บทละครพูดคำฉันท์
วชิ า ท32101 ภาษาไทย 3 ครเู มธาวี ทองคุม้
ความรกั เหมอื นโรคา บนั ดาลตาให้มืดมน
ไม่ยนิ และไมย่ ล อปุ สรรคใดใด
ความรกั เหมอื นโคถกึ กาลังคึกผขิ ังไว้
ก็โลดจากคอกไป บ่ ยอมอยู่ ณ ที่ขงั
ถึงหากจะผกู ไว้ ก็ดงึ ไปดว้ ยกาลัง
ยงิ่ ห้ามก็ย่ิงคลงั่ บ่ หวนคดิ ถึงเจ็บกาย
ผู้แต่ง
พระบาทสมเดจ็
พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว
รัชกาลที่ 6
พระนามเดิมว่า สมเด็จเจา้ ฟ้ามหาวชิราวธุ
พระราชนพิ นธ์จากจนิ ตนาการ
เม่ือปี พ.ศ. 2466
ผลงานพระราชนพิ นธ์
เช่น ศกุนตลา รามเกยี รติ์ และอืน่ ๆ กว่า ๒๐๐ เรอื่ ง
ทรงใช้นามปากกาต่าง ๆ ตามแนวเรือ่ งทท่ี รงพระราชนพิ นธ์ อาทิ
. “อศั วพาห”ุ ”พันแหลม” “ศรีอยธุ ยา”
“นายแกว้ นายขวญั ” “พระขรรคเ์ พชร”
“นอ้ ยลา” ”รามจิตติ”
“นายแก้ว ณ อยธุ ยา”
“ทา่ นราม ณ กรุงเทพ”
บทละครพดู คาฉันท์ เร่ือง มทั นะพาธาประกอบด้วย ๕ องก์
แตง่ ด้วยฉนั ท์และกาพย์
กาพย์ : ใช้ตอนบทพูดหรอื บทดาเนินความยาว ๆ
ฉันท์ : ใชต้ อนพูดหรือเน้นอารมณ์ตัวละคร
เช่น คร่าครวญ ไหว้ครู
แบ่งเปน็ ภาคสวรรค*์ และภาคพื้นดนิ
สมมติว่าเกดิ เร่ืองในอนิ เดยี โบราณ
รชั กาลท่ี 6 ทรงพระราชนพิ นธ์
แปลมทั นะพาธาเปน็ รอ้ ยแก้วภาษาองั กฤษ
แต่กรมหม่ืนพทิ ยลาภพฤฒิยากร
ไดก้ ราบบงั คมทลู ถวายคาแนะนา
พระองคจ์ ึงแปลใหม่อีกฉบบั ในลักษณะของ
“กลอนเปล่า”
ตามแบบบทละครพดู ของเชกสเปยี ร์
กุพฺชกะ (ภาษาสนั สกฤต)
กุหลาบอ่านว่า กบุ -ชะ-กะ แปลว่า
กุพชฺ กา
อ่านว่า กุบ-ชะ-กา
แปลว่า นางค่อม
คราแรกจะใชช้ ื่อนางกุพชฺ กะ
แต่ความหมายไม่ดีจงึ เปลีย่ น
เปน็ นางมัทนา
มทน = ความลมุ่ หลง
พาธา = ความเดอื ดร้อน
= ความเจบ็ ปวด เดอื ดรอ้ น
เพราะความรกั
[แกน่ เรื่อง]
สื่อถงึ หญงิ ผ้ลู มุ่ หลงในความรกั
เรือ่ งมทั นะพาธาได้รับการยกย่อง
จากวรรณคดีสโมสร
ยอดของบทละครพูดคาฉนั ท์
(ได้ประทบั ตราพระราชลัญจกรพระคเณศ)
เหตเุ พราะเปน็ เรื่องท่ีแต่งไดโ้ ดยยาก
เปน็ ของแปลกในกระบวนวรรณคดี ไมเ่ คยมีกวคี นใด
แต่งบทละครพดู ในลกั ษณะของคาฉันทม์ าก่อน
อกี ทงั้ ทรงใชช้ อื่ ตวั ละครและภูมิประเทศ
พรรณนาฉากท้องเร่ืองตามแบบอนิ เดีย
ตรงตามยุคแห่งภารตวรรษ
ตัวละครสาคัญในภาคสวรรค์
สเุ ทษณเ์ ทพบตุ ร
เทวดาผเู้ ปน็ ใหญก่ วา่ เทวดาทง้ั ปวง มอี านาจและบารมีมาก
สามารถสงั่ เทวดานางฟ้าท้ังหลายตามทีต่ นต้องการได้
