The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kru Radchada, 2021-01-26 00:44:42

ดนตรี-นาฏศิลป์ ป.4

1456186436_example

Keywords: ดนตรี-นาฏศิลป์ ป.4,ป.4,ดนตรี-นาฏศิลป์,ดนตรี,นาฏศิลป์,ดนตรี ป.4

หนงั สือเร�ยน รายวช� าพน้ื ฐาน

ดนตร-ี นาฏศลิ ป
ป. 4

ชัน� ประถมศกึ ษาปท‚ ี่ 4
กลม‹ุ สาระการเรย� นรศŒู ลิ ปะ
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน� พื้นฐานพุทธศกั ราช 2551

ผเู รยี บเรียง
ดร. วรี ะ พันธเุ สือ ศป.ม., Ph.D.

ผตู รวจ
ผศ. ไตรรัตน พพิ ัฒโภคผล ศศ.บ., กศ.ม.

ดร. สรุ ีรตั น จนี พงษ กศ.ม., ค.ด.
พงศพิชญ แกวกุลธร กศ.บ. (เกียรตนิ ยิ ม), ศป.ม.

บรรณาธกิ าร
สิรวิ รรณ เอยี่ มสาํ อางค ศป.บ.

อมุ าพร มั่นไทรทอง ศศ.บ.

หนังสือเรย� น รายวช� าพื้นฐาน

ดนตรี-นาฏศิลป ป. 4

ชัน� ประถมศกึ ษาป‚ที่ 4
กลุ‹มสาระการเร�ยนรŒูศิลปะ
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั� พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

ผŒูเรียบเรยี ง
ดร. วีระ พันธเุ สือ
ผตŒู รวจ
ผศ. ไตรรตั น พิพัฒโภคผล
ดร. สรุ รี ตั น จีนพงษ
พงศพชิ ญ แกว กลุ ธร
บรรณาธิการ
สิรวิ รรณ เอี่ยมสำอางค
อมุ าพร มัน่ ไทรทอง

ISBN 978-616-8047-30-9

บรษิ ัท กรพฒั นาย่ิง จํากดั
เลขที่ 23/34–35 ชนั้ 3 หอง 3B
ถนนตรีมิตร แขวงตลาดนอ ย เขตสมั พันธวงศ
กรงุ เทพฯ 10100

คํานาํ

คํานาํ

หนังสอื เรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน ดนตรี–นาฏศลิ ปŠ ชัน้ ประถมศึกษาปท ี่ 4 เลม นจี้ ัดทำขน้ึ ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีเปาหมายใหนักเรียนและครู
ผูสอนใชเปนส่ือในการจัดการเรียนรู เพ่ือพัฒนานักเรียนใหมีคุณภาพตามสาระ มาตรฐานการ
เรียนรู ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางที่หลักสูตรกำหนด รวมทั้งพัฒนานักเรียนใหมี
สมรรถนะสำคัญตามท่ตี องการท้ังดา นการส่ือสาร การคิด การแกปญหา การใชทักษะชีวติ และ
การใชเ ทคโนโลยี ตลอดจนพัฒนานกั เรยี นใหม ีคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค ทำประโยชนใ หสังคม
เพอ่ื ใหสามารถดำรงชีวิตอยรู วมกบั ผอู นื่ ในสงั คมไทยและสังคมโลกไดอ ยางมคี วามสุข

หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลปŠ เลมนี้ยึดแนวคิดการจัดการเรียนรูท่ีเนน
ผูเรียนเปน สำคัญ ใชห ลกั การสง เสรมิ ใหนักเรยี นมีความรคู วามเขา ใจธรรมชาตขิ องนาฏศิลป และ
สามารถนำความรูไปประยุกตใชในชีวิตประจำวันไดอยางมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยพัฒนา
นักเรียนแบบองครวมอยูบนพ้ืนฐานของการบูรณาการความคิดรวบยอด ท่ีเนนใหนักเรียนเรียนรู
ดวยกระบวนการท่ีเนนการปฏิบัติ (Active Learning) และเรียนรูโดยใชสมองเปนฐาน (Brain-
based Learning) ซึ่งเนนการเรียนรใู หตรงกบั รปู แบบการเรียนรู (Learning Styles) เนนทักษะที่
สรา งเสริมความเขาใจทค่ี งทนของนักเรียน ซ่งึ เปน ผลลัพธป ลายทางท่ตี องการใหเ กดิ ตามหลกั สตู ร

การจดั ทำหนงั สอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน ดนตร–ี นาฏศลิ ปŠ เลม นคี้ ณะผจู ดั ทำซง่ึ เปน ผเู ชย่ี วชาญ
ในสาขาวิชาและการพัฒนาส่ือการเรียนรูไดกำหนดหนวยการเรียนรู และออกแบบกิจกรรมการ
เรยี นรู แบบฝก ทกั ษะ กระบวนการทางดนตร–ี นาฏศลิ ป กจิ กรรมเสนอแนะ โครงงาน การประยกุ ต
ใชใ นชวี ิตประจำวนั และคำถามทบทวน อยใู นเลมเดียว

