บทที่ 3
เทคโนโลยีอวกาศ
เทคโนโลยอี วกาศ (Technology)
เทคโนโลยอี วกาศ คือการสารวจสิ่งตา่ งๆท่ีอยนู่ อกโลกของเราและสารวจโลกของเราเองดว้ ย
ปัจจุบนั เทคโนโลยอี วกาศไดม้ ีการพฒั นาไปเป็ นอยา่ งมากเมื่อเทียบกบั สมยั ก่อน ทาให้ไดค้ วามรู้ใหม่ๆมากข้ึน โดยองคก์ ารท่ีมี
ส่วนมากในการพฒั นาทางดา้ นน้ีคือองคก์ ารนาซ่าของสหรัฐอเมริกา ไดม้ ีการจดั ทาโครงการข้ึนมากมาย ท้งั เพ่ือการสารวจ
ดาวที่ตอ้ งการศึกษาโดยเฉพาะและที่ทาข้ึนเพ่ือศึกษาส่ิงต่างๆในจกั รวาล การใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศน้นั มีท้งั
ดา้ นการส่ือสาร ทาให้การสื่อสารในปัจจุบนั ทาไดอ้ ย่างรวดเร็ว การสารวจทรัพยากรโลก ทาให้ทราบว่าปัจจุบนั น้ีโลกมี
การเปลี่ยนแปลงอยา่ งไรบา้ ง และการพยากรณ์อากาศกจ็ ะทาใหส้ ามารถเตรียมพร้อมท่ีจะรับกบั สถานการณ์ต่างๆท่ีอาจจะ
เกิดข้ึนต่อไปได้
เทคโนโลยอี วกาศ (Technology)ของไทย
ในปี พ.ศ. 2514ประเทศไทยไดม้ ีโครงการสารวจทรัพยากรธรรมชาติดว้ ยดาวเทียม โดยการเขา้
ร่วมกบั โครงการ NASA ERTS-1 ซ่ึงเป็นโครงการของ องคก์ รบริหารการบินและอวกาศ
แห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ NASA
ไทยคม 1 ไทยคม 2 ไทยคม 3 ดาวเทยี มไอพสี ตาร์ หรือ ดาวเทยี มไทยคม 4
ดาวเทยี มไทยคม 5
จากอดีต ท่มี นุษยใ์ ช้เพยี งตาเปลา่ ในการเฝ้ามองท้องฟา้
จนกระทงั่ ปี ค.ศ. 1609 ที่กาลิเลโอไดป้ ระดิษฐ์
กลอ้ งโทรทรรศนแ์ ละใชส้ อ่ งทอ้ งฟา้
ตอ่ มานิวตันกไ็ ด้สรา้ งกลอ้ งท่ใี ช้กระจกขึ้นมา
• ในปี พ.ศ. 2148 ไดม้ ีการผลิตกลอ้ งโทรทรรศน์ข้ึน และใชก้ นั หลายแห่ง
ในยโุ รปเพือ่ ส่องดูวตั ถุที่อยไู่ กลๆ ผทู้ ี่คิดคน้ กลอ้ งโทรทรรศน์คือ กาลิเลโอ
กาลิเลอี นกั วทิ ยาศาสตร์ชาวอิตาลี แมก้ ลอ้ งที่ผลิตแรกๆน้นั จะมีกาลงั ขยาย
เพยี ง 20 เท่า แต่กส็ ามารถคน้ พบส่ิงแปลกใหม่มากมายในอวกาศ เช่น ดาว
พฤหสั บดีมีบริวาร 4 ดวง เป็นตน้
• ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยที าใหม้ นุษยส์ ามารถสร้างกลอ้ งโทรทรรศน์
เพื่อสารวจดวงดาวต่างๆ บนทอ้ งฟ้ า และพฒั นาต่อมาจนสามารถสร้างจรวด
เพือ่ ส่งดาวเทียมและยานอวกาศไปสู่อวกาศได้ ยคุ สารวจอวกาศไดเ้ ริ่มตน้
อยา่ งแทจ้ ริงเม่ือสหภาพโซเวยี ตส่งดาวเทียม สปุตนิกดวงท่ี 1 ในปี พ.ศ. 2500
สาเร็จและสหรัฐอเมริกาส่งดาวเทียมเอก็ ซ์พลอเรอร์เขา้ สู่วงโคจรของโลกใน
ปี พ.ศ. 2501
3.1 กลอ้ งโทรทรรศน์
กล้องโทรทศั น์ เป็ นอุปกรณ์ทช่ี ่วยขยายภาพของวตั ถุในท้องฟ้ า