ตกหลุมรกั นางมทั นา ด้วยความมเี วรกรรมเกี่ยวพันต้ังแตช่ าติก่อน
สเุ ทษณ์พยายามขอความรกั มัทนาแต่มัทนาปฏเิ สธไม่ยอมรับรัก
ดังน้ันสุเทษณ์จึงกลวั ว่าตนเองจะเจบ็ ปวดหากเหน็
มทั นาไปรกั กบั เทวดาองคอ์ ื่น จึงได้สาปนางมัทนา
ให้ไปเกิดเป็นเปน็ ดอกกุหลาบที่โลกมนุษย์ หากเมือ่ นางอ้อนวอน
จะถอนคาสาปให้
ตัวละครสาคญั ในภาคสวรรค์
มทั นา นางฟ้าทม่ี รี ปู โฉมงดงาม แต่ถูกสเุ ทษณ์สาปให้จตุ ิ
จากสวรรค์มาเป็นดอกกหุ ลาบ สามารถกลับเปน็ มนษุ ย์
ได้เพียงคืนวันพระจนั ทร์เต็มดวงหรือเมือ่ พบรกั แท้
ตอ่ มามัทนาพบรกั กับทา้ วชัยเสนแต่กลับต้องพบอุปสรรค
ดว้ ยว่าพระนางจณั ฑีผู้เปน็ มเหสขี องท้าวชัยเสนเกดิ ริษยานาง
จนวางแผนกาจดั นางโดยการใส่รา้ ยป้ายสีว่านางคบชู้
ท้าวชยั เสนหลงเชื่ออุบายทาให้สง่ั ประหารชวี ิตนางมัทนา
แต่มัทนารอดชวี ิตและไดร้ ้องขอสุเทษณใ์ หช้ ว่ ยเหลือ
สุเทษณไ์ ด้ยื่นข้อเสนอให้มทั นารับรักเปน็ การตอบแทนแต่มทั นาปฏิเสธ
ท้ายทส่ี ุดจงึ ถูกสาปให้เปน็ ดอกกหุ ลาบตลอดไป...
ดูแลเหมือนเป็น
สรุปความสมั พนั ธ์ ลกู บุตรธรรม
ให้มายาวนิ สเุ ทษณ์บอกรกั ฤาษีกาละทรรศนิ ศุภางค์
รา่ ยมนต์สะกด แต่ถกู ปฏเิ สธ ทหารเอก
พานางมัทนามา ตกหลุมรัก ขอแตง่ งาน
พระราชา-พระมเหสี
มายาวนิ มัทนา
วิทยาธร
นางฟ้า
สุเทษณ์ ทา้ วชัยเสน
จอมเทพ
กษัตริยแ์ หง่ พระนางจณั ฑี
นครหสั ดิน
พระมเหสี
พามายาวนิ จติ ระเสน จติ ระรถ ไม่ชอบ เกลยี ด ใสร่ า้ ย
มาหาสุเทษณ์
ข้ารบั ใชเ้ ทพบตุ รสเุ ทษณ์
สรุปความรู้มทั นะพาธา
ผ้แู ตง่ … พระบำทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลำ้ เจ้ำอยหู่ วั
(รัชกำลที่ 6)
รูปแบบคำประพนั ธ์… คำฉันท์
แตง่ โดยใช้คำประพันธ์ 2 ชนิด
ได้แก่.. ฉนั ท์ และ กำพย์
สรุปความร้มู ทั นะพาธา
ได้รับกำรยกยอ่ งจำก....วรรณคดสี โมสร
วำ่ เปน็ ยอดของ .... บทละครพดู คำฉนั ท์
สรปุ ความรมู้ ัทนะพาธา
คำว่ำ “มทั นะพำธำ” มีควำมหมำย
ส่ือถึงข้อใด
ก. ควำมล่มุ หลง ข. ควำมอจิ ฉำรษิ ยำ
ค. นำงผ้มู คี วำมงดงำม ง. ตำนำนแห่งดอกกหุ ลำบ
จ. ควำมเจ็บปวดหรือควำมเดือดร้อนจำกควำมรัก
มวิเคทั รนาะะห์คพำปาระธพาันธ์
วิชา ท32101 ภาษาไทย 3 ครูเมธาวี ทองค้มุ
ทบทวนความรู้
1. ใครเป็นผู้ร่ำยมนตส์ ะกดจติ พำนำงมัทนำ
มำหำสุเทษณ์
ก. มำยำวิน ข. ศุภำงค์
ค. ชยั เสน ง. ฤาษีกำละทรรศิน
2. เมอ่ื ตกอยู่ในมนต์สะกด
นำงมทั นำแสดงอำกำรอยำ่ งไร เหมอื นสิ่งใด ….
