The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สรุปเนื้อความผิดเกี่ยวกับการก่อให้
เกิดภยันตรายกับประชาชน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by paohm234, 2022-09-15 14:59:28

ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายกับประชาชน

สรุปเนื้อความผิดเกี่ยวกับการก่อให้
เกิดภยันตรายกับประชาชน

ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้
เกิดภยันตรายกับประชาชน

ความผิดเกี่ยวกับการทำให้เกิดเพลิงไหม้หรือ
ทำให้เกิดระเบิด มาตรา 217-225

นาย อาฤทธิ์ หาญณรงค์
รหัสนิสิต 641081428

คำนำ

วิชากฎหมายอาญาภาคความผิดเล่มนี้จัดทำขึ้นมาเพื่อสรุป เนื้อหา
เกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชนจากตำรา
เรียนและแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือในปัจจุบันโดยเน้นมาตราและคำพิพากษา
ฎีกาทำให้หนังสือเล่นนี้มีเนื้อหาที่สมบูรณ์และตรงประเด็นการศึกษาจาก
หนังสือเล่มนี้

เนื่องจากหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับ
การก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชนจึงเหมาะแก่ใช้อ่านเพื่อความเข้าใจได้
ภายในเวลาไม่นาน และเหมาะสำหรับการอ่านทบทวน

ท้ายนี้ หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์แก่นักศึกษาที่ชอบอ่าน
หนังสือทบทวนบทเรียน หากหนังสือเล่มนี้มีข้อผิดพลาดประการใดทางผู้จัด
ทำต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สารบัญ หน้า
1
ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายกับประชาชน 1
1.ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น 1
3
1.1 ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์กรณีทั่วไป 8
1.2 เหตุฉรรจ์ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น

1.3 ความผิดฐานตระเตรียมการวางเพลิงเอาทรัพย์ 10
2.ความผิดฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้จนน่าจะเป็นอันตราย 12
แก่บุคคลหรือทรัพย์

3.ความผิดเกี่ยวกับการกระทำให้เกิดระเบิด 12
3.1 ความผิดฐานกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตราย

แก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น 14
3.2 ความผิดฐานกระทำให้เกิดระเบิดจนเกิดอันตราย 16
แก่ทรัพย์ของผู้อื่น 18
4.เหตุที่ทำให้รับโทษน้องลง 20
5.ผลที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้น
6.ความผิดฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท

1

ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายกับประชาชน

ความผิดเกี่ยวกับการทำให้เกิดเพลิงไหม้
หรือทำให้เกิดระเบิด มาตรา 217-225

1.ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น

1.1 ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์กรณีทั่วไป
บทบัญญัติ
มาตรา 217 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษ

องค์ประกอบความผิด
วางเพลิงเผา
ทรัพย์ของผู้อื่น
โดยเจตนา

คำอธิบาย
คำว่า "วางเพลิงเผา" แตกต่างจากการทำให้เสียทรัพย์ ที่เจตนาและ
ตัวทรัพย์ที่เป็นวัตถุในการเผา ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่าการวางเพลิงเผาทรัพย์
ต้องเป็นการก่อวินาศภัยเป็นการใหญ่
(ฎ.717/2492,11118/2553)
คำว่า "ทรัพย์" ตามมาตรานี้ หมายถึง สังหาริมทรัพย์หรือ
อสังหาริมทรัพย์ก็ได้ (ฎ.522/2475) และต้องเป็นทรัพย์ของผู้อื่นเท่านั้น การ
เผงเรือนของตนเองจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ เช่น จำเลยวางเพลิงเผา
เรือนของจำเลยเองไม่เป็นความฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ (ฎ.389/2483)

