คำนำ
คู่มือการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาเล่มนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสิงห์บุรี จัดทำขึ้นเพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
ด้านความปลอดภัยสถานศึกษา มีเป้าหมายให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการ
ปอ้ งกัน คุ้มครอง ดูแลช่วยเหลือ เยียวยา มคี วามมน่ั คงและปลอดภยั โดยปรับจากคู่มอื การดำเนินงาน
ความปลอดภัยสถานศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี ในคู่มือ
การดำเนินงานเล่มนี้ประกอบด้วย ความสำคัญและวัตถุประสงค์ของความปลอดภัยสถานศึกษา
องค์ความรู้ ด้านความปลอดภัย การเสริมสร้างความปลอดภัย การติดต่อสื่อสาร และการกำกับ
ตดิ ตามและประเมินผลสถานศกึ ษาปลอดภัย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือเล่มนี้จะอำนวย
ความสะดวกในการปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ขอบคุณ
คณะทำงาน ทกุ ทา่ นท่ีไดร้ ่วมกันจัดทำคู่มอื การดำเนนิ งานความปลอดภยั สถานศึกษาเลม่ น้จี นสำเรจ็ ลลุ ว่ ง
สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสงิ ห์บุรี
พฤษภาคม 2565
ก
สารบัญ หนา้
ก
เร่อื ง ข
คำนำ 1
สารบัญ 2
สว่ นท่ี 1 บทนำ 3
3
1. ความสำคัญจำเปน็ การดำเนนิ งานความปลอดภยั สถานศกึ ษา 3
2. วตั ถปุ ระสงค์ 4
3. เปา้ หมาย 5
4. ตัวช้วี ัดความสำเร็จ 9
สว่ นท่ี 2 องคค์ วามรู้ด้านความปลอดภัย 14
1. นโยบายดา้ นความปลอดภยั
2. กฎหมายท่เี กีย่ วข้อง 15
3. องค์ความรเู้ กย่ี วกบั นโยบาย 4 มี 5 ตอ้ ง 25
4. แนวทางการดำเนนิ งานความปลอดภยั สถานศึกษา ดว้ ยนโยบาย 26
27
4 มี 5 ตอ้ ง สำหรับโรงเรยี น สังกดั สำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา 28
ประถมศึกษาสงิ หบ์ ุรี 31
ส่วนที่ 3 การเสริมสร้างความปลอดภยั สถานศกึ ษา 40
1. ขอบข่ายความปลอดภยั สถานศึกษา 41
2. มาตรการความปลอดภัยสถานศกึ ษา 43
3. โครงสร้างการบริหารจัดการความปลอดภัยสถานศึกษา 49
4. ขั้นตอนการดำเนนิ งานความปลอดภัยสถานศกึ ษา 50
ส่วนที่ 4 การติดตอ่ สื่อสาร 57
1. ระดับสำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงิ หบ์ รุ ี 61
2. หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้อง
สว่ นที่ 5 การกำกับ ติดตามและประเมินผล
1. ระดบั สำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสิงหบ์ รุ ี
2. ระดับสถานศึกษา
บรรณานกุ รม
ข
สารบัญ (ต่อ)
เรอื่ ง หนา้
ภาคผนวก 62
ฉบับท่ี 1 ประกาศโรงเรียน เรื่อง คณะกรรมการความปลอดภยั โรงเรยี น 63
ฉบับที่ 2 คำส่งั เรื่อง แต่งตั้งเจา้ หนา้ ที่ดแู ลระบบ MOE Safety Center ของโรงเรียน 63
ฉบับที่ 3 ตวั อย่างแผนเผชิญเหตคุ วามปลอดภยั ในสถานศึกษา 63
ฉบับท่ี 4 แบบสรปุ การดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศกึ ษา 63
ฉบับท่ี 5 แบบบนั ทึกการคุ้มครองและชว่ ยเหลอื นักเรียนกรณพี บเหตุ 63
ฉบับท่ี 6 แบบประเมนิ การดำเนินงานความปลอดภัยสถานศกึ ษา
ด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง สังกดั สพป.สิงหบ์ รุ ี สำหรับผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา 64
ฉบับที่ 7 แบบประเมินการดำเนินงานความปลอดภยั สถานศึกษา
ด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง สงั กดั สพป.สิงห์บุรี สำหรับครู 64
ฉบบั ท่ี 8 แบบประเมินการดำเนนิ งานความปลอดภัยสถานศกึ ษา
ด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง สงั กดั สพป.สงิ หบ์ รุ ี
สำหรับคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พน้ื ฐาน 64
ฉบับท่ี 9 แบบประเมนิ การดำเนนิ งานความปลอดภยั สถานศึกษา
ดว้ ยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง สงั กดั สพป.สิงห์บรุ ี สำหรบั นกั เรียน 64
คณะผู้จัดทำ 65
ค
1
1. ความสำคัญจำเป็นการดำเนนิ งานความปลอดภยั สถานศกึ ษา
ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านที่ 1 การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ
มีวัตถุประสงค์หลักในการเสริมสร้างความมั่นคงในชีวิตของคนทุกช่วงวัย จากภัยคุกคามในรูปแบบ
ใหม่ อาทิ อาชญากรรมและความรุนแรงในรูปแบบตา่ งๆ ยาเสพติด ภยั พิบัตจิ ากธรรมชาติ ภัยจากโรค
อุบัติใหม่ และภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ.2560- 2579) จึงได้ตระหนักถึง
การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่เกิดจากความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีของโลก
ยุคศตวรรษท่ี 21 เป็นพลวตั ที่ก่อให้เกิดความท้าทายในดา้ นการเปล่ียนแปลงของบริบทเศรษฐกิจและ
สังคมโลก อันเน่ืองจากการปฏวิ ัตดิ จิ ิทลั (Digital Revolution) ประเทศเข้าสู่สงั คมสูงวยั อย่างสมบูรณ์
ในอนาคตอันใกล้ การติดต่อกับประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ทัศนคติ ความเช่ือ ค่านิยมวัฒนธรรม
และพฤติกรรมของประชากรที่ปรบั เปลีย่ นไปตามกระแสโลกาภิวตั นเ์ ป็นผลให้เกิดการเรง่ แก้ไขปัญหา
ทั้งยังเกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และประเทศชาติ
มีความชับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งภัยในแต่ละด้านล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
ประกอบกับนโยบาย Quick Win 7 วาระเร่งด่วน ขอ้ ท่ี 1 ความปลอดภยั ของผ้เู รียนกระทรวงศึกษาธิการ
มองเห็นภัยที่เกิดแก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่เกิดขึ้นซ้ำและส่งผลกระทบต่อ
สภาพร่างกายและจิตใจในหลายปีที่ผ่านมา เช่น ภัยจากการคุกคามทางเพศ ภัยจากการกลั่นแกล้งรังแก
(Bully) ภัยที่เกิดจากโรคอุบัติใหม่ ได้แก่ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)
เปน็ ผลใหเ้ ป็นอุปสรรคต่อการเรยี นรู้และสวัสดิภาพชวี ิตของนักเรยี น ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา
นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษา
ขั้นพื้นฐานให้เป็น"การศึกษา ขั้นพื้นฐานวิถีใหม่ วิถีคุณภาพ" มุ่งเน้นความปลอดภัยในสถานศึกษา
สง่ เสริมโอกาสทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพอย่างเท่าเทียม และบรหิ ารจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมุ่งเน้นพัฒนาระบบในการดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาและ
สถานศกึ ษา จากภยั พบิ ัติและภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะ
ที่ดี สามารถปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ ส่งเสริมความปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้สังคม
เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เพื่อให้การป้องกัน ดูแล ช่วยเหลือหรือเยียวยา และแก้ไขปัญหามีความเป็นเอกภาพ มีข้อมูล
สารสนเทศที่เป็นระบบ สามารถแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างยั่งยืนด้วยการ
บริหารจดั การตามมาตรการ 3 ป ได้แก่ ปอ้ งกัน ปลูกฝังและปราบปราม ใหเ้ กดิ ความปลอดภัยให้มาก
ที่สุด และไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำอีก เพื่อสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครูและ
บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ในการที่จะได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพและ
เกดิ ความปลอดภัยอย่างมั่นคงและย่ังยนื เพือ่ ให้แนวทางการปฏบิ ัตสิ อดคล้องและเป็นระบบ
2
สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี มวี สิ ยั ทัศน์ในการมุ่งพัฒนาองค์กรสู่คุณภาพ
และบริหารจัดการสู่ความเป็นเลิศด้วย นโยบาย 4 มี 5 ต้อง ให้ผู้เรียนมีมาตรฐานตามหลักสูตรและ
ทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 มีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงได้จัดทำคู่มือการดำเนินงานความปลอดภัย
สถานศึกษาขึ้น เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย
สถานศกึ ษา โดยมเี ป้าหมายใหน้ กั เรียน ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาไดร้ บั การปอ้ งกนั ค้มุ ครอง ดแู ลชว่ ยเหลอื
เยียวยา มีความมั่นคงและปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายความปลอดภัยของกระทรวงศึกษาธิการ
และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยในคู่มือการดำเนินงานเล่มนี้ประกอบด้วย
ความสำคญั และวัตถปุ ระสงค์ของความปลอดภยั สถานศกึ ษา องคค์ วามรู้ ด้านความปลอดภยั การเสรมิ สร้าง
ความปลอดภัยสถานศกึ ษา การติดต่อสอื่ สาร และการกำกับ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพอ่ื สรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจในการดำเนนิ งานความปลอดภัยสถานศึกษา
2.2 เพอ่ื สร้างความเขม้ แข็งการดำเนนิ งานความปลอดภยั สถานศึกษา
2.3 เพ่อื ดำเนินงานความปลอดภยั สถานศึกษาอยา่ งเปน็ ระบบ
2.4 เพอื่ รายงานการดำเนนิ การดา้ นความปลอดภยั ตอ่ หน่วยงานต้นสังกัด
3. เป้าหมาย
3.1 สถานศึกษามีแผนความปลอดภัยตามบรบิ ทของสถานศกึ ษา
3.2 สถานศึกษามีการปฏิบัติท่เี ปน็ เลิศในการเสริมสร้างความปลอดภัยสถานศึกษาเพ่ือการพัฒนา
อยา่ งยั่งยืน
3.3 นักเรยี น ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาได้รบั ความค้มุ ครองดแู ลให้มีความปลอดภัย
3.4 สถานศึกษากบั หน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานทเี่ กยี่ วข้อง และภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมใน
การดำเนินงานด้านความปลอดภัยสถานศึกษา
4. ตัวช้ีวดั ความสำเร็จ
4.1 สถานศกึ ษาทกุ แหง่ มีแผนความปลอดภยั ตามบริบทของสถานศกึ ษา
4.2 ร้อยละ 80 ของสถานศึกษามีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ ในการเสริมสร้างความปลอดภัย
สถานศกึ ษาเพื่อการพฒั นาอย่างยั่งยืน
4.3 นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนได้รับความคุ้มครองดูแลให้มีความ
ปลอดภยั
4.4 ร้อยละความร่วมมือระหวา่ งสถานศึกษากับหนว่ ยงานต้นสังกดั หนว่ ยงานท่ีเกย่ี วขอ้ งและ
ภาคีเครือข่าย มีส่วนรว่ มในการดำเนนิ งานด้านความปลอดภัยสถานศึกษา
3
4
การศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในฐานะที่เป็นกระบวนการหนึ่งที่มีบทบาท
โดยตรงต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการและทิศทาง
ของประเทศ การศึกษาจึงหมายถึงการพัฒนาบุคคลให้มีความเจริญงอกงามทุกด้าน ทั้งร่างกาย
สติปัญญาอารมณ์ และสังคม การสร้างความปลอดภัยให้แก่นักเรียนเปน็ สิ่งสำคัญ เพราะความปลอดภัย
เป็นปัจจัยท่ีส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน การพัฒนาทรัพยากรบุคคล
ให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าประสงค์ขึ้นอยู่กับความสุขและการมีชีวิตที่ปลอดภัยทั้งภายในและภายนอก
สถานศึกษา สามารถป้องกันหรือได้รับการป้องกันตนเองจากปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีความรู้
ความเข้าใจ จิตสำนึก และเจตคติที่ดี และมีทักษะในการป้องกันภัย สามารถหรือได้รับการแก้ไข
ปัญหาช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู และดำเนินการตามข้ันตอนของกฎหมาย ดังนั้น จึงเป็นภารกิจสำคญั
