The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

“ภูมิไทยชุดไทย” เครื่องแต่งกายของชนเผ่าลาหู่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Khankaew Rtavlx, 2024-04-19 06:12:40

“ภูมิไทยชุดไทย” เครื่องแต่งกายของชนเผ่าลาหู่

“ภูมิไทยชุดไทย” เครื่องแต่งกายของชนเผ่าลาหู่

รายงานผลการวิจัย เรื่อง ภูม ิไทยชุดไทย ชนเผ ่ าลาห ู่ญ ี จัดท าโดย กองเลขาเคร ื อข่ายวฒันธรรมลาหู่ สมาคมศูนย ์ รวมการศ ึ กษาและวฒันธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (ศวท. /IMPECT) สน ั บสน ุ นโดย ส านักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.)


รายงานผลการวิจัย เรื่อง ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ญ ี จัดท าโดย กองเลขาเคร ื อข่ายวัฒนธรรมลาหู่ สมาคมศูนย ์ รวมการศ ึ กษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (ศวท. IMPECT) สนับสนุนโดย ส านักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.)


ค าน า เครือข่ายวฒันธรรมลาหู่ภายใตสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒธรรมของชาวไทย ้ ภูเขาในประเทศไทย เกิดข้ึนจากการรวมตวักนัของพี่นอ ้ งลาหู่แกนนา และผนู้ า ชุมชนต่างๆ ใน พ้ืนที่จงัหวดัเชียงใหม่และ เชียงราย โดยมีวตัถุประสงคห ์ ลกัคือ เพื่อร่วมเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ช่วยเหลือกนัร่วมอนุรักษ ์ สืบทอดประเพณีวฒันธรรมของชนเผา่ ใหด ้ า รงอยู่และร่วมกบัชนเผา่ อื่นในการผลกัดนัแกไ้ ขปัญหาบนพ้ืนที่สูง ตลอดจนเผยแพร่ ประชาสัมพนัธข ์ อ ้ มูลที่ถูกตอ ้ ง ดีงาม ใหก ้ บัสาธารณะชนไดร ้ับรู้ เขา ้ใจและเกิดการยอมรับ รายงานผลการวิจัย “ภูมิไทยชุดไทย ชนเผา่ลาหู่” เล่มน้ีเป็ นผลงานการวิจยัที่ได้ศึกษา รวบรวมองคค ์ วามรู้ การแต่งกาย และเครื่องแต่งกายของชนเผา่ลาหู่ที่ไดม ้ีการสั่งสม เรียนรู้ ปฏิบตัิสืบทอดกนัมาต้งัแต่บรรพกาล คณะนกัวิจยัและเครือข่ายลาหู่ขอขอบคุณแกนนา ผรูู้้ ผอู้ าวโุส ชุมชนบา ้ นขนุหว ้ ยไส้ บา ้ นหนองเต่า บา ้ นเจียจนัทร ์ อา เภอเชียงดาว และบา ้ นใหม่โป่งจ ๊ อก อา เภอไชยปราการ จงัหวดั เชียงใหม่ที่ไดใ้ หข ้ อ ้ มลูเรื่องการแต่งกายและเครื่องแต่งกาย รวบรวมจดัทา ไวเ ้ป็ นองคค ์ วามรู้ ชนเผา่เพื่อใชป้ ระโยชน ์ในการศึกษา เรียนรู้ คน ้ ควา ้ และสืบทอดต่อไป ท้งัน้ีขอขอบคุณ สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย ศวท. (IMPECT) ที่ ส่งเสริมและสนบัสนุนการศึกษาวิจยัและขอขอบคุณอยา่งยงิ่กบัสา นกังานคณะกรรมการ วฒันธรรมแห่งชาติ (สวช.) ที่ไดเ ้ ลง ็ เห ็ นความสา คญัและคุณคา่ของเครื่องแต่งกายชนเผา่ลาหู่ พร ้ อมท้งัใหก ้ ารสนบัสนุนงบประมาณในการศึกษาวิจยัสา เร ็ จลุล่วงไปดว ้ ยดีจึงขอขอบคุณ มา ณ โอกาสน้ี คณะนักวิจัย กนัยายน 2548


สารบัญ หน้า ค าน า ก บทน า 1-7 บทที่ 1 1.ประวตัิความเป็ นมาของชนเผา่ลาหู่8 2.โครงสร้างการปกครอง 8 3.โครงสร้างทางสังคม 9 4.การกระจายตัว 10 5.เศรษฐกิจ 10 6.ลักษณะบ้าน 10-11 7.ครอบครัว เครือญาติ 11 8.ศาสนา และความเชื่อ 11 9.การแต่งกาย 11-12 10.ภาษา 12 บทที่ 2 1.ขอ ้ มูลพ้ืนฐานชุมชนบา ้ นขนุหว ้ยไส้ 13 บทที่ 3 1.ประวตัิศาสตร ์ ตา นาน ความเชื่อเกี่ยวกบัเครื่องแต่งกายของลาหู่ญี17 2.กระบวนการผลิตเครื่องแต่งกาย 18 3.โครงการเทคนิคการสร้างสีและย้อมสี 18-20 4.รูปแบบเครื่องแต่งกายของชนเผา่ลาหู่ญีในอดีต 20-24 5.เครื่องประดับบนชุดเครื่องแต่งกาย 24-25 6.โครงสร้างและเทคนิคการตัดเย็บ 25-27 7.แบบลวดลายที่ประดบับนชุดเครื่องแต่งกายของผหู้ ญิง 27 8.การใชป้ ระโยชน ์ และค่าใชจ ้่ายเกี่ยวกบัผลิตภณัฑแ ์ ละเครื่องประดบั 27-28


9.กระบวนการสืบทอดองคค ์ วามรู้ การแต่งกาย และเครื่องแต่งกายของชนเผา่ 29-30 10.ความเชื่อและแรงบนัดาลใจในการสร ้ างสรรคเ ์ ครื่องแต่งกาย 30-31 11.กระบวนการเลือกรับ ปรับใช ้ ที่มีต่อกระแสการเปลี่ยนแปลง 31-32 12.การเคลื่อนตวัของวฒันธรรมเครื่องแต่งกาย 32-33 13.ข้อเสนอแนะ 33 บทที่ 4 รายชื่อผู้รู้ 34 บทที่ 5 ภาคผนวก 35-44


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 1 บทน ำ 1. ควำมเป็ นมำและควำมส ำคัญของปัญหำ เป็ นที่ยอมรับกนัโดยทวั่ ไปแลว ้ วา่ 8 จังหวัดทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยอัน ประกอบดว ้ ยจงัหวดัเชียงใหม่ เชียงราย ล าพูน ล าปาง แมฮ่ ่องสอน น่าน พะเยา และตาก เป็ น ภูมิภาคที่ประกอบดว ้ ยประชากรกลุ่มชาติพนัธุ์ ต่างๆ มากมาย รวมแลว ้ไม่นอ ้ ยกวา่ 10 ชาติพนัธุ์ เช่น นอกจากประชากรส่วนใหญ่ที่เป็ นชาวพ้ืนราบหรือ “คนเมือง” แลว ้ ยงัประกอบดว ้ ย กลุ่มชาติพนัธุ์ ชนเผา่ที่อาศยัอยบู่นพ้ืนที่สูง ไดแ ้ ก่ชนเผา่ ปกาเกอะญอ ชนเผา่มง ้ ชนเผา่เมี่ยน ชนเผา่ลาหู่ ชนเผา่ ลีซู ชนเผา่อาข่า ชนเผา่ลวัะ ชนเผา่ขมุ และชนเผา่มาบรีเป็ นตน ้ โดยท้งัหมดเป็ นกลุ่มชาติพนัธุ์ ชน เผา่ที่มีวิถีชีวิตสอดคลอ ้ งและพ่ึงพาอาศยัอยกู่บัธรรมชาติในป่าเขาบนพ้ืนที่สูงมาโดยตลอด อยา่งไรก ็ ตาม แต่ละชนเผา่บนพ้ืนที่สูงต่างก ็ มีความเชื่อ ประเพณีวฒันธรรม ภาษาและการแต่งกายที่เป็ น เอกลักษณ์ของตนเองที่แตกต่างกนัออกไป ชนเผา่ลาหู่ก ็ เป็ นชนเผา่หน่ึงที่มีเอกลกัษณ ์ เป็ นของตนเอง มีองคค ์ วามรู้ ภูมิปัญญาดา ้ นต่างๆ มากมาย และเรียนรู้ ถ่ายทอดสืบทอดมาชา ้ นานแต่คร้ังบรรพชน อยา่งไรก ็ ตามดว ้ ยเหตุปัจจยัต่างๆ ในยคุโลกไร ้ พรมแดนไดส้่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ความเป็ นอยู่ ความเชื่อ ประเพณีวัฒนธรรมและ เอกลกัษณ ์ ของชนเผา่ลาหู่อยไู่ม่นอ ้ ย ในขณะที่ชนเผา่ลาหู่เองก ็ มีความพยายามที่จะรวมตวักนัเป็ น ชมรม สมาคม เพื่อเป็ นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ อันจะน าไปสู่การพฒันาและสร ้ างสรรค ์ ชนเผา่ลาหู่ใหม ้ีความเป็ นอยแู่ละมีฐานะทางสังคมที่ดีข้ึน ไดร ้ับการยอมรับมากข้ึน วิธีการหนึ่งที่ แกนนา และคณะทา งานเครือข่ายวฒันธรรมลาหู่มีความเห ็ นร่วมกนัคือการศึกษารวบรวมองคค ์ วามรู้ ภูมิปัญญาดา ้ นต่างๆ ของชนเผา่ลาหู่เพื่อใชเ ้ป็ นประโยชน ์ในการร้ือฟ้ืน และถ่ายทอด สืบทอด องค ์ ความรู้ ต่างๆ ดงักล่าว สืบต่อไป ใหน ้ านเท่านาน การศึกษาวิจยัคร้ังน้ีจึงเป็ นความพยายามหน่ึงของคณะนกัวิจยัในการคน ้ หาขอ ้ มูลและคา ตอบ เพื่อให้ เข้าใจถึงประวัติศาสตร์ความเป็ นมา ความเชื่อ วิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม และจิตวิญญาณ ของชนเผา่ลาหู่ในดา ้ นการแต่งกายตามประเพณีท้งัในอดีต ปัจจุบนัตลอดจนพยายามมองถึง แนวโนม ้ในอนาคต เพื่อนา ขอ ้ มูลเหล่าน้ีไปประยกุตใ์ ชใ้ หเ ้ กิดประโยชน ์ สูงสุดต่อวิถีการดา เนินชีวิต ในโลกยคุปัจจุบนัไดอ ้ ยา่งยงั่ยนืมีเอกลกัษณ ์ และเกิดความภูมิใจในความเป็ นชนเผา่ตนเอง สืบ ต่อไป


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 2 2.วัตถุประสงค ์ กำรวิจัย 2.1 วตัถุประสงค ์ ทั่วไป 1) เพื่อสร ้ างการมีส่วนร่วมของชุมชนและเครือข่ายวัฒนธรรมลาหู่ในการร้ือฟ้ืนฟ้ืนฟแูละ อนุรักษ์สืบทอด ถ่ายทอด องคค ์ วามรู้ ดา ้ นการแต่งกายตามประเพณีของชนเผา่ลาหู่ 2) เพื่อน าข้อมูลองค์ความรู้ภูมิปัญญาดา ้ นการแต่งกายตามประเพณีของชนเผา่ลาหู่ไปพัฒนา เป็ นสื่อเผยแพร่สร ้ างความเขา ้ใจ สร้างการยอมรับจากสาธารณชน ต่อไป 2.2วัตถุประสงค ์ เฉพำะ 1) เพื่อศึกษาและรวบรวมข้อมูลเครื่องแต่งกายจัดท าไว้เป็ นหนังสือองค์ความรู้ภูมิปัญญา ดา ้ นเครื่องแต่งกายของชนเผา่ลาหู่ 2) เพื่อศึกษาถึงความสัมพันธ์ของเครื่องแต่งกายที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตและวฒันธรรม ของชนเผา่ลาหู่ 3) เพื่อพัฒนาเป็ นหลักสูตรทอ ้ งถิ่นชนเผา่ลาหู่ ใชเ ้ป็ นสื่อการเรียน การสอนและการเผยแพร่ ต่อไป 3. ระเบียบวิธีวิจัย การศึกษาวิจยัคร้ังน้ีเป็ นการศึกษาวิจยัเชิงปฏิบตัิการอยา่งมีส่วนร่วม (Participatory Action Research / PAR) โดยเป็ นการทา วิจยัร่วมกนัระหว่างนกัวิจยหลักที่เป็ นเจ้าหน้ ัาที่ชนเผา่ลาหู่จาก สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (ศ.ว.ท. / IMPECT) ร่วมกบันกัวิจยัที่เป็ นตวัแทนจากชุมชนและเครือข่ายวฒันธรรมลาหู่ในพ้ืนที่ทา การวิจยั 4. กระบวนกำรขั้นตอนกำรศึกษำวิจัย การด าเนินงานโครงการวิจัยภูมิไทยชุดไทยในส่วนของชนเผา่ลาหู่น้นัสามารถแบ่ง กระบวนการและข้นัตอนการด าเนินงานโครงการศึกษาวิจัยคร้ังน้ีออกไดด ้ งัน้ี 4.1 กระบวนกำรรับทรำบนโยบำยโครงกำร 1)ประชุมรับทราบนโยบายการมีส่วนร่วมในโครงการศึกษาวิจยัจากผอู้ า นวยการสมาคมศูนย ์ รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย(ศวท. / IMPECT) 2)กองเลขาเครือข่ายวฒันธรรมลาหู่ประชุมวางแผนการดา เนินงานโครงการร่วมกนั


