The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chtsan6, 2021-12-17 05:29:41

คู่มือคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ ลดเวลาเรียน active learning

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

สารบัญ

หนา้

คำนำ………………………………………………………………………………………………………………………………. (ก)
สำรบญั ............................................................................................................................................ (ข)
สำรบัญแผนภำพ................................................................................................................. ............ (ค)

ส่วนท่ี ๑ ควำมเปน็ มำ.................................................................................................................... ๑
วตั ถปุ ระสงค์……………………………………………………………………………………………………… ๒
นยิ ำมศพั ท์………………………………………………………………………………………………………… 2

สว่ นท่ี ๒ แนวทำงกำรดำเนินงำนโรงเรยี นต้นแบบ ลดเวลำเรยี น เพ่มิ เวลำรู้ : Active Learning.. ๔
กำรบริหำรจดั กำรโครงกำร/กิจกรรม ลดเวลำเรยี น เพิม่ เวลำรู้………………………………… ๔
กำรขบั เคล่ือนนโยบำย……………………………………………………………………………… 5
กำรส่งเสริมสนับสนุน ใหค้ รพู ัฒนำนวตั กรรมกำรจดั กำรเรยี นรู้ลดเวลำเรยี น
เพิ่มเวลำรู้ : Active Learning ………………………………………………………………….. ๕
กำรประสำน และแสวงหำแหล่งเรียนรนู้ อกสถำนศึกษำ ภูมิปัญญำต่ำงๆ
และควำมร่วมมือกบั ชมุ ชน………………………………………………………………………… ๕
กำรนิเทศ กำกับ ตดิ ตำม กำรจัดกิจกรรมลดเวลำเรยี น เพม่ิ เวลำร:ู้ Active Learning… 6
กำรสะท้อนผลกำรดำเนนิ โครงกำร……………………………………………………………... ๖
กำรนำผลไปใชใ้ นกำรปรบั ปรุงพฒั นำ………………………………………………………….. ๗
กำรออกแบบกจิ กรรมลดเวลำเรยี น เพิ่มเวลำรู:้ Active Learning ………………………….. ๗
แนวคิดในกำรออกแบบกิจกรรมกำรเรยี นรู้.…………………………………………………. ๗
กำรจำแนกจุดม่งุ หมำยทำงกำรศึกษำตำมแนวคดิ ของ บลูม
(Bloom’s Taxonomy)…………………………………………………………………………… 8
สีเ่ สำหลกั ทำงกำรศกึ ษำ (Four Pillars of Education)………………………………… 9
หลัก 4 H (Head, Heart, Hand, Health)…………………………………………………. ๑0
พระบรมรำโชบำยดำ้ นกำรศึกษำของพระบำทสมเดจ็ พระปรเมนทรรำมำธิบดี
ศรีสินทรมหำวชิรำลงกรณ มหิศรภูมิพลรำชวรำงกูร กิตสิ ิริสมบูรณอดุลยเดช
สยำมินทรำธเิ บศรรำชวโรดม บรมนำถบพิตร พระวชิรเกล้ำเจ้ำอย่หู ัว………………… ๑0
หลักกำรสำคัญกำรจัดกจิ กรรมลดเวลำเรียน เพ่มิ เวลำรู้ : Active Learning.…………….. ๑๑
กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนร้เู ชิงรุก Active Learning.……………………………………… ๑๓
กำรวัดและประเมินผลกจิ กรรมลดเวลำเรยี น เพิ่มเวลำรู้………………………………………….. ๑๖
คุณภำพผู้เรียน ………………………………………………………………………………………………….. ๑๘

สว่ นที่ ๓ แนวทำงกำรประเมินและคัดเลือกโรงเรยี นต้นแบบลดเวลำเรียน เพ่ิมเวลำรู้ : Active Learning 20
คุณสมบัติของสถำนศึกษำ................................................................................................ 20
แนวปฏิบตั ใิ นกำรประเมนิ และคดั เลือก............................................................................ 20
กำรดำเนนิ กำรคดั เลือกโรงเรียนตน้ แบบ.......................................................................... 21

(ข)

สารบัญ (ตอ่ )

หน้า

หลักเกณฑ์กำรประเมนิ โรงเรียนตน้ แบบ......................................................... 21

องค์ประกอบในกำรประเมิน วธิ กี ำรประเมนิ และเครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในกำรประเมนิ 21

ระดบั คุณภำพ คำอธิบำยระดับคุณภำพ เพือ่ ใชใ้ นกำรประเมนิ ....................... 23

ด้ำนท่ี ๑ กำรบรหิ ำรจัดกำรโครงกำร............................................................................... ๒3

กำรขับเคลือ่ นนโยบำย..................................................................................... 23

สง่ เสรมิ สนับสนนุ ใหค้ รูพฒั นำนวัตกรรมกำรจดั กำรเรียนรู้ ลดเวลำเรยี น

เพ่มิ เวลำรู้ : Active Learning........................................................................ 24

ประสำนและแสวงหำแหลง่ เรียนรู้นอกสถำนศึกษำ ภูมิปญั ญำตำ่ ง ๆ และ

ควำมร่วมมอื กบั ชมุ ชน...................................................................................... 25

นเิ ทศ กำกับ ตดิ ตำมกำรจดั กำรกิจกรรมเพิ่มเวลำรู้ : Active Learning……… 27

สะทอ้ นผลกำรดำเนินโครงกำร และนำผลไปใช้ในกำรปรบั ปรงุ พฒั นำ............ 27

ด้ำนท่ี ๒ กำรออกแบบกจิ กรรมกำรจดั กิจกรรม.............................................................. 28

วเิ ครำะหผ์ เู้ รียนเป็นรำยบุคคล........................................................................ 29

วิเครำะหห์ ลักสตู ร........................................................................................... 30

จดั กจิ กรรมที่มุ่งเน้นให้ผู้เรยี นไดเ้ รียนรดู้ ว้ ยกำรลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning

7 หลกั กำรสำคัญ).......................................................................................... 31

กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ Active Learning................................................. 32

แลกเปล่ียนเรยี นรู้ สะท้อนผล ปรับปรงุ และพฒั นำ......................................... 32

ด้ำนที่ 3 ด้ำนคณุ ภำพผ้เู รยี น......................................................................................... 33

ผู้เรยี นมีควำมสุข.............................................................................................. ๓3

มที กั ษะกำรเรียนรตู้ ำมทหี่ ลักสูตรกำหนด........................................................ ๓4

มีทักษะกำรเรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21................................................................ 34

มีทกั ษะกำรคิดขนั้ สูง....................................................................................... ๓5

มคี ณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์.............................................................................. 36

ทักษะชีวติ และกำรทำงำน............................................................................... 36

มสี ุขนสิ ัยและสขุ ภำพที่พงึ ประสงค์.................................................................. 37

ควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขันนำนำชำติ............................................................. 37

กำรคดั เลือกโรงเรยี นต้นแบบ........................................................................................... 39

บรรณำนกุ รม 41

คณะผ้จู ัดทำ 42

(ข)

สารบัญแผนภาพ

หนา้

แผนภาพที่ 1 กำรบรหิ ำรจดั กำรโครงกำร/กิจกรรม ลดเวลำเรยี น เพ่ิมเวลำรู้ : Active Learning 4

แผนภาพท่ี 2 แนวคดิ ในกำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 7

แผนภาพที่ 3 หลกั กำรสำคัญกำรจดั กิจกรรมลดเวลำเรียน เพิ่มเวลำรู้ 11

แผนภาพท่ี 4 กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรยี นรเู้ ชงิ รกุ (Active Learning) 13

แผนภาพท่ี 5 กำรวัดและประเมนิ ผลกจิ กรรมลดเวลำเรียน เพิ่มเวลำรู้ 16

แผนภาพท่ี 6 คุณภำพผเู้ รียน 18

แผนภาพที่ 7 ขนั้ ตอนกำรคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบระดับสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน 40

(ค)

คานา

กระทรวงศึกษำธิกำรมีนโยบำยในกำรปฏิรูปกำรศึกษำ เพือ่ เตรียมผู้เรียนให้พร้อมเข้ำสู่กำรเรียนรู้
ในศตวรรษท่ี 21 จึงไดด้ ำเนินโครงกำร “ลดเวลำเรยี น เพ่ิมเวลำรู้” ซงึ่ เปน็ แนวทำงหน่งึ ในกำรปฏิรูปกำรศึกษำ
อย่ำงเป็นรูปธรรม โดยมุ่งหวังให้มีกำรเปล่ียนแปลงกำรเรียนกำรสอน ลดเวลำท่ีผู้เรียนเรียนแบบเป็นผู้รับกำร
ถำ่ ยทอดควำมรู้อย่ำงเดยี วลง เปน็ กำรเพิ่มเวลำทผ่ี ู้เรียนเรียนแบบกำรเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มำกข้ึน
คือ ผู้เรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติจริง มีส่วนร่วมในกำรเรียนรู้ สร้ำงองค์ควำมรู้และจัดระบบกำรเรียนรู้ด้วยตนเอง
และมที กั ษะกำรเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ซ่ึงเกดิ ข้นึ ไดท้ ้ังในห้องเรยี นและนอกห้องเรยี น

กำรดำเนินงำนโครงกำร เริ่มต้ังแต่ภำคเรียนท่ี 2 ปีกำรศึกษำ 2558 มีผลกำรดำเนินงำนเป็นไป
ในแนวทำงท่ีดี ซึ่งปัจจุบันมีกำรส่งเสริมให้สถำนศึกษำพัฒนำกิจกรรมเพ่ิมเวลำรู้ให้เช่ือมโยงกับมำตรฐำนกำร
เรียนรู้และตัวช้ีวัดตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551 และเน้นให้ผู้เรียน
มีปฏิสัมพันธ์กับกำรเรียนกำรสอน กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนกำรคิดข้ันสูง กำรดำเนินงำนโครงกำร กำรจัด
กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ให้เปน็ ไปตำมบรบิ ทของสถำนศกึ ษำ

สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พื้นฐำนเห็นควำมสำคัญในกำรดำเนินโครงกำรลดเวลำเรียน
เพมิ่ เวลำรู้ : Active Learning ของสถำนศึกษำ และควรนำนวัตกรรมกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ีดี มปี ระสทิ ธิภำพของ
สถำนศึกษำท่ีสำมำรถเป็นแบบอย่ำงได้ เพ่ือนำมำถอดบทเรียนและแลกเปล่ียนเรียนรู้ซ่ึงกันและกัน สำนักงำน
คณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำนจึงได้จัดทำแนวทำงกำรคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบลดเวลำเรียน เพิ่มเวลำรู้ :
Active Learning ฉบับน้ีข้ึน โดยมุ่งหวังให้ผู้ท่ีเก่ียวข้องในกำรคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบของสำนักงำนเขตพ้ืนท่ี
กำรศกึ ษำ ได้รแู้ ละเข้ำใจแนวทำงกำรประเมินและคัดเลือกโรงเรยี นตน้ แบบลดเวลำเรยี น เพิ่มเวลำรู้ คุณสมบัติ
ของสถำนศกึ ษำ และหลักเกณฑ์กำรประเมินโรงเรยี นตน้ แบบดงั กลำ่ ว

สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน ขอขอบคุณผู้บริหำร ครูผู้สอน ศึกษำนิเทศก์
อำจำรย์มหำวิทยำลัย นักวิชำกำรศึกษำ และผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกคนที่ร่วมคิด ร่วมทำ เพ่ือให้เอกสำรฉบับน้ี
สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

(นำยสเุ ทพ ชติ ยวงษ์)
เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พนื้ ฐำน

(ก)



ส่วนท่ี ๑ บทนำ

ควำมเป็นมำ

โครงการ“ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ : Active Learning” เป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาลท่ีใช้เป็น
แนวทางการปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเตรียมผู้เรียนให้พร้อมเข้าสู่การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑
ซึ่งครูต้องออกแบบการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม มีทักษะในการคิดวิเคราะห์
การแก้ปัญหา รู้จักการทางานเป็นทีม รู้จักการปรับตัวมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น มีความรู้ความสามารถตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และท่ีสาคัญต้องพัฒนาผู้เรียนให้ค้นพบศักยภาพ
และความชอบของตนเอง โดยสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้ดาเนินการตามนโยบาย
“ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้” ดังน้ี

ระยะที่ ๑ ในภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จานวน ๔,๑๐๐
โรงเรียน เป็นโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จานวน ๓,๘๓๑ โรงเรียน
สังกัดสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จานวน ๑๖๑ โรงเรียน และสังกัดกรมส่งเสริมการ
ปกครองท้องถิ่น จานวน ๑๐๘ โรงเรียน โดยเน้น ๔ หมวด คือ หมวดท่ี ๑ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรม
บังคับตามหลักสูตร) หมวดที่ ๒ สร้างเสริมสมรรถนะและการเรียนรู้ หมวดท่ี ๓ สร้างเสริมคุณลักษณะและ
ค่านิยม และหมวดที่ ๔ สร้างเสริมทักษะการทางาน การดารงชีพและทักษะชีวิต ใช้รูปแบบการจัดกิจกรรม
ทั้งในและนอกห้องเรียน กิจกรรมการพัฒนาเป็นไปตามความสนใจของผู้เรียน มีส่วนร่วมในการออกแบบ
กิจกรรม ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ และมีความสุขกบั กจิ กรรม

ระยะที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเพิ่มอีก จานวน
๑๗,๓๑๗ โรงเรียน เป็นโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน จานวน ๑๕,๘๙๗ โรงเรียน
สังกัดสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จานวน ๕๐๔ โรงเรียน สังกัดกรมส่งเสริม
การปกครองท้องถิ่น จานวน ๔๗๙ โรงเรียน และสังกัดสานักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จานวน ๔๓๗ โรงเรียน
รวม ๒ ระยะ มีโรงเรยี นเข้าร่วมโครงการ จานวน ๒๑,๔๑๗ โรงเรยี น ในระยะน้ี เน้นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ท่ีมีเป้าหมายการพัฒนา ๔H คือ Head (กิจกรรมพัฒนาสมอง) Heart (กิจกรรมพัฒนาจิตใจ) Hand (กิจกรรม
พัฒนาทักษะการปฏิบัติ) และ Health (กิจกรรมพัฒนาสุขภาพ) และเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข โดย
ใชข้ ้นั พัฒนาการของ Bloom’s Taxonomy of Education Objectives (Krathwohl, D.R., ๒๐๐๒) เป็นหลกั
ในการจัดกิจกรรม และเน้นให้เกิดทักษะการคดิ ข้นั สูง

ในระยะท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ มีการพัฒนาการจัดกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ให้
เช่ือมโยงกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และยังคงเน้นเป้าหมายการพัฒนา
๔H โดยให้ความสาคัญทั้งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ (Active Learning) โดยมุ่งเน้น
ลดเวลาเรียนในลักษณะการรบั การถ่ายทอดความรูด้ ้วยการบรรยาย/สาธิต เป็นการเพิ่มเวลาและโอกาสในการ
สร้างความรู้ด้วยตนเองผ่านการลงมือปฏิบัติ มีความสุขกับการเรียนรู้ ปรับบทบาทครูจากการเป็นผู้สอนมาเป็น
ผู้ให้คาปรึกษา ชี้แนะ มีการประเมินพัฒนาการของผู้เรียนอย่างหลากหลายตามสภาพจริง และเช่ือมโยงกับ
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดโดยการออกแบบกิจกรรมท่ีมีความยืดหยุ่น ความหลากหลาย พัฒนาทักษะ
และสมรรถนะที่เน้นผู้เรียนลงมอื ปฏิบัติ คิดวิเคราะห์ ทางานเป็นทีม เผชิญประสบการณ์ตรง เรียนรู้ด้วยตนเอง
และได้ค้นพบศักยภาพของตนเองเช่ือมโยงการนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ เพ่ือเตรียมผู้เรียนให้พร้อม
เข้าสู่การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซ่ึงสอดคล้องกับนานาประเทศ ท้ังเร่ืองของจิตสานึกต่อโลก ความรู้พ้ืนฐาน
การประกอบสมั มาอาชพี ความรูพ้ ื้นฐานด้านพลเมือง สุขภาพ สิง่ แวดลอ้ ม และทกั ษะทีจ่ าเปน็ ในศตวรรษท่ี 21



เพ่ือให้การขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว สู่กระบวนการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเน่ืองและ
เป็นระบบ จึงได้มีการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์รวมถึงช่องทางส่ือสารกลาง ภายใต้ช่ือ “MCMK”
(Moderate Class, More Knowledge) : https://mcmk.obec.go.th/ และ mcmk.innoobec.com รวมท้ัง
สังเคราะห์และสร้างคลังเมนูกิจกรรมสนับสนุน “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ท้ังจากหน่วยงานภายในและ
หน่วยงานภายนอก รวมถงึ แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือเป็นช่องทางในการประชาสัมพนั ธ์และแลกเปล่ยี นเรยี นรู้การ
จัดกิจกรรม เผยแพร่ข้อมูลกิจกรรมหรือแนวทางปฏิบัติสาหรับโรงเรียนได้เข้ามาศึกษาหาความรู้แล้วนาไป
ประยุกตใ์ ช้ในการดาเนินงานของโรงเรยี น

ในปัจจุบันโรงเรียนได้ดาเนินโครงการลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active Learning โดยมีเป้าหมายการ
พัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะทั้ง ๓ ด้าน คือ ทักษะวิชาการ ทักษะวิชาชีพ และทักษะชีวิต สานักงานคณะกรรมการ
การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานเป็นหน่วยงานหลักในการกากับ ดแู ล และตดิ ตามการดาเนินงานของโรงเรียนตามโครงการ
ดังกล่าว จึงได้กาหนดเกณฑ์การคัดเลือกโรงเรียนในโครงการลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ เพื่อคัดเลือกโรงเรียน
ท่ีเป็นต้นแบบในการดาเนินงานท่ีประสบผลสาเร็จในการบริหารจัดการหลักสูตร การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
การวัดและประเมินผล และการนิเทศติดตามผล เพื่อเป็นแนวทางให้กับโรงเรียนอื่นได้พัฒนาคุณภาพ
การดาเนินงานให้มปี ระสทิ ธภิ าพต่อไป

วตั ถุประสงค์
1. เพอื่ ให้เขตพ้นื ทีม่ ีแนวทางในการขบั เคลอ่ื นโครงการลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้ : Active Learning
๒. เพ่ือเป็นแนวทางในการคัดเลือกโรงเรียนที่ประสบความสาเร็จในการดาเนินโครงการ

ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active Learning สกู่ ารเปน็ โรงเรยี นตน้ แบบ
๓. เพื่อให้ผู้ประเมินมีแนวทางในการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบตามโครงการลดเวลาเรียน

เพม่ิ เวลารู้ : Active Learning ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ

นยิ ำมศัพท์

โรงเรียนต้นแบบ หมายถึง โรงเรียนท่ีผ่านการคัดเลือกการจัดกิจกรรมดาเนินการโครงการ/
กิจกรรม ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ : Active Learning ที่มีประสิทธิภาพ ซ่ึงประกอบด้วย ๓ ด้าน คือ ด้านการ
บริหารจัดการโครงการ ดา้ นการออกแบบการจัดกจิ กรรม และดา้ นคณุ ภาพผู้เรียน

กำรดำเนนิ งำนโรงเรยี นต้นแบบ หมายถงึ การบริหารจดั การโครงการลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ :
Active Learning

กำรมีส่วนร่วม หมายถึงการส่งเสริมสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกเพ่ือให้
โรงเรียนสามารถดาเนินกจิ กรรมไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

กำรบริหำรจัดกำรโครงกำร หมายถึง การขับเคลื่อนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ท่ีมีความ
สอดคล้องกับพ้ืนที่และบริบท ส่งเสริมสนับสนุนให้ครูมีนวัตกรรมการเรียนรู้ ประสานและแสวงหาแหลง่ เรียนรู้
และมกี ารนิเทศ ติดตามผล เพอ่ื ส่งเสรมิ คณุ ภาพผู้เรียน

กำรออกแบบกิจกรรม หมายถึง การวิเคราะห์ผู้เรียน วิเคราะห์หลักสูตร จัดกิจกรรมสร้าง
แรงจูงใจ และแลกเปล่ียนเรียนรูท้ ี่ครอบคลมุ ๗ หลกั การ ได้แก่

๑) เชอ่ื มโยงตัวชีว้ ดั
2) เน้นจดั 4 H
3) ผ้เู รียนเป็นสขุ



4) สนกุ การคดิ ขนั้ สงู
5) มุ่งทางานเป็นทีม
6) ลมุ่ ลกึ แหล่งเรียนรู้
7) ส่กู ารประเมิน P&A
คุณภำพผู้เรียน หมายถึง ผลลัพธ์ที่ผู้เรียนมีความสุข มีทักษะการเรียนรู้ตามที่หลักสูตร
กาหนด มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ มีทักษะการคิดข้ันสูง มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะ
ชีวิตและการทางาน มสี ุขนิสัยและสขุ ภาพท่ีพงึ ประสงค์ และมคี วามสามารถในการแข่งขันนานาชาติ



สว่ นท่ี ๒

แนวทำงกำรดำเนนิ งำนโรงเรยี นตน้ แบบ ลดเวลำเรียน เพม่ิ เวลำรู้ : Active Learning

ตามนโยบาย ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียน ซ่ึงเป็นอนาคตของชาติให้มีความ
สมดุลท้ังทางด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทย และพลโลก ยึดมั่นในการ
ปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้ และทักษะพ้ืนฐานร่วม
เจตคติท่ีจาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต สถานศึกษาท่ีดาเนินงาน
ตามนโยบายต้องวางแผนในการดาเนนิ งาน เพ่ือพัฒนาผู้เรยี น โดยมองภาพรวมในเชิงระบบตั้งแต่

1. การบรหิ ารจดั การโครงการ/กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้: Active Learning
2. การออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรียนเพ่มิ เวลารู้
3. คุณภาพผู้เรียน
โดยศึกษาจากแนวทางการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active
Learning ใหเ้ ขา้ ใจและดาเนินการตามหลกั การและแนวคิด ดังตอ่ ไปนี้

๑. กำรบรหิ ำรจดั กำรโครงกำร/กิจกรรมลดเวลำเรยี น เพิ่มเวลำรู้: Active Learning

แผนภาพท่ี ๑ การบรหิ ารจดั การโครงการ/กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้: Active Learning



1.1 กำรขบั เคลื่อนนโยบำย
การขับเคลื่อนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้: Active Learning ไปสู่การปฏิบัติของ

สถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม สถานศึกษาต้องดาเนนิ การในรปู ของคณะกรรมการ โดยเน้นการมีสว่ นร่วมของ
ทุกฝ่าย นาโดยผู้บริหารสถานศึกษาเป็นประธานและฝ่ายวิชาการเป็นเลขานุการคณะกรรมการ สถานศึกษา
จะตอ้ งมกี ารสรา้ งความตระหนัก ความเขา้ ใจ ใหค้ าแนะนา นิเทศกากับติดตามการดาเนินการจัดกิจกรรมมีการ
ทบทวนหลังปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) และมีการนาผลไปใช้ในการพัฒนาการจัดกิจกรรมให้
เกิดผลลพั ธ์ทเี่ กดิ ขึ้นกบั ผเู้ รียนมากย่งิ ข้ึน โดยมีข้ันตอนดังน้ี

1) ศึกษาวเิ คราะห์ นโยบายลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลาร้:ู Active Learning
2) แตง่ ต้ังคณะทางานผูร้ ับผิดชอบ โดยเนน้ การมสี ว่ นรว่ มของทกุ ฝา่ ย
3) กาหนดแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้: Active Learning
ลงในแผนปฏิบัติงานของสถานศกึ ษา
4) สรา้ งความเขา้ ใจในการดาเนินงานใหก้ ับผู้เกย่ี วข้องทุกฝ่าย
5) กาหนดภาพของความสาเร็จของการขับเคลื่อนกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active
Learning
6) จัดทาสารสนเทศของผู้เรยี นรายบคุ คล ตามความถนดั ความสนใจของผู้เรียน
7) จัดเตรยี มสื่อ แหล่งเรียนรู้ อาคารสถานที่เพอ่ื สนับสนนุ การจดั กิจกรรม
8) เผยแพร่ผลการดาเนินงาน และประชาสัมพันธ์กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้: Active
Learning
1.2 กำรสง่ เสรมิ สนบั สนุน ใหค้ รพู ฒั นำนวัตกรรมกำรจดั กำรเรียนรูล้ ดเวลำเรียน เพมิ่ เวลำรู้ :
Active Learning
สถานศึกษาสง่ เสริม สนบั สนุน ใหค้ วามรู้แก่ครูและผู้เก่ยี วข้อง เก่ยี วกบั การพัฒนานวัตกรรม
การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active Learning สนับสนุนปจั จัยที่เอ้ือต่อการพัฒนานวัตกรรมและ
การจดั กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ : Active Learning เชน่
1) ส่งครเู ข้ารับการพฒั นา เช่น การอบรม การสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ศึกษาดูงาน ฯลฯ
2) จัดทาโครงการพัฒนาสื่อ นวัตกรรมให้ครผู ู้สอน
3) จัดสรรงบประมาณ สนับสนุน
4) ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูนานวัตกรรมท่ีหลากหลายไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนและ
กิจกรรม ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
5) ส่งเสริมให้ครูส่งนวัตกรรมเข้าประกวดแข่งขันในเวทีต่าง ๆ เพ่ือยกย่อง เชิดชูเกียรติ
เสริมสรา้ งขวญั และกาลงั ใจ
1.3 กำรประสำน และแสวงหำแหล่งเรียนรู้นอกสถำนศึกษำ ภูมิปัญญำต่ำง ๆ และควำม
รว่ มมอื กบั ชมุ ชน
สถานศึกษาดาเนินการประสาน และแสวงหาแหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา ภูมิปัญญา
ท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้านและร่วมมือกับชุมชน โดยมีผู้บริหารเป็นผู้นาในการขับเคล่ือน อานวยความสะดวก
สนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ สาหรับผู้สอนให้มีความพร้อมในการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active
Learning อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จัดทาทะเบียนแหล่งเรียนรู้ ขอความร่วมมือจากภูมิปัญญาท้องถ่ิน
ปราชญ์ชาวบ้าน



1.4 กำรนิเทศ กำกบั ติดตำม กำรจดั กิจกรรมลดเวลำเรียน เพิม่ เวลำรู้ : Active Learning
การนิเทศเป็นการทางานร่วมกันภายในสถานศึกษาโดยมีจุดมุ่งหมายในการช่วยเหลือ ให้

คาแนะนาและสนับสนุน การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active Learning ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
โดยผู้มีบทบาทหน้าที่ในการนิเทศ เช่น ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารโรงเรียน รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ/หัวหน้า
งานวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ บุคคลภายนอกท่ีมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิ
เปน็ ทีมนเิ ทศ

การนเิ ทศการจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้ : Active Learning มหี ลากหลายวธิ กี าร โดย
ผูน้ เิ ทศควรเรมิ่ ต้นด้วยการเตรยี มความพร้อม จัดเตรยี มข้อมูล เน้ือหาสาระ สรา้ งและพัฒนาสือ่ /เครื่องมือนิเทศ
ตามหลักการสาคัญของการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ โดยเน้นเร่ืองการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active
Learning) และดาเนินกิจกรรมการนเิ ทศ ดังน้ี

๑) การนิเทศเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ครูผู้สอน เช่น ประชุม ชี้แจง บรรยาย
สัมภาษณ์ ระดมความคิด ตรวจสอบเอกสาร รวมถึงใช้เทคนิคการนิเทศที่แตกต่างกันตามสภาพ บริบท
ท่ีเก่ียวข้อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจการจัดกิจกรรม การจัดทาหน่วยการเรียนรู้ การจัดทาแผนการจัด
การเรยี นรู้

2) การสังเกตชั้นเรียน เป็นการสังเกตการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active
Learning ทั้งภายนอกหรือภายในหอ้ งเรียน เพื่อสังเกตพฤติกรรมการสอนและพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน
การวดั และประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

๓) การสะท้อนข้อมูลย้อนกลับ หลังจากการนิเทศแล้ว ผู้นิเทศควรจัดให้มีการสะท้อนข้อมูล
ผลการนิเทศร่วมกับผู้รับการนิเทศและผู้เก่ียวข้อง เพื่อร่วมกันสรุป และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการนิเทศใน
แต่ละคร้ัง

๔) การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม เช่น PLC,
KM, AAR ฯลฯ เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้ และเสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้กระบวนการ
Active Learning ทั้งนี้ ใหเ้ ป็นไปตามบรบิ ทและความพร้อมของแต่ละสถานศกึ ษา

5) การประเมินผลการดาเนินงาน/โครงการ/กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active
Learning ของโรงเรียนโดยสร้างแบบประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์เป้าหมายของแต่ละงาน/โครงการ/
กจิ กรรม อาจเป็นการประเมินโครงการ และดาเนินการสรปุ และรายงานผลการนิเทศการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
เชิงรุก (Active Learning) อย่างเป็นระบบ ระบุกระบวนการนิเทศ สภาพการดาเนินงาน ประเด็นปัญหา
อุปสรรคในการนิเทศ ความพึงพอใจในการดาเนินงานของโรงเรียนและการนิเทศ ผลงานหรือภาพความสาเร็จ
ตลอดจนเสนอแนะแนวทางในการพฒั นาการนิเทศ กากับ ติดตาม และขอ้ เสนอแนะแนวทางการจัดกจิ กรรมนั้น

1.5 กำรสะท้อนผลกำรดำเนนิ โครงกำร
การสะท้อนผลการดาเนินการควรจัดทาเป็นระบบและดาเนินการเป็นระยะ ๆ ตลอด

โครงการหรือสะท้อนผลหลังจากดาเนินโครงการ มีบันทึกร่องรอยการดาเนินงาน ผลของการดาเนินงาน
จุดแขง็ จุดอ่อนปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขของการดาเนนิ โครงการ สามารถนาเสนอในรูปแบบของการ
ทาชุมชนแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนาวิชาชีพ การประชุมของโรงเรียน การนาเสนอผลงานในรูปแบบของ
นิทรรศการ เป็นต้น โดยรูปแบบของชุมชนแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนาวิชาชีพ (Professional Learning
Community : PLC) สามารถดาเนินการร่วมกับสมาชิกของโครงการในเร่ืองต่อไปน้ี 1) การวิเคราะห์ปัญหา 2)
การกาหนดแนวทางการแก้ปัญหา 3) การปฏิบัติ สังเกต และเก็บข้อมูล และ 4) การสะท้อนความคิดเห็นหรือ
สามารถนาผลการดาเนินโครงการในประเด็นของความสาเร็จของการดาเนินโครงการ ปัญหา อุปสรรคในการ



ดาเนินโครงการ เสนอในวาระการประชุมของสถานศึกษา หรือนาเสนอผลสาเร็จในรูปแบบของนิทรรศการ
ป้ายประชาสัมพันธ์ รายงานผลการดาเนินโครงการ เป็นต้น ในการสะท้อนผลการดาเนินการควรได้ผลสะท้อน
จากผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับโครงการน้นั ๆ ครอบคลุมทุกมิติ อาทิ นักเรียน ครู ผู้อานวยการโรงเรยี น และชุมชน
ท่ีเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ได้ผลครอบคลุมทุกมิติ ผ่านประเด็นการทา PLC การสัมภาษณ์ การทา Focus
Group การตอบแบบสอบถาม การจัดประชมุ สมั มนา เปน็ ตน้

1.6 กำรนำผลไปใช้ในกำรปรับปรงุ พัฒนำ
หลักฐานร่องรอยบันทึกผล PLC รายงานการประชุม หรือร่องรอยการจัดนิทรรศการที่

สะท้อนผลการปรับปรุงพัฒนาโครงการ ในระหว่างการดาเนินโครงการ หรือหลังจากเสร็จสิ้นการดาเนิน
โครงการสามารถนาไปต่อยอดหรือเป็นพื้นฐานในการพัฒนาโครงการในครั้งต่อไป ทั้งน้ีผลกระทบของการ
ปรับปรุงพัฒนาควรแสดงออกในหลากหลายมิติท่ีโครงการส่งผลกระทบ อาทิ มิติผลท่ีเกิดข้ึนกับผู้เรียน ครู
สถานศึกษา และชุมชน ได้รบั ผลอยา่ งไรจากการปรบั ปรงุ พฒั นาโครงการนั้น ๆ

๒. กำรออกแบบกจิ กรรมลดเวลำเรียน เพ่ิมเวลำรู้ : Active Learning

๒.๑ แนวคิดในกำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนรู้

หลกั กำร
รร

กำกริจอกอรกรแมบบ ปกำรระวเมัดนิ แผลละ

กำรจำแนกจดุ ม่งุ หมำยตำมแนวคดิ บลมู , ส่เี สำหลกั ทำงกำรศกึ ษำ, หลัก ๔H,
พระบรมรำโชบำยด้ำนกำรศกึ ษำ รัชกำลที่ ๑๐

แผนภาพที่ ๒ แนวคิดในการออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้

การออกแบบกจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้ มเี ปา้ หมายเพื่อให้ผู้สอนสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ที่เน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพและมีความสุข
ในการเรียนอย่างแท้จริง โดยมแี นวคิดทฤษฎีทเี่ ก่ยี วข้อง ประกอบด้วยการจาแนกจดุ มงุ่ หมายทางการศกึ ษาตาม
แนวคิดของ บลูม (Bloom’s Taxonomy) ส่ีเสาหลักทางการศึกษา ( Four Pillars of Education)
หลัก 4 H (Head, Heart, Hand, Health) พระบรมราโชบายด้านการศกึ ษาของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศร
ราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกลา้ เจา้ อยู่หัว มงุ่ สร้างพื้นฐานใหแ้ ก่ผเู้ รียน 4 ดา้ น



๒.1.1 กำรจำแนกจุดมุ่งหมำยทำงกำรศึกษำตำมแนวคิดของ บลูม (Bloom’s
Taxonomy)

บลูม (Benjamin S. Bloom. 1976) นักการศึกษาชาวอเมริกัน เช่ือว่า การเรียน
การสอนที่จะประสบความสาเร็จและมีประสิทธิภาพน้ัน ผู้สอนจะต้องกาหนดจุดมุ่งหมายให้ชัดเจนแน่นอน
เพื่อให้ผู้สอนกาหนดและจัดกิจกรรมการเรียนรวมทั้งวัดประเมินผลได้ถูกต้อง โดยจาแนกเป็นจุดมุ่งหมายทาง
การศึกษาเรียกว่า Taxonomy of Educational Objectives (อติญาณ์ ศรเกษตริน. 2543 : 72-74 ;
อ้างอิงจาก บุญชม ศรีสะอาด. 2537 ; Bloom. 1976 : 18) ออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย
ดา้ นจติ พสิ ัย และดา้ นทกั ษะพิสยั

ด้ำนพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) หมายถึง การเรียนรู้ทางด้าน ความรู้
ความคิด การแก้ปัญหา จัดเป็นพฤติกรรมด้านสมองเก่ียวกับสติปัญญา ความคิด ความสามารถในการคิด
เร่ืองราวต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งพฤติกรรมเป็น 6 ระดับ โดย แอนเดอร์สันและแครทโวทล์
(Anderson & Krathwohl) ได้ปรับปรุงการจาแนกจุดมุ่งหมายทางการศึกษาใหม่ในปี 2001 โดยการ
ปรบั เปลยี่ นระดับพฤติกรรมและคาศพั ทท์ ่ีใช้ เป็น 6 ระดับ ดังนี้

1) จำ (Remember) หมายถึงความสามารถในการดึงเอาความรู้ที่มีอยู่ใน
หน่วยความจาระยะยาวออกมา แบง่ ประเภทยอ่ ยได้ 2 ลักษณะคือ จาได้ (Recognizing) ระลึกได้ (Recalling)

๒) เข้ำใจ (Understand) หมายถึงความสามารถในการกาหนดความหมายของ
คาพูดตัวอักษรและการสื่อสารจากสื่อต่างๆ ที่เป็นผลมาจากการสอน แบ่งประเภทย่อยได้ 7 ลักษณะคือ
ตีความ (Interpreting) ยกตัวอย่าง (Exemplifying) จาแนกประเภท (Classifying) สรุป (Summarizing)
อนุมาน (Inferring) เปรยี บเทยี บ (Comparing) อธบิ าย (Explaining)

๓) ประยุกต์ใช้ (Apply) หมายถึงความสามารถในการดาเนินการหรือใช้ระเบียบ
วิธีการภายใต้สถานการณ์ที่กาหนดให้ แบ่งประเภทย่อยได้ 2 ลักษณะคือ ดาเนินงาน (Executing) ใช้เป็น
เคร่ืองมอื (Implementing)

๔) วิเครำะห์ (Analyze) หมายถึงความสามารถในการแยกส่วนประกอบของส่ิง
ต่างๆ และค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ ความสัมพันธ์ระหว่างของส่วนประกอบกับโครงสร้างรวม
หรือส่วนประกอบเฉพาะ แบ่งประเภทย่อยได้ 3 ลักษณะคือ บอกความแตกต่าง (Differentiating)
จดั โครงสร้าง (Organizing) ระบุคุณลักษณะ (Attributing)

๕) ประเมินค่ำ (Evaluate) หมายถึงความสามารถในการตัดสนิ ใจโดยอาศยั เกณฑ์
หรอื มาตรฐาน แบ่งประเภทยอ่ ยได้ 2 ลกั ษณะคือ ตรวจสอบ (Checking) วิพากษ์วิจารณ์ (Critiquing)

