ด้วยหลักอันนี้แสดงชัดว่าบรรพบุรุษของเรามีศิลปะการประดิษฐ์ดอกไม้ใบไม้ผลไม้และวัสดุต่างๆ มาก่อนหน้านี้ คือ ก่อนสุโขทัยเป็นราชธานีแต่ไม่มีผู้ใดได้เขียนไว้เป็นหลักฐานให้อนุชนรุ่นหลังได้สืบค้น ในสมัย รัตนโกสินทร์สมเด็จกรมพระยาด ารงราชานุภาพทรงเล ่าประทานว ่า เจ้าคุณตานี ธิดาเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) ซึ่งเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ ๑ และเป็นพระมารดาของกรมหมื่นสุรินทรรักษ์ เป็นช่างดอกไม้มีชื่อเสียง มากในสมัยนั้น (ราว พ.ศ. ๒๓๕๙) เมื่อประมาณ ๑๑๘ ปีมานี้ ทั้งก่อนสมัยรัชกาลที่๕ และในรัชกาลที่ ๕ มีเจ้านาย หลายพระองค์รวมทั้งบริวารที่มีฝีมือในการประดิษฐ์ดอกไม้ ร้อยกรองมาลัย ตาข่ายวิมานเครื่องแขวนดอกไม้สด พานดอกไม้ ตลอดจนน าวัสดุอื่น เช่น ขี้ผึ้งมาประดิษฐ์เป็นดอกไม้เทียมเลียนแบบดอกไม้สด แต่ไม่มีใครกล่าวเฉพาะ ถึงงานใบตองไว้เลย คงมีใช้เฉพาะเป็นส่วนประกอบงานดอกไม้และใช้เป็นภาชนะใส่ขนม-อาหารเท่านั้น ในงาน ชุมนุมแม่บ้านครั้งที่ ๑๐ พ.ศ.๒๕๑๑ วิทยาลัยครูสวนดุสิตเป็นผู้จัดและได้เชิญอาจารย์เยื้อนภาณุทัตมาแสดงการ เอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องงานใบตอง 1. ประวัติที่มาของงานใบตอง บรรพบุรุษของเราแต่โบราณได้คิดน าใบตองใบไม้มาห่อขนมอาหารต่างๆใช้ในชีวิตประจ าวันตลอดจนคิด ประดิดประดอยให้มีรูปร่างรูปทรงสวยงามขึ้นยิ่งในงานพิธีตามประเพณีไทยเช่นการท าบุญต่างๆแล้วยิ่งท าพิถีพิถัน แสดงฝีมืออวดกันให้น่าชื่นชมยินดี เป็นการยากที ่จะตอบค าถามที ่ว ่างานใบตองมีมาแต ่สมัยใดใครเป็นผู้ริเริ ่มและผู้สืบทอดมรดกทาง วัฒนธรรมแขนงนี้แม้แต่ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธนผู้รอบรู้ทางศิลปะประเพณีไทยและสากล ท่านยังมิ อาจจะบอกได้แน่ชัดลงไปว่าเกิดขึ้นเมื่อใดใครคิดใครสอนต่อ ๆ มาเพียงแต่อ้างหลักฐาน ที่ปรากฏในพระราชนิพนธ์ เรื่องพระราชพิธี ๑๒ เดือน ตอนที่ว่าด้วยลอยประทีปกล่าวว่า“การลอยพระประทีป ลอยกระทงนี้เป็นงาน นักขัตฤกษ์ที่รื่นเริงทั่วไปของชนทั้งปวง ไม่เฉพาะแต่การหลวง แต่จะนับเป็นพระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้ด้วยไม่ได้มี พิธีสงฆ์พิธีพราหมณ์อันใดเกี่ยวข้องเนื่อง ในการลอยพระประทีปนั้นเว้นไว้แต่ จะเข้าใจว่าตรงกับค าที่ว่าลอยโคมลง น ้าแต่ควรนับว่าเป็นประเพณีซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณตั้งแต่พระนครยังอยู่ฝ่ายเหนือ” ต่อไปทรงอ้างถึง นางนพมาศซึ่งมียศเป็นท้าวศรีจุฬาลักษณ์พระสนมเอกแต่ครั้งพระเจ้าอรุณมหาราช คือ พระร่วงซึ่งเป็นพระเจ้า