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 3 4.2 กระบวนกำรคัดเล ื อกชุมชนเป้ำหมำย 1) นา เรื่องเขา ้ ที่ประชุมคณะทา งานเครือข่ายวฒันธรรมลาหู่ เพื่อสร้างความเข้าใจและการมี ส่วนร่วมใน โครงการจากทุกส่วนที่เกี่ยวขอ ้ ง 2) ที่ประชุมอภิปรายแลกเปลี่ยนและลงมติคัดเลือกชุมชนเป้าหมายที่จะท าการการศึกษาวิจัย 3) วางแผนการดา เนินงานร่วมกบัแกนนา ชุมชนเป้ าหมาย 4.3 กระบวนกำรด ำเนินงำนรวบรวมข้อมูลงำนวิจัย 1) จัดเวทีสร้างความเข้าใจโครงการและศึกษารวบรวมข้อมูลเบ้ืองต้นซ่ึงแบ่งเป็ น กระบวนการ ข้นัตอนยอ่ยๆ ดงัน้ี 1.1) การสร้างความเข้าใจภาพรวมท้งัหมดของโครงการ 1.2) การจดัโครงสร ้ างและการมีส่วนร่วมในการดา เนินงาน 1.3) การวางแผนงานและกิจกรรมการดา เนินงาน 1.4) การเลือกพ้ืนที่เป้ าหมาย(ชุมชน) -ขอ ้ มูลพ้ืนฐานของชุมชนบา ้ นขุนห้วยห้วยไส้ -ข้อมูลผู้รู้รายบุคคล -ข้อมูลองค์ความรู้เรื่องการแต่งกาย 2)จัดเวทีศึกษารวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ภูมิปัญญาด้านการแต่งกายตามประเพณีของชนเผา่ ลาหู่ ซ่ึงแบ่งเป็ นข้นัตอน กระบวนการต่างๆ ดงัน้ี 2.1) การระดมข้อมูลความรู้การแต่งกายตามประเพณีของชนเผา่ลาหู่ในกลุ่มใหญ่ 2.2) การแบ่งกลุ่มยอ่ยรวบรวมขอ ้ มูลเชิงลึกตามประเด ็ นหวัขอ ้ 2.3) การบันทึกเป็ นรูปวาด 2.4) การบนัทึกเป็ นภาพถ่าย 2.5) การบันทึกเสียงในเทปคาสเซ็ท 5. เคร ื่องม ื อที่ใช้ศึกษำรวบรวมข้อมูล 1) การบนัทึกขอ ้ มูลจากการระดมในกลุ่มใหญ่ 2) การบันทึกขอ ้ มูลจากการระดมในกลุ่มยอ่ย 3) การออกแบบสอบถามและการสัมภาษณ์ผู้รู้รายบุคคล


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 4 4) การออกแบบสอบถามและการสัมภาษณ์รายครัวเรือน 5) การบันทึกเทปคาสเซ็ท 6) การบันทึกภาพ ถ่าย 6.กำรวิเครำะห ์ ข้อมูล 1) จดัเวทีตรวจสอบและวิเคราะห ์ ขอ ้ มูลโดยกลุ่มผรูู้้ในชุมชนที่ทา การศึกษา 2) จัดเวทีตรวจสอบและวิเคราะห ์ ขอ ้ มูลร่วมโดยกลุ่มผรูู้้ในชุมชนและผรูู้้ จากเครือข่าย 3) การตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลรายบุคคลจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม 7. ขอบเขตกำรศึกษำวิจัย 7.1 ขอบเขตพื้นที่กำรศึกษำวิจัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้ใช้พื้นที่ศึกษาวิจัยที่ชุมชนลาหู่ บ้านขุนห้วยไส้ หมู่ที่7 ต าบล เมืองนะ อ าเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นหลัก และรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้รู้บ้านเจียจันทร์ บ้านหนองเต่า บ้านนาน้อย อ าเภอเชียงดาวและบ้านใหม่โป่ งจ๊อกพัฒนา อ าเภอไชยปราการจัง หวัด.เชียงใหม่ 7.2 ขอบเขตเนื้อหำกำรศึกษำวิจัย ส่วนที่1 กำรออกแบบสร้ำงสรรค์ที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์และลักษณะเด่นของส่วนประกอบ 1. ประวัติศาสตร์ตา นานและความเชื่อเกี่ยวกบัเครื่องแต่งกายชนเผา่ลาหู่ 2. กระบวนการผลิตเพื่อไดผ ้ า ้ มาสู่การปักตดัเยบ ็ 3. โครงสร้างและเทคนิคการถักทอ 4. โครงสร้างการสร้างสีและการย้อมสี 5. การสร ้ างแบบเครื่องแต่งกายของชาวลาหู่ 6. รูปแบบเครื่องแต่งกายของชาวลาหู่ 6.1 การแต่งกายตามเพศ 6.2 การแต่งกายตามวยั 6.3 การแต่งกายตามโอกาส 6.4 การแต่งกายตามสถานะ 7. เครื่องประดับ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 5 8. โครงสร้างและเทคนิคการตัดเย็บ 9. เทคนิคการออกแบบจัดท าลวดลายและเครื่องประดบับนชุดเครื่องแต่งกาย 10. ความเชื่อและแรงบนัดาลใจในการสร ้ างสรรคช ์ุดเครื่องแต่งกาย ส่วนที่2 ควำมหมำยทำงสัญลักษณ์วัฒนธรรม 1. การใช้ประโยชน์ผลิตภัณฑ์ผ้าของชุมชน 1.1 ประเภทการใช้ประโยชน์ 1.2 ค่าใชจ ้่ายสา หรับการจดัซ้ือจดัหาและจดัทา เครื่องแต่งกาย 2. กระบวนการสืบทอด 2.1 พ้ืนที่การถ่ายทอด 2.2 กระบวนการถ่ายทอดสืบทอดองคค ์ วามรู้ การแต่งกาย 2.3 ผเู้ กี่ยวขอ ้ งในการสืบทอดองคค ์ วามรู้ การแต่งกาย 2.4 พ้ืนที่การแสดงออกของเครื่องแต่งกาย ส่วนที่3 กระบวนกำรเลือกรับปรับใช้ท่ำมกลำงกระแสกำรเปลี่ยนแปลง 3.1 ปัจจยัที่มีผลต่อการเลือกรับปรับใชเ ้ ครื่องแต่งกาย 3.2 สัญลกัษณ ์ เด่นที่ยงัคงอยใู่นกระแสการเปลี่ยนแปลง 3.3 แนวโน้มในอนาคต 3.4 ข้อเสนอแนะ 8. ระยะเวลำกำรด ำเนินงำนวิจัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้เริ่มด าเนินการตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม 2548 ถึงเดือน กันยายน 2548 รวมระยะเวลา 3 เดือน 9. โครงสร้ำงกำรด ำเนินงำนวิจัย 9.1 คณะนักวิจัย 1) นักวิจยัที่เป็ นตวัแทนจากเครือข่ายวฒันธรรมลาหู่ คุณจ่าทีจะคา ตา แหน่งผนู้ า หมู่บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ 2) นกัวิจยัหลกัจากกองเลขาเครือข่ายวฒันธรรมลาหู่(เจ้าหน้าที่IMPECT) 2.1) นายณรงค์เดช บูทะ กองเลขาเครือข่ายวฒันธรรมลาหู่ 9.2 คณะผู้รู้ผู้อำวุโส ที่ให้ข้อมูลในชุมชน


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 6 1) รำยชื่อผู้รู้ชนเผ่ำลำหู่ 1.1 นายอะไข่ขะจู ผรูู้้ บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.2 นายจะอื่อ จะคา ผรูู้้ บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.3 นางนาหยอ่จะคา ผู้รู้บ้านขุนห้วยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.4 นางนาทอ พันธุ์แสนกอ ผู้รู้บ้านขุนห้วยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.5 นานาปอย จะข ู่ผรูู้้ บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.6 นายจะนุ แกแล ผู้รู้บ้านเจียจันทร์ ม.13 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.7 นางนาแส ยะป่ ผรูู้้ บา ้ นเจียจนัทร ์ ม.13 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.8 นายอะโหล ปุแส ผู้รู้บ้านนาน้อย ม.9 ต.ปิ งโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.9 นายสาม แอฟูแส ผรูู้้ บา ้ นหนองเต่า ม.15 ต.ปิ งโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 20. นางนาแส แอฟู ผู้รู้บ้านหนองเต่า ม.15 ต.ปิ งโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 21. นายจะเคาะ บูทะ ผู้รู้บ้านใหม่โป่งจ ๊ อก ม.4 ต.แม่ทะลบ อ.ไชปราการ จ.เชียงใหม่ 9.3 ที่ปรึกษำ 1) นายศกัด์ิดา สินหมี่ ผู้อ านวยการสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและ วัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (ศวท./IMPECT) 2) นาย สันติชยัแซ่ยา่ง รองผู้อ านวยการสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและ วัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (ศวท./IMPECT) 3) นางสาวลาเคละ จะทอ เจ้าหน้าที่สมาคมฯ 4) นายอนุพงษ์ สิริพงศ์วาณิช เจ้าหน้าที่สมาคมฯ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 7


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 8 บทที่ 1 ประวัติศำสตร์ควำมเป็ นมำของชนผ่ำลำหู่ 1. ควำมเป็ นมำ ลาหู่มีภูมิลา เนาเดิมอยใู่นประเทศธิเบต หรือบริเวณใกลเคียงประเทศธิเบต เมื่อถูกชาวจีน ้ รุกรานบีบบงัคบัก ็ ค่อย ๆ ถอยร่นอพยพลงมาทางใต ้ ในศตวรรษที่ 17 และ 18 พวกลาหู่ไดต ้้งั อาณาจกัรอิสระของตนเองบริเวณเขตแดน พม่า – จีน ระหวา่งทิศตะวนัตกของเมืองวา ้ และทิศ ตะวนัออกของยนูนาน มีหวัหนา ้ปกครองกนัเอง ในปีพ.ศ. 2423 – 2433 พวกลาหู่ที่อาศยัอยใู่น บริเวณน้ีถูกทหารจีนรุกรานอีก จึงไดอ ้ พยพลงมาทางใต ้ บางพวกอพยพเขา ้ไปอาศยัอยใู่นลาว บาง พวกอาศยัอยใู่นบริเวณรัฐฉาน บางพวกอพยพมาอาศยัอยใู่นประเทศไทย ลาหู่ที่อพยพเขา ้สู่ประเทศไทยแบ่งออกเป็ นได ้ 7 กลุ่ม คือ ลาหู่ญี(แดง) ลาหู่นะ(ด า) ลาหู่บ่า หลา ลาหู่ซีและลาหู่เชเล ลาหู่แฮกก่ะแอะ พวกลาหู่ญี(แดง) ลาหู่นะ(ด า) และลาหู่ซี(เหลือง) อพยพจากพม่าและลาวสู่ไทย เมื่อประมาณ 50 ปีที่ผา่นมาน้ีส่วนลาหู่ชีและลาหู่เเชเล ไดอ ้ พยพจาก พม่าเขา ้สู่ไทยในเวลาไล่เลี่ยกบัสองพวกแรก 2. โครงสร้ำงกำรปกครอง หมู่บา ้ นของชาวลาหู่ทุกแห่งไม่วา่จะใหญ่หรือเลก ็ จะมีหวัหนา ้ หมู่บา ้ นอยคู่นหน่ึง บาง หมู่บา ้ นอาจมีผชู้่วยหวัหนา ้ อีกก ็ได ้ หวัหนา ้ หมู่บา ้ นมีหลายระดบัการแบ่งระดบัน้ีไดร ้ับอิทธิพลการ ปกครองภายนอก จะเห ็ นวา่พวกลาหู่ในรัฐฉาน ซ่ึงไดร ้ับอิทธิพลทางการปกครองจากไทยใหญ่ ตา แหน่งเหล่าน้ีบางส่วนก ็ เป็ นการเลือกข้ึนมา บางส่วนก ็ เป็ นมรดกตกทอดกนัมา ส่วนรัฐบาลไทย ยอมรับตา แหน่งหวัหนา ้ เพียงระดบัเดียว เรียกวา่ “แก่” ซ่ึงยอ่มาจากคา วา่ “ผู้แก่”ผทู้ี่ไดร ้ับการแต่งต้งั จากทางการก ็ มีตา แหน่งเป็ นผใู้ หญ่บา ้ น รับผิดชอบต่อรัฐบาลไทย หวัหนา ้ หมบู่า ้ นจะปกครองหมู่บา ้ นโดยการฟังเสียงจากสภาหมู่บา ้ น ซ่ึงประกอบดว ้ ย หวัหนา ้ หมู่บา ้ น ผชู้่วย (ถ้ามี) ผอู้ าวโุส ซ่ึงเป็ นที่เคารพนบัถือ และพ่อครูหรือพระประจา หมู่บา ้ น ไม่ใช่ทา การบริหารโดยอา เภอใจ พวกผสูู้งอายใุนหมู่บา ้ นอาจจะตดัสินให ้ หวัหนา ้ หมู่บา ้ นพน ้ จาก ต าแหน่งได ้ หรืออาจถูกขอร ้ องใหเ ้ปลี่ยนใจ ความคิดใหม่หวัหนา ้ หมู่บา ้ นจะเป็ นผไู้ กล่เกลี่ยกรณี พิพาทระหวา่งลูกบา ้ น การลงโทษจะเป็ นการปรับเงิน ถา ้ เป็ นกรณีร ้ ายแรง เช่น การฆาตกรรม จะนา ตวัผกู้ ระทา ผิดส่งใหต ้ า รวจไทยจดัการ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 9 3.โครงสร้ำงทำงสังคม 3.1 ครอบครัว ครอบครัวของลาหู่ประกอบดว ้ ยหวัหนา ้ ครอบครัว ภรรยาและลูก และหลายครอบครัวจะรวมเป็ นครัวเรือน อยภู่ายใตก ้ ารปกครองของหวัหนา ้ ครัวเรือน แต่ก ็ มีหลาย ครัวเรือนที่ประกอบดว ้ ยครอบครัวเดียว แต่ครอบครัวเหล่าน้ีต่อไปจะกลายเป็ นครัวเรือนข้ึนมาโดย นับญาติทางฝ่ ายสามี ภรรยาเข้าไปดว ้ ย และโดยที่ผชู้ ายลาหู่เมื่อแต่งงานแลว ้ ตอ ้ งไปอยกู่บัครอบครัว ของภรรยา ดงัน้นัหลายครัวเรือนจึงรวมถึงลูกสาวที่แต่งงานแลว ้ สามีและลูก ๆ ดว ้ ย ครัวเรือนจะเป็ นที่รวมความมนั่คงั่ของหมู่บา ้ น แต่ละครอบครัวจะมีสมบตัิของตวัเอง เพาะปลูกเอง แต่ผลผลิตที่ไดส้่วนหน่ึงนา ไปใหห ้ วัหนา ้ ครัวเรือน เช่น ครอบครัวหน่ึงไดผ ้ ลผลิต 3 ส่วน ตอ ้ งเอาไปใหห ้ วัหนา ้ ครัวเรือน 2 ส่วน ถา ้ ผลิตไดเ ้ พียงส่วนเดียวจะตอ ้ งเอาไปใหห ้ วัหนา ้ หมด แลว ้ หวัหนา ้ จะจดัแบ่งใหแ ้ ก่ครอบครัวที่ปลูกน้นัตามที่หวัหนา ้ เห ็ นสมควร หวัหนา ้ ครัวเรือนจะ รับผิดชอบเกี่ยวกบัทุกขส ์ุขของทุก ๆ คนในครัวเรือนและเป็ นผจู้ ดัหาอาหารเส้ือผา ้ใหด ้ ว ้ ย เมื่อหวัหนา ้ ครัวเรือนตายลง ตา แหน่งหวัหนา ้ จะตกอยกู่บัภรรยาของเขา ทรัพยส ์ มบตัิจะแบ่ง ใหล ู้กหลานที่อยดู่ว ้ ยเป็ นจา นวนมากกวา่ผทู้ี่อพยพออกไปแลว ้ ตวัภรรยาผตู้ ายน้นัถึงแมจ ้ ะรับ ตา แหน่งสืบต่อมา แตค่วามจริงแลว ้ เป็ นเพียงผชู้่วยของผชู้ ายที่มีอายมุากที่สุดในครอบครัวขณะน้นั ซ่ึงอาจเป็ นลูกชายหรือลูกเขยก ็ได ้ แต่โดยมากจะเป็ นลูกเขย เนื่องจากลาหู่เมื่อแต่งงานแลว ้ จะตอ ้ ง ไปอยบู่า ้ นของภรรยา ซ่ึงบุคคลผนู้้ีจะทา หนา ้ ที่เป็ นหวัหนา ้ ครัวเรือนต่อไป 3.2 กำรแต่งงำน ชายหนุ่มชาวลาหู่ไม่ชอบสนทนาเก้ียวพาราศีกบัหญิงสาวภายใน หมู่บา ้ นเดียวกนัเพราะการใชช ้ีวิตจา เจอยใู่กลช ้ิดกนัมาต้งัแต่เด ็ ก จึงไม่ค่อยมองเห ็ นความสวยงาม ของสาวในหมู่บา ้ น พวกเขามกัจะพากนัไปเที่ยวสาวหมู่บา ้ นอื่น ชีวิตรักก ็ คลา ้ ยคลึงกบัหลายเผา่คือ มีอิสระในการเลือกคู่ครอง เมื่อตกลงจะอยกู่ ินฉนัสามีภรรยาแลว ้ ฝ่ายชายก ็ จะจดัผใู้ หญ่ไปสู่ขอ ลา หู่ไม่นิยมจดังานแต่งงานใหญ่โต ฝ่ายชายจะนา ไก่2 ตัว (ตัวผู้ 1 ตัว , ตัวเมีย 1 ตัว) เทียนข้ีผ้ึง 1 คู่ , น้า 1 แกว ้ ฝ้าย 2 เส้น (1 คู่) ลาหู่แต่ละอยา่งก ็ จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกนัไปบา ้ ง เมื่อแต่งงานแลว ้ ฝ่ายชายจะตอ ้ งมาอยบู่า ้ นภรรยา เพื่อช่วยทา งานใหก ้ บัพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ถา ้ เป็ นลาหู่แดงตอ ้ งอยู่ บ้านภรรยา 2 ปีจากน้นัจึงแยกบา ้ นได ้สา หรับลาหู่ดา ไม่กา หนดระยะเวลาถึง 3 ปีอาจอยเู่พียงปี เดียว ก ็ แยกบา ้ นอยตู่ ่างหาก กรณีฝ่ายหญิงเป็ นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ลูกเขยมกัจะเลือกอยกู่บั บา ้ นฝ่ายหญิงแทนที่จะแยกไปต้งับา ้ นเรือนของตนต่างหาก