๖) สร้ำงสรรค์ (Create) หมายถึงความสามารถในการรวมส่วนประกอบต่าง ๆ
เข้าด้วยกันด้วยรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความเช่ือมโยงกันอย่างมีเหตุผลหรือทาให้ได้ผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นต้นแบบ
แบ่งประเภทย่อยได้ 3 ลกั ษณะคอื สรา้ ง (Generating) วางแผน (Planning) ผลติ (Producing)

ด้ำนจิตพิสัย (Affective Domain) หมายถึง พฤติกรรมด้านจิตใจเป็นค่านิยม
ความรู้สึก ความซาบซ้ึง ทัศนคติ ความเช่ือ ความสนใจและคุณธรรม พฤติกรรมด้านน้ีอาจไม่เกิดขึ้นทันที ดังนั้น
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และสอดแทรกสิ่งท่ีดีงามอยู่ตลอดเวลา
จะทาให้พฤติกรรมของผ้เู รียนเปล่ยี นไปในแนวทางทพ่ี งึ ประสงค์ได้ ประกอบดว้ ยพฤตกิ รรม 5 ระดับ ได้แก่

1) กำรรับรู้ (Receiving/Attending) เป็นความรู้สึกท่ีเกิดข้ึนต่อปรากฏการณ์
หรือสงิ่ เรา้ อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ซงึ่ เปน็ ไปในลักษณะของการแปลความหมายของสิ่งเรา้ นั้นว่าคืออะไร แล้วจะแสดง
ออกมาในรปู ของความรูส้ ึกท่เี กิดขน้ึ



๒) กำรตอบสนอง (Responding) เป็นการกระทาท่ีแสดงออกมาในรูปของ
ความเตม็ ใจ ยินยอม และพอใจต่อส่งิ เรา้ น้ัน ซึง่ เป็นการตอบสนองท่ีเกิดจากการเลอื กสรรแลว้

๓) กำรเกิดค่ำนิยม (Valuing) การเลือกปฏิบัติในส่ิงท่ีเป็นท่ียอมรับกันในสังคม
การยอมรับนับถือในคุณค่านั้น ๆ หรือปฏิบัติตามในเรื่องใดเร่ืองหนึ่ง จนกลายเป็นความเช่ือ แล้วจึงเกิดทัศนคติ
ท่ีดีในสง่ิ นน้ั

๔) กำรจัดระบบ (Organizing) การสร้างแนวคิด จัดระบบของค่านิยมท่ีเกิดขึ้น
โดยอาศัยความสัมพันธ์ ถ้าเข้ากันได้ก็จะยึดถือต่อไปแต่ถ้าขัดกันอาจไม่ยอมรับ อาจจะยอมรับค่านิยมใหม่
โดยยกเลิกคา่ นยิ มเก่า

๕) บุคลกิ ภำพ (Characterizing) การนาคา่ นยิ มทยี่ ึดถือมาแสดงพฤติกรรมที่เป็น
นิสัยประจาตัว ให้ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงาม พฤติกรรมด้านน้ีจะเกี่ยวกับความรู้สึกและจิตใจ ซึ่งจะ
เร่ิมจากการได้รับรู้จากส่ิงแวดล้อม แล้วจึงเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ ขยายกลายเป็นความรู้สึกด้านต่าง ๆ
จนกลายเป็นค่านยิ ม และยงั พัฒนาตอ่ ไปเปน็ ความคดิ อดุ มคติ ซึง่ จะเป็นการควบคุมทิศทางพฤติกรรมของคน

ด้ำนทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) หมายถึง พฤติกรรมด้านทักษะพิสัย
เป็นพฤติกรรมที่บ่งถึงความสามารถในการปฏิบัติงานได้อย่างคล่องแคล่วชานาญ ซึ่งแสดงออกมาได้โดยตรง
โดยมเี วลาและคุณภาพของงานเป็นตวั ช้รี ะดบั ของทักษะประกอบดว้ ย 5 ขนั้ ดังน้ี (ปรับปรงุ โดย R. H. Dave)

๑) กำรรับรู้ เลียนแบบ ทำตำม (Imitation) เป็นการให้ผู้เรียนได้รับรู้หลักการ
ปฏิบัตทิ ่ีถกู ต้อง หรอื เปน็ การเลือกหาตัวแบบทสี่ นใจ

๒) กำรทำเอง/กำรปรับให้เหมำะสม (Manipulation) เป็นพฤติกรรมท่ีผู้เรียน
พยายามฝึกตามแบบที่ตนสนใจและพยายามทาซ้า เพื่อที่จะให้เกิดทักษะตามแบบที่ตนสนใจให้ได้ หรือ
สามารถปฏิบตั ิงานไดต้ ามขอ้ แนะนา

๓) กำรหำควำมถูกต้อง (Precision) พฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง
โดยไม่ตอ้ งอาศยั เคร่อื งช้แี นะ เม่ือได้กระทาซา้ แลว้ กพ็ ยายามหาความถกู ตอ้ งในการปฏิบตั ิ

๔) กำรทำอย่ำงต่อเนื่อง (Articulation) หลงั จากตัดสนิ ใจเลือกรูปแบบที่เป็นของ
ตัวเองจะกระทาตามรูปแบบน้ันอย่างต่อเนื่อง จนปฏิบัติงานที่ยุ่งยากซับซ้อนได้ อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง
คลอ่ งแคล่ว การทผี่ เู้ รียนเกดิ ทักษะได้ ตอ้ งอาศัยการฝึกฝนและกระทาอยา่ งสมา่ เสมอ

๕) กำรทำได้อย่ำงเป็นธรรมชำติ (Naturalization) พฤติกรรมท่ีได้จากการฝึก
อย่างต่อเนื่องจนสามารถปฏิบัติ ได้คล่องแคล่วว่องไวโดยอัตโนมัติ เป็นไปอย่างธรรมชาติซึ่งถือเป็น
ความสามารถของการปฏิบตั ิในระดับสูง

๒.1.2 สเ่ี สำหลักทำงกำรศึกษำ (Four Pillars of Education)
องค์การยูเนสโกได้กาหนดแนวทางการจัดการศึกษาท่ีเหมาะสมสาหรับศตวรรษท่ี

21 โดยเสนอจตุสดมภ์การศกึ ษา (Four Pillars of Education) ประกอบดว้ ย เสาหลักทางการศกึ ษา 4
ประการ ได้แก่

Learning to know หมายถึง การเรียนเพ่ือรู้ทุกส่ิงทุกอย่าง อันจะเป็นประโยชน์
ต่อไป ได้แก่ การแสวงหาให้ได้มาซ่ึงความรู้ท่ีต้องการ การต่อยอดความรู้ท่ีมีอยู่และรวมทั้งการสร้างความรู้
ข้ึนใหม่ การเตรียมความพร้อมด้านจิตใจผู้เรียน ให้มีความพร้อมเพ่ือการศึกษาต่อ ได้แก่ การ เรียน
การสอนที่เกิดความสนุก อยากเรียน รักท่ีจะเรียนรู้ มีความสุขในการเรียนและการแสวงหาความรู้ และการมี
สุขภาพจิตท่ดี ี

๑๐

Learning to do หมายถึง การเรียนเพ่ือการปฏิบัติหรือลงมือทา ซึ่งอาจนาไปสู่
การประกอบอาชีพจากความรู้ที่ได้ศึกษามารวมท้ังการปฏิบัติเพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคมท่ีสามารถทางานได้
หลายอยา่ ง รวมทง้ั ความสามารถในการทางานรว่ มกบั ผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข เพอ่ื เสริมสร้างการทางานเป็นทีม
ใหเ้ ขม้ แขง็ และมคี ุณธรรมภายในจิตใจ

Learning to live together หมายถึง การเรียนรู้เพื่อการดาเนินชีวิตอยู่ร่วมกับ
ผู้อื่นได้อย่างมีความสุขทั้งการดาเนินชีวิตในการเรียน ครอบครัว สังคม และการทางาน เป็นการดารงชีวิต
อยา่ งมีคุณภาพด้วยการสร้างสรรคป์ ระโยชน์ใหแ้ ก่สงั คม

Learning to be หมายถึงการเรียนรู้เพื่อให้รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ รู้ถึงศักยภาพ
ความถนัด ความสนใจ ของตนเอง สามารถใช้ความรู้ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
เลอื กแนวทางการพฒั นาตนเองตามศักยภาพ วางแผนการเรียนต่อ การประกอบอาชีพท่ีสอดคล้องกับศักยภาพ
ตนเองได้

๒.1.3 หลกั 4H (Head Heart Hand Health)
หลัก 4H เป็นการมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง

มีประสบการณ์ตรง คิดวิเคราะห์ ทางานเป็นทีม และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีความสุขจากกิจกรรมสร้างสรรค์
ท่หี ลากหลาย ดงั น้ี

กิจกรรมพัฒนำสมอง (Head) หมายถึง กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาทักษะการคิด
เพ่ือให้ผเู้ รียนมคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ประเมนิ ค่า ตัดสินใจ แก้ปัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์

กิจกรรมพัฒนำจิตใจ (Heart) หมายถึง กิจกรรมส่งเสริม พัฒนา และปลูกฝัง
ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม การทาประโยชน์เพ่ือสังคม เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์จนเป็น
ลักษณะนสิ ยั และมจี ิตสานึกทีด่ ี ต่อตนเองและสว่ นรวม

กิจกรรมพัฒนำทักษะกำรปฏิบัติ (Hand) หมายถึง กิจกรรมสร้างเสริมทักษะ
การทางาน ทักษะทางอาชีพท่ีหลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนค้นพบความสามารถ ความถนัด และศักยภาพของ
ตนเอง

กิจกรรมพัฒนำสุขภำพ (Health) หมายถึง กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะเพ่ือให้
ผู้เรียนมีสมรรถนะทางกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง มีเจตคติท่ีดีต่อการดูแลสุขภาพ และมีทักษะปฏิบัติด้านสุขภาพ
จนเป็นนสิ ยั

๒.๑.๔ พระบรมรำโชบำยด้ำนกำรศึกษำของพระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธิบดี
ศรีสินทรมหำวชิรำลงกรณ มหิศรภูมิพลรำชวรำงกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยำมินทรำธิเบศรรำชวโรดม
บรมนำถบพิตร พระวชริ เกล้ำเจำ้ อยู่หวั

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 10 มีกระแสพระราชดารัสกับประธาน
องคมนตรี และคณะองคมนตรี ให้ร่วมกันสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง โดยจัดการศึกษาเพื่อมุ่งเน้นสร้างพ้ืนฐาน
ใหแ้ ก่ผเู้ รียน ๔ ดา้ น ดังนี้

๑) มีทัศนคติท่ีถูกต้องต่อบ้ำนเมือง หมายถึง การจัดการศึกษาต้องมุ่งให้ผู้เรียน
มีความรู้ความเข้าใจที่ดีต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา ม่ันคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความเอ้ืออาทร
ตอ่ ครอบครัวและชุมชนของตน

๑๑
๒) มีพื้นฐำนชีวิตที่ม่ันคง มีคุณธรรม หมายถึง การจัดการศึกษาต้องมุ่งให้
ผู้เรียน รู้จักแยกแยะสิ่งท่ีผิด-ท่ีถูก ส่ิงชั่ว-สิ่งดี เพ่ือปฏิบัติแต่สิ่งท่ีชอบท่ีดีงาม ปฏิเสธสิ่งท่ีผิดท่ีช่ัว เพ่ือสร้าง
คนดใี ห้แก่บา้ นเมอื ง
๓) มีงำนทำ มีอำชีพ หมายถึง การจัดการศึกษาต้องมุ่งให้ผู้เรียนเป็นเด็ก
รกั งาน สูง้ าน ทางานจนสาเร็จ อบรมให้เรยี นรู้การทางาน ใหส้ ามารถเลย้ี งตวั และเล้ียงครอบครวั ได้
๔) เป็นพลเมืองดี หมายถึง การจัดการศึกษาต้องมุ่งให้ผู้เรียน มีหน้าท่ีเป็น
พลเมืองดีสถานศึกษาและสถานประกอบการต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสทาหน้าที่พลเมืองดี การเป็น
พลเมืองดหี มายถึงการมีน้าใจ มีความเอ้ืออาทรทางานอาสาสมัครงานบาเพ็ญประโยชน์ “เห็นอะไรท่ีจะทำเพื่อ
บำ้ นเมอื งไดก้ ต็ อ้ งทำ”
2.1.5 หลกั กำรสำคัญกำรจดั กิจกรรมลดเวลำเรยี น เพิม่ เวลำรู้ : Active Learning

แผนภาพที่ ๓ หลกั การสาคญั ของการจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้

๑๒

การจัดกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ มีรูปแบบการจัดกิจกรรม ๒ ลักษณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับ
ธรรมชาติของวชิ า ไดแ้ ก่ กจิ กรรมบรู ณาการ และกิจกรรมเฉพาะเร่ือง โดยมีหลักการสาคัญของการจดั กจิ กรรม
ดังน้ี

1) เชื่อมโยงตัวชี้วัด สอดคล้องและเชื่อมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธสกั ราช ๒๕๕๑

2) หลัก ๔H เน้นการจัดกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมาย ๔ H ได้แก่ กิจกรรมพัฒนา
สมอง (Head) กิจกรรมพัฒนาทักษะปฏิบัติ (Hand) กิจกรรมพัฒนาจิตใจ (Heart) และกิจกรรมพัฒนา
สุขภาพ (Health)

3) ผเู้ รียนเปน็ สุข เรียนรูอ้ ยา่ งมีความสุข โดยการใช้วิธีการจดั กิจกรรมทห่ี ลากหลาย
อย่างเหมาะสม ตอบสนองความสนใจ ความถนัด ความตอ้ งการและความแตกตา่ งของผู้เรียน

4) สนกุ การคิดขนั้ สงู เปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นไดว้ างแผน คดิ วเิ คราะห์ ค้นคว้า ถกแถลง
สร้างความคิด เชิงเหตุผล อภิปราย สรุปความรู้ นาเสนอ จุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความมุ่งม่ัน
เพ่อื แสวงหาความรู้ การแกป้ ัญหาและสรา้ งสรรคน์ วตั กรรม

5) มุ่งทางานเป็นกลุ่ม จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม
ทางานอยา่ งเป็นระบบ แลกเปลยี่ นประสบการณ์ ชว่ ยเหลือเกอื้ กูล มีความสามัคคี และเปน็ ผนู้ าผูต้ ามที่ดี

6) ลุ่มลึกแหล่งเรียนรู้ ใช้แหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญา ส่ิงแวดล้อม และเทคโนโลยี
สารสนเทศ เพื่อพัฒนาคณุ ภาพการเรยี นร้ขู องผูเ้ รียน

7) สู่การประเมิน P & A ประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) โดย
ใช้เทคนิควธิ กี ารทีห่ ลากหลาย เนน้ การประเมินการปฏบิ ัติ (P: Performance Assessment) และการประเมิน
คณุ ลักษณะ (A: Attribute Assessment)

2.2 กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนรู้เชงิ รุก Active Lea

Input Process

มำตรฐำน/ตวั ช้ีวัด กำหนดหัวขอ้ เรอื่
(Theme)
สี่เสำหลกั กำรศึกษำ
ออกแบบกจิ กรร
หลกั ๔H (Active Learnin

กำรจำแนกจดุ มุง่ หมำยตำม กำรจัดกิจกรรม
แนวคดิ บลมู (Active Learnin

พระบรมรำโชบำยด้ำน วดั และประเมนิ
กำรศึกษำ รชั กำลท่ี ๑๐

แผนภาพท่ี ๔ การออกแบบกิจกรร

13

arning Outcome

อง ผลลพั ธ์ท่ีเกิดขนึ ้ กบั ผ้เู รียน
รม
ng) - มคี วำมสขุ
-มีทกั ษะกำรเรยี นร้ทู ่หี ลักสตู รกำหนด
ม -มีทกั ษะกำรเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี ๒๑
ng) -มีทกั ษะกำรคดิ ขนั้ สูง
-มคี ุณลักษณะทพี ึงประสงค์
นผล -มที ักษะชีวิตและกำรทำงำน
-มสี ขุ นสิ ยั และสุขภำพท่พี ึงประสงค์
-มีควำมสำมำรถในกำรแข่งขนั นำนำชำติ

รมการเรยี นร้เู ชงิ รุก (Active Learning)

๑๔

2.2.1 กำรกำหนดหวั ขอ้ เรอื่ ง (Theme)
หัวข้อเรื่อง (Theme) เป็นข้อความที่เป็นประเด็นของเร่ือง ท่ีผู้เรียนจะทาการศึกษา

โดยเป็นมโนทัศน์กว้าง ๆ ท่ีเอื้อต่อการใช้ความรู้และมุมมองหลาย ๆ วิชารวมกัน สื่อความหมายท่ีเป็นแนวคิด
หรือความคิดรวบยอด (Concept) ท่ีกว้างขวางแก่ผู้เรียน ควรเป็นหัวข้อเรื่องท่ีทันสมัย น่าสนใจ และ
มีความหมายสาหรับผู้เรียน ทาให้เกิดความกระหายใคร่จะเรียนรู้ และพร้อมที่จะสืบสอบ (Inquiry) แสวงหา
คาตอบดว้ ยตนเองซ่ึงผู้ออกแบบกจิ กรรมควรพจิ ารณาในประเด็นดังนี้

1) หัวข้อเร่ือง มีความยากง่ายเหมาะสมกับระดับความรู้ความสามารถของผู้เรียน
ไมย่ ่งุ ยากหรอื ซบั ซ้อนจนเกนิ ไป และทส่ี าคัญต้องมีความเปน็ ไปได้

