The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาไทย จัดทำโดยคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Methawee Thongkoom, 2020-05-09 07:44:24

หนังสือส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาไทย

หนังสือส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาไทย จัดทำโดยคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ใแบชลรภ้ ระายพษารยารอณธนิบาาย

การอธิบาย การใชภ้ าษาท�าให้บุคคลอน่ื
เกิดความเข้าใจ

๑ วิธีการอธบิ าย

ช้แี จง ๓ ๔
ตามลา� ดบั ขั้นตอน
เปรยี บเทียบ บอกสาเหตุ
๒ ความเหมอื น และผลลัพธ์
และความตา่ งกัน ท่สี ัมพันธก์ นั
ใช้ตัวอยา่ ง

๕๒

ภาษาไทย ๕๓

การบรรยาย การเลา่ เร่อื งและกล่าวถึงเหตุการณ์
ทีต่ ่อเน่ืองกนั ว่าใคร ทา� อะไร ทไ่ี หน อย่างไร
เพื่ออะไร ผลลพั ธท์ ต่ี ามมาคืออะไร

การพรรณนา การแสดงรายละเอยี ดของสง่ิ ใดสิ่งหน่งึ
ไมว่ า่ จะเปน บคุ คล วัตถุ สถานที่
โดยมุ่งให้ผูอ้ า่ นเห็นภาพอย่างแจม่ แจ้ง

ระดบั ภาษา การพูด
ในโอกาสตา งๆ
ภาษากับความคดิ

กาแรลฟะงกากราพรูดดู

การพดู การพดู
ในทปี่ ระชุมชน อภปิ ราย

ภาษากบั ความคดิ

ความสมั พันธ
ระหวา งภาษากับความคิด

การคดิ กระบวนการทาํ งาน
ของจติ ใจมนษุ ย
ขณะทีพ่ ยายามหาคําตอบ
หรือทางออกเก่ยี วกับ
เรือ่ งใดเรื่องหน่งึ

๕๖

ภาษาไทย ๕๗

ความคดิ ผลของกระบวนการคดิ

ภาษา เปน เครอื่ งมอื ของการคดิ
ระเบยี บวธิ กี ารคดิ
และแสดงความคดิ
การแสดงทรรศนะ

ระเบยี บวธิ กี ารคดิ

๑ แยกแยะเพอ่ื ใหเ กิดความเขา ใจ

เชงิ วิเคราะห

๒ รวมเขา ดวยกนั เพ่อื สรางสรรคส ิง่ ใหม

เชงิ สงั เคราะห

๓ ใชด ุลพินิจตัดสนิ คุณคา

เชิงประเมนิ คณุ คา

๕๘

ภาษาไทย ๕๙

การแกป ญหา

๑ สาเหตุ ประเภท
เชงิ วเิ คราะห สภาพแวดลอ มของปญหา
เพ่อื ใหเขาใจ

ทางเลือก วถิ ที างเลือก
๒ วธิ กี ารในการแกป ญ หา
เชิงสังเคราะห เพื่อหาทางแกป ญ หา

๓ ทางเลอื กในการแกป ญหา
เชิงประเมิน วา ทางเลือกใดดที ่สี ดุ
เพ่อื นาํ ไปใช
คณุ คา

การฟง

ความหมาย การรับรูความหมาย
ของการฟง จากเสยี งทไี่ ดย ิน

การฟง การฟงใหไดรับ
ใหส มั ฤทธผิ์ ล ความสาํ เรจ็

๖๐

ภาษาไทย ๖๑

ระดับขั้นของการฟงใหสมั ฤทธิ์ผล

ขน๔้ั ท่ี สารนั้นมีคณุ คาหรือไมอยางไร
ขัน้๓ท่ี นา เชอื่ ถอื หรือไม
ข๒ัน้ ท่ี ความครบถว นแลว หรือไม
ข๑ัน้ ท่ี จดุ ประสงคไ ดแกอะไร

กวาิจราฟรณงใญหเากณดิ การฟงโดยใชป ญญา
ที่สามารถรูหรือใหเหตุผลท่ถี กู ตอ ง

กระบวนการฟง การฟงอยางมีวิจารณญาณ
ใหเ กิด
วเิ คราะห ใครค รวญ วินิจฉยั ประเมนิ คา
วิจารณญาณ ไดย ิน ไดอ าน รบั รู เขา ใจ

๖๒

ภาษาไทย ๖๓

แนวทางการพฒั นาวิจารณญาณ
โดยการฟง สารประเภทตา งๆ
๑.