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 10 4. กำรกระจำยตัว ชาวลาหู่อาศยักระจดักระจายกนัอยใู่นมณฑลยนูาน , ปักกิ่ง ประเทศจีน พม่า ลาว และ ไทย สา หรับในประเทศไทยลาหู่ส่วนใหญ่ไดอ ้ าศยัอยใู่นเขตอา เภอแม่จนัอา เภอแม่สรวย จงัหวดั เชียงราย อา เภอฝาง อา เภอเชียงดาว อา เภออมก๋อย จงัหวดัเชียงใหม่และมีการกระจดักระจายใน เขตจงัหวดัตาก แม่ฮ่องสอน กา แพงเพชร ลา ปาง และเพชรบูรณ ์ จา นวนประชากรลาหู่ที่สา รวจปี พ.ศ. 2538 มีจ านวน 78,842 คน (สา นกัสถิติแห่งชาติอา ้ งแลว ้ ,2538 , ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา อ้างแล้ว , 2538) 5. เศรษฐกิจ ชาวลาหู่พ่ึงพาการเกษตรกรรมเป็ นส่วนใหญ่ ไร่แต่ละไร่จะใชป้ ระโยชน ์ไดอ ้ ยา่งมาก ประมาณ 3 ปีจากน้นัจะหาแหล่งทา ไร่ใหม่แลว ้ กลบัมาใชพ ้ ้ืนที่เดิมอีกภายหลงั 10 – 15 ปีล่วงไป แล้ว ข้าวและข้าวโพดเป็ นหลกัที่ผลิตเพื่อบริโภค ในอดีตพืชที่เป็ นสินคา ้สา คญัและนา เงินสดมาสู่ ชาวลาหู่ก ็ คือฝิ่น และพริกไทย แต่ปัจจุบนัน้ีการเพาะปลูกไดเ ้ปลี่ยนรูปแบบไป การผลิตมุ่งเนน ้ เพื่อ การคา ้ มากข้ึน และพืชที่ปลูกก ็ไม่ใช่พนัธุ์ พืชพ้ืนเมืองดงัเช่นในอดีต สัตวเ ์ ล้ียงที่สา คญัของลาหู่ไดแ ้ ก่ ไก่และหมู่บางหมู่บา ้ นอาจมีมา ้ และล่อ ไวส้ า หรับบรรทุก ของ ส่วนววัควายน้นั ไมค่ ่อยเล้ียงกนัสัตวเ ์ ล้ียงของลาหู่ไม่ไดม ้ีไวส้ า หรับขาย ส่วนใหญ่เล้ียงไวใ้ ช ้ งาน หรือเซ่นสังเวยในพิธีกรรมต่าง ๆ 6. ลักษณะบ้ำน บา ้ นเรือนของลาหู่ส่วนมากปลูกยกพ้ืนใตถ ุ้นสูง ซ่ึงจะใชเ ้ป็ นที่เก ็ บฟืน เสาบา ้ นเป็ นไมเ ้ น้ือ แขง ็ ฟ้ืนฟาก ฝาฟาก มุงดว ้ ยหญา ้ คา หรือใบกอ ้ วิธีมุงหลงัคาดว ้ ยหญา ้ คาของชาวลาหู่ค่อนขา ้ ง แปลก คือแทนที่จะมดัคาเป็ นตน ้ ๆ เขาใชม ุ้งฟ่อนทบักนัหนาแน่นเช่นเดียวกบัวิธีการมุงหลงัคาดว ้ ย หญ้าของชาวยุโรป การมุงแบบน้ีทา ใหใ้ ชไ้ ดท ้ น และอบอุ่นในฤดูหนาว ตวับา ้ นแบ่งออกเป็ น 2 ตอน ตอนหน้าเป็ นชานนอกชายคา ปูด้วยไม้ฟาก มีบันไดเป็ นไม้ ท่อนยาวพาดจากพ้ืนดินข้ึนไปสู่บา ้ น ตอนหลงัเป็ นหอ ้ งสี่เหลี่ยมกวา ้ ง 3 – 4 เมตร มีฝาสานรอบทุก ด้าน สูงประมาณ 1 เมตรคร่ึง ทา ดว ้ ยไมไ้ ผล่ว ้ นไม่มีเพดาน ตรงกลางหอ ้ งมีเตาไฟ 1 เตา ส าหรับ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 11 ทา อาหาร รอบ ๆ เตาไฟเป็ นที่นอนและใชเ ้ป็ นที่ตอ ้ นรับแขกดว ้ ย สา หรับบา ้ นของหวัหนา ้ หมู่บา ้ น จะใหญ่โตกวา่บา ้ น ของลูกบา ้ นราว 2 เท่า มีหอ ้ งนอนสา หรับตอ ้ นรับแขก กบัหอ ้ งนอนของ ครอบครัว เตาไฟท าไว้ 2 แห่ง เพราะบรรดาแขกผไู้ปเยอืนหมู่บา ้ นจะไปหาหวัหนา ้ หมู่บา ้ นก่อน และพกัคา ้ งแรมอยภู่ายในบา ้ นผเู้ป็ นหวัหนา ้ นนั่เอง 7. ครอบครัว/ เครือญำติ ครอบครัวของลาหู่จะเป็ นลกัษณะครอบครัวขยาย ก ็ มีบา ้ งที่เป็ นครอบครัวเดี่ยว จะมีหวัหนา ้ ครัวเรือนเพียงคนเดียว ทุกคนจะต้องเชื่อฟังและให้ความเคารพต่อหวัหนา ้ ครัวเรือน การนบัญาติน้นั จะนบัรวมญาติทางฝ่ายสามีและภรรยาเขา ้ ดว ้ ยกนั 8. ศำสนำ / ควำมเชื่อ ชาวลาหู่ก ็ นบัถือผีเช่นเดียวกบัชาวเขาเผา่อื่น ๆ ผีที่มีอา นาจที่สุดไดแ ้ ก่ผฟี้ า ซ่ึงลาหู่เรียกวา่ “กือซา” ชาวลาหู่นบัถือผีฟ้ าเปรียบเสมือนเป็ นพระเจา ้ ลาหู่เชื่อวา่ผีฟ้ าเป็ นผสู้ ร ้ างสรรพสิ่งที่ดีงาม ท้งัหลายในโลกน้ีนอกจากผีฟ้ าแลว ้ ยงัมีผีเรือนและผีหมู่บา ้ นที่ลาหู่นบัถือ ผีเรือนทา หนา ้ ที่ป้ องกนั ภยัใหแ ้ ก่คนในบา ้ น เป็ นดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลบัไปแลว ้ จะมีหิ้งบูชาไวต ้ รงหวันอนของ เจา ้ ของบา ้ น จะเซ่นไหวเ ้ป็ นประจา หรือเมื่อยามเจ ็ บป่วย ส่วนผีหมู่บา ้ นทา หนา ้ ที่คุม ้ ครองหมู่บา ้ น จะมีศาลปลูกอยดู่า ้ นหน่ึงของหมู่บา ้ น ผีเหล่าน้ีถือวา่เป็ นผีดีเป็ นประโยชน ์ ต่อชาวลาหู่สา หรับผีร ้ าย ที่ชาวลาหู่เกรงกลวัน้นัมีมากมาย เช่น ผีน้า ผีป่า ผไีร่ผีภูเขาหลวง เป็ นตน ้ 9. กำรแต่งกำย ในอดีตลาหู่ทอผา ้ใชเ ้ อง แต่ในปัจจุบนัแทบจะไม่มีใครทอผา ้ใชเ ้ อง นอกจากจะทอพวกของ ใชท ้ ี่มีขนาดเลก ็ ๆ เช่น ยา่ม หรือสายสะพายยา่มเท่าน้นัเส้ือผา ้ ของลาหู่จะใชผ ้ า ้ ดา หรือสีฟ้ าซ่ึง ข้ึนอยกู่บัวา่เป็ นลาหู่กลุ่มใด และตกแต่งดว ้ ยผา ้ หลากสีเป็ นลวดลายสวยงาม ลาหู่มีหลายกลุ่ม รูปแบบของตวัเส้ือและลายบนเส้ือผา ้ จึงแตกต่างกนั ไปตามกลุ่ม แต่ทุกกลุ่มจะนุ่งซิ่นเช่นเดียวกนั เส้ือของหญิงลาหู่ดา จะมีสองตวัตวัในจะเป็ นเส้ือแขนยาวตวัส้ันแค่เอว ส่วนตวันอกจะเป็ นเส้ือแขน ยาวตวัเส้ือยาวถึงน่อง ตกแต่งดว ้ ยผา ้ หลากสีและเครื่องเงิน


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 12 สา หรับเส้ือผา ้ ของผชู้ ายลาหู่ทุกกลุ่ม ท้งัเส้ือและกางเกงจะใชผ ้ า ้สีดา ใชผ ้ า ้สีต่าง ๆ ทา เป็ น แถบยาวซอ ้ นกนับริเวณปลายขากางเกง ปลายแขนเส้ือ และดา ้ นหนา ้ ตวัเส้ือ แต่จะไม่มีลวดลาย มากเหมือนกบัเส้ือผา ้ ของผหู้ ญิง ผชู้ ายลาหู่สวมถุงน่องดว ้ ยในขณะที่ผหู้ ญิงไม่สวม ดงัตวัอยา่งชุด แต่งกายลาหู่แต่ละกลุ่ม 10.ภำษำ ลาหู่พูดภาษาธิเบต – พม่า ซ่ึงคลา ้ ยคลึงกบัพวกอาข่าและลีซูและบางทีก ็ไปเหมือนกบัภาษา ของพวกโล โลทางใต ้ ภาษาบางคา เอามาจากภาษาด้งัเดิมของจีนและไทยใหญ่ลาหู่ส่วนใหญ่พูด ภาษาไทยใหญ่และลาวพอเขา ้ใจได ้ และบางคนก ็ พูดภาษาจีนยนูาน ลาหู่ดา บางพวกที่อพยพมาจาก พม่าสามารถพูดภาษาพม่าไดค ้ ล่องแคล่ว ท้งัยงัอ่านและเขียนอกัษรโรมนัที่พวกสอนศาสนานา ไป เผยแพร่ไดอ ้ีกดว ้ ย สา หรับลาหู่แดงปรากฏวา่ ไม่มีผใู้ ดรู้ หนงัสือ ภาษาลาหู่แดงและลาหู่ดา ต่างกนัไม่ มากนกัจึงพอฟังกนัรู้ เรื่อง ส่วนลาหู่อีกสองพวกคือลาหู่เชเลและลาหู่ชีพูดภาษาต่างกนัออกไปมาก ซ่ึงท้งัลาหู่ดา และลาหู่แดงต่างก ็ประสบความยากในการติดต่อกบัลาหู่ท้งัสองกลุ่มดงักล่าวขา ้ งตน ้


