกั ษณ์
กอ่ นอา่ นออกเสยี งแบบทานองเสนาะ
การอ่านบทร้อยกรอง
“กาหนดวรรคตามลานาทานองเสยี ง
เลา่ ร้อยเรยี งใหถ้ กู คาตามภาษา
ใสอ่ ารมณผ์ สมไปตามลีลา
ระวังอยา่ ตกหลน่ ปะปนไป”
เตรียมตัวก่อนอา่ นทานองเสนาะ
• รู้จกั ลักษณะคาประพันธ์ ฉันทลักษณ์ แบ่งวรรคสัมผสั
• รู้วิธีการอ่านออกเสียง สะกดคา ให้ชดั เจนตามอักขระวิธี มไี หวพริบ ชา่ งสังเกต
• อ่านเสียงดงั ใหพ้ อเหมาะกบั สถานที่ ใหผ้ ู้ฟงั ได้ยนิ ทั่วถงึ มน่ั ใจ กลา้ แสดงออก
• วิเคราะหค์ าประพันธ์ พิจารณาเนื้อหา อารมณข์ องตัวละคร
• ใชล้ ีลา นา้ เสียง เอ้อื นเสยี ง ทอดเสียง หลบเสยี งใหเ้ หมาะสม
• ถ่ายทอดอารมณค์ วามร้สู กึ มีศิลปะในการใช้น้าเสียง แจ่มใส กงั วาน
การอา่ นออกเสยี งทานองเสนาะ
มหาเวสสนั ดรชาดก
กัณฑ์มทั รี
ลกั ษณะคาประพันธ์
เป็นร่ายทไ่ี ม่กาหนดจานวนคาในวรรคหน่ึง ๆ
(แตไ่ มน่ อ้ ยกวา่ 5 คา) ในเรือ่ งการสมั ผัส
คาสดุ ทา้ ยของวรรคหนา้ สมั ผัสกบั คาหนงึ่ คาใด
ในวรรคถดั ไป แต่ไมค่ วรอยูใ่ กลค้ าสุดท้ายของวรรค
เมือ่ จบนิยมลงทา้ ยด้วยคาสร้อยว่าวา่ แลว้ แล
นน้ั แล น้ีเถดิ โนน้ เถดิ ฉะนี้ ฉะนน้ั ฯลฯ เป็นตน้ นยิ มแตง่ เปน็ ร้อยกรองเพื่อใช้สาหรับสวด
อ่านและจารกึ เช่น คาบวงสรวงสดุดี
คาประกาศ เปน็ ตน้
บทอาขยาน
จึ่งตรสั วา่ โอโ้ อ๋เวลาปานฉะนีเ้ อ่ยจะมิดึกดืน่ จวนจะสิน้ คืนคอ่ นร่งุ
ไปเสียแล้วหรือกระไรไมร่ เู้ ลย พระพายราเพยพัดมารี่เรือ่ ยอยู่เฉือ่ ยฉิว
อกแม่นีใ้ ห้ออ่ นหิวสุดละหอ้ ย ท้งั ดาวเดือนกเ็ คลื่อนคลอ้ ยลงลบั ไม้
สุดที่แม่จะติดตามเจา้ ไปในยามนี้ ฝูงลิงคา่ งบ่างชะนีทีน่ อนหลับ (-)
ก็กลิง้ กลบั เกลือกตัวอยยู่ ัว้ เยี้ย ทัง้ นกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทกุ รวงรัง
แตแ่ ม่เที่ยวเซซงั เสาะแสวงทุกแหง่ หอ้ งหิมเวศท่ัวประเทศทกุ ราวป่า
บทอาขยาน
สดุ สายนยั นาทีแ่ ม่จะตามไปเลง็ แล สดุ โสตแลว้ ทีแ่ มจ่ ะซับทราบ
ฟงั สาเนียง สดุ สุรเสียงทีแ่ ม่จะร่าเรียกพิไรรอ้ ง
สุดฝีเทา้ ทีแ่ มจ่ ะเยื้องย่องยกยา่ งลงเหยียบดิน
กส็ ดุ สิ้นสดุ ปัญญาสดุ หาสุดค้นเหน็ สดุ คิด (-)
