The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการเรียนที่ 6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suckda.k, 2023-04-26 02:57:52

งานไฟฟ้ารถยนต์

หน่วยการเรียนที่ 6

พส.12 ใบความรู้ (Information Sheets) รหัสวิชา 20101-2005 วิชางานไฟฟ้ารถยนต์ ชื่อหน่วย ระบบอำนวยความสะดวก เรื่อง ระบบอำนวยความสะดวก จำนวนชั่วโมงสอน 14 ชั่วโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ รายการเรียนรู้ - จุดประสงค์ทั่วไป 1. บอกหน้าที่ของระบบประจุไฟฟ้าได้ 2. อธิบายหลักการทำงานของระบบประจุไฟฟ้าได้ 3. บอกชื่ออุปกรณ์ในระบบประจุไฟฟ้าได้ 4. บอกสาเหตุ ข้อขัดข้องของระบบประจุไฟฟ้าได้ - จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. ปฏิบัติการแก้ปัญหาระบบประจุไฟฟ้าได้ 1. หน้าที่ หลักการทำงาน และอุปกรณ์ 2. สาเหตุ ข้อขัดข้องและการแก้ปัญหา แบบประเมินผลการเรียนรู้ท้ายหน่วยที่ 6 เนื้อหาสาระ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกนั้นมีไว้เพื่อที่จะอำความสะดวกแก่ผู้ที่ขับขี่รถยนต์และผู้โดยสาร ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ ก็มีหลายอย่างเช่น ที่ปัดน้ำฝน ก็เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยานพาหนะให้มีความปลอดภัยในยามที่มี ฝนตก วิทยุรถยนต์ เพื่อช่วยผ่อยคลายความตึงเครียดในขณะขับขี่รถยนต์ พัดลมไฟฟ้า เพื่อช่วยระบายความร้อนให้กับ เครื่องยนต์ เป็นต้น โดยอุปกรณ์เหล่านี้ก็เป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์ในสมัยปัจจุบันแล้ว 1. หน้าที่ หลักการทำงาน และอุปกรณ์ ระบบปัดน้ำฝนและฉีดน้ำล้างกระจก ที่ปัดน้ำฝน มีรหน้าที่ 1.ปัดน้ำฝนออกจากกระจกบังลมหน้าและหลังรถยนต์ในขณะฝนตก ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็น ถนนและขับขี่รถได้อย่างปลอดภัย 2.ปัดทำความสะอาดบังลมหน้าและหลัง โดยทำงานร่วมกับชุดฉีดน้ำล้างกระจก รูปที่ 6.1 แสดงส่วนประกอบระบบปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก


วงจรปัดน้ำฝน แบบสวิตช์อยู่หลังมอเตอร์ปัดน้ำฝน รูปที่ 6.2 แสดงวงจรปัดน้ำฝนแบบสวิตช์อยู่หลังมอเตอร์ หลักการทำงานแบบสวิตช์อยู่หลังมอเตอร์ 1. ตำแหน่ง LO หรือ +1 ไฟจากแบตเตอรี่ผ่านเข้า B สวิตช์จุดระเบิดออกขั้ว ACC ผ่านฟิวส์เข้าขั้ว B ของ มอเตอร์ ออกขั้ว LO ผ่านสวิตช์ลงกราวด์ตำแหน่งนี้มอเตอร์หมุนช้าปัดน้ำฝนปัดช้า 2. ตำแหน่ง HI หรือ +2 ไฟเข้าขั้ว B ของมอเตอร์ ผ่านออกขั้ว HI หรือ +2 เข้าขั้ว HI ของสวิตช์ และต่อลง กราวด์ ตำแหน่งนี้ไฟเข้าเต็มเฟส มอเตอร์หมุนเร็ว ปัดน้ำฝนปัดเร็ว 3. ตำแหน่งหยุดขั้ว S จะต่อกับขั้ว LO ลงกราวด์ที่สวิตช์หน้าแปลนของมอเตอร์จะหมุนไปอีกระยะหนึ่ง จน ก้านปัดน้ำฝนถึงตำแหน่งหยุดสวิตช์หน้าแปลนจะตัดขั้ว S ไม่ให้สัมผัสกราวด์ มอเตอร์ปัดน้ำฝนจะหยุดหมุน ปัดน้ำฝน จะหยุดทำงานที่ตำแหน่งเก็บใบปัด วงจรปัดน้ำฝน แบบสวิตช์อยู่หน้ามอเตอร์ปัดน้ำฝน รูปที่ 6.3 แสดงวงจรปัดน้ำฝนแบบสวิตช์อยู่หน้ามอเตอร์ หลักการทำงานแบบสวิตช์อยู่หน้ามอเตอร์ปัดน้ำฝน 1.ตำแหน่งปัดช้า กระแสไฟจากแบตเตอรี่ไหลผ่านสวิตช์จุดระเบิดขั้ว B ออกขั้ว IG ผ่านฟิวส์ เข้าสวิตช์ปัด น้ำฝนขั้ว B ออกขั้ว +1 เข้ามอเตอร์ปัดน้ำฝนลงกราวด์ มอเตอร์หมุนช้าปัดน้ำฝนช้า 2.ตำแหน่งปัดเร็ว กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไหลผ่านสวิตช์จุดระเบิดขั้ว B ออกขั้ว IG ผ่านฟิวส์เข้าสวิตช์ปัด น้ำฝนขั้ว B ออกขั้ว +2 เข้ามอเตอร์ปัดน้ำฝนลงกราวด์ มอเตอร์หมุนเร็ว ปัดน้ำฝนปัดเร็ว 3.ตำแหน่งหยุด ในตำแหน่ง “OFF” สวิตช์ปัดน้ำฝนขั้ว S ต่อกับขั้ว +1 หน้าแปลน L ต่อกับขั้ว S ไฟไหลผ่าน


ขั้ว S ผ่านขั้ว +1 เข้ามอเตอร์ลงกราวด์ มอเตอร์หมุนจนกระทั่งก้านปัดมาถึงตำแหน่งหยุดหน้าแปลน L ถูกตัดออกจาก ขั้ว S มอเตอร์หยุดหมุน 4.ตำแหน่งหยุดเป็นช่วง คือตำแหน่ง INT มอเตอร์ปัดน้ำฝนจะทำงานช่วงเวลาหนึ่งแล้วหยุดและทำงานเป็น ช่วงๆ ตลอดเวลา โดยการควบคุมของรีเลย์ควบคุมเวลา 5.ตำแหน่ง MIST คือตำแหน่งทีกดปัดแล้วสปริงจะดันให้สวิตช์ปัดน้ำฝนหลับมาในตำแหน่งปิดเอง ใช้ในกรณีที่ ต้องการปัดครั้งเดียวแล้วหยุดเอง 6.ตำแหน่งฉีดน้ำล้างกระจก กระไฟจาก IG ฟิวส์ผ่านมอเตอร์ฉีดน้ำ ผ่านขั้ว W ต่อกับ E กระแสไฟไหลผ่านขั้ว E ลงกราวด์ ทำให้กระแสไฟครบวงจร มอเตอร์ฉีดน้ำหมุนขับปั๊มน้ำซึ่งติดอยู่กับตัวมอเตอร์ให้ปั๊มน้ำจากถังเก็บน้ำขึ้นไป หัวฉีดฉีดล้างกระจก ส่วนประกอบของชุดมอเตอร์ปัดน้ำฝนและฉีดน้ำล้างกระจก รูปที่ 6.4 แสดงมอเตอร์ปัดน้ำฝนและส่วนประกอบ 1. มอเตอร์ปัดน้ำฝน ทำหน้าที่หมุนปัดน้ำฝน โดยทั่วไปจะหมุนเป็นวงกลม 2 ความเร็ว คือ ความเร็วต่ำ และ ความเร็วสูง