The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by civicbyteeran737, 2019-09-07 02:33:36

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์

2.2

อากาศเข้า-ออกปอดได้อย่างไร

จุดประสงค์การเรียนรู้
ขอ้ 2 ทดลองและสรุปเก่ียวกบั การทางานของระบบต่างๆ ในร่างกายได้

คาชีแ้ จง ให้นักเรียนพจิ ารณาภาพการหายใจเข้า-ออก แล้วทาการทดลองต่อไปนี้

ภาพ ภาพ
ข้นั ตอนคือ ข้นั ตอนคือ

ศึกษาปริมาตรลมหายใจออกตามข้ันตอน ดังนี้ ลมหายใจ ขวดน้า
1. ตวงน้าปริมาตร 200 มลิ ลเิ มตร แลว้ เทใส่ในขวดปิ ดฝา

คว่าขวดแลว้ ใชป้ ากกาขีดแสดงระดบั น้าในขวด น้า
2. นาขวดในขอ้ 1. ไปใส่ในภาชนะที่มีน้า แลว้ จดั เตรียม สายยาง

อุปกรณ์ ดงั ภาพ

3. กล้นั ลมหายใจและเป่ าออกผา่ นสายยาง สงั เกตระดบั น้าที่ขวด บนั ทึกผล

4. นกั เรียนกระโดดตบ 30 คร้ัง เสร็จแลว้ เป่ าลมหายใจผา่ นสายยาง สงั เกตระดบั น้า บนั ทึกผล

นกั เรียนจะวเิ คราะหผ์ ลการศกึ ษาเก่ียวกบั ปริมาตรลมหายใจออกวา่ อยา่ งไร

43

2.2

อากาศเข้า-ออก ปอดได้อย่างไร

คาชีแ้ จง ให้นักเรียนพจิ ารณาภาพการหายใจเข้า-ออก แล้วทาการทดลองต่อไปนี้

ภาพ การหายใจเข้า ภาพ การหายใจออก
ขน้ั ตอนคือ เมอ่ื กล้ามเนือ้ ยดึ ซ่ีโครงหดตัว ข้ันตอนคือ หลงั จากการหายใจเข้า กะบังลมยดึ
กระดกู ซี่โครงเล่อื นสูงขนึ้ กะบงั ลมหดตวั ซ่ีโครงคลายตวั กระดูกซี่โครงเลื่อนตา่ ลง
และเลือ่ นลงปริมาตรของช่องอกมมี ากขึน้ กะบงั ลมเล่อื นสูงขึน้ ปริมาตรของช่องอกลดลง
ความดนั อากาศภายในช่องอกลดตา่ ลง ผลกั ดันให้อากาศจากภายในปอดออกสู่ภายนอก
ดังน้ันอากาศจากภายนอกผ่านเข้าสู่ปอดได้

ศึกษาปริมาตรลมหายใจออกตามข้ันตอน ดังนี้ ขวดน้า
1. ตวงน้าปริมาตร 200 มิลลิเมตร แลว้ เทใส่ในขวดปิ ดฝา ลมหายใจ

ควา่ ขวดแลว้ ใชป้ ากกาขีดแสดงระดบั น้าในขวด สายยาง น้า
2. นาขวดในขอ้ 1. ไปใส่ในภาชนะท่ีมนี ้า แลว้ จดั เตรียม

อปุ กรณ์ ดงั ภาพ

3. กล้นั ลมหายใจและเป่ าออกผา่ นสายยาง สงั เกตระดบั น้าที่ขวด บนั ทึกผล

4. นกั เรียนกระโดดตบ 30 คร้ัง เสร็จแลว้ เป่ าลมหายใจผา่ นสายยาง สงั เกตระดบั น้า บนั ทึกผล

นกั เรียนจะวเิ คราะหผ์ ลการศึกษาเกี่ยวกบั ปริมาตรลมหายใจออกว่าอยา่ งไร
ในภาวะที่ร่ างกายมกี ารออกกาลงั กาย ปริมาตรลมหายใจออกจะมากกว่าเมอ่ื ร่ างกายอย่ใู นภาวะ

ปกติ จะเห็นได้จากการทดลองว่า ปริมาตรนา้ ในข้นั ตอนท่ีให้นักเรียนกระโดดตบ มปี ริมาตรลดลงกว่าใน
ข้ันตอนการกลนั้ หายใจแล้วเป่ าลมหายใจออก เน่ืองจากอากาศท่ีเป่ าเข้าไปในขวดจะดนั ให้นา้ ออกจากขวด
ถ้ามอี ากาศเข้าไปแทนที่มาก นา้ กจ็ ะถกู ดันออกทางปากขวดมากเช่นกัน

44

2.3

การทางานของระบบประสาท
จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ขอ้ 2 ทดลองและสรุปเก่ียวกบั การทางานของระบบต่างๆ ในร่างกายได้
คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมตามคาแนะนา

1. จงบอกโครงสร้างของเซลลป์ ระสาท

3.

1.
2.

2. ใหน้ กั เรียนเขียนวงจรการทางานของระบบประสาทจากเหตุการณ์ต่อไปน้ี

45

2.3

การทางานของระบบประสาท

คาชี้แจง ให้นกั เรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามคาแนะนา
1. จงบอกโครงสร้างของเซลลป์ ระสาท

3. แอกซอน (axon)

1. ตัวเซลล์ (cell body)

2. เดนไดรต์ (dendrite)
2. ใหน้ กั เรียนเขียนวงจรการทางานของระบบประสาทจากเหตุการณ์ต่อไปน้ี

ตามองเห็นธนบตั ร เซลล์ประสาทรับความรู้สึก
สมอง

เซลล์ประสาทสั่งการ

เกบ็ ธนบตั ร ก้มตวั ลง

มือถกู หนามตา เซลล์ประสาทรับความรู้สึก

ไขสันหลงั

เซลล์ประสาทส่ังการ

ดึงมือออกจากหนาม กล้ามเนื้อมือ

46

2.4

ระบบสืบพนั ธ์ุของมนุษย์

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ขอ้ 2 ทดลองและสรุปเก่ียวกบั การทางานของระบบต่างๆ ในร่างกายได้

คาชีแ้ จง ให้เขยี นส่วนประกอบของระบบสืบพนั ธ์ุเพศชายและระบบสืบพนั ธ์ุเพศหญิง

ส่วนประกอบของระบบสืบพนั ธุเ์ พศชาย ไดแ้ ก่

3 4
5

26
1

7

ส่วนประกอบของระบบสืบพนั ธุเ์ พศหญิง ไดแ้ ก่

34

2 5
1 6

47

2.4

ระบบสืบพนั ธ์ุของมนษุ ย์

คาชีแ้ จง ให้เขยี นส่วนประกอบของระบบสืบพนั ธ์ุเพศชายและระบบสืบพนั ธ์ุเพศหญิง

3 4 ส่วนประกอบของระบบสืบพนั ธุเ์ พศชาย ไดแ้ ก่
5 1. อัณฑะ
2. ถงุ อัณฑะ
26 3. ต่อมสร้ างนา้ เลยี้ งอสุจิ
1 4. กระเพาะปัสสาวะ
5. ท่อนาอสุจิ
7 6. ท่อปัสสาวะ
7. องคชาต