2) หัวขอ้ เรือ่ ง มีแหล่งความร้ทู จี่ ะศกึ ษาคน้ คว้า
๓) หวั ขอ้ เรื่อง สอดคล้องกบั ความถนัด ความสนใจ และความพรอ้ มของผูเ้ รยี น
2.2.2 กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ Active Learning
การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ Active Learning เปน็ กระบวนการจดั การเรียนรู้
ท่ีผู้เรียนได้ลงมือกระทาและได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งท่ีเขาได้กระทาลงไป (Bonwell, 1991)
โดยผู้เรียนจะถูกเปล่ียนบทบาทจากผู้รับความรู้ (Receive) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้
(Co-Creators) ความรู้ท่ีเกิดขึ้น เป็นความรู้ท่ีได้จากประสบการณ์ ดังน้ัน กระบวนการในการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ ผู้เรียนต้องได้มีโอกาสลงมือกระทามากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว โดยจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
ด้วยการอ่าน การเขียน การอภิปรายกับเพื่อน การวิเคราะห์ปัญหา และใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่
การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินค่า และการสร้างสรรค์ อีกทั้ง เป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีให้ผู้เรียนได้
เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียนด้วยกัน กิจกรรมการเรียนรู้ Active Learning ทาให้
ผู้เรียนสามารถรักษาผลการเรียนรู้ให้อยู่คงทนได้มากและนาน เพราะกระบวนการเรียนรู้แบบ Active
Learning สอดคล้องกับการทางานของสมองท่ีเก่ียวข้องกับความจา โดยผู้เรียนสามารถเก็บและจาส่ิงท่ีตนเอง
เรยี นรูอ้ ยา่ งมสี ่วนรว่ ม มีปฏสิ มั พนั ธ์กบั เพ่ือน ผสู้ อน ส่ิงแวดล้อม การเรียนรู้ ไดผ้ ่านการปฏิบัติจริง จะสามารถ
เก็บความจาในระบบความจาระยะยาว (Long Term Memory)
2.2.3 กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ Active Learning
กิจกรรมการเรียนรู้ เป็นกระบวนการปฏิบัติต่าง ๆ ของผู้เรียนที่ก่อให้เกิด
การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ วิธีการ/กิจกรรมท่ีครูหรือผู้เกี่ยวข้อง นามาใช้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการ
เรียนรู้ตามเป้าหมายวัตถุประสงค์ สอดคล้องเช่ือมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กาหนดไว้
ในหลักสูตรสถานศึกษาโดยมีองค์ประกอบที่สาคัญของการจัดการเรียนรู้ คือ กระบวนการ/วิธีการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ที่เหมาะสม ซ่ึงจะ มีผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างแท้จริง นั่นคือกิจกรรมการเรียนรู้ มีผลต่อ
ผเู้ รียน ดังน้ี
1) กระตนุ้ ความสนใจ สนุกสนาน ตืน่ ตวั ในการเรยี น มีการเคลอื่ นไหว
2) เปดิ โอกาสให้ประสบความสาเร็จในการเรียนรู้
3) ปลูกฝงั ความเป็นประชาธปิ ไตย การใชท้ กั ษะชีวติ
4) ฝึกความรับผิดชอบ การทางานร่วมกัน ช่วยเหลือเก้ือกูลตามศักยภาพ และ
คุณลกั ษณะท่ดี ี
5) ส่งเสริมทักษะกระบวนการต่าง ๆ เช่น การคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร การ
แก้ปญั หา กระบวนการกลมุ่ การบริหารจัดการ ฯลฯ
6) ฝกึ การใช้เทคโนโลยใี ห้เกิดประโยชน์ เป็นเครื่องมอื การเรียนรตู้ ลอดชวี ิต

๑๕

7) สร้างปฏิสมั พนั ธ์ทดี่ รี ะหว่างผูเ้ รยี นกบั ผ้เู รียน กบั ครู และบุคคลท่เี ก่ยี วข้องอื่น ๆ
8) เข้าใจบทเรียนและสง่ เสริมพฒั นาการผเู้ รียนในทกุ ๆ ด้าน

ลักษณะกำรจัดกำรเรยี นรู้
1) มกี ระบวนการปฏิสมั พนั ธ์ ระหวา่ งผูส้ อนและผเู้ รยี น
2) มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนทั้ง ๓ ด้าน คือ พุทธิพิสัย (Cognitive
Domain) จติ พสิ ยั (Affective Domain) และทักษะพสิ ยั (Psychomotor Domain) (Bloom, ๑๙๕๖)
3) ผสู้ อนต้องใช้ทัง้ วิชาการ (ศาสตร)์ และทักษะ/เทคนิค (ศลิ ป์)

หลักกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้
1) เลือกประสบการณท์ ่สี อดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดการเรยี นรู้ สอดคล้อง
เช่ือมโยงกับมาตรฐานการเรียนและตัวชี้วัด หากเป็นทักษะควรเป็นทักษะท่ีปฏิบัติแล้วผู้เรียนจะเปล่ียนแปลง
พฤติกรรมไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์
2) เลือกประสบการณ์ท่ีผู้เรียนพึงพอใจ สนุก น่าสนใจ ไม่ซ้าซาก มีประโยชน์
ต่อการนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั และทาใหผ้ ้เู รยี นมเี จตคตทิ ดี่ ีตอ่ การเรียน
3) เลือกกิจกรรมท่ีเหมาะสมกับความสามารถทางด้านร่างกายของผู้เรียนที่จะ
ปฏิบัติได้ และควรคานึงถงึ ประสบการณเ์ ดิม เพือ่ จัดกจิ กรรมใหมไ่ ด้อยา่ งต่อเนื่อง
4) เปน็ กิจกรรมทีส่ ง่ เสรมิ จุดมงุ่ หมายในการจัดการเรียนรู้หลาย ๆ ด้าน
5) คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล จึงควรจัดกิจกรรมให้หลากหลาย
ใหผ้ เู้ รยี นไดใ้ ช้ประสาทสมั ผสั ในการเรยี นร้มู ากทีส่ ดุ

หลักกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้
1) สอดคล้องกับเจตนารมณข์ องหลักสูตร จุดประสงค์การจัดการเรยี นรู้ ลกั ษณะ
เน้อื หาวชิ า
๒) เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความสนใจของผู้เรียน
๓) จดั เรียงเนือ้ หาตามลาดบั ขั้นตอน
๔) ใชส้ อื่ /แหลง่ เรยี นรูท้ ่ีหลากหลายและเหมาะสม
๕) ผเู้ รียนมีส่วนร่วมในการทากิจกรรมและการประเมนิ ผล
๖) ส่งเสริมกระบวนการคิดและทกั ษะต่าง ๆ
๗) ใชเ้ ทคนคิ วธิ กี ารเรียนรูท้ หี่ ลากหลาย
๘) มีการวัดและประเมินผลอย่างหลากหลายและเหมาะสมสอดคล้องกับกจิ กรรม
๙) ผ้เู รียนมคี วามสุข มีเจตคติทด่ี ีและอยากเรยี นรู้มากขนึ้
2.2.4 การวัดและประเมนิ ผลการจัดการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ เป็นกระบวนการในการตรวจสอบ ผลการ
ดาเนินกิจกรรมว่าบรรลุตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้หรือไม่ มีส่วนใดต้องปรับปรุงแก้ไขเพ่ือพัฒนาต่อไป โดย
ประเมินท้ังกระบวนการในการจัดกิจกรรม และประเมินคุณภาพของผู้เรียน ใช้การประเมินหลากหลายวิธี
ทุกคนได้มีโอกาสในการประเมิน เช่น ครูประเมินผู้เรียน ผู้เรียนประเมินเพื่อน ผู้เรียนประเมินตนเอง วิธีการ
ในการประเมินควรถูกต้องเหมาะสมกับความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะของผู้เรียนท่ีกาหนดไว้ในเป้าหมายของ
การจดั กจิ กรรมนั้น ๆ

๑๖

2.3 กำรวัดและประเมินผลกจิ กรรมลดเวลำเรยี น เพมิ่ เวลำรู้

แผนภาพท่ี ๕ การวัดและประเมินผลกจิ กรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้

2.3.1 การวดั และประเมนิ ผลกิจกรรมลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้
กิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ เป็นกิจกรรมที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนรอบด้าน ได้แก่ การพัฒนา

สมอง (HEAD) การพัฒนาจิตใจ (Heart) การพัฒนาทักษะการปฏิบัติ (Hand) และพัฒนาสุขภาพ (Health)
โดยการออกแบบและสร้างกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติไปพร้อมๆ กับการใช้กระบวนการคิด ให้ผู้เรียน
เรยี นรอู้ ย่างมคี วามสุข ดังนัน้ การวัดและประเมินผลผู้เรียน ผู้สอนสามารถใชว้ ิธกี ารประเมนิ ดงั นี้

๑) การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) เป็นการประเมินด้วย
วิธีการท่ีหลากหลายเพื่อใหไ้ ด้ผลการประเมินท่ีสะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน จึงควรใช้การประเมิน
การปฏิบตั ิ (Performance Assessment) รว่ มกับการประเมินด้วยวธิ ีการอื่น และกาหนดเกณฑ์ในการประเมิน
(Rubrics) ให้สอดคลอ้ งหรือใกลเ้ คยี งกับชวี ิตจริง

๒) การประเมินการปฏิบัติ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมินงาน
หรือกิจกรรมที่ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติงานเพ่ือให้ทราบถึงผลการพัฒนาของผู้เรียน การประเมิน
ลักษณะน้ีผูส้ อนต้องเตรยี มส่ิงสาคญั 2 ประการ คือ ภาระงาน (Tasks) หรือเกณฑ์การประเมินกิจกรรมท่ีจะให้
ผู้เรียนปฏิบัติ (Scoring Rubrics) การประเมินการปฏิบัติ จะช่วยตอบคาถามท่ีทาให้เรารู้ว่า “ผู้เรียนสามารถ
นาสิ่งท่ีเรียนรู้ไปใช้ได้ดีเพียงใด” ดังนั้น เพ่ือให้การปฏิบัติในระดับช้ันเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สอน
ตอ้ งทาความเขา้ ใจทีช่ ัดเจนเกยี่ วกบั ประเด็นต่อไปน้ี

- ส่ิงที่เราต้องการจะวัด (พิจารณาจากมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด หรือ
ผลลพั ธ์ที่เราตอ้ งการ)

- การจดั การเรียนรู้ทเ่ี อ้ือตอ่ การประเมนิ การปฏิบัติ
- รูปแบบหรอื วิธกี ารประเมินการปฏบิ ัติ
- การสรา้ งเคร่อื งมอื ประเมนิ การปฏิบตั ิ

๑๗

- การกาหนดเกณฑใ์ นการประเมิน (Rubrics)
๓) การประเมินโดยการใช้คาถาม (Questioning) คาถามเปน็ วธิ ีหนง่ึ ในการกระตุ้น/
ช้ีแนะให้ผู้เรียนแสดงออกถึงพัฒนาการการเรียนรู้ของตนเอง รวมถึงเป็นเครื่องมือวัดและประเมินเพื่อ
พัฒนาการเรียนรู้ ดังน้ัน เทคนิคการตั้งคาถามเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน จึงเป็นเรื่องสาคัญยิ่งท่ีผู้สอน
ต้องเรียนรู้และนาไปใช้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การต้ังคาถามเพื่อพัฒนาผู้เรียนจึงเป็นกลวิธีสาคัญท่ีผู้สอน
ใช้ประเมนิ การเรียนรู้ของผู้เรยี นรวมทัง้ เป็นเครื่องสะท้อนใหผ้ ูส้ อนสามารถชว่ ยเหลือผูเ้ รียนให้บรรลุจุดมุ่งหมาย
ของการเรียนรู้
๔) การประเมินโดยการการสนทนา (Communication) เป็นการสื่อสาร 2 ทาง
อีกประเภทหน่ึงระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน สามารถดาเนินการเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ โดยทั่วไปมักใช้อย่าง
ไม่เป็นทางการ เพ่อื ติดตามตรวจสอบว่า ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรเู้ พียงใด เป็นข้อมลู สาหรับพัฒนา วธิ ีการนีอ้ าจใช้
เวลา แต่มีประโยชน์ต่อการค้นหา วินิจฉัย ข้อปัญหา ตลอดจนเรื่องอื่นๆ ท่ีอาจเป็นปัญหา อุปสรรคต่อการ
เรยี นรู้ เช่น วิธีการเรยี นรทู้ ่ีแตกตา่ งกนั เปน็ ต้น
๕) การประเมินการสังเกตพฤติกรรม (Behavioral Observation) เป็นการเก็บ
ข้อมูลจากการ ดูการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนโดยไม่ขัดจังหวะการทางานหรือการคิดของผู้เรยี น การสังเกต
พฤติกรรมเป็นสิ่ง ท่ีทาได้ตลอดเวลา แต่ควรมีกระบวนการและจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการประเมินอะไร
โดยอาจใช้เครื่องมือ เช่น แบบมาตรประมาณค่า แบบตรวจสอบรายการ สมุดจดบันทึก เพื่อประเมินผู้เรียน
ตามตัวชวี้ ดั และควรสงั เกตหลายคร้ัง หลายสถานการณ์ และหลายช่วงเวลา เพ่ือขจัดความลาเอยี ง
๖) การประเมินตนเองของผเู้ รียน (Student Self-Asessment) การประเมนิ ตนเอง
นับเป็นทั้งเคร่ืองมือประเมินและเครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ เพราะทาให้ผู้เรียนได้คิดใคร่ครวญว่า
ไดเ้ รียนร้อู ะไร เรียนรู้อยา่ งไร และผลงานทท่ี านน้ั ดแี ลว้ หรอื ยัง การประเมินตนเองจงึ เปน็ วธิ ีหน่ึงทจ่ี ะชว่ ยพัฒนา
ผู้เรยี นใหเ้ ป็นผเู้ รียนท่สี ามารถเรยี นรดู้ ้วยตนเอง
๗) การประเมนิ โดยเพ่ือน (Peer Assessment) เป็นเทคนิคการประเมินอีกรูปแบบ
หนึ่งท่ีน่าจะนาใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เข้าถึงคุณลักษณะของงานที่มีคุณภาพ เพราะการท่ีผู้เรียนจะบอกได้ว่า
ชิ้นงานน้ันเป็นเช่นไร ผู้เรียนต้องมีความเข้าใจอย่างชัดเจนก่อนว่าเขากาลังตรวจสอบอะไรในงานของเพ่ือน
ฉะน้ันผู้สอนต้องอธิบายผลท่ีคาดหวังให้ผูเ้ รยี นทราบก่อนที่จะลงมือประเมิน การทจ่ี ะสรา้ งความม่นั ใจว่าผู้เรียน
เข้าใจการประเมนิ รปู แบบนี้ ควรมกี ารฝกึ ผ้เู รยี น

2.3.2 การนาผลการประเมินกิจกรรมเพิม่ เวลาร้ไู ปใช้
การออกแบบกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ ได้ออกแบบโดยเช่ือมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้

และตัวชี้วัด ท้ังด้านความรู้ ทักษะการปฏิบัติ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เม่ือครูผู้สอนจัดกิจกรรม
เพิ่มเวลารู้และประเมินผลผู้เรียนแล้ว ผลการประเมินจะสะท้อนตัวชี้วัดเหล่านั้นได้ นอกจากน้ี ถ้าผลการ
ประเมนิ กจิ กรรมเพิ่มเวลารูส้ ะทอ้ นถึงความสามารถในการอ่าน การคดิ วิเคราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ผู้สอนสามารถนาผลการประเมินนน้ั ไปเปน็ ส่วนหนึ่งของการประเมนิ ผลได้

๑๘

3. คณุ ภำพผเู้ รยี น

แผนภาพท่ี ๖ คุณภาพผู้เรียน

จากโครงการ/กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
สามารถเรียนร้ไู ดด้ ว้ ยตนเอง และมคี วามสุขในการเรยี นอย่างแทจ้ ริง โดยมีผลลพั ธท์ ่ีเกิดขน้ึ กบั ผเู้ รยี น ดงั น้ี

๓.๑ ผู้เรียนมีความสุข หมายถึง พฤติกรรมที่ผู้เรียนมีความสนใจใฝ่เรียนรู้ มีความพึงพอใจในการ
เรียนรู้ เห็นคุณคา่ ในตนเอง โดยมพี ฤติกรรม เช่น การเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ุกครั้ง รว่ มแสดงความคิดเห็น
ย้มิ แย้มแจม่ ใส สง่ งานทีไ่ ด้รบั มอบหมายตามกาหนดทกุ คร้ัง

3.๒ มีทักษะการเรียนรู้ตามหลักสูตร หมายถึง ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

3.๓ มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ หมายถึง ความสามารถในการอ่านออก เขียนได้
คิดคานวณได้ สามารถใช้และรู้เท่าทันเทคโนโลยี มีความรู้ความเข้าใจและสามารถอยู่ร่วมในสังคมท่ีมีความ
แตกต่างทางวฒั นธรรม

3.๔ มีทกั ษะการคดิ ขั้นสงู หมายถึง ความสามารถในการวางแผน การออกแบบ การคดิ ค้น เช่น
Mind map,Graphic Organizer,Portfolio, ID plan, Info graphic การสร้างภาระงาน/ผลงาน/ชิ้นงาน
นวัตกรรม

๑๙

๓.๕ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หมายถึง พฤติกรรมตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ
หลักสูตร เช่น การมาเรียนทันเวลา การเข้าเรียน/เข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้ง ปฏิบัติงาน/ส่งงานตามกาหนด
ไม่เอาสิ่งของของคนอื่นมาเป็นของตนเอง ใช้เครื่องใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างถูกวิธีเพื่อความประหยัดและ
คุ้มค่าการป้องกันและรักษาความสะอาดของช้ันเรียน/โรงเรียน มีจิตสาธารณะในการช่วยเหลอื ผู้อ่ืนโดยไม่หวงั
ผลตอบแทน การช่วยเหลือพอ่ แม่ในการทางานบ้าน การรกั ความเปน็ ไทย

๓.๖ มีทักษะชีวิตและการทางาน หมายถึง ความสามารถในการต้ังเป้าหมาย การควบคุมตนเอง
การปรับตัว การคาดการณ์ การวางแผน การแก้ปัญหา การใช้ภาษา การใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว
และรอบคอบ

๓.๗ มีสุขนิสัยและสุขภาพท่ีพึงประสงค์ หมายถึง การรู้จักเสริมสร้างและป้องกันภาวะสุขภาพ
เช่น รักษาความสะอาดของร่างกาย กินอาหารท่ีมีประโยชน์ ออกกาลังกายสม่าเสมอ หลีกเล่ียงอบายมุขและ
สารเสพติด รา่ เริงแจ่มใส

๓.๘ มีความสามารถในการแข่งขันนานาชาติ หมายถึง ผู้เรียนมีทักษะทางวิชาการ เช่น
ความสามารถด้านภาษา สามารถสืบค้นข้อมูล คิดวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูล คิด สร้างสรรค์ผลงาน
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี สามารถในการแก้ปญั หา และสามารถสรา้ งผลงานท่เี ปน็ นวัตกรรม

๒๐

สว่ นท่ี 3

แนวทำงกำรประเมนิ และคดั เลอื กโรงเรยี นตน้ แบบลดเวลำเรียน เพ่มิ เวลำรู้ : Active Learning

การประเมนิ ผลการดาเนนิ งานโครงการ/กจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้ : Active Learning
เพื่อให้ได้โรงเรียนต้นแบบมีแนวทางสาหรับการประเมินผลการดาเนินงาน ประกอบด้วย คุณสมบัติของ
สถานศึกษาแนวปฏิบัติในการประเมินและคัดเลือก การดาเนินการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ หลักเกณฑ์การ
ประเมินโรงเรียนต้นแบบ และรางวลั ที่ไดร้ ับ มีรายละเอยี ดดังน้ี