วิชชุมมาลาฉนั ท์ ๘
˜ ˜ ˜ ˜ ˜ ˜ ˜ ˜อา้ สองเทเทศร์ โปรดเกศขา้ บาท
ทรงฟังซึ่งวาท ท่ีกราบทลู เชิญ
โปรดช่วยดลใจ ทรามวยั ใหเ้ พลิน
จนลืมขวยเขิน แลว้ รีบเร็วมา
. … โฉมยงอย่าขดั รีบรดั มาเถิด ขืนขดั คงเกิด ในทรวงเร่ารอ้ น
มาเร็วบดั น้ี รีบลีลาจร มาเร็วบงั อร ขา้ เรียกนางมา
(มายาวินร่ายมนตเ์ รียกนางมทั นา)
อินทรวิเชียรฉนั ท์ ๑๑
˜ ˜ ˜ ˜ ˜ ˜ ˜มายาวิน ดกู ่อนสุชาตา มะทะนาวิไลศรี
ยามองคส์ เุ ทษณม์ ี วรพจนป์ ระการใด
นางจงทานูลตอบ มะธรุ ส ธ ตรสั ไซร้
เขา้ ใจมิเขา้ ใจ ฤ ก็ตอบพะจีพลนั
(มายาวินบอกมทั นาใหต้ อบคาถามสเุ ทษณท์ นั ที : หนา้ ๗๕)
˜ ˜ ˜ ˜วสนั ตดิลกฉนั ท์ ๑๔ ˜ ˜ ˜
สุเทษณ์ อา้ โฉมวิไลยะสปุ ริยา มะทะนาสุรางคศ์ รี
พี่รกั และกอบอภิระตี บ มิเวน้ สิเน่หห์ นกั
บอกหน่อยเถอะว่าดะรณุ ิเจา้ ก็จะยอมสมคั รรกั
มทั นา ตขู า้ สมคั ร ฤ มิสมคั ร ก็มิขดั จะคลอ้ ยตาม
จริงฤานะเจา้ สมุ ะทะนา วจะเจา้ แถลงความ?
ขา้ ขอแถลงวะจะนะตาม สรุ ะเทวะโปรดปราน
รกั จริงมิจริง ฤ ก็ไฉน อรไท บ่ แจง้ การ?
รกั จริงมิจริงก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด
พ่ีรกั และหวงั วธุจะรกั และ บ ทอด บ ท้ิงไป
พระรกั สมคั ร ณ พระหทยั ฤ จะทอดจะท้ิงเสีย?
ความรกั ละเห่ียอุระระทด
เพราะมิอาจจะคลอเคลีย
ความรกั ระทดอุระละเหี่ย
ฤ จะหายเพราะเคลียคลอ
โอโ้ อก๋ ระไรนะมะทะนา บ มิตอบพะจีพอ?
โอโ้ อก๋ ระไรอะมระงอ้ มะทะนามิพอดี!
