โคลงสีส่ ภุ าพ เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงใด
เสียงนุชพี่ฤาใคร ใครร่ ู้
เสียงสรวลเสียงทรามวัย นุชพี่ มาแม่
เสียงบงั อรสมรผู้ อืน่ นน้ั ฤามี
กาพยย์ านี 11 เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร
สดุ สายใจพี่ตามมา
เสียงสรวลเสียงทรามวัย
ลมชวยรวยกลิ่นนอ้ ง หอมเรื่อยตอ้ งคลองนาสา
เคลือบเคลน้ เหน็ คล้ายมา เหลียวหาเจา้ เปล่าวังเวง ยำม 2 ยำม 3
ยามสองฆอ้ งยามยา่ ทกุ คืนค่ายา่ อกเอง ยำม 4
เสียงปีม่ ีค่ รวญเครง เหมือนเรียมครา่ ร่าครวญนาน
ล่วงสามยามปลายแลว้ จนไกแ่ กว้ แวว่ ขนั ขาน
มอ่ ยหลับกลบั บันดาล ฝันเห็นนอ้ งต้องติดตา
ฆอ้ ง ยำม 1 18.00-21.00 น.
เพรางายวายเสพรส แสนกาสรดอดโอชา
อิม่ ทุกขอ์ ิม่ ชลนา อิม่ โศกาหน้านองชล
เวรามาทนั แลว้ จึงจาแคลว้ แก้วโกมล
ใหแ้ ค้นแสนสดุ ทน ทกุ ขถ์ ึงเจ้าเศรา้ เสียดาย
งามทรงวงดงั่ วาด งามมารยาทนาดกรกราย
งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคาหวานลานใจถวิล
แต่เช้าเทา่ ถึงเย็น กล้ากลืนเขญ็ เป็นอาจิณ
ชายใดในแผน่ ดิน ไม่เหมือนพี่ทีต่ รอมใจ
โคลงสี่สุภาพ เรียมทนทุกข์แต่เช้า ถึงเย็น
มาสสู่ ุขคืนเขญ็ หมน่ ไหม้
ชายใดจากสมรเป็น ทุกข์เท่า เรียมเลย
จากคู่วนั เดียวได้ ทุกขป์ ิม้ ปานปี
รูปแบบ แตล่ ะตอนขึน้ ดว้ ยโคลงสีส่ ุภาพ ตอ่ ด้วยกาพย์ยานี ๑๑
สาระสาคัญ ไม่จากดั จานวน (บทแรกความหมายเหมือนโคลง)
โครงเรื่อง
พรรณนาความงามของกระบวนเรือ ชมธรรมชาติ จบด้วย
การคร่าครวญพรรณนาอารมณ์เศร้าเพราะต้องพรากจากนาง
เช้า – ชมกระบวนเรือ
กลางวนั - ชมปลา ชมไม้
เยน็ – ชมนก
คา่ - ครา่ ครวญอารมณค์ วามรูส้ ึกถึงนางทีร่ กั
การสรรคา ⧫ เลือกคามาใชไ้ ด้อยา่ งไพเราะ เหมาะสม
กบั กษตั ริย์ ใชค้ าราชาศัพท์ คาสมาสแบบสนธิ
ใช้คาไวพจน์ เชน่ สายสมร วนิดา นุช
⧫ เลือกใชค้ าโดยคานึงถึงเสียงสัมผัส
คาพอ้ งรูปพอ้ งเสียง การเลียนเสียงธรรมชาติ การซา้ คา
สรรคาที่มีความหมายเด่นชดั นกบินเฉียงไปทั้งหมู่
เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย”
คาทุกคามีความไพเราะรื่นหู
มีการสมั ผัสแพรวพราวท้ังสมั ผสั ใน
สมั ผัสนอก สัมผสั สระ และสัมผสั อักษร
สานวนทีใ่ ช้กะทัดรดั เขา้ ใจงา่ ย
วางไวใ้ นทีเ่ หมาะสม เชน่
“เรือ่ ยเรือ่ ยมาเรียงเรียง
ตัวเดียวมาพลดั คู่
เล่นคา *พอ้ งรปู พอ้ งเสียงแต่ความหมายต่างกนั
นางนวลนวลน่ารัก ไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน
แก้วพี่นี้สดุ นวล ด่งั หน้าฟา้ หน้าใยยอง