34 ส่วนประกอบของระบบสืบพนั ธุเ์ พศหญิง ไดแ้ ก่
1. รังไข่
2 5 2. ปี กมดลกู
1 6 3. ท่อนาไข่
4. มดลกู
5. เยือ่ บุมดลกู
6. ช่องคลอด

48

2.5

การทางานร่วมกนั ของระบบต่างๆ
จุดประสงค์การเรียนรู้

ขอ้ 1 สรุปความสาคญั ของระบบต่างๆ ในร่างกายได้
คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามคาแนะนา

1. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ใหส้ มาชิกหมายเลข 1, 2, 3 และ 4 ของแต่ละกลมุ่ ไปรวมกลมุ่
กนั เป็นกลุ่มหมายเลข และศกึ ษาภาพหมายเลข 1, 2, 3 และ 4 ตามลาดบั

ภาพ 1 ภาพ 2

ภาพ 3 ภาพ 4
2. ใหน้ กั เรียนในกลุ่มหมายเลขร่วมกนั อภิปรายภาพที่ศึกษาในหวั ขอ้ ดงั น้ี

- พฤติกรรมของบุคคลในภาพ
- ลกั ษณะของบุคคลที่จะเปลี่ยนไปเม่อื ไมไ่ ดร้ ับการแกไ้ ข
- ระบบในร่างกายท่ีจะไดร้ ับผลต่อเนื่อง
- ลกั ษณะของบุคคลท่ีจะเปลีย่ นไปเมือ่ ไดร้ ับการแกไ้ ข

49

แบบประเมนิ กระบวนการกล่มุ

กลมุ่ ท่ี .................................... ช้นั .......................
สมาชิกภายในกล่มุ 1. ............................................................. 2. ...........................................................

3. ............................................................. 4. ...........................................................
5. ............................................................. 6. ...........................................................
คาชี้แจง ใหท้ าเคร่ืองหมาย  ในช่องท่ีตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ที่ รายการพฤตกิ รรม คณุ ภาพการปฏบิ ตั ิ
321

1 มกี ารปรึกษาและวางแผนร่วมกนั ก่อนทางาน
2 มีการแบ่งหนา้ ท่ีอยา่ งเหมาะสมและทาตามหนา้ ท่ีทุกคน
3 มีการปฏิบตั ิงานตามข้นั ตอน
4 มีการใหค้ วามช่วยเหลอื กนั
5 สามารถทางานไดส้ าเร็จตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีกาหนด
6 ทางานเสร็จทนั ตามกาหนดเวลา

7 มคี วามคิดริเร่ิมสร้างสรรค์
8 สามารถนาความรู้ที่ไดม้ าประยกุ ตใ์ ช้
9 สามารถใหค้ าแนะนากลุ่มอื่นได้

10 เก็บวสั ดุ อุปกรณ์เรียบร้อย หลงั เลิกปฏบิ ตั ิงาน

เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ ............................................ ผปู้ ระเมิน
............/................/..............
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชดั เจนและสมา่ เสมอ
พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ระดับคณุ ภาพ
3 = ดี
ช่วงคะแนน 2 = พอใช้
24-30 1 = ปรับปรุง
17-23
10-16

50

แบบประเมนิ ความสามารถด้านทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์

กล่มุ ท่ี .................................... ช้นั .......................
สมาชิกภายในกลุ่ม 1. ............................................................. 2. ...........................................................

3. ............................................................. 4. ...........................................................
5. ............................................................. 6. ...........................................................
คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ในช่องที่ตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ท่ี รายการพฤตกิ รรม คุณภาพการปฏิบตั ิ
321

1 มกี ารวางแผนร่วมกนั
2 การแบ่งงานรับผดิ ชอบ
3 มีการใหค้ วามช่วยเหลอื กนั
4 การรับฟังความคิดเห็นและแกป้ ัญหาร่วมกนั
5 สามารถใหค้ าแนะนากลมุ่ อื่นได้
6 เลอื กใชอ้ ปุ กรณ์ไดถ้ กู ตอ้ ง

7 ปฏบิ ตั ิการทดลองตามข้นั ตอนที่กาหนดให้
8 ทาความสะอาด/เก็บอุปกรณ์เรียบร้อย
9 ร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลงานของกลมุ่
10 ร่วมกนั ปรับปรุงผลงานของกลมุ่

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ ............................................ ผปู้ ระเมิน
............/................/..............
พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ
3 = ดี
ช่วงคะแนน 2 = พอใช้
24-30 1 = ปรับปรุง
17-23
10-16

51

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานของนักเรยี น (รายบุคคล)

ชื่อ .................................................................................................... เลขที่ ....................... ช้นั .......................

คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ในช่องท่ีตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ท่ี รายการพฤตกิ รรม ระดบั พฤตกิ รรม
สมา่ เสมอ บ่อยคร้งั บางคร้ัง ไม่ปฏบิ ตั ิ

3 210

1 มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
2 รับฟังความคิดเห็นของเพ่อื นในกลุ่ม
3 ใหค้ วามร่วมมอื และช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั

กบั เพือ่ นในกลมุ่
4 ต้งั ใจทางาน/กระตือรือร้นในการทางาน
5 มคี วามรับผดิ ชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ลงชื่อ ............................................ ผปู้ ระเมิน
............/................/..............
ช่วงคะแนน
15-20 ระดับคุณภาพ
10-14 3 = ดี
5-9 2 = พอใช้
1 = ปรับปรุง

52

แบบประเมนิ ผลงานด้านทกั ษะการเขยี น

ชื่อ .................................................................................................... เลขท่ี ....................... ช้นั .......................

คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ในช่องที่ตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ที่ รายการพฤตกิ รรม 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32

1 การเขียนสะกดคาต่างๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง
2 ลายมือสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
3 การแบ่งวรรคตอนถกู ตอ้ ง
4 การใชภ้ าษากระชบั รัดกุม เขา้ ใจง่าย
5 การเขียนเน้ือหาเป็นลาดบั ไมว่ กวน

เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ ............................................ ผปู้ ระเมิน
ผลงานมีคุณภาพดีมาก ............/................/..............
ผลงานมีคุณภาพดี
ผลงานมคี ุณภาพพอใช้ ให้ 4 คะแนน
ผลงานควรปรับปรุง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
15-20 ดี
10-14
5-9 พอใช้
ปรับปรุง

53

1

3 พฤตกิ รรมการตอบสนองของมนุษยแ์ ละสตั ว์

เวลา 4 ชว่ั โมง

สิ่งมชี ีวติ แต่ละชนิดมีแบบแผนการตอบสนองการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนในสภาพแวดลอ้ มต่างๆ ท้งั
สภาพแวดลอ้ มภายนอกและภายในร่างกาย การตอบสนองน้ีเรียกว่า พฤติกรรม

1. จาแนกลกั ษณะพฤติกรรมการเรียนรู้กบั พฤติกรรมท่ีไม่ตอ้ งอาศยั การเรียนรู้
2. สืบคน้ ขอ้ มูลและบอกสิ่งเร้าท่ีทาให้มีการแสดงพฤติกรรมตอบสนองได้

1. พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์
2. พฤติกรรมการตอบสนองของสตั ว์

(วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ กระบวนการกลุ่ม)

ชั่วโมงที่ 1 - 2



 ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูกลา่ วนาเขา้ สู่บทเรียนโดยถามวา่ นกั เรียนเคยหาวหรือไม่ และเมอื่ รู้สึกว่าจะหาวนกั เรียนสามารถท่ี
จะไม่หาวไดห้ รือไม่ อยา่ งไร
2. นกั เรียนลองคิดว่ามพี ฤติกรรมอะไรอกี ท่ีมีลกั ษณะเดียวกบั การหาว

54

3. นกั เรียนคิดวา่ พฤติกรรมต่างๆ เหล่าน้ีเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร
4. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

 ข้นั กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะผ้เู รียน
1. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน ร่วมกนั ศกึ ษาใบความรู้ท่ี 3.1 เรื่อง พฤตกิ รรม แลว้ ทาใบงานที่ 3.1
พฤติกรรมของมนุษย์
2. เมอื่ ปฏิบตั ิกิจกรรมในใบงานที่ 3.1 เรียบร้อยแลว้ ใหน้ กั เรียนแต่ละคนกลบั เขา้ กล่มุ เดมิ แลกเปลยี่ น
ประสบการณ์ทไี่ ดป้ ฏิบตั ิกิจกรรมในใบงานท่ี 3.1 เก่ียวกบั ลกั ษณะการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมือ่ อยู่
ในสถานการณ์ต่างๆ จาแนกพฤติกรรมที่แสดงออกมา พร้อมยกตวั อยา่ งอ่นื ประกอบ
3. ตวั แทนนกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอประเภทของพฤติกรรมทีจ่ าแนกไดพ้ ร้อมยกตวั อยา่ ง

 ข้ันสรุป
1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปจากการนาเสนอของเพอ่ื นๆ และจากกิจกรรมที่ทา
2. นกั เรียนแต่ละคนเขียนแผนผงั ความคิดเร่ืองที่ศกึ ษา

ชั่วโมงท่ี 3 - 4



 ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูนาภาพเก่ียวกบั พฤติกรรมของสตั วแ์ บบต่างๆ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายว่าพฤติกรรมต่างๆ น้ัน
เป็นการแสดงออกของสตั วใ์ นลกั ษณะใดบา้ ง เช่น

นกสร้ างรัง นกฮูกมตี าโต

2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

55

 ข้ันกจิ กรรมพฒั นาทักษะผ้เู รียน
1. ใหน้ กั เรียนจบั ค่กู บั เพอ่ื น ศกึ ษาเรื่องพฤติกรรมของสตั ว์ แลว้ ทาแบบฝึกปฏบิ ตั กิ ิจกรรมท่ี 3.3 ใน
หนงั สือเรียน
2. แบ่งกลมุ่ นกั เรียน กลมุ่ ละ 4-6 คน ใหส้ มาชกิ ในกลุม่ มีหมายเลขประจาตวั คือ หมายเลข 1, 2, 3, 4, 5
และ 6 แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มทาแบบฝึกปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี 3.4 ในหนงั สือเรียน
3. ใหส้ มาชิกแต่ละคนที่มหี มายเลขประจาตวั ไปรวมกล่มุ ใหม่เป็นกลุ่มหมายเลข 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 แลว้
นาผลการศกึ ษาในแบบฝึกปฏิบตั กิ ิจกรรมที่ 3.4 มาร่วมกนั อภิปรายในกลมุ่ เพ่อื หาขอ้ สรุป
4. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปการทากจิ กรรม
5. นกั เรียนแต่ละคนเขียนแผนผงั ความคดิ เรื่อง พฤติกรรมของสตั ว์ แลว้ ทาแบบฝึกทกั ษะพฒั นาการ
เรียนรู้ และแบบทดสอบหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ืองที่ 3

1. สื่อสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน สมั ฤทธ์ิมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 1
2. ใบความรู้ที่ 3.1 พฤติกรรม
3. ใบงานท่ี 3.1 พฤติกรรมของมนุษย์
4. หอ้ งสมุด
5. แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ

www.aksorn.com/lib/s/sci_01
http://www.lsk.ac.th/bioweb/about/unit10b2.html
(เน้ือหาเกี่ยวกบั พฤติกรรมการตอบสนองของสตั วใ์ นรูปแบบต่างๆ)

1) วิธีการวดั และประเมนิ ผล
1. ตรวจใบงานที่ 3.1
2. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. สงั เกตพฤติกรรมดา้ นทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
4. สงั เกตพฤติกรรมการทางานของนกั เรียนรายบุคคล

2) เครื่องมือวดั และประเมนิ
1. ใบงานท่ี 3.1

56

2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการทางานกล่มุ
3. แบบประเมินความสามารถดา้ นทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
4. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานของนกั เรียนรายบุคคล
3) เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล
1. ใบงานท่ี 3.1 ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 50
2. แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่ม (รายละเอียดอยใู่ นแบบประเมิน)
3. แบบประเมนิ ความสามารถดา้ นทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์

(รายละเอียดอยใู่ นแบบประเมิน)
4. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานของนกั เรียนรายบคุ คล (รายละเอียดอยใู่ นแบบประเมนิ )

57

3.1

พฤตกิ รรม

การท่ีสมองหรือไขสันหลงั ส่งกระแสประสาทไปกระตุ้นหรือยบั ย้งั การทางานของอวยั วะหรือต่อมท่ี

ควบคุมการหลง่ั ฮอร์โมน ส่งผลให้เราสามารถแสดงพฤติกรรมตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆได้ ซ่ึงพฤติกรรมท่ี

แสดงออกมาน้นั จาแนกไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี

1. พฤติกรรมท่ีเกิดข้ึนเองโดยไม่ตอ้ งเรียนรู้ หรือมี

ประสบการณ์มาก่อน เช่น การดูดนมของเด็ก การกะพริบตา

เม่อื วตั ถุเคลื่อนท่ีมาใกลๆ้ การหดตวั ของกลา้ มเน้ือ ทาใหเ้ กิด

อาการสน่ั เมือ่ อยใู่ นที่ที่มีอากาศหนาวเยน็ เป็นตน้

2. พฤติกรรมท่ีเกิดจากการเรียนรู้ เช่น การสื่อสาร

การเล่นดนตรี การเลน่ กีฬา เป็นตน้

ตวั อยา่ งส่ิงเร้าต่างๆ ที่ทาใหม้ นุษยแ์ สดงพฤติกรรม การดดู นมของเดก็ เป็นพฤติกรรม
1. แสง ปริมาณของแสงท่ีมากหรือน้อยน้นั จะมีผล ท่เี กิดขึน้ เองโดยไม่ต้องเรียนรู้