คุณสมบัติของสถำนศึกษำ
สถานศึกษาที่มีสิทธ์ิเข้ารับการประเมินและคัดเลือกเพ่ือรับรางวัลโรงเรียนต้นแบบลดเวลาเรียน
เพ่ิมเวลารู้ : Active Learning ได้แก่ โรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ท่ีเข้าร่วม
โครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ท่ีจัดโครงการ/กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ ตามแนวการจัดการเรียนรู้
เชิงรุก (Active Learning)

แนวปฏิบัตใิ นกำรประเมินและคดั เลือก

การดาเนินการประเมินและคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active Learning

ประกอบด้วยคณะกรรมการประเมินและคัดเลือก 2 ระดับได้แก่ คณะกรรมการระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และ

คณะกรรมการระดบั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน

 คณะกรรมกำรระดับเขตพนื้ ทกี่ ำรศึกษำ มีการแตง่ ตง้ั คณะกรรมการ 2 คณะได้แก่

๑. คณะกรรมกำรอำนวยกำร ทาหน้าที่วางแผนการประเมิน กล่ันกรองผลการประเมินและ

เสนอผลไปยังสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ประกอบด้วย

1.1 ผู้อานวยการสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประธาน

1.2 รองผ้อู านวยการสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษาที่ไดร้ บั มอบหมาย รองประธาน

1.3 ผอู้ านวยการกลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา กรรมการ

1.4 ผูแ้ ทน ก.ต.ป.น. กรรมการ

1.5 ศกึ ษานิเทศก์ท่ีได้รับมอบหมาย กรรมการและเลขานุการ

2. คณะกรรมกำรประเมิน ทาหน้าที่ประเมินสถานศึกษา โดยให้ประธานคณะกรรมการ

อานวยการแต่งตง้ั คณะกรรมการประเมินสถานศกึ ษา จานวนทมี ละ 5 คน ประกอบดว้ ย

2.1 รองผอู้ านวยการสานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาที่ไดร้ บั มอบหมาย ประธาน

2.2 ผ้อู านวยการกลุ่มภายในสานักงาน กรรมการ

2.3 ผูแ้ ทน ก.ต.ป.น. เดยี วกบั คณะกรรมการอานวยการ กรรมการ

2.4 ศึกษานเิ ทศก์ กรรมการ

2.5 ศกึ ษานเิ ทศกท์ ่ีได้รับมอบหมาย กรรมการและเลขานุการ

****คณะกรรมการอานวยการ ลาดับที่ 1.3 – 1.5 และคณะกรรมการประเมิน ลาดับที่ 2.3 – 2.5 จะต้อง

ไม่ใช่บุคคลเดยี วกัน

๒๑

กำรดำเนินกำรคดั เลอื กโรงเรยี นต้นแบบ
1. ขั้นตอนการดาเนนิ งาน

1.1 ประกาศหลกั เกณฑ์การคัดเลือกโรงเรียนตน้ แบบ ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลาร้:ู Active Learning
1.2 โรงเรียนท่ีเข้าร่วมโครงการประเมินตนเองตามแบบประเมินผลการคัดเลือกโรงเรียน
ตน้ แบบส่งให้คณะกรรมการประเมนิ
1.3 คณะกรรมการประเมินพิจารณาคะแนนผลการประเมินตนเองของโรงเรยี น โดยตรวจสอบ
ข้อมูลการดาเนินการ จากเอกสารประเมินตนเอง และลงพ้ืนที่เชิงประจักษ์ เพื่อคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ
ทีม่ ีคะแนนสูงสดุ 3 ลาดบั
1.4 คณะกรรมการอานวยการ คัดเลอื กโรงเรยี นตน้ แบบฯ ระดับเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา จานวน
1 โรงเรียน เสนอ สพฐ.
2. วิธีการประเมินและคัดเลือก
2.1 ให้โรงเรียนดาเนินการประเมินตนเองตามคู่มือการดาเนินงานโรงเรียนต้นแบบ ลดเวลาเรียน
เพม่ิ เวลารู้ : Active Learning ทุกข้นั ตอน
2.2 คณะกรรมการประเมินตรวจสอบความถกู ตอ้ งของคะแนนการประเมนิ ชื่อสถานศึกษา
ที่ตง้ั และข้อมลู สว่ นอื่นใหถ้ กู ต้องครบถ้วน ดาเนนิ การคดั เลอื กและเสนอช่อื โรงเรยี นต้นแบบทม่ี ผี ลการประเมนิ
อยใู่ นระดับสูงสุด 3 ลาดับตอ่ คณะกรรมการอานวยการ
2.3 คณะกรรมการอานวยการ กล่ันกรองผลการประเมินผลการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ
ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้: Active Learning ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาจานวน 1 โรงเรียนและเสนอผลไปยัง
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน
2.4 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พิจารณาคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบจาก
โรงเรียนท่ีผ่านการคัดเลือกเป็นโรงเรียนต้นแบบระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประกาศผลการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ
ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้ : Active Learning ระดับสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน จานวน 20 โรงเรยี น

หลักเกณฑ์กำรประเมินโรงเรียนตน้ แบบ
1. องคป์ ระกอบในกำรประเมนิ วธิ กี ำรประเมินและเครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ในกำรประเมิน

ในการประเมินโรงเรียนตน้ แบบตามเกณฑท์ ีก่ าหนด ในคมู่ อื ฉบบั นไี้ ด้กาหนดใหม้ ีการประเมิน
ในลักษณะมิติคุณภาพ ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ด้าน คือ ด้านการบริหารจัดการโครงการ ด้านการ
ออกแบบการจัดกิจกรรม และด้านคุณภาพผู้เรียน ท้ัง 3 องค์ประกอบ มีประเด็นพิจารณาสาหรับใช้ในการ
ประเมิน วธิ กี ารประเมิน และเครื่องมือทใ่ี ช้ในการประเมินทีส่ อดคล้องกนั ดังตารางท่ี 1

๒๒

ตำรำงที่ 1 องค์ประกอบในการประเมนิ วธิ ีการประเมิน และเครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการประเมนิ

องคป์ ระกอบ ประเด็นพิจำรณำ วิธกี ำรประเมนิ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้
ในกำรประเมิน ในกำรประเมิน

1. ด้านการบรหิ าร 1.1 การขบั เคลอื่ นนโยบาย 1. เอกสารการประเมิน แบบประเมินของ

จดั การโครงการ 1.2 สง่ เสริม สนับสนุนใหค้ รพู ฒั นา ตนเอง สพฐ.

นวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ ลดเวลาเรยี น 2. เชงิ ประจกั ษ์

เพิม่ เวลารู้ : Active Learning (สภาพจริง)

1.3 ประสานและแสวงหาแหลง่ เรียนรนู้ อก

สถานศึกษา ภูมิปัญญาต่าง ๆ และความ

รว่ มมือกับชมุ ชน

1.4 นเิ ทศ กากบั ตดิ ตามการจัดการกจิ กรรม

เพม่ิ เวลารู้

1.5 สะท้อนผลการดาเนนิ

โครงการ และนาผลไปใชใ้ นการ

ปรับปรุงพฒั นา

2. ดา้ นการ 2.1 วเิ คราะห์ผูเ้ รยี นเป็นรายบคุ คล 1. เอกสารการประเมิน แบบประเมินของ

ออกแบบการ 2.2 วเิ คราะหห์ ลักสตู ร ตนเอง สพฐ.

จัดกจิ กรรม 2.3 จัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ : 2. เชงิ ประจักษ์

Active Learning (7 หลักการสาคัญ) (สภาพจริง)

2.4 สรา้ งแรงจูงใจการจัดกจิ กรรมเชงิ

บรู ณาการ

2.5 แลกเปล่ยี นเรียนรู้ สะท้อนผล ปรบั ปรุง

และพัฒนา

3. ด้านคุณภาพ 3.1 ผูเ้ รยี นมีความสขุ (เช่น การสังเกต การ 1. เอกสารการประเมิน แบบประเมินของ

ผู้เรยี น สะทอ้ นผลหลงั การจดั กิจกรรม) ตนเอง สพฐ.

3.2 มที กั ษะการเรียนร้ตู ามที่หลกั สูตร 2. เชงิ ประจกั ษ์

กาหนด (สภาพจรงิ )

3.3 มที กั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

3.4 มที ักษะการคดิ ขั้นสงู

3.5 มีคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์

3.6 มีทักษะชีวิตและการทางาน

3.7 มสี ุขนสิ ัยและสุขภาพท่ีพึงประสงค์

3.8 มีความสามารถในการแข่งขันนานาชาติ

๒๓

2. ระดับคุณภำพ คำอธิบำยระดบั คุณภำพ เพื่อใชใ้ นกำรประเมนิ
จากองคป์ ระกอบ และประเดน็ พิจารณาสาหรบั ใชใ้ นการประเมนิ นามากาหนดคาอธิบาย

ระดับคุณภาพ ตามเกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics) ในแตล่ ะดา้ น ดังนี้

ดำ้ นท่ี 1 กำรบริหำรจดั กำรโครงกำร
กำรบริหำรจัดกำรโครงกำร หมายถึง การขับเคล่ือนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ท่ีมีความ

สอดคล้องกบั พ้ืนที่และบริบท ส่งเสรมิ สนบั สนุนให้ครู มีนวตั กรรมการเรียนรู้ ประสานและแสวงหาแหล่งเรียนรู้
และมีการนิเทศ ติดตามผล เพอื่ ส่งเสริมคณุ ภาพผ้เู รยี น

1.1 กำรขับเคลอื่ นนโยบำย
การขบั เคลือ่ นนโยบาย หมายถงึ การดาเนินงานท่แี สดงใหเ้ หน็ ถงึ การกาหนดผู้รบั ผิดชอบการ

ทางานอย่างชัดเจน มีการสร้างความเข้าใจในการนานโยบายสู่การปฏิบัติ มีการวางแผนการดาเนินงาน
โครงการมีการติดตาม พร้อมท้ังวัดและประเมินผลการจัดกิจกรรมระหว่างการดาเนินโครงการ จนถึงเสร็จส้ิน
การดาเนินการ ตลอดจนมสี รุปรายงานผลการดาเนินโครงการ

ระดับ คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ หลกั ฐำน/ร่องรอย
5
สถานศกึ ษามีการดาเนินงานท่ีแสดงใหเ้ ห็นถงึ การขับเคลอ่ื น - แผนการจัดกิจกรรม
ยอดเยย่ี ม
โครงการท่ีมีประสิทธภิ าพ โดยกาหนดผรู้ บั ผิดชอบการทางานอย่าง Active Learning
4
ดีเลิศ ชดั เจน สรา้ งความเขา้ ใจในการนานโยบายสู่การปฏิบัติ วาง - แผนการดาเนิน

3 แผนการดาเนินงานโครงการนิเทศ ติดตาม พรอ้ มทั้งวัดและ โครงการ/กจิ กรรม
ดี
ประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมระหวา่ งการดาเนินโครงการจนถึงเสรจ็ - คาสง่ั การปฏิบตั ิ
2 สนิ้ การดาเนินการ รวมทั้งสรปุ รายงานผลการดาเนนิ โครงการท่ี หนา้ ท่ี
ปานกลาง สะท้อนให้เห็นความสาเรจ็ ท่ีเป็นแบบอย่างได้ - บนั ทึกการประชมุ

สถานศกึ ษามีการดาเนินงานท่ีแสดงใหเ้ หน็ ถงึ การขับเคลอ่ื น - รายงานสรปุ ผลการ
โครงการ ท่มี ีประสทิ ธิภาพ โดยกาหนดผ้รู ับผิดชอบการทางาน ขับเคลือ่ นโครงการ
อยา่ งชัดเจน สรา้ งความเขา้ ใจในการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ฯลฯ
วางแผน

การดาเนินงานโครงการนิเทศ ตดิ ตาม พร้อมท้ังวัดและประเมนิ ผล

การจดั กิจกรรมระหวา่ งการดาเนนิ โครงการ จนถึงเสร็จสิน้ การ

ดาเนินการ รวมทงั้ สรุปรายงานผลการดาเนินโครงการ

สถานศกึ ษามีการดาเนินงานที่แสดงใหเ้ หน็ ถึงการขบั เคลื่อน

โครงการ โดยกาหนดผู้รับผดิ ชอบการทางานอย่างชดั เจน สร้าง

ความเข้าใจในการนานโยบายส่กู ารปฏิบตั ิ วางแผนการดาเนนิ งาน

โครงการนิเทศ ติดตาม พร้อมทัง้ วัดและประเมินผลการจดั

กิจกรรมเม่ือส้นิ การดาเนินการ รวมทงั้ สรปุ รายงานผลการดาเนิน

โครงการ

สถานศึกษามีการดาเนินงานที่แสดงให้เหน็ ถงึ การขับเคล่ือนโครงการ

โดยกาหนดผรู้ บั ผิดชอบการทางานอย่างชัดเจน วางแผนการ

๒๔

ระดบั คำอธบิ ำยระดับคณุ ภำพ หลกั ฐำน/ร่องรอย

1 ดาเนินงานโครงการนิเทศ ติดตาม พร้อมท้ังวดั และประเมินผลการจัด
กาลงั พฒั นา กจิ กรรมเมื่อส้ินการดาเนินการ รวมทงั้ สรปุ รายงานผลการดาเนิน
โครงการ

สถานศึกษามีการดาเนินงานท่ีแสดงให้เห็นถึงการขับเคล่ือน
โครงการ โดยมกี ารวางแผนการดาเนนิ งานโครงการ ติดตาม พรอ้ ม
ท้ังวัดและประเมินผลการจัดกิจกรรมเม่ือส้ินการดาเนินการ
รวมทง้ั สรปุ รายงานผลการดาเนนิ โครงการ

1.2 ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูพัฒนำนวัตกรรมกำรจัดกำรเรียนรู้ ลดเวลำเรียน เพิ่มเวลำรู้ :
Active Learning

ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ :

Active Learning หมายถึง ครูมีการจัดการเรียนรู้ ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ : Active Learning ด้วยวิธีการ

ใหม่ๆ หรือการพฒั นาต่อยอด เพ่ือส่งผลให้ผ้เู รยี นมคี วามสุข มีทักษะการเรียนร้ตู ามทหี่ ลักสตู รกาหนด มีทักษะ

การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 มที กั ษะการคิดขั้นสูง มีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มีทกั ษะชวี ติ และการทางาน

มีสขุ นิสยั และสขุ ภาพท่ีพึงประสงค์ และมีความสามารถในการแข่งขนั นานาชาติ

ระดับ คำอธิบำยระดบั คุณภำพ หลกั ฐำน/ร่องรอย
5 สง่ เสรมิ สนบั สนุนใหค้ รูพฒั นานวตั กรรมการจัดการเรยี นรู้ แบบ
Active Learning ด้วยวธิ กี ารใหม่ๆ หรอื การพัฒนาต่อยอด ที่ - แผนการจัดกิจกรรม
ยอดเยี่ยม สง่ ผลและแสดงให้เห็นถึงผู้เรียนมีความสุข มีทกั ษะการเรยี นรู้ Active Learning
ตามที่หลกั สูตรกาหนด มที ักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 มี - ชน้ิ งานนวตั กรรมครู
4 ทกั ษะการคดิ ขน้ั สูง มีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มที ักษะชีวติ
ดเี ลิศ และการทางาน มสี ุขนสิ ัยและสขุ ภาพท่ีพึงประสงค์ และมี - รายงานผลการจัด
ความสามารถในการแขง่ ขนั นานาชาติ อยา่ งชดั เจนครบทุก กจิ กรรม
3 ประเดน็ - รายงานการ
ดี สง่ เสริม สนบั สนนุ ให้ครพู ัฒนานวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ แบบ สัมภาษณ์
Active Learning ดว้ ยวธิ ีการใหมๆ่ หรือการพฒั นาต่อยอด ที่ - รายงานการสงั เกต
ส่งผลและแสดงให้เหน็ ถึงผเู้ รยี นมีความสุข มีทกั ษะการเรยี นรู้ พฤติกรรม
ตามทห่ี ลักสูตรกาหนด มที ักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มี - รูปภาพ วดิ ทิ ัศน์
ทักษะการคิดขั้นสงู มีคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มที ักษะชวี ิต กิจกรรม
และการทางาน มสี ุขนสิ ยั และสุขภาพที่พงึ ประสงค์ และมี - ผลงานของนักเรียน
ความสามารถในการแขง่ ขันนานาชาติ อยา่ งชัดเจนไมค่ รบทุก ช้ินงาน/ภาระงาน
ประเดน็ รางวัล/
ประกาศนยี บตั ร/
สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้ครพู ัฒนานวตั กรรมการจัดการเรียนรู้ แบบ วฒุ บิ ตั ร
Active Learning ด้วยวิธีการใหมๆ่ หรอื การพฒั นาต่อยอด ที่ ฯลฯ
สง่ ผลและแสดงให้เหน็ ถึงผเู้ รยี นมีความสุข มีทกั ษะการเรยี นรู้

๒๕

ระดบั คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ หลักฐำน/ร่องรอย

ตามที่หลกั สตู รกาหนด มีทักษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 มี

ทกั ษะการคิดขนั้ สงู มีคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มที ักษะชวี ิต

และการทางาน มีสุขนิสยั และสขุ ภาพท่ีพึงประสงค์ และมี

ความสามารถในการแข่งขันนานาชาติ แตร่ ายละเอียดขาดความ

ชัดเจนหลายประเดน็

2 ส่งเสริม สนบั สนุนใหค้ รูพฒั นานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ แบบ
ปานกลาง Active Learning ด้วยวธิ ีการใหมๆ่ หรอื การพฒั นาต่อยอด ท่ี
ส่งผลและแสดงให้เห็นถึงผ้เู รยี นมีความสุข มีทกั ษะการเรียนรู้
1 ตามทห่ี ลกั สูตรกาหนด มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มี
กาลังพัฒนา ทกั ษะการคดิ ขน้ั สูง มีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มที ักษะชีวติ
และการทางาน มสี ุขนสิ ัยและสขุ ภาพท่ีพงึ ประสงค์ และมี
ความสามารถในการแข่งขนั นานาชาติ แต่รายละเอยี ดขาดความ
ชดั เจนทุกประเด็น

ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ แบบ
Active Learning ด้วยวิธีการใหม่ๆ หรือการพัฒนาต่อยอด ที่
ส่งผลและแสดงให้เห็นถึงผู้เรียนมีความสุข มีทักษะการเรียนรู้
ตามที่หลักสูตรกาหนด มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มี
ทักษะการคิดขั้นสูง มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะชีวิต
และการทางาน มีสุขนิสัยและสุขภาพที่พึงประสงค์ และมี
ความสามารถในการแขง่ ขนั นานาชาติ ไม่ครบทกุ ประเด็น