ให้มีรายละเอยี ดเพมิ่ มากขนึ้ ทาให้มนุษย์สามารถศึกษาวตั ถุเหล่าน้ัน
ให้มรี ายละเอยี ดยงิ่ ขนึ้
กลอ้ งโทรทศั น์ท่ีราคาไม่แพงหรืออาจประดิษฐเ์ องไดค้ ือ
กลอ้ งโทรทศั น์ประเภทหกั เหแสง จะใชห้ ลกั การหกั เหของแสงผา่ น
เลนส์นูน 2 ชุด คือ เลนส์ใกลว้ ตั ถุและเลนส์ใกลต้ า ทาใหภ้ าพท่ีไดม้ ี
กาลงั ขยายมากข้ึน กลอ้ งโทรทศั นจ์ ึงช่วยใหม้ องเห็นวตั ถุท่ีอยไู่ กลให้
มีขนาดใหญ่ข้ึนและช่วยใหเ้ ห็นรายละเอียดของวตั ถุมากกวา่ การ
สงั เกตดว้ ยตาเปล่า
1.ภาพดวงจนั ทร์ท่ีได้จากการสังเกตผ่านตาเปล่า กล้องสองตา และ
กล้องโทรทรรศน์ แตกต่างกนั หรือไม่อย่างไร(หน้า 61)
กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ ตา่ งๆ
1. กลอ้ งโทรทรรศนห์ ักเหแสง
2. กล้องโทรทรรศนส์ ะทอ้ นแสง
3. กล้องโทรทรรศน์วิทยุ
4. กลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศ
หน้าท่หี ลักของกลอ้ งโทรทรรศน์
1. สะสมแสงจากวัตถุท้องฟา้
2. เพ่มิ ขนาดเชงิ มุมของวัตถุทอ้ งฟา้
และเพ่มิ กาลงั แยกภาพ
3. ใชว้ ดั ตาแหน่งของวัตถุทอ้ งฟ้า
การสะสมแสง
กลอ้ งขนาดใหญจ่ ะรบั แสงไดม้ ากกวา่ กลอ้ งขนาดเลก็
เพิม่ กาลงั แยกภาพ
กลอ้ งขนาดใหญม่ ีกาลังแยกภาพมากกวา่ กลอ้ งเล็ก
หลกั การของกล้องโทรทรรศน์
ประเภทของกล้องโทรทรรศน์แบบใช้แสง
เเบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดงั น้ี
1. กล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสง (Refract telescope)
เป็นอุปกรณ์ที่สามารถขยายวตั ถุที่อยใู่ นระยะไกล กาลิเลโอ เป็นบุคคลแรกท่ีประดิษฐ์
กลอ้ งชนิดน้ีข้ึน ประกอบดว้ ยเลนซ์นูนอยา่ งนอ้ ยสองชิ้น คือ เลนซ์วตั ถุ (Object Lens)
เป็นเลนซ์ดา้ นรับแสงจากวตั ถุ ซ่ึงจะมีความยาวโฟกสั ยาว (Fo) และเลนซ์ตา (Eyepieces)
เป็นเลนซ์ท่ีติดตาเราเวลามอง ซ่ึงมีความยาวโฟกสั ส้ัน (Fe) กวา่ เลนซ์วตั ถุมากๆ
กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง(Refractor)
เปน็ อปุ กรณท์ ่ีสามารถขยาย วัตถทุ อ่ี ยู่ในระยะไกล กาลิเลโอ เป็น
บคุ คลแรกท่ีประดิษฐก์ ล้องชนิดนข้ี ึน้ ประกอบดว้ ยเลนซน์ นู อย่าง
น้อยสองชนิ้ คอื เลนซว์ ัตถุ (Object Lens)เป็นเลนซด์ า้ นรับแสง
จากวัตถุ ซ่ึงจะมคี วามยาวโฟกัสยาว (Fo) และเลนซ์ตา
(Eyepieces) เป็นเลนซ์ทตี่ ดิ ตาเราเวลามอง ซ่งึ มีความยาว
โฟกัสสัน้ (Fe) กว่าเลนซ์วตั ถมุ ากๆ
อตั ราการขยายของกลอ้ ง(m) = ความยาวโฟกัสเลนซ์วัตถุ Fo
ความยาวโฟกสั เลนซ์ตา Fe
2.นักเรียนทราบหรือไม่ว่ากล้องโทรทรรศน์ประเภทหักเหแสง
มหี ลกั การทางานอย่างไร(หน้า 63)
หลักการของกลอ้ งโทรทัศน์ชนิดหกั เหแสง
เลนซ์วตั ถุจะรบั แสงจากวตั ถุที่ระยะไกลๆแลว้ จะเกิดภาพ
ทีต่ าแหนง่ โฟกสั (Fo) เสมอแลว้ เลนซ์ตวั ทส่ี อง หรือ เลนซ์ตา
(Fe) จะขยายภาพจากเลนซว์ ัตถอุ กี ครัง้ ซ่ึงต้องปรบั ระยะ
ของเลนซ์ตา เพือ่ ให้ภาพจากเลนซ์วัตถทุ ่ีตาแหน่ง Fo อยู่ใกล้
กับ โฟกัสของเลนซต์ า Fe และทาใหเ้ กิดภาพชดั ท่ีสดุ
โครงสรา้ งภายในของกลอ้ งแบบหกั เหแสง ที่เลนซ์วตั ถมุ ักจะ
ใหเ้ ลนซส์ องแบบทท่ี ามาจากวสั ดุคนละประเภท เพอ่ื ลด
อาการคลาดสี
กลอ้ งหักเหแสง
กลอ้ งหักเหแสง
ข้อดีของกล้องแบบหกั เหแสง
1. เปน็ กล้องพืน้ ฐานทสี่ รา้ งไดไ้ มย่ ากนัก
2. โดยทว่ั ไปจะมเี สน้ ผ่านศนู ย์กลางนอ้ ยๆจึงมีน้าหนักเบา
ขอ้ เสียของกล้องแบบหักเหแสง
1. เน่อื งจากมีเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางน้อย ทาให้ปรมิ าณการรบั แสงนอ้ ยไม่
เหมาะใช้ดูวตั ถไุ กลๆอยา่ ง กาแลกซีและเนบิวล่า
2. ใชเ้ ลนซเ์ ปน็ ตัวหกั เหแสง ทาให้เกิดการคลาดสไี ดห้ ากใชเ้ ลนซ์
คุณภาพไม่ดพี อ จึงต้องมีการใชเ้ ลนซ์ หลายช้ินประกอบกันทาให้มี
ราคาสูง
3. ภาพท่ีไดจ้ ากกลอ้ งแบบหักเหแสงจะให้ภาพหัวกลบั และกลบั ซ้าย
ขวา คอื อา่ นตัวหนงั สอื ไม่ไดน้ ่นั เอง ดังน้นั กล้องแบบน้ีจะต้องมี
diagonal prism เพอื่ ช่วยแกไ้ ขภาพ
โลกในจกั รวาล แผน่ ที่ 23/1
ประเภทของกล้องโทรทรรศน์แบบใช้แสง
2. กล้องโทรทรรศน์ชนิดสะท้อนแสง (Reflect telescope)
เป็ นอุปกรณ์ท่ีสามารถขยายวตั ถุที่อยู่ในระยะไกล เซอร์ ไอเซค นิวตนั เป็ นผูป้ ระดิษซ์
กล้องชนิดน้ี เป็ นบุคคลแรก บางท่ีเราก็เรี ยก กล้องแบบน้ีว่า กล้องแบบนิวโทเนียน
ประกอบดว้ ยกระจกเวา้ กระจกระนาบ และ เลนซ์นูน
หลกั การของกล้องโทรทศั น์ชนิดสะท้อนแสง
กลอ้ งจะรับแสงที่เขา้ มากระทบกบั กระจกเวา้ ที่อยทู่ า้ ยกลอ้ งท่ีเราเรียกวา่
Primary Mirror แลว้ รวมแสง สะทอ้ นกบั กระจกระนาบปริซึม เราเรียกวา่
Secondary Mirror ที่อยกู่ ลางลากลอ้ ง เขา้ สู่เลนซ์ตาขยายภาพอีกทีหน่ึง
อตั ราขยายของกล้อง = ความยาวโฟกสั ของกระจกเว้า / ความโฟกสั ของเลนซ์ตา
กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง
(Reflector)
กลอ้ งโทรทรรศน์ แผน่ ที่ 25/5
กล้องสะท้อนแสง
กลอ้ งสะทอ้ นแสง
หลกั การของกล้องโทรทศั นช์ นิดสะทอ้ นแสง