สารใหความรู สารประเภทใหขอ เท็จจริง
ขอ มูลขาวสารเปนความรู

๑ ๒

พจิ ารณาสารนน้ั ตัง้ ใจฟง
ควรฟง หรอื ไม จบั ประเดน็ สําคญั

๓ ๔ ๕

แยกขอ เท็จจริง บนั ทกึ ประเมนิ คณุ คา
ออกจากขอ คดิ เหน็ ประเดน็ สาํ คญั ประโยชนของสาร



พจิ ารณาภาษา
และกลวธิ นี ําเสนอ

๒.

สารโนมนา วใจ สารประเภทดงึ ดดู ความสนใจ
ใหผูฟง คลอ ยตาม

๑ ๒

สารดงึ ดูดความสนใจ สารสนองความตองการ
ผูฟงเพียงใด ของผฟู งเพียงใด

นา เชอื่ ถือหรือไม

๓ ๔ ๕

ผูพูดเสนอผลประโยชน สารนั้นเราใจผฟู ง ใชภาษาโนม นาวใจ
และสนองความตอ งการ ใหเ ชื่อถือและ เราอารมณอ ยางไร
ตองการใหผ ฟู ง
อยา งไร ปฏบิ ัตอิ ยา งไร

๖๔

ภาษาไทย ๖๕

๓.

สารประเภทยกระดบั จิตใจ สารจรรโลงใจ
ของมนษุ ยใ หส งู ขน้ึ



ต้ังใจฟง
ดวยความสบายใจ

๒ ๓

ทําความเขาใจ พิจารณาสารนน้ั
เน้อื หาสาระสาํ คญั จรรโลงใจดานใด
สมเหตุสมผลหรือไม
ใชจ นิ ตนาการ
ใหตรงตามจุดประสงค

ของสาร



พิจารณาวาใชภ าษา
เหมาะสมกบั รูปแบบ
เนอ้ื หา และผูรบั สาร

หรอื ไม

เปน มนุษยส ุดนิยมเพียงลมปาก จะไดยากโหยหวิ เพราะชิวหา
แมนพูดดมี คี นเขาเมตตา จะพดู จาพเิ คราะหใหเหมาะความ

พระสุนทรโวหาร (ภ)ู

๖๖

ภาษาไทย ๖๗

การพดู มี ๒ ประเภท

๑. การพูดระหวา งบคุ คล

ทกั ทายปราศรยั
การแนะนําตนเอง

การสนทนา

๒. การพดู ในกลุม

การเลาเรอ่ื งราว
การเลาเหตุการณ

การพูดระหวางบุคคล

การทกั ทายปราศรัย การแนะนาํ ตนเอง การสนทนา
การทักทายปราศรยั

หนาตายิม้ แยม เรม่ิ ตน คําวา กิริยาอาการ
แจมใส “สวสั ด”ี เหมาะสม
“สบายดีหรอื คะ” ตามวฒั นธรรม

ไมล วงล้าํ กา วกาย ไมทกั ทาย ไมถ าม
เรอื่ งสว นตัว เร่ืองท่ที าํ ให เร่อื งเกีย่ วกบั
ผอู ่นื ไมส บายใจ
การเงนิ

๖๘

ภาษาไทย ๖๙

การแนะนาํ ตนเอง ขั้นท่ี ๑

การแนะนําตนเอง สนทนาส้นั ๆ
ในทีส่ าธารณะ การปรารภลอยๆ

ข้นั ท่ี ๒

สหี นาทาทาง
แสดงความยินดี

ข้ันท่ี ๓ ข้นั ท่ี ๔

แสดงความเปนมิตร แนะนําตัวเอง
ชวยเหลอื หรือบรกิ าร บอกชอ่ื นามสกุล
และสถาบนั ท่สี ังกดั

