The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เนื้อหาที่ใช้ออกข้อสอบ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pimtongpannipa, 2021-05-23 09:12:19

เนื้อหาที่ใช้ออกข้อสอบ

เนื้อหาที่ใช้ออกข้อสอบ

เรอื่ งที่ 1 สารและการจำแนกสาร

ความหมายของสสารและสารและการเปลยี่ นแปลง
ความหมายของสสารและสาร

- สสาร (matter ) คือ ส่งิ ท่ีมีมวล ตอ้ งการทอี่ ยแู่ ละสามารถสัมผัสได้ หรอื อาจหมายถงึ สิง่ ต่างๆที่อยู่
รอบตัวเรา มีตัวตน ต้องการที่อยู่ สัมผัสได้ อาจมองเห็นหรือมองไม่เหน็ ก็ได้ เช่น อากาศ หิน เป็นตน้
นักวทิ ยาศาสตรเ์ รียกสสารทรี่ ู้จกั วา่ สาร

- สาร (substance ) คอื สสารที่ศกึ ษาค้นคว้าจนทราบสมบตั ิและองค์ประกอบท่แี นน่ อน
- สมบัติของสาร หมายถึง ลักษณะเฉพาะตัวของสาร เช่น เนื้อสาร สี กลิ่น รส การนำไฟฟ้า
การละลายนำ้ จุดเดอื ด จุดหลอมเหลว ความเป็นกรด–เบส เป็นตน้ แบ่งสมบัติของสารออกเปน็ 2 ประเภท คือ
1) สมบตั ิทางกายภาพ หรือสมบัติทางฟิสิกส์ ( physical properties ) หมายถึง สมบัติของสาร ท่ี
สามารถสังเกตไดจ้ ากลักษณะภายนอก หรอื จากการทดลองท่ีไม่เกีย่ วข้องกับปฏิกริ ยิ าเคมี เข่น สถานะ เน้ือ
สาร สี กล่นิ รส ความหนาแน่น จดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลว การนำไฟฟ้า การละลายน้ำ ความแข็ง ความเหนียว
เปน็ ตน้
2) สมบตั ิทางเคมี ( chemical properties ) หมายถึง สมบัตทิ เ่ี กี่ยวข้องกับการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมีและ
องคป์ ระกอบทางเคมขี องสาร เชน่ การตดิ ไฟ การผกุ รอ่ น การทำปฏกิ ริ ยิ ากบั นำ้ การทำปฏกิ ิรยิ ากับกรด –
เบส เปน็ ต้น
- การเปลี่ยนแปลงของสสาร สามารถแบ่งการเปลี่ยนแปลงออกได้เป็นสอง ประเภท คือ การ
เปลยี่ นแปลงทางกายภาพ (Physical Change) และการเปล่ียนแปลงทางเคมี (Chemical Change)
1) การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สามารถสังเกตได้โดย ที่ไม่มีการ
เปลยี่ นแปลงองคป์ ระกอบภายในของสสาร แตเ่ กดิ การจดั เรยี งตัวของอนุภาคใหม่เทา่ น้ัน ดงั รูปที่ 1 การเปล่ยี น
สถานะของน้ำ โดยเม่ือน้ำแข็งได้รบั ความร้อนจะหลอมเหลวกลายเป็นนำ้ ในรูปของเหลว และเม่อื ได้รับความ
รอ้ นตอ่ ไปอกี สามารถเปลีย่ นเป็นไอน้ำได้ โดย ทไี่ มม่ กี ารเปล่ยี นแปลงองค์ประกอบภายในของนำ้ แต่อยา่ งใด
2) การเปลยี่ นแปลงทางเคมี เป็นการเปล่ยี นแปลงองค์ประกอบภายในของสสาร เกิดเป็นสารใหม่
ขน้ึ มา ทั้งน้เี พราะมีปฏิกริ ิยาเคมีเกิดขนึ้ นั่นเอง การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ได้แก่ การเผาไหม้ การย่อยอาหาร
การเกดิ สนมิ การรวมตวั ของโมเลกุลของสารต่างๆ เปน็ ต้น การเปลีย่ นแปลงทางเคมี ทำให้ได้สารใหม่เกิดข้ึน
เสมอ ซงึ่ สามารถเขียนเป็นสมการเคมขี นึ้ แทนปฏิกิรยิ าเคมีท่เี กดิ ขึ้นได้ ตวั อยา่ งของการเปลย่ี นแปลงทา งเคมี
เชน่ การเกิดนมเปร้ียว การปิ้งขนมปัง การเกิดสนิมของตะปู การจุดประกายของนำ้ มันในเครอ่ื งยนต์ การเกิด
ฟองของไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ (H2O2) ในบาดแผล การจุดไม้ขีดไฟ การกินยาลดกรด เปน็ ตน้