ที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จะต้องมีแนวนโยบาย
สถานศกึ ษาปลอดภัยให้เกิดข้ึน
ในส่วนถัดไปขอนำเสนอรายละเอยี ดขององค์ความรดู้ ้านความปลอดภัย จำนวน 4 ประเด็น ดังน้ี
1. นโยบายด้านความปลอดภยั
2. กฎหมายที่เกีย่ วขอ้ ง
3. องคค์ วามรเู้ ก่ยี วกบั นโยบาย 4 มี 5 ตอ้ ง
4. แนวทางการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง สำหรับโรงเรียน
สังกดั สำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสงิ หบ์ ุรี
โดยทงั้ 4 ประเด็น มสี าระสำคัญดังน้ี
1. นโยบายดา้ นความปลอดภัย
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ได้กำหนดแนวทาง
การบริหารจัดการ เพื่อลดความเส่ียงด้านภัยพิบัติเพ่ือให้เกิดความเสียหายน้อยท่ีสุด และนำไปสู่
การพฒั นาท่ยี ่ังยนื มีรายละเอยี ดดงั นี้
1. บูรณาการการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเข้าสู่กระบวนการวางแผนทั้งระดับชาติ ระดับชุมชน
ท้องถ่ินและสาขาการผลิตต่าง ๆ พฒั นาองค์ความรู้ สนบั สนนุ การประเมนิ และจัดทำแผนที่ความเส่ียง
จากภัยพิบตั ใิ นพื้นท่แี ละภาคการผลติ ทมี่ ลี ำดบั ความสำคัญสูง
2. เสริมสร้างขีดความสามารถในการเตรียมความพร้อมและการรับมือภัยพิบัติ สนับสนุน
การจัดทำแผนรับมือภัยพิบัติในระดับพื้นที่ ส่งเสริมแนวทางการจัดการกับภัยพิบัติ โดยจะมีชุมชน
เป็นศูนย์กลางส่งเสริมภาคเอกชนในการจัดทำแผนบริหาร ความต่อเนื่องของธุรกิจ สร้างจิตสำนึก
ความปลอดภัยสาธารณะ ส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนและชุมชนท้องถิ่นในการร่วมกันดำเนินการ
ป้องกันและลดความเสีย่ งจากภัยพิบัติ
3. พัฒนาระบบการจัดการภัยพิบัติในภาวะฉุกเฉิน พัฒนาระบบการเตือนภัยให้มีความแม่นยำ
น่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมกลไกการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนา
ระบบฐานข้อมูลให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถเช่ือมโยง แลกเปลยี่ นข้อมูลระหว่างหนว่ ยงานทั้งใน
5
และตา่ งประเทศได้ พฒั นากลไกบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพือ่ เพิ่มศักยภาพการจัดการภัยพิบัติ
ในภาวะฉกุ เฉิน
4. พัฒนาระบบการฟื้นฟูบูรณะหลังการเกิดภัยให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการ
ของผู้ประสบภยั ได้อยา่ งทว่ั ถึงและเป็นธรรม ยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบความปลอดภัยภายหลัง
การเกิดภัยพิบัติ และปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยของสิ่งก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง
พฒั นามาตรฐานความปลอดภัยของโครงสรา้ ง
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการศึกษา
ภายใต้ 6 ยทุ ธศาสตร์หลักที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561 - 2580) เพื่อให้แผนการศึกษา
แห่งชาติบรรลุเป้าหมายตามจุดมุ่งหมาย วิสัยทัศน์ และแนวคิดการจัดการการศึกษาโดยได้กำหนด
ในยุทธศาสตร์ที่ 1 การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ ปัจจุบันภัยคุกคาม
ต่อความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและประเทศชาติมีความซับซ้อน และรุนแรง
มากขน้ึ อาทิ ความรนุ แรงในรปู แบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภยั พบิ ตั ิจากธรรมชาติ ภยั จากโรค อบุ ัตใิ หม่ ภัยจาก
ไซเบอร์ เป็นต้น ความมั่นคงของชาติจึงมิได้ครอบคลุมเฉพาะมิติด้านการทหารหรืออำนาจอธิปไตย
เท่านน้ั แตย่ งั ครอบคลมุ มิตติ ่าง ๆ ทง้ั เศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวติ วฒั นธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ
ซึ่งในแต่ละมติ ิล้วนมคี วามสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ การป้องกันภัยคุกคามเหล่านีจ้ ะตอ้ งพิจารณา
ในมิติที่มีความเชื่อมโยงกัน การดำเนินการเพื่อวางรากฐานและกลไก การสร้างความมั่นคงเพื่อป้องกัน
และป้องปรามภยั เหล่านี้นั้นจะต้องเริ่มที่กระบวนการจัดการศกึ ษาของประเทศ การดูแลและป้องกัน
ภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรม ความรุนแรงในสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด
ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่ ภัยจากไซเบอร์เพื่อส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยและ
ความมั่นคงในชีวติ ลดความเสย่ี งจากภัยคุกคามตา่ ง ๆ
ดังนั้น การจัดการศึกษาที่ครอบคลุมประเด็นหลักสำคัญที่มีผลด้านความมั่นคงแก่คนในชาติ
จะส่งผลให้ทุกคนมีจิตสำนึก ความรู้ ความสามารถ ทักษะความคิด ทัศนคติ ความเชื่อค่านิยม และ
พฤติกรรมที่เหมาะสม รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม และโลกศตวรรษที่ 21 สามารถดำรงชีวิต
อยู่ในสังคมได้อย่างสันติและสงบสุข อันจะส่งผลให้สังคมและประเทศเกิดความมั่นคง ธำรงรั กษา
อธปิ ไตย และผ่านพ้นจากภยั คกุ คามตา่ ง ๆ ได้
ความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน (Comprehensive School
Safety Framework : CSSF) ได้ปรากฏอยู่ในกรอบการดำเนินงานระดับโลก ท้งั ทเ่ี ป็นกรอบความคิดริเริ่ม
และข้อตกลงหลายฉบับ CSSF ตั้งอยู่ใจกลางของกรอบการดำเนินงานที่ทับซ้อนกันหลายด้าน ได้แก่
เปา้ หมายการพัฒนาที่ย่ังยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) อนุสัญญาวา่ ดว้ ยสิทธคิ นพิการ
(Convention on the Rights of Persons with Disabilities: CRPD) การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
(Disaster Risk Reduction : DRR) และ Sendai Framework for DRR โดยมีหลักการสำคัญ คือ
การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก ซึ่งช่วยให้ประชาคมโลกเกิดความชัดเจนถึงภัยคุกคามจาก
ภยั ธรรมชาติ ความขัดแยง้ ความรนุ แรง และการพลดั ถน่ิ
6
1.1 ความปลอดภัยรอบดา้ นในโรงเรยี น เปา้ หมายของความปลอดภยั รอบดา้ นในโรงเรียน
เพอื่ คมุ้ ครองนกั เรยี นและบคุ ลากรดา้ นการศกึ ษา เพอื่ ใหโ้ รงเรียนวางแผนจดั การศกึ ษา
จากการเสยี ชวี ิต การบาดเจบ็ และอันตรายในโรงเรยี น ต่อเน่ืองแมใ้ นระหว่างท่ีเกิดภยั พิบตั ิ
เพื่อปกป้องการลงทุนในภาคการศกึ ษา เพ่ือสรา้ งความเขม้ แขง็ ในการลดความเส่ยี ง
และการฟน้ื ตัวของภาคการศกึ ษา
1.2 สามเสาหลกั ของความปลอดภยั รอบดา้ นในโรงเรียน
ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน ซึ่งอยู่ภายใต้นโยบายและการปฏิบัติด้านการศึกษา
มีความสอดคล้องกับการบริหารจัดการภัยพิบัติ ในระดับสากล ระดับประเทศ ภูมิภาค จังหวัด และ
ระดบั พืน้ ที่ รวมทัง้ ในโรงเรียน
7
1.3 กรอบแนวคดิ ความปลอดภัยรอบดา้ นในโรงเรยี น
ประกอบด้วยสามเสาหลัก (Three Pillars) ไดแ้ ก่
1
ด้านอาคารสถานท่แี ละสิง่ อำนวยความสะดวกในโรงเรยี น
ทปี่ ลอดภัย (Safer Learning Facilities)
2
ด้านการบรหิ ารจดั การภยั พิบตั ใิ นสถานศึกษา
(School Disaster Management)
3
ด้านการศึกษาดา้ นการลดความเสี่ยงและการร้รู ับปรับตวั
จากภยั พิบตั ิ (Risk Reduction and Resilience Education)
ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียนและความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals) พ.ศ.2558 - 2573 และกรอบการดำเนินงานเพื่อการลดความเสี่ยง
จากภัยพิบัติ พ.ศ.2558 - 2573 ผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน
เข้าไปในกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืน และนโยบายและการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ เรื่องการลดความเสี่ยง
ได้แก่
1) ปรบั ปรุงการเขา้ ถงึ การศกึ ษาของเดก็ อย่างเท่าเทยี ม ไม่เลือกปฏบิ ัติ และปลอดภยั
2) พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบัน กลไกและเครือข่ายประสานงาน รวมทั้ง
ศักยภาพระดับประเทศ ในการสร้างความสามารถในการรู้รับปรับตัวและฟื้นคืนกลับ (Resilience)
จากภัยและอันตรายที่อาจจะเกิดขึน้ แก่ภาคการศึกษา ท้งั ในระดบั นานาชาติ ระดับชาติ ระดับภูมิภาค
และระดบั ทอ้ งถ่ิน
3) บูรณาการแนวทางการลดความเสี่ยงเข้าไปในการดำเนินงานเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรบั
ภยั ฉกุ เฉิน การตอบสนอง และการฟ้นื ฟจู ากภยั พิบัตใิ นภาคการศึกษา
4) ติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานด้านการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ
และความขัดแยง้
5) เพ่ิมจำนวนและความสามารถในการเข้าถึงข้อมลู หลักฐานทเ่ี ก่ียวกับภัย เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับ
ระบบเตือนภัยล่วงหน้า สำหรับภัยหลายชนิด (Multi-hazard early warning system) และข้อมูล
เก่ยี วกบั ความเสี่ยงภัยพบิ ัติ
8
2. กฎหมายท่เี กี่ยวข้อง
2.1 พระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองเดก็ พ.ศ. 2546 สาระสำคัญ
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม่ 120 ตอนท่ี 95 ก
วันท่ี 2 ตุลาคม 2546 มผี ลบังคับใชเ้ ม่ือวนั ท่ี 30 มนี าคม 2547 สาระสำคญั ของ พ.ร.บ. ฉบับน้ีเก่ียวกับ
เรอ่ื งสิทธเิ สรภี าพของเดก็ และเยาวชนทต่ี อ้ ง ได้รบั ความคุ้มครองจากรัฐโดยไม่เลอื กปฏิบัติและคำนึงถึง
ประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีทั้งหมด 9 หมวด 88 มาตราด้วยกันแยกเป็นมาตรา
1-6 อธิบายความหมายเกี่ยวข้องกบั พ.ร.บ. ฉบบั นี้
หมวด 1 หมวด 2 หมวด 3 หมวด 4 หมวด 5
ท่วี ่าดว้ ยเรือ่ ง ทวี่ า่ ด้วยเรือ่ ง ท่ีวา่ ดว้ ยเร่ือง ทว่ี า่ ด้วยเรื่อง ทีว่ ่าด้วยเร่ือง
คณะกรรมการ การปฏิบตั ติ อ่ เด็ก การสงเคราะหเ์ ด็ก การคุ้มครอง ผคู้ ุ้มครอง
คมุ้ ครองเด็ก (มาตรา 32-39) สวัสดภิ าพเด็ก สวสั ดภิ าพเด็ก
(มาตรา 7-21) (มาตรา 22-31) (มาตรา 40-47) (มาตรา 48-50)
หมวด 6 หมวด 7 หมวด 8 หมวด 9 บทเฉพาะกาล
ท่ีวา่ ด้วยเรอื่ งสถาน ทวี่ ่าดว้ ยเร่อื ง ท่ีว่าด้วยเรือ่ ง ที่วา่ ดว้ ยเรอื่ งออก (มาตรา 87-88)
รบั เลยี้ งเด็กสถาน การสง่ เสรมิ ความ กองทุนคุ้มครองเดก็ กำหนดโทษ
พฒั นาและฟ้นื ฟู ประพฤตนิ ักเรียนและ (มาตรา 78-86)
(มาตรา 51-62) (มาตรา 68-77)
นกั ศึกษา
(มาตรา 63-67)
9
ต่อไปนจี้ ะกลา่ วถึง ระเบยี บ กฎหมาย ทีเ่ กี่ยวข้อง จำนวน 4 ระเบยี บ มีรายละเอยี ด ดังน้ี
2.2 ระเบยี บ กฎหมายความผิดเกีย่ วกบั เพศ และความผดิ ต่อเสรีภาพ
2.2.1 พรากผูเ้ ยาว์
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 บัญญัติว่า ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควรพราก
เด็กอายยุ งั ไมเ่ กินสบิ ห้าปี ไปเสียจากบดิ า มารดา ผ้ปู กครอง หรือผดู้ แู ล ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ตงั้ แต่ 3 ปี
ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 6,000 บาท ถึง 30,000 บาท ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 บัญญัติ
ว่าผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสีย จากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือ
ผดู้ ูแล โดยผู้เยาวน์ ้ันไม่เต็มใจไปดว้ ย ตอ้ งระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถงึ 10 ปี และปรับต้ังแต่ 4,000 บาท