แผ่นดินสยามมีกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้คิดตกแต่งโคมลอยให้งามประหลาดกว่าโคมของพระ สนมทั้งปวงได้เลือกผกาเกสรสีต่างๆประดับเป็นรูปดอกไม้ซ้อนสีสลับให้เป็นลวดลายแล้วเอาผลพฤกษาลดาชาติมา แกะสลักเป็นรูปมยุระคณานกวิหคหงส์ให้จับจิกเกสรบุปผาชาติอยู่ตามกลีบดอกกระมุทเป็นระเบียบเรียบเรียงวิจิตร ไปด้วยสีย้อมสดสวยควรทอดทัศนายิ่งนักทั้งเสียบแซมเทียนธูปและประทีปน ้ามันเปรียงเจือด้วยไขข้อพระโค
เย็บใบตองเป็นภาชนะต่างๆมากมายเช่น กระทงดอกไม้ แจกันดอกไม้ ชาม กระปุก กระถางธูป เชิงเทียน ถาดใส่ ผักเครื่องจิ้ม เป็นต้น นับเป็นงานใบตองที่สวยงามวิจิตรจริง ๆ สถานศึกษาต่างๆรวมทั้งหน่วยงานเอกชนต่างก็ตื่นตัวกันมากในเรื่องงานใบตองอันเนื่องมาจากผลการจัด นิทรรศการของวิทยาลัยครูสวนดุสิตการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเคยขอความร่วมมือให้วิทยาลัยครูสวนดุสิตไป จัดแสดงนิทรรศการงานใบตองงานแกะสลักในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยที่จัดขึ้นที่พระราชวังสวนอัมพรเมื่อปี พุทธศักราช๒๕๒๔จนเป็นที่ประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนับว่าเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ที่เราเกิดมาใน ผืนแผ่นดินไทยอันอุดมสมบูรณ์มีพระพุทธศาสนาประจ าชาติและมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมาหลายยุคหลาย สมัยจนถึงปัจจุบันทุกๆพระองค์ทรงพระปรีชาสามารถด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมเหล่าทวยราษฎร์จึง ด าเนินชีวิตมาด้วยความสงบสุขและเห็นได้ชัดว่าบ่อเกิดแห่งศิลปวัฒนธรรมทุกแขนงของไทยเราคือสถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ได้ทรงท านุบ ารุงศาสนาและ ศิลปวัฒนธรรมให้เจริญวัฒนามาโดยตลอดบรรดาพระมเหสีพระเทวีเจ้าจอมและข้าราชบริวารต ่างช ่วยกัน ประดิดประดอยดอกไม้ต ่างๆถวายให้ทรงใช้เป็นเครื ่องสักการะพระรัตนตรัยเมื ่อมีพระราชพิธีต ่างๆและ พระราชทานแก่แขกบ้านแขกเมืองเช่นพานเมี่ยงหมากที่นางนพมาศประดิษฐ์ขึ้น ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่างานดอกไม้ใบตองได้มีก าเนิดขึ้นภายในพระบรมมหาราชวังต่อมาจึงได้ถูกน า ออกมาเผยแพร่ในหมู่ประชาชนโดยเสนาบดีผู้ใหญ่ที่ประสงค์จะให้ลูกหลานมีศิลปวิทยาจรรยามารยาทจึงน าตัวลูกหลานเข้าไปมอบให้เจ้านายฝ่ายในฝึกอบรมสุดแต่จะคุ้นเคยกับพระองค์ใดเมื่อมีความรู้ความช านาญพอก็ขอทูลลา น าตัวลูก-หลานออกมาอยู่บ้านมีเหย้ามีเรือนเมื่อบ้านใครมีงานใดเช่นมงคลสมรสงานอุปสมบทโกนจุกท าบุญอายุ หรืองานศพต่างก็ได้โอกาสแสดงฝีมืออวดกันวัฒนธรรมต่างๆจึงได้เผยแพร่ออกมาสู่ประชาชนอีกต่อหนึ่งปัจจุบันนี้ คณะรัฐบาลและส านักวัฒนธรรมแห่งชาติได้ตระหนักถึงความส าคัญของวัฒนธรรมไทยทุกแขนงได้ก าหนดเป็น แนวนโยบายและอยู่ในแผนการศึกษาแห่งชาติที่จะมุ่งหวังให้เยาวชนได้ภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของชาติซึ่งงาน ใบตองก็เป็นเอกลักษณ์อันน่าภาคภูมิยิ่งข้าพเจ้าจึงได้รวบรวมความรู้ความสามารถคิดสร้างผลงานและท าเป็น เอกสารประกอบการเรียนการสอนไว้ให้นักเรียนได้ศึกษาอนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยอันทรงคุณค่าเป็น มรดกไทยอีกชิ้นหนึ่ง
2. คุณค่าของงานใบตอง คุณค่าของงานใบตองดอกไม้สด งานประดิษฐ์จากใบตองดอกไม้สด เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แสดง ถึงความ ละเอียดอ่อนสวยงาม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของเยาวชนไทยสมัยก่อน ที่ได้รู้จักประดิดประดอยวัสดุธรรมชาติ มาใช้เป็นภาชนห่อหุ้มอาหารได้อย่างวิจิตรสวยงาม เรียบง่าย ความส าคัญและคุณค่าเหล่านั้นได้แก่ 1. คุณค่าทางวัฒนธรรมและสังคม ใบตองกับวิถีชีวิต ของคนไทยเป็นของคู่กัน ตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึง ปัจจุบัน ซึ่ง อาจกล่าวได้ว่า ต้นกล้วยถือเป็นไม้มงคลในการประกอบพิธี และประเพณีไทยหลายๆ อย่าง โดย เฉพาะงานศิลปะจาก กระทง บายศรีพานขันหมาก พานขันหมั้น เป็นต้น การประดิษฐ์งานใบตองแต่ละอย่างล้วน งดงาม ประณีต ซึ่งแสดงถึงความเป็นชนชาติที่ มีจิตใจงดงามละเอียดอ่อน ความสามารถของคนไทยไม่มีชาติใดใน โลกเหมือน ซึ่งสมควรที่เยาวชนรุ่นหลังจะถือเป็นหน้าที่ที่ควรหวงแหน และรักษาไว้เป็นศิลปวัฒนธรรมประจ าชาติ สืบไป 2. คุณค่าทางเศรษฐกิจ งานประดิษฐ์จาก ใบตองสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้ที่มีความสามารถ ทางด้านนี้ไม่ ว่าจะเป็นการน าไปประกอบอาชีพถาวร หรืออาชีพเสริม เช่น การจัดท าบายศรีการประดิษฐ์ กระทงลอย กระทง ดอกไม้การท าพานต่างๆ ในงาน มงคลสมรส 3. คุณค่าทางจิตใจ นอกจากมีคุณค่าทางวัฒนธรรมและสังคม คุณค่าทางเศรษฐกิจ ผลพลอยได้ที่เกิดจาก งานประดิษฐ์ใบตอง คือ คุณค่าทางจิตใจ ซึ่งในขณะที่ปฏิบัติงานนั้นย่อม เกิดความเพลิดเพลินซึ่งเป็นการฝึกสมาธิใน การท างาน ท าให้ผู้ที่ท างานด้านนี้มีจิตใจที่เยือก เย็น สุขุม นอกจากจะเกิดความภาคภูมิใจในผลงานทีส าเร็จ และยัง เป็นการช่วยด ารงไว้ซึ่ง เอกลักษณ์ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี
3. งานใบตองสามารถแบ่งเป็นประเภทตามลักษณะการน าไปใช้งานได้ ดังนี้ 1. ประเภทใช้ห่อหรือบรรจุอาหาร ซึ่งงานใบตองประเภทนี้พบเห็นได้โดยทั่วไปในชีวิตประจ าวันในยุคหนึ่ง ใบตองไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากความทันสมัยและความสะดวก ของพลาสติก แต่ปัจจุบันได้มีการรณรงค์ให้ลด ใช้พลาสติก จึงมีการน าใบตองกลับมาใช้ในชีวิตประจ าวันอีกครั้ง งานใบตองประเภทใช้ห่อหรือบรรจุอาหารได้แก่ การห่อแบบต่างๆ กระทงถาดใบตองและกระเช้า 2. ประเภทกระทงดอกไม้มีหลายรูปแบบ ซึ่งในแต่ละแบบพัฒนาและสร้างสรรค์ได้อย่างสวยงาม กระทง ทุก ๆ แบบสามารถน าไปใช้ได้หลายโอกาส เช่น ใช้เป็นเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย ใช้เป็นเครื่องสักการะ พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์, ชุดขันหมาก เป็นต้น 3. ประเภทกระทงลอย กระทองลอย คือ ภาชนะส าหรับใส่ดอกไม้ ธูป เทียน สิ่งของ ที่ลอยน ้าได้ ส่วน ใหญ่ประดิษฐ์จากใบตองซึ่งใช้ในเทศกาลวันลอยกระทง
4. ประเภทบายศรีบายศรี คือ ภาชนะที่ตกแต่งสวยงามเป็นพิเศษ เพื่อเป็นส ารับใส่อาหารคาว หวานในพิธี สังเวยบูชาและพิธีท าขวัญต่างๆ ทั้งพระราชพิธีและพิธีของราษฎร์บายศรีหลวง” คือ บายศรีที่ใช้ในการประกอบ ราชพิธีต่าง ๆ ส่วน “บายศรีราษฎร์” คือ บายศรีที่ใช้ส าหรับสามัญชนทั่วไป แต่หากจ าแนกตามการน าไปใช้ สามารถจ าแนกได้หลายแบบ เช่น บายศรีเทพ, บายศรีพรหม, บายศรีใหญ่, บายศรีบัลลังก์ บายศรีต้น, บายศรีปาก ชาม เป็นต้น ด้วยบายศรีเป็นสิ่งส าคัญเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย การประดิษฐ์บายศรีจึงต้องระมัดระวัง ประดิษฐ์องค์ประกอบต้องครบถ้วน และความระมัดระวังการน าไปใช้อย่างเหมาะสม เพื่อความเป็นมงคลสิริสวัสดิ์ ในชีวิต
4. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานใบตอง งานประดิษฐ์จากใบตอง เป็นงานประณีตใช้ฝีมือและทักษะความช านาญ ใบตองมีหลายชนิดแต่ที่มี คุณสมบัติเหมาะสมในการประดิษฐ์ที่สุด คือ ใบตองกล้วยตานี วัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในงานใบตอง จ าเป็นต้อง จัดเตรียมไว้ให้เหมาะสมกับชิ้นงาน และมีประสิทธิภาพ ดังนี้ 1. ใบตองตานี มีผิวเป็นมัน สีเขียวเข้ม ไม่แห้งกราก เหนียวนุ่ม ไม่เปราะ ไม่ ฉีกขาดง่าย มีความหนาบางพอเหมาะ สีของใบตองจะไม่ตกติดอาหาร ถึงแม้จะถูก ความร้อน 2. กรรไกร ขนาดและรูปร่างเหมาะมือ น ้าหนักเบาและคมตลอดปลาย เวลา จับ นิ้วทั้งหมดเข้าช่องได้ พอดี ตัดใบตองใช้กรรไกรขนาดใหญ่ ตัดด้ายใช้กรรไกร ขนาดเล็ก 3. เข็มมือ ถ้างานละเอียดชิ้นเล็กมากใช้เบอร์ 9 ถ้างานปกติใช้เบอร์ 8 เลือก ที่แข็งแรง รูกว้างและตัวยาว 4. ตะปูหมุด ชนิดหัวมุกใช้ในบางครั้งที่ต้องการกลัด หรือตรึงให้อยู่กับที่ ชั่วคราว ส่วนชนิดหัวเล็กใช้บ่อย ต้องเลือกตัวยาวและปลายแหลม 5. ไม้กลัด ขนาดเล็กแหลมแข็งแรง ใช้ไม้ติดผิวหรือใกล้ผิว 6. ด้าย สีเขียวเข้มหรือสีด าเบอร์ 60 ใช้สองเส้นดีกว่าเส้นเดียว เพราะใช้ เส้นเดียวจะมีความคมตัดใบตองให้ขาดง่าย