กล้องจะรับแสงท่ีเขา้ มากระทบกับกระจกเว้าที่อยูท่ า้ ยกล้องท่ี
เราเรียกว่า Primary Mirror แล้วรวมแสง สะท้อนกบั กระจก
ระนาบหรอื ปรซิ มึ เราเรียกวา่ Secondary Mirror ท่ีอยู่
กลางลากล้อง เข้าสูเ่ ลนซ์ตาขยายภาพอีกทีหนึ่ง
อัตราขยายของกลอ้ ง = ความยาวโฟกสั ของกระจกเว้า /
ความโฟกสั ของเลนซ์ตา
โครงสรา้ งภายในของกล้องแบบนิวโทเนียน หรอื กล้องแบบ
สะท้อนแสง
ข้อดีของกล้องชนิดน้ี
1. ใช้กระจกเวา้ เปน็ ตวั รวมแสง ทาใหส้ ามารถสรา้ งขนาดใหญ่มากๆได้ ซง่ึ จะมีราคาถูก
กว่าเลนซ์ทีม่ ขี นาดเท่ากนั
2. โดยท่ัวไปกล้องชนดิ นจ้ี ะมเี ส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 5-6 นิ้วขนึ้ ไป ทาใหม้ กี ารรวมแสงไดม้ าก
เหมาะทจ่ี ะใชส้ ังเกตวตั ถรุ ะยะไกลๆ เช่น กาแลกซี เนบิวลา เพราะมคี วามเขม้ แสงนอ้ ย
มาก
3. ภาพท่ีไดจ้ ากกล้องแบบสะท้อนแสง จะไม่กลับภาพซา้ ยขวาเหมอื นกล้องแบบหกั เห
แสง แต่การมองภาพอาจจะ หวั กลับบา้ ง ขนึ้ อยกู่ ับลกั ษณะการมองจากกลอ้ งเพราะเปน็
การมองท่หี ัวกลอ้ ง ไม่ใช่ทท่ี ้ายกล้อง เหมอื นกลอ้ งแบบหักเหแสง
ขอ้ เสยี ของกลอ้ งชนดิ น้ี
1. การสรา้ งนนั้ ยงุ่ ยากซบั ซอ้ นมาก
2. มกี ระจกบานที่สองสะทอ้ นภาพอยกู่ ลางลากลอ้ ง ทาให้กดี ขวางทางเดนิ ของแสง หาก
เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง กล้องเลก็ มากๆ ดงั นน้ั กลอ้ งแบบสะทอ้ นแสงนจี้ ะมกั มีขนาดใหญ่
ตั้งแต่ 4.5 นิว้ ข้ึนไป
ประเภทของกล้องโทรทรรศน์
3. กล้องโทรทรรศน์แบบผสม (Catadioptic telescope)
เป็นกลอ้ งโทรทรรศนค์ ุณภาพสูงท่ีถูกออกแบบมาใหใ้ ชห้ ลกั ของการหกั เหและ
สะทอ้ นแสงร่วมกนั โดยหลกั การโดยรวมแลว้ จะใชก้ ระจก 2 ชุด สะทอ้ นแสงกลบั ไป-มา
ช่วยใหล้ ากลอ้ งส้ัน เเละส่วนมากจะสามารถควบคุมระบบไดเ้ เบบดิจิตอล เราจะพบวา่ กลอ้ ง
โทรทรรศนข์ นาดใหญ่ท่ีมี ความยาวโฟกสั มาก ดงั เช่น กลอ้ งโทรทรรศนบ์ นหอดดู าวต่างๆ
มกั จะเป็นกลอ้ งชนิดน้ี
กล้องโทรทรรศน์แบบผสม
(Catadioptic)
www.Itmanoch.com
กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดสะทอ้ นแสง (Reflect telescope)
• หลกั การของกล้องโทรทัศน์ชนิดผสม
กลอ้ งจะรับแสงจากวตั ถุท่ีระยะไกลๆ ผา่ นกระจกดา้ นหนา้ ท่ีเราเรียกวา่
Correcting Plated หรือกระจกสะสมแสง มีลกั ษณะเป็นเลนซเ์ บ้ืองตน้
มากระทบกระจกบานแรกที่ทา้ ยกลอ้ ง ที่เราเรียกวา่ เลนส์หลกั แลว้
สะทอ้ นกลบั ไปท่ีกระจกสะสมแสง ซ่ึงตรงกลางจะมี เลนส์รอง สะทอ้ น