2

คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาฎีกาที่ 666/2542
การที่จำเลยดึงรั้วไม้ไผ่ผ่าซีกที่ยึดติดเป็นแผงซึ่งเป็นรั้วบ้านของโจทก์
ร่วมที่ 1 แล้วนำไปเผาทำลายนั้น เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ป.อ.
มาตรา 358 เพียงบทเดียว มิใช่กระทำผิดหลายบท เพราะจำเลยมีเจตนาจะ
ทำลายรั้วไม้ไผ่ที่ปักติดเป็นแผงโดยนำไปเผาให้ใช้การไม่ได้เท่านั้น การเผา
แผงไม้ไผ่นั้น เป็นการทำลายทรัพย์ของโจทก์ร่วมที่ 1 ให้เสียหาย มิใช่วาง
เพลิงเผาทรัพย์รั้วบ้านของโจทก์ร่วมที่ 1 เนื่องจากจำเลยมิได้วางเพลิงเผา
แผงไม้ไผ่ ในขณะที่มีสภาพเป็นรั้วบ้านกั้นขอบเขต เป็นที่อยู่อาศัยของโจทก์
ร่วมที่ 1 อันจะต้องด้วยความผิดตาม ป.อ. มาตรา 217
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11118/2553
การที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 ร่วมกันรื้อโครงสร้างไม้ห้องแถวของผู้เสีย
หายมากองรวมกันไว้แล้วนำไปเผาทำลาย มิใช่เผาทำลายในขณะที่ทรัพย์ยัง
มีสภาพเป็นโครงสร้างไม้ห้องแถวอยู่ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 มี
เพียงเจตนาทำให้ทรัพย์นั้นใช้การไม่ได้โดยการรื้อออกมา ส่วนการเผาเป็น
เพียงแค่การทำลายชิ้นส่วนที่รื้อออกมาจนตัวทรัพย์ซึ่งใช้การไม่ได้ไปแล้ว
เท่านั้น จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 จึงไม่มีเจตนาวางเพลิงเผาทรัพย์ การกระทำ
ของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 จึงเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ป.อ.
มาตรา 358 เพียงบทเดียว หาใช่เป็นความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น
ตาม ป.อ. มาตรา 217 ด้วยไม่ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับ
ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาเห็น
สมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 5364/2536
มาตรา 218 เป็นเหตุฉกรรจ์ของ มาตรา 217 หากไม่ผิด มาตรา 217 แม้
กระทำต่อทรัพย์ ตาม มาตรา 218 ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิดเช่นกัน มาตรา
217 ไม่มีข้อความว่า “หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย” จะตีความคำว่า
“ทรัพย์ของผู้อื่น” ให้รวมถึงทรัพย์ที่ผู้อื่นมีส่วนเป็นเจ้าของรวมมิได้ ขัดต่อ
หลักความรับผิดของบุคคลในทางอาญา ตาม มาตรา 2

3

คำพิพากษาฎีกาที่ 5710/2541
จำเลยซึ่งเป็นผู้จุดไฟจนเกิดไฟไหม้บ้าน เป็นเจ้าของบ้านเกิดเหตุรวม
อยู่ด้วย และเนื่องจากบทบัญญัติมาตรา 218 แห่ง ป.อ. เป็นเหตุฉกรรจ์ของ
มาตรา 217 โดยมาตรา 218 บัญญัติให้ผู้กระทำความผิดต่อทรัพย์ที่ระบุไว้ใน
มาตรา 218 (1) ถึง (6) ต้องได้รับโทษหนักขึ้น ดังนั้น การกระทำอันมิได้เป็น
ความผิดตามมาตรา 217 แม้กระทำต่อทรัพย์ที่ระบุในมาตรา 218 ผู้กระทำ
ย่อมไม่มีความผิด เช่นกัน เมื่อมาตรา 217 บัญญัติไว้แต่เพียงว่า การวางเพลิง
เผาทรัพย์ของผู้อื่นเป็นความผิดโดยไม่มีข้อความว่า "หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของ
รวมอยู่ด้วย" ก็เป็นความผิดแล้ว จึงต้องตีความคำว่า "ทรัพย์ของผู้อื่น" โดย
เคร่งครัด เพราะเป็นการตีความบทกฎหมายที่มีโทษทางอาญา มิอาจตีความ
ขยายความออกไปให้รวมถึงทรัพย์ที่ผู้อื่นมีส่วนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เพื่อ
ให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยหรือผู้ต้องหาได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลยเป็นเจ้าของบ้านเกิด
เหตุรวมอยู่ด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 217
และย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 218 (1) เช่นเดียวกัน

4

1.2 เหตุฉรรจ์ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น
บทบัญญัติ
มาตรา 218 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ดังต่อไปนี้
(1) โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย
(2) โรงเรือน เรือ หรือแพอันเป็นที่เก็บหรือที่ทำสินค้า
(3) โรงมหรสพหรือสถานที่ประชุม
(4) โรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นสาธารณสถาน
หรือเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมตามศาสนา
(5) สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน หรือที่จอดรถหรือเรือสาธาณะ
(6) เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ อันมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป อากาศยาน
หรือรถไฟที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะ
ต้องระวางโทษ

