1 TINU : 1 RETSEMES วฒั นธรรมกับภาษา LOOHCS MAHTAPU GNARUSMOHC
ท 3 2 1 0 1 ภ า ษ า ไ ท ย 3 ชั น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ป ที 5
ครูเมธาวี ทองคุ้ม
ครูวรรณวิสา สมัยมาก
อิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศ
ภาษามาตรฐานและภาษาถิน
ส า ร บั ญ
ภาษากับวัฒนธรรม
ความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรม 01
ความหมายและลักษณะของวัฒนธรรม 02 อิทธิพลของภาษาต่างประเทศ
ภาษาเปนส่วนหนึงของวัฒนธรรม 03 การเปลียนแปลงของภาษา 10
13
ค่านิยมกับวัฒนธรรม 04 อิทธิพลของภาษาและวัฒนธรรม
การใช้ภาษาในบรบิ ทของวัฒนธรรม 05 ต่างประเทศ 16
17
วัฒนธรรมทางภาษา 08 ภาษามาตรฐานและภาษาถิน 19
23
ภาษามาตรฐานและภาษาถิน 24
ภาษาถิน
ข้อแตกต่างของภาษาถินในภาษาไทย
ความสาํ คัญของภาษาถิน
ประโยชน์ของการศึกษาภาษาไทยถิน
ค ว า ม สั ม พั น ธ์
ร ะ ห ว่ า ง ภ า ษ า
แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม
ภาษามคี วามสมั พนั ธ์
กับวฒั นธรรมอยา่ งใกล้
ชดิ จนแทบจะแยกออก
จากกันไมไ่ ด้
ในการใชภ้ าษาผใู้ ชภ้ าษา
จงึ ต้องคํานงึ ถึงวฒั นธรรมดว้ ย
เนอื งจากวฒั นธรรมกับภาษา
มคี วามสมั พนั ธก์ ันตังแต่
ในเรอื งของค่านยิ ม
ความเชอื และโลกทัศนไ์ ทย
ตลอดจนการใชภ้ าษาไทย
ในบรบิ ทวฒั นธรรม
หนา้ | 1
"วฒั นธรรม
อยูใ่ นมติ ิเดียวกับภาษา
เพราะภาษาก็เปนสงิ ทีมนษุ ย์
สรา้ งขนึ และเปนแบบแผน
ทีทกุ คนในสงั คมรบั รรู้ ว่ มกัน
เชน่ เดยี วกับวฒั นธรรม
ดา้ นอืน ๆ"
ความหมายของ คําจาํ กัดความวา่ วฒั นธรรม "กลว่าวฒั โดยนสรปุ ธรรม"
วฒั นธรรม ทีเก่าแก่ทีสดุ และเปนทียอมรบั กัน หมายถึง
มากทีสดุ คือ คําจาํ กัดความ
ของนกั มานษุ ยวทิ ยาชาวอังกฤษ
พจนานกุ รรมฉบบั ชปผศอืรีลละธรทกวราอมรยบมทเดลีซกว้อบั ฎยรซห์ อ้ควมา่นวาาข“ยวมอฒั ขรงูน้ สนคมงิธวธตารมรร่ารงมเชมๆอืคเนือซศยี งึ ิลมปะขสทอรกุ า้งสงกงิ ขาทนึ รกุ ปเปอรยนะพา่แงฤบทตบีมิแนผุษนย์
ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ประเพณี ความสามารถ ปฏิบตั ิในสงั คมและ
ใหค้ วามหมายของคําวา่ วฒั นธรรม
ไวว้ า่ “สงิ ทีทําความเจรญิ งอกงาม
ให้แก่หมูคณะ เชน่ วฒั นธรรมไทย และพฤติกรรมทีกระทํา ถ่ายทอดทางสงั คม
หรอื อาจตีความวา่
วฒั นธรรมในการแต่งกาย จนเปนนสิ ยั ซงึ มนษุ ยไ์ ดม้ า วฒั นธรรมเปนความรู้
เกียวกับทกุ สงิ ทีจาํ ทําให้
วถิ ีชวี ติ ของหมูค่ ณะ เชน่ ในฐานะทีเปนสมาชกิ คนหนงึ มนุษยอ์ ยูใ่ นสงั คมได้
อยา่ งเปนทียอมรบั
วฒั นธรรมพนื บา้ น ของสงั คม” ของคนอืนๆ ในสงั คม
วฒั นธรรมชาวนา” สงิ ทีไมจ่ ดั เปนวฒั นธรรม คือ
สงิ ต่าง ๆ ทีมอี ยูเ่ ดมิ ในธรรมชาติ
เกิดขนึ ไดเ้ องในธรรมชาติ
เชน่ นาํ ตก ภเู ขา ลําธาร ทะเล
หนา้ | 2
ภาษาเปนสว่ นหนงึ
ของวฒั นธรรม
เปนทยี อมรบั กันทวั ไปวา่ ภาษาเปนสว่ นหนึงของวฒั นธรรม
คณุ สมบตั ิใดก็ตามทวี ฒั นธรรมมี ภาษาก็มดี ้วย
วฒั นธรรมเปนสมบตั ิของมนุษยเ์ ทา่ นัน สตั วไ์ มม่ วี ฒั นธรรม
เชน่ เดียวกับภาษาเปนสมบตั ิเฉพาะมนุษย์ สตั วไ์ มม่ ภี าษา
วฒั นธรรมเปนสงิ ทมี แี บบแผน ประการสุดท้าย
ภาษาก็เปนสงิ ทมี รี ะบบและแบบแผน วัฒนธรรมเปนสิงที
ทังวฒั นธรรมและภาษาต่างสบื ทอดจากคนรุน่ อายุหนึง เปลียนแปลงอยู่เสมอ
ไปยงั อีกรุน่ อายุหนึง
นอกจากนันวฒั นธรรมและภาษาต้องถ่ายทอด ภาษาก็เช่นกัน
ด้วยการเรยี นการสอน ไมใ่ ชม่ าจากสญั ชาตญาณ เปลียนแปลงอยู่ตลอดเวลา
กล่าวคือมนุษยต์ ้องเรยี นรูว้ ฒั นธรรมและภาษา
โดยเรยี นรูจ้ ากผูอ้ ืน ไมใ่ ชเ่ หมอื นกับสตั วท์ รี ูไ้ ด้เองตังแต่เกิด เมือมีการเปลียนแปลงก็มัก
เนืองจากมสี ญั ชาตญาณ เปลียนแปลงคู่กันไป
ภาษาเปน
วัฒนธรรม
ทสี ําคัญทสี ุด
ของมนุษย์
เพราะเปนสงิ ทที าํ ให้
มนุษยส์ ามารถคิด
และเปนพนื ฐานให้มนุษย์
สามารถเรยี นรูว้ ฒั นธรรม
ด้านอืน ๆ ได้
นอกจากนันภาษา
เปนสงิ ทที าํ ให้มนุษย์
สามารถสะสม สบื ทอด
และสงั สอนวฒั นธรรม
ด้านต่าง ๆ ให้ชนรุน่ หลังได้
หนา้ | 3
ค่านิยม (value)
หมายถึง สิงทีคนในสังคมให้คุณค่า
และใชเ้ ปนเกณฑ์สาํ หรบั เลือก
ทีจะประพฤติปฏิบัติหรอื ไม่ประพฤติปฏิบัติ
และใชเ้ ปนเกณฑ์ตัดสินวา่ สิงใดดีไม่ดี
ค่านิยมเปนสิงทีแฝงอยู่ภายในสมองของมนุษย์