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 13 บทที่ 2 ข้อมูลพ ื้นฐำนชุมชนที่ศึกษำวิจัย 1. ช ื่อชุมชนและที่ต้ัง ชื่อทำงกำร หมู่บานขุนห้วยไส้หรือห้วยไส้แห้ง ้ ชื่อภำษำท้องถิ่น ห้วยไส้โหล ที่ตั้ง หมู่ที่7 ตา บลเมืองนะ อา เภอเชียงดาว จงัหวดัเชียงใหม่มี 2. อำณำเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกบับา ้ นป่าบงงามลีซู ทิศใต ้ ติดต่อกบั ป่า ทิศตะวนัออก ติดต่อกบับา ้ นหนองเต่าลาหู่ ทิศตะวนัตก ติดต่อกบับา ้ นหว ้ ยไส้ คนพ้ืนราบ 3. ประวตัิชุมชนโดยสังเขป หมู่บา ้ นหว ้ ยไส้ ก่อต้งัข้ึนเมื่อประมาณปี 2515 ต้งัอยกู่ลางสองสบลา หว ้ ย ระหวา่งหว ้ ยไส้ และหว ้ ยปูโอบลอ ้ มดว ้ ยภูเขาสูง กลุ่มแรกที่เขา ้ มาอยคู่ ือกลุ่มของนายลอผา อยไู่ม่นานก ็ ยา ้ ยออกไปที่ อื่น กลุ่มที่ 2 เขา ้ มาอยแู่ทนคือกลุ่มของนายจะเต๊าะและนายแอแส จะทอ อยดู่ว ้ ยกนั 3 ปี แล้วย้าย ออกไป เหลือแต่นายแอแส จะทอ ปี พ.ศ. 2528 กลุ่มของนายจะอื่อ จะคา,นายจะนุ แสน ไวยากรณ ์ และนายแอหยีจะขู่ซึ่งย้ายมาจากบ้านห้วยบอน อ าเภอฝาง เขา ้ มาอยสมทบู่กบันายแอ แส และใหเ ้ป็ นผนู้ า หมู่บา ้ น อยดู่ว ้ ยกนัได้ไม่นานนกันายแอแส ก ็ ยา ้ ยไปอยหู่มู่บา ้ นป่าบงงามลาหู่ ผู้อาวุโสจึงต้งัใหน ้ ายจะอื่อ จะคา เป็ นผนู้ า หมู่บา ้ นดา รงตา แหน่งจนถึงปี 2538 นายจะอือ จะคา มีอายุมากแล้วจึงได้ลาออกไป หมู่บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ในขนาดน้นัยงัอยใู่นสภาพปิด คนรู้ จกัไม่มากนกั เมื่อมีการแต่งต้งัผนู้ า หมู่บา ้ นคนใหม่นายจะที จะคา ได้รับการยอมรับจากชาวบา ้ นใหด ้ า รงตา แหน่ง ผนู้ า หมู่บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ ถึงปัจจุบนัพฒันาหมู่บา ้ นจนเป็ นที่รู้ จกักนัและมีคนเขา ้ มาศึกษาดูงานด้าน วัฒนธรรมและด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเดลอ ้ มจากท้งัในและต่างประเทศ 4. กำรปกครอง หมู่บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ มีการจดัการปกครอง 2 รูปแบบคือ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 14 1) กำรปกครองแบบตำมกฎจำรีตประเพณีของเผ่ำลำหู่โดยมีต าแหน่งอำดอหรือคะ แซ(เป็ นผนู้ า หมู่บา ้ น) มีบทบาทหนา ้ ที่ดูแล ทุกขส ์ุข ความสงบเรียบร ้ อย และไกล่เกลี่ยขอ ้ พิพาท ภายในหมู่บา ้ น ปัจจุบนัมีนายจ่าทีจะคา เป็ นอาดอ(ผนู้ า หมู่บา ้ น) 2) กำรปกครองทำงกำร เมื่อเดือน มิถุนายน 2548 นายจ่าทีจะคา ไดร ้ับการ แต่งต้งัใหด ้ า รงตา แหน่งผชู้่วยผใู้ หญ่หมู่ที่ 7 อีกต าแหน่งหน่ึง มีหนา ้ ที่ติดต่อประสานงานกบั หน่วยงาน องคก ์ รต่างๆที่เกี่ยวขอ ้ ง ท้งภาครัฐ และเอกชน ั 5. ประชำกร หมู่บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ ยา ้ ยมาจากบา ้ นหว ้ ยมะยม อา เภอฝาง บา ้ นดอยปู่หมื่น อา เภอแม่ อาย และบา ้ นป่าหนา อา เภอไชยปราการ จงัหวดัเชียงใหม่ มีจ านวน 40 หลังคาเรือน 55 ครอบครัว ประชากรแยกเป็ นผู้ชาย 130 คน ผู้หญิง 120 คน รวม 250 คน 6. กำรคมนำคม ระยะทางจากที่วา่การอา เภอเชียงดาวถึงหมู่บา ้ น 38 กิโลเมตร จากจงัหวดัเชียงใหม่ถึงหมู่บา ้ น 110 กิโลเมตร 7. อำชีพ อาชีพหลัก คือ การเพาะปลูกขา ้ วไร่ ข้าวโพด ถวั่ สวนมะม่วง ลิ้นจี่และล าไย อาชีพรอง คือ รับจ้าง เล้ียงสัตว ์หาของป่ า ( เห็ด และดอกหญ้า) พ้ืนที่ทา กิน มีพ้ืนที่ทา กิน ประมาณ 800 ไร่ 8. แหล่งน ้ำ 1. ประปาภูเขา 1 แห่ง 2.ลา หว ้ ย 1 แห่ง 9. กำรศึกษำ หมู่บ้ำนขุนห้วยไส้มีกำรจัดกำรด้ำนกำรศึกษำมี 3 ลักษณะ คือ 1) หอแหย่ เป็ นศูนย์ประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อ ซึ่งเปรียบเสมือนวัดหรือโบสถ์ ใน ศาสนาพุทธและคริสต ์ หอแหยเ่ป็ นสถานที่ประกอบพิธีกรรมที่ศกัด์ิทธิ เป็ นจุดศูนย์รวมจิตใจของ คนท้งัหมู่บา ้ น เช่น ประกอบพิธีกรรมด้านศาสนา ความเชื่อ รักษาโรคภัย เป็ นศูนย์บ าบัดยาเสพ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 15 ติด เต้นร าบันเทิง ( ปอย เต เว ) และเป็ นศูนย์การเรียนรู้ การสืบทอด ถ่ายทอด การร้ือฟ้ืนประเพณี วัฒนธรรม ยกเว้น หา ้ มใชเ ้ป็ นที่ไกล่เกลี่พิพาทขอ ้ ความขดัแยง ้ ความผิดต่าง ๆ ในหอแหยโดย ่ เด ็ ดขาด ตอ ้ งไปไกล่เกลี่ยกนัที่บา ้ นผนู้ า หมู่บา ้ น หา ้ มนา อาหารที่เป็ นเน้ือสัตวท ์ุกชนิดไป รับประทานในหอแหยเ่ด ็ ดขาด ยกเวน ้ เป็ นอาหารเจ หา ้ มพูดคา หยาบ และประพฤติอนั ใดที่ผิด ศีลธรรม 2) ศูนย ์ วัฒนธรรมเทิดพระเกยีรติแม่ฟ้ำหลวงประจ ำหมู่บ้ำน ปี 2542 ได้รับการสนับสนุน งบประมาณส่งเสริมจาก สวช. ได้มีการปรับปรุงอาคาร และมีการเรียนการสอน การสืบทอด หลกัสูตรทอ ้ งถิ่น 3) ศูนย ์ กำรเรียนชุมชนชำวไทยภูเขำเทิดพระเกยีรติแม่ฟ้ำหลวงบ้ำนขุนห้วยไส้ ศูนย์ การศึกษานอกโรงเรียน จงัหวดัเชียงใหม่ ศูนย์บริการการศึกษาอ าเภอเชียงดาวได้จัดต้งัศูนย์ การศึกษาเพื่อชุมชนในเขตภูเขา(ศศช.) เมื่อปี 2539 จัดการเรียน การสอน ต้งัแต่ระดบัเตรียมความ พร้อมถึงช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 และสอนหลกัเบด ็ เสร ็ จสา หรับผใู้ หญ่ในภาคกลางคืน นอกจากน้ีมี โครงการการศึกษาทางไกลอีกดว ้ ย เพื่อเปิดโอกาสใหเ ้ ด ็ กที่จบช้นั ประถมศึกษา แล้วสามารถเรียน ต่อในระดบัที่สูงข้ึนไป ปัจจุบนัมีครูสอน 1 คน ปี 2540 ได้เปลี่ยนชื่อเป็ นศูนย์การเรียนชุมชน เทิดพระเกียรติแม่ปฟ้าหลวงบ้านห้วยไส้บ้านขุนห้วยไส้ เพื่อเป็ นการเทิดพระเกียรติสมเด ็ จยา่ 10. กำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม หมู่บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ มีการจดัการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ ้ มโดยองคก ์ รชุมชน การจัดการทรัพยากรฯมี 2 รูปแบบคือ 1. ตำมรูปแบบกำรจัดกำรทรัพยำกรฯของชนเผ่ำ นา เอาภูมิปัญญา และองคค ์ วามรู้ ทอ ้ งถิ่น ของเผา่มาร้ือฟ้ืน ฟ้ืนฟูถ่ายทอด สืบทอดให ้ กบัเด ็ ก เยาวชน ผสู้ นใจไดศ้ึกษาเรียนรู้และจัด พิธีกรรม ความเชื่อที่เกี่ยวขอ ้ งกับ ดิน น้า ป่าและสัตวป์่า เช่นพิธีกรรม มอ เล เวเป็ นพิธีกรรมเล้ียง เจา ้ ที่(เจา ้ป่า เจา ้ เขา เจา ้ น้า เจา ้ ดิน) เพื่อเป็ นการตอบแทนบุญธรรมชาติที่ประทานความอุดม สมบูรณ ์ มาใหไ้ ดก ้ิน ไดใ้ ช ้ จดัทุกปีประมาณ เดือน กรกฎาคม 2 รูปแบบใหม่คือ การจดัพ้ืนที่ป่าใหเ ้ป็ นสัดส่วนเช่น พ้ืนที่อยอู่าศยัพ้ืนที่ทา กิน พ้ืนที่ป่าใช ้ สอย พ้ืนที่ป่าอนุรักษ ์ และพ้ืนที่ป่าพิธีกรรม มอ เล เว และป่าชา ้ และจดักิจกรรม ทา แนวกนัไฟ เฝ้าระวังไฟป่ า ดับไฟป่ า ออกตรวจป่ า และปลูกป่ าเสริม


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 16 11. หน่วยงำนรัฐและองค์กรพัฒนำเอกชน ดังนี้ 1. ประชาสงเคราะห์ ( หน่วยพฒันาและสงเคราะห ์ ชาวเขาบา ้ นหว ้ ยจะค่าน ) 2. โครงการประปาภูเขาคณะคริสต์จักรแบ๊บตีส 3. ศูนยก ์ ารเรียนชุมชนเทิดพระเกียรติแม่ฟ้ าหลวงบา ้ นขนุไส้( ศศช.เดิม) 4. สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมชาวไทยภูเขาในประเทศไทย(ศ.ว.ท.) 5. มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่ า( ชื่อโครงการร่วมอนุรักษแ ์ ม่ปิงตอนบน) 6. หน่วยจดัการตน ้ น้า หว ้ ยจะค่าน


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 17 บทที่ 3 เคร ื่องแต่งกำยชนเผ่ำลำหู่(กลุ่มลำหู่ญี) 1. ประวัติศำสตร์ ต ำนำนและควำมเชื่อเกี่ยวกับเครื่องแต่งกำยของลำหู่ญี ในอดีตชนเผา่ลาหู่ผลิตเครื่องแต่งกายและเครื่องนุ่งห่มใชเ ้ อง โดยการเพาะปลูกและทา ไร่ฝ้ าย เป็ นหลักช่วงเวลาน้นัยงัไม่มีการซ้ือขายเครื่องแต่งกายกนันอกจากการแลกเปลี่ยนเป็ นสิ่งของกนัและ กนัตอ ้ งเตรียมพ้ืนที่การเพาะปลูกเริ่มจากการหาเมลด ็ พนัธุ์ฝ้ ายมาเพาะปลูก การบา รุงรักษา และการ เก ็ บเกี่ยวดอกฝ้ าย นา มาตากแดดใหแ ้ หง ้ ผา่นกระบวนการเครื่องมือหรืออุปกรณ ์ ต่างๆ กวา่จะมา เป็ นเส้นดา ้ ยแต่ละเส้ นกวา่จะไดผ ้ า ้ มาแต่ละผืนแต่ละชิ้นไดน ้ ้นัค่อนขา ้ งยงุ่ยาก ล าบากและใช้ เวลานานมาก บางคนใช้เวลานานเป็ นปี ในรายที่มีสมาชิกในครอบครัวเยอะ ลาหู่จึงสั่งสมความรู้ ความเข้าใจ และเชี่ยวชาญการเพาะปลูกฝ้ายและการผลิตเป็ นผ้าเป็ นอยา่งดี ความเชื่อของลาหู่ญีเมื่อมีเด ็ กคลอดออกมาใหม่หากเป็ นเพศชายจะห่อผา ้ ตวัเด ็ กดว ้ ยผา ้ ของ ผหู้ ญิงและหากเป็ นเพศหญิงจะห่อตวัเด ็ กดว ้ ยผา ้ ของผชู้ าย เชื่อวา่เมื่อเด ็ กเติบโตเป็ นหนุ่มเป็ นสาว แลว ้ จะมีความรักความผกูพนัและความสนใจต่อเพศตรงขา ้ ง ภายหลงัการคลอดสามวนัจะสวมใส่ เส้ือใหเ ้ ด ็ กดว ้ ยเส้ือสีขาว เชื่อวา่เด ็ กเป็ นผบู้ ริสุทธ์ิไม่มีบาป และผนู้ า ทางความเชื่อ จะแต่งเครื่องแต่ง กายช่วงประกอบพิธีกรรมดว ้ ยชุดเครื่องแต่งกายสีขาวหรือสีเหลือง มีความหมายวา่เป็ นผู้รู้ ผู้ปฏิบัติ ศีลธรรมและเป็ นผเู้ ผยแผธ่รรม คนเฒ่าคนแก่ลาหู่ชอบลอ ้ เล่นกบัพวกเด ็ กๆที่เริ่มโตแลว ้ แต่ไม่ค่อยชอบสวมใส่เครื่องแต่งกาย วา่ - เหวอะก้ำ ม่ำ เหวอะ โก ชอ กูหญีแพะ ต้วย เอ ลอ เจ้ มีความหมายวา่หากไม่สวมใส่เส้ือผา ้ แลว ้ จะกลายเป็ นคนเปลื่อย(ชีเปลื่อย) -หนอง มำ แป้น มำ แฮะ ลอ เจ้ มีความหมายว่า แมลงและผ้ึงชนิดหน่ึงเมื่อหางมาถูกผิว แล้วจะท าให้แสบและคันผิว แป้ น ตู่เด ้ ลอ เจ ้ มีความหมายวา่ ผ้ึงต่อจะมาจ้ีจะมาต่อยเอานะ 2. กระบวนกำรผลิตเครื่องแต่งกำย