1.3 ประสำนและแสวงหำแหล่งเรียนรู้นอกสถำนศึกษำ ภูมิปัญญำต่ำงๆ และควำมร่วมมือกับ
ชมุ ชน

ประสานและแสวงหาแหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา ภูมิปัญญาต่างๆ และความร่วมมือกับ
ชุมชน หมายถึง การดาเนินงานท่ีแสดงให้เห็นถึงการสารวจ การประสานความร่วมมือเพ่ือใช้แหล่งเรียนรู้ การ
ได้รับการสนับสนุนให้ใช้แหล่งเรียนรู้ ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ที่อยู่ใน
ท้องถิน่ รวมทง้ั ร่วมวางแผนการจัดกจิ กรรมกับภาครัฐ เอกชน และชมุ ชน ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน ปราชญช์ าวบ้าน
เพื่อใช้แหล่งเรียนรู้ ในท้องถิ่นอย่างต่อเน่ือง ตลอดจนมีการต่อยอดกิจกรรมสู่การประกอบอาชีพ การเข้าร่วม
แข่งขนั ในระดบั ชาติ นานาชาติ และมกี ารเผยแพรป่ ระชาสัมพันธส์ สู่ าธารณชน

ระดบั คำอธิบำยระดบั คณุ ภำพ หลักฐำน/รอ่ งรอย

5 สถานศกึ ษามีการดาเนินงาน ประสานความรว่ มมอื เพือ่ ใช้แหลง่ - ทาเนียบ/ทะเบยี น
ยอดเยีย่ ม เรยี นรู้ ไดร้ บั การสนบั สนนุ ให้ใช้แหลง่ เรยี นรู้ ภาครฐั เอกชน และ รายชอื่
ชุมชน ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ ปราชญช์ าวบ้าน ท่อี ยูใ่ นท้องถิน่ รวมทงั้ - แผนยุทธศาสตร์
รว่ มวางแผนการจดั กิจกรรม เพ่อื ใช้แหลง่ เรยี นรู้ ในท้องถนิ่ อย่าง แผนการดาเนนิ งาน

๒๖

ระดับ คำอธิบำยระดับคุณภำพ หลักฐำน/รอ่ งรอย

4 ตอ่ เน่อื ง ตลอดจนมีการต่อยอดกจิ กรรมสู่การประกอบอาชีพ การ - แผนการจดั กิจกรรม
ดเี ลิศ
เข้าร่วมแขง่ ขัน ในระดับชาติ นานาชาติ และมีการเผยแพร่ Active Learning
3
ดี ประชาสัมพันธส์ ู่สาธารณชน - ผลงานของนกั เรียน

2 - บันทึกผลการ
ปานกลาง
ประชุม
1
กาลงั พัฒนา - รปู ภาพ วดิ ทิ ศั น์

ฯลฯ

สถานศกึ ษามีการดาเนินงาน ประสานความร่วมมอื เพ่อื ใช้แหลง่

เรยี นรู้ ไดร้ บั การสนบั สนุนให้ใชแ้ หล่งเรียนรู้ ภาครัฐ เอกชน และ

ชมุ ชน ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ปราชญ์ชาวบ้าน ท่ีอยใู่ นท้องถ่ิน รวมทงั้

รว่ มวางแผนการจดั กิจกรรม เพอ่ื ใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ ในท้องถ่ินอยา่ ง

ตอ่ เนอื่ ง ตลอดจนมีการต่อยอดกจิ กรรมสู่การประกอบอาชีพ หรือ

การเขา้ รว่ มแขง่ ขนั ในระดับชาติ นานาชาติ และมีการเผยแพร่

ประชาสัมพนั ธส์ สู่ าธารณชน

สถานศึกษามีการดาเนนิ งาน ประสานความร่วมมอื เพ่ือใช้แหล่ง

เรียนรู้ ไดร้ บั การสนบั สนนุ ให้ใช้แหล่งเรยี นรู้ ภาครฐั เอกชน และ

ชุมชน

ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ ปราชญ์ชาวบ้าน ท่ีอยใู่ นท้องถ่ิน รวมทง้ั ร่วมวาง

แผนการจดั กิจกรรม เพื่อใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ ในทอ้ งถ่นิ อยา่ งต่อเนอื่ ง

ตลอดจนมีการต่อยอดกจิ กรรมสู่การประกอบอาชพี และหรือการ

เข้าร่วมแขง่ ขนั ในระดับชาติ นานาชาติ แตข่ าดการเผยแพร่

ประชาสมั พันธ์สสู่ าธารณชน

สถานศกึ ษามีการดาเนินงาน ประสานความร่วมมือเพ่อื ใชแ้ หลง่

เรยี นรู้ ได้รับการสนบั สนุนใหใ้ ชแ้ หล่งเรยี นรู้ ภาครัฐ เอกชน และ

ชุมชน ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ปราชญ์ชาวบา้ น ทีอ่ ย่ใู นท้องถิ่น และ

หรือร่วมวางแผนการจัดกจิ กรรม เพือ่ ใช้แหล่งเรยี นรู้ ในทอ้ งถ่ิน

อยา่ งต่อเนอื่ ง ตลอดจนมีการตอ่ ยอดกจิ กรรมส่กู ารประกอบอาชีพ

สถานศึกษามีการดาเนินงาน ประสานความร่วมมือเพ่ือใช้แหล่ง

เรียนรู้ และหรือได้รับการสนับสนุนให้ใช้แหล่งเรียนรู้ ภาครัฐ

เอกชน และชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ที่อยู่ใน

ท้องถ่ิน และหรือร่วมวางแผนการจดั กิจกรรม เพ่ือใช้แหล่งเรียนรู้

ในท้องถ่ินอย่างต่อเนื่อง และหรือมีการต่อยอดกิจกรรมสู่การ

ประกอบอาชพี

๒๗

1.4 นิเทศ กำกับ ติดตำมกำรจดั กำรกิจกรรมเพ่ิมเวลำรู้ : Active Learning
นิเทศ กากับ ติดตามการจัดการกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ : Active Learning หมายถึง การดาเนินงาน

ท่ีแสดงให้เห็นถึงการมอบหมาย แต่งตั้งผู้รับผิดชอบการนิเทศอย่างชัดเจน มีแผนการนิเทศ กากับ ติดตาม
มกี ารดาเนนิ การตามแผน มีการทบทวนหลงั การปฏบิ ัติการนิเทศ และมีการนาผลการนิเทศไปใชป้ รบั ปรงุ พัฒนา

ระดบั คำอธิบำยระดับคณุ ภำพ หลักฐำน/ร่องรอย
5
สถานศกึ ษาดาเนินงานนิเทศ กากบั ติดตามการจัดการกิจกรรม - คาส่ังการปฏิบัติ
ยอดเยีย่ ม
แบบ Active Learning ทีแ่ สดงให้เหน็ ถึงการมอบหมาย แต่งตงั้ หนา้ ท่ี
4
ดีเลศิ ผรู้ บั ผดิ ชอบการนเิ ทศอยา่ งชัดเจน มีแผนการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม - แผนการนิเทศ

3 ดาเนนิ การตามแผน ทบทวนหลงั การปฏิบัติการนิเทศ และนาผล กากับ
ดี
การนเิ ทศไปใช้ปรบั ปรุงพฒั นาอยา่ งต่อเนอื่ ง ตดิ ตาม
2
ปานกลาง - เครอ่ื งมือการ

1 สถานศกึ ษาดาเนินงานนิเทศ กากบั ติดตามการจัดการกิจกรรม ประเมนิ ผล
กาลงั พัฒนา
แบบ Active Learning ทีแ่ สดงใหเ้ ห็นถงึ การมอบหมาย แตง่ ต้งั - รายงานผลการนิเทศ

ผรู้ ับผดิ ชอบการนเิ ทศอย่างชัดเจน มีแผนการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม

ดาเนินการตามแผน ทบทวนหลงั การปฏบิ ตั กิ ารนิเทศ และนาผล

การนิเทศไปใช้ปรบั ปรุงพฒั นา

สถานศกึ ษาดาเนินงานนิเทศ กากบั ติดตามการจดั การกิจกรรม

แบบ Active Learning ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถึงการมอบหมาย แต่งตง้ั

ผรู้ บั ผิดชอบการนเิ ทศอย่างชัดเจน มีแผนการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม

ดาเนินการตามแผน ทบทวนหลงั การปฏิบตั กิ ารนิเทศ และหรอื มี

การนาผลการนเิ ทศไปใชป้ รบั ปรงุ พัฒนา

สถานศึกษาดาเนินงานนิเทศ กากับ ติดตามการจัดการกิจกรรม

แบบ Active Learning ที่แสดงให้เห็นถึงการมอบหมาย แต่งต้ัง

ผ้รู ับผิดชอบการนิเทศอย่างชัดเจน มีแผนการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม

ดาเนินการตามแผน และหรือทบทวนหลังการปฏิบัติการนิเทศ

และหรอื มกี ารนาผลการนเิ ทศไปใช้ปรบั ปรุงพัฒนา

สถานศกึ ษาดาเนินงานนิเทศ กากับ ตดิ ตามการจดั การกิจกรรม

แบบ Active Learning ทแ่ี สดงให้เหน็ ถงึ แผนการนิเทศ กากบั

ตดิ ตาม ดาเนนิ การตามแผน และหรือทบทวนหลงั การปฏิบัติการ

นิเทศ และหรือมีการนาผลการนเิ ทศไปใชป้ รับปรุงพัฒนา

1.5 สะทอ้ นผลกำรดำเนนิ โครงกำร และ นำผลไปใชใ้ นกำรปรับปรงุ พัฒนำ
สะท้อนผลการดาเนินโครงการและนาผลไปใช้ในการปรับปรุงพฒั นา หมายถึง การดาเนินงานที่

แสดงให้เห็นถึงการกาหนดแผนการทบทวนการปฏิบัติงานขับเคลื่อนโครงการฯ มีการทบทวนการปฏิบัติงาน
และมีการสะท้อนการขับเคลื่อนโครงการในภาพรวม ตลอดจนมีการนาผลไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนา และ
สรุปภาพความสาเร็จของโครงการ

๒๘

ระดับ คำอธิบำยระดับคุณภำพ หลกั ฐำน/รอ่ งรอย
5
สถานศกึ ษาสะทอ้ นผลการดาเนนิ โครงการและนาผลไปใชใ้ นการ - แผนการทบทวนการ
ยอดเย่ยี ม
ปรบั ปรุงพัฒนา โดยแสดงให้เหน็ ถงึ การกาหนดแผนการทบทวน ปฏิบตั ิงานขบั เคลอื่ น
4
ดีเลศิ การปฏบิ ัตงิ านขับเคลอื่ นโครงการฯ การทบทวนการปฏบิ ัติงาน โครงการฯ

3 การสะท้อนการขับเคล่ือนโครงการในภาพรวม การนาผลไปใช้ใน - รายงานผล
ดี
การปรับปรงุ พฒั นา และสรุปภาพความสาเรจ็ ของโครงการอยา่ ง ความสาเรจ็ ของ
2
ปานกลาง ชดั เจน และเป็นแบบอย่าง สามารถสรา้ งเครือข่ายได้อย่างมี โครงการ

1 ประสทิ ธิภาพ
กาลังพัฒนา
สถานศึกษาสะท้อนผลการดาเนนิ โครงการและนาผลไปใช้ในการ

ปรับปรงุ พฒั นา โดยแสดงให้เหน็ ถงึ การกาหนดแผนการทบทวน

การปฏิบัตงิ านขบั เคลอ่ื นโครงการฯ การทบทวนการปฏิบัติงาน

การสะท้อนการขับเคล่ือนโครงการในภาพรวม การนาผลไปใชใ้ น

การปรับปรงุ พฒั นา และสรปุ ภาพความสาเร็จของโครงการอย่าง

ชัดเจนไม่ครบทุกประเด็น

สถานศึกษาสะท้อนผลการดาเนินโครงการ โดยแสดงใหเ้ หน็ ถึงการ

กาหนดแผนการทบทวนการปฏิบัติงานขับเคลื่อนโครงการฯ การ

ทบทวนการปฏิบัติงาน การสะท้อนการขับเคล่ือนโครงการใน

ภาพรวม การนาผลไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนา และหรือสรุปภาพ

ความสาเรจ็ ของโครงการ

สถานศกึ ษาสะทอ้ นผลการดาเนนิ โครงการ โดยแสดงใหเ้ ห็นถงึ การ

กาหนดแผนการทบทวนการปฏบิ ัติงานขบั เคล่ือนโครงการฯ การ

ทบทวนการปฏบิ ตั งิ าน การสะท้อนการขับเคลอ่ื นโครงการใน

ภาพรวม และหรอื การนาผลไปใชใ้ นการปรับปรงุ พัฒนา และหรือ

สรปุ ภาพความสาเร็จของโครงการ

สถานศกึ ษาสะท้อนผลการดาเนินโครงการ โดยแสดงให้เห็นถึงการ

กาหนดแผนการทบทวนการปฏิบัติงานขับเคลื่อนโครงการฯ การ

ทบทวนการปฏิบัติงาน และหรือการสะท้อนการขับเคล่ือน

โครงการในภาพรวม และหรือการนาผลไปใช้ในการปรับปรุง

พัฒนา และหรือสรุปภาพความสาเรจ็ ของโครงการ

ด้ำนที่ 2 กำรออกแบบกจิ กรรมกำรจดั กิจกรรม
การออกแบบการเรียนการจัดกิจกรรม เป็นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลาง

การศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีเน้นผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรม (Active Learning) คิดวิเคราะห์
ทางานเป็นทีม สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง และทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 โดยผ่านการจัด
กิจกรมการเรียนรู้ Active Learning

๒๙

2.1 วิเครำะหผ์ เู้ รยี นเปน็ รำยบุคคล
ครูวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การสังเกตพฤติกรรมการ

เรียน การทดสอบและการประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม Active Learning ฯลฯ โดยศึกษาและวิเคราะห์
ศักยภาพและความต้องการในการเรียนรแู้ ละปฏิบัติกิจกรรม นาข้อมูลสารสนเทศของผเู้ รียนมาวางแผนการจัด
กจิ กรรมที่เนน้ การมสี ่วนร่วมของผเู้ กีย่ วขอ้ งทกุ ฝ่าย

ระดบั คำอธบิ ำยระดบั คณุ ภำพ หลักฐำน/ร่องรอย
5
วิเคราะห์ผู้เรียนเปน็ รายบุคคลด้วยวิธีการท่หี ลากหลาย โดยศกึ ษา - ข้อมลู ผ้เู รียนเป็น
ยอดเยี่ยม
และวิเคราะห์ศกั ยภาพและความตอ้ งการในการเรยี นรูแ้ ละปฏบิ ตั ิ รายบคุ คล
4
ดเี ลศิ กจิ กรรม และนาข้อมลู สารสนเทศของผู้เรียนมาวางแผนการจดั - แบบสงั เกต

3 กิจกรรมโดยเน้นการมีสว่ นร่วมของผเู้ กี่ยวข้อง พฤตกิ รรมการเรยี น
ดี
วเิ คราะหผ์ ู้เรียนเป็นรายบุคคลด้วยวิธีการทห่ี ลากหลาย โดยศึกษา - แบบทดสอบวดั
2 และวเิ คราะห์ศกั ยภาพและความตอ้ งการในการเรยี นรูแ้ ละปฏบิ ตั ิ ผลสมั ฤทธิท์ างการ
ปานกลาง
กจิ กรรม และนาข้อมูลสารสนเทศของผเู้ รยี นมาวางแผนการจัด เรียน
1
กาลังพฒั นา กิจกรรม - แบบประเมินผลการ

วิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลด้วยวิธกี ารท่ีหลากหลาย โดยศึกษา ปฏิบัตกิ ิจกรรม
และวิเคราะห์ศักยภาพและความต้องการในการเรียนรู้และปฏิบัติ Active Learning
ฯลฯ
กิจกรรม

ศกึ ษาศกั ยภาพและความต้องการของผเู้ รียนเป็นรายบคุ คล โดยไม่

เน้นวิธีการศึกษาท่ีหลากหลาย

ไม่มกี ารศึกษาและวิเคราะห์ศกั ยภาพและความต้องการของผู้เรียน

เป็นรายบุคคลก่อนการจัดกิจกรรม Active Learning

๓๐

2.2 วเิ ครำะห์หลักสตู ร
มีการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551และฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2560 ของ
แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิด ความรู้/ความคิดรวบยอด (Knowledge) ทักษะ/การปฏิบัติ
(P : Performance) และคุณลักษณะ (Attribute) สู่การออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย
เพ่ือพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตร ที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning)
ตามความแตกตา่ งระหว่างบุคคลของผูเ้ รียน

ระดบั คำอธิบำยระดับคุณภำพ หลักฐำน/ร่องรอย
5
วิเคราะหม์ าตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั สมรรถนะสาคญั และ - ผลการวิเคราะห์
ยอดเย่ยี ม
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ัน หลักสตู ร
4
ดีเลิศ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551และฉบับปรบั ปรุงพุทธศักราช 2560 - แผนการจัดกิจกรรม

3 โดยนาขอ้ มลู มาออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรูท้ หี่ ลากหลาย Active Learning
ดี
เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นตามหลกั สูตร ทีเ่ นน้ ให้ผู้เรยี นได้เรียนรู้ - ช้ินงาน/ภาระงาน
2
ปานกลาง ดว้ ยการลงมอื ปฏิบัตจิ รงิ (Active Learning) - ผลงานของนักเรียน

1 วิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั สมรรถนะสาคญั และ ฯลฯ
กาลงั พัฒนา
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ัน

พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551และฉบับปรับปรงุ พุทธศักราช 2560

โดยนาข้อมลู มาออกแบบการจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ห่ี ลายหลาย

เพ่อื พฒั นาคุณภาพผู้เรยี นตามหลกั สูตร

วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญ และ

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน

พื้นฐาน พุทธศักราช 2551และฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2560

โดยนาขอ้ มูลมาออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

วิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด สมรรถนะสาคญั และ

คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั

พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551และฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช 2560

ไม่มีการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญ

และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา

ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551และฉบับปรับปรุงพุทธศักราช

2560

๓๑

2.3 จัดกิจกรรมท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยกำรลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning
7 หลักกำรสำคญั )

ออกแบบกิจกรรมการเรียนรทู้ เ่ี นน้ การปฏิบัติจรงิ (Active learning) โดยมกี ารเชอื่ มโยง
ตัวชี้วัด จัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนรู้ เพ่ือพัฒนาผู้เรียนอย่างมีความสุข ตอบสนองความสนใจ ความถนัด ผู้เรียนได้
วางแผน และเรยี นรูร้ ว่ มกันเปน็ ทีม ทางานอยา่ งเป็นระบบ ใชแ้ หล่งเรียนรู้ ภูมิปญั ญา และเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง ที่สอดคล้องกับชีวิตประจาวันของผู้เรียน อาทิ ทักษะการคิดขั้นสูงจาก
การลงมือปฏิบัติ ทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต และเกิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีพร้อมสู่การเป็นพลเมืองท่ีมี
คุณภาพ ในศตวรรษที่ 21