เปนนามธรรม ไม่สามารถมองเห็นได้
แต่สามารถตีความได้จากพฤติกรรมทีมนุษย์แสดงออกมา
ค่ า นิ ย ม กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม
ค่านิยมอาจเกิดขึนจากปจจัยต่าง ๆ ค่านิยมมีอิทธิพลต่อการใช้ภาษาไทย
เชน่ เกิดขึนจากความเชอื ทางศาสนา เช่น ค่านิยมการให้ความสาํ คัญกับระบบ
หรอื ความเชอื ทีฝงแน่นอยู่ในวฒั นธรรม อาวุโส ภาษาไทยมีคําทีแสดง
เปนเวลานาน เชน่ สังคมไทยให้คุณค่า ความสาํ คัญของอายุ ดังจะเห็นได้จาก
แก่การเคารพผู้ใหญ่ เหน็ วา่ การเคารพผู้ใหญ่ คําเรยี กญาติทีแสดงอายุต่างกัน เช่น พี น้อง
เปนสิงทีดี เปนค่านิยมทีคนไทยยึดถือปฏิบัติ ลุง อา ปา น้า เปนต้น รวมทังการเรยี ก
กันมาชา้ นาน สังเกตได้จากพฤติกรรม คําเหล่านีกับคนแปลกหน้าทีมีอายุมากกว่า
การแสดงความนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ หรอื น้อยกว่าตนเองเมือติดต่อสือสาร
การใชค้ ําเรยี กขานผู้ใหญ่กับผู้น้อยต่างกัน ในสังคม
รวมถึงการเลือกหวั หน้าหน่วยงานตามอาวุโส
หนา้ | 4
การใช้ บรบิ ทวฒั นรรมการใชภ้ าษา
ภาษาไทย
มคี วามสาํ คัญมากในการอธบิ ายวา่
ในบรบิ ท เพราะเหตใุ ดคนไทยจึงใชภ้ าษา
วฒั นธรรม ในลักษณะทเี ปนอยูน่ ี
เรอื งการใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสมกับ
หนา้ | 5 สถานการณ์ต่าง ๆ การเลือกใชภ้ าษา
ตามระดับภาษากาลเทศะ บุคคล
ล้วนแต่เปนไปตามวฒั นธรรมไทย เชน่
ผนู้ ้อยต้องใชภ้ าษาทแี สดงความเคารพ
ต่อผใู้ หญ่ การเลือกใชส้ รรพนาม
กับผทู้ พี ดู การเลือกใชค้ ําเรยี กขาน
และการใชค้ ําราชาศพั ท์
การใชภ้ าษาเหล่านี
ล้วนต้องคํานึงถึงวฒั นธรรม
การใชภ้ าษาเสมอ
1. การใชภ้ าษา
ใหเ้ หมาะสม
กับสถานภาพ
การใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสมกับสถานภาพของตน
หมายถึง การใชภ้ าษาตามภมู หิ ลัง ลักษณะ
หรอื สถานภาพทางสงั คมของตนเอง
ด้วยเหตทุ สี งั คมมหี มคู่ นหลายหลาย สมาชกิ ในสงั คมจึง
แบง่ แยกออกเปนกล่มุ ยอ่ ย ๆ จํานวนมาก
สงั คมมกั คาดหวงั ให้กล่มุ ยอ่ ยนันมพี ฤติกรรมเหมาะสม
กับกล่มุ ของตน รวมทงั การใชภ้ าษาด้วย
หากผใู้ ดใชไ้ มเ่ หมาะสมกับสถานภาพของตน
สงั คมก็จะตําหนิวา่ ใชภ้ าษาไมเ่ หมาะสม
เชน่ ผใู้ หญท่ พี ดู แบบเด็ก ผชู้ ายทพี ดู แบบผหู้ ญงิ
ผทู้ มี กี ารศกึ ษาพดู แบบไมม่ กี ารศกึ ษา เปนต้น
ภาษานันอาจแตกต่างกันตามลักษณะหรอื
คุณสมบัติต่าง ๆ ของตัวผู้พูด เช่น วัย อาชีพ
ระดับการศึกษา ชาติพันธุ์ และท้องถิน
ตัวอย่างภาษาย่อย เช่น ภาษาคนต่างวัย
เกิดจากการทีคนทีมีอายุต่างกันใช้ภาษาต่างกัน
ถ้าใช้ผิดวัยก็จะว่าได้ว่าไม่เหมาะสม
ภาษาเด็กของไทย
เช่น เด็กเล็ก ๆ ออกเสียง หนังสือ ว่า หนังจือ
ออกเสียงว่า เรว็ ว่า เย็ว
ภาษาวัยรุน่
เช่น การใช้คําสแลง คําทับศัพท์ คําสรา้ งใหม่
สรา้ งคําทีมีความหมายใหม่ เช่น ลําไย นก เท
ภาษาผู้สูงอายุ
เช่น ใช้คําว่า หัวตะพาน (หัวสะพาน)
โรงหมอ (โรงพยาบาล)
ซึงหากผู้สูงอายุใช้ภาษาวัยรุน่ หรอื วัยผู้ใหญ่ใช้ภาษาวัยรุน่
ในสถานการณ์ทีเปนทางการก็จะถือว่าใช้ภาษาไม่เหมาะสมกับวัย
ไม่เหมาะสมกับสถานภาพของตน
หนา้ | 6
2. การใชภ้ าษา
ใหส้ ภุ าพ
การใชภ้ าษาในบรบิ ทวฒั นธรรม
นอกจากต้องรูจ้ ักการใชภ้ าษาให้เหมาะสมกับ
สถานภาพของตนและรูจ้ ักใชภ้ าษาให้เหมาะสม
กับกาลเทศะและผฟู้ ง ยงั ต้องคํานึงถึงการเลือก
ใชภ้ าษาใหส้ ภุ าพด้วย
คําว่า สุภาพ
มีความหมายตามพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ว่า
เรยี บรอ้ ย อ่อนโยน ละมุนละม่อม
ดังนันความสุภาพในภาษาอาจกล่าวได้ว่า
เปนการใช้ภาษาทีคํานึงถึงผู้ฟง
รกั ษาหน้าผู้ฟงหรอื ทาํ ให้ผู้ฟงรูส้ ึกดี
ปจจัยสาํ คัญทีควรตระหนัก
ในการเลือกใช้ภาษา ได้แก่
การหลีกเลียงคําต้องห้าม
การคํานึงถึงหน้าผู้ฟง
การใช้ภาษาตามธรรมเนียม
ปฏิบัติในสังคม
หนา้ | 6
... การหลีกเลียงคําต้องห้าม การหลีกเลียงคําต้องห้าม
คําหยาบหรอื คําด่า
วัฒนธรรมของคนไทยถือว่าคําเกียวกับเรอื งเพศ ทาํ ได้โดยการเลือกใช้คํา
กิจกรรมทางเพศและการขับถ่ายเปนสิงที
ไม่เหมาะสมและจัดเปนคําต้องห้ามระดับรุนแรง ทีฟงดูดีหรอื "คํารนื หู"
จึงมีการนําไปใช้เปนคําด่า คําผรุสวาท
ถ้าใช้ในการสือสารก็จะทาํ ให้เกิดความไม่สุภาพ เพือเรยี กแทนคําต้องห้าม