หวังเปนอยางยิ่งวา หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ดนตรี–นาฏศิลป เลมน้ีจะสนับสนุน
ใหผ เู รยี นไดพ ฒั นาความรดู า นดนตร–ี นาฏศลิ ป และสนบั สนนุ การปฏริ ปู การเรยี นรตู ามเจตนารมณ
ของพระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง ชาติ พุทธศักราช 2542

คณะผจŒู ดั ทำ

คําชแี้ จง

คาํ นาํ

หนังสอื เรียน รายวิชาพื้นฐาน ดนตร–ี นาฏศลิ ปŠ ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี 4 เลม น้ีไดออกแบบ
หนวยการเรยี นรูใ หแ ตล ะหนวยการเรียนรปู ระกอบดว ย

1. มาตรฐานการเรยี นรูŒ เปน เปา หมายทต่ี อ งการใหเ กดิ ขน้ึ กบั นกั เรยี นเมอื่ จบการศกึ ษาในหนว ย
การเรยี นรนู นั้ ๆ หรอื เมอ่ื จบการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน

2. ตวั ชวี้ ดั ชน้ั ป ระบตุ วั ชวี้ ดั ซง่ึ เปน เปา หมายในการพฒั นานกั เรยี นทสี่ อดคลอ งกบั เนอ้ื หาในหนว ย
การเรยี นรู

3. ประโยชนจากการเรียน นำเสนอไวเพ่อื กระตนุ ใหนกั เรยี นนำความรแู ละทักษะจากการเรยี น
ไปใชใ นชีวติ ประจำวนั

4. คำถามนำ เปน คำถามหรอื สถานการณท ก่ี ระตนุ ใหน กั เรยี นเกดิ ความสนใจ ตอ งการทจ่ี ะคน หา
คำตอบ

5. เนอ้ื หา ตรงตามมาตรฐานการเรียนรู ตวั ชวี้ ัดช้ันป และสาระการเรียนรแู กนกลาง โดยแบง
เนื้อหาเปนชวง ๆ แลวแทรกกิจกรรมพัฒนาการเรียนรูท่ีพอเหมาะกับการเรียน รวมท้ังมีการนำเสนอ
ดวยภาพ ตาราง แผนภูมิ และแผนท่ีความคิด เพื่อเปนส่ือใหนักเรียนสรางความคิดรวบยอดและเกิด
ความเขาใจท่คี งทน

6. เกรด็ ควรรŒู เปนความรเู พ่ือเพ่ิมพูนใหนกั เรียนมคี วามรกู วา งขวางขน้ึ
7. แหล‹งคนŒ ขอŒ มลู (WEB GUIDE) เปนแหลงเรียนรูจากเวบ็ ไซต เพ่อื ใหผเู รียนศึกษาคน ควา
เนอื้ หาท่ีสอดคลองกบั เรือ่ งทเ่ี รยี น
8. กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรูŒ (ฝƒกฝนดนตรี, ฝกƒ ฝนนาฏศลิ ปŠ) เปนกจิ กรรมทกี่ ำหนดไวเมื่อ
จบเน้อื หาแตละชว ง แตล ะตอนเพ่อื ใหนกั เรียนไดป ฏบิ ตั เิ พ่ือใหเกิดการเรียนรู เปนกจิ กรรมทห่ี ลากหลาย
ใชแ นวคดิ ทฤษฎตี า ง ๆ ใหส อดคลอ งกบั เนอื้ หา เหมาะสมกบั วยั สะดวกในการปฏบิ ตั ิ กระตนุ ใหน กั เรยี น
ไดคิด และสงเสริมใหศกึ ษาคนควาเพมิ่ เตมิ
9. สรุป ไดจัดทำสรุปเปนผังมโนทัศน (concept map) เพื่อใหนักเรียนไดใชเปนบทสรุป
ทบทวนความรู โดยวธิ ีการจนิ ตภาพจากผังมโนทศั นท่ีไดส รุปเน้อื หาที่ไดจ ัดทำไว
10. กิจกรรมเสนอแนะ เปนกิจกรรมเสนอแนะใหนักเรียนไดปฏิบัติ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด
การวางแผน และการแกปญ หาของนักเรียน
11. โครงงาน เปน การใหนักเรียนปฏิบตั ิโครงงาน โดยเสนอแนะหวั ขอ โครงงานและแนวทางการ
ปฏิบตั ิ
12. การประยกุ ตใชŒในชวี ติ ประจำวนั เปนกิจกรรมท่เี สนอแนะใหนกั เรยี นไดนำความรู ทกั ษะไป
ประยุกตใ ชในชีวิตประจำวัน
13. คำถามทบทวน เปน คำถามเพื่อทบทวนผลการเรียนรขู องนักเรยี น
14. บรรณานุกรม เปน รายช่อื หนงั สือ เอกสาร เว็บไซตท ีใ่ ชประกอบการเขียน
15. อภธิ านศพั ท เปน คำสำคญั ทแ่ี ทรกอยใู นเนอื้ หาซงึ่ พมิ พด ว ยสแี ดงและนำมาจดั เรยี งตามลำดบั
ตวั อกั ษรและอธบิ าย