กลบั มาท่ีทา้ ยกลอ้ งเขา้ สู่เลนซต์ าขยายภาพอีกทีหน่ึง หลกั การคลา้ ยกบั
กลอ้ งแบบนิวโทเนี่ยน แต่กลอ้ งแบบผสม จะดูภาพจากทา้ ยกลอ้ ง ไม่ใช่
ขา้ งกลอ้ ง และภาพท่ีไดย้ งั มีการกลบั หวั และกลบั ซา้ ยขวา ซ่ึงตอ้ งอาศยั
diagonal prism ช่วยแกไ้ ขภาพเหมือนกบั กลอ้ งแบบหกั เหแสง
www.Itmanoch.com
ต้งั แต่โลกเราไดม้ ีการประดิษฐค์ ิดคน้ ดาวเทียมข้ึนมาใชง้ าน กท็ าใหโ้ ลกเกิดสิ่งใหม่ๆ
ข้ึนมาอานวย ประโยชน์ใหม้ นุษยอ์ ยา่ งมากมาย หลายองคก์ รและหลายๆ ประเทศต่างมี
การเขา้ ร่วมกนั แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และสร้างสรรคผ์ ลงานข้ึนมาอานวยความสะดวก
ใหแ้ ก่มนุษยช์ าติ เราสามารถสร้างกลอ้ งดูดาวใหม้ ีขนาดใหญ่ๆอยใู่ นหอดูดาวสาคญั ๆทวั่
โลกได้
3.เพราะเหตุใดในปัจจุบนั การศึกษาดา้ นดาราศาสตร์ จึงตอ้ งมีการสร้างหอดูดาว(หนา้ 65)
กลอ้ งโทรทรรศน์ ทหี่ อดดู าวสริ นิ ธร จ.เชียงใหม่
เรม่ิ ดาเนินการมาต้งั แตป่ ี พ.ศ.2539 เสร็จสมบูรณใ์ นเดือน ธ.ค 2543
เป็ นกลอ้ งแบบสะทอ้ นแสง ชนิดรชิ ชี-เครเทียน ขนาดเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง
0.5 เมตร (20 น้ ิว)
กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบหกั เหแสง ที่ใหญท่ ี่สุดในโลก
เป็ นแบบหกั เหแสง อยทู่ ่ีหอดูดาวเยอรเ์ กส สหรฐั อเมรกิ า
เลนส์ มีเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 1 เมตร
กล้องโทรทรรศน์วทิ ยุ
กลอ้ งโทรทรรศน์วิทยุ เป็นอปุ กรณท์ างดาราศาสตร์ ใชบ้ ันทึกและวัด
สญั ญาณคล่นื วทิ ยุจากวตั ถทุ อ้ งฟา้ ตา่ ง ๆ กล้องโทรทรรศน์วิทยตุ ่างจาก
กล้องโทรทรรศนเ์ ชิงแสงตรงทปี่ ฏบิ ัตงิ านในความถข่ี องคล่ืนวิทยุที่ความ
ยาวคลน่ื ต้ังแต่ 10 มลิ ลิเมตร ไปจนถงึ 10-20 เมตร โดยทว่ั ไปจานเสา
อากาศของกล้องโทรทรรศน์วทิ ยจุ ะมีรูปร่างเปน็ พาราโบลา อาจอยู่เดย่ี ว
ๆ หรือประกอบกนั เปน็ แถวลาดบั ทาหน้าท่เี ปรยี บเทียบไดก้ ับกระจกของ
กล้องโทรทรรศน์สะทอ้ นแสง กลอ้ งโทรทรรศนว์ ทิ ยุนาไปส่กู ารค้นพบ
วตั ถใุ หมแ่ ละปรากฏการณ์ เชน่ เควซาร์ พลั ซาร์ และไมโครเวฟพืน้ หลัง
กลอ้ งโทรทรรศนอ์ วกาศ
กลอ้ งโทรทรรศนอ์ วกาศ คอื อุปกรณ์สาหรับการสงั เกตการณท์ างดารา
ศาสตร์ทอ่ี ยใู่ นอวกาศภายนอกในระดับวงโคจรของโลก เพอ่ื ทาการ
สงั เกตการณ์ดาวเคราะห์อนั ห่างไกล ดาราจกั ร และวตั ถทุ ้องฟา้ ตา่ งๆ ท่ี
ช่วยใหม้ นุษย์ทาความเขา้ ใจกับจกั รวาลไดด้ ีขนึ้ การสังเกตการณใ์ น