- สถานะของสาร สารแบ่งออกเปน็ 3 สถานะ คือ
1) ของแข็ง ( solid ) หมายถึง สารที่มีลักษณะรูปร่างไม่เปลี่ยนแปลง และมีรูปร่างเฉพาะตวั
เน่อื งจากอนภุ าคในของแขง็ จดั เรียงชิดติดกันและอดั แน่นอยา่ งมีระเบยี บไม่มีการเคลื่อนท่ีหรอื เคล่ือนที่ได้น้อย
มาก ไม่สามารถทะลุผ่านได้และไม่สามารถบีบหรือทำให้เลก็ ลงได้ เช่น ไม้ หิน เหล็ก ทองคำ ดิน ทราย
พลาสตกิ กระดาษ เปน็ ตน้
2) ของเหลว ( liquid ) หมายถึง สารทมี่ ีลกั ษณะไหลได้ มรี ปู รา่ งตามภาชนะท่ีบรร จุ เน่ืองจาก
อนภุ าคในของเหลวอยู่ห่างกนั มากกวา่ ของแข็ง อนภุ าคไมย่ ึดติดกนั จึงสามารถเคลอื่ นทีไ่ ด้ในระยะใกล้ และมี
แรงดงึ ดดู ซงึ่ กันและกนั มปี รมิ าตรคงที่ สามารถทะลผุ ่านได้ เชน่ น้ำ แอลกอฮอล์ น้ำมนั พืช น้ำมันเบนซิน เป็น
ตน้
3) แก๊ส ( gas ) หมายถงึ สารท่ีลักษณะฟุ้งกระจายเต็มภาชนะท่ีบรรจุ เนอื่ งจากอนภุ าคของแก๊สอยู่
หา่ งกันมาก มีพลงั งานในการเคล่อื นทีอ่ ย่างรวดเรว็ ไปได้ในทุกทิศทางตลอดเวลา จงึ มีแรงดงึ ดดู ระหว่างอนุภาค
น้อยมาก สามารถทะลผุ ่านไดง้ ่าย และบีบอดั ใหเ้ ล็กลงได้ง่าย เชน่ อากาศ แกส๊ ออกซิเจน แกส๊ หงุ ต้ม เป็นตน้

ตารางที่ 1 แสดงความแตกตา่ งของสารในสถานะตา่ งๆ

ของแขง็ ของเหลว แก๊ส

▪ ความหนาแนน่ มาก ▪ ความหนาแน่นสูง ▪ ความหนาแน่นตำ่
▪ ไม่อาจถกู บบี อดั และขยายได้ ▪ ถกู บีบอัดและขยายไดย้ าก ▪ ถูกบบี อัดและขยายไดง้ า่ ย
▪ ปริมาตรและรูปรา่ งคงที่ ▪ รูปรา่ งตามภาชนะท่บี รรจุ ▪ ปริมาตรและรปู ร่างตาม

ภาชนะท่ีบรรจุ

เรอ่ื งที่ 2 โลกและทรพั ยากรธรรมชาติ

ตอนที่ 1 โลกและการเปลย่ี นแปลงของเปลือกโลก
1. โลกประกอบด้วยสว่ นทเี่ ป็นของแขง็ เรียกวา่ ธรณีภาค สว่ นทเ่ี ปน็ ของเหลว เรียกว่า อุทกภาค สว่ น