องค์ประกอบความผิด
เหตุฉกรรจ์ตามมาตรา 218 เป็นทรัพย์ที่กฎหมายคุ้มครองเป็นพิเศษ
เนื่องจากเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก และความเสียหายก็เกิดขึ้นได้
มากเช่นเดียวกัน จำแนกวัตถุแห่งการกระทำออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่
(1) โรงเรือนหรือสถาที่ซึ่งคล้ายคลึงกัน
(2) สถานที่จอดยานพาหนะสาธารณะ
(3) ตัวยานพาหนะ

คำอธิบาย
(1) โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย
สถานที่ซึ่งคนใช้อาศัย
(2) โรงเรือน เรือ หรือแพอันเป็นที่เก็บหรือที่ทำสินค้า
ใช้เป็นที่เก็บสินค้าหรือที่ผลิตสินค้าเป็นสำคัญ ซึ่งสินค้า ได้แก่ สิ่งของที่ใช้ซื้อ
ขายกัน
(3) โรงมหรสพหรือสถานที่ประชุม
คำว่า โรงมหรสพ ได้แก่ สถานที่ใช้แสดงการเล่นรื่นเริงต่างๆ ไม่ว่าจะ
เป็นการถาวรหรือชั่วคราว
คำว่า สถานที่ประชุม ได้แก่ สถานที่ที่จัดไว้สำหรับให้บุคคลมาพบกัน
เพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว

5

(4) โรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นสาธารณสถาน
หรือเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมตามศาสนา

โรงเรือนตามอนุมาตรานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ ซึ่ง
ได้แก่ (1) โรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (2) โรงเรือนที่เป็น
สาธารณสถาน (3) โรงเรือนที่ใช้ประกอบพิธีกรรมตามศาสนา ไม่ว่าศาสนา
ใด

5) สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน หรือที่จอดรถหรือเรือสาธาณะ
เป็นที่ที่มีประชาชนมารวมกันเพื่อโดยสารยานพาหนะไปยังจุดมุ่ง
หมาย ได้แก่ (1) สถานีรถไฟ (2) ท่าอากาศยาน (3) ที่จอดรถสาธารณะ
(6) เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ อันมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป อากาศยาน
หรือรถไฟที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะ
อนุมาตรานี้มุงลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้นหากได้กระทำต่อเรือ
อากาศยาน หรือรถไฟที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการขนส่งสาธารณะ

6

คำพิพากษาที่น่าสนใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6894/2549 ส่วนของโรงเรือนที่ปรากฏร่อง

รอยไฟไหม้เป็นเพียงรอยเขม่าดำติดอยู่ที่ส่วนล่างของแผ่นสังกะสีเพียง 2

แผ่นเท่านั้น แม้จะได้ความว่ามีการจุดไฟจากการวางเพลิงขึ้นแล้วก็ตาม แต่
การกระทำที่จะเป็นความผิดสำเร็จฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ที่เป็นโรงเรือนนั้น
มิได้หมายความว่ามีเพลิงเกิดขึ้นจากการวางเท่านั้น หากแต่เพลิงนั้นต้องเผา
จนโรงเรือนลุกติดไฟขึ้นด้วย เพียงแต่ฝาผนังอันเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนที่

เกิดเหตุมีรอยเขม่าดำแต่ยังไม่ไหม้ไฟ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จ และ

แม้ว่าจะมีร่องรอยของเสื่อน้ำมันที่ปูพื้นถูกไฟไหม้ด้วยเล็กน้อย แต่เสื่อน้ำมัน

ดังกล่าวเป็นเพียงทรัพย์สินที่อยู่ในโรงเรียน ถือไม่ได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็น

ส่วนหนึ่งของโรงเรือนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยได้ถูกไฟไหม้ไปด้วยอันจะทำให้เป็น

ความผิดสำเร็จ จึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาโรงเรือน

เท่านั้น
คำพิพากษาฎีกาที่ 114/2531 การที่จำเลยจุดไฟเผาที่นอนในห้องของ

โรงน้ำชา ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าเมื่อที่นอนถูกเผาไหม้แล้ว อาจจะลุกลามไหม้

เตียงนอน ฝาผนัง เพดาน จนกระทั่งไหม้โรงน้ำชาแห่งนั้นทั้งหมดได้ โรงน้ำ
ชานั้นมีคนอยู่อาศัยด้วย ผิด 218 (1)

คำพิพากษาฎีกาที่ 8064/2556 โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยวางเพลิง

เผาโรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้าของผู้เสียหายและขอให้ลงโทษจำเลยตาม