บริเวณหน้าแปลนประกอบด้วยอุปกรณ์ควบคุมการเก็บใบปัดน้ำฝนให้กลับมาในตำแหน่งใดก็ตามเป็นการ ช่วยป้องกันไม่ให้ใบปัดน้ำฝนค้างเมื่อปิดสวิตช์ 2. สวิตช์ปัดน้ำฝน ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบปัดน้ำฝนในตำแหน่งปัดช้า ปัดเร็ว ปัดเป็นช่วงๆ ปัด แล้วหยุด เก็บใบปัด และฉีดน้ำล้างกระจก ตามวงจรดังนี้ คือ รูปที่ 6.5 แสดงสวิตช์และขั้วสวิตช์ปัดน้ำฝน 1. ตำแหน่งปิด (OFF) ขั้ว S ต่อกับ+1 2. ตำแหน่งปัดเป็นช่วงๆ (INT) ขั้ว S ต่อกับ +1 และขั้ว C ต่อกับ E (แบบใหม่ต่อร่วมกับรีเลย์ในสวิตช์) 3. ตำแหน่งปัดช้า (LOW) ขั้ว B ต่อกับ +1 4. ตำแหน่งปัดเร็ว (HIGH) ขั้ว B ต่อกับ+2 5. ตำแหน่งฉีดน้ำ (WASH) ขั้วW ต่อกับE 3. มอเตอร์ฉีดน้ำล้างกระจก ประกอบด้วยมอเตอร์ขับและปั๊มน้ำ ทำหน้าที่ปั๊มน้ำจากกระป๋องเก็บน้ำไปยัง หัวฉีด เพื่อฉีดล้างสิ่งสกปรกออกจากกระจกหน้าและหลงโดยใช้ควบคู่กับปัดน้ำฝน โดยมอเตอร์และปั๊มน้ำจะติดตั้งอยู่ บริเวณข้าล่างของกระป๋องเก็บน้ำ


รูปที่ 6.6 แสดงมอเตอร์ฉีดน้ำล้างกระจก การตรวจสอบวงจรปัดน้ำฝน 1. ตรวจสอบฟิวส์(ด้วยตา) 2. ตรวจสายไฟและขั้วต่อ 3. ตรวจไฟผ่านฟิวส์ 4. ตรวจการลงกราวด์ 5. ทดสอบการทำงานของมอเตอร์ปัดน้ำฝน 6. ตรวจสอบการทำงานของสวิตช์ควบคุม 7. ตรวจการทำงานของสวิตช์ตำแหน่งเก็บใบปัด รูปที่ 6.7 แสดงการตรวจวงจรปัดน้ำฝน ที่จุดบุหรี่ ทำหน้าที่ อำนวยความสะดวกในการจุดบุหรี่ภายในรถยนต์และยังเป็นแหล่งจ่ายไฟกระแสตรงให้กับ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ฯ รูปที่ 6.8 แสดงชิ้นส่วนของที่จุบุหรี่


หลักการทำงาน กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไหลผ่านฟิวส์ที่จุดบุหรี่ เมื่อกดที่จุดบุหรี่กระแสไฟจะไหลผ่านขด ลวดความร้อนที่จุดบุหรี่ลงกราวด์ ขดลวดจะเกิดความร้อนจนร้อนแดง ในขณะเดียวกันเบ้าของที่จุดบุหรี่ ซึ่งถูกกดล๊อก ตัวอยู่จะขยายตัว และดันที่จุดบุหรี่ให้เด้งออกมาในตำแหน่งเดิมและสามารถนำไปใช้งานได้ ระบบวิทยุรถยนต์ทำหน้าที่ ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในขณะขับขี่รถยนต์โดยการฟังเพลง หรือข่าวสาร ต่างๆ จากวิทยุรถยนต์ รูปที่ 6.9 แสดงการต่อวงจรของวิทยุ หลักการทำงาน กระแสไฟฟ้าจากสวิตช์กุญแจขั้ว ACC ไหลผ่านฟิวส์เข้าวิทยุ เมื่อเปิดวิทยุกระแสไฟจะไหลผ่านวงจร วิทยุลงกราวด์ วงจรวิทยุจะทำงาน และเมื่อหมุนปุ่ม “TUNER” ปรับคลื่นเครื่องรับตรงกับเครื่องส่งจากสถานีส่ง เสา อากาศจะรับคลื่นวิทยุผ่านเข้าที่ตัววิทยุ วิทยุจำหน้าที่แปลงคลื่นวิทยุเป็นคลื่นไฟฟ้าส่งไปตามสายลำโพงที่ขั้วบวก ผ่าน ลำโพงออกขั้วลบ และกลับมาลงกราวด์ที่ตัววิทยุ ลำโพงจะทำหน้าที่แปลงคลื่นไฟฟ้าเป็นคลื่นเสียงโดยการสั่นสะเทือน ของแผ่นไดอะแฟรมที่ตัวลำโพง โดยทั่งไปวิทยุจะนิยมใช้ลำโพงอย่างน้อย 2 ตัวขึ้นไป ส่วนประกอบ 1.วิทยุ ทำหน้าที่ เปลี่ยนคลื่นวิทยุจากสถานีส่งให้เป็นคลื่นไฟฟ้าส่งไปยังลำโพง เพื่อแปลงเป็นคลื่นเสียงอีกครั้ง หนึ่ง ที่ตัววิทยุประกอบด้วยปุ่มควบคุมหลักที่สำคัญดังนี้ 1.ปุ่มปิด-เปิด (ON-OFF) และปุ่มเร่ง-ผ่อนเสียง (VOL) ทำหน้าที่ ตัดต่อวงจรไฟเข้าตัววิทยุ และเร่ง– ผ่อนเสียงในปุ่มเดียวกัน 2.ปุ่มปรับเสียงทุ้ม-แหลม(TONE)ทำหน้าที่ ปรับเสียงวิทยุให้ทุ้มหรือแหลมตามความเหมาะสม 3.ปุ่มปรับความสมดุลของลำโพงซ้าย-ขวา หน้า-หลัง (BAL)ทำหน้าที่ ปรับเสียงลำโพงให้สมดุลกัน 4.ปุ่มปรับคลื่น(TUNER)ทำหน้าที่ ปรับคลื่นของเครื่องรับวิทยุให้ตรงกับคลื่นของสถานีที่ส่งมา 5.ปุ่มเปลี่ยนหน้าเล่นเทป(CH) ทำหน้าที่ เปลี่ยนหน้าเล่นเทปเมื่อต้องการฟังเทป 6.ปุ่มกดเอาเทปออก(EJECT) ทำหน้าที่ กดเมื่อต้องการเอาเทปออกจากซอง 7.ปุ่ม AM, FM ทำหน้าที่ กดเมื่อต้องการรับฟังคลื่นวิทยุจากสถานีส่ง AM หรือ FM 8.ปุ่มเลือกเล่นเทปโลหะ(METAL) ทำหน้าที่ กดเมื่อต้องการเล่นเทปโลหะ ถ้าเล่นเทปธรรมดา ก็ไม่ต้อง กดปุ่มนี้ 2.ลำโพง ทำหน้าที่ เปลี่ยนคลื่นไฟฟ้าที่ถูกส่งมาจากวิทยุเป็นช่วงๆให้เกิดการสั่นสะเทือนที่แผ่นไดอะแฟรมและ ทำให้เกิดเสียงดังตามจังหวะการสั่นสะเทือน ขนาดของลำโพงใช้หน่วยวัดเป็นวัตต์ วิทยุรถยนต์ในปัจจุบันนิยมใช้ลำโพงด้านหน้า 2 ตัว ด้านหลัง 2 ตัว ส่วนขนาดลำโพงที่ใช้ขึ้นอยู่กับการออกแบบของ บริษัทผู้ผลิต โดยต้องศึกษาจากคู่มือการใช้เฉพาะรุ่นนั้นๆ 3.รีเลย์ ทำหน้าที่ ลดปริมาณไฟเข้าสวิตช์ปิด-เปิดวิทยุ ภายในรีเลย์ประกอบด้วย ชุดขดลวดสนามแม่เหล็กและ