สารบญั

หนว‹ ยการเรยี นรŒทู ่ี 1 เคร่อื งดนตรี...................................................2
1. ประเภทของเครื่องดนตรี ......................................................3
2. เสยี งของเครือ่ งดนตรี ..........................................................7
3. การใชŒและการดูแลรักษาเครื่องดนตรเี บอ้ื งตนŒ ............................9

หน‹วยการเรียนรทูŒ ่ี 2 ทกั ษะดนตรี.................................................15
1. โครงสราŒ งของบทเพลง.......................................................16
2. ทำนองเพลง ..................................................................18
3. เครื่องหมายและสญั ลกั ษณท างดนตรี.....................................20
4. การรŒองเพลง...................................................................28
5. การถ‹ายทอดเรือ่ งราวของบทเพลง .........................................29

หนว‹ ยการเรียนรทŒู ่ี 3 ดนตรกี ับมรดกทางวฒั นธรรม ...........................33
1. ความสัมพันธร ะหว‹างวถิ ชี ีวิตกับผลงานดนตรี ...........................34
2. การอนรุ กั ษว ัฒนธรรมทางดนตรี...........................................36

หน‹วยการเรียนรทŒู ่ี 4 นาฏศลิ ปŠไทยกับวัฒนธรรม ..............................42
1. รำวงมาตรฐาน .................................................................43
2. ระบำดอกบัว ...................................................................48
3. รำรองเง็ง........................................................................54

หนว‹ ยการเรยี นรทูŒ ี่ 5 การแสดงนาฏศิลปŠและการละคร........................60
1. พ้ืนฐานทางการแสดงนาฏศิลปแŠ ละการละครของไทย .................61
2. การแสดงท‹าทางประกอบเพลงปลุกใจ เราสูŒ .............................67

หนว‹ ยการเรียนรŒทู ่ี 6 ความเปน มาและคุณคา‹ ของนาฏศิลปŠไทย .............81
1. ความเปนมาของนาฏศิลปไŠ ทย..............................................82
2. คณุ ค‹าของนาฏศิลปไŠ ทย .....................................................85

บรรณานุกรม........................................................................... 89
อภิธานศพั ท ............................................................................90

ดนตรี

เครอื่ งดนตรี 1หน�วยการเรย� นรูŒท่ี

มาตรฐานการเรียนรู

���ศ�2.1�เขา ใจและแสดงออกทางดนตรีอยา งสรางสรรค�วเิ คราะห�วพิ ากษว ิจารณคณุ คาดนตร�ี
ถา ยทอดความรสู กึ �ความคิดตอดนตรอี ยา งอสิ ระ�ช่นื ชม�และประยุกตใชในชีวติ ประจำ�วัน

ตัว ชี้ วัดช �นั ป‚

� 1.�จำ�แนกประเภทของเคร่อื งดนตรีท่ีใชในเพลงท่ฟี ง �(ศ.�2.1�ป.�4/2)
� 2.�ใชและเก็บเครือ่ งดนตรอี ยางถกู ตองและปลอดภยั �(ศ�2.1�ป.�4/6)

สาระการเรียนรู

•�ประเภทของเครอ่ื งดนตรี
•�เสียงของเคร่อื งดนตรีแตล ะประเภท
•�การใชแ ละการดแู ลรกั ษาเคร่ืองดนตรีของตน

ประโยชน์จากการเรียน คาํ ถามนํา

� สามารถจำ�แนกไดว า เครอื่ งดนตรที ใี่ ชใ น � นักเรียนเคยเห็นเครื่องดนตรีประเภทนี้
บทเพลงหรือทพี่ บเห็นในท่ตี า ง�ๆ�เปน เคร่อื ง หรือไม� และนักเรียนเคยเลนเครื่องดนตรี
ดนตรีไทยหรือเครื่องดนตรีสากลและรูจัก อะไรบาง
เสียงของเครื่องดนตรีแตละชนิดรวมท้ังรูจัก
วิธกี ารใชและดแู ลรักษาเคร่ืองดนตรไี ดอยาง
ถกู ตอ งและปลอดภยั กบั ตนเองเมอ่ื ใชบ รรเลง