ซา้ คา *ใชค้ าที่ความหมายเหมือนกันในหลายตาแหน่ง
เสียงสรวลระรีน่ ี้ เสียงใด
เสียงนชุ พีฤ่ าใคร ใคร่รู้
เสียงสรวลเสียงทรามวัย นชุ พี่ มาแม่
เสียงบังอรสมรผู้ อื่นนน้ั ฤามี
จินตภาพ ⧫ ดา้ นภาพ (แสง สี)
พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายออ่ นหยบั จบั งามงอน
⧫ ด้านเสียง
- ดเุ หว่าเจ่าจับรอ้ ง สนัน่ กอ้ งซอ้ งเสียงหวาน
⧫ ดา้ นการเคลื่อนไหว
- เรือสิงหว์ ิ่งเผ่นโผน โจนตามคลืน่ ฝืนฝ่าฟอง
ลีลาในคาประพนั ธ์ ⧫ สลั ลาปงั คพิสัย
⧫ เสาวรจนี เพรางายวายเสพรส
แสนกาสรดอดโอชา
ชมดวงพวงนางแย้ม อิม่ ทกุ ข์อิ่มชลนา
บานแสลม้ แยม้ เกสร อิม่ โศกาหน้านองชล
คิดความยามบังอร
แยม้ โอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
โวหารภาพพจน์ “สุวรรณหงส์ทรงพู่หอ้ ย
อปุ มา งามชดช้อยลอยหลังสินธ์ุ
เพียงหงสท์ รงพรหมินทร์
ลินลาศเลือ่ นเตือนตาชม”
พระพรหมทรงหงส์เปน็ พาหนะ มวี รกายเป็นสีแดง มี 4 กร
ถือธารพระกรไม้เท้า ช้อน หมอ้ และคมั ภีร์ มีประคาคล้องพระศอ แต่เดิมน้ันมี 5 เศียร
แต่ละเศียรหันไปยงั ทิศท้ังสี่ เศียรที่หา้ อยู่บนยอด เรียกว่า “พรหมปญั จมขุ ”
โวหารภาพพจน์ ปลานา้ เงิน
อปุ ลักษณ์
“นา้ เงินคือเงินยวง
ขาวพรายชว่ งสีสาอาง
ไมเ่ ทียบเปรียบโฉมนาง
งามเรืองเรื่อเนื้อสองสี”
โวหารภาพพจน์
สทั พจน์ ภาพพจนแ์ สดงการเลียนเสียงธรรมชาติ
“เรือครฑุ ยุดนาคหิว้ ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เหม่ า””
โวหารภาพพจน์
อติพจน์ กลา่ วเกินจริงเพื่อเน้นอารมณ์ความรสู้ ึก
เรียมทนทกุ ข์แต่เชา้ ถึงเยน็
มาสสู่ ขุ คืนเขญ็ หม่นไหม้
ชายใดจากสมรเป็น ทกุ ขเ์ ทา่ เรียมเลย
จากคูว่ นั เดียวได้ ทุกข์ปิม้ ปานปี
โวหารภาพพจน์
นามนัย ใช้คาบอกลกั ษณะยอ่ ยของสิ่งใดสิ่งหนึง่
เพือ่ แทนความหมายสิ่งนั้น
แขกเตา้ เคล้าค่เู คียง เรียงจับไม้ไซ้ปีกหาง
เรียมคะนึงถึงเอวบาง เคยแนบขา้ งรา้ งแรมนาน
เอวบาง สือ่ ความหมายถึง ผูห้ ญิง
๑) สะทอ้ นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม
⧫ การคมนาคมทางน้า
⧫ การดูเวลา เทียบเวลา (ยาม)
๒) สะท้อนขนบธรรมเนียมประเพณีไทย
⧫ ประเพณีการเห่เรือ
⧫ การแตง่ กายและทรงผมสตรีไทย
⧫ การทาเครือ่ งหอมจากดอกไม้
⧫ การรอ้ ยกรองดอกไม้
๓) สะท้อนเรื่องความเชื่อ
⧫ กฎแหง่ กรรม
แทรกความคิดเกีย่ วกับความงามของหญิงไทยไว้
เชน่ คา่ นิยมตอ้ งงามพรอ้ มทัง้ รปู ร่าง หน้าตา
คาพูด และกิริยามารยาท เช่น
“งามทรงวงด่ังวาด
งามมารยาทนาดกรกราย
งามพริ้มยิม้ แยม้ พราย
งามคาหวานลานใจถวิล”