ทเ่ี ป็น อากาศ เรยี กวา่ บรรยากาศ และส่ิงมชี วี ิต เรียกวา่ ชวี ภาค
2. โครงสรา้ งของโลกแบง่ เป็น 3 ช้นั ไดแ้ ก่ เปลอื กโลก เน้ือโลก และแก่นโลก
– เปลือกโลกเป็นชั้นทอ่ี ยูน่ อกสุด แบง่ เปน็ 2 สว่ น ไดแ้ ก่ เปลือกโลกช้ันบน สว่ นใหญ่เปน็ หิน

ไซอัล ซง่ึ เปน็ หนิ แกรนติ และเปลอื กโลกชน้ั ลา่ ง ส่วนใหญเ่ ป็นหินไซมา ซง่ึ เป็นหินหินบะซอลต์
– เนอื้ โลกอยถู่ ัดจากเปลือกโลกเขา้ ไป บางสว่ นของช้นั น้เี ป็นหินเหลวหนดื และหลอมละลาย

ปนกันอยู่
– แกน่ โลกแบง่ เป็น 2 ช้ัน คือ แก่นโลกชน้ั นอก ประกอบดว้ ยเหล็กและนิกเกิลหลอมละลาย

ปนกันอยู่ และแกน่ โลกชน้ั ใน ประกอบด้วยเหล็กและนิกเกิลทอ่ี ยใู่ นสภาพของแข็ง
3. การผพุ งั อยูก่ บั ที่ การกร่อน การพัดพา การทับถม และการตกผลึก เปน็ กระบวนการสำคญั ท่ที ำให้

เปลอื กโลกเกดิ การเปล่ียนแปลง และเกดิ ภมู ิลกั ษณ์ตา่ ง ๆ ขนึ้ บนผวิ โลก
4. การผพุ งั อยู่กับที่ คือ กระบวนการของการเปลย่ี นสภาพ ทำให้หนิ ท่ีโผลข่ ึ้นมาบนผวิ โลกเกดิ การสกึ

กร่อน ผพุ งั แตกสลายลง แบง่ เปน็ 3 ประเภท ได้แก่ การผพุ ังอยูก่ บั ทีท่ างกายภาพหรอื การผุพังอยกู่ บั ท่เี ชิงกล
การผพุ งั อยู่กับทที่ างเคมี และการผุพังอยู่กับทที่ างชวี ภาพ

5. การกร่อน คือ กระบวนการท่ที ำให้สารที่เป็นองคป์ ระกอบของเปลอื กโลก เช่น ดนิ หนิ ค่อย ๆ
หลุดกระจายออกไป

6. การพดั พา คือ กระบวนการทพ่ี ดั พาเศษหิน ดิน แรธ่ าตุ และอินทรยี วตั ถุจากทหี่ น่ึงไปยังอีกทหี่ นงึ่
7. การทบั ถมและการตกตะกอน คือ กระบวนการทเ่ี กิดขน้ึ เมื่อตัวกลางทีท่ ำให้เกดิ การพดั พา เชน่ นำ้
ลม ธารน้ำแข็งออ่ นกำลังหรอื หยดุ ลง ทำให้ตะกอนทพี่ ัดพามาสะสมตัวและทบั ถมกัน
8. เมอ่ื สภาวะแวดลอ้ มธรรมชาติอยูใ่ ต้อณุ หภมู ิและความดันที่เหมาะสม ธาตุและสารประกอบจะตก
ผลึก เปน็ แรก่ ารตกผลกึ ในธรรมชาติ เชน่ การเกิดหินย้อย หนิ งอก
ตอนที่ 2 ดนิ
1. องคป์ ระกอบของดนิ ไดแ้ ก่ อินทรียวัตถุ แรธ่ าตุท่ีไดจ้ ากการสลายตัวของหนิ และแร่ น้ำ และอากาศ
2. ดนิ มลี ักษณะและสมบัติแตกตา่ งกันตามชนิดของหนิ ต้นกำเนดิ ดนิ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ และ
ระยะเวลาในการเกิดดิน
3. ชั้นหนา้ ตดั ของดนิ แบง่ เปน็ 5 ชั้น ได้แก่ ชน้ั O เปน็ ชนั้ อินทรยี วัตถุ ชน้ั A เป็นชั้นดนิ แร่ ช้ัน B เปน็
ช้ันสะสมของแร่ ช้นั C เปน็ ชน้ั การผพุ งั ของหิน และชัน้ R เปน็ ชนั้ หินดาน
4. เน้อื ดินจำแนกเป็น 3 ประเภท คอื ดนิ ทราย ดนิ เหนียว และดนิ ร่วน
5. สขี องดินเป็นสมบัติทส่ี ะทอ้ นถงึ สภาพแวดล้อม กระบวนการเกิดดิน แร่ทเี่ ป็นองคป์ ระกอบของดนิ
สภาพ การระบายน้ำ และความอุดมสมบูรณ์ของดินบริเวณน้ัน