ในภาษา ต้องหลีกเลียงการใช้ภาษาลักษณะดังกล่าว ใช้ คํารนื หู ทาํ ให้ภาษามี
ความสุภาพ เช่น กระบือ
... การคํานึงถึงหน้าผู้ฟง โค มูล สุกร สามี ภรรยา
คําว่า “หน้า” ในทีนีหมายถึงหน้าตาในสังคม
ภาพลักษณ์ทีต้องรกั ษาไว้ โดยมนุษย์ทุกคนมีสองหน้า
คือ หน้าทางบวกและหน้าทางลบ
หน้าทางบวก คือการชืนชอบทีจะให้ผู้อืนพูดชมตนเอง
หน้าทางลบ คือการไม่ต้องการให้คนอืนรบกวน
ความเปนส่วนตัว
ดังนันในการใช้ภาษาสุภาพผู้พูดต้องพึงระวัง
ไม่ใช้ภาษาทาํ รา้ ยหน้าทังสองแบบนีของผู้ฟง
...การรกั ษาหน้าทางบวก การใช้ภาษา
ผู้พูดต้องพยายามรกั ษา ตามธรรมเนียมปฏิบัติในสังคม
หน้าของผู้ฟงโดยใช้ภาษา
ทีทาํ ให้ผู้ฟงสบายใจ ผู้พูดต้องคํานึงถึงธรรมเนียมปฏิบัติในสังคม
และรูส้ ึกดียกย่องผู้ฟง
หมายถึง สิงทีคนในสังคมปฏิบัติจนเปนนิสัย
การรกั ษาหน้าทางลบ เปนความเคยชิน ถ้าใครไม่ปฏิบัติจะถือว่าไม่สุภาพ
แต่คนไทยบางคนอาจมองข้าม หรอื บางคนอาจ
ต้องเลือกใช้คําพูด
ทีไม่เปนการก้าวก่าย ไม่ได้รบั การสังสอนจึงทาํ ให้ใช้ไม่ถูกต้อง
เรอื งส่วนตัวหรอื รุกลาสิทธิ ดังนันการเลือกใช้ภาษาตามธรรมเนียมนีต้องคํานึง
ของผู้ฟง ไม่ล้อเลียนรูปรา่ ง ถึงปจจัยอืน ๆ ทีได้กล่าวไว้ข้างต้นประกอบด้วย เช่น
ลักษณะต่าง ๆ ของผู้ฟง การกล่าวขอบคุณผู้ทีมีอายุมากกว่าจะใช้คําว่า
“ขอบพระคุณ” ส่วนกล่าวขอบคุณผู้ทีมีอายุน้อยกว่า
สามารถใช้คําว่า “ขอบใจ” แทนได้
หนา้ | 7
วฒั นธรรมทางภาษา
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ภ า ษ า กั บ วั ฒ น ธ ร ม ไ ท ย
ในลักษณะของภาษาไทย 3. ภาษาไทยมีลักษณนาม
ปรากฏสิงทีเปนลักษณะเฉพาะตัว คือคําทีบอกถึงหน่วยทีใช้เรียกคน
ทีแสดงถึงวัฒนธรรมทางภาษา ดังนี สัตว์ สิงของในชีวิตประจําวันเมือต้องบอกให้ทราบ
จํานวน เช่น ขลุ่ย 1 เลา มีด 2 เล่ม ฯลฯ ซึงมีรูปแบบ
1. ภาษาไทยเปนสิงทีแสดง การใช้ทีแตกต่างหลากหลายจึงควรให้ความสาํ คัญ
ถึงความเปนชาติ และเลือกใช้ให้ถูกต้อง
เนืองจากมีภาษาและอักษรเปนของตนเอง 4. ภาษาไทยนิยมใช้ถ้อยคําสัมผัส
ถึงแม้ว่าจะได้รับอิทธิพลจากภาษาอืนเข้ามา คําคล้องจอง
เราจึงควรภูมิใจในภาษาและรักษาเอกลักษณ์
การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องตามหลักภาษา ทาํ ให้เกิดสาํ นวนต่าง ๆ และเปนวัฒนธรรมทางภาษา
ร่ว ม อ นุ รัก ษ์ ใ ห้ ค ง อ ยู่ สื บ ไ ป สืบทอดมา สิงทีปรากฏเปนเอกลักษณ์ประการหนึง
คือคนไทยเปนคนเจ้าบทเจ้ากลอน นิยมใช้คําทีมี
2. ภาษาไทยมีระดับการใช้ภาษาในสังคม เสียงไพเราะ มีเสียงสัมผัส คําคล้องจอง ปรากฏใช้
ตังแต่สมัยสุโขทัย เช่น ในนามีปลา ในนามีข้าว
ด้วยความทีสังคมไทยมีลักษณะของระบบอุปถัมภ์
มีการนับถือและให้ความเคารพผู้อาวุโส
รวมทังยังมีการเทิดทูนสถาบันและศาสนา
ทาํ ให้มีระดับของภาษาทีใช้กับบุคคลแสดงถึง
การลดหลันชนชันของคนในสังคม เช่น
การใช้คําราชาศัพท์
หนา้ | 8
5. ภาษาไทยมีภาษากลางทีเปนภาษามาตรฐาน
เพือใช้ในการติดต่อสือสาร
ภาษามาตรฐานหรือภาษาไทยกลางคือภาษาไทยถิน
กรุงเทพฯ ทีได้รับการยอมรับ เนืองจากถือว่าใช้
ในเมืองหลวง เปนภาษาทีใช้ในการติดต่อราชการ
ใช้สาํ หรับการศึกษา คนทุกท้องถินต้องศึกษา
และเรียนรู้นอกจากภาษาถินของตนเอง
6. ภาษาไทยมี ภาษาถิน ทีใช้ในการสือสาร
แต่ละท้องถิน
ภาษาถินในประเทศไทยสามารถแบ่งเปนภาษาถินใหญ่ ๆ
ได้ 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาถินกลาง ภาษาถินเหนือ
ภาษาถินอีสาน และภาษาถินใต้ หากมีถินทีอยู่ใกล้กันภาษา
ย่อมคล้ายกัน แต่ยิงห่างไกลกันภาษาก็จะแตกต่างกัน
มากยิงขึน โดยส่วนมากจะแตกต่างกันในระบบเสียง
พยัญชนะและระบบสระ รวมทังมีความแตกต่าง
ในเรืองของสาํ เนียง และคําทีใช้ในภาษาถินบางคํา
7. ภาษาไทยมีคําใช้เกียวกับศัพท์วิชาการต่าง ๆ
เพือการศึกษาและถ่ายทอดความรู้
เมอื ความการพฒั นาทางการศกึ ษาในภาษาไทยเจรญิ มากขึน
สง่ ผลให้ชาวไทยมกี ารติดต่อกับชาวต่างชาติมากขนึ
มคี วามเจรญิ ทางเทคโนโลยมี ากขนึ ได้รบั เครอื งมอื ต่าง ๆ
เขา้ มาใชแ้ ละรบั ความรูท้ างวชิ าการในศาสตรแ์ ขนงต่าง ๆ
เขา้ มาในประเทศสง่ ผลให้ในภาษามถี ้อยคําทใี ชใ้ นการศกึ ษา
และถ่ายทอดความรู้ ศลิ ปะวทิ ยาการแขนงต่าง ๆ เชน่
กีฬา การแพทย์ ดนตรี ศลิ ปกรรม และเทคโนโลยวี ทิ ยาการ