ถึง 20,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ซ่ึงบัญญตั วิ ่า ผู้ใดพรากผเู้ ยาว์อายุเกินกว่าสิบห้าปี
แตย่ งั ไมเ่ กินสิบแปดปีไปเสยี จากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรอื ผดู้ ูแล เพื่อหากำไร หรอื เพื่อการอนาจาร
โดยผู้เยาว์น้ันเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000 บาท
ถึง 20,000 บาท เชน่
“แดงพบเด็กหญิงเขียว จึงชวนไปเที่ยวค้างคืนที่พัทยา โดยไม่ได้
ขออนุญาตจากบิดามารดาของเด็กหญิงเขียว แม้แดงจะไม่ได้
ล่วงเกินเด็กหญิงเขียวก็ตาม ถือว่ามีความผิดฐานพรากเด็กไปเสีย
จากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร หากแดงลว่ งเกนิ ทางเพศ
เด็กหญงิ เขียว แดงจะต้องไดร้ บั โทษที่หนกั ขึน้ ”
2.2.2 กระทำอนาจาร
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า
สิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลน้ันอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน
20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำ
อนาจารแกเ่ ด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเดก็ นนั้ จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุก ไมเ่ กิน 10 ปี
หรือปรบั ไม่เกิน 20,000 บาท หรอื ทงั้ จำท้ังปรับ
“แดงพาเด็กหญงิ เขยี ว (อายุ 14 ปี) ไปดูภาพยนตร์ โดยได้รับอนุญาตจากบิดา
มารดาของเด็กหญิงเขียว แต่แดงได้กอดจูบเด็กหญิงเขียวขณะดูภาพยนตร์
แม้เด็กหญิงเขียวจะยินยอมให้แดงกอดจูบก็ตาม ถือว่าแดงมีความผิดข้อหา
กระทำอนาจาร และหากเป็นกรณีที่แดงพาเด็กหญิงเขียวไปดูภาพยนตร์
โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตจากบิดามารดาของเดก็ หญิงเขียว แดงมีความผดิ ฐานพรากเด็ก
ไปเสียจากบดิ ามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควรอีกข้อหา
10
2.2.3 ข่มขนื กระทำชำเรา
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 บัญญัติว่า ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่น ซึ่งมิใช่
ภริยาของตน โดยขู่เข็ญด้วยประการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถ
ขัดขืนได้ หรือโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี
และปรับตัง้ แต่ 8,000 บาท ถงึ 40,000 บาท
“นายสินได้หลอกล่อเด็กหญิงพะยอมอายุ 12 ปี ไปจากบ้านและลงมือ
กระทำชำเราเดก็ โดยเด็กมคี วามเต็มใจเชน่ นี้ นายสนิ กม็ ีความผดิ ฐาน
ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน
โดยเด็กหญิงนนั้ จะยินยอมหรือไมก่ ็ตาม นายสินจะต้องได้รับโทษจำคุก
ตง้ั แต่ 4 ปี ถงึ 20 ปี และปรับ ต้ังแต่ 8,000 บาท ถึง 40,000 บาท
2.3 ระเบยี บ กฎหมายความผิดเก่ยี วกับยาเสพตดิ ให้โทษ
ยาเสพตดิ ให้โทษ หมายถงึ สารเคมี หรือวตั ถุพิษ ชนิดใดชนดิ หน่ึง ซ่งึ เมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่า
จะโดยรบั ประทาน ดม สูบฉีด หรอื ดว้ ยประการใดๆ แลว้ ทำใหเ้ กิดผลต่อร่างกายและจิตใจในลักษณะ
สำคัญ เช่น ต้องเพิ่มขนาดการเสพขึ้น เป็นลำดับ มีอาการถอนยาเมื่อขาดยา มีความต้องการเสพ
ทง้ั รา่ งกายและจติ ใจอยา่ งรุนแรงอยู่ตลอดเวลา และสขุ ภาพโดยทวั่ ไปจะทรุดโทรมลง
เสพ หมายถึง การรับยาเสพติดให้โทษเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ยาเสพติดให้โทษ
แบง่ ออกเปน็ 5 ประเภท คอื
ประเภท 1 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษชนิดร้ายแรง เชน่ เฮโรอนี
ประเภท 2 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษทวั่ ไป เช่น มอร์ฟีน โคคาอีน ฝิน่ ยา
ประเภท 3 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษท่ีมลี ักษณะเปน็ ตำรบั ยาและมยี าเสพติด
ใหโ้ ทษประเภทท่ี 2 ผสมอยู่ดว้ ย
11
ประเภท 4 สารเคมีทใ่ี ช้ในการผลติ ยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท 1 หรือ
ประเภท 2 เชน่ อาเซติกแอนดไ์ อไดร์
ประเภท 5 ยาเสพติดใหโ้ ทษที่มไิ ดเ้ ขา้ อยใู่ นประเภท 1 ถึงประเภท 4
2.3.1 ความผิดเกีย่ วกบั เสพและครอบครองยาเสพติดใหโ้ ทษ
การมีไว้ในครอบครอง เสพและจำหน่ายสารเสพติดที่กฎหมายกำหนดห้ามไว้ เป็นความผิด
ตามกฎหมายอาญา และจะเป็นคดีให้ศาลอาญาพิจารณาต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม นักโทษคดียาเสพติด
อาจได้รับการพิจารณาให้รับการรักษาในสถานบำบัดแทนการติดคุกก็ได้ สารเสพติดให้โทษที่ทำให้เกิด
ความผิดตามที่กฎหมายไทย มกี ารกำหนดไว้ 5 ประเภทด้วยกนั ดงั ต่อไปน้ี
ประเภท 1 ยาเสพติดให้โทษชนิดรา้ ยแรง เช่น เฮโรอีน, แอมเฟตามีน,
เมทแอมเฟตามีน (หรือยาบ้า, ยาไอซ์) ผู้ที่กระทำความผิดโดยการ
ครอบครองเพื่อเสพ หรือเสพสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 มีโทษ
ตามกฎหมาย คือ โทษจำคุกอย่างสูง 10 ปีและโทษปรับสูงสุด
200,000 บาท หรอื ทงั้ จำทั้งปรับและในกรณที ่ีมีการครอบครองสารเสพติด
ให้โทษในประเภทนี้เกินกว่า 20 กรัมกฎหมายให้ถือว่าเป็นการ
ครอบครองไวเ้ พอ่ื จำหน่าย ซ่งึ โทษขั้นสูงสุดคอื ประหารชีวติ
ประเภท 2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เช่น มอร์ฟีน โคคาอีน ฝิ่นยา
การครอบครองสารเสพติดในประเภทท่ี 2 น้อี าจทำได้โดยถูกกฎหมาย
หากเป็นการครอบครองเพื่อวัตถุประสงค์และในจำนวนที่กฎหมาย
กำหนดไว้ แต่ถ้าเป็นการครอบครองที่ขัดต่อข้อกำหนดของกฎหมาย
แล้วนั้นย่อมเป็นความผิด และมีโทษคือ โทษจำคุกข้ันสูง 10 ปี หรือ
ปรับไมเ่ กนิ 100,000 บาท หรือท้ังจำทั้งปรบั
ประเภท 3 ยาเสพตดิ ให้โทษที่มีลักษณะเป็นตำรบั ยาและมยี าเสพติด
ให้โทษประเภทที่ 2 ผสมอยู่ด้วย ที่ใช้ในทางการแพทย์ อาจมีไว้
ในครอบครองไดต้ ามกฎหมาย ภายใตเ้ งอื่ นไขของกฎหมายเชน่ กัน
12
ประเภทที่ 4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1
หรือประเภท 2 เช่น อาเซติกแอนด์ไอไดร์ ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง
มีความผิด โทษจำคุก 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำ
ทั้งปรับ
ประเภทที่ 5 ยาเสพติดใหโ้ ทษท่ีมิได้เข้าอยู่ในประเภท 1 ถงึ ประเภท 4
วัตถุที่ทำให้เกิดความมึนเมา สารเสพติดอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ใน 4
ประเภทก่อน ผู้ครอบครอง หรือเสพสารเสพติดในประเภทนี้ มี
ความผิดและมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท
หรอื ทัง้ จำทัง้ ปรบั
ในประเทศไทยพระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และพระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษ เป็นกฎหมายหลักสองฉบับที่กำหนดลักษณะการกระทำที่เป็นความผิดและโทษ
จากการทำความผิดเกี่ยวกับสารเสพติด รวมทั้งกำหนดตัวเจ้าหน้าที่ที่จะรับผิดชอบไว้โดยเฉพาะ
แต่ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงกฎหมายสองฉบับนี้เท่านั้นในประเทศไทยยังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่กำหนดโทษเรือ่ ง
ยาเสพติดไวอ้ ีกดว้ ย
2.3.2 ความผดิ เกย่ี วกับครอบครองยาเสพตดิ ให้โทษ
ความผิดฐานครอบครองยาบ้าหรือเฮโรอีนตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15
บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษ
ในประเภท 1 ซึ่งมาตรา 67 บัญญัติว่า ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1
โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับ ตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง
200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้ใดครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภทยาบ้า
เกิน 15 เม็ด กฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นได้ครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้เพ่ือ
จำหน่าย ซงึ่ มอี ตั ราโทษ จำคุกต้ังแต่ 4 ปี ถึงตลอดชวี ิต
“ผูใ้ ดมไี วใ้ นครอบครองซงึ่ ยาเสพติดใหโ้ ทษในประเภท 1
โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตง้ั แต่ 1 ปีถงึ
10 ปี หรอื ปรับต้ังแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท
หรอื ทัง้ จำทั้งปรับ”
13
2.4 ระเบียบ กฎหมายความผดิ เกย่ี วกับการจราจรทางบกและการใชร้ ถ
ผู้ขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่นายทะเบียนเสียก่อ น
คือ ต้องมีใบอนุญาตขับรถ หรือใบอนุญาตขับข่ีรถจักรยานยนต์ ซ่ึงออกให้โดยนายทะเบียน มิฉะนั้น
จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 42 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ขับรถต้องได้ รับ
ใบอนุญาตขับรถ ต้องมีใบอนุญาตขับรถ และสำเนาภาพถ่าย ใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับรถ และ
มาตรา 34 บัญญัติว่า ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 เดือน
หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ขณะขับรถหรือขับขี่รถจักรยานยนต์
สภาพร่างกายของผู้ขับข่ีจะต้องปกติ สมบูรณ์ ไม่มีอาการหย่อนความสามารถในการขับขี่ หรืออาการ
เมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น มิฉะนั้นผู้ขับขี่จะต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
มาตรา 160 วรรคสาม ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับ ตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 10,000 บาท
หรือทัง้ จำทัง้ ปรับ
ในส่วนถัดไปขอนำเสนอองค์ความรู้ด้านนโยบาย 4 มี 5 ต้อง เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงาน
สถานศึกษาปลอดภยั ซ่งึ เป็นนโยบายหลกั ของสำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสงิ ห์บรุ ี ดังนี้
3. องค์ความรู้เก่ียวกับนโยบาย 4 มี 5 ตอ้ ง
การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ถือเป็นปัจจัยหลักของการพัฒนาประเทศที่ต้องสอดคล้องกับ
ยุทธศาสตร์การศึกษาของชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ
(พ.ศ. 2560-2579) แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (พ.ศ. 2560-2564) และนโยบายของ
การพฒั นาประเทศในทุกภาคสว่ น เชอื่ มโยงนโยบายส่วนต่าง ๆ ลงสกู่ ารปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งเป็นรูปธรรม
สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี เห็นความสำคัญของการพัฒนาประเทศ
ที่ยั่งยืน ตอบสนองความต้องการของสังคม จึงได้กำหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาของเขตพื้นท่ี
การศึกษา ภายใต้บริบทของตนเอง และนโยบายของภาคส่วนต่าง ๆ โดยใช้นโยบาย 4 มี 5 ต้อง
โดยกำหนดแนวทางการขบั เคลอ่ื น ด้วยนโยบาย 4 มี 5 ตอ้ ง มรี ายละเอียดดงั นี้
14
นโยบาย 4 มี 5 ต้อง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี เป็นนโยบายที่มุ่ง
พัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ โดย 5 ต้อง
ประกอบด้วย 1) ต้องมีการวางแผนที่ดี (Plan: P) 2) ต้องมีเป้าหมาย/เป้าประสงค์ที่ชัดเจน
(Objective: O) 3) ต้องมีระบบ (System: S) 4) ต้องมีส่วนร่วม (Participation: P) และ 5) ต้องมี