ระดับวงโคจรช่วยแกป้ ัญหาทัศนวสิ ยั ในการสังเกตการณ์บนโลกทมี่ ี
อปุ สรรคตา่ งๆ เช่น การแผร่ งั สีแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในช้นั บรรยากาศ เปน็ ตน้
นอกจากนกี้ ารถ่ายภาพวัตถุทอ้ งฟา้ ยงั สามารถทาไดท้ ค่ี วามยาวคลนื่
ต่างๆ กนั ซึง่ บางอย่างไม่สามารถทาได้บนผวิ โลก
กลอ้ งโทรทรรศนอ์ วกาศ
กลอ้ งโทรทรรศนอ์ วกาศ คอื อุปกรณ์สาหรับการสงั เกตการณท์ างดารา
ศาสตร์ทอ่ี ยใู่ นอวกาศภายนอกในระดับวงโคจรของโลก เพอ่ื ทาการ
สงั เกตการณ์ดาวเคราะห์อนั ห่างไกล ดาราจกั ร และวตั ถทุ ้องฟา้ ตา่ งๆ ท่ี
ช่วยใหม้ นุษย์ทาความเขา้ ใจกับจกั รวาลไดด้ ีขนึ้ การสังเกตการณใ์ น
ระดับวงโคจรช่วยแกป้ ัญหาทัศนวสิ ยั ในการสังเกตการณ์บนโลกทมี่ ี
อปุ สรรคตา่ งๆ เช่น การแผร่ งั สีแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในช้นั บรรยากาศ เปน็ ตน้
นอกจากนกี้ ารถ่ายภาพวัตถุทอ้ งฟา้ ยงั สามารถทาไดท้ ค่ี วามยาวคลนื่
ต่างๆ กนั ซึง่ บางอย่างไม่สามารถทาได้บนผวิ โลก
กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศฮับเบลิ (Hubble Space Telescope) คอื
กลอ้ งโทรทรรศนใ์ นวงโคจรของโลกทกี่ ระสวยอวกาศดสิ คัฟเวอรนี าสง่
ขนึ้ สู่วงโคจรเม่อื เดือนเมษายน ค.ศ. 1990 ต้ังชือ่ ตามนักดาราศาสตร์
ชาวอเมริกันชือ่ เอ็ดวนิ ฮับเบิล กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบลิ ไมไ่ ด้
เป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวแรกของโลก แตม่ นั เปน็ หนึ่งในเครื่องมอื
วทิ ยาศาสตร์ทส่ี าคญั ทสี่ ดุ ในประวัติศาสตรก์ ารศกึ ษาดาราศาสตรท์ ี่ทา
ให้นกั ดาราศาสตร์ค้นพบปรากฏการณส์ าคัญต่าง ๆ อย่างมากมาย
กล้องโทรทรรศนฮ์ ับเบลิ เกิดขน้ึ จากความรว่ มมอื ระหวา่ งองคก์ ารนาซา
และองค์การอวกาศยโุ รป โดยเปน็ หน่ึงในโครงการหอดูดาวเอกของ
องค์การนาซาท่ปี ระกอบดว้ ย กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮบั เบิล กลอ้ งรังสี
แกมมาคอมป์ตัน กลอ้ งรงั สีเอกซจ์ นั ทรา และกลอ้ งโทรทรรศน์
อวกาศสปติ เซอร์
กลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศ ฮับเบลิ เปน็ กล้องโทรทรรศนป์ ระเภทใด
กลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศ ฮับเบลิ
กลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศ กล้องรงั สีแกมมาคอมป์ตนั
เป็ นกล้องทม่ี ี
ประสิทธิภา
พสูงทใ่ี ช้ใน
การศึกษาเอก
ภพในช่วง
พลงั งานสูง
กล้องโทรทรรศน์อวกาศ GALEX (ยอ่ จาก Galaxy Evolution Explorer)