หากพี่จะกอดวธุและจุม- พิตะเจา้ จะว่าไร?
ขา้ บาทจะขดั ฤ ก็มิได้ ผิพระองคจ์ ะทรงปอง
ว่าแต่จะเต็มฤดิ ฤ หาก ดนุกอดและจูบนอ้ ง
เต็มใจมิเต็มใจดนุก็ตอ้ ง ปฏิบตั ิระเบียบดี
กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ (หนา้ ๗๖)
สเุ ทษณ์ แน่ะมายาวิน เหตุใดยุพิน จึงเป็ นเช่นน้ี
ดรู าวละเมอ เผลอเผลอฤดี ประดจุ ไม่มี ชีวิตจิตใจ
คราใดเราถาม หล่อนก็ยอ้ นความ เหมือนเช่นถามไป
ดงั น้ีจะยวน ชวนเชยฉนั ใด ภาพพจนอ์ ุปมา
(เปรียบเหมือน)
ก็เปรียบเหมือนไป พดู กบั ห่นุ ยนต์
กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ (หนา้ ๗๖)
มายาวิน เทวะ,ที่นาง อาการเป็ นอย่าง น้ีเพราะฤทธิ์มนตร์
โยคะอนั ขลงั บงั คบั ไดจ้ น ใหต้ อบยุบล ไดต้ ามตอ้ งการ
แต่จะบงั คบั ใครใครใหก้ ลบั มโนวิญญาณ
ใหช้ อบใหช้ งั ยืนยงั อย่นู าน ย่อมจะเป็ นการ สุดพน้ วิสยั
หากว่าพระองค์ มีพระประสงค์ อย่เู พียงจะให้
นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ขา้ อาจผูกใจ ไวด้ ว้ ยมนตรา
มิใหน้ งรตั น์ ด้ือดึงข้ึงขดั ซึ่งพระอชั ฌา บงั คบั ใหย้ อม อชั ฌา
ประนอมเป็ นขา้ บาทบริจา ริกาเทวญั หญิงรบั ใช้ ความพอใจ
ปรนิบตั ิ
กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ (หนา้ ๗๗)
สเุ ทษณ์ อะ๊ ! เราไม่ขอ ไดน้ างละหนอ ดว้ ยวิธีนน้ั !
เสียแรงเรารกั สมคั รใจครนั อยากใหน้ างนน้ั สมคั รรกั ตอบ
ผูกจิตดว้ ยมนต์ แลว้ ตามใจตน ฝ่ ายเดียวมิชอบ
เราใฝ่ ละโบม ประโลมใจปลอบ ใหน้ างนึกชอบ นึกรกั จริงใจ
ฉะนนั้ ท่านครู คลายเวทมนตด์ ู อย่าชา้ รา่ ไร
หากเราโชคดี ครงั้ น้ีคงได้
สิทธ์ิสมดงั ใจ รีบคลายมนตรา
วิชชุมมาลาฉนั ท์ ๘ (หนา้ ๗๗)
˜ ˜ ˜ ˜อนั เวทอาถรรพณ์ ˜ ˜ ˜ ˜ท่ีพนั ผูกจิต
แห่งนางม่ิงมิตร อยู่บดั น้ีนา
จงเคล่ือนคลายฤทธ์ิ จากจิตกญั ญา
สวสั ดีสวาหาย
คลายคลายอย่าชา้
มายาวินร่ายมนตค์ ลายสะกดจิต ใหน้ างมทั นา : หนา้ ๗๗
กาพยฉ์ บงั ๑๖ ภาพพจนอ์ ุปมา วิชชุ อมั พร
สุเทษณ์ (เปรียบเหมือน) สายฟ้ า ทอ้ งฟ้า
อา้ มทั นาโฉมฉาย เฉิดช่วงดงั สาย วิชชุประโชติอมั พร
ไหนไหนก็เจา้ สายสมร มาแลว้ จะรอ้ น จะรนและรีบไปไหน
มทั นา เทวะ, อนั ขา้ น้ีไซร้ มานี่อย่างไร บ ทราบสานึกสกั นิด
มาลิศ จาไดว้ ่าขา้ สถิต ในสวนมาลิศ และลมราเพยเชยใจ
ดอกไม้ แต่อย่ดู ีดีทนั ใด บงั เกิดรอ้ นใน อุระประหนึ่งไฟผลาญ
รอ้ นรนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ลม้ ลงส้ินสมฤดี
อินทรวงศฉ์ นั ท์ ๑๒ (สเุ ทษณข์ อความรกั นางมทั นา ทา้ ยหนา้ ๗๘)
สุเทษณ์
พ่ีรกั อนงคน์ าง ผิมิสมฤดีถวิล ภาพพจนอ์ ติพจน์
เหมือนพี่มิไดค้ ง วรชีวะชีวิติน- (กล่าวเกินจริง!)