6. สมบัติทางเคมขี องดิน ได้แก่ สภาพความเปน็ กรด–เบสของดิน สามารถทดสอบได้ด้วยกระดาษ
ลติ มัส ยูนิเวอร์ซลั อินดิเคเตอร์ และเคร่ืองวดั pH

7. การปรับปรงุ คณุ ภาพของดินทำได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เชน่ การเพ่ิมแร่ธาตใุ นดินโดยการใสป่ ุย๋ การใช้
สารเคมีปรบั สภาพดินทม่ี ีปัญหา และการปลูกพชื เพ่ือชว่ ยปอ้ งกันดนิ เส่อื มสภาพ
ตอนท่ี 3 หนิ และแร่

1. หนิ ทเ่ี ปน็ ส่วนประกอบของผวิ โลก มีลกั ษณะทางกายภาพและทางเคมีทแ่ี ตกต่างกัน ลกั ษณะทาง
กายภาพสามารถสังเกตเหน็ ไดด้ ้วยตาเปลา่ เชน่ สี เน้ือหิน การเรียงตัวของชั้นหนิ และซากดึกดำบรรพ์ที่อยูใ่ น
หนิ สมบตั ิทางเคมสี ามารถทดสอบได้ดว้ ยกรดไฮโดรคลอริก

2. หนิ จำแนกตามลกั ษณะการเกิดเปน็ 3 ชนดิ คือ หินตะกอน หนิ อคั นี และหนิ แปร
3. หนิ อคั นีเกิดจากการเยน็ ตัวของหินหนืดหรือแมกมาซ่ึงแทรกขึน้ มาจากสว่ นลกึ ภายในโลก
4. หินชนั้ หรอื หนิ ตะกอนเกิดจากการทับถมของเศษหนิ ดิน ทราย ทเี่ กิดการกรอ่ นหรือแตกหลุด
ออกมาจากหนิ เดมิ แลว้ ถกู กดทบั อัดตวั แนน่ โดยมตี วั เชอ่ื มประสาน หรอื อาจเกดิ จากการตกตะกอนโดย
ปฏิกิริยาเคมี
5. หินแปรเกดิ จากการแปรสภาพเนื่องจากความร้อนและความกดดนั ภายในโลก ทำใหห้ นิ เดิมซึง่ อาจ
เป็นหนิ อคั นีเปลยี่ นแปลงรปู รา่ งและสว่ นประกอบ
6. วฏั จักรของหนิ คือ การเปลย่ี นแปลงของอัคนี หนิ ตะกอน และหนิ แปร โดยกระบวนการทาง
ธรณวี ิทยามผี ลทำให้หนิ ทง้ั 3 ชนิดเกิดการเปลี่ยนแปลงจากหินชนิดหน่ึงไปเป็นหินอกี ชนิดหนึ่ง
หนิ แต่ละชนิดจะมีกระบวนการเกิด การดำรงอยู่ และการเปล่ยี นแปลงอย่างสัมพนั ธ์กนั หมนุ เวยี น
เชน่ น้ตี ลอดไป เรียกกระบวนการดงั กลา่ ววา่ วฏั จกั รของหิน