หรือ โครงการสารวจววิ ฒั นาการของดาราจกั ร เป็นกลอ้ งโทรทรรศนอ์ วกาศในยา่ นรังสี
อลั ตราไวโอเลตท่ีโคจรอยรู่ อบโลก ข้ึนสู่อวกาศเม่ือวนั ท่ี 28 เมษายน พ.ศ. 2546 โดยจรวด
เพกาซสั นากลอ้ งกาเลก็ ซ์ไวใ้ นวงโคจรวงกลมดา้ นในที่ระดบั ความสูง 697 กิโลเมตร (432
ไมล)์ มุมเอียงจากเส้นศนู ยส์ ูตรของโลก 29 องศา งานสงั เกตการณ์คร้ังแรกเป็นงานท่ีอุทิศแด่
ลกู เรือของกระสวยอวกาศโคลมั เบีย โดยทาการถา่ ยภาพทอ้ งฟ้ าบริเวณกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส ใน
วนั ท่ี 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 เหตุที่เลือกยา่ นฟ้ าน้ีเนื่องจากมนั อยเู่ หนือกระสวยอวกาศพอดี
ในเวลาที่มีการติดต่อกบั ศนู ยค์ วบคุมการบินขององคก์ ารนาซาเป็นคร้ังสุดทา้ ย
กลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์
กลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศ จันทรา
กล้องโทรทรรศน์อวกาศ
จันทรา หรือ กล้องรังสีเอก
จันทรา (องั กฤษ: Chandra
X-ray Observatory)
เป็นดาวเทียมของนาซา ท่ีมี
detector ท่ีสามารถตรวจจบั
รังสีเอกซไ์ ด้ จึงเป็นประโยชน์
อยา่ งมากสาหรับการศึกษารังสี
X-ray ในหว้ งอวกาศ
ดาวเทียม
ดาวเทยี ม คือ ส่ิงประดิษฐท์ ่ีมนุษยค์ ิดคน้ ข้ึน ที่สามารถโคจรรอบโลก โดยอาศยั แรงดึงดูด
ของโลก ส่งผลใหส้ ามารถโคจรรอบโลกไดใ้ นลกั ษณะเดียวกนั กบั ท่ีดวงจนั ทร์
โคจรรอบโลก และโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
วตั ถุประสงค์ ของส่ิงประดิษฐน์ ้ีเพอื่ ใช้ ทางการทหาร การส่ือสาร การรายงานสภาพอากาศ
การวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์เช่นการสารวจทางธรณีวทิ ยาสังเกตการณ์สภาพของอวกาศ โลก
ดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดาวอื่นๆ รวมถึงการสังเกตวตั ถุ และดวงดาว กาแลก็ ซี ต่างๆ
• ดาวเทียมมี
ขนาดและ
รูปร่างต่างๆกนั
ต้งั แต่ขนาดเลก็
ไปจนถึงขนาด
ใหญ่
5.ดาวเทยี มขนึ้ ไปโคตรรอบโลกได้อย่างไร(หน้า 68)
6.นักเรียนอธิบายได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงเรียกวงโคจรของดาวเทยี มนีว้ ่า
วงโคจรค้างฟ้ า(หน้า 69)
7.ดาวทยี มทโ่ี คจรอยู่ในระดับใด สามารถส่งสัญญาณได้ครอบคลุมพนื้ ท่ี
มากทสี่ ุด(หน้า 69)
8.สืบค้นข้อมูลว่าดาวเทยี มไทยคมโคจรอยู่ในระดับใด ใช้ประโยชน์ในด้านใด
(หน้า 70)
9.ดาวเทยี มกบั ยานอวกาศเหมอื นกนั หรือไม่ อย่างไร(หน้า 71)