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 18 2.1 กำรได้มำซึ่งวัตถดุิบประเภทด้ำยและผ้ำ ฝ้าย(สาร่า) มี 2 ชนิด 1. ฝ้ำยเล็ก(สาร่าแอ๋) คุณสมบตัิมีความ เหนียว ทน และลื่น นิยมนา มาปั่นเป็ นดา ้ ย และทอเป็ นผ้าใช้มากกวา่ ฝ้ ายหลวงเพราะทอผา ้ไดง ้่าย สะดวกกวา่ 2. ส่วนฝ้ำยหลวง(สาร่าโหล) คุณสมบตัิ ดอกใหญ่ขาดง่าย นิยมทา เป็ น เครื่องประดบัเช่นทา เครื่องเซ่นไหว ้สายสิญจน ์ และไส้ เทียนไข มากกวา่นา มาทอผา ้ 2.2 กระบวนกำรผลิตด้ำยและผ้ำ ด้ำย ในอดีตชาวลาหู่เพาะปลูกฝ้ ายเพื่อนา ดอกฝ้ ายมาทา เป็ นวตัถุดิบในการผลิตดา ้ ย โดยนา ดอกฝ้ ายที่แก่แลว ้ ตากแดดใหแ ้ หง ้ ผา่นข้นั ตอนเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆดงัน้ี 2.3 อุปกรณ ์ และข้ันตอนกำรผลติด้ำย 1.จึ๋ จือ เป็ นอุปกรณ ์ คดัแยกเมลด ็ กบัดอกฝ้ ายออกจากกนั 2.ฮ่อ มำ เป็ นอุปกรณ ์ ทา ดอกฝ้ ายใหฟู้ใหย ้ ยุ่ 3.กู้ เป็ นอุปกรณ์ท าดอกฝ้ายให้ม้วนกลายเป็ นด้าย 4.อ่อ ดี่ น าเส้นด้ายมาม้วนเป็ นกอ ้ นกลมๆ 5.ส่อ ก๋ำ ที่มว ้ นเก ็ บดา ้ ย 6.ก๋ำกะลุ่ย แยกเส้ นดา ้ ยไม่ใหต ้ิดหรือเกี่ยวพนักนั เพื่ความสะดวกในน ามาการทอ 7.ผ่ำนอุปกรณ ์ ตามขอ ้ 3 อีกคร้ังเพื่อใหเ ้ส้ นดา ้ ยพนักนัมากข้ึน 8.เป็ นด้ำยส ำเร็จ ผ้ำ น าเส้นด้ายส าเร็จมาถักทอเป็ นผ้าเรียกวา่ พำ เปอะ โค๊ะ ลักษณะผ้ามีเน้ือผา ้ หนา หนกัทน และอุ่น แต่ติดไฟไดง ้่ายไหม้ดีและซักแห้งช้า เมื่อนา มาตดัเยบ ็ เป็ นเครื่องแต่งกาย และเครื่องนุ่งห่มแลว ้ ทนสามารถใชป้ ระโยชน ์ไดนาน ้ หลายปี 3. โครงสร้ำงและเทคนิคกำรสร้ำงสีและกำรย้อมสี 3.1 กำรสร้ำงสีและกำรย้อมสี โดยใช้สีธรรมชำติ นอง เจ่ ใช้ท าสีเขียว สีด า เป็ นไมพ ุ้่มสูงประมาณ 2 ศอกโดยเก ็ บยอด และใบ นอง มาแช่กนัน้า เยบ ็ หรือน้า อุ่น แช่ในลงัไม ้ ปิดฝาไวใ้ หม ้ิดชิดทิ้งไวน ้ านประมาณ 15 วนันองจะเกิด การหมกัเน่า แลว ้ เอากากนองทิ้ง ผสมปูนขาว(ทุ)ลงไป (เพื่อสีนองกดัหรือติดเน้ือผา ้ไดด ้ี) ใช้


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 19 กระบอกไม้ไผต่ดัน้า นองข้ึนแลว ้ เทลงที่เดิม(ไม่คน) เพื่อให้น้า ของนองกบั ปูนขาวผสมเขา ้ ดว ้ ยกนัทา อยา่งน้ีนานๆ แลว ้ ทา ใหเ ้ กิดฟองแลว ้ ตดัฟองน้า ออกหรือปล่อยใหล ้ น ้ จากลงัเอง ทิ้งไวส้ ักครู่หน่ึงน้า ของนองจะตกตระกอนกน ้ ลงัไม ้ส่วนน้า จะลอยอยขู่า ้ งบน แลว ้จึงตดัน้า ออกจะเหลือแต่น้า ของนอง แลว ้ ตดัใส่กระบอกไมไ้ ผไ่ว ้ หากตอ ้ งการใชเ ้ มื่อใดสามารถเทน้า นองลงในลงัไมแ ้ ลว ้ นา ผา ้ ที่ ตอ ้ งการยอ ้ มแช่น้า ใหห ้ มาดๆแลว ้ แช่ลงไป ขย้หีรือใชไ้ มต ้ีเบาๆหรือบิดให ้ หมาดๆ เพื่อใหน ้ ้า ของ นองติดเน้ือผา ้ไดด ้ีและทนนาน สีจะได้ไม่ตก หรือย้อมหลายๆคร้ังหรือแช่ไวนานๆ จะเป็ นสีด า ้ เข้ม ค่ำ ใชท ้ า สีเขียว สีดา เป็ นไมพ ุ้่มสูงประมาณ 1-2 เมตร น ายอด ใบหรือล าต้น มาแช่ น้า หมกัไวป้ ระมาณ 12 วนัเอากากออก กรองดว ้ ยผา ้ อีกคร้ัง ใหเ ้ หลือแต่น้า ค่า นา ใส่กระบอกไม่ ไผไ่ว ้ นา ไปใชไ้ ดต ้ ามความต้องการ แหม่ ซี ท าสีเหลือง นา หัวแหม่ซี(ขมิ้นเหลือง)มาบดใหล ้ ะเอียด แลว ้ นา ผา ้ มาแช่จะ ได้ผ้าสีเหลือง ปอ สุ ทา สีแดง เป็ นตน ้ ไมใ้ หญ่ใชเ ้ปลือก บดหรือต าด้วยครกกระเดื่องให้ละเอียด แลว ้ ตม ้ น้า ใหเ ้ ดือด นา ไปใชย ้ อ ้ มสีไดเ ้ ลย ค่ำง ท าสีแดง นา ค่างมาบดใหล ้ ะเอียดแล้วน าไปต้มน้า ใหเ ้ ดือด ใชย ้ อ ้ มสีไดเ ้ ลย ปูนขำวหร ื อขีเ้ถ้ำ (ทุ) เป็ นส่วนผสมเพื่อใหส้ีกดัเน้ือผา ้ ดีสีผา ้ จะไดไ้ ม่ตก วิธีกำรย้อมสี 1. ใช ้ น้า สะอาดแช่หรือหมกัหรือตม ้ น้า ใหเ ้ ดือด 2. ผา ้ ที่ใชย ้ อ ้ ม ชุบน้า ใหห ้ มาดๆ 3. นา ผา ้ แช่ในลงัสีใชม ้ือบิดหรือใชไ้ม้ทุบเบาๆ 4. นา ผา ้ ที่แช่แลว ้ ตากแดด ถา ้ ตอ ้ งการสีที่เขม ้ ข้ึนก ็ ยอ ้ มหลายๆคร้ังหรือแช่ไว ้ นานๆ 3.2 ค่ำนิยมกำรใช้สีผ้ำกับเครื่องแต่งกำย ลาหู่ทุกกลุ่มใชผ้า้ สีดา เป็ นสีพ้ืนหลกัของเครื่องแต่งกายแตจ่ะแตกต่างกนัตรงที่การใชผ ้ า ้สี อื่นๆตกแต่งประดับบนชุดเครื่องแต่งกายท าเป็ นลวดลาย สา หรับกลุ่มลาหู่ญีใชผ ้ า ้สีดา เป็ นเครื่อง แต่งกายและใชผ ้ า ้สีแดงเป็ นผา ้ประดบัหรือตกแต่งบนชุดเครื่องแต่งกาย ส่วนผนู้ า ทางความเชื่อจะ แต่งกายดว ้ ยผา ้สีขาวหรือสีเหลือง ช่วงประกอบพิธีกรรมและงานประเพณี 3.3 ที่มำ ควำมเชื่อ ควำมหมำยของสีที่ใช้


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 20 สีด ำ สีแดง ตามความเชื่อ หากเป็ นดา ้ ยสีดา สีแดงถือวา่เป็ นสีที่ไม่ดีใชส้ องสีน้ีเป็ น ส่วนประกอบในพิธีกรรมขบัไล่ผีแต่ดา ้ นการนา มาตดัเยบ ็ เป็ นเครื่องแต่งกายน้นั ไม่ได้มีการระบุไว้ สีขำว สีเหลือง มีความหมายวา่เป็ นสีบริสุทธ์ิผดุผอ่ง โปร่งใส ผที่แู้ ต่งกายชุดสีน้ี ได้คือผู้น าทางความเชื่อ เป็ นผรูู้้ ผปู้ ระกอบพิธีกรรม ดา ้ นประเพณีวฒันธรรม เคร่งครัด ปฏิบตัิ ตามศีลธรรม เป็ นที่เคารพศรัทธา นบัถือ ทา หนา ้ ที่ติดต่อสื่อสารระหวา่งมนุษยก ์ บัสิ่งที่เคารพเชื่อถือ (อื่อ ซา) เช่น โตโบ (ตา แหน่งผนู้ า ทางความเชื่อ) สล่ะ (ผชู้่วยโตโบ/ สอนกการเตน ้ ร า) อำจำ (ผู้ดูแลหอประกอบพิธีกรรม) ลำส่อ (ผแู้ นะนา ข้นัตอนการประกอบพิธีกรรม) ตำลำ (ร่างทรง) กำสอมำ (ผู้น าความเชื่อฝ่ ายสตรี) ศพ ใชผ ้ า ้สีขาวห่อศพฝัง แสดงออกถึง ศพที่มีญาติพี่น้องที่คอยดูแลอยู่ เด็กแรกเกิด เส้ือตวัแรกที่สวมใส่ใหเ ้ ด ็ กเป็ นเส้ือสีขาว มีความเชื่อวา่เด ็ กเป็ นผบู้ ริสุทธ์ิ ยงัไม่มีบาป ไม่ไดก ้ ระทา ความผิด 4. รูปแบบเคร ื่องแต่งกำยของชนเผ่ำลำหู่ในอดีต 4.1 เครื่องแต่งกำยตำมเพศ ชุดเคร ื่องแต่งกำยผู้ชำย การแต่งกายของผูช ้ ายท้งัเด ็ กและผใู้ หญ่รูปแบบรูปทรง เหมือนกนัหมด แต่จะแตกต่างกนัที่ขนาดของร่างกาย และการประดบัตกแต่งลวดลาย เด็กและ ผสูู้งอายลุวดลายในการออกแบบจะนอ ้ ย หรือไม่มีเลย แต่ถา ้ เป็ นหนุ่มหรือพ่อหม่ายจะใช้ผ้าสีเข้ม สี สด ฉูดฉาน และมีการปักลวดลายที่หลากหลาย มีสีสัน สวยงาม 1) เสื้อ (อำ โปะ) เป็ นผา ้สีดา แขนยาว คอกลม ผา่หนา ้ อก สองช้นัดา ้ นนอกสีดา ดา ้ นสีขาว สามารถสวมใส่ไดท ้ ้งัสองหนา ้ มีกระเป๋าระหวา่งเส้ือสองช้นัข้างซ้าย ปักลวดลายรอบคอ เส้ือเรียกวา่ ต๋อ ออ เว ชายเส้ือเยบ ็ไม่สุดเหลือไวป้ ระมาณ 5 เซนติเมตร ท้งัสองขา ้ งและด้านหลัง เส้ือเรียกวา่ พอ ก่ำ ติดกระดุมเงินแถบ(เหรียญรูเปีย)ที่คอเส้ือหน่ึงเหรียญ 2) กำงเกง (ห่ำ ทอ) ผา ้สีดา ขายาว มีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 21 1.ห่ำ อ่อ ก่อ (หัวกางเกง) เป็ นผ้าสีขาว 2.ห่ำ อ่อ โต (ตัวกางเกง ยาวถึงข้อเท้า) เป็ นผ้าสีด า 3.ห่ำ อ่อ คือ มื่อ (ปลายกางเกง) ตดัต่อ หรือทบั ปลายขากางเกง เป็ น แถบสีแดง 3) โอ๊โก่เป ตูพำ (ผ้ำโพกหัว) เด็ก มีผ้าโพกหัวเป็ นสีขาว พันหัวได้รอบเดียวหนึ่งผืน หนุ่มวัยรุ่น มีโพกหัว 3ผืน มีสีด า แดงและขาว สลบัสีพนัทบัซอ ้ นกนั ผู้ใหญ่ มีสีขาวหนึ่งผืน มีความยาวของผ้าประมาณ 1 เมตร ผู้สูงอำยุ มีสีด าหนึ่งผืน มีความยาวของผ้าประมาณ 1 เมตร 4) ขือ เทำะ โก่(ผ้ำสวมน่องหรือผ้ำพันน่อง) มี 2แบบ คือ 1.แบบสวม เป็ นผา ้สีน้า เงิน สีด า รูปทรงกระบอก มีความยาวจากหวัเข่าถึง ข้อเท้า 2.แบบพัน เป็ นผา ้สีน้า เงิน สีดา เป็ นผา ้สามเหลี่ยมพนัจากขอ ้ เทา ้ ถึงหวัเข่า 5) อู้จึ(หมวก) ใชเ ้ ฉพาะผรูู้้ ที่ประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อเท่าน้นัผา ้ เป็ นสีขาว และสีเหลืองลกัษณะเป็ นรูปทรงกระบอก มีจุกตรงกลางหมวกใชจ ้ บัถอด เวลาสวมใส่ 6) แหลก ก่อ (ก ำไรข้อมือ) ทา จากเงิน ผลิตโดยช่างเครื่องเงินลาหู่สวมใส่ท้งัสอง ข้างๆละ 1-2วงข้ึนอยกู่บัฐานะลกัษณะกา ไรขอ ้ มือหนาและกวา ้ งประมาณคร่ึงนิ้ว 7) หลัก เป่ (แหวน) ท าจากเงิน ผลิตโดยช่างเครื่องเงินลาหู่ ใส่ท้งัสองขา ้ งๆละ 4 นิ้ว 4วง ยกเวน ้ไม่สวมหวันิ้วโป้ ง 8) มีด มี 2 แบบ คือ 1.มีดสั้น ยาวประมาณ 1 ฟุต ลักษณะมีดปลายแหลม ด้ามท าจากงาช้าง ฟัก ท าด้วยไม้ กรอบรอบฟักพันด้วยเงิน ใช้เป็ นเครื่องประดับกาย 2.มีดดำบ ยาวประมาณ 2 ฟุต ลักษณะเป็ นมีดดาบยาว ด้ามและฟักท าด้วย ไม้ กรอบพันรอบฟักด้วยหวาย ใช้เป็ นอาวุธป้ องกนัตวั 9) เอ๋อ เก่อ (แอกเงิน หรือกล่องเงิน) ทา มาจากเครื่องเงิน มีลายดอกรอบๆกล่อง ใช ้ สา หรับใส่หมาก ใส่พลูและปูนขาว อดีตเผา่ลาหู่เค้ียวหมาก และมีไวต ้ อ ้ นรับแขกที่มาเยือน ใช้ทุก หลังคาเรือน