กระบวนการทางธรณีวิทยาทที่ ำให้เกดิ วัฏจกั รของหนิ มดี ังน้ี
1. การหลอมเหลว กระบวนการนที้ ำใหห้ ินอัคนี หินตะกอน และหนิ แปร เกิดการหลอมเหลว

เป็นหนิ หนดื ทีเ่ มื่อเยน็ ตัวลงจะเกิดการตกผลกึ กลายเป็นหินอัคนอี กี
2. การผพุ ังและการกัดเซาะ กระบวนการนท้ี ำให้หินแตกออกเป็นเศษหนิ ชนิ้ เล็กช้ินนอ้ ย และ

จะถกู พัดพามาทับถมกลายเปน็ ตะกอนทบั ถมแล้วผ่านกระบวนการอัดตัว การเชอ่ื มประสาน การแทนท่ี
การระเหยของน้ำ และการเปลยี่ นแปลงรปู ผลกึ จนทำใหห้ นิ เหลา่ นีก้ ลายเป็นหินตะกอน

3. การแปรสภาพ กระบวนการน้เี กดิ จากการทห่ี ินไดร้ บั ความร้อน ความกดดนั การเคลือ่ นที่
ของเปลือกโลก และปฏิกิริยาทางเคมีของของเหลวและแก๊ส จนทำใหล้ ักษณะเนอื้ หนิ หรอื ส่วนประกอบ
เปล่ยี นแปลงไป หรือเปลีย่ นไปท้งั 2 อย่าง ทำให้เกดิ หนิ แปร

7. แร่ หมายถงึ ธาตุหรอื สารประกอบอนินทรยี ท์ ่มี ีเนือ้ เดียว เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีลกั ษณะทาง
โครงสร้างและสว่ นประกอบทางเคมีทแ่ี นน่ อน

8. สมบตั ิทางกายภาพของแร่ ได้แก่ สี สผี งละเอียด ผลกึ ความแข็ง ความวาว การให้แสงผา่ นรอยแตก
และความถ่วงจำเพาะ

9. แร่แบ่งออกเปน็ 2 กลุม่ ใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ กลมุ่ แร่ประกอบหนิ หมายถงึ แรท่ เี่ ป็นส่วนประกอบของหิน
และกล่มุ แรเ่ ศรษฐกิจ หมายถึง แร่ทม่ี ีคุณค่าทางเศรษฐกิจหรอื สามารถนำไปใช้ประโยชนใ์ นทางอุตสาหกรรมได้
แบ่งเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ แรโ่ ลหะและแร่อโลหะ