ชุดหน้าทองขาง โดยกระแสไฟจะครบวงจรที่ชุดขดลวดสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดอำนาจแม่เหล็กดูดหน้าทองขาวแตะ กัน ให้กระแสไฟจาก B ฟิวส์ ไหลผ่านเข้าในวงจรวิทยุ 4.เสาอากาศ ทำหน้าที่ รับคลื่นวิทยุจากสถานีส่ง ผ่านเข้าวงจรภายในตัววิทยุ ตัวเสาอากาศทำด้วยโลหะที่ไม่ เป็นสนิม และมีความไวต่อการรับคลื่น ปัจจุบันนิยมทำให้ยืดหดได้ตามความต้องการโดยการควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ตัวเสาอากาศจะต่อเข้าหาตัววิทยุด้วยสายอากาศ ผ่านสายอากาศเข้ามายังตัววิทยุ การใช้วิทยุหรือการตรวจซ่อมควร ศึกษาจากคู่มือแต่ละรุ่นและแต่ละยี่ห้อของวิทยุ พัดลมระบายความร้อน พัดลมไฟฟ้า ทำหน้าที่ ระบายความร้อนที่หม้อน้ำรถยนต์ ทำให้อุณหภูมิของเรื่องยนต์ไม่ร้อนเกินกว่าค่าที่ กำหนด รูปที่ 6.10 แสดงพัดลมไฟฟ้า หลักการทำงาน เมื่อเปิดสวิตช์กุญแจตำแหน่ง ON กระแสไฟฟ้าจากขั้ว IG จะไหลเข้าขั้ว (1) ที่รีเลย์เครื่องยนต์ ผ่านขดลวดรีเลย์ ออกขั้ว (3) ลงกราวด์ ทำให้รีเลย์เครื่องยนต์ทำงาน ขั้ว(5) ต่อกับขั้ว (4) กระแสไฟจากแบตเตอรี่จะ ไหลผ่านขั้ว (5) และขั้ว (4) เข้ามอเตอร์พัดลม ผ่านลงกราวด์ ไฟควบคุมส่วนหนึ่งจากขั้ว IG ไหลเข้าขั้ว (1) ผ่านขดลวด รีเลย์มอเตอร์พัดลม ออกขั้ว (2) ผ่านสวิตช์อุณหภูมิน้ำครบวงจรที่กราวด์ ทำให้รีเลย์มอเตอร์พัดลมทำงาน ดึงให้ขั้ว (3) แยกออกจากขั้ว (4) มอเตอร์พัดลมไม่ทำงาน แต่เมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์สูงกว่า 90°C สวิตช์อุณหภูมิน้ำจะตัดวงจร ขดลวดรีเลย์มอเตอร์พัดลม ทำให้ขั้ว(3) กลับมาต่อกับขั้ว(4) มอเตอร์พัดลมจะทำงาน รูปที่ 6.11 แสดงการต่อวงจรของพัดลมไฟฟ้า ส่วนประกอบ 1.รีเลย์ ทำหน้าที่ กำหนดทิศทางการไหลของกระแสไฟและลดปริมาณไฟเข้าสวิตช์อุณหภูมิ ประกอบด้วย 1. รีเลย์ชนิด 5 ขั้ว หลักการทำงานคล้ายกับรีเลย์ทั่วไป ต่างกันตรงที่สมารถเลือกได้ทั้ง 2 ตำแหน่ง


คือ ถ้ารีเลย์ไม่มีไฟเข้า ขั้ว 4 จะต่อกับ 2 ถ้ามีไฟเข้าขดลวดรีเลย์(1,3) ขั้ว 4 จะต่อกับ 5 รูปที่ 6.12 แสดงรึเลย์ชนิด 5 ขั้ว แบบ NO/NC 2. รีเลย์ชนิด 4 ขั้ว จะใช้งานได้ตำแหน่งเดียวคือ เมื่อมีไฟเข้าขดลวดรีเลย์(1,2) ขั้ว 4 จะต่อกับ 3 รูปที่ 6.13 แสดงรึเลย์ชนิด 4 ขั้ว แบบ NO 2. มอเตอร์พัดลม เป็นมอเตอร์ขนาดเล็กใช้สำหรับหมุนใบพัดให้เกิดลมดูด ช่วยระบายความร้อนของน้ำใน หม้อน้ำรถยนต์ หลักการทำงานเหมือนกับมอเตอร์ทั่วไปคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟเข้าขดลวดอาร์มาเจอร์ และขดลวดฟิล คอยล์ จะทำให้เกิดแรงผลักให้มอเตอร์หมุนขับใบพัดลม จะนิยมติดตั้งอยู่ใกล้กับหม้อน้ำระบายความร้อน รูปที่ 6.14 แสดงการวัดแอมป์ของพัดลมไฟฟ้า 3. สวิตช์อุณหภูมิ เป็นสวิตช์แบบปกติปิดโดยจะต่อกระแสไฟลงกราวด์ เมื่ออุณหภูมิน้ำต่ำ รีเลย์จะตัดวงจร ไม่ให้มอเตอร์พัดลมทำงาน แต่เมื่ออุณหภูมิน้ำในเครื่องยนต์สูง สวิตช์อุณหภูมิจะตัดวงจรขดลวดสนามแม่เหล็ก ทำให้ รีเลย์ต่อวงจรไฟให้มอเตอร์พัดลมทำงาน