ทรียไ์ ซร้ บ่ ใฝ่ จิน- ตะนะห่วงและห่อนนิยม
ชีพอย่กู ็เหมือนตาย เพราะมิวายระทวยระทม
ทกุ ขย์ ากและกรากกรม อุระช้าระกาทวี
อินทรวงศฉ์ นั ท์ ๑๒ (หนา้ ๗๙)
สเุ ทษณ์ ท่ีหล่อนมิยินยอม มะนะรกั สมคั รสมาน
มีค่สู ะมรมาน อภิรมย์ ฤ เป็ นไฉน?
วสนั ตดิลกฉนั ท์ ๑๔
มทั นา หม่อมฉนั บ มีบรุ ุษผู้ ประดิพทั ธะใดใด
เป็ นโสด บ มีมะนะสะใฝ่ อภิรมย์ ฤ สมรส
อินทรวงศฉ์ นั ท์ ๑๒ (หนา้ ๗๙)
สุเทษณ์ เช่นนน้ั ก็เชิญฟัง ดนุกล่าวสิเนหะพจน์
เจา้ งามประเสริฐหมด ก็มิควรฤดีจะดา
วสนั ตดิลกฉนั ท์ ๑๔
มทั นา หม่อมฉนั สดบั มะธรุ ะถอ้ ย ก็สานึกเสนาะคา
แต่ตอ้ งทานูลวะจะนะซา้ ดจุ ะไดท้ านูลมา
อินทรวงศฉ์ นั ท์ ๑๒ (หนา้ ๗๙)
สเุ ทษณ์ น่ีเจา้ มิยอมรบั รสะรกั ฉะนน้ั ฤ จา๋ ?
ตวั ฉนั จะเลวสา- หะสะดว้ ยประการไฉน?
วสนั ตดิลกฉนั ท์ ๑๔
มทั นา อา้ องคพ์ ระผสู้ รุ ะวิศิษฏ์ พระจะผิดสะถานใด?
หม่อมฉนั สิทรามเพราะ บ่ มิได้ อนุวตั นพ์ ระบณั ฑรู
อนุวตั น์ บณั ฑรู
ทาตาม/ปฏิบตั ิตาม คาสงั่
วสนั ตดิลกฉนั ท์ ๑๔ (หนา้ ๘๐)
มทั นา โอโ้ อล๋ ะเห่ียอุระสดบั วรศพั ทะท่านทรง
ออ้ ยอิ่งแสดงวรประสง- คะ ณ ตวั กระหม่อมฉนั
อยากใคร่สนองพระวรสุน- ทรคณุ อเนกนนั้
จนใจเพราะผิดคติสธุ รรม์ สุจริตประติชฺญา
ขอใหพ้ ระองคอ์ ะมะระเท- วะเสวยประโมทา
หม่อมฉนั จะขอประณตะลา สรุ ะราชลิลาศไป
กาพยฉ์ บงั ๑๖
เออ! หล่อนน้ีมาลอ้ เล่น
อนั ตวั พ่ีเป็ น คนโง่ฤาบา้ ฉนั ใด?