7. ผ้าขาวบาง สำหรับห่อใบตองที่ฉีกแล้วหรือห่อผลงานที่แช่น้ำพอแล้ว 8.ผ้าเช็ดใบตองใช้ผ้าฝ้ายดีกว่าผ้าผสมใยสังเคราะห์เพราะนุ่มและดูดซึมได้ดีกว่า 9. ไม้บรรทัด เลือกที่เห็นเส้นและบรรทัดชัดเจน 10. มีด มีดเล็กบางคม สำหรับไว้ตัดก้านดอก เกลาผักผลไม้ หั่นหยวกกล้วย เหลาไม้ 11. กระบอกฉีดน้ำ ควรใช้ชนิดที่ปรับให้เป็นละอองฝอยได้ ใช้สำหรับไว้พรม ดอกไม้ ใบไม้ ให้เกิด ความชุ่มชื้นก่อนใช้งาน และขณะใช้งาน 12. ถาด สำหรับใส่ดอกไม้ ใบไม้ และอุปกรณ์ ในงานดอกไม้สดทุกชนิด สำหรับอำนวยความสะดวกในการทำงานหรือเก็บชิ้นงาน
5. การเตรียมใบตอง 1. การเลือกใบตอง ใบตองนั้นมีอยู่หลายชนิด ได้แก่ ใบตองตานีใบตองกล้วยน ้าว้า ใบตอง กล้วยหอม ฯลฯซึ่งใบตองที่เหมาะส าหรับการน ามาประดิษฐ์งานใบตองนั้น ควร เลือกใช้ใบตองตานี เพราะใบตองตานีจะมีความนุ่มเหนียว ไม่เปราะไม่ฉีกขาด ง่าย และมีสีเขียวเข้ม 2. การเช็ดใบตอง ใช้ผ้าฝ้าย เนื้อนุ่ม แห้ง และสะอาดเช็ดจากโคนไปหาปลายริ้วใบตอง เช็ดทั้งด้านสีเขียว และด้านนวลถ้ามีรอยเปื้อน ใช้ผ้าชุบน ้าหมาดๆ เช็ดออกให้ สะอาดถ้ามีฝุ่นเกาะทั่วทั้งใบ ล้างน ้าให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง แล้วเช็ด 3. การฉีกใบตอง 1. ใช้ไม้บรรทัดวัดตามความกว้างของใบตองตามขนาดที่ต้องการ 2. ใช้เข็มหมุดจิกแล้วฉีก หรือถ้ามีเล็บมือใช้เล็บหัวแม่มือฉีกจากหัวใบตองไปทางปลายใบ 3. ใช้แม่แบบวางทาบบนใบตองแผ่นใหม่แล้วฉีกให้ได้ตามจ านวนที่ต้องการ
6. ประโยชนของงานใบตอง 1. ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน 1.1 ใช้ใส่อาหาร ห่ออาหาร ห่อขนม ห่อของ ห่อผัก ห่อดอกไม้ ช่วยให้สดทนนาน 1.2 ช่วยให้ขนมและอาหารสีสวยและมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน 2. ประโยชน์ในโอกาสพิเศษ 2.1 งานวันสำคัญ ประดิษฐ์ภาชนะใส่ดอกไม้ ขนม ผลไม้ และใส่อาหารนำไปให้บุคคล ซึ่งเคารพ นับถือ ในวันคล้ายวันเกิด วันปีใหม่ วันขึ้นบ้านใหม่ วันประสบความสำเร็จ วันฉลองโชคชัย วันเยี่ยมไข้ หรือ แม้แต่วันจากไป 2.2 งานประเพณีนิยม ชาวไทยยมประดิษฐ์ผลงานดอกไม้ใบตองแบบประณีตศิลป์ใช้ในงานพิธี เช่น พานขันหมาก ขันหมั้น ขันสินสอด พานรับน้าสังข์ บายศรี กระทงลอย ใช้ในงานต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็น ประเพณีที่งดงามของชาวไทยที่ควรจะฟื้นฟูและรักษาไว้ 2.3 งานพิธีทางศาสนา เช่น พานดอกไม้ธูปเทียน กระทงดอกไม้แต่งเทียนพรรษากระถางธูป ชิง เทียน เป็นต้น 3. สร้างสรรค์ศิลปะมรดกของชาติ ผลงานประณีตศิลป์เป็นศิลปะมรดกแขนงหนึ่งที่บ่งบอกถึงความเป็น ไทยเพระมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความละเอียด ประณีต อ่อนโยน มีระเบียบ มีความสง่างาม มีความงามแบวิจิตร พิสดาร ที่ไม่มีชาติใดในโลกมีเหมือน 4. ช่วยให้จิตใจสงบร่มเย็น การนาใบตองมาประดิษฐ์เป็นสิ่งสวยงามย่อมนามาซึ่งความเพลิดเพลิน ความ สงบร่มเย็นแห่งจิตใจ เพราะจิตใจมีสมาธิ ความคิดก็เกิดจิตนาการ ผู้ที่ทางานใบตองจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดี คิดแต่สิ่ง ที่ดีงาม อันนามาซึ่งความประพฤติชอบ 5. เป็นอาชีพหลักและอาชีพรองถ้ามีใจรักงานด้านนี้และมีงานอื่นเป็นหลักอยู่ก็ใช้เป็นอาชีพเสริมหรือ อาชีพรองช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว หรือถ้ามีใจรักมาก ๆ ก็ใช้เป็นอาชีพหลักได้
7. การถักตะขาบ วิธีทำ 1. ฉีกใบตองกว้าง 1/2 เซนติเมตร แล้วม้วนโดยเส้น ทางขวามือซ้อนทับบนเส้นทางซ้ายมือ 3. ดึงเส้นด้านซ้ายให้แน่น 5. สอดสลับไปมา จนเส้นใบตองสั้นสุดใบตอง 7. ถักจนได้ความยาวตามต้องการ 2. จับเส้นทางขวามือสอดเข้าใน ห่วง 6. ต่อตัวตะขาบ ให้สอดใบตองด้านหน้าตัว ตะขาบ อ้อมสอดเก็บปลายทางด้านหลัง แล้วก็ทำเช่นเดียวกัน 4. สอดเส้นด้านซ้ายเข้าในห่วง ดึงเส้นด้านขวาให้แน่น
8. กลีบกุหลาบ วัสดุ อุปกรณ์ 1.ใบตองตานี 2. กรรไกร 3. เข็ม 4. ด้าย 5.ผ้าเช็ดใบตอง 6. ที่ฉีดน้ำ 7.ไม้บรรทัด กลีบกุหลาบเต็มกลีบด้านข้างซ้ายและขวา พับทบใบตองด้านขวาไปทางซ้าย แล้วตลบใบตอง ด้านบนกลับมาทางขวาให้โค้งเป็นกลีบกุหลาบครึ่งกลีบ ฉีกใบตองกว้าง 1.5 นิ้ว ยาว 5 นิ้ว พับ ใบตองทั้งสองข้างลงมาตั้งฉาก หากพับเป็นกลีบกุหลาบเต็มกลีบโดยตลบ ใบตองด้านหลังให้โค้งเช่นเดียวกับด้านหน้า เข้ากลีบกุหลาบนำมาซ้อนด้านหลัง ทางด้านสันทบ เมื่อพับใบตองได้รูปทรงตามต้องการในการเย็บเรียง กลีบจะต้องจับปลายกลีบให้เท่ากันโดยตลอด ควร เลือกใบตองที่มีสีสม่ำเสมอกัน ทั้งชิ้นงาน และหมั่น ฉีดน้าบ่อย ๆ ในขณะเย็บชิ้นงานเพื่อให้ใบตองสด อยู่เสมอ
9. กลีบกุหลาบแย้ม 1. ฉีกใบตองขนาด 1.5 นิ้ว พับครึ่ง 2. พับริมแข็งด้านซ้ายลงมาตั้งฉาก 3. พับริมอีกด้านลงมาตั้งฉาก 4.พับทบสองข้างเข้าหา กัน 5. ตลบสันทบกลับมาทางขวาให้ เป็นโค้งทแยง หัวแม่มือซ้ายแตะ สันทบส่วนบนไว้ให้อยู่ตัว เป็นกลีบ กุหลาบครึ่ง 6. พับต่อเนื่องจากกลีบกุหลาบครึ่งโดย พับอีกข้างเช่นเดียวกับ เป็นกลีบ กุหลาบแย้ม 7. เข้ากลีบกุหลาบแย้มนำมาซ้อนกัน ทางด้านสันทบจัดให้โค้งทแยงทับกัน ระยะห่าง 5 มิลลิเมตรครบ 3 กลีบใช้ ด้ายเย็บด้นถอยหลัง 8. เมื่อเย็บจนได้ความยาวที่ต้องการ แล้ว นำตองชิ้นสุดท้ายสอดเข้าไปใน ตองชิ้นที่หนึ่งบรรจบต่อกันให้สนิท เย็บ ให้เรียบและแน่น แนวฝีเข็มต่อเป็นแนว เดียวกัน 9. เย็บเสร็จใช้ตะขาบปิดรอยเย็บ