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 22 10) หมี ชอ (ถงุย่ำม) เป็ นผ้าที่ทอมาจากเส้นด้าย มีลวดลายหลากสี มีเครื่องเงิน ประดบัดา ้ นหนา ้ ของถุงยา่ม ใชเ ้ป็ นเครื่องประดบักายและใส่สิ่งของ ชุดเคร ื่องแต่งกำยผู้หญิง ประกอบด้วย 1) เสื้อ ผา ้ เป็ นสีดา แขนยาว มีแถบสีแดงที่ปลายแขนเส้ือ บนแขน รอบคอเส้ือ หนา ้ อก และรอบชายเส้ือ บนแถบและขา ้ งๆแถบสีแดงมีลวดลายต่างๆที่สวยงาม ประดับด้วย เครื่องเงินมากน้อยตามฐานะ 2) ผ้ำซิ่น ผ้าสีด า สีแดง ยาว มี 3 แบบ คือ 1)ผา ้ ซิ่นสา หรับเด ็ ก“แท ดูอ่อแต่แอ๋” ผา ้ ซิ่นไม่มีลวดลายเส้ น แต่มีแถบสี แดงเล็ก 4แถบๆละ 1 เส้น 2)ผา ้ ซิ่นสา หรับผหู้ ญิงสาว “แท ดูอ่อแต่” ผา ้ ซิ่นที่มีลายเส้นเป็ นแถบสีแดง 5แถบๆละ 5เส้ น ใชเ ้ วลานานในการตดัเยบ ็ และปักเป็ นลวดลายเส้ นต่างๆ 3)ผา ้ ซิ่นสา หรับผสูู้งอายุ“แท ดูอ่อ นะก้อย” ผา ้ ซิ่นไม่มีลวดลายเส้ น แต่มี แถบสีแดงเล็ก 3 แถบ ที่รอยต่อระหวา่งหวัผา ้ ซิ่นกบัตวัซิ่น และที่ปลายผา ้ ซิ่นสองแถบ ผ้ำซิ่นผู้หญิงมี 3 ส่วน คือ 1.หวัผา ้ ซิ่น (แท ดูอ่อก่อ) เป็ นผา ้ ที่ทอดว ้ ยดา ้ ยหลายสีซ่ึงส่วนใหญ่ในส่วน น้ีจะซ้ือมาจากตลาด 2.ตวัผา ้ ซิ่น (แท ดูอ่อโต) สีดา ลว ้ น ความยาวแลว ้ แต่ขนาดของร่างกาย 3.ปลายผา ้ ซิ่น (แท ดูอ่อ มื่อ) เป็ นแถบสีแดง ต่อหรือทบัส่วนปลายซิ่นและ รอยต่อระหวา่งตวัซิ่นกบัหวัซิ่น เรียกวา่ “หนำ เปะ” 3) ห่ำ ปี (เข็มขัดเงินเหรียญรูเปี ย) เป็ นเงินเหรียญรูเปี ย มี 2 แบบ คือ 1.แบบหัวใหญ่ เป็ นรูปคนหวัลา ้ น มีราคาแพงกวา่เพราะเป็ นเหรียญรุ่นเก่า 2.แบบหัวเล็ก เป็ นรูปคนสวมหมวก เป็ นเหรียญรุ่นใหม่ราคาจึงถูกกวา่ ห่า ปี มีลกัษณะเป็ นเหรียญเงินรูเปียเชื่อมติดหลายๆเหรียญ ห่าปีเส้ นหน่ึงมีจา นวนเหรียญ 25 เหรียญ ห่า ปี เป็ นเครื่องประดับกาย เมื่อมีงานประเพณีต่างๆและตอนออกไปเที่ยวหมู่บา ้ นอื่น


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 23 4)แหลก ก่อ (กา ไรขอ ้ มือและกา ไรคอ) มี2แบบ คือ 1.แบบไม่มีลวดลาย เป็ นกา ไรขอ ้ มือรุ่นเก่า 2.แบบมีลวดลาย เป็ นกา ไรขอ ้ มือรุ่นใหม่ กา ไรขอ ้ มือท้งัสองแบบ ทา จากเงิน ผลิตโดยช่างเครื่องเงินลาหู่มีลกัษณะบาง ความกวา ้ ง ประมาณ 3 นิ้ว สวมใส่ท้งัสองขา ้ งๆละ1 วง 5) หน่ำ วอ (ตุ้มหู) ท าจากเงิน สวมใส่ท้งัสองขา ้ ง 6) หลัก เป่ (แหวน) ท าจากเงิน ผลิตโดยช่างเครื่องเงินลาหู่ใส่ท้งัสองขา ้ งๆละ4 นิ้ว4 วง ยกเวน ้ไม่สวมหวันิ้วโป้ ง 8) หมีชอ(ถุงย่ำม) เป็ นผ้าที่ทอมาจากเส้นด้าย มีลวดลายหลากสีมีเครื่องเงินประดับ ดา ้ นหนา ้ ของถุงยา่ม ใช้เป็ นเครื่องประดับกายและใส่สิ่งของ 4.2 กำรแต่งกำยตำมวัย 1) เครื่องแต่งกำยเด็ก จะไม่เนน ้ ลวดลายลักษณะผ้าจะมีสีแดง สีด าเข้ม เจิด จ้า 2) เคร ื่องแต่งกำยหนุ่มสำว มีลวดลายหลากหลายการตัดเย็บผ้าจะประณีต และละเอียดอ่อน มีสีสันเข้มและเจิดจ้า 3) เคร ื่องแต่งกำยผู้สูงอำยุผู้ชำย เนน ้ เน้ือผา ้สีอ่อน จางไม่มีลวดลายขอบ ปลายกางเกง แถบผ้าสีแดงจะเล็กลง เหลือใหเ ้ ห ็ นเป็ นสัญลกัษณ ์ เท่าน้นัเพราะไม่เนน ้ ใหม ้ีสีฉูดฉาด 4) เคร ื่องแต่งกำยผู้สูงอำยุผ้หู ญิง เนน ้ เน้ือผา ้สีอ่อน จางไม่มีลวดลายขอบปลายแขนเส้ือ ชายเส้ือแถบ หน้าอก รวมท้งัปลายผา ้ ซิ่น รอยต่อระหวา่งหวัซิ่นกบัตวัซิ่น 5) แถบผ้าสีแดงขนาดผ้าจะเล็กลง ไม่มีลวดลายและไม่มีเครื่องเงินประดบับนชุดเครื่อง แต่งกายฉูดฉาด 4.3 กำรแต่งกำยตำมเทศกำล เมื่อเวลาพกัผอ่นอยกู่บับา ้ นและเวลาทา งานในไร่ลาหู่จะสวมใส่เครื่องแต่งกายชุดเก่า ที่ไม่ประดบัเครื่องเงิน แต่เมื่อมีงานเทศกาล ประกอบพิธีกรรมตามประเพณีต่างๆ ท้งัเด ็ กและ ผใู้ หญจะ่สวมใส่เครื่องแต่งกายชุดใหม่ๆ และประดับประดาด้วยเครื่องเงินชนิดต่างๆไว้สวยงาม


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 24 4.4 กำรแต่งกำยตำมสถำนะทำงสังคม 1) ตำ แหน่งผู้น ำทำงควำมเช ื่อ(โตโบ สล่ะ อาจา ลาส่อ ตาลา กาสอมา) จะใช้ผ้าสี เหลือง สีขาวเป็ นชุดแต่งกาย และหมวกในวนัศีล ตอนประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อในหอแหย่ และงานประเพณีปีใหม่ 2) ต ำแหน่งอำดอ (ผู้น ำชุมชน) ในอดีตคนที่จะเลือกให้เป็ น อาดอ (ผู้น าชุมชน) นอกจากมีความรู้ความสามารถด้านขนบธรรมเนียมประเพณี มีความซื่อตรง ซื่อสัตย์ และ เป็ น ธรรมยงัตอ ้ งมีฐานะ ความเป็ นอยทู่ ี่ดีกวา่ลูกบา ้ น การข้ึนมาเป็ นอาดอ ตอ ้ งเสียเงินเป็ นค่าแต่งต้งัจากผู้ มีตา แหน่งที่สูงกวา่และยามลูกบา ้ นประสบความยากล าบาก ตกทุกข์ได้ยาก อาดอ (ผู้น า) จะต้อง ช่วยเหลือหรือแบ่งปันไดท ุ้กเมื่อ ฉะน้นัชุดเครื่องแต่งกายตอ ้ งแต่งเตม ็ ยศ จะหาซ้ือเน้ือผา ้ ดีๆ ราคา แพง ๆ มาตดัเยบ ็ สวมใส่ชุดแต่งกายมีหลายๆชุด และแต่ละชุดประดับประดาเต็มไปด้วย เครื่องประดบัมากมายเช่น เงินแถบ แหวน กา ไรมือและกา ไรคอเป็ นต้น 5. เครื่องประดับบนชุดเคร ื่องแต่งกำย ผู้ชำย - ฟูแถบ (เงินเหรียญรูเปี ย) - ฟูสี่ (เม็ดเงิน) -หลัก เป่ (แหวน) -แหลกก่อ (กา ไรขอ ้ มือ) ผู้หญิง -ฟูแถบ (เงินเหรียญรูเปี ย) - ฟูสี่ น (เม็ดเงิน) -ฟูซ่อย (เครื่องประดับที่เป็ นพวง) - ตี๋ปอยแอ๋ (กระดุมเม็ดเล็ก) - ตี๋ปอยโหล (กระดุมเมด ็ใหญ่) -แหลกก่อเกาะ เปี ย เว (กา ไรคอ) -แหลก ก่อ หลกั แซ อะ เว (กา ไรขอ ้ มือ) - หลักเป่ (แหวน) - หน่า ปอ เป โห (ตุ้มหู) - ห่า ปี ฟู แถบ (เข็มขัดเงินเหรียญรูเปี ย)


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 25 6. โครงสร้ำงและเทคนิคกำรตัดเย็บ 6.1วัสดุอุปกรณ ์ ที่ใช้ ไดแ ้ ก่เขม ็ ดา ้ ยผา ้ กรรไกรและข้ีผ้ึง ใช้ท าให้ด้ายแข็ง ลื่นและทน สะดวกในการเย็บ 6.2 ช่วงเวลำในกำรตัดเย็บ 1) วนัศีล หรือวนัพระ ใชเ ้ วลาตดัเยบ ็ เครื่องแต่งกาย ภายหลังการประกอบพิธีกรรม ทางความเชื่อเสร็จแล้ว 2) หลังเลิกงานตอนเย็นจนถึงค ่า ชาวลาหู่ไม่ใชเ ้ วลาท้งัวนัในการตดัเยบ ็ เส้ือผา ้ 6.3 ผู้มีบทบำทในกำรตัดเย็บ ไดแ ้ ก่ แม่บา ้ น แม่เรือนใหม่และหญิงสาว 6.4วิธีกำรตัดเย็บ เส ื้อผู้ชำย มีส่วนประกอบ 3 ชิ้น คือ 1. ตวัเส้ือ(อาโปะอ่อ ตวั) มี1 ชิ้น 2.แขนเส้ือ (หลักแซ) มี2 ชิ้น ขั้นตอนที่ 1. ตัดผ้าเป็ นสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2. พบัคร่ึงเป็ นสองส่วนเท่าๆกนั 3. ตดัเป็ นวงกลมระหวา่งก่ึงกลางที่รอยพบั 4. ผา่จากวงกลมลงมาถึงชายเส้ือ 5. ตัดผ้าเย็บเป็ นทรงกระบอก 2 ชิ้น ทา เป็ นแขนเส้ือ 6. นา มาเยบ ็ ต่อท้งัสองขา ้ งเป็ นแขนเส้ือ และเยบ ็ ตะเขบ ็ เส้ือท้งัสอง ด้าน 7. ปักลวดลายที่บริเวณรอบๆคอเส้ือและติดเมด ็ กระดุม กำงเกงผ ู้ชำย มีส่วนประกอบ 4 ชิ้นเป็ น คือ 1. หัวกางเกง (ห่าอ่อก่อ) สีขาว 1 ชิ้น 2. ตัวกางเกง (ห่าอ่อโต) สีด า 2 ชิ้นเป็ นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3. ปลายกางเกง (ห่าคือ มื่อ)แถบผ้าสีแดง 2 ชิ้นขา ้ งละ1 ชิ้น 4. เป้ากางเกง 2 ชิ้นเป็ นรูปสามเหลี่ยมดา ้ นไม่เท่า