รูปที่ 6.15 แสดงตัวสวิทช์อุณหภูมิ การตรวจสอบ การตรวจสอบบนรถที่อุณหภูมิต่ำ(ต่ำกว่า 83°C หรือ 181°F ) 1.เปิดสวิตช์สตาร์ตให้อยู่ในตำแหน่ง ON ตรวจให้แน่ใจว่าพัดลมไม่หมุน ถ้าพัดลมหมุน ตรวจรีเลย์พัดลมและสวิตช์วัดอุณหภูมิ พร้อมทั้งตรวจเช็ค ขั้วสายไฟระหว่างรีเลย์กับสวิตช์วัดอุณหภูมิ 2. ปลดสวิตช์วัดอุณหภูมิออก ตรวจให้แน่ใจว่าพัดลมหมุน ถ้าไม่หมุน เช็ครีเลย์พัดลม มอเตอร์พัดลม รีเลย์จุดระเบิดและฟิวส์ พร้อมทั้งเช็คการ ลัดวงจรระหว่างรีเลย์พัดลมและสวิตช์วัดอุณหภูมิ 3. ต่อสายไฟสวิตช์วัดอุณหภูมิที่อุณหภูมิต่ำ(สูงกว่า 90°C หรือ 194°F ) 4. สตาร์ตเครื่องยนต์ (ก)เพิ่มอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้สูงกว่า90°c หรือ 194°F (ข)ตรวจให้แน่ใจว่า พัดลมหมุน ถ้าไม่หมุนให้เปลี่ยนสวิตช์วัดอุณหภูมิ ใหม่ การตรวจสอบอุปกรณ์ 1.ตรวจสอบสวิตช์วัดอุณหภูมิ หมายเหตุสวิตช์วัดอุณหภูมิอยู่ที่เสื้อท่อน้ำเข้า (ก)ใช้โอมมิเตอร์วัดดูว่าไม่มีการต่อเนื่องของวงจรเมื่อน้ำหล่อเย็นมี อุณหภูมิเกิน90°c หรือ 194°F (ข)เช็คดูว่ามีการต่อเนื่องของวงจรเมื่ออุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นกว่า 83°c หรือ 181°F 2. ตรวจสอบรีเลย์จุดระเบิด 3.ตรวจสอบรีเลย์มอเตอร์พัดลม หมายเหตุรีเลย์ติดตั้งอยู่ในกล่องรีเลย์ในห้องเครื่อง ตรวจการต่อเนื่องของรีเลย์ (ก) ใช้โอมมิเตอร์วัดความต่อเนื่องระหว่างขั้ว 1และ 2 (ข) ตรวจดูว่ามีการต่อเนื่องระหว่างขั้ว 3 และ4 ถ้าไม่ทีการต่อเนื่อง


เปลี่ยนรีเลย์ใหม่ 4.ตรวจสอบมอเตอร์พัดลม (ก) ต่อแบตเตอรี่และแอมมิเตอร์เข้ากับขั้วมอเตอร์พัดลม (ข) ตรวจดูว่ามอเตอร์หมุนเรียบและมีค่ากระแสไฟได้ตามค่ากำหนด ตัวอย่าง ค่ากระแส M/T 3.1-4.3แอมแปร์ กำหนด A/T 9.0-9.9แอมแปร์ 2. สาเหตุ ข้อขัดข้องและการแก้ปัญหา ข้อขัดข้อง สาเหตุที่เป็นไปได้ วิธีแก้ไข ที่ปัดน้ำฝนไม่ทำงาน หรือ ใบปัดไม่คืนตำแหน่งเก็บ ใบพัด ฟิวส์ปัดน้ำฝนขาด มอเตอร์ปัดน้ำฝนบกพร่อง สวิตช์ปัดน้ำฝนบกพร่อง ขั้วต่อ สายไฟ หรือกราวด์บกพร่อง เปลี่ยนฟิวส์และตรวจการลัดวงจร