การประเมินผล (Evaluation : E) โดยมีเป้าหมายสำคัญ 4 มี ประกอบด้วย 1) สำนักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษามคี ณุ ภาพ 2) สถานศกึ ษามีคุณภาพ 3) ครมู ีคุณภาพ และ 4) นกั เรยี นมีคุณภาพ
4. แนวทางการดำเนินงานความปลอดภยั สถานศึกษา ด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง สำหรบั
โรงเรยี น สังกดั สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสงิ หบ์ ุรี
แนวทางการดำเนนิ งานความปลอดภัยสถานศึกษาดว้ ยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง สำหรับโรงเรยี น
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี เป็นแนวทางที่ได้จากกระบวนการวิจัย
ในการศึกษาสภาพปัญหาปัจจบุ ันและปัญหาของการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในสถานศึกษา
วิเคราะห์ สังเคราะห์นโยบาย 4 มี 5 ต้องของสำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสงิ หบ์ รุ ี และ
แนวทางการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาจากแนวคิดทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพัฒนากรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาในโรงเรียน
อย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับเป้าหมายการจัดการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสงิ หบ์ ุรี
15
โดยการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง สำหรับโรงเรียน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี ขอนำเสนอกระบวนการบริหารจัดการ คือ
5 ต้องก่อน และตามด้วยภาพความสำเร็จหรือผลลัพธ์ของการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษา
เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจซึ่งประกอบด้วยแนวคิดหลัก 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนท่ี 1 กระบวนการ
ในการดำเนนิ งานความปลอดภัยสถานศกึ ษา 5 ตอ้ ง และสว่ นท่ี 2 ผลผลิตของการดำเนนิ งานความปลอดภัย
สถานศึกษา 4 มี ดังนี้
4.1 สว่ นที่ 1 กระบวนการในการดำเนนิ งานความปลอดภยั สถานศึกษา 5 ต้อง
กระบวนการในการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษา 5 ต้อง มีรายละเอียดแนวทางใน
การดำเนินการดังน้ี
1. ตอ้ งมีการวางแผน (Plan)
แนวทางการดำเนนิ การ ดังนี้
1.1 โรงเรียนประชุม ชี้แจง วางแผน การดำเนินงานด้านความปลอดภัยสถานศึกษา ร่วมกับ
บุคลากร ภาคเี ครือขา่ ย และหนว่ ยงานองคก์ ร ผู้มีสว่ นเกี่ยวขอ้ ง
1.2 กำหนดพื้นที่ควบคุมความปลอดภัย รวมถึงป้ายสัญลักษณ์ และอุปกรณ์ควบคุม
ความปลอดภัยสว่ นบคุ คล
1.3 จดั ทำป้ายสัญลกั ษณแ์ สดงความเส่ียง ในพน้ื ทีท่ ม่ี ีความเส่ยี ง
1.4 จัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศดา้ น ความปลอดภัยของสถานศกึ ษา
16
2. ต้องมเี ปา้ หมาย (Objective)
แนวทางการดำเนนิ การ ดังนี้
2.1 โรงเรียนแตง่ ต้งั คณะกรรมการความปลอดภัยสถานศึกษา โดยการมสี ว่ นร่วมจากภาคี
เครอื ขา่ ย และผูม้ ีสว่ นเกีย่ วข้อง
2.2 เสนอแผนความปลอดภยั ของสถานศกึ ษาตอ่ คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พน้ื ฐาน
2.3 กำหนดระยะเวลาการดำเนนิ งานและผรู้ บั ผิดชอบงาน
2.4 กำหนดนโยบายความปลอดภัยของสถานศึกษา
2.5 เผยแพร่ ประชาสมั พนั ธ์นโยบาย และแผนความปลอดภยั สถานศกึ ษา
3. ตอ้ งมีระบบ (System)
แนวทางการดำเนนิ การ ดงั น้ี
สถานศึกษาดำเนินงานโดยใช้หลัก 3 ป ได้แก่ การป้องกัน ปลูกฝัง และปราบปราม
มีรายละเอยี ด ดังนี้
3.1 การป้องกนั
1) กำหนดพ้ืนท่ีความปลอดภัย
2) จดั ทำแผนความปลอดภยั ของสถานศึกษา
3) การจดั สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศของสถานศึกษาให้ปลอดภัย
4) การจดั โครงสร้างบรหิ ารจดั การความปลอดภัยสถานศกึ ษา
17
5) การจัดทำขอ้ มูลสารสนเทศความปลอดภยั สถานศกึ ษา
6) การสร้างการมสี ว่ นรว่ มของสถานศกึ ษาและภาคเี ครือข่าย
7) การจดั ระบบช่องทางการส่อื สารดา้ นความปลอดภัยของสถานศกึ ษา
8) การจดั ระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรยี น
9) การประเมนิ นักเรยี นรายบคุ คล ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ สังคม สตปิ ัญญาและความต้องการ
3.2 การปลกู ฝงั
1) การสร้างจิตสำนึกความตระหนักการรับรู้ และความเขา้ ใจด้านความปลอดภัย ให้แก่
ตนเอง ผอู้ ื่น และสังคม
2) การจัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจพัฒนาองค์ความรู้ เกี่ยวกับความปลอดภัย
ให้แก่นักเรียน ครู บคุ ลากรทางการศึกษา และผู้ปกครอง
3) การจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะ ประสบการณ์ และสมรรถนะด้านความปลอดภัย
ใหแ้ ก่นักเรียน
3.3 การปราบปราม
1) การจดั การแกไ้ ขปัญหากรณเี กดิ เหตคุ วามปลอดภยั ในสถานศกึ ษา
2) การชว่ ยเหลือเยยี วยา ฟืน้ ฟจู ติ ใจ บคุ คลผู้ประสบเหตุความไม่ปลอดภยั
3) ดำเนนิ การตามขนั้ ตอนของกฎหมาย
18
4. ต้องมีสว่ นร่วม (Participation)
แนวทางการดำเนินการ ดงั น้ี
4.1 ประสานความร่วมมือในการสร้างเครือข่ายการมสี ่วนร่วมในพื้นท่ีและภาคส่วนต่าง ๆ
4.2 มีการประชุมวางแผนเพอ่ื เสรมิ สรา้ งความปลอดภัยสถานศกึ ษารว่ มกัน
4.3 มีกจิ กรรมการดำเนินงานในการเสรมิ สรา้ งความปลอดภยั สถานศกึ ษา
4.4 มีการประเมินผลรว่ มกัน
4.5 มีการเผยแพร่ ประชาสมั พันธค์ วามรว่ มมอื
4.6 มีการยกยอ่ งชมเชยเครือข่ายภาคคี วามรว่ มมอื
5. ตอ้ งมีการประเมนิ ผล (Evaluation)
แนวทางการดำเนนิ การ ดงั นี้
5.1 ผู้บริหารสถานศึกษา ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักเรียน
ประเมนิ ผลการดำเนนิ งานความปลอดภัยในสถานศึกษาด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง
5.2 ใช้เครื่องมือวัด และประเมินผลการดำเนินงานความปลอดภัยในสถานศึกษา
ด้วยนโยบาย 4 มี 5 ตอ้ ง เปน็ รายบุคคลใหค้ รอบคลมุ ทุกดา้ น
5.3 จดั ทำระบบข้อมลู สารสนเทศ รายงานผลการประเมินจากผู้บริหารสถานศึกษา ครู
คณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน และนกั เรยี น
5.4 ชี้ปัญหา และข้อขัดข้องด้านประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลกระทบที่เกิดจาก
การดำเนินงานเพื่อปรับปรงุ การดำเนินงานตอ่ ไป
19
4.2 ส่วนที่ 2 ผลลพั ธ์ของการดำเนนิ งานความปลอดภัยสถานศกึ ษา 4 มี
ผลลัพธ์ของการดำเนินงานความปลอดภยั สถานศกึ ษามี 4 มี รายละเอียดในแต่ละด้าน ดงั นี้
1. สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามีคุณภาพ
สำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายสำคญั 4 ประการ ได้แก่
1) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงหบ์ ุรีบรรลุเป้าหมาย (Goals) ตามแผนปฏิบัติ
ราชการประจำปีงบประมาณ 2565 ของสำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสิงหบ์ รุ ี ทีเ่ กีย่ วข้อง
กบั ความปลอดภยั สถานศึกษา
2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี มีนวัตกรรมในด้านการเสริมสร้าง
ความปลอดภัยสถานศึกษา เป็นลักษณะนวัตกรรมบริหาร (Administrative Innovation) ที่จัดทำ
เป็นคู่มือการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษา ด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้องสำหรับโรงเรียนสังกัด
สำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสงิ ห์บุรี
3) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรีมีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
ในดา้ นการเสรมิ สรา้ งความปลอดภัยสถานศกึ ษา ทีส่ ามารถเป็นตน้ แบบหรือแบบอยา่ งที่ดี
4) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี ได้ส่งเสริมให้มีการสร้างเครือข่าย
ความรว่ มมอื ในดา้ นความปลอดภัยสถานศึกษากับโรงเรียนอ่ืน ๆ ดำเนนิ งานความปลอดภัยสถานศึกษา
ทมี่ ุ่งความเปน็ เลศิ ในการจัดการศกึ ษา ทกุ กลมุ่ โรงเรียนอยา่ งน้อยกลุ่มโรงเรียนละ 1 แหง่ รวม 12 แหง่
20
2. สถานศกึ ษามคี ณุ ภาพ
สถานศึกษามีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายสำคัญ 4 ประการ ได้แก่
1) สถานศกึ ษามีกายภาพท่ีมีอาคารเรยี น ภูมทิ ศั นโ์ ดยรอบโรงเรียนสะอาด ปลอดภยั รม่ รนื่
สวยงาม มีความปลอดภัยต่อนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา มีการกำหนดพื้นที่การควบคุม
ความปลอดภัย ปา้ ยสญั ลักษณ์ และอปุ กรณค์ วบคุมความปลอดภัยส่วนบคุ คล
2) สถานศึกษามีแผนความปลอดภัยท่ีมคี ุณภาพครอบคลุมทุก 4 กลุ่มภัย ไดแ้ ก่ ภัยท่ีเกิดจาก
การใช้ความรุนแรงของมนุษย์ ภัยที่เกิดจากอุบตั ิเหตุ ภายทเี่ กิดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ และภัยที่เกิดจาก
ผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจติ ใจโดยใชห้ ลัก 3 ป ได้แก่ การปอ้ งกัน ปลกู ฝัง และปราบปราม
มีการบรหิ ารจัดการความปลอดภยั สถานศกึ ษาเพื่อความมนั่ คงทเี่ หมาะสม
3) สถานศึกษามีประสิทธิภาพในด้านการบริหารจัดการ มีโครงสร้างการบริหารจัดการ
ความปลอดภัยสถานศึกษา มรี ะบบดูแลช่วยเหลือนักเรยี น และมรี ะบบการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย
สถานศกึ ษาอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
4) สถานศึกษามีการสร้างสัมพันธภาพท่ดี ี มีเครือข่ายความร่วมมือความปลอดภัยอย่างน้อย
1 เครือขา่ ย
21
3. ครมู ีคุณภาพ
ครมู ีคุณภาพ โดยมีเปา้ หมายสำคัญ 4 ประการ ได้แก่
1) ครูมีความรู้ ความเข้าใจ และผ่านการอบรมความรู้ด้านความปลอดภัยสถานศึกษา
ด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้องสำหรบั โรงเรียน สงั กดั สำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสงิ ห์บุรี
2) ครูมีการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศด้านความปลอดภัยสถานศึกษาของนักเรียน
เปน็ รายบุคคล ได้แก่
- คดั กรองนักเรียนแยกเป็น 3 กลุม่ ได้อยา่ งชดั เจน ประกอบดว้ ย กลุม่ ปกติ กลุ่มเสี่ยง
และกลุ่มมีปญั หา
- เก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคลด้วยเครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสม เช่น การเยี่ยมบ้าน
นักเรยี น การสอบถาม การสมั ภาษณ์ เป็นต้น
- จัดกิจกรรมสำหรับเด็กกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ดังนี้ กลุ่มปกติ จัดกิจกรรม
ส่งเสริมความสามารถตามปกติ กลุ่มเสี่ยง จัดกิจกรรมป้องกันปัญหา กลุ่มมีปัญหา จัดกิจกรรม
แก้ปัญหา และระบบส่งต่อ
- สรปุ รายงานผลการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาตามดว้ ยนโยบาย 4 มี 5 ตอ้ ง
สำหรับโรงเรียน สงั กัดสำนักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสิงห์บรุ ี
3) ครูมีการบูรณาการการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ สร้างความเข้าใจด้านความปลอดภัย
สถานศึกษาให้นกั เรียนและผู้ปกครองจนสามารถปฏบิ ัติตนให้ห่างจากภยั ทงั้ ปวง
4) ครูมีความมุ่งม่ันในการแสวงหาความรู้ และพัฒนานวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอน
เสรมิ สร้างความปลอดภยั สถานศึกษา
22
4. นกั เรยี นมีคุณภาพ
นกั เรียนมีคุณภาพ โดยมเี ปา้ หมายสำคญั 4 ประการ ไดแ้ ก่
1) นกั เรยี นมคี วามตระหนัก มีการแสวงหาความรู้ มีวนิ ัย สามารถปฏบิ ัติตนด้านความปลอดภัย
สถานศึกษา