10. กลีบผกา ฉีกใบตองกว้าง ๓ นิ้ว พับใบตอง ด้านซ้ายเลยตั้งฉากเล็กน้อย พับใบตองด้านขวาลงมาให้ชิดด้านซ้าย จากนั้น พับอีกครั้งโดยให้ด้านขวาทับด้านซ้ายเพียงครึ่ง กลีบเป็นกลีบผกาพับอีกกลีบนำมาซ้อนกันเย็บ เป็นกลีบผกาซ้อน เตรียมใบตองวงกลม 4 ชิ้น วางสับทางกันแล้วเย็บดอก จันทร์ตรงกลาง จากนั้นน ากลีบผกาที่เย็บเสร็จแล้วมาเย็บใส่โดยเย็บสับหว่าง กันจนรอบแผ่นวงกลม จากนั้นเย็บตะขาบปิดลอยเย็บ
บายศรีปากชาม บายศรีปากชาม จะเป็นบายศรีขนาดเล็ก นำใบตองมาม้วนเป็นรูปกรวยใส่ข้าวสุกข้างใน ตั้งกรวยคว่ำไว้ กลางชามขนาดใหญ่ ให้ยอดแหลมของกรวยอยู่ข้างบนและบนยอดให้ใช้ไม้เสียบไข่ต้มสุกปอกเปลือกที่เรียกว่า “ไข่ ขวัญ” ปักไว้โดยมีดอกไม้เสียบต่อขึ้นไปอีกทีการจัดทำบายศรีเพื่อประกอบพิธีกรรมตอนเช้า มักจะมีเครื่อง ประกอบบายศรีเป็นอาหารง่ายๆ เช่น ข้าว ไข่กล้วย และแตงกวา แต่ถ้าหลังเที่ยงไปแล้วไม่นิยมใส่ข้าว ไข่แต่จะใช้ ดอกบัวเสียบบนยอดกรวยแทนและใช้ดอกไม้ตกแต่งแทนกล้วยและแตงกวา อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำบายศรี การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เป็นการเตรียมการที่ดี สามารถดำเนินงานได้ด้วยความเรียบร้อย รวดเร็วซึ่งมีอุปกรณ์ที่ควรจะต้องเตรียมไว้ดังต่อไปนี้ 1. ใบตอง (ควรให้ใบตองกล้วยตานี) 2. พานแว่นฟ้า ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ผูกติดกันไว้ด้วยลวด และรองพื้นพานด้วยโฟม 3. ภาชนะปากกว้างสำหรับใส่น้ำแช่ใบตอง 2 ใบ 4. สารส้ม 5. น้ำมันมะกอก ชนิดสีเหลือง หรือขาว 6. ไม้ปลายแหลม (ขนาดไม้เสียบลูกชิ้น) ประมาณ 20-30 อัน 7. ดอกไม้ (ดอกพุด ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ฯลฯ) 8. กรรไกร สำหรับตัดใบตอง 9. ลวดเย็บกระดาษ
การพับกรวย และห่อกรวย การพับหรือห่อกรวย หมายถึงการนำใบตองที่ฉีกเตรียมไว้แล้วสำหรับพับกรวย มาพับ โดยการพับกรวยแม่ และกรวยลูกจะมีลักษณะวิธีการพับเหมือนกัน คือ การนำใบตองมาพับม้วนให้เป็นกรวยปลายแหลม เพียงแต่กรวย ลูกจะมีการนำดอกพุด มาวางเสียบไว้ที่ส่วนยอดปลายแหลมของกรวยด้วย เมื่อพับหรือม้วนใบตองเป็นกรวยเสร็จ ในแต่ละกรวยแล้ว ให้นำลวดเย็บกระดาษ มาเย็บใบตองไว้เพื่อป้องกันใบตองคลายตัวออกจากกัน แล้วเก็บกรวยแต่ ละประเภทไว้จนครบจำนวนที่ต้องการเมื่อได้กรวยแต่ละประเภทครบตามจำนวนที่ต้องการแล้ว ก็นำกรวยที่ได้มา ห่อ โดยการนำใบตองที่ฉีกเตรียมไว้สำหรับห่อมาห่อกรวย หรือเรียกอีกอย่างว่า ห่มผ้า หรือ แต่งตัวให้กรวยบายศรี