คอมพวิ เตอร์ เปนต้น ทงั จากทเี ปนคําทบั ศพั ทแ์ ละคําศัพท์
บญั ญตั ิ (ตังขนึ ใหม)่
ด้านกีฬา เชน่ โค้ช ทมี เซต แสตนด์ วอรม์
ด้านการแพทย์ เชน่ วสิ ญั ญแี พทย์ เอกซเรย ์
อายุรกรรม สตู ินรเี วช
ด้านศลิ ปกรรม เชน่ บราลี กระจัง ชอ่ ฟา
ใบระกา ลงรกั ปดทอง ลายรดนา
หนา้ | 9
8. ภาษาไทยมีการยืมคําจากภาษาต่างประเทศ
เข้ามาใช้และได้รบั อิทธิพลจากภาษา
ต่างประเทศ
สาเหตุทีทาํ ให้ภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนใน
ภาษาไทยนันเกิดมาจากอิทธิพลด้านต่าง ๆ เช่น
ทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การค้าพาณิชย์
ศาสนา การศึกษา ความเจริญทางเทคโนโลยี
ธุรกิจและความสัมพันธ์ส่วนบุคคล เปนต้น
ทาํ ให้ภาษาทีเปนส่วนหนึงของวัฒนธรรมได้รับ
การถ่ายทอดสืบต่อกันมา ส่งผลให้ในภาษาไทย
มีภาษาต่างประเทศปะปนอยู่เปนจํานวนมาก
เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาบาลี สันสกฤต
ภาษาเขมร ภาษาชวามลายู ภาษาฝรงั เศส
ภาษามอญ ภาษาญีปุน เปนต้น
เมือเรารับวัฒนธรรมจากต่างประเทศ
ก็เปนเหตุให้ต้องคํายืมจากภาษาต่างประเทศ
เข้ามาเช่นกัน ดังนันในภาษาไทยจึงมีภาษา
มากพอทีจะสือสารกันได้ และเมือคนไทยรับมา
แล้วก็เกิดการเปลียนแปลงกลายเสียงจนไม่เหลือ
เค้าคําเดิม เช่น
ภาษาจีน ออกเสียง เตียะหลิว
ภาษาไทยออกเสียง ตะหลิว
ภาษาชวา-มลายู ออกเสียง เปอะเนียต
ภาษาไทยออกเสียง เพนียด
อ่านต่อในหัวข้อ "อิทธิพลจากภาษาต่างประเทศ"
หนา้ | 9
การเปลียนแปลงของภาษา
การเปลียนแปลงของภาษา การเปลียนแปลงของภาษาทีเกิดตาม
เกิดขนึ จากสาเหตตุ ่าง ๆ กัน ธรรมชาติของภาษา
แบง่ ออกเปน 2 ประเภทได้แก่
เปนการเปลียนแปลงทีเกิดตามกาลเวลา ภาษาทุกภาษา
การเปลียนแปลงตามธรรมชาติ เปลียนแปลงอย่างค่อยเปนค่อยไปเสมอจนแทบสังเกต
ของภาษาและการเปลียนแปลง ไม่เห็นในขณะทีกําลังเปลียนแปลงแต่จะเห็น
ทเี กิดจากสาเหตภุ ายนอก เมือการเปลียนแปลงสินสุดลง การเปลียนแปลงเช่นนี
ไม่สามารถอธิบายในแง่ของปจจัยทีทาํ ให้เกิดการ
หนา้ | 10 เปลียนแปลงได้
การเปลียนแปลงของภาษาทีเกิดจากสาเหตุ
ภายนอก
เปนกระบวนการทีเกิดขึนรวดเรว็ กว่าประเภทแรก
และสามารถสังเกตได้ง่ายกว่า โดยเกิดจากสาเหตุ
หลายประการ เช่น การอพยพย้ายถิน การติดต่อค้าขาย
การแต่งงานกับคนต่างชาติ การเปนอาณานิคม
และอิทธิพลของโลกตะวันตกหรอื โลกตะวันออก
หรอื กระแสโลกาภิวัตน์
การอพยพย้ายถิน กระแสโลกาภิวัตน์
เนืองจากสงคราม โลกระบาด ความ ประการสุดท้ายการเปลียนแปลงของภาษา
อดอยากแรน้ แค้น ภาวะข้าวยากหมากแพง
ภาวะเหล่านีทาํ ให้กลุ่มชนย้ายจากทีหนึงไป ในสังคมอาจเปนผลเนืองมาจากการได้รบั
ยังอีกทีหนึงและนําภาษาติดตัวไปด้วย อิทธิพลของโลกตะวันตก
ในทางกลับกันก็จะได้รบั อิทธิพลของภาษา หรอื กระแสโลกาภิวัตน์
ถินใหม่ด้วย การเปลียนแปลงของภาษาเกิด
ขึนเนืองจากการยืมภาษาซึงกันและกัน ซึงก่อให้เกิดการเปลียนแปลงทางสังคม
ระหว่าง เศรษฐกิจ และการเมืองในสังคมนัน
ผู้ทีย้ายเข้ามาและผู้ทีอยู่อาศัยเดิม เมือสังคมเกิดการเปลียนแปลง ระบบต่าง ๆ เช่น
ระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจ รวมทัง
การติดต่อค้าขาย วัฒนธรรมและภาษาก็เกิดการเปลียนแปลง
หรอื ขยายตัวตามการเปลียนแปลงดังกล่าว
การติดต่อค้าขายและการแต่งงาน ทาํ ให้เกิดภาษาใหม่ หรอื เกิดการยืมคําในภาษา
กับคนต่างชาติเปนอีกปจจัยหนึง จากภาษาต่างประเทศเข้ามาใช้มากขึน
ทีทาํ ให้เกิดการเปลียนแปลงของภาษา
โดยส่วนมากจะเกิดในบรเิ วณทีชุมชน ตัวอย่าง
ต่างภาษาอยู่ใกล้ชิดกันและมีการไปมา ก่อนทีจะมีการเปลียนแปลงการปกครองเปน
หาสู่กันอย่างสมาเสมอ ระบอบประชาธิไตย
คนไทยทีได้รบั การศึกษาจากตะวันตกเรยี ก
การเปนอาณานิคม การปกครองระบอบทีใช้รฐั ธรรมนูญ ว่า
“คอนสติติวชัน” (Constitution)
ปจจัยสาํ คัญอีกประการคือการตกเปน และเรยี กรฐั สภาว่า
อาณานิคมของโลกตะวันตกซึงมีผลกระทบ “ปาลิเมนต์” (Parliament)
โดยตรงต่อการใช้ภาษาท้องถินของสังคม
ทีเปนอาณานิคม ทาํ ให้ภาษาท้องถินได้รบั
อิทธิพลการแทรกแซงจากภาษาเจ้าของ
อาณานิคมโดยการบังคับให้ใช้ภาษานัน ๆ
ในแวดวงต่าง ๆ
หนา้ | 11
การเปลียนแปลงของภาษา
อันเนอื งมาจากการยมื ภาษา
การยมื ภาษา การยืมภาษาจะเกิดขึนได้เมือมีการสัมผัสภาษา