2) นักเรียนมุ่งมั่นในการทำงานแสวงหาความรู้ สร้างสรรค์ผลงานเกี่ยวกับปลอดภัย
สถานศึกษาอยา่ งสมำ่ เสมอและปฏบิ ตั ิตนตามมาตรการความปลอดภัยสถานศึกษา
3) นักเรียนปฏิบัติตนด้านความปลอดภัยสถานศึกษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม มีความรู้
ด้านการใช้สื่อเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัย มีทักษะในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ
ได้อย่างเหมาะสมอยูบ่ นความพอเพียง
4) นักเรียนมีทักษะการคิด และมีวิจารณญาณในการตัดสินใจท่ีถูกต้องเมื่อเกิดเหตุ
มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสงั คม มีความรเู้ กี่ยวกับความปลอดภัยดา้ นต่าง ๆ นำไปช่วยเหลือผอู้ ่นื ได้
23
จะเห็นได้ว่า นโยบาย 4 มี 5 ตอ้ ง มคี วามสำคัญช่วยขบั เคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย
สถานศึกษา สง่ เสริมให้สถานศึกษามีแผนความปลอดภยั ตามบริบทของสถานศึกษา มีการปฏบิ ตั ิท่ีเป็นเลิศ
ในการเสริมสร้างความปลอดภัยสถานศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งผลให้นักเรียน ครูและ
บุคลากรทางการศกึ ษาไดร้ ับความคุม้ ครองดูแลให้มีความปลอดภยั
24
25
ในส่วนน้ขี อนำเสนอการเสริมสร้างความปลอดภยั ในสถานศึกษา โดยมี 4 ประเดน็ คือ
1. ขอบข่ายความปลอดภยั ของสถานศกึ ษา
2. มาตรการความปลอดภัยสถานศึกษา
3. โครงสรา้ งการบริหารจัดการความปลอดภยั สถานศึกษา
4. ข้ันตอนการดำเนนิ งานความปลอดภัยสถานศึกษา
1. ขอบขา่ ยความปลอดภัยของสถานศกึ ษา
ขอบข่ายความปลอดภัยของสถานศึกษา 4 กลุ่มภัย ดังน้ี 1) ภัยที่เกิดจากการใช้ความรุนแรง
ของมนุษย์ (Violence) 2) ภัยท่ีเกิดจากอุบัติเหตุ (Accident) 3) ภัยที่เกิดจากการถูกละเมิดสิทธ์ิ
(Right) 4) ภัยทีเ่ กิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness) มีองคป์ ระกอบ ดงั นี้
1.1 ภัยที่เกดิ จากการใช้ความรนุ แรงของมนุษย์ (Violence)
1) การล่วงละเมดิ ทางเพศ 2) การทะเลาะวิวาท
3) การกลน่ั แกล้งรังแก 4) การชมุ นมุ ประท้วงและการจลาจล
5) การก่อวินาศกรรม 6) การระเบดิ
7) สารเคมแี ละวตั ถุอนั ตราย 8) การล่อลวง ลกั พาตวั
1.2 ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ (Accident) 2) ภยั จากอาคารเรียนสิ่งก่อสร้าง
1) ภัยธรรมชาติ 4) ภัยจากการจดั กจิ กรรม
3) ภยั จากยานพาหนะ
5) ภยั จากเครอื่ งมอื อปุ กรณ์
1.3 ภัยทีเ่ กิดจากการถกู ละเมดิ สิทธ์ิ (Right)
1) การถกู ปลอ่ ยปละ ละเลย ทอดท้ิง
2) การคุกคามทางเพศ
3) การไม่ไดร้ ับความเปน็ ธรรมจากสังคม
1.4 ภยั ที่เกดิ จากผลกระทบทางสขุ ภาวะทางกายและจติ ใจ (Unhealthiness)
1) ภาวะจิตเวช 2) ติดเกม
3) ยาเสพติด 4) โรคระบาดในมนษุ ย์
5) ภยั ไซเบอร์ 6) การพนนั
7) มลภาวะเปน็ พิษ 8) โรคระบาดในสตั ว์
9) ภาวะทุพโภชนาการ
26
2. มาตรการความปลอดภัยสถานศึกษา
มาตรการความปลอดภัยของสถานศึกษามุ่งเน้นให้เกิดความปลอดภัยต่อนักเรียน ครู และ
บุคลากรทางการศึกษา อย่างยั่งยืน โดยเน้นมาตรการทีเ่ ข้มงวดในมาตรการ 3 ป ดังน้ี
2.1 การป้องกัน หมายถึง การดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปญั หา อุปสรรค หรือความไม่ปลอดภยั
ต่อนักเรียน ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา โดยการสร้างมาตรการป้องกนั จากปัจจัยเส่ียงท่ีอาจเกิดข้ึน
ท้งั ในและนอกสถานศึกษา ดงั นี้
1) การประเมินปจั จัยเสีย่ งของสถานศึกษา
2) การกำหนดพ้นื ที่ความปลอดภัย
3) การจดั ทำแผนความปลอดภัยสถานศกึ ษา
4) การจดั สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศของสถานศกึ ษา
5) การจัดโครงสร้างบรหิ ารจัดการความปลอดภัยสถานศกึ ษา
6) การจัดโครงสร้างข้อมลู สารสนเทศความปลอดภัยสถานศึกษา
7) การสรา้ งการมสี ่วนรว่ มของสถานศึกษาและภาคีเครือข่าย
8) การจดั ระบบช่องทางการส่ือสารด้านความปลอดภยั สถานศึกษา
9) การจัดระบบคัดกรองและดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น
10) การประเมินนักเรียนรายบุคคล ด้านร่างกาย จิตใจ สังคม สติปัญญา และความตอ้ งการ
ช่วยเหลือ
2.2 การปลกู ฝัง หมายถึง การดำเนินการเกีย่ วกับการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ จิตสำนกึ และ
เจตคติที่ดี และการสร้างเสริมประสบการณ์เพือ่ ให้เกิดทกั ษะในการป้องกันภัยให้แก่นกั เรยี น ครู และ
บุคลากรทางการศกึ ษา ดังนี้
1) การสร้างจิตสำนึก ความตระหนัก การรับรู้ และความเข้าใจด้านความปลอดภัยให้กบั
ตนเองและผอู้ นื่
2) การจัดกิจกรรมสรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ และพฒั นาองค์ความรเู้ กี่ยวกบั ความปลอดภัย
ใหแ้ ก่นักเรียน ครู บคุ ลากรทางการศึกษา และผ้ปู กครอง
3) การจัดกิจกรรมเสริมสรา้ งทักษะ ประสบการณ์ และสมรรถนะด้านความปลอดภยั
ให้แก่นกั เรียน
2.3 การปราบปราม หมายถงึ การดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือ เยียวยา ฟ้ืนฟู
และดำเนนิ การ ตามขนั้ ตอนของกฎหมาย ไดแ้ ก่
1) การจดั การแกไ้ ขปญั หาความไมป่ ลอดภัยในสถานศึกษา
2) การช่วยเหลือ เยยี วยา ฟืน้ ฟู จิตใจบุคคลผูป้ ระสบเหตคุ วามไม่ปลอดภยั
3) การดำเนนิ การตามขน้ั ตอนของกฎหมายทีเ่ กี่ยวข้อง
27
มาตรการ 3 ป
การป้องกัน หมายถึง การดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิด ปัญหา อุปสรรค
หรือความไม่ปลอดภัย ต่อนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา
โดยการสรา้ งมาตรการปอ้ งกนั จากปัจจยั เสีย่ งทีอ่ าจเกดิ ขนึ้
การปลูกฝัง หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการ เสริมสร้างความรู้
ความเข้าใจ จิตสำนกึ และเจตคตทิ ด่ี ี และการสรา้ งเสริมประสบการณ์
เพื่อให้เกิดทักษะในการป้องกันภัยให้แก่ นักเรียน ครู และ บุคลากร
ทางการศึกษา
การปราบปราม หมายถึง การดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหา
การช่วยเหลือ เยยี วยา ฟน้ื ฟู และดำเนนิ การตามข้ันตอนของกฎหมาย
3. โครงสรา้ งการบรหิ ารจัดการความปลอดภยั สถานศึกษา
การคุ้มครอง และช่วยเหลือนักเรียน สถานศึกษา และครูต้องมีความตระหนัก และ
เห็นความสำคัญในการปกป้องคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน เพื่อนักเรียนจะได้รับการส่งเสริมและ
พัฒนาให้นักเรียนเติบโตอย่างมีศักยภาพ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์สังคม และสติปัญญา สามารถ
ดำรงชวี ติ อยู่ได้อย่างมีความสุข ดงั น้นั ครูและสถานศึกษา จะตอ้ งมีกระบวนการดำเนนิ งานคุ้มครอง และ
ช่วยเหลอื นักเรียน ดงั น้ี
28
3.1 แผนภูมิการบรหิ ารจดั การความปลอดภัยสถานศกึ ษา
ผอู้ ำนวยการสถานศึกษา
เครือข่ายภาครฐั ภาคเอกชน คณะกรรมการสถานศกึ ษา
ภาคประชาชน และผปู้ กครอง ขน้ั พ้นื ฐาน
รองผู้อำนวยการสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
คณะทำงานระดบั สถานศึกษา
ครปู ระจำชน้ั / ครแู นะแนว ครูฝ่ายปกครอง สภานกั เรยี น
ครทู ่ปี รกึ ษา
3.2 บทบาทหน้าทข่ี องผู้เก่ียวข้อง
นโยบายความปลอดภัยของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน มีเป้าหมายให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการปกป้อง คุ้มครอง
ดูแลช่วยเหลือ เยียวยา มคี วามมนั่ คง และปลอดภัย เพื่อให้สถานศึกษามีแนวทางการดำเนนิ งานความปลอดภัย
สถานศึกษา กำหนดบทบาทของบุคลากรและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ดังน้ี
29
3.2.1) บทบาทของนกั เรยี น
1) เตรียมความพร้อมในเร่ืองการเรียน ไมว่ ่าจะเปน็ อปุ กรณ์การเรียน เครื่องใช้ส่วนตัว
และอน่ื ๆ ทจ่ี ำเปน็ สำหรบั การเรียนการสอน
2) ปฏิบตั ติ ามขอบขา่ ยดา้ นความปลอดภยั สถานศกึ ษา 4 กล่มุ ภัย และตามมาตรการ 3 ป
ของสถานศกึ ษากำหนดอย่างเครง่ ครดั
3.2.2) บทบาทของครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
1) ประเมนิ ปัจจัยเส่ียงของสถานศึกษา กำหนดพน้ื ที่ความปลอดภัย แผนความปลอดภัย
จัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของสถานศึกษา
2) สร้างจิตสำนึก ความตระหนัก การรับรู้และความเข้าใจด้านความปลอดภัยให้กับ
ตนเองและผูอ้ นื่ จัดกจิ กรรมสรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ
3) จัดการแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยในสถานศึกษา ช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู จิตใจ
บคุ คลผปู้ ระสบเหตุความไมป่ ลอดภัยตามข้ันตอนของกฎหมายทีเ่ กี่ยวข้อง
3.2.3) บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษา
1) จัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันในการดำเนินงานด้านความปลอดภัยสถานศึกษา
กำหนดพนื้ ท่ีควบคุมความปลอดภยั
2) แต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยสถานศกึ ษา โดยการมีสว่ นรว่ มจากภาคีเครือข่าย
และผมู้ ีส่วนเก่ียวข้อง เสนอแผนความปลอดภัยของสถานศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
3) จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพภมู ิทศั น์ ห้องเรียน ห้องปฏิบัตกิ าร ห้องน้ำ ห้องพิเศษ
และห้องอน่ื ๆใหม้ ีความปลอดภัย
4) จดั ทำโครงสรา้ งการบรหิ ารจดั การความปลอดภยั สถานศึกษา กำหนดบทบาทหนา้ ที่
5) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำระบบข้อมลู สารสนเทศความปลอดภัยของสถานศึกษา
6) ประสานความรว่ มมือในการสร้างเครือข่ายการมีสว่ นร่วมในพนื้ ที่และภาคส่วนต่างๆ
7) แต่งต้งั คณะทำงานด้านการส่ือสารประชาสัมพันธ์องค์กร
8) แต่งตั้งคณะกรรมการระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนระดบั สถานศึกษา
3.2.4) บทบาทของผ้ปู กครองนกั เรยี น
1) ตดิ ตามข้อมลู ขา่ วสารภยั ต่างๆ จากแหล่งข้อมูลทเ่ี ชอื่ ถือได้
2) ดูแล เฝ้าระวัง สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น คนในครอบครวั อยา่ งสม่ำเสมอ
3) หลกี เลย่ี งการพานักเรียนไปในสถานทเ่ี สีย่ งต่อความไม่ปลอดภยั ของนักเรยี น
4) กรณีนักเรียนเดินทางมาโรงเรียน โดยรถโรงเรียน รถตู้ หรือรถอื่น ๆ ผู้ปกครอง
และโรงเรียนตอ้ งขอความร่วมมือกบั คนขับรถให้ปฏบิ ัตติ ามมาตรการความปลอดภัยอยา่ งเคร่งครดั
30
4. ขั้นตอนการดำเนินงานความปลอดภยั สถานศกึ ษา
ขั้นตอนการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษา ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย
สถานศกึ ษาตามนโยบาย 4 มี 5 ตอ้ งของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บรุ ี โดยใช้หลัก
3 ป ได้แก่ การปอ้ งกนั ปลกู ฝัง และปราบปราม มีรายละเอียด แนวทางการปฏบิ ัตแิ ละตวั ชี้วัด ดังน้ี
5 ต้อง (POSPE) แนวทางการปฏบิ ัติ เคร่อื งมอื
1. ตอ้ งมกี ารวางแผนท่ีดี
(Plan : P) 1.1 ประชุม ชแ้ี จง วางแผน การดำเนิน งานดา้ นความ คมู่ อื ความปลอดภยั
ปลอดภัยสถานศึกษารว่ มกับบคุ ลากร ภาคีเครือขา่ ย และ สถานศกึ ษา โรงเรยี น
2. ต้องมีเปา้ หมาย/ หน่วยงานองค์กร ผมู้ ีสว่ นเกี่ยวขอ้ ง ในสงั กดั สำนกั งานเขต
เปา้ ประสงค์ ที่ชัดเจน พืน้ ที่การศกึ ษา
(Objective : O) 1.2 กำหนดพ้นื ทคี่ วบคุมความปลอดภัย รวมถึงปา้ ย ประถมศึกษาสิงห์บุรี
สัญลกั ษณ์ และอปุ กรณ์ควบคุม ความปลอดภัยสว่ นบคุ คล