ต่อการหดหรือขยายของรูมา่ นตาเพ่ือรับแสง

2. อุณหภูมิ ร่างกายของคนเราจะมีอุณหภูมิโดยเฉล่ียคงที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส เม่ืออุณหภูมิ

ของส่ิงแวดลอ้ มสูงหรือต่ากว่าอุณหภูมขิ องร่างกาย ร่างกายจะมีกลไกท่ีจะรักษาระดบั อณุ หภูมไิ วใ้ หค้ งท่ี

3. สารเคมี ร่างกายของคนเรามีความสามารถที่จะควบคุมสภาวะภายในร่างกาย ไดแ้ ก่ เซลล์ เน้ือเยอื่

และอวยั วะต่างๆ โดยเลือดเป็ นตัวนาสารเคมี (อาหาร) ไปยงั เซลล์ และนาของเสียจากเซลล์ไปยงั อวยั วะ

ขบั ถ่าย

4. นา้ ปริมาณน้าในร่างกายมคี วามสาคญั ต่อความเขม้ ขน้ ของสารต่างๆ ในร่างกาย ถา้ ปริมาณน้าท่ี

ร่างกายไดร้ ับและท่ีร่างกายขบั ออกไมส่ มดุลกนั จะมีผลต่อความอยรู่ อดของคนอยา่ งแน่นอน

58

3.1

พฤตกิ รรมของมนุษย์

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ขอ้ 2 สืบคน้ ขอ้ มลู และบอกสิ่งเร้าที่ทาใหม้ ีการแสดงพฤติกรรมตอบสนองได้

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมตามคาแนะนา
1. แบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน ใหส้ มาชิกหมายเลข 1, 2, 3 และ 4 ปฏบิ ตั ิกิจกรรมต่างๆ ดงั น้ี
สมาชิกหมายเลข 1 เขา้ ไปอยใู่ นหอ้ งปรับอากาศท่ีมอี ุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส เป็นเวลา
20 นาที บนั ทึกการเปลย่ี นแปลงของร่างกาย
สมาชิกหมายเลข 2 ออกไปยนื กลางแจง้ ที่มแี สงแดดนาน 20 นาที วดั อุณหภูมิของ
ร่างกายและบนั ทึกลกั ษณะการเปล่ยี นแปลงของร่างกาย
สมาชิกหมายเลข 3 กระโดดเชือก 20 นาที บนั ทึกลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงของร่างกาย
สมาชิกหมายเลข 4 ด่ืมน้าปริมาณ 1 ลิตรใหห้ มด บนั ทึกการเปลย่ี นแปลงของร่างกาย

กจิ กรรม การเปลยี่ นแปลงของร่างกาย

อยใู่ นหอ้ งปรับอากาศ อณุ หภูมิ 20 องศาเซลเซียส

ยนื กลางแดด 20 นาที

กระโดดเชือก 20 นาที
ด่ืมน้า 1 ลติ ร

59

3.1

พฤตกิ รรมของมนุษย์

คาชี้แจง ให้นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมตามคาแนะนา
1. แบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน ใหส้ มาชิกหมายเลข 1, 2, 3 และ 4 ปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ดงั น้ี
สมาชิกหมายเลข 1 เขา้ ไปอยใู่ นหอ้ งปรับอากาศท่ีมอี ณุ หภูมิ 20 องศาเซลเซียส เป็นเวลา
20 นาที บนั ทึกการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
สมาชิกหมายเลข 2 ออกไปยนื กลางแจง้ ท่ีมแี สงแดดนาน 20 นาที วดั อุณหภูมิของ
ร่างกายและบนั ทึกลกั ษณะการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
สมาชิกหมายเลข 3 กระโดดเชือก 20 นาที บนั ทึกลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงของร่างกาย
สมาชิกหมายเลข 4 ดื่มน้าปริมาณ 1 ลิตรใหห้ มด บนั ทึกการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

กจิ กรรม การเปลย่ี นแปลงของร่างกาย

อยใู่ นหอ้ งปรับอากาศ อณุ หภูมิ 20 องศาเซลเซียส ขนลกุ ตวั สั่น

ยนื กลางแดด 20 นาที เหงื่อออกมาก วดั อุณหภมู ขิ องร่ างกายคงท่ี
ที่ 37 องศาเซลเซียส

กระโดดเชือก 20 นาที หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อย เหง่ือออก

ด่ืมน้า 1 ลิตร เมื่อเวลาผ่านไประยะหน่ึงจะรู้สึกปวดปัสสาวะ
และปัสสาวะบ่อย

60

แบบประเมนิ กระบวนการกล่มุ

กลมุ่ ท่ี .................................... ช้นั .......................
สมาชิกภายในกลุม่ 1. ............................................................. 2. ...........................................................

3. ............................................................. 4. ...........................................................
5. ............................................................. 6. ...........................................................
คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ในช่องท่ีตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ท่ี รายการพฤตกิ รรม คณุ ภาพการปฏบิ ตั ิ
321

1 มกี ารปรึกษาและวางแผนร่วมกนั ก่อนทางาน
2 มกี ารแบ่งหนา้ ท่ีอยา่ งเหมาะสมและทาตามหนา้ ที่ทุกคน
3 มีการปฏิบตั ิงานตามข้นั ตอน
4 มีการใหค้ วามช่วยเหลอื กนั
5 สามารถทางานไดส้ าเร็จตามวตั ถปุ ระสงคท์ ี่กาหนด
6 ทางานเสร็จทนั ตามกาหนดเวลา

7 มคี วามคิดริเร่ิมสร้างสรรค์
8 สามารถนาความรู้ที่ไดม้ าประยกุ ตใ์ ช้
9 สามารถใหค้ าแนะนากลุ่มอื่นได้

10 เกบ็ วสั ดุ อุปกรณ์เรียบร้อย หลงั เลิกปฏบิ ตั ิงาน

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ ............................................ ผปู้ ระเมนิ
............/................/..............
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชดั เจนและสมา่ เสมอ
พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ
3 = ดี
ช่วงคะแนน 2 = พอใช้
24-30 1 = ปรับปรุง
17-23
10-16

61

แบบประเมนิ ความสามารถด้านทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์

กล่มุ ท่ี .................................... ช้นั .......................
สมาชิกภายในกลุ่ม 1. ............................................................. 2. ...........................................................