นดั ลว งหนา ตรงตอ เวลา การแนะนําตนเอง
แตงกายสภุ าพ ในการทําธรุ กจิ

บอกชอื่ สกลุ
และกจิ ธุระของตน

พูดเร่ือง การสนทนา พูดเรอ่ื ง
ทมี่ ีความรู ท่ีเหมาะสม
และความสนใจ พูดเร่ือง แกกาลเทศะ
รว มกนั ที่เปน ปจ จุบนั ไมคุยโออวด
หรือเปน ขา ว ความสามารถ
ไมพูด ไมป รับทกุ ข ของตน
เร่อื งสวนตวั ไมนินทา
ของตนเอง เรียกรอง วา รา ยผอู น่ื
หรอื ผอู ่ืน ความสนใจ

๗๐

ภาษาไทย ๗๑

การพดู ในกลุม ขนั้ ที่ ๕

การเลาเรือ่ งราว จําเร่อื งได
เรยี งลําดับถกู ตอง
ขัน้ ท่ี ๑ ข้นั ที่ ๓ ขนั้ ที่ ๔
ขั้นที่ ๖
เลา เนอ้ื หาและ น้าํ เสียงชัดเจน ใชกริ ิยาทา ทาง
ประเดน็ สาํ คัญๆ มีทว งทํานอง ประกอบทเ่ี หมาะสม สรุปใหขอคิด
ทิง้ ทา ยใหคิด
ขนั้ ท่ี ๒

ใชภาษาเขาใจงา ย
ประโยคสั้นๆ

การเลา เหตุการณ

ขนั้ ที่ ๑ ขน้ั ที่ ๓

ขนั้ ที่ ๘ แสดงเหตผุ ล ขั้นที่ ๒ กลาวถงึ บคุ คลทสี่ ําคัญ
ในการเลาเหตกุ ารณ ในเหตกุ ารณน น้ั

แสดงขอ คิดเพม่ิ เตมิ ระบุวนั เวลา ขัน้ ที่ ๔
ตามควร สถานทเี่ กิดเหตกุ ารณ

ข้ันที่ ๗ ขน้ั ท่ี ๕ เลาเหตกุ ารณ
ตามลาํ ดับท่ีเกดิ
สหี นา ทา ทาง กิรยิ า ใชถ อ ยคาํ และสํานวน
ประกอบเปนธรรมชาติ ขนั้ ท่ี ๖ ทท่ี าํ ใหเ กดิ จนิ ตนาการ

นา้ํ เสยี งแจม ใส
มีทว งทาํ นองและลลี า

๗๒

การพูดใหส ัมฤทธ์ิผล ภาษาไทย ๗๓

เลือกเร่ืองราวท่เี หมาะสม ขั้นที่ ๑
คํานงึ ถงึ วัย พ้นื ความรู

ประสบการณ

ใหเ กียรติผูฟง ดวยวาจาสภุ าพ
ทวงที ทาทางออนโยน

ขัน้ ที่ ๔ ข้ันที่ ๒

สรา งศรทั ธาดวยผูพดู เปนผูรูจ ริง
ไวใ จได มเี จตนาดี

ข้ันท่ี ๓ ใชภ าษาแจมแจง ชดั เจน
ลําดับความเขาใจงา ย

การพดู ในโอกาสตางๆ

ประเภทของการพูด

แบงตาม แบง ตาม
วธิ ีนาํ เสนอ ความมงุ หมาย

๑ ๑ ๒

การพูด การพูด การพูด
โดยฉบั พลัน เพอ่ื ใหความรู เพือ่ โนมนาวใจ
หรือขอเทจ็ จรงิ



๓ การพดู การพดู ๔
โดยอาศัยตน รา ง เพือ่ จรรโลงใจ
การพดู
โดยทองจาํ ๔ การพูด
เพ่อื คน หาคาํ ตอบ