หม่อมฉนั เคารพเทพไท ทลู อย่างจริงใจ
ก็ บ มิทรงเชื่อเลย
กาพยฉ์ บงั ๑๖ (หนา้ ๘๑)
มทั นา พระองคท์ รงเป็ นเทวา ธิบดีปรา- กฎเกียรติยศเกรียงไกร
มีสาวสรุ างคน์ างใน มากมวลแลว้ ไซร้ ในพระพิมาณมณี
จะโปรดปรานขา้ บาทน้ี สกั ก่ีราตรี? และเมื่อพระเบ่ือขา้ นอ้ ย
จะมิตอ้ งนงั่ ละหอ้ ย นอนโศกเศรา้ สรอ้ ย ชะเงอ้ ชะแงแ้ ลหรือ?
หม่อมฉนั น้ีเป็ นผูถ้ ือ สจั จาหนึ่งคือ ว่าแมม้ ิรกั จริงใจ
ถึงแมจ้ ะเป็ นชายใด ขอสมพาสไซร้ จะมิยอมพรอ้ มจิต
กมลฉนั ท์ มะทะนาชะเจา้ เล่ห์ ชิชิช่างจานรรจา
๑๒ ตะละคาอุวาทา ฤ กระบิดกระบวนความ
ดนุถามก็เจา้ ไซร้ บ มิตอบ ณ คาถาม
วนิดาพยายาม กะละเล่นสานวนหวน
ก็และเจา้ มิเต็มจิต จะสดบั ดนูชวน
ผิวะใหอ้ นงคน์ วล ชนะหล่อนทะนงใจ
(สเุ ทษณต์ วาดมทั นา, หนา้ ๘๑)
บ่มิยอมจะร่วมรกั และสมคั รสมรไซร้
ก็ดะนูจะยอมให้ วนิดานิวาสสวรรค์
ผิวะนางเผอิญชอบ มรอุ ื่นก็ขา้ พลนั มรุ
เทวดา
ผิวะ จะทรุ นทุรายศลั - ยะ บ่ อยากจะยินยล
ถา้ หาก ศลั ยะ
เป็ นทกุ ข์
เพราะเหตใุ ดสเุ ทษณถ์ ึงใหม้ ทั นาจตุ ิ(ตาย)ไปจากสวรรค?์
เพราะฉะนน้ั จะใหน้ าง จุติสู่ ณ แดนคน
มะทะนาประสงคต์ น จะกาเนิด ณ รปู ใด?
ทวิบทจตรู บ์ าท ฤ จะเป็ นอะไรไซร้
วธเุ ลือกตามใจ และจะสาปประดจุ สรร
วธุ
เธอ
จะสถิตฉะนน้ั กว่า จะสานึก ณ โทษทณั ฑ์
และผิวอนดนูพลนั จะประสาทพระพรให้
วนิดาจรลั กลบั ณ ประเทศสรุ าลยั
ก็จะชอบสถานใด วธตุ อบดนูมา
นางมทั นาตอ้ งทาการใด สรุ (เทวดา)+อาลยั
จึงจะสามารถคลายคาสาปได?้ ที่อย่ขู องเทวดา=สวรรค์
สาลินีฉนั ท์ ๑๑ (หนา้ ๘๒)
อา้ เทพศกั ดิ์สิทธิ์ซ่ึง พระจะลงพระอาญา
ขา้ เป็ นแต่เพียงขา้ บ มิมุ่งจะอวดดี.....