3. ............................................................. 4. ...........................................................
5. ............................................................. 6. ...........................................................
คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ในช่องที่ตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ท่ี รายการพฤตกิ รรม คุณภาพการปฏิบตั ิ
321

1 มกี ารวางแผนร่วมกนั
2 การแบ่งงานรับผดิ ชอบ
3 มีการใหค้ วามช่วยเหลอื กนั
4 การรับฟังความคิดเห็นและแกป้ ัญหาร่วมกนั
5 สามารถใหค้ าแนะนากลมุ่ อื่นได้
6 เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ ง

7 ปฏบิ ตั ิการทดลองตามข้นั ตอนที่กาหนดให้
8 ทาความสะอาด/เกบ็ อุปกรณ์เรียบร้อย
9 ร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลงานของกลุม่
10 ร่วมกนั ปรับปรุงผลงานของกลุม่

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ ............................................ ผปู้ ระเมิน
............/................/..............
พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ
3 = ดี
ช่วงคะแนน 2 = พอใช้
24-30 1 = ปรับปรุง
17-23
10-16

62

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานของนกั เรยี น (รายบุคคล)

ชื่อ .................................................................................................... เลขที่ ....................... ช้นั .......................

คาชี้แจง ใหท้ าเคร่ืองหมาย  ในช่องที่ตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ท่ี รายการพฤตกิ รรม ระดับพฤตกิ รรม
สมา่ เสมอ บ่อยคร้งั บางคร้ัง ไม่ปฏบิ ัติ

3 210

1 มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
2 รับฟังความคิดเห็นของเพ่ือนในกลุ่ม
3 ใหค้ วามร่วมมอื และช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั

กบั เพอื่ นในกลมุ่
4 ต้งั ใจทางาน/กระตือรือร้นในการทางาน
5 มคี วามรับผดิ ชอบในงานที่ไดร้ ับมอบหมาย

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ลงช่ือ ............................................ ผปู้ ระเมิน
............/................/..............
ช่วงคะแนน
11-15 ระดบั คณุ ภาพ
9-10 3 = ดี
0.5 2 = พอใช้
1 = ปรับปรุง

63

1

4 เทคโนโลยชี วี ภาพกบั การปรบั ปรงุ พนั ธุ์

เวลา 3 ชว่ั โมง

จุดประสงคห์ ลกั ของการนาเทคโนโลยชี ีวภาพมาใชค้ ือ เพื่อปรับปรุงสายพนั ธุส์ ัตวใ์ หไ้ ดส้ ายพนั ธุท์ ี่ดี
แข็งแรง ทนต่อโรค และเพิ่มผลผลติ ของสตั วใ์ หเ้ พยี งพอกบั ความตอ้ งการของมนุษย์ ท้งั ในดา้ นอาหาร ดา้ น
อตุ สาหกรรม เกษตรกรรม หรือแมแ้ ต่จุดประสงคท์ างการแพทย์

1. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบายเก่ียวกบั เทคโนโลยชี ีวภาพในการปรับปรุงสายพนั ธุส์ ตั วไ์ ด้
2. ยกตวั อย่างเทคโนโลยชี ีวภาพดา้ นอาหาร อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และทางการแพทยไ์ ด้

1. การผสมขา้ มพนั ธุ์
2. การผสมเทียม
3. การถา่ ยฝากตวั ออ่ น
4. พนั ธุวิศวกรรม
5. การโคลน
6. ประโยชนข์ องเทคโนโลยชี ีวภาพ

64

(วธิ สี อนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ กระบวนการกลุ่ม)

ชั่วโมงที่ 1 - 2



 ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูกล่าวถึงการเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อพืชว่าเป็ นการใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพมาปรับปรุงพนั ธุพ์ ืช แลว้ ให้
นกั เรียนร่วมกนั บอกเทคนิค วธิ ีการของการเพาะเล้ยี งเน้ือเยอื่
2. ครูสรุปเทคนิคการเพาะเล้ยี งเน้ือเยอ่ื ใหน้ กั เรียนฟัง พร้อมแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

 ข้ันกจิ กรรมพฒั นาทกั ษะผ้เู รียน
1. ใหน้ กั เรียนพิจารณาเทคโนโลยชี ีวภาพท่ีนามาใชป้ รับปรุงสายพนั ธุ์ จากหนงั สือเรียนโดยใหน้ กั เรียน
ศึกษาประมาณ 15 นาที
2. ครูสุ่มนกั เรียนเพือ่ ตอบสนองคาถามจากการศกึ ษา เช่น
 เทคโนโลยชี ีวภาพมีประโยชน์ต่อการปรับปรุงพนั ธุส์ ตั วอ์ ยา่ งไร
 การผสมเทียม หมายถงึ อะไร
 ยกตวั อยา่ งเทคโนโลยชี ีวภาพมา 2 วิธี
3. นกั เรียนแต่ละคนทาใบงานที่ 4.1 เทคโนโลยีชีวภาพกบั การปรับปรุงพนั ธุ์ แลว้ จบั คู่แลกกนั ตรวจ
ใบงาน
4. นกั เรียนทาแบบฝึกปฏบิ ตั ิกิจกรรมที่ 4.1 และ 4.2 ในหนงั สือเรียน
5. ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั ทาแบบฝึกทกั ษะพฒั นาการเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ืองที่ 4
6. ครูกล่าวสรุปบทเรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนกลบั ไปทบทวนบทเรียนในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เป็ นการบา้ น
เพ่ือมาทาแบบทดสอบหลงั เรียนในชว่ั โมงต่อไป

ช่ัวโมงที่ 3



1. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
2. ครูตรวจแบบทดสอบและประเมนิ นกั เรียน

65

1. สื่อสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน สมั ฤทธ์ิมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 1
2. ใบความรู้ที่ 4.1 เทคโนโลยชี ีวภาพกบั การปรับปรุงพนั ธุ์
3. หอ้ งสมุด
4. แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ

www.aksorn.com/Lib/s/sci_01
http://www.sut.ac.th/e-texts/Agri/BREEDING/PASS6.HTML
(ขอ้ มูลเกี่ยวกบั เทคโนโลยชี ีวภาพในการปรับปรุงพนั ธุส์ ตั ว์ เช่น การผสมเทียม การถา่ ยฝาก
ตวั อ่อน)

1) วิธีการวดั และประเมินผล
1. ตรวจใบงานที่ 4.1
2. สงั เกตพฤติกรรมดา้ นทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
3. สงั เกตพฤติกรรมการทางานของนกั เรียนรายบุคคล
4. ประเมินผลงานดา้ นทกั ษะการเรียน
5. ตรวจแบบทดสอบ

2) เคร่ืองมือวดั และประเมนิ
1. ใบงานท่ี 4.1
2. แบบประเมนิ ความสามารถดา้ นทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานของนกั เรียนรายบคุ คล
4. แบบประเมนิ ผลงานดา้ นทกั ษะการเรียน
5. ตรวจแบบทดสอบ

3) เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ
1. ใบงานที่ 4.1 ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 50
2. แบบประเมินความสามารถดา้ นทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
(รายละเอียดอยใู่ นแบบประเมนิ )
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานของนกั เรียนรายบคุ คล (รายละเอียดอยใู่ นแบบประเมนิ )
4. แบบประเมนิ ผลงานดา้ นทกั ษะการเรียน (รายละเอียดอยใู่ นแบบประเมิน)
5. แบบทดสอบ ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 50

66

4.1

เทคโนโลยชี ีวภาพกบั การปรับปรุงพนั ธ์ุ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ขอ้ 1 สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายเกี่ยวกบั เทคโนโลยชี ีวภาพในการปรับปรุงพนั ธุส์ ตั วไ์ ด้
คาชี้แจง จงตอบคาถามต่อไปนี้

1. การผสมขา้ มพนั ธุ์ หมายถึง

2. การถ่ายฝากตวั ออ่ น หมายถงึ

3. บอกประโยชนข์ องเทคโนโลยชี ีวภาพ
ดา้ นอาหาร :
ดา้ นอตุ สาหกรรม :
ดา้ นการแพทย์ :

4. ใหน้ กั เรียนหาข่าวเกี่ยวกบั เทคโนโลยชี ีวภาพจากหนังสือพมิ พ์ หรืออินเทอร์เน็ตมา 1 ข่าว แลว้
เขียนสรุปข่าวน้นั ๆ พร้อมระบุที่มาของข่าวดว้ ย

67

4.1

เทคโนโลยชี ีวภาพกบั การปรบั ปรุงพนั ธ์ุ
คาชี้แจง จงตอบคาถามต่อไปนี้

1. การผสมขา้ มพนั ธุ์ หมายถงึ การผสมพนั ธ์ุสัตว์ท่ีอย่คู นละสายพนั ธ์ุกัน โดยจะคัดเลอื กสัตว์
พ่อพันธ์ุและแม่พันธ์ุที่มคี ุณสมบัติตรงตามต้องการ เช่น การนาม้าผสมพันธ์ุกับลาได้ลกู ผสม
เรียกว่า ล่อ

2. การถ่ายฝากตวั ออ่ น หมายถงึ การนาตัวอ่อนของสัตว์ที่เป็นตวั ให้ (Donor) ออกจากมดลกู แล้ว
ย้ายไปฝากไว้ในมดลกู ของสัตว์อกี ตวั หน่ึงท่ีเป็นตวั รับ (Recipient) เพื่อทาหน้าท่ีอ้มุ ท้องไปจน
คลอด

3. บอกประโยชนข์ องเทคโนโลยชี ีวภาพ
ดา้ นอาหาร : พฒั นาพนั ธ์ุสัตว์ที่ให้ผลผลิตสูง เพื่อเพิ่มปริมาณอาหารให้เพยี งพอกับความต้องการ
ดา้ นอุตสาหกรรม : ลดต้นทุนในการซือ้ พ่อพนั ธ์ุ แม่พันธ์ุ จากต่างประเทศ
ดา้ นการแพทย์ : โคลนสัตว์สายพนั ธ์ุที่สามารถสร้ างสารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมนุษย์

4. ใหน้ กั เรียนหาข่าวเกี่ยวกบั เทคโนโลยชี ีวภาพจากหนงั สือพมิ พ์ หรืออนิ เทอร์เน็ตมา 1 ข่าว แลว้
เขียนสรุปข่าวน้นั ๆ พร้อมระบุที่มาของข่าวดว้ ย

... พิจารณาจากข่าวท่ีนกั เรียนค้นคว้า โดยอย่ใู นดลุ ยพินิจของครูผ้สู อน...

68

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์

คาชีแ้ จง ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องทส่ี ุดเพยี งคาตอบเดียว (20 คะแนน)
1. ข้อใดเรียงลาดบั การจดั ระบบในร่างกายจากเลก็ ท่สี ุดไปยงั ระบบใหญ่ขึน้ ได้ถูกต้อง
ก. เซลล์ อวยั วะ เน้ือเยอ่ื ระบบ
ข. เซลล์ เน้ือเย่อื ระบบ อวยั วะ
ค. เซลล์ เน้ือเย่อื อวยั วะ ระบบ
ง. เซลล์ ระบบ เน้ือเยอื่ อวยั วะ

2. ข้อใดตรงกบั ความหมายของคาว่า อวยั วะ
ก. เซลลห์ ลายเซลลท์ ่ีมีรูปร่างเหมือนกนั
ข. เซลลห์ ลายเซลลท์ ่ีมีส่วนประกอบเหมือนกนั
ค. เน้ือเยอื่ หลายชนิดท่ีทาหนา้ ท่ีเหมอื นกนั
ง. เน้ือเยอ่ื หลายชนิดท่ีมาอยรู่ วมกนั และทาหนา้ ที่อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง

3. ข้อใดเป็ นเซลล์
ก. หวั ใจ
ข. เมด็ เลอื ดแดง
ค. กระเพาะอาหาร
ง. ปอด

4. หัวใจมหี น้าทอ่ี ย่างไร
ก. สูบฉีดเลือดไปสู่เซลลท์ ว่ั ร่างกาย
ข. แลกเปล่ยี นแกส๊ ในเลอื ด
ค. ควบคุมการทางานของปอด
ง. ควบคุมการทางานของอวยั วะต่างๆ ทว่ั ร่างกาย

5. การเคยี้ วอาหารทีเ่ ป็ นชิ้นใหญ่ให้มขี นาดเลก็ ลง คอื ข้อใด
ก. การยอ่ ยทางเคมี
ข. การยอ่ ยทางกล
ค. การกลนื อาหาร
ง. การหายใจ

69

6. ข้อใดคือความหมายของเพอริสตลั ซิส (peristalsis)
ก. การกลนื อาหาร
ข. การยอ่ ยอาหารพวกโปรตนี
ค. การยอ่ ยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต
ง. การหดตวั และคลายตวั ของหลอดอาหารเพ่อื บีบอาหารลงสู่กระเพาะอาหาร

7. อาหารทรี่ ่างกายย่อยไม่ได้ คือข้อใด
ก. ไขมนั
ข. วิตามิน
ค. เสน้ ใยอาหาร
ง. คาร์โบไฮเดรต

8. สัตว์ในข้อใดมรี ะบบทางเดนิ อาหารต่างจากข้ออ่ืน
ก. พลานาเรีย
ข. แมลง
ค. ปลา
ง. กบ

9. ข้อใดคือหน้าทข่ี องเกลด็ เลอื ด
ก. ขนส่งแก๊สออกซิเจนและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
ข. ช่วยใหเ้ ลือดแข็งตวั เวลาเกิดบาดแผล
ค. ทาลายเช้ือโรคหรือส่ิงแปลกปลอมท่ีเขา้ สู่ร่างกาย
ง. นาเลือดไปเล้ียงส่วนต่างๆ ของร่างกาย