3. ตอ้ งมรี ะบบ เคร่อื งมือฉบบั ท่ี 1
(System : S) 1.3 จดั ทำป้ายสัญลักษณ์แสดงความเสย่ี ง ในพ้ืนท่ที ี่มี ประกาศโรงเรยี น เรื่อง
ความเสยี่ ง แต่งตั้งคณะกรรมการ
ความปลอดภยั
1.4 จดั ทำระบบข้อมลู สารสนเทศดา้ น ความปลอดภยั สถานศกึ ษา
ของสถานศกึ ษา เครื่องมอื ฉบับท่ี 2
คำสง่ั เร่อื ง แต่งตง้ั
2.1 แต่งต้งั คณะกรรมการความปลอดภยั สถานศึกษา เจ้าหนา้ ที่ดแู ลระบบ
โดยการมสี ่วนร่วมจากภาคีเครอื ขา่ ย และผมู้ ีสว่ นเกย่ี วขอ้ ง MOE Safety Center
ของโรงเรยี น
2.2 เสนอแผนความปลอดภัยของสถานศกึ ษาต่อ เครอื่ งมอื ฉบบั ท่ี 3
คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ตัวอยา่ ง แผนเผชิญ
เหตุความปลอดภัยใน
2.3 กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานและผรู้ บั ผิดชอบ สถานศึกษา
งาน
เคร่ืองมอื ฉบบั ที่ 3
2.4 กำหนดนโยบายความปลอดภยั ของสถานศึกษา ตัวอยา่ ง แผนเผชิญ
2.5 เผยแพร่ ประชาสัมพนั ธ์นโยบาย และแผนความ เหตคุ วามปลอดภยั ใน
ปลอดภยั สถานศึกษา สถานศกึ ษา
เครื่องมือฉบบั ที่ 4
สถานศึกษาดำเนนิ งานโดยใช้หลัก 3 ป ไดแ้ ก่ การป้องกัน
ปลกู ฝงั และปราบปราม มีรายละเอยี ด ดังนี้
3.1 การปอ้ งกนั
1) กำหนดพ้ืนที่ความปลอดภยั
2) จดั ทำแผนความปลอดภัยของสถานศกึ ษา
31
5 ต้อง (POSPE) แนวทางการปฏบิ ตั ิ เครอ่ื งมือ
4. ต้องมสี ่วนรว่ ม 3) การจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของ แบบสรุปการ
(Participation : P)
สถานศึกษาให้ปลอดภัย การจดั โครงสร้างบริหารจดั การ ดำเนนิ งานความ
ความปลอดภัยสถานศกึ ษา ปลอดภัยของ
4) การจัดทำข้อมูลสารสนเทศความปลอดภยั สถานศกึ ษา
สถานศึกษา เคร่ืองมอื ฉบบั ที่ 5
5) การสร้างการมีสว่ นร่วมของสถานศกึ ษาและภาคี แบบบนั ทึกการ
เครือข่าย การจดั ระบบชอ่ งทางการสอ่ื สารดา้ นความ คุ้มครองและชว่ ยเหลอื
ปลอดภยั ของสถานศึกษา นกั เรยี นกรณีพบเหตุ
6) การจัดระบบดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน
7) การประเมินนกั เรยี นรายบุคคล ด้านร่างกาย
จิตใจ สงั คม สตปิ ญั ญาและความต้องการ
3.2 การปลกู ฝัง
1) การสรา้ งจติ สำนึกความตระหนักการรบั รู้ และ
ความเข้าใจด้านความปลอดภยั ให้แก่ตนเองผู้อืน่ และสงั คม
2) การจดั กจิ กรรมสร้างความรู้ความเข้าใจพฒั นา
องค์ความรู้ เกีย่ วกับความปลอดภัยให้แก่นักเรยี น ครู
บคุ ลากรทางการศึกษา และผู้ปกครอง
3) การจัดกิจกรรมเสริมสรา้ งทักษะ ประสบการณ์
และสมรรถนะด้านความปลอดภยั ใหแ้ ก่นักเรียน
3.3 การปราบปราม
1) การจดั การแก้ไขปญั หากรณเี กิดเหตุความ
ปลอดภัยในสถานศึกษา
2) การชว่ ยเหลอื เยยี วยา ฟ้นื ฟจู ิตใจ บุคคลผ้ปู ระสบ
เหตุความไมป่ ลอดภยั
3) ดำเนนิ การตามขัน้ ตอนของกฎหมาย
4.1 ประสานความรว่ มมือในการสรา้ ง เครือขา่ ยการ เครื่องมอื ฉบับที่ 3
มีส่วนร่วมในพ้ืนทแี่ ละภาคสว่ นตา่ งๆ ตัวอยา่ ง แผนเผชิญ
4.2 มีการประชมุ วางแผนเพ่ือเสรมิ สรา้ ง ความปลอดภัย เหตุความปลอดภัย
สถานศกึ ษาร่วมกนั ในสถานศกึ ษา
4.3 มกี ิจกรรมการดำเนนิ งานในการเสริมสรา้ งความ เครือ่ งมือฉบับที่ 4
ปลอดภัยสถานศึกษา แบบสรุปการดำเนนิ
4.4 มีการประเมินผลรว่ มกัน งานความปลอดภยั
4.5 มกี ารเผยแพร่ ประชาสัมพนั ธ์ความร่วมมือ ของสถานศกึ ษา
4.6 มีการยกย่อง ชมเชย ภาคีเครือข่ายความร่วมมือ
32
5 ต้อง (POSPE) แนวทางการปฏบิ ัติ เครอ่ื งมือ
5. ต้องมกี ารประเมินผล 5.1 ผู้บริหารสถานศกึ ษา ครู คณะกรรมการสถานศึกษา เครอ่ื งมือฉบับที่ 6
(Evaluation : P)
ข้ันพ้ืนฐาน และนักเรียนประเมนิ ผลการดำเนินงานความ แบบประเมินสำหรบั
ปลอดภัยในสถานศึกษาด้วยนโยบาย ผบู้ ริหารสถานศึกษา
4 มี 5 ตอ้ ง เครือ่ งมือฉบับที่ 7
5.2 ใชเ้ คร่ืองมือวัดและประเมินผลการดำเนินงานความ แบบประเมนิ สำหรับครู
ปลอดภยั ในสถานศึกษาด้วยนโยบาย 4 มี 5 ต้อง เครื่องมอื ฉบบั ที่ 8
เปน็ รายบุคคลให้ครอบคลุมทุกดา้ น แบบประเมินสำหรบั
5.3 จัดทำระบบข้อมลู สารสนเทศ รายงานผลการ คณะกรรมการ
ประเมินจากผู้บรหิ ารสถานศึกษา ครู คณะกรรมการ สถานศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน
สถานศึกษา เครอ่ื งมือฉบับท่ี 9
ขั้นพื้นฐาน และนักเรียน แบบประเมินสำหรับ
5.4 ชีป้ ญั หา และข้อขดั ข้องด้านประสิทธภิ าพ นกั เรยี น
ประสทิ ธผิ ล และผลกระทบท่ีเกดิ จากการดำเนนิ งานเพื่อ
ปรับปรุงการดำเนนิ งานต่อไป
33
การดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาตามนโยบาย 4 มี 5 ต้องของสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาสงิ ห์บุรี มีตัวชี้วดั /เป้าหมายปลายทางของคณุ ภาพการดำเนนิ งานดา้ นความปลอดภัย
ของสถานศกึ ษา ดงั น้ี
4 มี ( Quality ) ตวั ช้วี ดั เคร่ืองมือ
สำนกั งานเขตพนื้ ท่ี 1) สถานศึกษาจัดการศึกษาท่ีตอบสนองนโยบาย เครื่องมอื ฉบบั ท่ี 6
การศกึ ษามีคณุ ภาพ : Q1 เป้าหมาย (Goals) ตามแผนปฏบิ ัตริ าชการประจำปี แบบประเมนิ สำหรับ
งบประมาณ 2565 ของสำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา ผู้บริหารสถานศกึ ษา
ประถมศึกษาสงิ หบ์ รุ ี ท่เี กย่ี วข้องกบั ความปลอดภยั
สถานศึกษา
2) สถานศึกษามีการพฒั นานวตั กรรมในด้านการ
เสริมสรา้ งความปลอดภยั สถานศกึ ษา
3) สถานศึกษามีการปฏิบัตทิ ่เี ปน็ เลศิ (Best Practice)
ในด้านการเสริมสรา้ งความปลอดภยั สถานศึกษาท่สี ามารถ
เปน็ ตน้ แบบหรอื แบบอยา่ งทด่ี ี
4) สถานศึกษาสง่ เสริมการมีการสร้างเครอื ขา่ ยความ
รว่ มมือในดา้ นความปลอดภัยสถานศกึ ษากบั โรงเรยี นอ่นื ๆ
สถานศกึ ษามคี ุณภาพ : Q2 1) สถานศึกษาจดั สภาพแวดลอ้ ม และบรรยากาศทมี่ ี เคร่ืองมอื ฉบบั ที่ 6
ความปลอดภัยต่อนักเรยี น ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา แบบประเมินสำหรบั
มกี ารกำหนดพื้นที่การควบคมุ ความปลอดภัย ปา้ ยสญั ลักษณ์ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา
และอุปกรณ์ควบคมุ ความปลอดภัยส่วนบคุ คล
2) สถานศึกษามีแผนความปลอดภัยทีค่ รอบคลุมทกุ 4
กลุ่มภัย ไดแ้ ก่ ภัยทเ่ี กิดจากการใชค้ วามรนุ แรงของมนุษย์
ภยั ท่ีเกิดจากอบุ ตั เิ หตุ ภยั ทีเ่ กิดจากการถกู ละเมดิ สทิ ธ์ิ และ
ภยั ที่เกิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ
โดยใชห้ ลัก 3 ป ได้แก่ การป้องกนั ปลูกฝงั และปราบปราม
3) สถานศึกษามีโครงสรา้ งการบริหารจดั การ
ความปลอดภยั สถานศึกษา มีระบบดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี น
และมีระบบการแก้ปญั หาด้านความปลอดภยั สถานศึกษา
อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
4) สถานศึกษามีเครือขา่ ยความรว่ มมอื ความปลอดภัย
อย่างน้อย 1 เครือขา่ ย
ครูมคี ณุ ภาพ : Q3 1) ครมู คี วามรู้ ความเข้าใจ และผา่ นการอบรมความรู้ เครอ่ื งมือฉบบั ที่ 7
ด้านความปลอดภัยสถานศึกษา แบบประเมนิ สำหรับครู
2) ครมู ีข้อมลู สารสนเทศของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล
ไดแ้ ก่
34
4 มี ( Quality ) ตวั ช้ีวัด เครอ่ื งมอื
นกั เรียนมคี ณุ ภาพ : Q4
- คดั กรองนกั เรยี นแยกเป็น 3 กลุ่ม ได้อยา่ งชดั เจน เคร่ืองมอื ฉบบั ท่ี 9
ประกอบด้วย กลมุ่ ปกติ กลมุ่ เสยี่ ง และกลุ่มมีปัญหา แบบประเมนิ สำหรบั
นักเรยี น
- เกบ็ ขอ้ มลู นักเรียนรายบคุ คลด้วย เคร่อื งมือและ
วธิ ีการทเี่ หมาะสม เชน่ การเย่ียมบ้านนกั เรียน การสอบถาม
การสมั ภาษณ์ เปน็ ตน้
- จัดกิจกรรมสำหรบั เดก็ กลุ่มต่างๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
ดังน้ี
กลมุ่ ปกติ จัดกจิ กรรมสง่ เสริมความสามารถตามปกติ
กลุ่มเส่ยี ง จัดกิจกรรมป้องกันปัญหา
กลุม่ มปี ญั หา จัดกิจกรรมแก่ปญั หา และระบบส่งต่อ
- สรปุ รายงานผลการดำเนินงาน ระบบดูแลช่วยเหลือ
นกั เรยี น
3) ครูมีการจัดกจิ กรรม เสรมิ สรา้ งความรู้ ความเข้าใจ
ดา้ นความปลอดภัยสถานศกึ ษาให้นกั เรียนและผู้ปกครอง
4) ครูมงุ่ มั่นแสวงหาความรู้ และพฒั นานวตั กรรมในการ
จดั การเรียนการสอนเสรมิ สร้างความปลอดภัยสถานศึกษา
1) นักเรยี นมีความตระหนัก มีความรดู้ ้านความ
ปลอดภัยสถานศึกษา
2) นกั เรยี นม่งุ มนั่ แสวงหาความรู้ สร้างสรรค์ผลงาน
เกย่ี วกับปลอดภัยสถานศึกษาอย่างสม่ำเสมอ
3) นักเรียนปฏบิ ัติตนดา้ นความปลอดภัยสถานศึกษาได้
อยา่ งถูกต้องเหมาะสม
4) นักเรยี นมีทกั ษะการคิดและมวี ิจารณญาณในการ
ตดั สนิ ใจท่ถี กู ต้องเม่ือเกิดเหตุ
35
แนวทางการปฏิบัติขอบขา่ ยความปลอดภัยสถานศกึ ษา
ขอบข่ายความปลอดภัยสถานศึกษาจำแนกเป็น 4 กลุ่มภัย โดยมีการดำเนินงานความปลอดภัย
สถานศึกษาตามมาตรการ 3 ป ได้แก่ การป้องกัน การปลูกฝัง และการปราบปราม ซึ่งในแต่ละ
มาตรการมแี นวปฏบิ ัติตามรายละเอียด ดงั นี้
ความปลอดภยั การปอ้ งกนั การปลูกฝัง การปราบปราม
สถานศกึ ษา
จำแนกเปน็ 4 กลมุ่ ภัย
1. ภยั ทเี่ กิดจากการใช้ 1) สำรวจนกั เรยี นกลุ่ม 1) จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ 1) เผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธ์
ความรนุ แรงของมนุษย์ เส่ยี งและพืน้ ทท่ี ีเ่ ป็นจุดเส่ียง ความตระหนักรูแ้ ละเหน็ ชอ่ งทางในการขอความ
(Violence) 2) เฝ้าระวัง สังเกต คณุ ค่าในตนเอง ช่วยเหลอื
1.1) การล่วงละเมิด พฤติกรรม นกั เรียน และ 2) จัดกจิ กรรมพัฒนาทักษะ 2) แต่งตั้งคณะทำงานให้
ทางเพศ พฒั นาพ้นื ทเี่ สี่ยงให้ ชีวิต ฝกึ ทกั ษะการปฏเิ สธ ความช่วยเหลือเรง่ ด่วน
1.2) การทะเลาะววิ าท ปลอดภยั และการเอาตวั รอดใน ที่สามารถให้ความช่วยเหลอื
1.3) การกล่นั แกล้ง 3) ประชมุ ชแี้ จงทำความ สถานการณต์ ่างๆ ได้ทนั เหตุการณ์
รงั แก เขา้ ในการปฏบิ ตั ิตนตาม 3) ให้ความรู้เร่ืองการอยู่ 3) แตง่ ต้งั คณะทำงาน
1.4) การชมุ นมุ ระเบยี บ ร่วมกันในสังคม และ ด้านกฎหมายเพ่ือให้ความ
ประท้วงและการจลาจล 4) สร้างเครือข่ายเฝา้ ระวัง ผลกระทบทีเ่ กิดจากการ ช่วยเหลอื ประสานภาคี
1.5) การก่อวินาศกรรม ทั้งในสถานศกึ ษาและชมุ ชน ทะเลาะวิวาท เครือข่ายเพื่อการส่งต่อที่
1.6) การระเบดิ 5) จดั ระบบการสื่อสาร 4) จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ เหมาะสม
1.7) สารเคมแี ละวัตถุ เพือ่ รบั สง่ ข้อมูลด้าน การอยูร่วมกันในสงั คม 4) แต่งตงั้ คณะทำงาน
อันตราย พฤติกรรมนักเรยี นทัง้ ใน 5) จดั เวทกี ิจกรรมให้ เพือ่ ระงบั เหตุ ท้ังในระดับ
1.8) การล่อลวง สถานศกึ ษาและนอก นกั เรยี นไดแ้ สดงออกตาม ชน้ั เรียน สถานศึกษา
ลักพาตวั สถานศกึ ษา ความสามารถทเ่ี หมาะสม และชุมชน
6) จดั ทำระเบียบข้อตกลง 6) สรา้ งความร้คู วามเข้าใจ 5) ดำเนินการเอาโทษตาม
ร่วมกันทง้ั ในระดบั ช้ันเรยี น เกีย่ วกับระเบยี บ กฎหมาย ระเบยี บข้อตกลง โดยเน้น
และระดับสถานศึกษา สทิ ธิและหน้าท่ีพลเมือง การไกลเกลยี่ ประนปี ระนอม
7) จดั ระบบติดต่อส่อื สาร 7) สรา้ งองค์ความรคู้ วาม ตามมาตรการจากเบาไป
เพือ่ ติดตามพฤติกรรม เข้าใจถงึ ผลกระทบท่ีเกดิ หาหนัก
นกั เรยี นอย่างตอ่ เนื่อง จากการจลาจล จัดกจิ กรรม 6) ตดิ ตาม เย่ียมเยยี นให้
บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ กำลังใจผู้ถกู กระทำ
36
ความปลอดภยั การป้องกัน การปลกู ฝัง การปราบปราม
สถานศึกษา
จำแนกเปน็ 4 กลุ่มภยั
2.ภยั ท่เี กิดจากอุบัตเิ หตุ 1) สำรวจข้อมูลความเส่ียง 1) สร้างความรคู้ วามเขา้ ใจ 1) แตง่ ต้ังคณะทำงานให้