ระดับ คำอธบิ ำยระดับคณุ ภำพ หลกั ฐำน/รอ่ งรอย
5
ออกแบบกิจกรรมการเรยี นรูท้ ี่เนน้ การปฏิบัตจิ ริง (Active - แผนการจดั กจิ กรรม
ยอดเย่ยี ม
learning) โดยมกี ารเชอ่ื มโยงตัวช้ีวดั จัดกจิ กรรมที่ใหผ้ เู้ รยี นรู้อยา่ ง Active Learning
4
ดเี ลิศ มีความสุข ตอบสนองความสนใจ ความถนัด ผู้เรียนได้วางแผน - แบบบันทึกผลการ

3 และเรียนร้รู ่วมกนั เปน็ ทีม ทางานอย่างเป็นระบบ ใช้แหลง่ เรียนรู้ จัดกิจกรรม
ดี
ภมู ิปญั ญา และเทคโนโลยสี ารสนเทศ มกี ารวัดและประเมนิ ผลตาม - ชน้ิ งาน/ภาระงาน

สภาพจรงิ - ผลงานของนักเรียน

ออกแบบกจิ กรรมการเรียนรูท้ ี่เน้นการปฏบิ ัติจริง (Active - รูปภาพ วิดิทศั น์

learning) โดยมีการเชอ่ื มโยงตวั ชี้วัด จดั กิจกรรมทใี่ ห้ผู้เรยี นร้อู ย่าง กจิ กรรม
มีความสขุ ตอบสนองความสนใจ ความถนัด ผ้เู รยี นได้วางแผน ฯลฯ

และเรยี นรรู้ ่วมกันเปน็ ทมี ทางานอยา่ งเปน็ ระบบ ใช้แหล่งเรยี นรู้

ภมู ปิ ญั ญา และเทคโนโลยสี ารสนเทศ

ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติจริง ( Active

learning) โดยมกี ารเชอ่ื มโยงตวั ช้วี ัด จัดกิจกรรมท่ีให้ผ้เู รียนรอู้ ย่าง

มีความสุข ตอบสนองความสนใจ ความถนัด ผู้เรียนได้วางแผน

และเรยี นรรู้ ว่ มกันเปน็ ทมี และทางานอย่างเปน็ ระบบ

2 ออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีเน้นการปฏบิ ตั จิ รงิ (Active
ปานกลาง learning) โดยมกี ารเชือ่ มโยงตัวชว้ี ัด จัดกิจกรรมทใี่ หผ้ ้เู รยี นรอู้ ย่าง
มีความสขุ ตอบสนองความสนใจและความถนัด
1
กาลงั พัฒนา ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีไม่ได้เน้นการปฏิบัติจริง (Active
learning)

๓๒

2.4 กำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ Active Learning เพื่อสรา้ งแรงจูงใจผู้เรียน ดว้ ยการจัดกจิ กรรมการรู้
แบบบรู ณาการหรือกิจกรรมอนื่ ๆ ที่สอดคล้องเหมาะสมกบั บริบทของพื้นที่

การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ Active Learning เพือ่ สรา้ งแรงจูงใจผู้เรยี น ครผู ้สู อนตอ้ งมีกิจกรรมท่ี
กระตุ้นให้ผ้เู รยี นไดเ้ รียนร้จู ากการลงมือปฏบิ ัติ แสวงหาความรู้ สรา้ งบรรยากาศทเี่ สริมสร้างทักษะกระบวนการ
ในการเรียนรู้ ผ่านการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่เช่ือมโยงกับชีวิตจริงและผู้เรียนสามารถนาวิธีการจาก
กจิ กรรมไปใช้ในการแกป้ ญั หาในชีวติ ประจาวัน

ระดบั คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ หลกั ฐำน/ร่องรอย
5
จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ Active Learning ที่เน้นการสร้างแรงจงู ใจ - แผนการจัดกิจกรรม
ยอดเยี่ยม
ผูเ้ รยี น มกี จิ กรรมท่ีกระตุ้นให้ผเู้ รยี นได้แสวงหาความรู้ จัดการ Active Learning
4
ดีเลิศ เรยี นรแู้ บบบรู ณาการ หรอื กจิ กรรมอนื่ ๆ ทีส่ อดคล้องเหมาะสม - บนั ทึกผลการจดั

3 กบั บริบทของพื้นท่ี โดยเชอ่ื มโยงกับชีวิตจรงิ และผเู้ รยี นสามารถนา กิจกรรม
ดี
2 วิธีการจากกิจกรรมไปใช้ในการแกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวัน - ชน้ิ งาน/ภาระงาน
ปานกลาง
1 จดั กิจกรรมการเรียนรู้ Active Learning ท่ีเน้นการสร้างแรงจงู ใจ - ผลงานของนักเรยี น
กาลงั พฒั นา ผูเ้ รยี น มกี ิจกรรมที่กระตนุ้ ให้ผู้เรียนไดแ้ สวงหาความรู้ และจดั การ - รูปภาพ วดี ทิ ศั น์

เรยี นรู้แบบบรู ณาการท่เี ช่ือมโยงกบั ชวี ติ จรงิ กจิ กรรม

จัดกิจกรรมการเรียนรู้ Active Learning ท่ีเน้นการสร้างแรงจูงใจ ฯลฯ

ผเู้ รียน มีกิจกรรมทกี่ ระตุน้ ใหผ้ ูเ้ รียนไดแ้ สวงหาความรู้

จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ Active Learning สรา้ งแรงจูงใจผ้เู รียน

และมีกจิ กรรมท่ีกระตนุ้ การเรียนรู้

จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่เป็นไปตามแนวคิด Active Learning

และนกั เรยี นเรียนรู้จากการฟงั บรรยาย

2.5 แลกเปลย่ี นเรียนรู้ สะทอ้ นผล ปรบั ปรงุ และพฒั นำ
การแลกเปล่ียนเรียนรู้ สะท้อนผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นการปฏิบัติจริง (Active

learning) เพอ่ื นาผลมาปรบั ปรงุ และพัฒนาการจัดการเรยี นรู้

ระดบั คำอธบิ ำยระดับคณุ ภำพ หลักฐำน/ร่องรอย
5
ครูและผู้มีสว่ นเกี่ยวข้องใช้กระบวนการ PLC รว่ มกันแลกเปลี่ยน - ปฏทิ นิ การ
ยอดเยีย่ ม
เรียนรู้ สะทอ้ นผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ นาผลมาปรับปรงุ ดาเนินงาน PLC
4
ดีเลิศ และพัฒนาการจดั การเรียนรู้ที่เน้นการปฏบิ ตั ิจรงิ (Active - บนั ทึกผลการจดั
3
ดี Learning) กิจกรรม PLC

ครแู ละผูม้ ีส่วนเกย่ี วข้องใชก้ ระบวนการ PLCรว่ มกนั แลกเปลยี่ น - รปู ภาพ วดิ ีทัศน์
กิจกรรม PLC
เรียนรู้ สะท้อนผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ครูและผู้มีส่วนเก่ียวข้องร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้ และสะท้อนผล ฯลฯ

การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

๓๓

ระดบั คำอธิบำยระดบั คุณภำพ หลักฐำน/ร่องรอย

2 ครรู ่วมกันแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ และสะท้อนผลการจัดกจิ กรรม
ปานกลาง การเรยี นรู้

1 ครูไม่มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ และสะท้อนผลการจัดกิจกรรม
กาลงั พฒั นา การเรียนรู้

ดำ้ นท่ี 3 ด้ำนคุณภำพผ้เู รียน

๓.๑ ผู้เรยี นมคี วามสุข
ผู้เรียนมีความสุข หมายถึง พฤติกรรมของผู้เรียนท่ีแสดงออกถึงความพึงพอใจในการ

เข้าร่วมทากิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ได้แก่ ความสนใจ ความร่าเริงเบิกบาน การเข้าร่วมกิจกรรมอย่าง
สมา่ เสมอ เปน็ ต้น

ร้อยละของผู้เรียนมีความสุข หมายถึง ร้อยละของผู้เรียนในสถานศึกษาท่ีผ่านการประเมิน
ผู้เรียนมคี วามสขุ

ระดับ คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ หลักฐำน/รอ่ งรอย
รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของผเู้ รยี นมคี วามสขุ
5 - แผนการจัดกจิ กรรม
ยอดเย่ียม รอ้ ยละ ๗๐ – ๗๙ ของผูเ้ รียนมีความสขุ - รายงานความพงึ
พอใจ
4 รอ้ ยละ ๖๐ – ๖๙ ของผเู้ รียนมีความสุข - รายงานการ
ดเี ลิศ สมั ภาษณ์
ร้อยละ ๕๐ – ๕๙ ของผเู้ รยี นมคี วามสุข - ภาพกิจกรรม
3 - รายงานโครงการจัด
ดี ร้อยละ ๐ – ๔๙ ของผู้เรียนมีความสุข กจิ กรรม

2 - การสงั เกต
ปานกลาง
พฤติกรรม
1
กาลงั พัฒนา

๓๔

๓.๒ มที กั ษะกำรเรยี นรตู้ ำมทีห่ ลกั สูตรกำหนด
ทักษะการเรียนรตู้ ามที่หลกั สูตรกาหนด หมายถึง ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถ

ในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ร้อยละของผู้เรียนที่มีทักษะ หมายถงึ ร้อยละของผ้เู รียนที่มีทกั ษะการเรียนรตู้ ามทหี่ ลักสตู ร

กาหนดจากผลการประเมนิ ในภาพรวมของสถานศึกษา

ระดบั คำอธิบำยระดบั คุณภำพ หลักฐำน/รอ่ งรอย
รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของผู้เรียนที่มีทักษะการเรยี นรู้
5 - ปพ.5
ยอดเยีย่ ม รอ้ ยละ ๗๐ – ๗๙ ของผเู้ รยี นที่มีทกั ษะการเรียนรู้ - รายงานโครงการ/
กิจกรรม สัมภาษณ์
4 ร้อยละ ๖๐ – ๖๙ ของผู้เรียนทีม่ ที ักษะการเรียนรู้ สังเกต แผนการ
ดีเลิศ จัดการเรยี นรู้ หรอื
รอ้ ยละ ๕๐ – ๕๙ ของผูเ้ รียนท่ีมีทักษะการเรียนรู้ อืน่ ๆ
3
ดี ร้อยละ ๐ – ๔๙ ของผู้เรยี นทีม่ ีทักษะการเรยี นรู้

2
ปานกลาง

1
กาลังพฒั นา

๓.๓ มที ักษะกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑
ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ หมายถึง ทักษะ ๓ Rs ประกอบด้วย ๑) การอ่านออก

(Reading) ๒) การเขียนได้ (Writing) และ๓) การคิดเลขเป็น (Arithmetic) และทักษะ ๘ Cs ประกอบด้วย
๑) ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving Skill) ๒) ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creative and Innovation Skill) ๓) ทักษะด้าน
การเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding Skill) ๔) ทักษะด้านความ
ร่วมมือ การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นา (Collaboration Teamwork and Leadership Skill) ๕) ทักษะ
ด้านการสื่อสาร สารสนเทศและรู้เท่าทันส่ือ (Communication, Information and Media Literacy Skill)
๖) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy Skill)
๗) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning Skill) และ ๘) ความมีเมตตา กรุณา วินัย
คุณธรรม จริยธรรม (Compression)

ร้อยละของนักเรียนที่ผ่านการประเมินทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑ หมายถึง ร้อยละ
ของนักเรียนในสถานศกึ ษาทีผ่ ่านการประเมนิ ทักษะการเรยี นร้แู ห่งศตวรรษท่ี ๒๑

๓๕

ระดบั คำอธิบำยระดับคณุ ภำพ หลกั ฐำน/รอ่ งรอย
5 รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของผู้เรียนที่ผ่านการประเมินทักษะการ
เรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 - รายงานสรปุ ผลการ
ยอดเย่ยี ม รอ้ ยละ ๗๐ – ๗๙ ของผูเ้ รยี นที่ผา่ นการประเมินทักษะการเรยี นรู้ ประเมนิ คณุ ลักษณะ
4 ในศตวรรษท่ี 21 อันพงึ ประสงค์
ดีเลิศ ร้อยละ ๖๐ – ๖๙ ของผ้เู รยี นท่ีผา่ นการประเมนิ ทักษะการเรยี นรู้ - รายงานสรปุ ผลการ
3 ในศตวรรษที่ 21 ประเมนิ การอา่ น
ดี รอ้ ยละ ๕๐ – ๕๙ ของผู้เรียนที่ผา่ นการประเมนิ ทักษะการเรยี นรู้ คดิ วเิ คราะห์และ
2 ในศตวรรษท่ี 21 เขียน
- รายงานสรุปผลการ
ปานกลาง ร้อยละ ๐ – ๔๙ ของผูเ้ รยี นที่ผ่านการประเมินทักษะการเรียนรู้ ประเมินกิจกรรม
ในศตวรรษที่ 21
1 พัฒนาผูเ้ รยี น
กาลังพัฒนา
- การสัมภาษณ์

- การสงั เกต
พฤติกรรม
- ภาพกิจกรรม

๓.๔ มีทักษะกำรคดิ ข้ันสูง

ทักษะการคิดข้ันสูง หมายถึง ความสามารถและความชานาญในการวางแผนการทางาน
การแสวงหาความรู้ การแกป้ ญั หาและการสรา้ งสรรค์นวัตกรรม

ผลการประเมินทักษะการคิดขั้นสูงโดยภาพรวมของสถานศึกษา เป็นผลการประเมินท่ี
ทุกสถานศึกษาดาเนินการประเมินสรุปทุกโครงการและกิจกรรมการเรยี นรู้ นาเสนอโดยภาพรวมและภาพยอ่ ย
ในทกั ษะการคดิ ช้ันสูงทีไ่ ดจ้ ากการประเมิน นาเสนอเป็นร้อยละ

ระดับ คำอธบิ ำยระดบั คุณภำพ หลกั ฐำน/รอ่ งรอย

5 ร้อยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของผลการประเมินทักษะการคดิ ขนั้ สูงโดย - แผนการดาเนนิ
ยอดเยี่ยม ภาพรวมของสถานศึกษา โครงการ/กิจกรรม/
แผนการจดั การ
4 รอ้ ยละ ๗๐ – ๗๙ ของผลการประเมนิ ทักษะการคิดข้นั สงู โดย เรยี นรู้
ดีเลศิ ภาพรวมของสถานศึกษา - บนั ทึกการประชมุ
- เคร่ืองมือการ
3 รอ้ ยละ ๖๐ – ๖๙ ของผลการประเมินทักษะการคดิ ขน้ั สูงโดย ประเมนิ ผล
ดี ภาพรวมของสถานศึกษา - คาส่งั การปฏบิ ตั งิ าน

2 ร้อยละ ๕๐ – ๕๙ ของผลการประเมนิ ทักษะการคิดข้นั สงู โดย - ผลการประเมิน
ปานกลาง ภาพรวมของสถานศึกษา ทักษะชนั้ สงู
- ภาพถ่าย/รปู ภาพ
1 รอ้ ยละ ๐ – ๔๙ ของผลการประเมินทักษะการคิดขั้นสูงโดย ฯลฯ
กาลังพัฒนา ภาพรวมของสถานศึกษา

๓๖

๓.๕ มีคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์
คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ หมายถึง คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลาง

การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ จานวน ๘ ประการ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย
ใผ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะที่ผู้เรียนผ่านการประเมิน
คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์

ร้อยละของนักเรียนท่ีผ่านการประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์เป็นร้อยละของนักเรียนใน
สถานศึกษาทผี่ ่านการประเมินคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์

ระดบั คำอธิบำยระดบั คณุ ภำพ หลักฐำน/ร่องรอย

5 ร้อยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของผู้เรียนที่ผา่ นการประเมนิ คุณลักษณะ - รายงานการประเมนิ
ยอดเย่ียม ท่ีพงึ ประสงค์ โครงการ/กจิ กรรม
รอ้ ยละ ๗๐ – ๗๙ ของผเู้ รยี นทีผ่ ่านการประเมินคุณลักษณะ - ภาพกิจกรรม
4 ท่ีพึงประสงค์
ดีเลิศ
รอ้ ยละ ๖๐ – ๖๙ ของผู้เรียนทผี่ ่านการประเมนิ คุณลกั ษณะ
3 ทพ่ี ึงประสงค์
ดี ร้อยละ ๕๐ – ๕๙ ของผ้เู รยี นท่ีผา่ นการประเมินคุณลกั ษณะ
2 ทีพ่ งึ ประสงค์
ปานกลาง
ร้อยละ ๐ – ๔๙ ของผเู้ รยี นที่ผา่ นการประเมินคุณลักษณะ
1 ที่พงึ ประสงค์
กาลงั พฒั นา

๓.๖ ทักษะชีวิตและกำรทำงำน
ทกั ษะชีวติ และการทางาน หมายถงึ ความสามารถในการตงั้ เปา้ หมาย ควบคุมตนเอง

ปรบั ตัวคาดการณ์ วางแผน ความคดิ รเิ ริ่ม และการแก้ปญั หาได้อยา่ งคล่องแคล่ว
ร้อยละของการมีทักษะชีวิตและการทางาน หมายถึง ร้อยละของผู้เรียนในสถานศึกษาที่

ผา่ นการประเมนิ การมที ักษะชวี ิตและการทางาน

ระดับ คำอธิบำยระดบั คณุ ภำพ หลักฐำน/รอ่ งรอย
รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของผูเ้ รียนที่มีทกั ษะชวี ิตและการทางาน
5 - แผนการจดั กิจกรรม
ยอดเยี่ยม ร้อยละ ๗๐ – ๗๙ ของผเู้ รยี นทีม่ ีทกั ษะชีวติ และการทางาน - รายงานการ
สมั ภาษณ์
4 รอ้ ยละ ๖๐ – ๖๙ ของผู้เรยี นท่มี ที ักษะชีวติ และการทางาน - รายงานการสงั เกต
ดเี ลศิ พฤติกรรม
รอ้ ยละ ๕๐ – ๕๙ ของผู้เรยี นทมี่ ีทักษะชวี ิตและการทางาน - รายงานโครงการจดั
3 กจิ กรรม
ดี ร้อยละ ๐ – ๔๙ ของผเู้ รยี นที่มีทักษะชวี ติ และการทางาน - ภาพกจิ กรรม