10. เช้อื เพลงิ ธรรมชาติ เชน่ ปโิ ตรเลียม ถ่านหิน และหินน้ำมนั
11. ปิโตรเลียม คอื สารประกอบไฮโดรคาร์บอนทเ่ี กิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มธี าตุคาร์บอนและ
ไฮโดรเจนเปน็ องคป์ ระกอบหลัก ปโิ ตรเลียมมี 2 สถานะ คอื น้ำมันดบิ และแกส๊ ธรรมชาติ
12. ถา่ นหินเป็นหนิ เชอื้ เพลิงท่ีสามารถติดไฟได้ มีสนี ำ้ ตาลออ่ นจนถึงสดี ำ มีธาตทุ เี่ ป็นองค์ประกอบ
สำคัญ ไดแ้ ก่ คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และออกซิเจน ถา่ นหนิ ทีม่ จี ำนวนคารบ์ อนสูงและมธี าตุอน่ื ต่ำจะ
เปน็ ถา่ นหินท่มี ีคณุ ภาพดี
13. หินนำ้ มนั เปน็ หนิ คล้ายกับหนิ ท่ีเปน็ แหล่งปโิ ตรเลยี ม มสี ารอินทรยี ์อมุ้ นำ้ มนั อยใู่ นเนอื้ หนิ ถ้านำหิน
นำ้ มนั ไปอบดว้ ยความร้อนสงู จะไดน้ ้ำมันดิบท่ีสามารถนำไปกลน่ั เปน็ นำ้ มันได้
ตอนท่ี 4 แหลง่ นำ้ ธรรมชาติ
1. นำ้ ท่ีปกคลมุ ผิวโลก ไดแ้ ก่ นำ้ ในทะเลและมหาสมุทร นำ้ จืดในแม่นำ้ ลำคลอง หนอง และบึง และ
นำ้ บาดาลน้ำแข็งที่ข้วั โลกและบนยอดเขา และไอนำ้ ในอากาศ
2. นำ้ ที่มนุษยใ์ ชบ้ รโิ ภคสว่ นใหญ่เปน็ น้ำจดื แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ น้ำบนดินและนำ้ ใตด้ ิน
3. แหลง่ น้ำบนดนิ มีรูปร่างและขนาดท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป ข้นึ อยู่กับลักษณะภมู ปิ ระเทศ ลักษณะทาง
น้ำและความเร็วของกระแสน้ำ มนุษยร์ ู้จักและใช้ประโยชนจ์ ากแหลง่ น้ำบนดินมากทส่ี ดุ
4. แหล่งน้ำใต้ดินแบ่งเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ นำ้ ในดนิ หรอื นำ้ ใตด้ ินชั้นบน คอื นำ้ ท่ีซึมอยู่ในดนิ และน้ำ
บาดาล คือ นำ้ ที่กกั เก็บอยรู่ ะหวา่ งชอ่ งวา่ งหรอื โพรงของชน้ั หนิ
5. มนษุ ยใ์ ช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำในดา้ นต่าง ๆ เช่น การอุปโภคและบรโิ ภค การเกษตร การ
อตุ สาหกรรมการผลติ กระแสไฟฟา้ การคมนาคมขนสง่ การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ และใชเ้ ป็นแหล่งอาหาร
6. วธิ กี ารอนรุ กั ษแ์ ละพัฒนาแหลง่ นำ้ เช่น ปลูกปา่ พัฒนาแหลง่ นำ้ ป้องกนั การเกดิ มลพิษของน้ำ ให้
ความรแู้ ก่ประชาชน และใชน้ ำ้ อย่างประหยดั ให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ

เรือ่ งท่ี 3 แรงในชีวิตประจำวัน

ในชวี ติ ประจำวนั เราอาจเคยเห็นใบไม้ร่วงจากตน้ ลงสู่พื้นดนิ การทว่ี ัตถุตกลงมาจากทส่ี ูงเกี่ยวข้องกับ
แรงท่ีมากระทำ อาจจะเปน็ แรงโนม้ ถว่ งหรือแรงลมที่พดั มา นอกจากน้ี แรงยงั มผี ลต่อการเปล่ียนแปลง หรือ
การเคลือ่ นท่อี ีกด้วย แรงมีหลายชนดิ เชน่ แรงโน้มถว่ ง แรงพยุง แรงเสียดทาน เป็นตน้

แรง (force) คือ อำนาจที่สามารถทำใหว้ ัตถุท่อี ยนู่ ่ิงเกดิ การเคลอื่ นทไ่ี ป หรืออำนาจทีส่ ามารถทำให้
วตั ถทุ ี่เคลอื่ นทีอ่ ยแู่ ลว้ หยุดลง หรือเคลื่อนที่ชา้ ลง หรือเคลือ่ นท่ีเรว็ ข้นึ หรือเปล่ยี นทิศทางในการเคลอ่ื นที่
นอกจากนน้ั แรงยงั สามารถทำให้วตั ถุเปลยี่ นแปลงรูปรา่ งได้

ในทางวทิ ยาศาสตร์ แรงมกั หมายถงึ การผลกั หรือการดึง เชน่ ลูกโบว์ลิ่งท่ีกำลังเคล่ือนท่ีออกแรงผลกั
กระทำต่อพินทีม่ ันไปชน คนทก่ี ำลังดึงเชอื กกำลังออกแรงลากกระทำต่อปลายเชือก