(Accident) ท่ีเกิดจากภัยทเ่ี กดิ จาก ถงึ ปญั หาและผลกระทบที่ ความชว่ ยเหลอื เรง่ ด่วน
2.1) ภัยธรรมชาติ อุบตั เิ หตุ เกดิ จากภัยทีเ่ กดิ จาก ทีส่ ามารถให้ความช่วยเหลือ
2.2) ภัยจากอาคาร 2) จัดทำแผนป้องกนั ภยั ท่ี อุบัติเหตรุ ูปแบบตา่ งๆ ได้ทนั เหตุการณ์
เรยี นสงิ่ กอ่ สรา้ ง เกิดจากอบุ ตั เิ หตุ 2) จดั กจิ กรรมฝึกทักษะ 2) ตดิ ต่อส่ือสารเครอื ข่าย
2.3) ภยั จากยานพาหนะ 3) จัดเตรยี มวสั ดุ อุปกรณ์ การเผชิญปญั หาภยั ทเี่ กดิ การมีสว่ นร่วม เพ่อื ช่วยให้
2.4) ภยั จากการจัด เครื่องมอื ในการป้องกันภัยที่ จากอบุ ตั ิเหตุ ความช่วยเหลือและแก้ปัญหา
กิจกรรม เกดิ จากอบุ ัตเิ หตุ 3) จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การ 3) ประสานงานหน่วยงาน
2.5) ภัยจากเคร่ืองมอื 4) ซักซอ้ มการเผชญิ เหตุ อนรุ กั ษ์ทรพั ยากร องค์กร เพ่ือใหค้ วามช่วยเหลือ
อุปกรณ์ ภัยทเ่ี กดิ จากอบุ ัตเิ หตุ ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม เยียวยา และฟืน้ ฟูจิตใจ
5) สำรวจสภาพของอาคาร 4) สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ 4) สร้างเครือข่ายการมี
เรียน อาคารประกอบ และ หลักการสร้างความปลอดภยั ส่วนร่วมและดำเนนิ การ
สงิ่ กอ่ สร้างให้อย่ใู นสภาพ ในการดำเนินชีวติ ช่วยเหลือและแก้ปญั หา
ปลอดภยั 5) ฝกึ ทกั ษะการสังเกต ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ
6) ตดิ ป้ายสัญลักษณ์ใน และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสยี่ ง 5) ประสานงานหน่วยงาน
อาคาร หรอื พน้ื ที่ทีไ่ ม่แข็งแรง 6) จดั กิจกรรมฝกึ ทักษะ ภาครฐั และเอกชน เพอื่ ให้
และมคี วามเส่ียง การเอาตัวรอดเม่ือประสบภัย ความชว่ ยเหลอื
7) ประชาสัมพนั ธ์ให้ จากอาคารเรียน และ 6) ดำเนนิ การส่งต่อเพ่ือ
นักเรยี นหลีกเลี่ยงการเขา สิ่งก่อสรา้ ง การชว่ ยเหลอื ทมี่ ี
พื้นที่เส่ยี งอย่างต่อเนือ่ ง 7) จัดกิจกรรมให้ความรู้ ประสิทธิภาพ
8) สำรวจข้อมูล เรือ่ งการใช้รถใชถ้ นนและ
ยานพาหนะในสถานศึกษา เคร่ืองหมายจราจร
9) จดั ระบบสัญจรใน 8) จัดกจิ กรรมสง่ เสริมการ
สถานศกึ ษาสำหรบั สรา้ งจติ สำนกึ ในการปฏบิ ัติ
ยานพาหนะประเภทต่างๆ ตามกฎจราจร
และสำหรบั การเดินเท้า 9) จัดกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ
10) จดั ทำแผนให้ความ การปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้
ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เมื่อประสบภัย
37
ความปลอดภยั การปอ้ งกนั การปลกู ฝงั การปราบปราม
สถานศกึ ษา
จำแนกเป็น 4 กลุ่มภัย 1) สรา้ งเครือข่ายเฝา้ ระวัง 1) จดั กจิ กรรมส่งเสริมความ 1) แตง่ ตัง้ คณะทำงานให้
3. ภยั ทเี่ กดิ จากการถูก ท้งั ในสถานศึกษาและชมุ ชน ตระหนกั รู้เห็นคุณค่าใน ความชว่ ยเหลอื เร่งดว่ น
ละเมดิ สทิ ธ์ิ (Right)
3.1) การถูกปล่อยปละ 2) จัดระบบการติดต่อ ตนเอง ท่ีสามารถให้ความช่วยเหลอื
ละเลย ทอดท้ิง
3.2) การคกุ คามทาง สื่อสารเพื่อรบั ข้อมูล 2) จดั กิจกรรมพฒั นา ได้ทันเหตุการณ์
เพศ
3.3) การไม่ไดร้ ับความ พฤติกรรมนกั เรยี น ทักษะชวี ติ อยา่ งรอบดา้ น 2) แตง่ ตั้งคณะทำงานให้
เปน็ ธรรมจากสังคม
และผ้ใู กล้ชดิ 3) ฝกึ ทักษะการปฏเิ สธ ความช่วยเหลือดา้ นกฎหมาย
3) จดั ทำข้อมูลชอ่ งทาง การเอาตัวรอด และการ 3) ประสานภาคเี ครือขา่ ย
ขอความช่วยเหลอื เผยแพร่ ขอความช่วยเหลือ เพ่อื ร่วมแกป้ ัญหา
ประชาสัมพันธใ์ ห้นักเรยี น 4) สร้างความรู้ความเข้าใจ 4) ตดิ ตามเยีย่ มเยียนให้
และชมุ ชน ถึงสิทธิ หนา้ ที่ และความ กำลงั ใจอย่างสม่ำเสมอ
4) สำรวจนกั เรียนกลุ่ม รับผิดชอบตอ่ สังคม 5) เผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธ์
เสีย่ งและพื้นทีเ่ ปน็ จุดเส่ยี ง 5) บรกิ ารให้คำปรึกษา ช่องทางในการขอความ
5) เฝา้ ระวงั สงั เกต สำหรบั นกั เรียนกลมุ่ เส่ยี ง ช่วยเหลือ
พฤติกรรมนักเรียน และ 6) จัดกจิ กรรมส่งเสริม 6) ประสานภาคเี ครือข่าย
พฒั นาพ้ืนท่ีเสี่ยงให้ปลอดภยั การสรา้ งจิตสำนกึ ใน เพ่ือการสง่ ต่อทีเ่ หมาะสม
6) จดั ระบบการส่ือสาร ความเสมอภาค 7) สรา้ งขวญั กำลังใจโดย
เพื่อรับสง่ ข้อมูลด้าน เออ้ื เฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน การตดิ ตามเย่ยี มเยยี น
พฤติกรรมนกั เรียนทัง้ ใน อย่างสม่ำเสมอ
สถานศึกษาและชุมชน
7) สำรวจขอ้ มูลนกั เรียน
รายคน วเิ คราะห์สภาพ
ปญั หาความต้องการ
ความขาดแคลนของนกั เรยี น
รายคน
8) จดั ทำแผนให้ความ
ชว่ ยเหลอื นกั เรยี นที่ตาม
ความขาดแคลน
38
ความปลอดภัย การปอ้ งกนั การปลูกฝงั การปราบปราม
สถานศึกษา
จำแนกเป็น 4 กล่มุ ภัย 1) สำรวจขอ้ มลู นกั เรยี น 1) จัดกจิ กรรมส่งเสริมการ 1) แตง่ ตัง้ คณะทำงานเพอ่ื
กล่มุ เส่ียง แลกเปลย่ี นเรยี นรู้รว่ มกนั ระงบั เหตทุ ้งั ในสถานศึกษา
4. ภัยท่เี กิดจาก 2) ติดต่อประสาน ของนักเรียน และชุมชน
ผลกระทบทางสุขภาวะ เครอื ข่ายการมีสว่ นร่วมเพื่อ 2) จัดกจิ กรรมส่งเสรมิ การ 2) ประสานเครือขา่ ยการ
ทางกายและจิตใจ ประเมนิ ภาวะจิต ตระหนกั รูแ้ ละเห็นคุณคา่ ใน มสี ว่ นรว่ ม เพอื่ แก้ปญั หา
(Unhealthiness) 3) จัดหลกั สูตรการเรียน ตนเองและผอู้ ื่น 3) ดำเนนิ การตามระเบยี บ
4.1) ภาวะจติ เวช การสอนพิเศษรายคน 3) สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ กฎหมาย โดยเน้นการ
4.2) ตดิ เกม 4) สร้างเครือข่ายเฝา้ ระวัง ถึงผลกระทบที่เกิดจากการ ไกลเกลีย่ ประนปี ระนอม
4.3) ยาเสพติด ทัง้ ในสถานศึกษาและชมุ ชน ตดิ เกม ตามมาตรการจากเบาไป
4.4) โรคระบาดใน 5) จัดระบบติดต่อสารเพ่ือ 4) จัดกจิ กรรมส่งเสรมิ หาหนัก
มนุษย์ รบั ส่งขอ้ มูลพฤติกรรมอยา่ ง การคดิ วเิ คราะหแ์ ละใช้เวลา 4) ประสานการสง่ ต่อ
4.5) ภยั ไซเบอร์ ตอ่ เน่อื ง ว่างให้เป็นประโยชน์ เพื่อให้การช่วยเหลอื ทม่ี ี
4.6) การพนัน 6) สำรวจขอ้ มูลนกั เรยี น 5) จดั กจิ กรรมเสริม ประสทิ ธภิ าพ
4.7) มลภาวะเปน็ พษิ กลมุ่ เสยี่ ง หลกั สตู รที่สนองต่อความ 5) ติดตามเยยี่ มเยียน
4.8) โรคระบาดในสตั ว์ 7) วิเคราะห์นกั เรยี น สนใจของนักเรยี นอยา่ ง เพอ่ื สรา้ งขวญั กำลงั ใจ
4.9) ภาวะทุพ รายบคุ คล หลากหลาย 6) เผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์
โภชนาการ 8) กำหนดข้อตกลงเพ่ือ 6) สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ ชอ่ งทางในการขอความ
ปฏิบัติร่วมกัน ถงึ โทษภัย และผลกระทบ ชว่ ยเหลือ
9) สำรวจข้อมูลดา้ น ของการตดิ ยาเสพติด 7) แตง่ ตั้งคณะทำงานให้
สุขภาพของนกั เรยี นรายคน 7) จัดกจิ กรรมต่อต้าน ความช่วยเหลอื เรง่ ด่วนท่ี
และบุคคลใกล้ชิด ยาเสพติดในวนั สำคัญ สามารถให้ความช่วยเหลือ
10) จดั ทำแผนในการ อยา่ งสม่ำเสมอ ได้ทันเหตุการณ์
ปอ้ งกันโรคระบาดในมนษุ ย์ 8) สร้างความรูค้ วามเข้าใจ 8) แตง่ ตั้งคณะทำงาน
11) บริการวัสดุ อปุ กรณ์ เก่ียวกับโรคระบาด กองทนุ อาหารกลางวนั
ในการป้องกันโรคระบาดใน 9) จดั กจิ กรรมฝึกทกั ษะ สำหรบั นักเรยี นที่มีปญั หา
มนุษย์ จัดระบบติดตอ่ การปฏบิ ตั ติ น เพื่อความ ดา้ นเศรษฐกิจ
สอ่ื สารเพ่ือติดตามข้อมลู ปลอดภยั จากโรคระบาด 9) ประสานภาคีเครือข่าย
ด้านสุขภาพอย่างต่อเนอ่ื ง ในมนษุ ย์ เพื่อการส่งต่อท่ีเหมาะสม
39
40
การดำเนินงานสถานศึกษาปลอดภัยของสถานศึกษา เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการติดตาม
ช่วยเหลือได้ทันตอ่ สถานการณ์และความจำเป็น สามารถตดิ ต่อผ่านชอ่ งทางการติดตอ่ สอ่ื สารดงั น้ี
1. ระดบั สำนกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสงิ ห์บรุ ี
ฝา่ ยบริหาร
1. นายวิทยา ยางสุด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี
โทร 09-2719-2494
2. นางเกตุชญา วงษเ์ พิก รองผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสิงห์บรุ ี
รบั ผิดชอบกล่มุ บรหิ ารการเงนิ และสินทรพั ย์ และกลมุ่ บรหิ ารงานบุคคล โทร 09-2954-3495
3. นายสยาม สมุ่ งาม รองผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสงิ ห์บุรี
รับผิดชอบกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา และกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา
โทร 08-6895-4751
4. นายนิรตุ ต์ เขม็ เงนิ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสงิ ห์บรุ ี
รบั ผิดชอบกล่มุ นโยบายและแผน และกลุ่มอำนวยการ โทร 09-2282-3959
กล่มุ ส่งเสริมการจดั การศึกษา
1.นางรงุ่ ทิพย์ กนั ภยั ตำแหนง่ นกั วิชาการศึกษา ชำนาญการ โทร 09-2272-1476
รบั ผดิ ชอบงาน ดงั นี้
- งานส่งเสริมการจดั การศกึ ษาสำหรับผ้พู กิ าร
- งานส่งเสรมิ การหารายได้ระหว่างเรยี นนกั เรยี น
- งานสง่ เสริมกจิ กรรมแนะแนว ในสถานศึกษา
- งานการดำเนินงานพัฒนาระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี น
- งานส่งเสรมิ กิจกรรมสหกรณโ์ รงเรียน
- การจัดการศึกษาในระบบ ได้แก่ (1) งานส่งเสริมให้มีการกำหนดวิธีการ และแนวทางการ
ดำเนินงานการจัดการศึกษาต้ังแต่ระดับการศึกษาปฐมวัย และการศึกษาข้ันพื้นฐานอย่างท่ัวถึง และ
มีคุณภาพ (2) การจัดการศึกษาในพื้นที่ภูเขา ทุรกันดาร และชาวเล (3) การจัดการศึกษาเด็กไร้สัญชาติ
เด็กต่างชาติพันธ์ุ (4) การจัดการศึกษาพื้นที่พิเศษ (5) การแก้ปัญหาเด็กตกหล่น เด็กกลุ่มเสี่ยง และ
เด็กออกกลางคัน และ (6) งานทะเบียนหลกั ฐานการศึกษา
- งานส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรสถาบันศาสนา องค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่น
- งานส่งเสริมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน
- งานประสานนเิ ทศ ติดตาม ศึกษา วเิ คราะห์ วจิ ยั และดำเนินงานในหน้าทีร่ ับผดิ ชอบ
- ปฏบิ ตั ิงานอน่ื ๆ ท่ีผ้บู ังคับบญั ชามอบหมาย
41
2.นางพัฒน์สิตา อธิพัฒน์เมธา ตำแหนง่ นกั วชิ าการศึกษาชำนาญการ
โทร 08-2353-3886 รบั ผดิ ชอบงาน ดงั นี้
- งานสง่ เสริมการจดั การศกึ ษาสำหรบั ผ้ดู อ้ ยโอกาส
- งานสง่ เสริมสุขภาพอนามยั นกั เรยี น
- การปอ้ งกันปัญหาการแพร่ระบาดโรคเอดส์ เพศศึกษา และการตง้ั ครรภ์ก่อนวยั อันควร
- งานทนุ การศึกษา และการระดมทุนเพ่ือการศกึ ษานกั เรยี น
- งานกองทุนให้กู้ยืมเพ่ือการศึกษา กยศ.
- งานสง่ เสริมพิทักษ์สทิ ธิเด็กและเยาวชน
- งานวิเทศสัมพันธ์
- งานโครงการแลกเปล่ียนนักเรียนทนุ ระหวา่ งประเทศ
- งานการจัดการศึกษาโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ
4. นายสุทธิ ชืน่ ชม ตำแหนง่ นักวชิ าการศกึ ษาชำนาญการ โทร 08-7122-3515 รับผิดชอบงาน ดังนี้
- งานปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ ในสถานศึกษา
- งานความมนั่ คงของชาติ
- งานส่งเสรมิ ความประพฤตนิ ักเรียนและนักศึกษา
- งานสง่ เสรมิ การพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ สิ่งแวดล้อมทางการศึกษา และภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น
ให้เหมาะสมตอ่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาและจัดทำทะเบยี น
- การสง่ เสรมิ คุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรยี นและสถานศึกษา (ที่ไมไ่ ด้มาจาก สพฐ.)