2
ปานกลาง

1
กาลงั พัฒนา

๓๗

๓.๗ มสี ุขนิสยั และสขุ ภำพที่พึงประสงค์

สุขนิสัยและสุขภาพที่พึงประสงค์ หมายถึง การรู้จักเสริมสร้างและป้องกันภาวะสุขภาพ
เช่น รักษาความสะอาดของร่างกาย กินอาหารท่ีมีประโยชน์ ออกกาลังกายสม่าเสมอ หลีกเล่ียงอบายมุข
และสารเสพติด ร่าเริงแจม่ ใส เป็นตน้

การผ่านเกณฑก์ ารประเมิน หมายถงึ การผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ของผเู้ รยี นผ่านการวัดผลการ
จัดกิจกรรมตามวตั ถุประสงค์ท่ีสถานศึกษากาหนดไว้

ระดบั คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ หลักฐำน/รอ่ งรอย
รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของผู้เรยี นทผี่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน
5 - แผนการจดั กิจกรรม
ยอดเยยี่ ม รอ้ ยละ ๗๐ – ๗๙ ของผูเ้ รยี นที่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน - รายงานการประเมนิ
โครงการ/กจิ กรรม
4 ร้อยละ ๖๐ – ๖๙ ของผเู้ รียนท่ีผา่ นเกณฑ์การประเมนิ - ภาพกิจกรรม
ดีเลศิ ฯลฯ
ร้อยละ ๕๐ – ๕๙ ของผู้เรยี นทผ่ี า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
3
ดี ร้อยละ ๐ – ๔๙ ของผู้เรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ

2
ปานกลาง

1
กาลังพฒั นา

๓.๘ ควำมสำมำรถในกำรแข่งขนั นำนำชำติ

ความสามารถในการแขง่ ขนั นานาชาติ หมายถึง ผลลพั ธ์ของกระบวนการดาเนนิ งานของ

สถานศึกษาท่ีแสดงถึงความสามารถในการเพ่ิมศักยภาพการแข่งขันนานาชาติด้านการบริหารสถานศึกษาและ

พัฒนาครูด้วยการมีส่วนร่วม การพัฒนาผู้เรียนด้านสมอง จิตใจ ทักษะปฏิบัติและสุขภาพครอบคลุมตามบริบท

ทอ้ งถ่นิ ภูมิปัญญา บรู ณาการเทคโนโลยตี ่อยอดสู่นวัตกรรมที่ยอมรับนานาชาติ

ผลลัพธ์ ประกอบด้วย รายงานผลความสาเร็จของการดาเนินการ ผลการดาเนินงานการ

แข่งขันนานาชาติร้อยละของเป้าหมายรายปี ตามแผนยุทธศาสตร์ และผลงานเป็นท่ียอมรับในเวทีการแข่งขัน

นานาชาติ

ระดับ คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ หลกั ฐำน/ร่องรอย

5 มี 4 ผลงาน/ผลลพั ธ์ หรอื มากกว่า - แผนการจัดกิจกรรม

ยอดเยีย่ ม - รายงานการประเมนิ

4 มี 3 ผลงาน/ผลลัพธ์ โครงการ/กิจกรรม

ดีเลิศ - ชิ้นงานนวตั กรรม

3 มี 2 ผลงาน/ผลลพั ธ์ - ผลงาน/รางวัล/

ดี ประกาศนยี บัตร/
วฒุ ิบัตร
2 มี 1 ผลงาน/ผลลัพธ์
- ภาพกจิ กรรม
ปานกลาง

1 ไม่มีผลงานเข้ารว่ ม ฯลฯ

กาลังพฒั นา

๓๘

แบบบนั ทึกกำรประเมินดำ้ นกำรบรหิ ำรจดั กำรโครงกำร
ด้ำนกำรออกแบบกำรจัดกิจกรรม และดำ้ นคุณภำพผเู้ รียน

ระดบั คุณภำพ

องค์ประกอบในกำรประเมนิ 5 4 3 2 1 น้ำหนกั

และประเด็นพิจำรณำ ยอด ดเี ลศิ ดี ปำน กำลงั คะแนน

เยี่ยม กลำง พัฒนำ

1. ด้ำนกำรบรหิ ำรจดั กำรโครงกำร 30

1.1 การขับเคลื่อนนโยบาย 6

1.2 สง่ เสรมิ สนบั สนุนให้ครพู ัฒนานวตั กรรมการ 6

จดั การเรยี นรู้ ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้ : Active

Learning

1.3 ประสานและแสวงหาแหล่งเรียนรนู้ อก 6

สถานศึกษา ภูมปิ ญั ญาตา่ ง ๆ และความร่วมมอื

กับชุมชน

1.4 นเิ ทศ กากับ ติดตามการจัดการกิจกรรม 6

ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้

1.5 สะท้อนผลการดาเนนิ โครงการ และนาผลไปใชใ้ น 6

การปรบั ปรงุ พัฒนา

คะแนนเฉลี่ยดำ้ นกำรบริหำรจดั กำรโครงกำร

2. ดำ้ นกำรออกแบบกำรจัดกิจกรรม 30

2.1 วิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบคุ คล 6

2.2 วิเคราะหห์ ลักสูตร 6

2.3 จดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ : Active 6
Learning (7 หลกั การสาคญั )
6
2.4 สร้างแรงจูงใจการจดั กจิ กรรมเชิงบูรณาการ 6
2.5 แลกเปล่ยี นเรียนรู้ สะท้อนผล ปรับปรุงและ
40
พฒั นา 5
คะแนนเฉลี่ยดำ้ นกำรออกแบบกำรจัดกิจกรรม
3. ด้ำนคุณภำพผู้เรยี น 5
3.1 ผู้เรยี นมคี วามสขุ (เช่น การสงั เกต การสะท้อนผล 5
หลงั การจัดกิจกรรม) 5
3.2 มที กั ษะการเรยี นรตู้ ามท่ีหลักสูตรกาหนด 5
3.3 มีทกั ษะการเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี 21 5

3.4 มที กั ษะการคดิ ขั้นสงู
3.5 มีคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์
3.6 มีทักษะชีวติ และการทางาน

๓๙

องค์ประกอบในกำรประเมนิ ระดบั คุณภำพ
และประเด็นพจิ ำรณำ 5 4 3 2 1 นำ้ หนกั
ยอด ดเี ลศิ ดี ปำน กำลัง คะแนน
3.7 มสี ขุ นิสยั และสขุ ภาพท่ีพึงประสงค์ เย่ียม กลำง พัฒนำ
3.8 มคี วามสามารถในการแข่งขนั นานาชาติ
5
คะแนนเฉล่ยี ด้ำนคณุ ภำพผูเ้ รยี น
คะแนนเฉลยี่ รวมทัง้ ๓ ด้ำน 5

3. กำรคดั เลอื กโรงเรียนต้นแบบ

คณะกรรมกำรระดับเขตพน้ื ทกี่ ำรศกึ ษำ
3.1 คณะกรรมการประเมินนาผลการให้คะแนนมาพิจารณา และจัดลาดับคะแนนรวมตาม
องค์ประกอบ 3 ด้าน จากคะแนนมากทีส่ ดุ ไปหาน้อยทส่ี ดุ และคัดเลือกโรงเรียน ใน 3 ลาดบั แรกเป็นโรงเรียน
ต้นแบบ ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ : Active Learning เสนอช่ือโรงเรียนต่อคณะกรรมการอานวยการเพื่อ
พิจารณาในขนั้ ตอนต่อไป โดยมรี ะดับคะแนนดังนี้

1) คะแนนเฉล่ียในแต่ละด้ำน ไมต่ ่ำกว่ำ 3.50
2) คะแนนเฉลยี่ รวมท้ัง 3 ดำ้ น ไม่ตำ่ กวำ่ 4.00
3.2 คณะกรรมการอานวยการพิจารณาตัดสินผลการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ ลดเวลาเรียน
เพ่ิมเวลารู้: Active Learning ถือเป็นที่สิ้นสุด และประกาศผลการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบระดับเขตพ้ืนที่
การศึกษา จานวน 1 โรงเรยี นเสนอสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานในลาดับตอ่ ไป

๔๐

 คณะกรรมกำรระดับสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน มีการแต่งต้ัง
คณะกรรมการ 1 คณะ ได้แก่

คณะกรรมการกล่ันกรองและตัดสนิ ผลการคดั เลือก ทาหนา้ ทกี ลั่นกรองผลการประเมินและ
คัดเลือกโรงเรยี นต้นแบบ ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้ : Active Leaning

๑. พจิ ำรณำกลนั่ กรองโรงเรยี นต้นแบบระดับเขตพื้นท่กี ำรศึกษำ
เขตละ 1 โรงเรียน ใหเ้ หลอื 30 โรงเรียน ครอบคลมุ ทุก
ภูมภิ ำค

2. ประเมินเชงิ ประจกั ษ์โรงเรียนท่ไี ดร้ บั กำรคัดเลือก

3. ตัดสินผลกำรคดั เลือกโรงเรียนตน้ แบบ
ไม่น้อยกวำ่ 20 โรงเรียน

4. เสนอผลกำรคัดเลอื ก และประกำศ

แผนภาพท่ี 7 ข้ันตอนการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ ระดับสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน

รำงวลั ท่ีไดร้ ับ
1. เกยี รตบิ ตั ร สพฐ. โรงเรยี นตน้ แบบระดบั เขตพ้นื ที่การศึกษา เขตละ 1 โรงเรยี น
2. โล่รางวลั สพฐ. โรงเรยี นต้นแบบระดับ สพฐ. จานวน 20 โรงเรียน
๓. โรงเรียนที่ผ่านการคดั เลอื กโรงเรยี นต้นแบบโครงการ/กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้ :

Active Learning นาเสนอผลงานทเี่ ปน็ เลศิ พร้อมกบั ถอดประสบการณ์ทปี่ ระสบผลสาเร็จ

๔๑

บรรณำนุกรม

ศูนย์พัฒนาการนิเทศและเร่งรัดคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2559). แนวทำงกำรนิเศกำรจัดกิจกรรม
กำรเรียนรู้เพื่อพัฒนำ 4H. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกษา.

สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (2557). แนวปฏิบัติกำรวดั ผลและประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พื้นฐำน พทุ ธศกั รำช 2551. พิมพ์คร้ังท่ี 4. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .

_________. (2559). ค่มู ือบริหำรจัดกำรเวลำเรียน ตำมนโยบำย “ลดเวลำเรียน เพิ่มเวลำรู้” พิมพ์คร้ังที่ 1.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด.

สมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย. (2560). พระบรมรำโชบำยดำ้ นกำรศึกษำ ของสมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ ัว
รัชกำลที่ 10. จาก http://www.attth.org/พระบรมราโชบายการศกึ ษา. สบื ค้นเมื่อ 1 เมษายน 2562.

สานกั ทดสอบทางการศกึ ษา. (2561). แนวทำงกำรประเมินคณุ ภำพตำมมำตรฐำนกำรศกึ ษำระดับปฐมวัย
ระดบั กำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน และระดับกำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำนศนู ย์กำรศกึ ษำพเิ ศษ. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากัด.

Krathwohl, D. R. (2002). “A Revision of Bloom’s Taxonomy : An Overview.” Theory into
Practice. 41 NO. 4. 212-218. (online) Available : http://www.unco.edu/cetl/sir/

Stating_outcome/documents/Krathwohl.pdf.

๔๒

ทปี่ รกึ ษำ คณะผจู้ ัดทำ

1. นางสุกัญญา งามบรรจง เชยี่ วชาญพเิ ศษด้านพัฒนาหนังสอื และส่ืออ่ืน ๆ
2. นางสาวนิจสุดา อภินนั ทาภรณ์ ผู้อานวยการสานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา

ผรู้ บั ผดิ ชอบ รองผอู้ านวยการสานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา
1. นางพรพรรณ โชตพิ ฤกษวนั นักวชิ าการศกึ ษาชานาญการ สวก.
2. นางสาวนันทพร โชตจิ ิตเิ ศรษฐ

คณะทำงำนจัดทำแนวทำงกำรคดั เลอื กโรงเรียนตน้ แบบ ลดเวลำเรียน เพมิ่ เวลำรู้ : Active Learning

ระหว่ำงวันที่ 31 มีนำคม – 2 เมษำยน 2562 ณ โรงแรมกำนต์มณี พำเลซ กรุงเทพมหำนคร

1. รองศาสตราจารยพ์ รชัย หนูแกว้ คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั กาญจนบรุ ี

2. ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์กรัณยุพล ววิ รรธมงคล คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบรุ ี

3. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ศภุ ลักษณ์ สตั ยเ์ พรศิ พราย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั กาญจนบรุ ี

4. ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยแ์ สงเดือน เจริญฉมิ คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์

มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน

5. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยร์ ุจริ าพร รามศริ ิ โรงเรยี นสาธิตแหง่ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

วิทยาเขตกาแพงแสน

6. นางสาวพนดิ า จารย์อุปการะ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏกาญจนบรุ ี

7. นางสาวทัศนยี ์ ทองไชย ครู โรงเรยี นโพธ์ไิ ทรพิทยาคาร สพม. 29

8. นายนรา ตรธี ัญญา รองผู้อานวยการโรงเรียนแกง้ คร้อวิทยา สพม. 30

9. นางสาวพชิ ญ์ญาณ์ พานะกิจ ครู โรงเรยี นวดั ราษฎร์รงั สรรค์ สพป.สมุทรสาคร

10. นางเพชรี ชัยมลู ศึกษานเิ ทศก์ สพป. เลย เขต 3

11. นายบุญยฤทธ์ิ ปยิ ะศรี ศกึ ษานเิ ทศก์ สพม.เขต 30

12. นางตติญา กาญจะนะกันโห ครู โรงเรยี นสกลราชวทิ ยานุกลู สพม. เขต 23

13. นายวรวทิ ย์ ไชยวงศค์ ต ครู โรงเรยี นเจริญศลิ ป์ศกึ ษา “โพธค์ิ าอนุสรณ์”

สพม. เขต 23

14. นางสาวติ รี ทดั พนิ จิ ครู โรงเรยี นศรีกระนวนวทิ ยาคม สพม. เขต 25

15. นางสาวสมพร สามทองกลา่ ผู้อานวยการกลมุ่ วิจยั และพฒั นานวตั กรรมการจดั

การเรียนการสอน สนก.

16. นางสดใส นิยมจนั ทร์ ผ้อู านวยการกลมุ่ ติดตามฯ ภาคกลาง

และกรุงเทพมหานคร สตผ.

17 นางสาวอังคณา เหวา่ วิทย์ นกั วชิ าการศกึ ษาชานาญการพิเศษ สตผ.

18 นายชชั วาลย์ ไชยบุญญานุภาพ นักวชิ าการศกึ ษาชานาญการพเิ ศษ สตผ.

19 นางปณชิ า นัยเพียร นกั วิชาการศกึ ษาชานาญการพิเศษ สตผ.

20 นางบวั บาง บุญอยู่ ศกึ ษานเิ ทศก์ ชว่ ยปฏบิ ตั ิราชการ

หน่วยศึกษานเิ ทศก์ สพฐ.

๔๓

21 นางรวภิ ทั ร เหลา่ ค้มุ ศกึ ษานิเทศก์ ชว่ ยปฏิบตั ริ าชการ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ สพฐ.
22 นางณฐมน คุนิรตั น์ ศึกษานิเทศก์ ชว่ ยปฏิบัติราชการ
หนว่ ยศกึ ษานเิ ทศก์ สพฐ.
23 นางหทั ยา เขม็ เพช็ ร ศึกษานเิ ทศก์ สพม. เขต 5
24 นางสาวธัญรดี พากเพยี ร ศกึ ษานิเทศก์ชานาญการพเิ ศษ สพม. เขต 41
25 นางสาวกรษิ ฐา เจริญเลิศ นกั วชิ าการศกึ ษาชานาญการ สตผ.
26 นางสาวไพรวรรณ ตระกูลชยั ชนะ นกั วชิ าการศกึ ษาชานาญการ สนก.
27 นายภูริวจั น์ วงค์เลย นักวชิ าการศกึ ษาปฏบิ ัติการ สนก.
28 นางสาวนาราทิพย์ ทองโสภา นักวิชาการศึกษาปฏบิ ัตกิ าร สตผ.
29 นางสาวฉตั รชนก จนั ทร์แย้ม นักวิชาการศึกษาปฏบิ ัตกิ าร สตผ.
29 นางพรพรรณ โชตพิ ฤกษวัน รองผูอ้ านวยการสานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา
30 นายณฐั พล ตันเจริญทรพั ย์
31 นายประชา ออ่ นรักษา ผูอ้ านวยการกลุ่มพเิ ศษการกีฬา สวก.
32 นางสาวนันทพร โชติจิติเศรษฐ
33 นางสาวอัญชลี มงิ่ แก้ว นักวชิ าการศกึ ษาชานาญการพเิ ศษ สวก.
34 นางสาวมนัสนนั ท์ นนั ทพิ ัฒนสกลุ
35 นางศรนิ ทร ตง้ั หลกั ชัย นักวชิ าการศกึ ษาชานาญการ สวก.
36 นายอภชิ ัย หาญกล้า
นักวชิ าการศึกษาปฏบิ ตั กิ าร
เจา้ พนักงานพสั ดปุ ฏิบตั งิ าน

เจา้ พนกั งานธุรการชานาญงาน

พนักงานจา้ งเหมาบริการ

คณะทำงำนบรรณำธิกำรกิจเอกสำรแนวทำงกำรคัดเลือกโรงเรียนตน้ แบบ ลดเวลำเรยี น เพิ่มเวลำรู้ : Active

Learning ระหว่ำงวันที่ 4 – 7 มถิ นุ ำยน 2562 ณ โรงแรมเบลลำ บี อำเภอบำงกรวย จังหวัดนนทบุรี

1 รองศาสตราจารยพ์ รชยั หนูแกว้ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั กาญจนบรุ ี

2 ผู้ชว่ ยศาสตราจารยก์ รณั ยพุ ล วิวรรธมงคล คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั กาญจนบุรี

3 ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ศุภลักษณ์ สตั ยเ์ พริศพราย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏกาญจนบรุ ี

4. นายวฑิ ูรย์ ชัง่ โต ผู้อานวยการกลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมินผล

การจดั การศกึ ษา สพป. สมุทรปราการ เขต 2

5. นายบญุ ยฤทธ์ิ ปิยะศรี ศึกษานเิ ทศก์ สพม.เขต 30

6. นางพรพรรณ โชตพิ ฤกษวัน รองผ้อู านวยการสานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา

7. นายณฐั พล ตันเจริญทรัพย์ ผูอ้ านวยการกลุ่มพเิ ศษการกีฬา สวก.
8. นางสาวอังคณา เหวา่ วิทย์ นกั วชิ าการศึกษาชานาญการพเิ ศษ สตผ.
9. นางสาวนันทพร โชติจติ เิ ศรษฐ นักวิชาการศึกษาชานาญการ สวก.


Click to View FlipBook Version