10. ชีพจร (pulse) หมายถงึ ข้อใด
ก. อตั ราการเตน้ ของหวั ใจในผใู้ หญ่
ข. อตั ราการเตน้ ของหวั ใจในเดก็
ค. การหดตวั และพองตวั ของหลอดเลือดเวน
ง. การหดตวั และพองตวั ของหลอดเลอื ดอาร์เทอรี ซ่ึงตรงกบั อตั ราการเตน้ ของหวั ใจ

70

11. มนุษย์และสัตว์เลยี้ งลูกด้วยนมมรี ะบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทางใดบ้าง
ก. ผวิ หนงั ปอด ลาไสใ้ หญ่
ข. ผวิ หนงั ปอด ไต ลาไสใ้ หญ่
ค. ปอด ไต ลาไสใ้ หญ่ ตบั
ง. ปอด ไต ผวิ หนงั

12. ท่อมลั พเิ กยี น (malpighian tubule) พบในระบบขบั ถ่ายของสัตว์ชนดิ ใด
ก. แมลง
ข. สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม
ค. สตั วส์ ะเทินน้าสะเทินบก
ง. ปลา

13. อณั ฑะในเพศชายมหี น้าท่ีใด
ก. สร้างฮอร์โมนเพศชาย
ข. สร้างเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศชาย
ค. สร้างน้าเล้ียงอสุจิ
ง. สร้างฮอร์โมนเพศชายและเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศชาย

14. ข้อใดคือความหมายของการปฏสิ นธิ (fertilization)
ก. การสร้างเซลลส์ ืบพนั ธุ์
ข. การสร้างฮอร์โมนเพศ
ค. การรวมตวั กนั ของนิวเคลียสของอสุจิกบั นิวเคลยี สของเซลลไ์ ข่
ง. การมีเพศสมั พนั ธ์

15. ข้อใดกล่าวถกู ต้อง
ก. ปริมาณน้าท่ีร่างกายไดร้ ับในแต่ละวนั จะมากกวา่ ปริมาณน้าที่ร่างกายขบั ถ่ายออกมา
ข. ปริมาณน้าท่ีร่างกายไดร้ ับในแต่ละวนั จะเท่ากบั ปริมาณน้าท่ีร่างกายขบั ถา่ ยออกมา
ค. ปริมาณน้าที่ร่างกายไดร้ ับในแต่ละวนั จะนอ้ ยกวา่ ปริมาณน้าท่ีร่างกายขบั ถ่ายออกมา
ง. ปริมาณน้าที่ร่างกายไดร้ ับในแต่ละวนั ข้ึนอยกู่ บั การดื่มน้าเพียงอยา่ งเดียว

71

16. ในตอนเช้านกจะบินออกจากรังเพื่อหาอาหาร ส่วนตอนเยน็ เมื่อพระอาทติ ย์ตกดนิ นกกจ็ ะบนิ กลบั เข้า
รังเป็ นพฤตกิ รรมการตอบสนองต่อส่ิงใด
ก. การสมั ผสั
ข. อณุ หภูมิ
ค. ความช้ืน
ง. แสงสวา่ ง

17. ข้อใดคือพนั ธุวศิ วกรรมที่ใช้กนั อย่ใู นปัจจบุ นั
ก. การตดั ต่อยนี
ข. การโคลน
ค. การผสมเทียม
ง. การถา่ ยฝากตวั อ่อน

18. ข้อใดคือความหมายของการถ่ายฝากตวั อ่อน
ก. การผสมพนั ธุส์ ตั วต์ ่างสายพนั ธกุ์ นั
ข. การผสมพนั ธุส์ ตั วโ์ ดยการรีดน้าเช้ือของเพศผฉู้ ีดเขา้ ไปในเพศเมีย
ค. การนาตวั อ่อนของสตั วต์ วั หน่ึงไปฝากไวใ้ นมดลูกของสตั วอ์ กี ตวั หน่ึง
ง. การผลิตสตั วโ์ ดยไมต่ อ้ งอาศยั เซลลอ์ สุจิแต่ตอ้ งอาศยั รังไข่

19. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของเทคโนโลยชี ีวภาพ
ก. ช่วยเพ่มิ ผลผลิตสตั วใ์ หเ้ พยี งพอกบั ความตอ้ งการ
ข. ลดตน้ ทุนในการซ้ือพอ่ พนั ธุ์ แม่พนั ธุ์
ค. นามาใชป้ ระโยชนท์ างการแพทย์
ง. ช่วยใหป้ ระหยดั เวลา สะดวก รวดเร็ว

20. ลงิ รีซัส ทีช่ ่ือ เนติ (Neti) และดิตโท (Ditto) เกดิ จากเทคโนโลยชี ีวภาพข้อใด
ก. การโคลน
ข. การผสมเทียม
ค. การถ่ายฝากตวั อ่อน
ง. การผสมขา้ มพนั ธุ์

72

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์

1. ตอบ ค. การจดั ระบบในร่างกายแบ่งเป็ น 4 ระดบั จากต่าไปหาสูง คือ ระดบั เซลล์ เน้ือเย่ือ อวยั วะ
และระบบ

2. ตอบ ง. อวยั วะ คือ โครงสร้างที่ประกอบด้วยเน้ือเยือ่ หลายชนิดอยรู่ วมกนั และทาหน้าท่ีอยา่ งใด
อยา่ งหน่ึงโดยเฉพาะ

3. ตอบ ข. เมด็ เลอื ดแดง จดั เป็นเซลล์ ส่วนหวั ใจ ปอด และกระเพาะอาหารเป็นอวยั วะ
4. ตอบ ก. หวั ใจมหี นา้ ที่สูบฉีดเลือดที่มอี อกซิเจนสูงไปเล้ยี งส่วนต่างๆ ของร่างกาย
5. ตอบ ข. การเค้ียวให้อาหารที่มีขนาดใหญ่มีขนาดเล็กลง เรียกว่า การย่อยทางกล (mechanical