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 26 ขั้นตอนที่ 1 ตัดผ้าเป็ นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเท่าๆกนัจ านวน 2 ชิ้น 2 ตดัผา ้ เป็ นรูปสามเหลี่ยมดา ้ นไม่เท่าจา นวน 2 ชิ้น 3 นา ผา ้สามเหลี่ยมมาเยบ ็ ติดกบัผา ้สี่เหลี่ยมขา ้ งขวา 1 ชิ้นและขา ้ งซา ้ ย 1 ชิ้น 4 นา ผา ้ ท้งัสองชิ้นมาประกอบกนัและเยบ ็ ติดกนัเป็ นตวักางเกง 5 ตดัต่อหรือทบัซอ ้ นปลายขากางเกงดว ้ ยผา ้สีแดงเรียกวา่ หนำ เปะ 6 นา ตวักางเกงเยบ ็ ต่อกบัหวักางเกงกลายเป็ นตัวกางเกงส าเร็จรูป เส ื้อผู้หญิง มีส่วนประกอบ 4 ชิ้น คือ 1. ตวัเส้ือ(อาโปะอ่อ ตวั) 1 ชิ้น 2.แขนเส้ือ(หลกัแซ) มี 2 ชิ้น 3.แถบผา ้สีแดง (ใชต ้ กแตง่ ประดบัเพิ่มสีสัน) ขั้นตอนที่ 1. ตัดผ้าเป็ นสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2. พบัคร่ึงเป็ นสองส่วนเท่าๆกนั 3. ตดัเป็ นวงกลมระหวา่งก่ึงกลางที่รอยพบั 4. ผา่จากวงกลมลงมาถึงชายเส้ือ 5. ตัดผ้าเย็บเป็ นทรงกระบอก 2 ชิ้น ทา เป็ นแขนเส้ือ 6.นา มาเยบ ็ ต่อท้งัสองขา ้ งเป็ นแขนเส้ือและเยบ ็ ตะเขบ ็ เส้ือท้งัสองดา ้ น 7. เย็บแถบผ้าสีแดง “หนา เปะ” ตามแขน ปลายแขนเส้ือ รอบคอ หนา ้ อกและชายเส้ือ 8. ปักลวดลายต่างๆขา ้ งๆแถบผา ้สีแดง เพื่อใหด ู้สวยงาม 9. ประดบัดว ้ ยเครื่องเงินตามบนเส้ือ ผ ้ ำซิ่นผ ู้หญิง มีส่วนประกอบ 4 ชิ้น 1. หวัผา ้ ซิ่น (แท ดูอ่อก่อ)จา นวน 1 ชิ้น 2. ตวัผา ้ ซิ่น (แท ดูอ่อโต)จา นวน 1 ชิ้น 3. ปลายผา ้ ซิ่น (แท ดูอ่อ มื่อ)จา นวน 2 ชิ้น


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 27 ขั้นตอนที่ 1. ตดัผา ้ เป็ นสี่เหลี่ยมผืนผา ้ ตามขนาดของร่างกาย 2. ต่อ หรือทบัซอ ้ นแถบผา ้สีแดง หวัผา ้ ซิ่น และปลายผา ้ ซิ่น 3. ปักลวดลายขา ้ งๆแถบผา ้สีแดง บนตวัผา ้ ซิ่น เพิ่มสีสัน เพื่อความ สวยงาม 4. นา หวัผา ้ ซิ่นมาเยบ ็ ต่อกบัตวัผา ้ ซิ่น 7. ลวดลำยทปี่ระดับบนชุดเคร ื่องแต่งกำยของผู้หญิง 1 .อา หยอ่วิเป็ นลายดอกต้นยอ 2. กงะ คือ ก๋าย ลายตีนไก่ 3. อา เกาะ ก๋าย ลายงอยาว 4. อ่อ ตอ กุ๋ย ลายดอกงอส้ันเป็ นตอนๆ รูปแบบลวดลายที่ประดบับนชุดเครื่องแต่งกายของชนเผา่ลาหู่น้นั สังเกตและเลียนแบบจาก ธรรมชาติท้งัจากพืชและสัตว ์ เช่นลวดลายดอดไมแ ้ ละรอยเทา ้สัตว ์ 8. กำรใช้ประโยชน์และค่ำใช้จ่ำยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเครื่องประดับ 8.1 ประเภทกำรใช้ประโยชน์ผลิตภัณฑ์ผ้ำ 1.ใชเ ้ป็ นเครื่องแต่งกาย หรือเครื่องนุ่งห่มในชีวิตประจา วนั 2.ใชเ ้ป็ นสิ่งของแลกเปลี่ยนซ่ึงกนัและกนัเนื่องจากในอดีตไม่มีการซ้ือขาย 3. ใช้เป็ นของขวัญของที่ระลึก เนื่องในงานประเพณีปีใหม่ 4.ใชเ ้ป็ นสิ่งของในพิธีกรรมขอขมาจากผใู้ หญ่ เมื่อได้กล่าวล่วงเกินผใู้ หญ่ 5. ใชใ้ นการประกอบพิธีกรรม เช่น ท าเป็ นธงผา ้ปัดเป่าขบัไล่สิ่งชวั่ร ้ ายต่างๆ ไม่ให ้ เขา ้ มาในหมู่บา ้ น 8.2 ค่ำใช้จ่ำยส ำหรับจัดซื้อและจัดท ำเครื่องแต่งกำยปัจจุบัน 1.คา่วสัดุอุปกณ ์ เช่น เข็ม เส้นด้าย ผ้า และเครื่องประดับเงิน 2.คา่ตดัเยบ ็ เครื่องแต่งกาย 3. คา่ ประดบัเครื่องเงิน


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 28 8.3 รำยกำรเคร ื่องแต่งกำยผู้ชำย เสื้อ ผใู้ หญ่ ราคาประมาณ 300 - 600 บาท เด็ก ราคาประมาณ 120 - 200 บาท กำงเกง ผใู้ หญ่ ราคาประมาณ 200 - 300 บาท เด็ก ราคาประมาณ 120 - 200 บาท 8.4 รำยกำรเคร ื่องแต่งกำยผู้หญิง เสื้อ ผใู้ หญ่ ราคาประมาณ 400 - 600 บาท เด็ก ราคาประมาณ 200 -300 บาท ซิ่น ผใู้ หญ่ ราคาประมาณ 400 - 600 บาท เด็ก ราคาประมาณ 200 -300 บาท เข็มขัด(เหรียญเงินรูเปี ย) ราคาประมาณ 5000 - 6000 บาท 8.5 กำรดูแลและเกบ็รักษำเคร ื่องแต่งกำย การเก ็ บรักษาเครื่องแต่งกายลาหู่กลบัดา ้ นเครื่องแต่งกายโดยเอาเส้ือด้านนอกเข้า ด้านใน ด้านในออกด้านนอก และพับแขนเส้ือเขา ้ หาตวัเส้ือแลว ้ พบัตวัเส้ือตาม เก ็ บไวอ ้ ยา่งเรียบร ้ อย การซกัเครื่องแต่งกายจะใชม ้ือขย้เีบาๆ และกลบัดา ้ นเส้ือตากแดดไว้เพื่อไมใ่หเ ้ น้ือสีผา ้ ซีด จาง 9. กระบวนกำรสืบทอดองค ์ ควำมรู้กำรแต่งกำยและเคร ื่องแต่งกำยชนเผ่ำ 9.1 พื้นที่กำรถ่ำยทอด การสืบทอด ถ่ายทอดเครื่องแต่งกายลาหู่ส่วนใหญ่เป็ นวนัหยดุ ศีลซึ่งหยดุการทา งานในไร่และพกัผอ่น ทา พิธีกรรมทางความเชื่อเสร ็ จแลว ้ จะเป็ นช่วงเวลาที่ผรูู้้ เรื่อง การตดัเยบ ็ เครื่องแต่งกายถ่ายทอดวิชาความรู้ การตดัเยบ ็ ให ้ กบัสาวๆหรือแม่เรือนใหม่ๆ บนชานบ้าน เป็ นกลุ่มๆ ส่วนกลางคืนถ่ายทอดแบบแม่สอนลูกสาว ขา ้ งๆ เตากองไฟภายในบา ้ นใชแ ้สงสวา่งจาก ไมส้ น(เกี๊ยะ)และไมไ้ ผแ่หง ้ จะไม่ใชเ ้ วลาท้งัวนัในการตดัเยบ ็ เครื่องแต่งกาย


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 29 9.2 กระบวนกำรถ่ำยทอดส ื บทอดองค ์ ควำมรู้ด้ำนเคร ื่องแต่งกำย1. สอนปากเปล่า 2. ฝึ กปฏิบัติด้วยตนเอง การเลือกซ้ือผา ้ การวัด การตัดเย็บ และการออกแบบ ลวดลาย 3. ปฏิบัติจริง 4. สังเกต จดจ า 9.3 ผู้เกยี่วข้องในกระบวนกำรถ่ำยทอดส ื บทอดองค ์ ควำมรู้ด้ำนเคร ื่องแต่งกำย 1) พ่อแม่ปู่ยา่ตายาย ทวด 2) ลูก 3) หลาน 4) ผู้รู้ ผู้อาวุโส ผู้เชี่ยวชาญในชุมชน 5)ผู้น าทางความเชื่อ(โตโบ/สล่ะ/อาจา/ลาส่อ/ตาร่า/กา สอ มา) 9.4 พื้นที่กำรแสดงออกของวัฒนธรรมเครื่องแต่งกำย 1) วันศีลเดือนขึ้น 15 ค ่ำ เดือนแรม 14 ค ่ำ วันเข้ำพรรษำ และวันออกพรรษำ กลุ่ม ลาหู่ญีจะหยดุการทา งานในไร่เพื่อหยดุพกัผอ่นและมีกิจกรรม ประกอบพิธีกรรม สืบทอด ถ่ายทอด ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม และป้อย เต เว(การเต้นร า) ที่หอแหย่ (ศูนย์ประกอบ พิธีกรรมทางความเชื่อ) โดยเป็ นพ้ืนที่ที่ลาหู่จะแต่งกายดว ้ ยชุดเครื่องแต่งกายใหม่ๆ เรียบร ้ อย มา อวด มาโชวก ์ นั 2) วันกินข้ำวใหม่ เมื่อผลผลิตขา ้ วใหม่ออก ลาหู่จะจดังานวนักินขา ้ วใหม่1 วนัเพื่อเป็ นการ ขอบคุณหรือตอบแทนบุญคุณผมู้ีพระคุณท้งั จำหลี (ช่างตีเหลก ็ ประจา หมู่บา ้ น) ที่ช่วยผลิตและ ซ่อมแซมอุปกรณ ์ เครื่องมือการทา มาหากินใหไ้ ดผ ้ ลผลิตที่ดีและขอบเจา ้ป่า เจา ้ เขา เจา ้ น้า ที่ช่วยดูแล และประทานความอุดมสมบูรณ์ ท าให้ได้ผลผลิตที่ดีงามใหม ้ีกินมีใช ้วันกินขา ้ วใหม่ของลาหู่แต่ละ หมู่บา ้ นจดัไม่พร ้ อมกนัหมู่บา ้ นที่จดังานจะแต่งกายดว ้ เครื่องแต่งกายชุดสวยๆงามๆใหม่ๆใหก ้ าร ตอ ้ นรับและหมู่บา ้ นที่จะไปเที่ยวงานก ็ แต่งกายชุดสวยๆงามๆใหม่ๆไปร่วมงานเช่นกนัเป็ นพ้ืนที่แต่ง ชุดเครื่องแต่งกายมาอวดมาโชว ์ แข่งขันกนั 3) ปี ใหม่ เมื่อเก ็ บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรในไร่เสร ็ จแลว ้ ลาหู่จะหยดุการทา งานในไร่ และ พกัผอ่น เพื่อจัดหา จัดเตรียมชุดเครื่องแต่งกาย โดยการซ้ือผา ้ มาตดัเยบ ็ เป็ นเครื่องแต่งกายชุดใหม่ รวมท้งัถ่ายทอดการตดัเยบ ็ เครื่องแต่งกายใหก ้ บัลูกหลาน เพื่อเตรียมสวมใส่ต้อนรับเฉลิมฉลองปี