หนงั สือเรียน�รายวิชาพน้ื ฐาน�ดนตร–ี นาฏศลิ ป� ป.�4 3

1. ประเภทของเครื่องดนตรี

ประเภทของเคร่อื งดนตรี

ไดแ ก

เคร่อื งดนตรีไทย เครอ่ื งดนตรีสากล

1.1 เครอ่ื งดนตรีไทย

� เคร่อื งดนตรไี ทยแบง ออกเปน �4�ประเภท
1) เคร่อื งดดี เปนเครื่องดนตรที ่มี ีสาย�มกี ะโหลกเสยี ง�ใชนว้ิ หรือไมด ดี

ใหส ายส่ันสะเทอื นเกดิ เปน เสยี ง�

จะเข กระจบั ป ซึง

2) เครื่องสี เปนเคร่ืองดนตรีที่ใชสายและคันชัก� โดยคันชักจะขึงดวย
หางมาหลาย� ๆ� เสนรวมกัน� ใชสีไปบนสายท่ีทำ�ดวยไหมหรือเอ็นเพ่ือทำ�ให
เกดิ เสียง�

ซอสามสาย ซออู ซอดวง สะลอ

4 หนงั สือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน ดนตร–ี นาฏศลิ ป์ ป. 4

3) เครอ่ื งตี เปน เครอื่ งดนตรที ที่ ำ�ใหเ กดิ เสยี งโดยการใชข อง 2 สง่ิ กระทบ
กันทำ�ใหสั่นสะเทือนเกิดเปนเสียง ซึ่งอาจใชมือหรือไมตีก็ได ในวงดนตรีไทย
แบง ออกเปน 3 ประเภท คอื
(1) เครอ่ื งตีทีท่ ำ�ดว ยไม

ระนาดเอก โกรง กรับ

(2) เครอ่ื งตีท่ที ำ�ดว ยโลหะ

ฉ่ิง โหมง ฉาบ

(3) เคร่อื งตีท่ีขึงดวยหนงั

กลองทดั รำ�มะนา ตะโพน

หนงั สือเรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ดนตร–ี นาฏศลิ ป์ ป. 4 5

4) เครอื่ งเปา เปน เคร่อื งดนตรีที่ทำ�ใหเ กิดเสยี งโดยการใชลมเปา

ปใน ขลุยเพียงออ

ฝึกฝนดนตรี
จับคูหรือรวมกลุมกับเพื่อนแลวฝกจำ�แนกประเภทของเครื่องดนตรีไทย โดยใช
ภาพเคร่ืองดนตรีหลาย ๆ ภาพแลวใหเพ่ือนชูภาพขึ้นทีละภาพใหอีกคนทาย และ
บันทกึ วา ทายถกู กี่ชื่อแลวสลับกันทาย ฝก ฝนบอ ย ๆ จนทายถกู ทุกชอื่ และเร็วขนึ้

1.2 เครือ่ งดนตรสี ากล

เครอ่ื งดนตรีสากล

แบง่ เปน็

เครอ่ื งสาย เครื่องลมไม้ เคร่ืองลม เครอื่ งตีหรือ เครอ่ื งล่มิ นิว้
ทองเหลือง เครื่องกระทบ หรอื คยี ์บอรด์

1) เครื่องสาย เปนเครื่องดนตรีที่มีสาย ทำ�ใหสายส่ันสะเทือนดวยการ
ดีดหรือการสี สายที่ใชอาจเปนโลหะหรือเอน็ และมีกลองเสยี งซ่งึ ใชขยายเสยี ง
ทำ�ใหเสียงดงั

ไวโอลนิ วิโอลา วโิ อลอนเชลโล ดับเบิลเบส

6 หนงั สือเรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ป. 4

2) เคร่ืองลมไม เปน เครือ่ งดนตรที ่ีแตเดมิ ทำ�ดว ยไม แตในปจ จบุ ันอาจ
ทำ�ดว ยวสั ดอุ ื่น ๆ ใชการเปาลมทำ�ใหเ กดิ เสยี ง

ฟลตู คลารเิ นต็ แซก็ โซโฟน

3) เคร่ืองลมทองเหลือง เปนเคร่ืองดนตรีท่ีทำ�ดวยทองเหลือง ใชการ
เปา ลมทำ�ใหเกดิ เสียง

ทรมั เปต เฟรนชฮ อรน ทูบา

4) เครอ่ื งตหี รือเครอื่ งกระทบ เปน เครื่องดนตรีทใ่ี ชการตีทำ�ใหเกดิ เสยี ง

กลองสแนร ไวบราโฟน

กลองทิมพะนี

หนงั สอื เรียน รายวิชาพืน้ ฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ป. 4 7