ป.อ. มาตรา 218 จากทางนำสืบของโจทก์ที่ว่าผู้เสียหายมีอาชีพทำฟาร์มโค

นั้น ข้อเท็จจริงย่อมฟังได้ว่าฟางอัดแท่งที่เก็บอยู่ในโรงเก็บดังกล่าวไม่ใช่
สินค้าที่มีไว้เพื่อการค้าของผู้เสียหาย แต่น่าจะมีไว้เลี้ยงโคผู้เสียหายเอง

มากกว่า โรงเก็บฟางที่จำเลยวางเพลิงจึงไม่ใช่โรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้า

ตามความหมายของ ป.อ. มาตรา 218(2) แต่เป็นทรัพย์ทั่วไปของผู้อื่นตาม
ป.อ. มาตรา 217 จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 218 แต่มีความผิด

ตามมาตรา 217

7

คำพิพากษาฎีกาที่ 1412/2504

ห้องที่จำเลยวางเพลิงเป็นตึกแถว จำเลยเช่าเปิดเป็นร้านขายยาและ

ตรวจรักษาโรคในตอนกลางวัน ส่วนในตอนกลางคืนจำเลยกับครอบครัวไป

นอนที่อื่น ไม่มีคนอยู่อาศัยในห้องนั้นแต่มีห้องติดกันซึ่งเป็นตึกแถวเดียวกันมี
คนเช่าอยู่อาศัยหลับนอน ดังนี้ ตึกแถวที่จำเลยวางเพลิงย่อมเป็นตึกแถวที่มี

คนอยู่อาศัย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา

218(1) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2504)
คำพิพากษาฎีกาที่ 605/2521 ห้องแถว 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นร้านขายของ ชั้น
บนเป็นห้องนอนถือได้ว่าใช้อยู่อาศัยทั้งชั้นบนชั้นล่าง จำเลยขว้างระเบิด
ทำให้ฝาบ้าน ประตูบ้าน กระจกช่องลมชั้นล่างเสียหาย เป็นความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา222,218

คำพิพากษาฎีกาที่ 115/2542

เมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้วมีจำเลยคนเดียวเท่านั้นที่เดินออกมาจากที่เกิด
เหตุเพลิงไหม้โดยที่เกิดเหตุ มีเศษผ้าที่มีกลิ่นน้ำมันเหลือเป็นเศษให้เห็นอยู่
และจากการ จุดไฟวางเพลิงนี้เองทำให้ไฟไหม้ข้อเท้าทั้งสองข้างของจำเลย
บาดแผลที่เกิดจากไฟไหม้จึงปรากฏให้เห็นเป็นรอยแผลสดอยู่ โดยในวันรุ่ง

ขึ้นจำเลยได้ไปทำการรักษาบาดแผลนี้ จึงมิใช่ เป็นเหตุบังเอิญที่จำเลยถูกน้ำ

ร้อนลวกในคืนเกิดเหตุ แล้ววันรุ่งขึ้นจึงได้ไปทำการรักษาดังที่จำเลยอ้าง และ

ที่จำเลยวางเพลิงรถของผู้เสียหายก็เพราะจำเลยโกรธ ที่ผู้เสียหายกีดกันไม่

ให้จำเลยคืนดีกับพี่สาวของผู้เสียหาย นั่นเอง ฉะนั้น เมื่อรถที่จำเลยวางเพลิง
อยู่ในโรงเก็บรถ ซึ่งอยู่ติดกับอาคารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภัตตาคารและเป็น

อาคารที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายกับพวกแล้วจำเลยย่อม เล็งเห็นว่าเพลิงนั้น
ย่อมลุกลามไปเผาผลาญอาคาร ที่ตั้งภัตตาคารและที่ผู้เสียหายกับพวกอยู่
อาศัยนั้นด้วย พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังได้แจ้งชัดว่าจำเลย เป็นผู้
วางเพลิงรถของผู้เสียหายและพยายามวางเพลิงอาคาร ที่ผู้เสียหายกับพวก

อยู่อาศัย

8

1.3 ความผิดฐานตระเตรียมการวางเพลิงเอาทรัพย์
บทบัญญัติ
มาตรา 219 ผู้ใดตระเตรียมเพื่อกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 217
หรือมาตรา 218 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับพยายามกระทำความผิด
นั้น ๆ

องค์ประกอบความผิด
ตระเตรียม
เพื่อกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 217 หรือมาตรา 218
โดยเจตนา

คำอธิบาย
ตระเตรียม การตระเตรียมตามมาตรานี้ ได้แก่ การจัดการงานต่างๆ
เพื่อให้พร้อมต่อการลงมือวางเพลิงเผาทรัพย์