- งานสง่ เสรมิ ศลิ ปะ ดนตรี กีฬาและนันทนาการ
- การส่งเสริมการจัดกจิ กรรมทัศนศึกษา
- การจดั งานฉลองวนั เด็กแห่งชาติ
5. นางสาวเจนจิรา พาใจอ่อน นกั จิตวิทยาประจำเขตพืน้ ที่ โทร 06-1139-1609 รับผดิ ชอบงาน ดงั นี้
- ดูแลช่วยเหลือส่งเสริม ให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาสุขภาพจิต พัฒนาการทางร่างกาย และ
สตปิ ัญญานักเรียนในสังกดั ทุกกลุ่มเป้าหมาย
- วิเคราะห์ และวินิจฉัยปัญหานักเรียนเป็นรายบุคคลท่ีมีปัญหาซับซ้อนหรือจากการส่งต่อ
ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ได้แก่ แบบทดสอบทางจิตวิทยาด้านสติปัญญา อารมณ์ สังคม และวางแผน
การแกไ้ ขปญั หา
- ประเมิน สำรวจ วิเคราะห์ สภาพสุขภาพจิตด้วยวธิ ีการทางจิตวทิ ยากับนักเรียน เพื่อค้นหา
อธิบาย ทำนายแนวโน้ม พฤติกรรม อารมณ์ ความคิด พัฒนาการ ศักยภาพ แรงจูงใจ ความถนัด
บคุ ลกิ ภาพสาเหตขุ องปญั หาสุขภาพจิตในระดบั เบือ้ งตน้
- ให้คำปรึกษาแก่นักเรียน และผู้เกี่ยวข้องเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม และบำบัดครอบครัว
เพอ่ื การบำบัด และแกไ้ ขปญั หาเฉพาะเรอ่ื งหรือปัญหาที่มีความซบั ซ้อน เช่น พฤติกรรมเสย่ี ง เร่อื งยาเสพติด
การทะเลาะววิ าท การใชค้ วามรุนแรงฯ
- ปรับพฤติกรรม ฟื้นฟูสภาวะทางจิตใจ สังคม อารมณ์ ส่งเสริมพัฒนาการในระดับเบื้องต้น
เพื่อให้นักเรียนเข้าใจ ยอมรับปัญหาของตนเอง ปรับเปลี่ยนอารมณ์ ความคิด พฤติกรรม วิธีการปรับตวั
หรือวิธีแกป้ ัญหาใหเ้ หมาะสม
42
- ให้การดแู ลชว่ ยเหลือกลุ่มเด็กพิเศษ เชน่ เด็กบกพร่องทางการเรียนรู้(LD) เด็กสมาธิสั้น เด็กออทิสติก
เด็กทีม่ สี ติปัญญาบกพร่อง ฯลฯ
- ส่งเสริม ป้องกัน เฝ้าระวัง แก้ไขปัญหาพฤติกรรม สุขภาพจิตของนักเรียนด้วยเครื่องมือ
และกระบวนการทางจติ วทิ ยาเบื้องตน้ เพอ่ื พัฒนาความสามารถในการดำเนินชวี ิตไดเ้ หมาะสมยงิ่ ข้นึ
- รวบรวม ศึกษาข้อมูล วิจยั ด้านจิตวิทยา และวชิ าการอื่นๆ ที่เก่ียวข้อง เพอื่ พัฒนาองค์ความรู้
นวัตกรรมด้านจิตวทิ ยา สขุ ภาพจติ
2. หน่วยงานที่เกีย่ วข้อง
กระทรวงศกึ ษาธิการ
โทร 1579 หรือ โทรศูนย์ความปลอดภัย กระทรวงศึกษาธิการ
โทร 02 – 628 – 9169 , 02 – 628 – 9166 , 02 – 628 - 9182
และ 02-628-9160
ตดิ ต่อกรณี 1. มคี วามรสู้ ึกไมป่ ลอดภยั
2. มคี วามประสงคจ์ ะร้องทุกข์ ร้องเรยี น
3. สถานศึกษากําลังเกิดภยั อย่างหน่งึ อย่างใดใน 4 กลุ่มภยั
สำนกั งานตำรวจแห่งชาติ
1. กองบงั คบั การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนษุ ย์
กองบญั ชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถ.แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.10900
โทร. 0–2513–3213 โทรสาร 0-2513–7117
Website : www.ccsd.go.th
E-mail : [email protected]
ติดตอ่ กรณี 1. อาชญากรรมที่เกีย่ วกับการค้ามนษุ ย์
2. การกระทำความผดิ ต่อเด็ก เยาวชน และสตรี
3. ความผิดเกีย่ วกับแรงงาน การจัดระเบียบสังคม
2. งานพทิ ักษ์เด็ก เยาวชน และสตรี
สำนกั งานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระราม 1 เขตปทุมวัน กทม. 10330
โทร. 0-2205-3421-3 ต่อ 26 Website : www.Office.police.go.th
E-mail : [email protected]
ตดิ ตอ่ กรณี 1. ต้องการความชว่ ยเหลือเดก็ เยาวชนและสตรที ่ีถูกล่วงละเมิดสิทธิ
2. พบผู้กระทำผดิ ทางกฎหมาย
3. พบขบวนการค้ามนุษย์
43
3. ศูนย์สวสั ดภิ าพเด็ก เยาวชน และสตรี
กองบัญชาการตำรวจนครบาล เลขท่ี 1 ถ.ราชดำเนนิ นอกแขวงวดั โสมนสั
เขตปอ้ มปราบศตั รูพา่ ย กทม. 10100 โทร. 0-2281-1449
Website : www.korkorsordor.com
ติดตอ่ กรณี 1. การสงเคราะห์เด็ก เยาวชน และสตรี
2. พบบุคคลเร่ร่อนและขอทาน
3. ตอ้ งการคำแนะนำกบั สตรี ผปู้ กครองบดิ ามารดาของเด็กนกั เรียน
และเยาวชนทมี่ ปี ัญหาดา้ นความประพฤตเิ พ่ือหาแนวทางแก้ไข
หน่วยงานภาคเอกชน
1. มลู นธิ ศิ ูนย์พิทกั ษ์สทิ ธิเดก็
979 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 12 ถ.จรัญสนทิ วงศ์ แขวงทา่ พระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.10600
โทร. 0-2412-0739, 0-2415-1196 โทรสาร 0-2412-9833
Website : www.thaichildrights.orgE-mail : [email protected]
ติดต่อกรณี 1. เดก็ ถูกกระทำความรนุ แรง
2. เดก็ ไดร้ ับการเลีย้ งดโู ดยมิชอบ
3. เดก็ ถกู แสวงหาประโยชน์
2. มูลนธิ ิพัฒนาการคุ้มครองเดก็
Fight Against Child Exploitations Foundation (FACE)
ตู้ ปณ. 178 คลองจ่นั กทม.
โทร. 0-2509-5782 โทรสาร 0-2519-2794
E-mail : [email protected]
ติดต่อกรณี 1. การดำเนินคุม้ ครองเด็กผู้เสียหายหรือเด็กทีต่ กเปน็ เหยื่อ
2. การดำเนินการช่วยเหลือเหยือ่ ผูเ้ สยี หายจากคดีต่างๆ
3. ดำเนินการคืนสู่ครอบครับหรอื มงี านทำท่ดี ี และสามารถ
อยรู่ ่วมกับสังคมโดยปกตสิ ขุ
3. มลู นิธิเพอ่ื นหญิง
386/61-62 ช.รัชดาภเิ ษก 44 (ซอยเฉลมิ สุข) ถ.รัชดาภเิ ษก แขวงลาดยาว
เขตจตจุ ักร กทม. 10900 โทร. 0-2513-1001 โทรสาร 0-2513-1929
Website :[email protected]
E-mail : [email protected]
ตดิ ต่อกรณี 1. พิทกั ษส์ ิทธิผ้หู ญงิ
2. ให้ความช่วยเหลือผหู้ ญงิ ที่ตกอยูใ่ นภาวะวิกฤติ
ความรุนแรงจากภัยคุกคามทางเพศ
3. ให้ความมั่นคงในชวี ิตต้งั ครรภ์ ไมพ่ รอ้ มที่จะรับผิดชอบ/ทอ้ งในวยั เรยี น
44
4. องค์กรพิทักษส์ ตรีในประเทศไทย
328/1 สำนกั กลางนกั เรยี นคริสเตรียน ถ.พญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400
โทร. 0-2214-5157-8 โทรสาร 0-2513-1929
Website : www.afesip.ord
ติดต่อกรณี 1. ตอ่ ตา้ นการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญงิ และเด็ก
2. ปกปอ้ งคุ้มครองผหู้ ญิงและเดก็
3. ป้องกนั และลดความเสีย่ งจากการแสวงหาประโยชนท์ างเพศ
5. มลู นธิ ิศุภนิมติ รแห่งประเทศไทย
582/18-22 ซ.เอกมยั สุขมุ วทิ 63 แขวง คลองตนั เขตวฒั นา กทม. 10110
โทร. 0-2381-8863-5 ต่อ 111 โทรสาร 0-2381-5500
Website : www.worldvision.or.th
E-mail : [email protected]
ติดตอ่ กรณี 1. ปกป้องคุ้มครองจากภัยพิบัติ
2. ส่งเสรมิ สทิ ธ์ิ ปกป้องคุ้มครองจากความรนุ แรงต่างๆ
3. เตรียมพร้อมรบั มือภัยพิบัติ เกิดเครือขา่ ยปอ้ งกันภยั พบิ ัติในชมุ ชน
6. เครอื ข่ายส่งเสริมคณุ ภาพชวี ติ แรงงาน
25/17-18 หมู่บ้านมหาชัยเมืองทอง ถ.สหกรณ์ ต.บางหญ้าแพรก อ.เมอื ง
จ.สมุทรสาคร 74000 โทร. 0-3443-4726, 09-0948-4678
ติดต่อกรณี 1. ค้มุ ครองเด็ก
2. การค้ามนษุ ย์
3. โอกาสการศึกษา
7. โครงการบา้ นพทิ กั ษ์และคุ้มครองสิทธิเดก็ ขนเผา่ ลมุ่ น้ำโขง
294/1 ม.3 ต.ทา่ สดุ อ.เมือง จ.เชยี งราย 57100
โทร. 0-6185- 6603 โทรสาร 0-5378-7328, 0871-9075
Website : www.depde.org
E-mail : [email protected]
ติดต่อกรณี 1. พทิ ักษส์ ิทธิเด็ก
2. คุ้มครองสิทธิเด็ก
3. ใหก้ ารศกึ ษา
8. ศูนย์ขอ้ มลู คนหาย มูลนิธิกระจกเงา
8/12 ซ.วิภาวดี 44 ถ.วิภาวดี-รังสติ แขวงลาดยาว เขตจตุจกั ร กทม. 10900
โทร. 0-2941-4194-5 ต่อ114 โทรสาร 0-2642-7991-2, 0-2941-4194 ต่อ109
Website : www.becktohome.org. www.notforsale.or.th, ww.miror.or.th
45
E-mail : [email protected]
ตดิ ต่อกรณี 1. รับแจง้ คนหาย
2. ชว่ ยเหลอื การคา้ มนุษย์
3. ชว่ ยเหลือปัญหาขอทานเด็ก
9. ศนู ย์ชีวิตใหม่
49/9 ซ.3 ต.ทุ่งโฮเต็ล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
โทร. 0-5335-1312, 08-5326-3010 โทรสาร 0-5338-0871
Website : www.newlifecenterfoundation.org
E-mail : newlife@pobox.
ติดต่อกรณี 1. ช่วยเหลอื สตรที ่เี ปน็ ผู้เสียหายจากการถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ
2. ช่วยเหลือสตรีทม่ี ีความเส่ยี งสูงต่อการถูกแสวงหาประโยชนโ์ ดยมิชอบ
3. ช่วยในการติดตามหาครอบครัว
10. สภาทนายความ
7/89 อาคาร 10 ถ.ราชดำเนินกลางแขวงบวรนิเวศเขตพระนคร กทม.10200
โทร. 0-2629-1430
ตดิ ตอ่ กรณี 1. ใหค้ ำปรกึ ษาด้านกฎหมาย
2. เป็นตวั แทนของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ในการร่วมมือกบั
ศาลหน่วยงานต่างๆ ดา้ นยุติธรรม ทั้งภายในประเทศ และระดับสากล
3. ส่งเสรมิ ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่
ประชาชนในเร่อื งเก่ยี วกบั กฎหมาย
11. หนว่ ยประสานงานเพ่ือตอ่ ตา้ นการค้ามนษุ ย์
ภาคเหนอื ตอนบน ประเทศไทย ศาลากลางจงั หวัดเชียงใหม่ ชน้ั 5 ถ.โชตนา
ต.ชา้ งเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300 โทร. 05-3112-6434
ตดิ ต่อกรณี 1. การช่วยเหลอื ค้มุ ครองผูเ้ สียหายจากการคา้ มนุษย์
2. การแก้ไขปญั หาการคา้ มนุษย์ในอตุ สาหกรรมประมง
3. การดำเนินงานเก่ยี วกบั ผโู้ ยกย้ายถ่นิ ฐานทีเ่ หมาะสมของไทย
12. คลินกิ นริ นาม สภากาชาดไทย
สภากาชาดไทย กรงุ เทพมหานคร 104 ถ.ราชดำริ แขวงปทุมวนั เขตปทุมวนั
กทม. 10330 โทร .02-252-2568 กด 1, 02-256-4107-9 โทรสาร 02-254-7577
ตดิ ตอ่ กรณี 1. ปรึกษาเก่ียวกบั โรคต่างๆที่เกดิ จากเพศสัมพันธ์
2. บรกิ ารการตรวจหาเช้ือ HIV โดยไม่เสียคา่ บรกิ าร
3. ดูแลผู้ตดิ เชอื้ ระยะยาวดว้ ยยาต้านไวรัส และให้การปรึกษา
การดแู ลสขุ ภาพ
46