การพูด
โดยอา นจากรา ง

๗๔

ภาษาไทย ๗๕

แบง ตาม
เนอ้ื หาท่พี ูด

๑ แบง ตาม
โอกาส
การพดู เก่ยี วกับ
นโยบาย ๒ ๑ ๒

๓ การพูดเก่ยี วกบั การพูด การพดู
ขอเท็จจริง อยา งเปนทางการ ก่ึงทางการ

การพูดเก่ียวกับ ๓
คุณคาและ
การพดู
คณุ งามความดี อยางไมเ ปน

แบงตาม ทางการ
รปู แบบ

๑ ๒

การบรรยาย การอภปิ ราย



การโตว าที

หลกั การพูดในที่ประชุมชน

๑ ๒

กําหนดจุดมุงหมาย วิเคราะหผฟู ง



กําหนดขอบเขต

๕ ๖ ๔

ทาํ เคา โครงเรื่อง เตรยี มวธิ ีใชภ าษา รวบรวมเนอ้ื หา



ซักซอ ม

๗๖

ภาษาไทย ๗๗

รวบรวมความคดิ รดู ี รจู รงิ ๒ มีคณุ ธรรม
๓ เขา ใจคน
๖เปน ระบบ ๑
๕ใชว จั นภาษา วัย พน้ื ความรู
คณุ สมบตั ิ
และอวจั นภาษา ผพู ดู ท่ีดี
ใหม ีประสทิ ธภิ าพ


มีเหตุผล
เชือ่ ถือได

ประเมนิ พฤติกรรมการพดู

๑ ผพู ูด

จุดมงุ หมาย ๒

การเตรยี มตัว

๓ ๔

วธิ ีการนาํ เสนอ คุณธรรม



การใชภาษา
วัจนภาษา
อวจั นภาษา

๗๘

ภาษาไทย ๗๙

สาร



เน้ือหา



ปรมิ าณ



การจดั ลําดบั

ผูฟ ง

ปฏกิ ริ ิยา
การตอบสนอง

การพดู อภิปราย
การพดู เพอ่ื แสดงความคดิ เห็นและแลกเปลย่ี นความรู
ทรรศนะเกย่ี วกบั เร่อื งใดเรื่องหนึง่

จุดมุงหมายของการพดู อภปิ ราย

แลกเปล่ยี นความรู ความคิด ๑
และประสบการณก ัน ๒ หาขอ สรปุ ขอเทจ็ จริง

เปนการเผยแพรองคความรู ๓

เปด โอกาสใหบุคคลตา งๆ ๔ ผอู ภปิ รายและผรู วมอภิปราย
ไดแสดงออกเหตุผล เขาใจหลักปฏิบัตติ นรว มกัน

ตามสิทธิมนุษยชนและประชาธปิ ไตย ๕

๘๐

ภาษาไทย ๘๑

ประเภทของการพูดอภปิ ราย ๑

การอภปิ รายในกลมุ

๒ การอภปิ รายในที่ประชุม

- การอภปิ รายเปนคณะ
- การอภิปรายซมิ โพเซยี ม
- การอภปิ รายซกั ถาม

บทบาทหนา ที่
ของผูดาํ เนินการอภปิ ราย

ประสานงานกบั ๑
คณะผูอภปิ รายกอ นลวงหนา

๒ เตรียมศกึ ษาหาความรหู วั ขอ
ท่ีจะอภปิ ราย

เร่ิมตนการอภิปราย ๓
โดยกลาวทักทายผฟู ง

๔ กลา วแนะนาํ
คณะผูอภปิ รายตามลาํ ดับ

กลา วเชญิ คณะผอู ภิปราย ๕
พรอ มท้งั สรปุ ประเดน็ สาํ คัญ

๖ กลาวสรุปสาระสาํ คญั ท้ังหมด

เชิญผูฟงการอภิปรายซักถาม ๗
และแสดงความคดิ เหน็ รว มกนั

๘ สรปุ สาระสําคญั ขอเสนอแนะ
แนวทางการแกป ญหา
แลวกลาวเปด อภปิ ราย

๘๒

ภาษาไทย ๘๓

บทบาทหนาทข่ี องผูอ ภิปราย

๑ เขา ใจเน้อื เร่ืองที่จะพูด
เปนอยางดี

เตรียมสือ่ อุปกรณท ี่ใช ๒
ประกอบการพูดใหพรอม

๓ ประชุมปรกึ ษากบั คณะผอู ภิปราย ๔ อภปิ รายในประเดน็
แบงหัวขอตามความถนดั ไมนอกเรื่อง

รักษาเวลาในการพูด ๕ ใชภาษาพูดท่กี ะทัดรดั ชดั เจน ๖
อยางเครงครัด

๗ รักษามารยาทในการพดู ๘ ผูอภปิ รายเปดโอกาส
ใหผอู ่ืนพดู บา ง

เพม่ิ เตมิ เนือ้ หาบางตอน ๙ ๑๐คารวะผูฟ ง ทักทาย
หากยงั ไมสมบูรณครบถว น
เมอ่ื ผูดําเนนิ การอภปิ ราย
แนะนาํ ตัว