คือ การทีคนรูภ้ าษาทีสองหรอื มากกว่าสองขึนไป
การทภี าษาทอ้ งถินรบั ภาษา และใช้ภาษานันสลับกันไปมา
และวฒั นธรรมต่างประเทศเขา้
มาผสมผสานกลมกลืนในภาษา ทาํ ให้ภาษาเหล่านันมีอิทธิพลต่อกันส่วนใหญ่
ในทาํ ให้มคี ําหรอื รูปแบบการใช้ พบในพืนทีบรเิ วณชายแดนทีมีถินฐานใกล้เคียง
ภาษามากขนึ รบั ลักษณะ กับประเทศเพือนบ้าน เช่นบรเิ วณชายแดนใต้ติดต่อ
การออกเสยี งคําหรอื ลักษณะ กับภาษามาเลเซียได้รบั อิทธิพลเรอื งการใช้คํา
ทางไวยากรณ์อืน ๆ มาใช้ จากภาษามาเลย์
อิทธิพลของวัฒนธรรมชาติต่าง ๆ เมือเกิดการสัมผัสภาษาก็จะเกิดควบคู่กับ
ทีไทยรบั เข้ามาใช้เปนจาํ นวนมาก
ได้แก่ อินเดีย จีนและชาติตะวันตก การสัมผัสวัฒนธรรมเสมอ
เพราะเมือเกิดการยืมภาษาจะเกิดการยืม
หรอื รบั วัฒนธรรมใหม่ควบคู่กันไปด้วย
เช่น เมือภาษาไทยยืมคําว่า คอมพิวเตอร์ มาจาก
ภาษาอังกฤษ (computer) ก็ยืมมโนทัศน์
ของคอมพิวเตอรม์ าด้วย อาจใช้เปนการทับศัพท์หรอื
บัญญัติศัพท์ แบ่งบางครงั ศัพท์บัญญัติอาจไม่ได้รบั
ความนิยมจนกระทังหายไป (คําศัพท์บัญญัติของ
คอมพิวเตอร์ คือ คณิตกรณ์)
หนา้ | 12
อิทธิพลของภาษาและวัฒนธรรม
จากต่างประเทศ
อิทธิพลของภาษาและวัฒนธรรม
อินเดีย ในภาษาไทย
ในบรรดาภาษาต่างประเทศทีมีอิทธิพล
ต่อภาษาไทย ภาษาบาลี-สันสกฤต
จากประเทศอินเดียเปนภาษาทีสาํ คัญ
และมีอิทธิพลต่อภาษาไทยมากทีสุด
คํายืมในภาษาไทยทียืมมาจากทังสองภาษานี
เปนคําทีใช้ในชีวิตประจําวันจํานวนมาก เช่น กาย
โค จิต สุข ทุกข์ นายก ผลิต กรุณา ดนตรี โกรธ
นอกจากนียังมีคําจํานวนมากทีภาษาไทยสรา้ งขึน
การทีภาษาอินเดียมีอิทธิพลต่อภาษาไทย โดยการประสมคําทีดัดแปลงมาจากคําศัพท์ใน
ทําให้ภาษาไทยเปลียนแปลงไป ภาษาบาลีและสันสกฤตโดยการสรา้ งคํา เช่น
คําสมาสแบบสมาสและคําสมาสแบบสนธิ
เห็นได้ชัดเจนทีสุดคือทําให้ภาษาไทย
ตัวอย่างคําว่า โทรศัพท์ โทรทัศน์ เกษตรกร
มีคําศัพท์เพิมขึน ทําให้คลังคําศัพท์
วิทยากร มนุษยศาสตร์
มีความซับซ้อนมากขึน มีพยางค์มากขึน
คนไทยได้รบั อิทธิพลจากภาษาบาลีสันสกฤต
รวมทังนาํ มาใช้ในภาษาเนืองจากมองว่า
ตังแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัยโดยพบคําบาลีสันสกฤต
เปนคําทีสละสลวยหรอื สุภาพมากกว่า เช่น
อยู่ในศิลาจารกึ พ่อขุนรามคําแหง โดยสันนิษฐานว่า
มนุษย์ แทนคําว่า คน
ได้รบั อิทธิพลจากภาษาของอินเดียเมือชาวอินเดีย
อาหาร แทนคําว่า ของกิน
นําพุทธศาสนานิกายมหายานเข้ามาเผยแพร่
บุตร ธิดา แทน ลูกชายและลูกสาว เนืองจากคัมภีรต์ ่าง ๆ ทางพระพุทธศาสนา
ครุ (บาลี) คุรุ (สันสกฤต) ใช้ภาษาบาลีและสันสกฤต นอกจากนีวรรณคดี
ต่าง ๆ จากอินเดียก็เข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หมายถึง ครู ผู้รู้ หรือผู้ทีนับถือ เช่น มหาภารตะ และรามายณะ
ครู (ไทย) กูรู Guru (อังกฤษ) รามายณะเมือแพรห่ ลายในหมู่ชาวไทย
คนไทยได้นํามาแต่งใหม่ก็เรยี กว่า รามเกียรติ
รับมาใช้ในความหมายถึงผู้เชียวชาญ
ผู้มีอิทธิพลทางความคิดในเรืองใดเรืองหนึง
หนา้ | 13
อิทธิพลของภาษาและวัฒนธรรม จีน
ในภาษาไทย
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์
ชาวจีนจาํ นวนมากออกเดินทางมาค้าขาย
รวมทังการอพยพย้ายถินฐานเมือเกิดการปฏิวัติ
วัฒนธรรมทําให้มีชาวจีนบางส่วนมาตังถินฐาน
ในประเทศไทยดังจะเห็นได้ว่ามีชุมชนชาวจีนจาํ นวนมาก
ภาษาจีนทีมีอิทธิพลต่อภาษาไทย ได้แก่
ภาษาจีนแต้จิว กวางตุ้ง ฮกเกียน ไหหลํา และจีนกลาง
แสดงให้เห็นการใช้ภาษาทีส่วนมากเปนคําทีเกียวข้องกับ
การรับวัฒนธรรม เช่น อาหาร สิงของเครืองใช้ในชีวิตประจาํ วัน
เช่น ก๋วยเตียว กะหลํา กวยจับ เกียว ตะเกียบ
จับฉ่าย ซีอิว ซาลาเปา เต้าเจียว เก้าอี ยีห้อ หมึก หวย เปนต้น
นอกจากนีมีคําบางส่วนทีเกิดการการสรา้ งคํา
เปนคําประสมกับภาษาไทย เช่น ลูกเต๋า (ลูก เปนคําไทย)
หนา้ | 14
อิทธิพลของภาษาและวัฒนธรรม
ตะวันตก ในภาษาไทย
ประเทศตะวันตกทีมีอิทธิพลต่อประเทศ
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ได้แก่ โปรตุเกส สเปน ฮอลันดา อังกฤษ
ฝรังเศสและสหรัฐอเมริกา
แต่ภาษาทีมีอิทธิพลต่อภาษาไทยมากทีสุด
คือภาษาอังกฤษ เรมิ เห็นได้อย่างชัดเจนตังแต่
สมัยทีประเทศไทยมีการปฏิรูปสังคมครงั ใหญ่