9

คำพิพากษาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาฎีกาที่ 557/2474

จําาเลยใช้ให้ลูกจ้างเปิดนํา้ามันก๊าด 10 ปี๊ บ แล้วให้จําาเลยเอาผ้าห่ม
ยัดใส่ในปี๊ บที่เปิดนําาไป ตังหลังเรือนของผู้อื่นท่ีอยู่ติดกับเรือนของจําาเลย
แล้วให้ ส. คอยดูคนท่ีถนนพอขนนํา้ามันได้ 3 ป๊ี บ ส. แกล้งบอกว่า ตําารวจมา

จําาเลยจึงสั่งให้ลูกจ้างเลิกและขนนํา้ามันกลับไป ตามเดิม ต่อมาอีกสองสาม
วัน จําาเลยทําาเช่นเดียวกันอีก ส. ก็แกล้งบอกว่าตําารวจมาอีก จําาเลยก็
ขนนํา้ามันกลับอย่างเดิม ดังน้ี ถือว่าจําาเลยเป็นเพียงตระเตรียมการจะวาง

เพลิง เผาทรัพย์ ยังไม่เป็นความผิดฐานพยายาม ด้วยเหตุใกล้ชิด อันจะก่อให้

เกิดเป็นไฟยังไม่มีขึ้น คงเป็นความผิดตระเตรียม วางเพลิงเผาทรัพย์ จึงให้ยก

ข้อหาโจทก์ แต่ให้เรียกประกัน ทานบนจําาเลย (โทษในปี พ.ศ. 2474)
ที่เป็นความผิดเลยข้ันตระเตรียมการแล้ว จนเป็นขั้น พยายามกระทําาความ
ผิด

10

2.ความผิดฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้จนน่าจะเป็นอันตรายแก่
บุคคลหรือทรัพย์

บทบัญญัติ
มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด ๆ แม้เป็นของ
ตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษ

ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก เป็นเหตุให้
เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 218 ผู้กระทำต้องระวางโทษดัง
ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 218

องค์ประกอบความผิด
กระทำให้เกิดเพลิงไหม้
แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตนเอง
จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น
โดยเจตนา

เหตุที่ทำให้รับโทษหนักขึ้น
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้
แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 218 ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักขึ้น

คำอธิบาย
กระทำให้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งมีขอบเขตกว้างขวางกว่าวางเพลิง กล่าว
คือการกระทำนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ที่กระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ ไม่
จำเป็นต้องจุดไฟแก่ทรัพย์ของผู้อื่นแต่อย่างเดียว
วัตถุใดๆ ก็ได้ไม่จำกัดว่าวัตถุนั้นจะต้องมีราคาและถือเอาได้หรือไม่ แต่
ต้องมีรูปร่าง
แม้เป็นของตนเอง เป็นความมุ่งหมายดั่งเดิม ที่กฎหมายประสงค์
ลงโทษแก่ผู้เป็นเจ้าของ
จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น การกระทำดังกล่าวข้างต้นอาจ
ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตหรือได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

11

จนน่าจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น การกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่
วัตถุอาจทำให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย ซึ่งความเสียหายที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้อง
เป็นเพียงการถูกเพลิงไหม้เท่านั้น แต่รวมถึงความเสียหายอย่างอื่นหรือการ
ใช้งานไม่ได้เป็นปกติด้วย

ผลฉกรรจ์ตามวรรคสอง ผู้กระทำจะต้องรับโทษหนักขึ้นหากการกระ
ทำให้เกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นเหตุให้ทรัพย์ที่ระบุไว้ในมาตรา 218 เกิดเพลิงไหม้

คำพิพากษาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5364/2536
บทบัญญัติ ป.อ.มาตรา 218 เป็นเหตุฉกรรจ์ของมาตรา 217โดยมาตรา
218 บัญญัติให้ผู้กระทำผิดต่อทรัพย์ที่ระบุไว้ในมาตรา 218 (1) ถึง (6)ต้องได้
รับโทษหนักนั้น ดังนั้น การกระทำอันมิได้เป็นความผิดตามมาตรา 217 แม้
กระทำต่อทรัพย์ที่ระบุในมาตรา 218 ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิดเช่นกัน
ป.อ.มาตรา 217 บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าการวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นเป็น
ความผิด ไม่มีข้อความว่า "หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย"ก็เป็นความผิด
แล้ว จะตีความคำว่า "ทรัพย์ของผู้อื่น" ให้รวมถึงทรัพย์ที่ผู้อื่นมีส่วนเป็น
เจ้าของรวมอยู่ด้วยมิได้ เพราะการตีความบทกฎหมายที่มีโทษทางอาญาจะ
ต้องตีความโดยเคร่งครัด จะขยายความออกไปถึงกรณีที่ไม่ได้ระบุไว้ในตัวบท
โดยชัดแจ้งเพื่อให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยมิได้ เพราะขัดต่อหลักความรับผิด
ของบุคคลในทางอาญาดังที่บัญญัติไว้ใน ป.อ.มาตรา 2
คำฟ้องบรรยายว่า จำเลยวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยมิได้ระบุ
ว่าการกระทำของจำเลยน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของบุคคล
อื่น อันจะทำให้เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 220 เป็นคำฟ้องที่ขาดองค์
ประกอบความผิดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แม้จำเลยมิได้หลงต่อสู้ก็
ลงโทษจำเลยในความผิดตามมาตรานี้มิได้

3.ความผิดเกี่ยวกับการกระทำให้เกิดระเบิด 12

3.1 ความผิดฐานกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล
อื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น

บทบัญญัติ
มาตรา 221 ผู้ใดกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล
อื่น หรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษ

องค์ประกอบความผิด
กระทำให้เกิดระเบิด
จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์ของผู้อื่น
โดยเจตนา

คำอธิบาย

การกระทำให้เกิดระเบิดตามมาตรานี้อาจเป็นการจุดระเบิดโดยตรง

หรือกระทำการอย่างอื่นที่ทําให้เกิดการระเบิดก็ได้

พฤติการณ์ประกอบการกระทำตามมาตรานี้เหมือนกับที่ระบุไว้ใน

มาตรา 220 กล่าวคือ การทำให้เกิดระเบิดนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น
หรือทรัพย์ของผู้อื่น

ถ้าการระเบิดนั้นไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น
ผู้กระทำก็ไม่มีความผิด

13

คำพิพากษาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8584/2547
จำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกใช้ผ้าปิดปากขวดที่บรรจุน้ำมันและจุดไฟ
โยนเข้าไปในบริเวณสถานีบริการน้ำมัน จนเกิดระเบิดและน่าจะเกิดความเสีย
หาย การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นการกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะ
เป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น เป็นความผิดสำเร็จตาม ป.อ.
มาตรา 221 แล้ว กฎหมายหาได้บัญญัติว่าต้องกระทำโดยใช้วัตถุและต้อง
เกิดความเสียหายเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่นด้วยไม่

14

3.2 ความผิดฐานกระทำให้เกิดระเบิดจนเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้
อื่น

บทบัญญัติ
มาตรา 222 ผู้ใดกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่
ทรัพย์ดังกล่าวในมาตรา 217 หรือมาตรา 218 ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้
ในมาตรานั้น ๆ

องค์ประกอบความผิด
การะทำให้เกิดระเบิด
จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ดังกล่าวในมาตรา 217 หรือมาตรา
218
โดยเจตนา

ผล
ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ

คำอธิบาย
มาตรานี้กำหนดเฉพาะกรณีที่กระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิด
อันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นตามที่ระบุไว้ในมาตรา217 หรือมาตรา 218
เท่านั้น
อันตรายซึ่งเป็นผลของการกระทำต่อทรัพย์ของผู้อื่นตามมาตรา 217
หรือทรัพย์ที่ระบุไว้เป็นการเฉพาะตามมาตรา 218 ต้องเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาทำให้เกิดระเบิดด้วย กล่าวคือ
ต้องรู้ว่าการกระทำของตนจะทำให้เกิดระเบิดขึ้นได้ ซึ่งอาจกระทำโดย
ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผล

15

คำพิพากษาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2528
ปกติลูกระเบิดเป็นอาวุธร้ายแรง เมื่อถอดสลักลูกระเบิดหรือสลักนิรภัย
ออกแล้วย่อมจะต้องระเบิดขึ้นทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ จำเลย
ทำให้เกิดระเบิดโดยเจตนาฆ่าตัวตาย เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย
ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 222

16

4.เหตุที่ทำให้รับโทษน้องลง

บทบัญญัติ
มาตรา 223 ความผิดดังกล่าวในมาตรา 217 มาตรา 218 มาตรา 220
มาตรา 221 หรือมาตรา 222 นั้น ถ้าทรัพย์ที่เป็นอันตราย หรือที่น่าจะเป็น
อันตรายเป็นทรัพย์ที่มีราคาน้อย และการกระทำนั้นไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่
บุคคลอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่น
บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