5) เครอ่ื งลมิ่ นวิ้ หรอื คยี บ อรด เปน เครอื่ งดนตรที มี่ ลี ม่ิ นวิ้ เรยี งกนั เปน แถว
สำ�หรับกดดว ยนิ้วมอื เพอื่ ทำ�ใหเกิดเสยี ง

เปยโน อเิ ล็กโทน
ฝกึ ฝนดนตรี
จับคูหรือรวมกลุมกับเพ่ือนแลวฝกจำ�แนกประเภทของเครื่องดนตรีสากล
โดยใชภาพเครื่องดนตรีหลาย ๆ ภาพแลวใหเพ่ือนชูภาพขึ้นทีละภาพใหอกี คนทาย
และบนั ทกึ วา ทายถกู กช่ี อ่ื แลว สลบั กนั ทาย ฝก ฝนบอ ย ๆ จนทายถกู ทุกช่ือและเรว็ ขึ้น

2. เสียงของเครอ่ื งดนตรี

เสยี งของเครอื่ งดนตรที เ่ี ราไดย นิ มลี กั ษณะของเสยี งทแี่ ตกตา งกนั เพราะ
แตละชนิดจะมีรูปราง ลักษณะ สวนประกอบ และกลไกในการเกิดเสียงท่ี
แตกตา งกัน และมคี ณุ ภาพของเสียงทีเ่ ปนลกั ษณะเฉพาะ เสียงดนตรีที่เกดิ ขึน้
จะมีลักษณะอยา งไรน้นั ข้ึนอยูกับการนำ�เอาเคร่ืองดนตรีชนิดตาง ๆ มาผสม
เปน วง เสียงที่เกดิ ข้ึนก็จะมลี กั ษณะท่แี ตกตางกันไป เชน

เสียงของเครอื่ งดนตรี

ที่เกดิ จาก

เคร่อื งดดี เครื่องสี เครื่องตี เคร่อื งเปา่

8 หนงั สือเรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศลิ ป์ ป. 4

2.1 เสียงดนตรที ีเ่ กดิ จากเคร่อื งดนตรีประเภทเครอ่ื งดดี

มีลักษณะของเสียงท่ีขาดจากกัน เสียงจะไมตอเนื่อง สามารถใหความ
รสู กึ สนุกสนาน และเราใจ เชน เสยี งจะเข เสียงพณิ เสียงกตี าร เปน ตน

2.2 เสยี งดนตรที เ่ี กดิ จากเครอื่ งดนตรปี ระเภทเครือ่ งสี

มลี กั ษณะของเสยี งทต่ี อ เนอื่ งกนั ใหค วามรสู กึ ออ นหวาน และไพเราะนา่ ฟงั
ซง่ึ สามารถสรา งอารมณใ หเ กิดข้นึ ไดเปน อยา งดี เชน เสียงซอ เสียงไวโอลนิ
เปนตน

2.3 เสยี งดนตรที เี่ กิดจากเคร่อื งดนตรปี ระเภทเครือ่ งตี

มเี สยี งดงั ชดั เจน ฟง แลว รสู กึ ถงึ ความสนกุ สนาน ความเขม แขง็ เชน เสยี ง
ระนาด เสยี งกลองชนิดตาง ๆ เปน ตน

2.4 เสยี งดนตรีที่เกดิ จากเครือ่ งดนตรปี ระเภทเครอื่ งเปา

มีลักษณะของเสียงที่ตอเนื่องกัน สามารถเปาเลียนเสียงไดใกลเคียงกับ
เสียงรองมากที่สดุ และใหความรสู กึ ไดหลาย ๆ แบบ ทงั้ ออนหวาน โศกเศรา
สนกุ สนาน ยง่ิ ใหญ เชน เสยี งขลยุ เสยี งปต า ง ๆ เสยี งแซก็ โซโฟน เสยี งทรมั เปต
เปนตน

ฝกึ ฝนดนตรี

รวมกลมุ กบั เพอื่ นแลว ฟง เสยี งของเครอ่ื งดนตรแี ตล ะชนดิ หรอื แตล ะประเภท แลว
เปรยี บเทยี บความแตกตา งระหวา งเสยี งของเครอ่ื งดนตรแี ตล ะชนดิ หรอื แตล ะประเภท
วา มีความแตกตา งกนั อยา งไร และใหความรสู กึ อยา งไร

หนังสอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ป. 4 9

3. การใชและการดูแลรกั ษาเคร่ืองดนตรเี บ้อื งตน

เครอื่ งดนตรที ีน่ ำ�มาเลน ตอ งคอยดูแลรกั ษาเปน อยางดี การหยิบหรือวาง
ควรทำ�เบา ๆ ไมโ ยนเลน หมน่ั ตรวจดวู า มสี ว นใดบา งทช่ี ำ�รดุ แลว แจง ใหค รทู ราบ
เพื่อซอ มแซมใหใชง านได และเมือ่ เลนเสร็จแลว ควรทำ�ความสะอาด เก็บเขาท่ี
ใหเรียบรอย