ในสมัยรชั กาลที 5 แห่งกรุงรตั นโกสินทร์
และมีอิทธิพลมากขึนเรอื ย ๆ มาจนกระทังถึงทุกวันนี
อิทธิพลของภาษาต่างประเทศ
ทําให้ภาษาไทยเกิดการเปลียนแปลงต่าง ๆ ดังนี
1. ทําให้คําในภาษาไทยมีหลายพยางค์
2. ทําให้มีตัวสะกดในภาษาไทยมากขึน
3. ทําให้มีเสียงควบกลําในภาษาไทยมากขึน
4. ทําให้มีคําศัพท์หลากหลายมากขึนเลือกใช้
ตามโอกาสและกาลเทศะได้
- มีคําศัพท์ทีแสดงฐานะ ระดับของบุคคล
- มีคําศัพท์ทีแจกแจงความหมายละเอียดลออ
แตกต่างกัน
- ยืมคําต่างประเทศมาใช้เปนคําราชาศัพท์
- มีคําเรยี กชือวิทยาการเทคโนโลยีความรูใ้ หม่ ๆ
หนา้ | 15
ภาษามาตรฐาน ภาษาถิน
ภาษามาตรฐาน คือ ภาษากลาง ภาษาถิน หมายถึง ภาษาย่อย
ของภาษาใดภาษาหนึงซึงแตกต่าง
ทีใช้ติดต่อสือสารในทางราชการ ตามท้องถินทีอยู่อาศั ยของผู้พู ด
เปนภาษาถินทีได้รบั การยอมรบั ให้ใช้
ในการศึกษา มีสาํ เนียงและภาษาเขียน ภาษาไทยถิน คือ ภาษาย่อยทีใช้สือสาร
เปนรูปแบบทีคนในประเทศต้องใช้รว่ มกัน กันในท้องถินต่าง ๆ ในประเทศไทย
และมีความหมายแตกต่างกันไปตามท้องถิน
ภาษาไทยมาตรฐาน หมายถึง ภาษาถินกรุงเทพ
ทียอมรบั ให้เปนภาษากลาง เนืองจากกรุงเทพฯ
มีฐานะเปนเมืองหลวง จึงทําให้ใช้ภาษานีเปนภาษา
กลางสาํ หรบั ติดต่อราชการ ใช้ในการสือสาร
และในด้านการศึกษา
หนา้ | 16
ภาษาถิน
สงั คมไทยเปนสงั คมทมี คี วามหลากหลาย ภาวะทางภูมิศาสตร์
ทางภาษาและวฒั นธรรม
เพราะในประเทศไทยนอกจากจะมีคนไทยแล้ว ในสมัยโบราณผู้พูดภาษาเดียวกันมีจํานวนน้อย
ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เช่น จีน มอญ เขมร และอยู่รวมกันเปนกลุ่มเดียว แต่ในสมัยต่อ ๆ มา
กะเหรยี ง ม้ง ฯลฯ ทําให้ภาษาไทยแตกต่าง จํานวนประชากรมากขึน เกิดสงคราม หนีภัย
กันไปตามถินทีอยู่ ภาษาจึงมีความหลากหลาย มีการติดต่อสือสารกับชนชาติต่าง ๆ มากขึน
เกิดเปนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างหนึง ทาํ ให้ธรรมชาติของภาษาต่าง ๆ ย่อมเกิด
ของท้องถิน กระบวนการเปลียนแปลงไปตามกาลเวลา
นานวันเข้าก็ทาํ ให้ภาษาเกิดการเปลียนแปลงไป
เหตุทีภาษาแตกออกเปนภาษาถิน
ยิงอยู่ห่างไกลกันมากและระยะเวลา
เกิดจากสาเหตุสาํ คัญ 2 ประการ คือ ผ่านไปนานยิงทาํ ให้ภาษาแตกต่างกันมากขึน
ภาวะทางภูมิศาสตร์ โดยเฉพาะการออกเสียงและการใช้คํา
การผสมผสานทางเชือชาติและวัฒนธรรม
ตัวอย่างการออกเสียง เช่น คําว่าช้าง
ภาษาไทยถินเหนือ ออกเสียงว่า “จ๊าง”
ไทยถินอีสานออกเสียง “ซ่าง”
ไทยถินใต้ออกเสียง “ฉ่าง”
ตัวอย่างการใช้คํา
คําว่า “พา” ซึงใช้ในความหมายว่า “นํา”
ในภาษาถินกลาง ถินเหนือและถินอีสาน
จะใช้กับคนเท่านัน เช่น พาลูกมาโรงเรยี น
แต่ในภาษาถินใต้สามารถใช้กับสิงของได้ด้วย
เช่น ไม่ได้พาสมุดมาโรงเรยี น
หนา้ | 17
การผสมผสานทางเชือชาติและวัฒนธรรม
คนไทยทีตังถินฐานอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของประเทศจะเกิดการผสมผสานกลมกลืน
ทางเชือชาติกับกลุ่มชนทีพูดภาษาอืนทีอยู่ในบรเิ วณใกล้เคียง ทาํ ให้เกิดการกลมกลืน
ทางภาษาด้วย นอกจากนีการรบั วัฒนธรรมจากกลุ่มชนอืนก็อาจจะทาํ ให้ได้รบั อิทธิพล
ทางภาษาของกลุ่มชนนัน ๆ ด้วยเหตุนีทาํ ให้ภาษาไทยทีใช้ในถินต่าง ๆ จึงมีเอกลักษณ์
แตกต่างกัน เช่น
ภาษาไทยถินใต้ มีคําภาษาชวามลายูปะปนอยู่
ตัวอย่าง คําว่า ยามู หมายถึง ผลฝรงั มากจากภาษาชวามลายูว่า ยามู Jambu
ภาษาไทยถินเหนือ มีคําภาษาพม่าและภาษามอญปะปนอยู่
ตัวอย่าง ฮังเล ชือแกงชนิดหนึง เปนภาษาพม่า
สลุง มาจากภาษามอญ แปลว่า ขันนา
ภาษาไทยถินอีสาน มีคําภาษาเขมรปนอยู่
ตัวอย่าง ถลุน แปลว่า ฟนด้าย
กันตรมึ เปนการรอ้ งเพลงโต้แบบหนึง
การแบ่งกลุ่มภาษาไทยถิน
ภาษาไทยถิน
อาจแบ่งออกเปนกลุ่มใหญ่ ๆ
ตามลักษณะทีคล้ายคลึงกันเปน 4 กลุ่ม
พูดกันใน 4 ภาค ได้แก่ ภาษาไทยถินเหนือ
ภาษาไทยถินอีสาน ภาษาไทยถินใต้
และภาษาไทยถินกลาง
ทังนีภาษาไทยถินในแต่ละภาคอาจแบ่งย่อยลงไปอีก
เพราะในแต่ละจังหวัดอาจใช้ภาษาถินไม่เหมือนกันเสียที
เดียว เช่น ภาษาถินสุพรรณ ภาษาถินระยอง ภาษาถิน
เพชรบุรี ภาษาถินอยุธยา ภาษานคร ซึงภาษาถินต่าง ๆ
ล้วนมีสาํ เนียงพูดไม่เหมือนภาษากลางและมีเอกลักษณ์
เฉพาะของท้องถิน เช่น
ภาษาสุพรรณ ออกเสียงเรยี ก หู ว่า หู้
ภาษาไทยถินเพชรบุรี ใช้คําปฏิเสธวางไว้หลังคํากรยิ า