องค์ประกอบความผิด
กระทำความผิดตามมาตรา 217 มาตรา 218 มาตรา 220 มาตรา 221
หรือมาตรา 222
ทรัพย์ที่เป็นอันตราย หรือที่น่าจะเป็นอันตรายเป็นทรัพย์ที่มีราคาน้อย
การกระทำนั้นไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น

คำอธิบาย
(1) เป็นความผิดที่เริ่มจากความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ตามมาตรา
217 หรือมาตรา 218 ความผิดฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้ ตามมาตรา 220 และ
ความผิดฐานทำให้เกิดระเบิดตามมาตรา 221 หรือมาตรา 222 แล้วแต่กรณี
(2) ทรัพย์ที่เป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายนั้นเป็นทรัพย์ที่มีราคา
น้อย

(2.1) กรณีทรัพย์เป็นอันตราย ได้แก่ กรณีที่ทรัพย์นั้นถูกเพลิงไหม้
หรือเสียหายจากการกระทำความผิดตามข้อ (1)

(2.2) กรณีทรัพย์ที่น่าจะเป็นอันตราย ได้แก่ กรณีที่ทรัพย์นั้นยัง
ไม่ทันถูกเพลิงไหม้หรือเสียหาย แต่โดยพฤติการณ์แล้ว การกระทำผิดตามข้อ
(1) ทรัพย์นั้นอาจเกิดอันตรายได้

(3) การกระทำนั้นไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หมายความว่า
โดยพฤติการณ์แล้ว การกระทำการตามข้อ (1) ต่อทรัพย์ที่มีราคาน้อยตาม
ข้อ (2) ไม่ควรจะเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นได้

17

คำพิพากษาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2545
ทรัพย์ที่เป็นอันตรายจากการวางเพลิงของจำเลยเป็นเพียงประตูบ้าน
ซึ่งทำด้วยไม้มะค่าและต้นไม้ประดับ คิดเป็นเงินประมาณ 5,000 บาท ถือได้
ว่าเป็นทรัพย์ที่มีราคาน้อย และขณะเกิดเหตุผู้เสียหายก็อยู่ในที่เกิดเหตุและ
สามารถดับไฟได้ทัน การกระทำของจำเลยจึงไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล
อื่น กรณีเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218(1) ประกอบ
ด้วยมาตรา 223
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8746/2543
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 218 (1) โดยศาล
อุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน เมื่อปรากฏว่า กระท่อมนาและทรัพย์สินที่ถูก
เพลิงไหม้มีราคาเพียงเล็กน้อย ทั้งกระท่อมนาดังกล่าวปลูกอยู่กลางทุ่งนา
รอบกระท่อมนาไม่มีบ้านเรือนบุคคลอื่นอยู่ และขณะเกิดเหตุกระท่อมนาไม่มี
บุคคลอยู่อาศัย ย่อมไม่อาจเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นได้ การกระทำของ
จำเลยจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 223 การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4
พิพากษายืนโดยไม่ได้แก้ไข จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหา
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้
ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูก
ต้องได้

18

5.ผลที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้น

บทบัญญัติ
มาตรา 224 ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 217 มาตรา 218
มาตรา 221 หรือมาตรา 222 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำ
ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

ถ้าเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวาง
โทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

องค์ประกอบความผิด
กระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 217 มาตรา 218 มาตรา 221 หรือ
มาตรา 222
เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย (วรรคแรก) หรือเป็นเหตุให้บุคคล
อื่นรับอันตรายสาหัส (วรรคสอง)

ผล
ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น

คำอธิบาย
เป็นผลแห่งการกระทำที่ทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น จากความ
ผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ตามมาตรา 217 และมาตรา 218 และความผิด
ฐานทำให้เกิดระเบิด ตามมาตรา 221 และมาตรา 222 ซึ่งถ้าหากมีบุคคลอื่น
ถึงแก่ความตายหรือรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำจะรับโทษตามมาตรา 224
ต้องวินิจฉัยโดยพิจารณาผลธรรมดาตามมาตรา 63