การใชแ้ ละการดูแลรกั ษา
เครอ่ื งดนตรีเบอ้ื งต้น

แบง่ เปน็

การใช้และการดแู ลรกั ษา การใช้และการดูแลรักษา
เคร่ืองดนตรีไทย เคร่อื งดนตรีสากล

3.1 การใชและการดูแลรักษาเคร่อื งดนตรไี ทย

1) เครอ่ื งดดี เมอื่ เลกิ ใชบ รรเลง ใหท ำ�ความสะอาด
ตวั เครอื่ งโดยใชผ า สะอาดเชด็ และคลมุ ดว ยผา ทเี่ ยบ็ เขา รปู
แลวนำ�ไปเก็บไวใ นตู
2) เครอื่ งสี เมอ่ื ใชแ ลว หรอื หลงั จากเลกิ ใชจ ะตอ งค
ลายสายเสยี กอน โดยหมุนลกู บดิ ลงเพ่อื ใหส ายหยอนลง
เล็กนอ ย แลว เล่อื นหมอนรองสายมาไวตรงขอบกะโหลก
ทำ�ความสะอาดโดยเชด็ ดวยผา แหง แลวนำ�ไปแขวนหรอื
ใสถ งุ นำ�ไปเก็บในตูใ หม ิดชดิ
3) เครอ่ื งตี
(1) เครอื่ งตีประเภทเครื่องหนัง ไมค วรเก็บไว ในทีท่ ี่มีความช้ืนมาก
เพราะอาจทำ�ใหห นงั หนา กลองหรอื ชนิ้ สว นทท่ี ำ�ดว ยหนงั เกดิ การหยอ นยานหรอื
เนาเหมน็ ได

10 หนงั สอื เรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ดนตร–ี นาฏศลิ ป์ ป. 4

(2) เครื่องตีประเภทเครอื่ งกำ�กับจงั หวะ ควรปฏิบตั ดิ ังน้ี
– ควรมีหีบหรือกลองเก็บเครื่องกำ�กับ
จังหวะโดยเฉพาะ หรือเก็บไวในตู เครื่องดนตรีเหลานี้
มีขนาดเลก็ อาจเกิดการสญู หายได
– ไมควรเก็บรวมกันเปนกอง เพราะ
ไมสะดวกตอ การใช หรืออาจกระทบกระแทกกันทำ�ใหเสียหายได
– ทำ�ความสะอาดใหเรยี บรอยทง้ั กอนและหลังการใช
4) เครื่องเปา
(1) ทำ�ความสะอาดดวยผานุมท่ีสะอาดท้ัง
ดานในและดา นนอกตัวเครอื่ ง
(2) ไมควรโยนเคร่อื งเปาเลน เพราะอาจทำ�ให
พลาดตก ทำ�ใหเ ครอ่ื งเปา แตก หกั หรอื ชำ�รุดได
(3) ใสก ลองหรอื ถงุ ใหเ รียบรอย แลว เก็บในที่
ปลอดภยั

ฝึกฝนดนตรี
ฝก ทำ�ความสะอาดเครอ่ื งดนตรไี ทยแตล ะประเภทตามหลกั ปฏบิ ตั ใิ นการดแู ลรกั ษา
เคร่ืองดนตรีอยางถูกวิธี หรือหลังจากการบรรเลงเครื่องดนตรีแตละชนิดหรือ
แตล ะประเภท ใหป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารดแู ลรกั ษาเครอ่ื งดนตรเี บอ้ื งตน กอ นเปน ลำ�ดบั แรก
เพอื่ ใหเ ครอื่ งดนตรมี อี ายกุ ารใชง านทนี่ านข้ึน

3.2 การใชแ ละการดแู ลรักษาเครือ่ งดนตรีสากล

1) การใชเ ครอื่ งดนตรี
(1) การจับและถือเคร่ืองดนตรี จับและถือเคร่ืองดนตรีแตละชนิด
ใหถ กู ตอ งตามลกั ษณะของเครอ่ื งดนตรชี นดิ นน้ั ๆ และใหเ ปน ไปตามธรรมชาติ
ทาทางท่ีถูกตองจะชวยใหการบรรเลงมีความคลองแคลว สงางาม ทำ�ใหการ
บรรเลงเปน ไปดว ยดี