digestion) ส่วนการย่อยอาหารโดยใช้เอนไซม์ต่างๆ เป็ นการย่อยทางเคมี ( chemical
digestion)
6. ตอบ ง. เพอริสตลั ซิล (peristalsis) คือ การบีบตวั และคลายตวั ของหลอดอาหารเพ่ือดนั อาหารลงสู่
กระเพาะอาหาร
7. ตอบ ค. อาหารท่ีร่างกายยอ่ ยไมไ่ ด้ คือ เสน้ ใยอาหาร ซ่ึงช่วยใหก้ ารขบั ถ่ายอจุ จาระไดด้ ี
8. ตอบ ก. พลานาเรีย มีระบบทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ คือ มีปากและทวารหนักร่วมกนั ส่วน
แมลง ปลา และกบ มีระบบทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์
9. ตอบ ข. เกลด็ เลือด เป็ นช้ินส่วนของเซลล์ รูปร่างเป็ นแผ่นเล็กๆ ปนอยใู่ นน้าเลือด มีหน้าท่ีช่วยให้
เลอื ดแขง็ ตวั เวลาเกิดบาดแผล โดยจะทาใหเ้ กิดเสน้ ใย (fibrin) ปกคลุมบาดแผล ทาให้เลือด
หยดุ ไหล
10. ตอบ ง. ชีพจร (pulse) คือ อตั ราการเตน้ ของหวั ใจ ซ่ึงเป็นการหดตวั และพองตวั ของหลอดเลือดอาร์
เทอรี
11. ตอบ ข. มนุษยแ์ ละสัตว์เล้ียงลูกดว้ ยนมมีระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย 4 ทาง คือ ทาง
ผวิ หนงั คือ การขบั เหงื่อ ทางปอด คือ การหายใจออก ทางไต คือ การขบั ปัสสาวะ และทาง
ลาไสใ้ หญ่ คือ การถ่ายอุจจาระ
12. ตอบ ก. ท่อมลั ติเกียน (mulphighian tabule) พบในระบบขบั ถ่ายของสตั วพ์ วกแมลง
13. ตอบ ง. อณั ฑะในเพศชายมหี นา้ ที่ 2 อยา่ ง คือ สร้างฮอร์โมนเพศชายและสร้างเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศชาย
(อสุจิ)
14. ตอบ ค. การปฏสิ นธิ (fertilization) คือ การท่ีนิวเคลยี สของอสุจิรวมกบั นิวเคลียสของเซลลไ์ ข่

73

15. ตอบ ข. ปริมาณน้าที่ร่างกายไดร้ ับในแต่ละวนั จะไดจ้ ากการด่ืมน้า จากอาหารที่รับประทานและจาก
การสลายอาหาร ซ่ึงปริมาณน้าที่ร่างกายไดร้ ับจะเท่ากบั ปริมาณน้าท่ีร่างกายขบั ออกมา

16. ตอบ ง. การท่ีนกบินออกหาอาหารในตอนเชา้ และบินกลับรังในตอนค่า เป็ นพฤติกรรมการ
ตอบสนองต่อแสงสว่างจากดวงอาทิตย์

17. ตอบ ก. พนั ธุวิศวกรรม คือ การตดั ต่อยีน โดยการนายีนจากส่ิงมีชีวิตหน่ึงไปตดั ต่อและแทรกใส่
ใหก้ บั ส่ิงมชี ีวิตอีกชนิดหน่ึง

18. ตอบ ค. วธิ ีการถา่ ยฝากตวั ออ่ น คือ การนาตวั ออ่ นของสตั วท์ ี่เป็นตวั ให้ (Donor) ออกจากมดลูก แลว้
ยา้ ยไปฝากในมดลกู ของสตั วอ์ กี ตวั หน่ึงท่ีเป็ นตวั รับ (Recipient) เพื่อทาหนา้ ที่รับการฝังตวั
ของตวั อ่อนและอมุ้ ทอ้ งไปจนคลอด

19. ตอบ ง. เทคโนโลยชี ีวภาพมีประโยชน์ท้งั ดา้ นอาหาร คือ ช่วยเพ่ิมผลผลิตสตั ว,์ ดา้ นอุตสาหกรรม
ช่วยลดต้นทุนในการซ้ือพ่อพนั ธุ์ แม่พนั ธุ์ และทางดา้ นการแพทย์ แต่เทคโนโลยชี ีวภาพ
ไมไ่ ดช้ ่วยประหยดั เวลาในการผลิตสตั ว์

20. ตอบ ก. ลิงรีซสั ชื่อ เนติ และดิตโท เป็นสตั วช์ นิดท่ีสองที่ทาการโคลนไดส้ าเร็จหลงั จากแกะดอลลี

74

แบบประเมนิ ความสามารถด้านทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์

กล่มุ ท่ี .................................... ช้นั .......................
สมาชิกภายในกลุ่ม 1. ............................................................. 2. ...........................................................

3. ............................................................. 4. ...........................................................
5. ............................................................. 6. ...........................................................
คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ในช่องที่ตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ท่ี รายการพฤตกิ รรม คุณภาพการปฏบิ ตั ิ
321

1 มกี ารวางแผนร่วมกนั
2 การแบ่งงานรับผดิ ชอบ
3 มีการใหค้ วามช่วยเหลอื กนั
4 การรับฟังความคิดเห็นและแกป้ ัญหาร่วมกนั
5 สามารถใหค้ าแนะนากลมุ่ อ่นื ได้
6 เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ ง

7 ปฏบิ ตั ิการทดลองตามข้นั ตอนที่กาหนดให้
8 ทาความสะอาด/เกบ็ อุปกรณ์เรียบร้อย
9 ร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลงานของกลุม่
10 ร่วมกนั ปรับปรุงผลงานของกลุม่

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ ............................................ ผปู้ ระเมิน
............/................/..............
พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ
3 = ดี
ช่วงคะแนน 2 = พอใช้
24-30 1 = ปรับปรุง
17-23
10-16

75

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานของนกั เรยี น (รายบุคคล)

ชื่อ .................................................................................................... เลขที่ ....................... ช้นั .......................

คาชี้แจง ใหท้ าเคร่ืองหมาย  ในช่องที่ตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ท่ี รายการพฤตกิ รรม ระดับพฤตกิ รรม
สมา่ เสมอ บ่อยคร้งั บางคร้ัง ไม่ปฏบิ ัติ

3 210

1 มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
2 รับฟังความคิดเห็นของเพ่ือนในกลุ่ม
3 ใหค้ วามร่วมมอื และช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั

กบั เพอื่ นในกลมุ่
4 ต้งั ใจทางาน/กระตือรือร้นในการทางาน
5 มคี วามรับผดิ ชอบในงานที่ไดร้ ับมอบหมาย

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ลงช่ือ ............................................ ผปู้ ระเมิน
............/................/..............
ช่วงคะแนน
11-15 ระดบั คณุ ภาพ
6-10 3 = ดี
0-5 2 = พอใช้
1 = ปรับปรุง

76

แบบประเมนิ ผลงานด้านทกั ษะการเขยี น

ชื่อ .................................................................................................... เลขท่ี ....................... ช้นั .......................

คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ในช่องที่ตรงกบั ความเป็นจริง

ลาดบั ที่ รายการพฤตกิ รรม 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32

1 การเขียนสะกดคาต่างๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง
2 ลายมือสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
3 การแบ่งวรรคตอนถกู ตอ้ ง
4 การใชภ้ าษากระชบั รัดกุม เขา้ ใจง่าย
5 การเขียนเน้ือหาเป็นลาดบั ไมว่ กวน

เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ ............................................ ผปู้ ระเมิน
ผลงานมีคุณภาพดีมาก ............/................/..............
ผลงานมีคุณภาพดี
ผลงานมคี ุณภาพพอใช้ ให้ 4 คะแนน
ผลงานควรปรับปรุง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
15-20 ดี
10-14
5-9 พอใช้
ปรับปรุง

77


Click to View FlipBook Version