ความคิดเหน็

การแสดงทรรศนะ ทีป่ ระกอบดว ยเหตผุ ล

โครงสราง

ทม่ี าเหตุผล ขอ สนบั สนุน
ขอ เทจ็ จริงหลกั การ
สวนทีเ่ ปนเรอื่ งราว
สาเหตทุ ่ที ําใหเ กิด เพอื่ ประกอบกนั เปน เหตผุ ล
การแสดงทรรศนะ เสริมสนับสนนุ ทีม่ า

ขอ สรปุ ผล

สว นทเ่ี ปน ผลจากทม่ี า
อนั เปน ขอสรุปสุดทา ย
หรือเกิดจากการประเมินคา
ประเภทของทรรศนะ

๘๔

ภาษาไทย ๘๕

ประเภทของทรรศนะ

ขอเทจ็ จริง

เร่ืองที่เกิดข้ึนแลว
เปน ความจริง

คุณคา

มกี ารตัดสินดี ไมดี
มปี ระโยชน

นโยบาย

เสนอแนะวา ควรทาํ
อยางไรในอนาคต

การโนมนา วใจ

มงุ ใหผูรับสารเปลีย่ นความเชอ่ื ทัศนคติ
พฤตกิ รรมตามทผ่ี ูสง สารตอ งการ

๖ ๖ กลวธิ ี ๑
เรา ใหเกิดอารมณ การโนม นา วใจ
อยางแรงกลา แสดงความนาเชื่อถอื
สรางความหรรษา แสดงความหนกั แนน

๕ ๒ของเหตุผล

แสดงทางเลอื กทัง้ ดานดี แสดงใหประจักษถงึ ความรูสึก
และดา นเสยี หรืออารมณร ว มกนั

๔ ๓

๘๖

ภาษาไทย ๘๗

สารโนม นา วใจ คําเชิญชวน บอกจดุ ชี้ประโยชน
ประสงค แกส วนรวม

บอกวธิ ี
ปฏบิ ัติ

รูเทาทัน จบั จุดออน เน้ือหาความดี สาระสน้ั ๆ โฆษณาสนิ คา
ดว ยการ วิเศษของ รับรฉู ับพลัน หรือบริการ
วิเคราะห กลุม เปา หมาย คณุ ภาพสนิ คา แตฉาบฉวย
ปรากฏซา้ํ ๆ หรอื บริการ สว นนํา
สะดุดใจ

โฆษณา
ชวนเชอื่

ตราช่ือ

หนว ยในภาษา

หลักภาษา

การเพ่ิมคาํ

พยางค

หลักการใชภ้ าษาไทย

วลี
สํานวนไทย

การใช
คําราชาศพั ท

ประโยค คํา

ภาษาในการสอ่ื สาร

วจั นภาษา ภาษาทีใ่ ชเ้ สยี งพูด
ในการส่อื สาร
รวมถึงตวั อักษร
ทใี่ ชถ้ ่ายเสียง

0:00/2:56

90

ภาษาไทย 91

ภาษาทีไ่ ม่ใช่ถ้อยค�า
ในการสอ่ื สาร
ไดแ้ ก่ กริ ยิ า ทา่ ทาง
สหี นา้ สายตา อวจั นภาษา
น�้าเสียง สญั ญาณ
สญั ลักษณ์ การสัมผัส
ภาษาวตั ถุ ฯลฯ

เน้อื หำที่สำมำรถเปดแอปพลเิ คชนั ดไู ด้

หน่วยในภาษา

เรื่องราว หน่วยเสียง

ประโยค พยางค์
ก(ลว่มุ ลคี)า� คา�

92

ภาษาไทย 9๓

หน่วยเสียง

หนว่ ยเสยี งสระ หน่วยเสยี งวรรณยกุ ต์

หนว่ ยเสียงพยัญชนะ

หนว่ ยเสยี งสระ หน่วยเสียงสระเด่ียว (สระแท้)