หนงั สือเรียน รายวิชาพนื้ ฐาน ดนตร–ี นาฏศลิ ป์ ป. 4 11

การจับและถอื เครือ่ งดนตรีสากลทถ่ี ูกตอง

(2) การประกอบและการถอดเครอ่ื งดนตรี เครอื่ งดนตรแี ตล ะชนดิ มี
ลักษณะ สว นประกอบ และหลกั กลไกทแ่ี ตกตางกันไป บางชนิดอาจประกอบ
และถอดงา ย แตกม็ บี างชนดิ ท่มี สี วนประกอบที่ซบั ซอ น ทำ�ใหก ารประกอบหรือ
การถอดยากลำ�บากมากขน้ึ ควรศึกษาวธิ ีประกอบและวิธถี อดสวนตา ง ๆ ของ
เครอ่ื งดนตรนี น้ั อยา งละเอยี ด เพอ่ื ใหก ารประกอบและการถอดเครอ่ื งดนตรเี ปน
ไปอยา งถกู ตอง
2) การดูแลรกั ษาเครอื่ งดนตรี
(1) เครื่องดนตรีประเภทเคร่ืองสาย เม่ือใชแลวตองลดสายทุกคร้ัง
เชด็ เหงอ่ื ตามสายและลำ�ตวั ใหท ่ัวดว ยผานุม ๆ ทสี่ ะอาด เกบ็ ใสก ลองใหเ รยี บ
รอย แลวนำ�ไปเก็บในท่ีปลอดภัย ถาสายขาดหรือลำ�ตัวชำ�รุดตองซอมแซม
ใหอยูใ นสภาพพรอมใชเ สมอ
(2) เครอ่ื งดนตรปี ระเภทเครอ่ื งเปา เมอ่ื เลกิ ใชแ ลว ใชผ า นมุ เชด็ ภายใน
ทอลมทุกทอใหแหงสนิท เช็ดรอยน้ิวมือในสวนทั่ว ๆ ไปใหสะอาด หยอด
น้ำ�มนั ตามจุดกระเด่อื งน้ิวทเ่ี สยี ดสีกัน เชน ขอ ตอ สปรงิ สกรวู ดวยนำ้ �มนั ท่ี
ใชห ยอดโดยเฉพาะ สว นประกอบทเ่ี ปน ไมก อ กถา ฝด หรอื แหง ใหท าดว ยวาสลนี
ทาไมกอก อยาใหนวมเครื่องเปาประเภทเคร่ืองลมไมโดนนำ้ �มันเด็ดขาด เมื่อ
ทำ�ความสะอาดแลว เก็บใสก ลองใหเรยี บรอ ย นำ�ไปเก็บไวในท่ปี ลอดภยั

12 หนังสอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตร–ี นาฏศลิ ป์ ป. 4

(3) เครื่องดนตรปี ระเภทเครือ่ งตี แบง ออกเปน 2 ลกั ษณะ คอื
(3.1) เครอื่ งตีท่ีมีระดบั เสยี ง
– ควรใชผาท่ีนุมเช็ดทำ�ความสะอาดทุกครั้งหลังจาก
บรรเลงเสรจ็ เพ่ือปอ งกนั ฝุนละออง
– ควรมีถงุ กระเปา หรือกลองไวส ำ�หรบั ใสเ ฉพาะ หรอื
อาจมีผา สำ�หรับไวค ลมุ เครือ่ งดนตรี เพอื่ ปอ งกนั ฝนุ ละอองจบั
– ไมควรนำ�ส่ิงของอื่น ๆ วางบนตัวเครื่อง เพราะอาจ
ทำ�ใหชำ�รดุ ได
(3.2) เครอ่ื งตที ไ่ี มมรี ะดบั เสยี ง
– สำ�หรบั กลองใหญแ ละกลองเล็ก ควรตีดวยไมต ีเฉพาะ
ของแตละเครอ่ื งเทาน้นั เพ่อื ปองกนั หนากลองแตก
– ควรมีผา คลมุ กลอง กระเปา หรอื เกบ็ ไวใ นตูทมี่ ดิ ชดิ
เพอ่ื ปองกนั ฝนุ ละอองจบั
– ไมค วรวางเครอื่ งซอ นกนั เพราะจะทำ�ใหห นา กลองหยอ น
หรือขาดได
– สำ�หรบั ฉาบ เมอื่ บรรเลงเสรจ็ ควรเกบ็ ใสก ระเปา หรอื ถงุ
สำ�หรับใสฉาบโดยเฉพาะ เน่อื งจากเปนเคร่อื งดนตรีท่มี ีความคมและบาง อาจ
เกิดอันตรายได

WEB GUIDE
http://www.thaicontemp.com

ฝึกฝนดนตรี
รวมกลมุ กบั เพอ่ื นแลว รว มกนั ศกึ ษาวธิ กี ารใชแ ละการดแู ลรกั ษาเครอื่ งดนตรสี ากล
แตล ะชนดิ หรอื แตล ะประเภทอยา งละเอยี ดเพม่ิ เตมิ จากครดู นตรหี รอื แหลง การเรยี นรู
อน่ื ๆ แลวนำ�มาปฏิบัตสิ าธติ ใหเพ่ือน ๆ ในช้นั เรยี นดแู ละฝกปฏิบตั ติ าม

หนังสือเรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ดนตรี–นาฏศลิ ป์ ป. 4 13

สรุป

เคร่ืองดนตรี

แบ่งเป็น

1. ประเภทของเคร่อื งดนตรี

ไดแ้ ก่ 1.1 เครอื่ งดนตรีไทย

เชน่

เคร่ืองดีด เครือ่ งสี เครื่องตี เครื่องเปา

1.2 เครอ่ื งดนตรสี ากล

เช่น

เครอ่ื งสาย เครื่องลมไม เครอ่ื งลมทองเหลือง เคร่อื งตีหรอื เครื่องกระทบ เครือ่ งล่มิ นิว้ หรอื
คียบ อรด

2. สญั ลกั ษณ์ทางดนตรี

ไดแ้ ก่ 2.1 เสยี งดนตรีที่เกดิ จากเครอ่ื งดนตรีประเภทเครื่องดีด เช่น • สนกุ สนาน
• ให้เสยี งที่ไมต่ ่อเนอื่ ง

2.2 เสียงดนตรีที่เกิดจากเครื่องดนตรปี ระเภทเคร่ืองสี เช่น • อ่อนหวาน
• ให้เสียงทต่ี อ่ เน่ืองกนั

2.3 เสยี งดนตรที ่เี กิดจากเครือ่ งดนตรปี ระเภทเครอื่ งตี เชน่ • เสยี งดงั
• สนกุ สนาน

2.4 เสยี งดนตรีที่เกดิ จากเครอ่ื งดนตรปี ระเภทเครอ่ื งเป่า เชน่ • ใหค้ วามรู้สึก
หลายแบบ เช่น
อ่อนหวาน โศกเศร้า
สนกุ สนาน
3. การใชแ้ ละดแู ลรกั ษาเครอ่ื งดนตรเี บอื้ งตน้

ได้แก่ 3.1 การใช้และดูแลรักษาเครอื่ งดนตรีไทย เช่น

3.2 การใชแ้ ละดแู ลรักษาเคร่อื งดนตรสี ากล เชน่

14 หนงั สอื เรียน�รายวชิ าพ้นื ฐาน�ดนตร–ี นาฏศลิ ป� ป.�4

¡¨Ô ¡ÃÃÁàʹÍá¹Ð
� 1.��ฟงเสียงเครอ่ื งดนตรไี ทยและสากล�แลว จินตนาการถึงภาพของเสียง
เครอื่ งดนตรีที่ไดย นิ �และบอกวาเปนเสียงเคร่ืองดนตรีอะไร
� 2.��แตล ะคนเลือกเครอ่ื งดนตรีเพอ่ื ฝกเลนตามความสนใจ�

â¤Ã§§Ò¹
� เลอื กปฏบิ ตั โิ ครงงานตอ ไปนตี้ ามความสนใจ�หรอื คดิ โครงงานขนึ้ เองโดย
ขอคำ�แนะนำ�จากครู�แลวปฏบิ ตั ิตามข้ันตอนการทำ�โครงงาน
� 1.��โครงงานเปรียบเทียบเสียงเคร่ืองดนตรีไทยและเสียงเครื่องดนตรี
สากลแตละประเภท� วาเสียงของเคร่ืองดนตรีแตละชนิดใหความรูสึกแตกตาง�
กนั อยางไร
� 2.��โครงงานคน ควา และรวบรวมเครอื่ งดนตรไี ทยและเครอื่ งดนตรสี ากล�
แตล ะประเภทวามีอะไรบา ง

¡ÒûÃÐÂØ¡µãªŒã¹ªÇÕ Ôµ»ÃШÓǹÑ
•� ใชค วามรใู นหนว ยการเรยี นรนู ใ้ี นการจำ�แนกประเภทของเครอื่ งดนตรี
ที่พบเห็นในที่ตาง�ๆ�และรจู ักเสยี งของเคร่ืองดนตรีแตล ะชนิด�รวมทั้งใชและ
ดูแลรักษาเครื่องดนตรไี ดอยางถูกตองและปลอดภยั

¤Ó¶ÒÁ·º·Ç¹
� 1.��เครือ่ งดนตรีไทยแบงออกเปน กปี่ ระเภท�อะไรบาง
� 2.��เคร่ืองดนตรสี ากลแบงออกเปนกี่ประเภท�อะไรบาง
� 3.��เสียงของเครอ่ื งดนตรีแตละประเภทมีลักษณะเปนอยา งไร
� 4.� การดูแลรกั ษาเครือ่ งดนตรมี ปี ระโยชนอ ยางไรบาง


Click to View FlipBook Version