เช่น แม่ไปไม่ หมายถึง แม่ไม่ไป
หนา้ | 18
ข้อสังเกตความแตกต่าง
ของภาษาถินต่าง ๆ การทีหน่วยเสียงหนึงในภาษาถินหนึง
ภาษาถินต่าง ๆ มีลักษณะแตกต่างกัน ตรงกับอีกหน่วยเสียงในภาษาถินอืน
ทีเห็นได้ชัด ได้แก่
ความแตกต่างในด้านระบบเสียง ในวิชาภาษาศาสตรเ์ ปรยี บเทียบ
และความแตกต่างด้านการใช้คํา โดยเรยี กว่าหน่วยเสียงหนึง
ความแตกต่างในด้านระบบเสยี ง 1 "ปฏิภาค" กับอีกหน่วยเสียงหนึง
หน่วยเสียง ค ท พ ในภาษาไทยถินกรุงเทพฯ
ภาษาไทยถินต่าง ๆ มีหน่วยเสียงพยัญชนะ ปฏิภาคกับหน่วยเสียง ก ต ป ในภาษาถินเหนือ
หน่วยเสียงสระ และหน่วยเสียงวรรณยุกต์ ตามลําดับ (ยกเว้นบางคําซึงเปนคําใหม่ทีรบั ไป
เปนหน่วยเสียงสาํ คัญเหมือนกัน จากภาษาถินกรุงเทพฯ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์)
และมีหน่วยเสียงทีใช้ตรงกันหลายหน่วย
แต่มีบางหน่วยเสียงทีปรากฏเฉพาะ ไทยถินกรุงเทพฯ ไทยถินเหนือ
ในภาษาถินแต่ไม่ปรากฏในภาษามาตรฐาน (ภาษามาตรฐาน) (ภาษาถิน)
ตัวอย่าง ภาษาไทยถินอีสานส่วนมากมีหน่วยเสียง ค่า ก้า
สระประสมเพียง 2 หน่วย คือ อัว และเอีย คํา กํา
ไม่มีเสียงสระเอือ ที ตี
ดังนันอย่างคําว่า "มะเขือ" พ่อ ปอ
ในภาษาถินอีสานจะออกเสียงเปน "มะเขีย"
หนา้ | 19
2 หน่วยเสียง ร ในภาษาไทยถินกรุงเทพฯ
เปนปฏิภาคกับหน่วยเสียง ฮ ในภาษาไทยถินเหนือและอีสาน
และปฏิภาคกับเสียง ล ในภาษาไทยถินใต้บางถิน เช่น
ไทยถินกรุงเทพฯ ไทยถินเหนือ ไทยถินอีสาน ไทยถินใต้
(ภาษามาตรฐาน) (ภาษาถิน) (ภาษาถิน) (ภาษาถิน)
รกั ฮัก ฮัก หลัก
รม่ (ทีรม่ ) ฮ่ม ฮ่ม หล่อม
แรง แฮง แฮง แลง
ในด้านเสียงวรรณยุกต์
คําทีมีพยัญชนะต้นเปนอักษรกลาง คําเปนและมีเสียงวรรณยุกต์เปนเสียงสามัญ
ในภาษาไทยถินกรุงเทพฯ เสียงวรรณยุกต์สามัญจะปฏิภาคกับเสียงวรรณยุกต์คล้ายกับจัตวา
ในภาษาไทยถินเชียงใหม่และภาษาไทยถินสงขลา
เช่น คําว่า กา กิน ปู จะออกเสียงเปน ก๋า กิน ปู
เสียงวรรณยุกต์ตรใี นคําเปนทีพยัญชนะต้นเปนอักษรตา
ในภาษาไทยถินกรุงเทพฯ จะปฏิภาคกับเสียงวรรณยุกต์คล้ายเอกในคําเดียวกัน
ในภาษาไทยถินใต้ เช่น คําว่า ม้า ค้า มด ออกเสียงว่า หม่า ข่า หม็อด
เสียงวรรณยุกต์ตรใี นคําเปนทีพยัญชนะต้นเปนอักษรตาในภาษาถินกรุงเทพ
จะปฏิภาคกับเสียงวรรณยุกต์คล้ายโทในคําเดียวกับในภาษาไทยถินอีสาน
เช่น คําว่า ม้า รู้ ช้าง ออกเสียงว่า ม่า ฮู่ ซ่าง เปนต้น
หนา้ | 20
ความแตกต่างด้านการใชค้ ํา ประเพณีชิงเปรตของภาคใต้
1) คําลงท้าย ประโยคหรอื วลี เช่น ขอขอบคุณภาพจาก Sprong news
ภาษาไทยมาตรฐาน ใช้ สิ นะ คะ ค่ะ ครบั
ภาษาไทยถินเหนือ ใช้ เจ้า กอ อือ กา ในภาษาไทยถินใต้ มีคําว่า ชิงเปรต
ภาษาไทยถิ่นอีสาน ใช้ เด้อ นอ แน แม หมายถึง ประเพณีการแย่งอาหารหรอื
สิงของซึงมีผู้นําไปวางไว้บนพืยกเพืออุทิศ
ภาษาไทยถินใต้ ใช้ หา เล่า ตะ เหอ ส่วนกุศลใหญ่ญาติทีล่วงลับในเทศกาล
ทาํ บุญสารทเดือนสิบ
2) คําเดียวกันทีต่างถินกันใช้ในความหมาย ส่วนคําศัพท์เกียวกับเรอื งของอาหาร
แตกต่างกัน เช่น มีคําว่า ซุบ อาหารประเภทผักต้มตําคลุก
คําว่า นาผึง ในภาษาไทยถินกรุงเทพฯ กับเครอื งปรุงมีพรกิ เผา หอมเผา เปนต้น
เช่น ซุบมะเขือ ซุบหน่อไม้
หมายถึงนาหวานจากตัวผึงเท่านัน
ในภาษาไทยถินสงขลา คําว่า ซุป สะกดด้วย ป ปลา มาจากคําภาษาอังกฤษว่า soup
(อ่านว่า ซุป) แปลว่า นาแกง หรอื นาทีได้จากการต้มเคียวเนือสัตว์
หมายถึง นาตาล เช่น กระดูกสัตว์ หรอื ผัก เช่น ซุปไก่ ซุปข้าวโพด ซุปเห็ด ซุปมะเขือเทศ
เรยี กนาตาลทรายว่า นาผึงทราย
คําว่า แพ้ ในภาษาถินกลาง หมายถึง ชนะ
ในภาษาไทยถิ่นอีสาน
คําว่า ชมพู่ ในภาษาถินใต้ หมายถึง ฝรงั
3) ระบบการสรา้ งคําหรอื ไวยากรณ์แตกต่างกัน
เช่น สรา้ งคําโดยสลับลําดับคํา
ภาษาถินอีสานเรยี ก ตําส้ม
ในขณะทีภาษาไทยมาตรฐานใช้ ส้มตํา
ภาษาไทยถินใต้ เรยี ก พ่อหลวง พีหลวง
ภาษาไทยมาตรฐานใช้ หลวงพ่อ หลวงพี
4) คําบางคํามีใช้เฉพาะในถินหนึง ไม่มีในถินอืน
เช่น ในภาษาไทยถินเหนือมีคําว่า “แอ๊บ”
เปนศัพท์ในครวั ทางเหนือ แปลว่า การนําอาหาร
ทีต้องการมาห่อใบตองและนําไปปงไปย่างให้สุก
(คล้ายห่อหมกแต่ไม่ใส่กะทิ) ซึง “แอ๊บ” จะมีวัตถุดิบ
หลักเปนอะไรก็ได้ มาคลุกเคล้ากับเครอื งปรุง
ตามสูตรทีถูกปาก แล้วนําไปปงย่าง แอ๊บทีมีชือเสียง