อนั โปรดใหเ้ ลือกตาม ฤดิขา้ ณ บดั น้ี
ขอเป็ นซ่ึงมาลี รจุ ิเรขวิไลวรรณ
สดุ แทแ้ ต่จอมสรวง จะประสิทธ์ิประสาทพนั ธุ์
ขอเพียงใหม้ ีคนั - ธะระร่ืนระรวยหอม
คนั ธะ
กล่ิน
(หนา้ ๘๒)
มายาวิน เทวะ! อนั ไมง้ ามสรรพ มีลกั ษณต์ อ้ งกบั
พระองคด์ ารสั นนั้ มี ในนนั ทะโนทยานศรี
องคพ์ ระศจี ธ โปรดเป็ นยอดมาลา
เห็นมีแต่ในฟากฟ้า ในแดนคนหา ไมน้ ้ีมิไดแ้ ห่งไหน
สเุ ทษณ์ ไมน้ ้ีมีนามฉนั ใด? ท่านจงเล่าให้
เราทราบซ่ึงลกั ษณแ์ ถลง
(ลกั ษณะและสรรพคณุ ดอกกหุ ลาบ หนา้ ๘๓) กพุ ชกะ
ไมเ้ รียกผะกากพุ ฺ- ชะกะสีอรณุ แสง ดอกกหุ ลาบ
ปานแกม้ แฉลม้ แดง ดรณุ ี ณ ยามอาย
สุวคนธ์
ดอกใหญ่และเกสร สวุ คนธะมากมาย กลิ่นหอม
อย่ทู น บ วางวาย มธรุ สขจรไกล มธุรส
อีกทงั้ สะพรงั่ หนาม ดจุ ะเข็มประดบั ไว้ รสหวาน
ผ้ึงเขียวสิบินไขว่ บ มิใคร่จะห่างเหิน
อนั กพุ ฺชกาหอม บริโภคอร่อยเพลิน นร
รสหวานสิหวานเชิญ คน
กินแลว้ ระงบั ตรี นรล้ิมเพราะเลิศรส
คือลมและดีลด พิธะโทษะหายหมด
ทุษะเสมหะเสื่อมสรรพ์
อีกทงั้ เจริญกา- มะคณุ าภิรมยน์ นั ท์
เย็นในอุราพลนั และระงบั พยาธี
(หนา้ ๘๓)
สเุ ทษณ์
ดว้ ยอานาจอิทธิ์ฤทธี อนั ประมวลมี ณ ตวั กผู ูแ้ รงหาญ
กสู าปมทั นานงคราญ ใหจ้ ุติผ่าน ไปจากสรุ าลยั เลิศ
ส่แู ดนมนุษยแ์ ละเกิด เป็ นมาลีเลิศ อนั เรียกว่ากพุ ฺชะกะ
ใหเ้ ป็ นเช่นนน้ั กว่าจะ รสู้ ึกอุระ ระอุเพราะรกั รึงเข็ญ
ทกุ เดือนเมื่อถึงวนั เพ็ญ ใหน้ างน้ีเป็ น มนุษยอ์ ยู่กาหนดมี
เพียงหน่ึงทิวาราตรี แต่หากนางมี ความรกั บรุ ษุ เม่ือใด
(หนา้ ๘๓)
เมื่อนนั้ แหละใหท้ รามวยั คงรปู อยู่ไซร้ บ คืนกลบั เป็ นบปุ ผา
หากรกั ชายแลว้ มทั นา บ มีสขุ า ภิรมยเ์ พราะเริดรา้ งรกั
และนางเป็ นทกุ ขย์ ิ่งนกั จนเหลือท่ีจกั อดทนอย่อู ีกต่อไป
เม่ือนน้ั ผิว่าอรไท กล่าววอนเราไซร้ เราจึ่งจะงดโทษทณั ฑ์
จิตรปทาฉนั ท์ ๘ (หนา้ ๘๔)
นางมทะนา จุติอย่านาน จุติ
ตาย
จงมะละฐาน
สุระแมนสวรรค์
ไปเถอะกาเนิด
ดงั ดนุลนั่ ณ หิมาวนั หิมาวนั
ดนุ,ดนู ป่ าหิมพานต์
ฉนั วจิสาปไว!้
ชวนคิด : ความรกั ความลุ่มหลงของตวั ละครในเร่ืองส่งผลเสียอย่างไร?
วิเครามะหัท์ข้อนคะิดพแลาะธคุาณค่า
วชิ า ท32101 ภาษาไทย 3 ครเู มธาวี ทองคุ้ม
นอ้ ง คำศัพท์น่ารู้
วธุ วธู
(คาสรรพนาม
เรียกหญิงสาว) ดนุ ดนู
ข้า = ฉนั
(คาสรรพนาม
แทนตัวเอง)
คำศัพท์น่ารู้
เทวดา สุระ มรุ แมน
นางฟา้ สุรี สุรางค์
สวรรค์ สรวง สรุ าลัย