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 30 ใหม่เรียกวา่ ประเพณี เขำะ จำ เว (ประเพณีกินวอ หรือปีใหม่) ลาหู่จะแต่งกายชุดใหม่ๆ มาอวด มา โชว์ มาประชนักนัและร่วมเตน ้ ร าปอย เต เว และก่ำ เคอะ เว ท้งักลางวนัและกลางคืนที่บริเวณลาน ตน ้ วอ (ตน ้ ปีใหม่) เพื่อเป็ นการสรรเสริญ บูชา อื่อ ซำ (พระเจา ้) ที่ชนเผา่ลาหู่เคารพนบัถือและเซ่น ไหว ้ประเพณีปีใหม่มีดว ้ ยกนั 7 วัน 7คืน แยกเป็ นปี ใหม่ผชู้ าย3คืน 3วนั ปีใหม่ผหู้ ญิง 4คืน 4วัน 4)งำนศพ เมื่อมีคนเสียชีวิตญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตจะแต่งกายศพดว ้ ยชุดเครื่องแต่งกายชน เผา่ชุดใหมห่ ่อศพดว ้ ยผา ้สีขาว 5)ไปเที่ยวต่ำงถิ่น สวมใส่ดว ้ ยชุดเครื่องแต่งกายดว ้ ยชุดใหม่ๆ หรือเป็ นชุดที่เรียบร ้ อย กรณี หนุ่มสาวจะสวมใส่เครื่องแต่งกายครบชุด 10. ควำมเชื่อและแรงบันดำลใจในกำรสร้ำงสรรค์เครื่องแต่งกำย 10.1 ควำมเชื่อ บรรพบุรุษลาหู่สอนไวว ้ า่ บ้ำนเมืองนั้นเสียได้แต่ กฎจำรีต ขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรมนั้นเสียไม่ได้ มีความหมายวา่บา ้ นเมืองเสียแลว ้สามารถซ่อมแซมหรือก่อสร ้ าง ข้ึนมาใหม่ไดแ ้ ต่จารีต ประเพณีวฒันธรรน้นัเสียแลว ้ ทา ใหเ ้ กิดความแตกแยก ซ่อมแซมหรือสร้าง ข้ึนมาใหม่ไม่ได ้ เช่น ภาษาและ เครื่องแต่งกาย เป็ นตน ้ ฉะน้นัจงรักษาไวใ้ หด ้ีอยา่ ใหสู้ญหาย อยา่ ไดล ้ ะทิ้ง และอยา่ ไปสวมใส่ใส่เครื่องแต่งกายของเผา่อื่น เพราะถึงแต่งกายดูดีอยา่งไรก ็ไม่ เหมือนเช่นเขา เช่นภาษา และนิสัยใจคอเป็ นตน ้ และจงภูมิใจในชุดเครื่องแต่งกายเผา่ลาหู่เพราะ ตอ ้ งใชส้ วมใส่เครื่องแต่งกาย เตน ้ ร า ป้อย เต เว และก่ำ เคอะ เว ในวันส าคัญตามประเพณี เพื่อเป็ น การ สรรเสริญ บูชา อื่อซา(พระเจา ้) เพราะฉะน้นัชาวลาหู่รุ่นลูกรุ่นหลานจะตอ ้ ง ดา รง รักษา อนุรักษ ์ สืบทอด ถ่ายทอด ขนบธรรมเนียมประเพณีวฒันธรรมของเผา่ลาหู่ไวใ้ หส้ืบไป 10.2แรงบันดำลใจ 1. ชุดเครื่องแต่งกายมีความโดดเด่น มีลวดลายที่หลากหลาย และมีสีสันที่งดงาม ซ่ึง แสดงถึงความประณีต ละเอียดอ่อน 2. เป็นมรดกสืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่ลูกหลานลาหู่ตอ ้ งสืบทอดต่อไป 3. เครื่องแต่งกายมีความเป็ นอตัลกัษณ ์ ความเป็ นตวัตน 4. มีความจ าเป็ นที่ต้องใช้ชุดเครื่องแต่งกายในงานประเพณีพิธีกรรม สา คญัต่างๆ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 31 11. กระบวนกำรเลือกรับ ปรับใช้ ที่มีต่อกระแสกำรเปลี่ยนแปลง 11.1 ปัจจัยที่มีผลต่อกำรเล ื อกรับ ปรับใช้เคร ื่องแต่งกำยลำหู่ ด้ำนสังคม วัฒนธรรม 1.1 เกิดจากการอพยพโยกยา ้ ยขา ้ มประเทศ และขา ้ มถิ่น ทา ใหเ ้ กิดการเปลี่ยนแปลง และปรับใชเ ้ ครื่องแต่งกายตามสภาพสังคมของคนส่วนใหญ่น้นัๆ 1.2 เกิดจากการใหค ้ วามสา คญั ตระหนัก และคุณคา่ ในการสืบทอด ถ่ายทอดเครื่อง แต่งกายลดลง 1.3 นโยบายรัฐฯไม่เอ้ือพ้ืนที่ในการแสดงวฒันธรรมเครื่องแต่งกายสู่สาธารณชนให ้ ไดร ้ับรู้ เกิดความเขา ้ใจใหค ้ วามสา คญัและใหก ้ ารสนบัสนุน ด้ำนเศรษฐกิจ 2.1 วตัถุดิบที่นา มาใชใ้ นการผลิตเครื่องแต่งกายหาไดย ้ ากและมีราคาแพง 2.2 การผลิตเครื่องแต่งกายโดยใชเ ้ ครื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ แทนการผลิตดว ้ ยมือ เช่น จักรเย็บผ้า อุปกรณ์ลวดลายส าเร็จรูป (ลายดอก) 2.3 สมยันิยมเปลี่ยนแปลง เกิดแฟชนั่ใหม่ๆ ทา ใหเ ้ กิดความตอ ้ งการและความจา เป็ น ด้ำนสิ่งแวดล้อม 3.1 สภาพภูมิศาสตร ์ ภูมิประเทศ ที่ต้งัอยอู่าศยัเปลี่ยนแปลงทา ใหเ ้ กิดการปรับใชด ้ า ้ น เครื่องแต่งกายใหเ ้ หมาะสมกบัสภาพพ้ืนที่อากาศจากที่เยน ็ สู่ที่ร ้ อน การใชเ ้ น้ือผา ้ หนาเป็ นผา ้ บาง 3.2 ความยงุ่ยากในการสวมใส่ตกแต่งประดบั 3.3 ความยงุ่ยากในการซกัลา ้ งและแหง ้ ชา ้ 11.2 สัญลกัษณ ์ เด่นที่ยังคงอยู่ในกระแสกำรเปลี่ยนแปลง ถึงแมย ้ คุสมยักาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงนานเท่าใดแต่มีสัญลกัษณ ์ เครื่องแต่งกายของ ชนเผา่ลาหู่ที่ยังความโดดเด่น สวยงาม และยงัทรงคุณค่าที่ไม่ไดเ ้ปลี่ยนแปลงตามกระแสวฒันธรรม ภายนอกเสียท้งัหมด ไดแ ้ ก่รูปแบบการตัดเย็บ รูปทรง การใช้สีด า และสีแดงเป็ นหลัก ในงาน ประกอบพิธีกรรม และงานประเพณีต่างๆ ยงัมีการสวมใส่เครื่องแต่งกายไดเ ้ ห ็ นไดช ้ มกนัอยู่ 11.3 แนวโน้มเครื่องแต่งกำยของชนเผ่ำในอนำคต 1 การแต่งชุดเครื่องแต่งกายในชีวิตประจา วนัจะลดลง เหลือแต่เนื่องในวนัสา คญั ทางพิธีกรรม และงานประเพณีเท่าน้นั


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 32 2 การผลิตชุดเครื่องแต่งกายจะใชเ ้ ครื่องเทคโนโลยใีหม่ๆเขา ้ มาแทนที่การใชเ ้ ยบ ็ ปัก ดว ้ ยมือมากยิ่งข้ึนเช่นจกัรเยบ ็ ผา ้ใชเ ้ ทา ้ เยียบและจกัรอุตสาหกรรมใชไ้ฟฟ้ า 3 แต่งกายตามแฟชนั่สมยัใหม่มากข้ึน โดยเฉพาะเด ็ กและวนัรุ่น 4 รูปแบบเครื่องแต่งกายมีการประยกุต ์ หรือดดัแปลงใหเ ้ หมาะสมกบัตามยคุสมยั 12. กำรเคลื่อนตัวของวัฒนธรรมต่อเครื่องแต่งกำย ก่อนปี พ.ศ. 2499 ชนเผา่ลาหู่มีการปลูกฝ้ าย เพื่อน ามาผลิตด้าย ทอผ้าและ ย้อมสีผ้าเองโดย ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ตดัเยบ ็ ผา ้ เป็ นชุดเครื่องแต่งกายและ เครื่องนุ่งห่มใชเ ้ องภายในครัวเรือน ในขณะน้นัวตัถุดิบในการผลิตดา ้ ย ผา ้ น้นั ไม่มีขายตอ ้ งผลิตเองท้งัสิ้น การแต่งชุดเครื่องแต่งกาย เป็ นรูปแบบเดียวกนัหมด เคร่งครัดในการแต่งกายทุกเพศ ทุกวยัทุกโอกาส และทุกสถานภาพ ชนเผา่ลาหู่จึงรู้คุณค่า มีความเข้าใจ และมีประสบการณ์ในการผลิตผ้าเป็ นอยา่งดี มีการสืบทอด ถ่ายทอดกนัอยา่งต่อเนื่อง การติดต่อ สัมพนัธ ์ กบัชนเผา่อื่นๆมีไม่มากนกัมีเพียงผนู้ า หมู่บา ้ นที่ลง ไปซ้ือสิ่งของที่จา เป็ นที่ตอ ้ งใชเ ้ ท่าน้นัเช่น เขม ็ เกลือและเหลก ็ เมื่อซ้ือสิ่งของเสร ็ จแลว ้ ตอ ้ งเดินทางกลบับา ้ น ถา ้ กลบับา ้ นไม่ทนัหรือไม่ถึงจะไม่นอนคา ้ งคืนบา ้ น คนเมืองหรือพ้ืนที่ราบระหวา่งทางเด ็ ดขาด จะพกัระหวา่งทางที่เป็ นเขา เพราะสาเหตุไม่พกัที่กลัว เป็ นไข้มาลาเรีย พ.ศ. 2500 – 2519 การผลิตผ้าของเผา่ลาหู่ลดน้อยลง เนื่องจากมีการติดต่อสัมพนัธ ์ คา ้ ขายกบั ชนเผา่อื่นๆและชาวไทยพ้ืนราบมากข้ึน โดยคนเมืองน าผ้า เกลือ และเหล็ก ข้ึนไปบนดอยเพื่อ แลกเปลี่ยนพริกหรืองา คนดอยเริ่มลงไปซ้ือของในเมือง จึงมีการซ้ือผา ้สา เร ็ จรูปจากทอ ้ งตลาดมา สวมใส่แทนการผลิตผ้าเอง เพราะหาซ้ือไดง ้่าย สะดวก และไม่ยงุ่ยาก ไม่เสียเวลามาก เริ่มมีการซ้ือ ชุดสา เร ็ จรูปมาสวมใส่ พ.ศ. 2520 – ปัจจุบัน ไม่มีการผลิตผา ้ใช้เอง มีการซ้ือผา ้ ชุดเครื่องแต่งกายสา เร ็ จมาสวมใส่ ใช้เทคโนโลยีใหม่เครื่องจักร(จักรเย็บผ้า)ในการตัดเย็บผ้ามากข้ึน เพื่อเป็ นการคา ้ และธุรกิจ ผู้รู้ใน ด้านการผลิตตดัเยบ ็ เครื่องแต่งกายชนเผา่นอ ้ ยลงเหลือเพียงแต่กลุ่มคนเฒ่าคนแก่เท่าน้นัการสวมใส่ ชุดเครื่องแต่งกายชนเผา่ก ็น้อยลงเนื่องจากมีการรับวฒันธรรมการแต่งกายตามแฟชนั่สมยัใหม่มาก ข้ึน จนทา ใหก ้ ารแต่งชุดเครื่องแต่งกายเผา่มีเฉพาะในวนัสา คญัตามงานประกอบพิธีกรรม และ ประเพณีเท่าน้นั


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 33 13.ข้อเสนอแนะ ผู้รู้ ผู้น าชุมชนและเครือข่ายองค์กรที่ทา งานกบัชนเผา่ลาหู่ควรหนักลบัมาใหค ้ วามสา คญั ตระหนกัคุณค่าวฒันธรรมเครื่องแต่งกายของเผา่ ใหม ้ ากข้ึน โดยการรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ เครื่องแต่งกายของเผา่ลาหู่ไวเ ้ป็ นสื่อการเรียน การสอนการสืบทอด ถ่ายทอดใหก ้ บัลูกหลานลาหู่ได ้ ศึกษาเรียนรู้ และปฏิบตัิต่อไป ในส่วนภำครัฐ ควรยอมรับในความหลากหลายทางชาติพนัธุ์ และวฒันธรรมของชนเผา่บน พ้ืนที่สูง นอกจากใช้ประโยชน์โฆษณาการท่องเที่ยวของประเทศแล้วควรให้การสนับสนุนชนเผา่ และเปิดโอกาสใหพ ้ ี่นอ ้ งชนเผา่ ไดม ้ีพ้ืนที่ในการแสดงวฒันธรรมดา ้ นเครื่องแต่งกายชนเผา่ดว ้ ย


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 34 บทที่ 4 คณะผู้รู้ผู้อำวุโส ที่ให้ข้อมูลในชุมชน 1) รำยช ื่อผู้รู้ชนเผ่ำลำหู่ 1.1 นายอะไข่ขะจู ผรูู้้ บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.2 นายจะอื่อ จะคา ผรูู้้ บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.3 นางนาหยอ่จะคา ผรูู้้ บา ้ นขนุหว ้ ยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.4 นางนาทอ พันธุ์แสนกอ ผู้รู้บ้านขุนห้วยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.5 นานาปอย จะขู่ ผู้รู้บ้านขุนห้วยไส้ ม.7 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.6 นายจะนุแกแล ผรูู้้ บา ้ นเจียจนัทร ์ ม.13 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.7 นางนาแส ยะป่า ผรูู้้ บา ้ นเจียจนัทร ์ ม.13 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.8 นายอะโหล ปุแส ผู้รู้บ้านนาน้อย ม.9 ต.ปิ งโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1.9 นายสาม แอฟูแส ผรูู้้ บา ้ นหนองเต่า ม.15 ต.ปิงโคง ้ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 20. นางนาแส แอฟูผรูู้้ บา ้ นหนองเต่า ม.15 ต.ปิงโคง ้ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 21. นายจะเคาะ บูทะ ผรูู้้ บา ้ นใหม่โป่งจ ๊ อก ม.4 ต.แม่ทะลบ อ.ไชปราการ จ.เชียงใหม่


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 35 บทที่ 5 ภำคผนวก ภำพประกอบ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 36 หมู่บ้ำนลำหู่ญีขุนห้วยไส้


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 37 ชุดเครื่องแต่งกำยเด็กหญิง ชุดเครื่องกำยหญิงสำว ชุดเครื่องกำยผู้สูงอำวุโสหญิง ชุดเครื่องแต่งกำยหญิงสำว วัยกลำงคน และผู้สูงอำยุ


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 38 เครื่องแต่งกำยของหญิงสำว ก ำลังปอยเต เว “เต้นร ำ” ประกอบพิธีกรรมอี๊ กะ ส่อ ดะ เว “รดน ้ำด ำหัว”


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 39 ชุดเครื่องแต่งกำยผู้น ำทำงควำมเชื่อ/ศำสนำ บ้ำนเจียจันทร์หมู่ที่13 ต.เมืองนะ อ.เชียงดำวจ.เชียงใหม่ ประกอบพิธีกรรม สะ ละ เต ต้ำ เว “ตำนศำสลำ” บ้ำนกองผักปิ้ง หมู่ที่13 ต.เมืองนะ อ.เชียงดำวจ.เชียงใหม่


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 40 ตัวเสื้อ แขนเสื้อ หนำ เปะ เครื่องประดับ ชุดเครื่องแต่งกำยเสื้อหญิงสำว(ด้ำนหน้ำ) ชุดเครื่องแต่งกำยเสื้อหญิงสำว(ด้ำนหลงั)


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 41 ชุดเครื่องแต่งกำยเสื้อหญิงแม่เรือนใหม่ (ด้ำนหน้ำ) ชุดเครื่องแต่งกำยเสื้อหญิงแม่เรือนใหม่ (ด้ำนหน้ำ) ชุดเครื่องแต่งกำยเด็กผู้หญิง / ผู้อำวุโส ชุดเครื่องแต่งกำยหญิงสำว(ในอดีต)


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 42 แท ดูอ่อก่อ (หัวผ้ำซิ่น) แท ดูอ่อโต (ตัวผ้ำซิ่น) หนำ เปะ (ผ้ำตกแต่ง) ลวดลำย แท ดูอ่อ คือ มื่อ(ปลำยผ้ำซิ่น) ชุดเครื่องแต่งกำยหญิงสำว ในปัจจุบัน ตัวเสื้อ เสื้อซับใน เครื่องประดับ แขนเสื้อ พอ ก่ำ ชุดเครื่องแต่งกำยเสื้อชำย (ด้ำนหน้ำ) ชุดเครื่องแต่งกำยเสื้อชำย(ด้ำนหลงั)


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 43 หัวกำงเกง ตัวกำงเกง ปลำยกำงเกง ลวดลำย ชุดกำงเกงผู้ชำย(หน้ำหน้ำและด้ำนหลงัเหมือนกนั) ชุดกำงเกงผู้ชำยด้ำนข้ำง เครื่องแต่งกำยผู้สูงอำยุหญิง


ภูมิไทยชุดไทย ชนเผ่าลาหู่ 44 เครื่องแต่งกำยผู้ชำย ชุดเครื่องแต่งกำยผู้น ำทำงควำมเชื่อ เครื่องแต่งกำยผู้น ำชุมชน


Click to View FlipBook Version