จะได้พานพบประสบรอยพระลูกนอ้ ยแต่สกั นิดไมม่ ีเลย
จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอย๋
หรือวา่ เจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่นเหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล(~~)
การอา่ นออกเสยี งทานองเสนาะ
มัทนะพาธา
ลักษณะคาประพันธ์ วสนั ตดลิ กฉนั ท์ 14
ัั ั ั ั ัั
ัั ั ั ั ัั
ั ัั
ัั ั ั ั ัั
ัั ั ั
คำครุ พยางค์เสียงหนกั
ถา้ ไมม่ ตี วั สะกด
ประสมดว้ ยสระเสยี งยาวในแม่ ก กา
+ สระอา ไอ ใอ เอา
ถ้ามีตัวสะกด (จะเปน็ ครเุ สมอ)
เป็นพยางค์ที่มตี ัวสะกดมาตราใดกไ็ ด้
เรา ควร จด จา คา เหลา่ น้ี ให้ ข้ึน ใจ
คำลหุ เบาพยางค์เสียง
ไม่มปีตรวัะสสมะดกว้ดยเสสมรอะเสยี งสน้ั ในแม่ ก กา
อะ อิ อึ อุ เอะ แอะ เออะ โอะ
เอาะ เอยี ะ เอือะ อัวะ ฤ ฦ
*สระ อา อนโุ ลมเปน็ ลหไุ ด้ (แตป่ ัจจบุ นั ไม่นิยมใช้เพราะถอื วา่ มีเสยี งตวั สะกด “ม” แฝงอยู่ดว้ ย)
อาจเปน็ แค่พยญั ชนะตวั เดยี วก็ได้
และ วธุ จะ ทะ ลุ มิ ติ เพราะ ฤ ธ น บ่ ก็
5
สรปุ ลกั ษณะคาครุ คาลหุ
ครุ ลหุ
มีตวั สะกด ไม่มีตวั สะกด
หรือสระเสียงยาวใน
สระเสยี งสน้ั
แมก่ กา ในแมก่ กา
อา ไอ ใอ เอา ฤ ธ ณ บ่ ก็
ดูตามแตล่ ะพยางค์ (อา) อนุโลม
บทอาขยาน
ฟงั ถอ้ ยดารสั มะธุระวอน ดนุ (ดะ-นุ) , ดนู
ดนุนีผ้ ิเอออวย ฉนั ข้าพเจา้
จักเปน็ มุสาวะจะนะดว้ ย บ มิตรงกะความจริง
อนั ชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแดห่ ญิง ประดิพัทธ์
หญิงควรจะเปรมกะมะละยิง่ ผิวะจิตตะตอบรัก (-)รักใคร่ ผกู พัน
กมล
ใจ
บทอาขยาน จะเฉลยฉะนั้นจกั (-)
กจ็ ะหลงละเลิงไป
แต่หากฤดี บ อะภิรมย์ บ มิคิดจะปดใคร
เปน็ ปดและลวงบรุ ุษะรัก
วร*เมตตะธรรมา
ตูข้าพระบาทสิสุจริต
จึง่ หวงั และม่งุ มะนะสะใน ฤ ก็ควรจะปรีดา
อันว่าพระองค์กรณุ ะข้อย กรุณาธิคณุ ครัน
อีกควรฉลองวร*มหา
บทอาขยาน
ดงั นี้คะนึง ฤ ก็ระบม อรุ ะแหง่ กระหมอ่ มฉัน
ทีต่ น บ อาจจะอภิวัน- ทะนะตอบพระวาจา
ใหถ้ กู ประดุจสรุ ะประสงค์ ผิวะทรงพระโกรธา
หม่อมฉนั ก็โอนศิระ ณ บา- ทะยคุ ลและกราบกราน