ได้แก่ แอ๊บอ่องออ ทีมีวัตถุดิบหลักเปนสมองหมูหรอื
สมองวัว แอ๊บไข่ผึง แอ๊บไข่ปลา ฯลฯ
ดําหัว หมายถึง การไปขอขมาและแสดงการ
คารวะต่อผู้ใหญ่ในประเพณีสงกรานต์
(เกิดเปนคําซ้อนว่า “รดนาดําหัว”)
หนา้ | 21
5) คําทีมีความหมายเดียวกัน ในภาษาต่างถินอาจใช้คนละคํา
เช่น ใช้คําศัพท์แตกต่างกัน
ไทยถินกรุงเทพฯ ไทยถินเหนือ ไทยถินอีสาน ไทยถินใต้
(ภาษามาตรฐาน) (ภาษาถิน) (ภาษาถิน) (ภาษาถิน)
พูด อู้ เว้า แหลง
โกรธ โขนด สุน หวิบ
อรอ่ ย ลํา แซ่บ หรอย
มอง ผ่อ เบิง แล
วิง ล่น แล่น แหล่น
เมือวาน ตะวา มือวาน แหลก-วา
พรุง่ นี วันพูก มืออืน ต่อโผลก
เสือ สาด สาด ซ้าด
หนา้ | 22
ความสาํ คัญของภาษาถิน
"ภาษาถิน ภาษาถินเปนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมทีสาํ คัญ
ของท้องถินซึงปรากฏให้เห็นในงานคติชนประเภทต่าง ๆ เช่น
เปนเครืองมือสือสาร มีภาษาท้องถินทีปูย่าตายายใช้สังสอนลูกหลาน
ทีใช้ระหว่างคนในท้องถิน มีปรศิ นาคําทายภาษาถิน นําสิงทีพบเห็นในท้องถิน
ใช้ในการสร้างสรรค์ มาตังคําถาม โดยทังสองอย่างนีมักใช้คําคล้องของ
วรรณกรรมและการถ่ายทอด มีการเปรยี บเทียบคมคาย มีตํานานนิทานท้องถิน
วัฒนธรรมและภูมิปญญา ทีให้คติเตือนใจ
ท้องถินมาเปนเวลาช้านาน"
นอกจากนีแต่ละท้องถินยังมีวัฒนธรรมเพลงพืนบ้าน
แต่ละภาค เพลงกล่อมเด็ก และเพลงสาํ หรบั การละเล่นต่าง ๆ
เช่น เพลงหมอลําของภาคอีสาน
ดังนันภาษาถินจึงมีความสาํ คัญต่อการช่วยสืบทอด
ภูมิปญญาท้องถินเปนอย่างยิง
หนา้ | 23
ประโยชน์ของการศึกษา
ภาษาไทยถิน
ภาษาไทยถินมีประโยชน์สาํ หรบั เยาวชนทีเปน
คนในท้องถินทาํ ให้มีความรูค้ วามเข้าใจและ
สามารถสืบทอดเพืออนุรกั ษ์ภูมิปญญาท้องถิน
ทีมีมาแต่โบราณให้คงอยู่อย่างเหมาะสมกับบรบิ ท
ทางสังคม และมีประโยชน์ต่อผู้สนใจทัวไป ดังนี
1. ทาํ ให้การติดต่อสือสารกับคนในท้องถินต่าง ๆ
เปนไปได้อย่างถูกต้องและสะดวกขึน
แม้ว่าสังคมไทยปจจุบันใช้ภาษาไทยมาตรฐานหรอื ภาษาไทยถินกรุงเทพเปนภาษากลาง
สาํ หรบั การสือสารกันได้ทังประเทศ แต่การสือสารของคนในท้องถินต่าง ๆ ยังใช้ภาษาไทยถิน
ของตนอยู่ เนืองจากภาษาไทยถินมีความแตกต่างกับภาษาไทยมาตรฐาน ทังในด้านเสียง
และการใช้คําจนบางครงั ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในการสือสาร จึงปรากฏเปนเรอื งเล่า
ในเชิงขบขัน เช่น มีเรอื งเล่าว่าคนอีสานไปหาหมอ บอกหมอว่าเจ็บแข่ว (หมายถึงปวดฟน)
แต่หมอซึงเปนคนภาคกลางฟงแล้วเข้าใจว่าคนไข้เจ็บเข่าจึงไม่ได้รกั ษาฟนแต่จะไปรกั ษาเข่าแทน
2. ทาํ ให้เข้าใจวัฒนธรรมท้องถินได้ดียิงขึน
การเรยี นรูภ้ าษาถินด้วยจะช่วยให้ผู้ทีศึกษาเรอื งของสังคม
และวัฒนธรรมท้องถินเข้าใจได้ดียิงขึน เพราะแต่ละถินย่อมมีศัพท์เฉพาะทีเกียวกับกับ
ประเพณีหรอื วัฒนธรรมในท้องถินของตน เช่น ในภาษาไทยถินเหนือมีคําว่า ผิดผี
อันเนืองมาจากความเชือและประเพณีการบูชาผีบรรพบุรุษ ภาคใต้มีประเพณีชิงเปรต
ดังนันการศึกษาภาษาถินจึงเปนประโยชน์ต่อการศึกษาวิชาการต่าง ๆ อีกหลายแขนง
เช่น วิชาประวัติศาสตร์ คติชนวิทยา วรรณคดีและมานุษยวิทยา สิงสาํ คัญคือในแต่ละท้องถิน
มีเอกสารตัวเขียน เช่น ใบลาน สมุดข่อย ความรูใ้ นด้านภาษาถินจะช่วยให้ศึกษาข้อมูล
จากเอกสารปฐมภูมิได้โดยตรง
หนา้ | 24
3. ทาํ ให้เข้าใจความหมายของคําโบราณ
บางคําทีปรากฏในศิลาจารกึ หรอื วรรณคดี
โบราณ
เนืองจากคําโบราณบางคําไม่ปรากฏใช้
ในภาษาไทยปจจุบันแต่อาจพบได้ในภาษาถิน
บางถิน เช่น
“เบืองตีนนอนเมืองสุโขทัยนีมีตลาดปสาน
เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยมีกุฎีพิหารปูครูอยู่”
โดยคําว่า เบืองหัวนอน เบืองตีนนอน
ยังมีปรากฏใช้ในภาษาไทยถินใต้
หัวนอน หมายถึง ทิศใต้
ตีนนอน หมายถึง ทิศเหนือ
4. ทาํ ให้สามารถศึกษาความเปนมา
ของการใช้ตัวอักษรบางตัว
หรอื การสืบสรา้ งเสียงบางเสียง
ความรูเ้ รอื งภาษาถินเปนประโยชน์
ในการศึกษาความเปนมาของการใช้ตัวอักษร
บางตัวหรอื การสืบสรา้ งเสียงบางเสียง เช่น
คําทีใช้สระ ใ และ ไ แต่เดิมนันออกเสียงต่างกัน
หรอื ตัวอักษร ฃ และ ฅ ซึงปจจุบันเลิกใช้แล้วนัน
ในภาษาไทยถินยังมีคําทีเคยใช้ตัวอักษร
ข และ ฃ ทีแตกต่างกันอยู่
แต่ปจจุบันออกเสียง ข เหมือนกันทังหมด
หนา้ | 25