19

คำพิพากษาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาฎีกาที่ 1412/2504
จำเลยวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น มีผู้เข้าไปช่วยดับเพลิงแล้วถูกไฟ
ลวกถึงแก่ความตาย การเข้าไปช่วยดับเพลิงเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
เอง หาใช่การวางเพลิงของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่จำเลย
จึงไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224
ห้องที่จำเลยวางเพลิงเป็นตึกแถว จำเลยเช่าเปิดเป็นร้านขายยาและ
ตรวจรักษาโรคในตอนกลางวัน ส่วนในตอนกลางคืนจำเลยกับครอบครัวไป
นอนที่อื่น ไม่มีคนอยู่อาศัยในห้องนั้นแต่มีห้องติดกันซึ่งเป็นตึกแถวเดียวกันมี
คนเช่าอยู่อาศัยหลับนอน ดังนี้ ตึกแถวที่จำเลยวางเพลิงย่อมเป็นตึกแถวที่มี
คนอยู่อาศัย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
218(1) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2504)

6.ความผิดฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท 20

บทบัญญัติ

มาตรา 225 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุให้

ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย หรือการกระทำโดยประมาทนั้นน่าจะเป็นอันตราย
แก่ชีวิตของบุคคลอื่น ต้องระวางโทษ

องค์ประกอบความผิด
กระทำให้เกิดเพลิงไหม้
(1) เป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย (2) น่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต
ของบุคคลอื่น
โดยประมาท

คำอธิบาย
การทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทตามมาตรา 225 มีอยู่ 2ความผิด
ได้แก่
(1) ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทจนเป็นเหตุให้ทรัพย์ขิงผู้อื่นเสียหาย
ซึ่งเป็นกรณีที่ผลหรือความเสียหายต่อทรัพย์เกิดขึ้น
(2) ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทซึ่งน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของ
บุคคลอื่น ซึ่งเป็นกรณีลงโทษผู้กระทำแม้อันตรายแก่ชีวิตยังไม่เกิดขึ้น แต่
โดยพฤติการณ์อันตรายเช่นนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นกรณีกระทำ
หรืองดเว้นกระทำก็ได้

21

คำพิพากษาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6764 / 2545
การกระทำความผิดโดยประมาทเป็นการกระทำความผิดมิใช่โดย
เจตนา จึงไม่อาจมีการร่วมกันกระทำในลักษณะที่เป็นตัวการตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความ
ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 ประกอบมาตรา 83 นั้น ไม่ถูก
ต้อง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา แต่ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อ
กฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
เองและแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาฎีกาที่ 2090/2526
ก่อนที่จําาเลยจะจุดไฟเผาสวนของ จําาเลยเอง จําาเลยได้ถางต้นไม้
เพื่อกันไฟไม่ให้ไฟลุกลามสวน ของผู้อื่น จําาเลยมิได้ตรวจตราและดับไฟที่จุด
เผาสวน ปล่อยให้ไฟคุขอนไม้จนเป็นเหตุให้อีก 3 - 4 วันไฟได้ลุกลาม จาก
ขอนไม้ไปไหม้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย การกระทําาของ จําาเลยเป็นการก
ระทําาโดยประมาทและเป็นเหตุให้ทรัพย์ของ ผู้อ่ืนเสียหาย มีความผิดตาม
มาตรา 225
คำพิพากษาฎีกาที่ 145/2539
ลูกจ้างของจําาเลยจุดไฟเผากองไม้ ในท่ีดินของจําาเลย โดยจําาเลย
เป็นผู้สั่งการอย่างใกล้ชิด ถือว่า จําาเลยร่วมจุดไฟเผากองไม้ด้วย ซ่ึงขณะนั้น
เป็นช่วงต้น ยางพาราผลัดใบ มีใบไม้ร่วงหล่นตามพ้ืนดินในสวนและ มีลมพัด
แรง การทําาทางกันไฟไว้กว้างเพียง 1 ช่วงแขน จึง ไม่อาจกันไม่ให้ไฟลุกลาม
ไปติดท่ีข้างเคียงได้ ไฟจึงลุกลาม ไหม้ต้นยางพาราของโจทก์ การกระทําา
ของจําาเลยจึงเป็น การกระทําาให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุ
ให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย จําาเลยมีความผิดตามมาตรา 225

บรรณานุกรม

คณพล จันทน์หอม. คำอธิบายกฎหมายอาญาภาคความผิด เล่ม 1.พิมพ์ครั้ง
ที่ 5. กรุงเทพฯ : วิญญชน, 2565

สำนักงานกฎหมาย นพนภัส ทนายความเชียงใหม่ (ออนไลน์).
https://www.xn--42cgi4cjab1btnchd1exbza5gvad6dvnqc6f.com/
(วันที่ 13 กันยายน 2565)

ค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา (ออนไลน์). https://www.deka.in.th (วัน
ที่ 13 กันยายน 2565)


Click to View FlipBook Version