เม่ือออกแรงกระทำต่อวัตถุใดวัตถุหนงึ่ จะทำใหเ้ กิดผลอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื ท้งั สองอยา่ งดังน้ี
1. ทำใหว้ ตั ถทุ ่ีถูกกระทำเกิดการเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนท่ี โดยทำใหว้ ัตถุที่อยู่น่งิ พยายามเคลือ่ นที่

หรอื เริม่ เคลือ่ นท่ี ทำใหว้ ตั ถุทีก่ ำลงั เคลือ่ นท่เี ปลย่ี นแปลงความเรว็ อาจเคลอื่ นที่เร็วขนึ้ หรือชา้ ลง หรือหยุดนงิ่
หรือเปล่ยี นทิศทาง

2. ทำให้วตั ถทุ ่ถี ูกกระทำเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปรา่ ง อาจมองเห็นไดง้ า่ ย เชน่ ทำใหแ้ ผ่นโลหะบดิ หรือ
โค้งงอ อาจมองเห็นไดย้ าก เช่น ทำให้เชอื กหรือลวดยืดขยายออก
คณุ สมบัติของแรง

- เราไมส่ ามารถมองเห็นแรง แต่สามารถเห็นหรือรสู้ ึกถงึ ผลของแรงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถุ
- แรงสามารถทำใหว้ ัตถุมีความเร็วเพม่ิ ขึน้
- แรงสามารถทำให้วตั ถเุ คลอื่ นท่ีช้าลงหรือหยุด
- แรงสามารถทำใหว้ ตั ถเุ ปลี่ยนทศิ ทาง
- แรงสามารถทำใหว้ ัตถเุ ปลย่ี นแปลงรูปรา่ ง
- แรงสามารถทำให้วตั ถุหมนุ ได้
ชนดิ ของแรง
1. แรงโน้มถ่วง เป็นแรงทดี่ งึ วัตถุลงสู่ศูนย์กลางของโลก เช่น ผลไมส้ ุกตกลงมาบนพื้นดนิ โยนลกู บอล
ขน้ึ ไปบนอากาศแลว้ ตกกลบั ลงมา คนกระโดดขนึ้ ไปในอากาศแล้วตกกลับสู่พน้ื โลก

2. แรงเสยี ดทาน เปน็ แรงต่อตา้ นทเ่ี กิดข้นึ ระหวา่ ง 2 พื้นผวิ ท่ีสัมผัสกัน เช่น แรงเสยี ดทานระหว่าง
รถยนตก์ บั ถนนทยี่ างสัมผสั อยู่

3. แรงหมุน เชน่ แรงถีบจักรยาน แรงในการหมนุ เปิดกอ๊ กน้ำ
4. แรงพยงุ เป็นแรงที่ของเหลวผลกั วัตถุขึ้น เน่ืองจากบางส่วนของวัตถุไปแทนทีข่ องเหลว เชน่ เรือ
ลอยอยู่ในน้ำ
5. แรงทสี่ มดลุ เป็นแรงท่กี ระทำตอ่ วัตถุในขณะท่วี ัตถตุ ่างๆ ไมเ่ คลือ่ นท่ี เช่น ถว้ ยกาแฟทวี่ างอยู่บน
โตะ๊ เฉยๆ ไม่เคลอื่ นทเ่ี พราะแรงโน้มถ่วงกำลังกระทำในทิศลงสมดุลกับแรงจากพื้นโต๊ะท่ีกำลังผลักขึน้
6. แรงที่ไมส่ มดลุ เป็นแรงทที่ ำให้วัตถตุ า่ งๆ เปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นทีแ่ ละทิศทาง เช่น ไมก้ ระดกอยู่
ในภาวะไม่สมดุล เพราะแรงทก่ี ระทำ 2 ข้างไม่เท่ากนั


Click to View FlipBook Version