ส่วนวิธีการห่อ การห่อริ้วบายศรีและการแช่น้ำ การห่อริ้วบายศรี คือการนำกรวยแม่ และ กรวยลูกที่ได้ห่อกรวยไว้เรียบร้อยแล้ว มาห่อมัดรวมเข้าไว้ ด้วยกัน ที่นิยมทำกัน ใน 1 ริ้ว จะประกอบด้วย กรวยแม่ 1 กรวย กรวยลูก 9 กรวย วิธีการห่อริ้ว มีการห่อคล้ายกับการห่อกรวยแม่หรือกรวยลูกจะแบ่งวิธีตามลักษณะงานที่ได้เป็น 2 วิธีคือ 1. ห่อแบบตรง คือการห่อโดยเริ่มต้นจากกรวยแม่ แล้ววางกรวยลูกไว้ด้านบนกรวยแม่เป็นชั้นๆทับกัน ขึ้นมา หรือหันกรวยลูกเข้าหาตัวผู้ห่อ การห่อแบบนี้ จะได้ริ้วบายศรีค่อนข้างตรง และในช่วงตัวริ้ว จะมีรอยหยักของ ใบตองห่อเรียกว่า มีเกล็ด 2. ห่อแบบหวาน คือการห่อ โดยเริ่มต้นจากกรวยแม่ แต่วางกรวยลูกไว้ด้านล่างของกรวยแม่ และวางซ้อน ลงด้านล่างลงไปจนครบ หรือหันกรวยแม่เข้าหาตัวผู้ห่อ โดยวางกรวยลูกลงด้านล่างจนครบนั่นเอง การห่อแบบนี้ จะได้ริ้วบายศรีเป็นลักษณะอ่อนช้อย งอน อ่อนหวาน เมื่อห่อริ้วจนเสร็จในแต่ละริ้วแล้ว จึงนำริ้วที่ได้ลงแช่ในน้ำผสมสารส้มที่เตรียมไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อให้ ใบตองเข้ารูปทรง อยู่ตัวตามที่ได้พับและห่อ จากนั้น จึงนำไปแช่ในน้ำผสมน้ำมันมะกอกต่อไป เพื่อให้ริ้วมีความเป็น มันวาว เน้นสีเขียวเข้มของใบตองมากขึ้น และมีกลิ่นหอมในตัวเอง
วิธีการทำบายศรีปากชาม 1. ฉีกใบตองตัวขนาดกว้าง 2 นิ้ว ยาว 5 นิ้ว และฉีกผ้านุ่งใบตองกว้าง 2 นิ้ว 2. จับมุมบนด้านขวาม้วนลงมากึ่งกลางใบ แล้วม้วนไปจนสุดขอบใบอีกด้าน 3. นำตัวแม่บายศรีมานุ่งผ้าโดยพับกึ่งกลาง ใบตองจากกึ่งกลางพับเป็นมุมป้านทั้ง 2 ด้าน จากนั้นนำปลายแหลมของผ้านุ่งมาวางกึ่งกลาง ที่ตัวแม่บายศรีและพับทางด้านซ้ายทับด้านขวา ดึงผ้านุ่งให้แน่นเย็บด้วยด้ายสีเขียว 4. นำลูกบายศรีมาจับวางเรียงต่อจากตัว แรกแล้วห่มด้วยผ้านุ่งนำเข็มเย็บตัว บายศรีให้ได้ 7 ชั้น (ทำลูกบายศรี 7 ชั้น จำนวน 3 ตัว)
เย็บแบบกลีบบัว วัสดุอุปกรณ์ 1. ดอกกุหลาบมอญ 2. ใบตอง 3. สนฉัตร 4. เข็มมือ 5. ลวด 6. ด้ายขาวและด้ายเขียว 7. กรรไกร ขั้นตอนการประดิษฐ์ 2. ดามลวดกลางแบบเย็บตรึงด้วยเข็มและด้าย 4. นำสนฉัตรเย็บกุ้นขอบแบบกลีบบัวทั้ง 2 ด้าน 5. จากนั้นเย็บกลีบกล้วยไม้หรือกลีบกุหลาบ เป็นกลีบบัวหงาย 3. พับกลีบผกาสวมที่ปรายแบบเย็บตรึงด้วยเข็มและด้าย 1. ตัดใบตอง 2 ชิ้นวางสลับเส้นใบตองเย็บตรึงด้วยเข็มและ ด้ายตรงกลางนำแบบกลีบบัววางทาบตัดตามรูปทรงแบบ
เย็บแบบทัดหู 1. ตัดใบตอง 2 ชิ้นวางสลับเส้นใบตอง เย็บตรึงด้วยเข็มและด้ายตรงกลางนำตัด ตามรูปทรงแบบ . 2. พับกลีบกุหลาบมอญเย็บเรียงด้าน ในแบบ 3. ภาพสำเร็จเย็บกลีบกุหลาบมอญเย็บ เรียงด้านในแบบ ภาพสำเร็จแบบกลีบบัวหงายกุหลาบ