ตรวจสอบมอเตอร์ ตรวจสอบสวิตช์ ตรวจ ปรับและทำความสะอาดขั้วต่อและกราวด์ ที่ปัดน้ำฝนตำแหน่ง INT ไม่ทำงาน รีเลย์ปัดน้ำฝนบกพร่อง สวิตช์ปัดน้ำฝนบกพร่อง สายไฟหรือกราวด์บกพร่อง ตรวจสอบรีเลย์ ตรวจสอบสวิตช์ ตรวจสายไฟ ทำความสะอาดกราวด์ ที่ฉีดล้างกระจกไม่ทำงาน ท่อหรือหัวฉีดอุดตัน สิ้นกันกลับอุดตัน มอเตอร์ฉีดนำบกพร่อง สวิตช์ปัดน้ำฝนบกพร่อง สายไฟหรือกราวด์บกพร่อง น้ำในถังไม่มี ทำความสะอาด ทำความสะอาด ตรวจสอบหรือเปลี่ยน ตรวจสอบสวิตช์ ตรวจสายไฟ ทำความสะอาดกราวด์ เติมน้ำและน้ำยาล้างกระจก ไฟไม่เข้าวิทยุ ฟิวส์ขาด ขั้วต่อ สายไฟ หรือกราวด์บกพร่อง เปลี่ยนฟิวส์และตรวจการลัดวงจร ตรวจปรับ และทำความสะอาด ไฟเข้าวิทยุแต่เสียงไม่ดัง วิทยุบกพร่อง ลำโพงบกพร่อง ตรวจสอบหรือซ่อม ตรวจสอบหรือเปลี่ยน พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงานเมื่อ อุณหภูมิสูง ฟิวส์ขาด รีเลย์บกพร่อง มอเตอร์พัดลมบกพร่อง สวิตช์อุณหภูมิบกพร่อง เปลี่ยนฟิวส์และตรวจสอบการลัดวงจร ตรวจสอบรีเลย์ ตรวจสอบมอเตอร์ ตรวจสอบสวิตช์อุณหภูมิ พัดลมไฟฟ้าไม่ตัดเมื่อ อุณหภูมิต่ำ รีเลย์บกพร่อง สวิตช์อุณหภูมิบกพร่อง ตรวจสอบรีเลย์ ตรวจสอบสวิตช์อุณหภูมิ


คำถาม แบบประเมินผลการเรียนรู้ท้ายหน่วยที่ 6 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. มอเตอร์ปัดน้ำฝนทั่วไปมีกี่ความเร็ว ก. 1 ความเร็ว ข. 2 ความเร็ว ค. 3 ความเร็ว ง. 4 ความเร็ว 2. มอเตอร์ปัดน้ำฝนกลับมาอยู่ในตำแหน่งเก็บใบปัดได้อย่างไร ก. ใช้สวิตช์หน้าแปลนควบคุม ข. ใช้สวิตช์แรงดันควบคุม ค. ใช้สวิตช์ความต้านทานควบคุม ง. ใช้คอนเดนเซอร์ควบคุม 3. ในตำแหน่งเก็บใบปัดน้ำฝน สวิตช์หน้าแปลนจะต่อวงจรที่ขั้วใด ก. B ต่อกับ L ข. B ต่อกับ S ค. S ต่อกับ L ง. B ต่อกับ H 4. ตำแหน่ง “INT” ของมอเตอร์ปัดน้ำฝนคือตำแหน่งใด ก. ปัดช้า ข. ปัดเร็ว ค. เก็บใบปัด ง. ปัดแล้วหยุดเป็นช่วง 5. ตำแหน่ง “MIST” ของมอเตอร์ปัดน้ำฝนคือตำแหน่งใด ก. ปัดแล้วหยุดเป็นช่วงๆ ข. ปัดแล้วหยุดเอง ค. ปัดช้า ง. ปัดเร็ว 6. ที่จุดบุหรี่อาศัยหลักการทำงานแบบใด ก. พลังงานไฟฟ้าเป็นความร้อน ข. พลังงานความร้อนเป็นไฟฟ้า ค. พลังงานแสงเป็นความร้อน ง. พลังงานกลเป็นความร้อน 7. ลำโพงวิทยุรถยนต์อาศัยการทำงานของพลังงานอย่างไร ก. พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล ข. พลังงานกลเป็นพลังงานเสียง ค. พลังงานความร้อนเป็นพลังงานเสียง ง. พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสียง 8. การต่อวิทยุรถยนต์มีหลักในการพิจารณาสีสายไฟต่างๆ อย่างไร ก. พิจารณาจากความรู้สึก ข. ใช้การจำสีสายแต่ละรุ่น ค. ศึกษาจากคู่มือเฉพาะรุ่น ง. พิจารณาจากประสบการณ์ 9. คำว่า “AUTO REVERSE” ในวิทยุรถยนต์หมายความว่าอย่างไร ก. วิทยุเปิด-ปิดเอง ข. เทปปิด-เปิดได้เอง ค. เทปกลับหน้าเล่นได้เอง ง. วิทยุเปลี่ยนระบบ AM/FM ได้เอง 10. ปุ่ม “TUNER” ของวิทยุมีหน้าที่ใด ก. เพิ่ม-ลดเสียง ข. ปรับคลื่นให้ตรงกัน ค. รับคลื่นที่ส่งผ่านเสาอากาศ ง. ทำให้ลำโพงสมดุล 11. ปุ่ม “BALANCE (BL)” ในวิทยุรถยนต์มีหน้าที่ใด ก. เพิ่ม-ลดเสียง ข. ปรับคลื่นให้ตรงกัน ค. รับคลื่นจากสถานีส่ง ง. ทำให้ลำโพงสมดุล


12. สวิตช์อุณหภูมิที่ใช้ในวงจรพัดลมไฟฟ้าเป็นแบบใด ก. ปกติเปิด ข. ปกติปิด ค. ปกติเปิดและปิด ง. แบบใดก็ได้ 13. ขดลวดรีเลย์มอเตอร์พัดลมไฟฟ้าจะทำงานเมื่อใด ก. เครื่องยนต์อุณหภูมิปกติ ข. เครื่องยนต์อุณหภูมิต่ำกว่า 90oC ค. เครื่องยนต์อุณหภูมิสูงกว่า 90oC ง. ทำงานตลอดเวลา 14. รีเลย์มอเตอร์พัดลมไฟฟ้าเป็นแบบใด ก. ปกติปิด ข. ปกติเปิด ค. ปกติปิดและเปิด ง. แบบอิสระ 15. การทดสอบการใช้กระแสของมอเตอร์พัดลมไฟฟ้า แอมมิเตอร์จะต่อเข้ากับวงจรแบบใด ก. แบบขนาน ข. แบบผสม ค. แบบอนุกรม ง. แบบใดก็ได้ 16. ตำแหน่งปัดเร็ว ขั้วใดของสวิตช์ปัดน้ำฝนที่ต่อวงจร ก. S ต่อกับ +1 ข. B ต่อกับ S ค. B ต่อกับ +1 ง. B ต่อกับ +2 17. เมื่อปิดสวิตช์ปัดน้ำฝนแล้วใบปัดน้ำฝนค้าง สาเหตุมาจากข้อใด ก. สวิตช์หน้าแปลนบกพร่อง ข. สวิตช์กุญแจบกพร่อง ค. มอเตอร์ปัดน้ำฝนบกพร่อง ง. มอเตอร์ฉีดน้ำบกพร่อง 18. คลื่นวิทยุถูกส่งเข้าตัววิทยุโดยผ่านสิ่งใด ก. ลำโพง ข. เสาอากาศ ค. เครื่องส่ง ง. แบตเตอรี่ 19. หลักการทำงานของรีเลย์พัดลมไฟฟ้าคือข้อใด ก. ตัด-ต่อวงจรโดยการปิด-เปิด ข. ตัด-ต่อวงจรอัตโนมัติ ค. ตัด-ต่อวงจรโดยความร้อน ง. ตัด-ต่อวงจรโดยการเหนี่ยวนำ 20. มอเตอร์พัดลมไม่ทำงานเมื่ออุณหภูมิสูง สาเหตุมาจากข้อใด ก. มอเตอร์บกพร่อง ข. เครื่องยนต์น้ำไม่ร้อน ค. สวิตช์ความร้อนบกพร่อง ง. สวิตช์กุญแจบกพร่อง เอกสารอ้างอิง นริศ สุวรรณางกูร, งานไฟฟ้ารถยนต์. กรุงเทพฯ : เอมพันธ์, 2562


Click to View FlipBook Version