๑ อิ - อี ลิน้ สว่ นหน้า อิ - อี
๑ เอะ - เอ เอะ - เอ
๑ แอะ - แอ แอะ - แอ

อึ - อือ ๒ ลิน้ ส่วนกลาง อึ - อือ
เออะ - เออ ๒ เออะ - เออ
อะ - อา
อะ - อา ๒

9๔

ภาษาไทย 95

๓ อุ - อู ลิน้ สว่ นหลงั อุ - อู
๓ โอะ - โอ โอะ - โอ
๓ เอาะ - ออ เอาะ - ออ

สระเลือ่ น (สระประสม) /ia/
/ a/
อี อา เอยี /เอยี ะ/ /ua /
อือ อา เอือ/เอือะ/

อู อา อัว/อวั ะ/

หน่วยเสยี งพยญั ชนะ (เสยี งแปร)

พยัญชนะเดย่ี ว (๒๑ เสียง)

/kก/ /kคh/ /ง/ /cจ/ /cชh/

//ซs// //dด// //ตt // //tทh//

//nน// //บb// //pป/ //pพh// //ฟf//

//mม// //ยj // //รr// //ลl //

//wว// //อ// //hฮ//

96

ภาษาไทย 9๗

หน่วยเสียงพยญั ชนะประสม (๑๑ เสียง)

//ปpฺรr// //ปpลฺl // //ตtrรฺ // //กkฺรr// //กkลฺl //
//kกwวฺ // //kคhลฺ l// //kคhรฺ r// //kคhฺวw//

//pพhฺรr// //pพhลฺ l//

ปจจบุ ันมคี า� ยืมจากภาษาอังกฤษ

ท�าใหม้ กี ารออกเสยี งพยญั ชนะควบกลา�้ เพิ่มขึ้น

//บbฺรr// //บbฺลl// //ดdฺรr// //tทhรฺ r//
//ฟflฺล// //ฟfrรฺ // //ซsตtlลฺ //

หน่วยเสียงตัวสะกด บปพภฟ
จฑดฒตชถซทศธ ษฎ สฏ
เสียงตวั สะกด ๙ เสียง
กขคฆ
ป /p/ ม
ต /t /
นณญรลฬ
ก /k / ง
ม /m/ ย
น /n/ ว
ง //
ย /j / พยางค์ทปี่ ระสมสระเสียงสน้ั ไมม่ ีตวั สะกด
ว /w/
อ //

9๘

พยางค์ มคี วามหมาย ภาษาไทย 99
ไมม่ ีความหมาย
กล่มุ เสียงท่เี ปลง่ พยางค์ / คำ�
ออกมาครง้ั หน่ึง พยางค์

ลกั ษณะพยางค์ พยางคเ์ ปิด

พยางค์ทไี่ มม่ ีตวั สะกด
เชน่ ปา เสยี

พยางคป์ ิด

พยางค์ที่มตี ัวสะกด
เชน่ ปาก เสยี ง

ส่วนประกอบของพยางค์

ประสม ๓ ส่วน พยัญชนะ + สระ + วรรณยกุ ต์
เชน่ กา สู

ประสม ๔ สว่ น พยัญชนะ + สระ + วรรณยกุ ต์ + ตัวสะกด
เช่น การ สรู

ประสม ๔ สว่ นพิเศษ พยญั ชนะ + สระ + วรรณยกุ ต์ + การนั ต์
เช่น การ์ สูร์

ประสม ๕ ส่วน พยัญชนะ + สระ + วรรณยกุ ต์ + ตัวสะกด + การนั ต์
เช่น การณ์ สรู ย์

100

ความหมายของคา� ภาษาไทย 101

ค�า เทยี บเคยี ง
คา� อนื่
ค�าประกอบดว้ ยเสียง
และความหมาย เหมอื นกนั
ความหมายของค�า
บุปผา ผกา มาลี

เฉพาะ คลา้ ยกัน / ร่วมกัน

ตรงตามตัว ตัด - ห่ัน - ผา่

เสือ = สตั ว์ ตรงข้ามกัน
ดาว = ดวงดาว
สุจมรืดติ --สทวจุา่ รงิต
นัยประหวดั / อปุ มา
ครอบคลุมค�าอน่ื
เสือ = ดุ
ดาว = เดน่ ญาติ = พ่ี ปา น้า อา


Click to View FlipBook Version