Āลักการเขียนÿตอรี่บอรด StoryBoard
สตอรี่บอร์ด (StoryBoard) การเขียนกรอบแสดงเรื่องราวที่สมบูรณ์ของภาพยนตร์หรือหนังแต่ละ เรื่อง โดยมีการแสดงรายละเอียดที่จะปรากฏในแต่ละฉากหรือแต่ละหน้าจอ เช่น ข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี เสียงพูดและแต่ละอย่างนั้นมี ลําดับของการปรากฏว่าอะไรจะปรากฏขึ้นก่อน-หลัง อะไรจะปรากฏพร้อม กัน เป็นการออกแบบอย่างละเอียดในแต่ละหน้าจอก่อนที่จะลงมือสร้างเอนิ เมชันหรือ หนังขึ้นมาจริงๆ 2
1. ความรู้พื้นฐานก่อนเขียนสตอรี่บอร์ด ก่อนเขียนสตอรี่บอร์ดจะต้องศึกษาการเขียนเรื่อง บทบรรยาย (Notation) รวมทั้งมุมกล้องให้เข้าใจก่อน จึงจะสามารถเขียนสตอรี่บอร์ดได้
2. หลักการเขียนสตอรี่บอร์ด รูปแบบของสตอรี่บอร์ด จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนภาพกับส่วนเสียง โดยปกติการเขียนสตอรี่บอร์ด ก็จะวาดภาพในกรอบสี่เหลี่ยม ต่อด้วยการเขียนบท บรรยายภาพหรือบทการสนทนา และส่วนสุดท้ายคือการใส่เสียงซึ่งอาจจะ ประกอบด้วยเสียงสนทนา เสียงบรรเลง และเสียงประกอบต่างๆ
1. ตัวละครหรือฉาก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่หรือตัวการ์ตูน และที่ สําคัญ คือ พวกเขากําลังเคลื่อนไหวอย่างไร 2. มุมกล้อง ทั้งในเรื่องของขนาดภาพ มุมภาพและการเคลื่อนกล้อง 3. เสียงการพูดกันระหว่างตัวละคร มีเสียงประกอบหรือเสียงดนตรีอย่างไร 5 3. สิ่งสําคัญภายในสตอรี่บอร์ด
1.วางโครงเรื่องหลัก ไม่ว่าจะเป็น Theme, ตัวละครหลัก, ฉาก ฯลฯ 1.1 แนวเรื่อง 1.2 ฉาก 1.3 เนื้อเรื่องย่อ 1.4 Theme/แก่น (ข้อคิด/สิ่งที่ต้องการจะสื่อ) 1.5 ตัวละคร สิ่งสําคัญคือกําหนดรูปลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวให้โดดเด่นไม่คล้าย กันจนเกิน ไป ควรออกแบบรูปลักษณ์ของตัวละครให้โดดเด่นแตกต่างกัน และมองแล้ว สามารถสื่อถึงลักษณะนิสัยของตัวละครได้ทันที 6 4. ขั้นตอนการทําสตอรี่บอร์ด
2. ลําดับเหตุการณ์คร่าว ๆ จุดสําคัญคือ ทุกเหตุการณ์จะเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน เหตุการณ์ก่อนหน้าจะทําให้ เหตุการณ์ต่อมามีน˷าหนักมากขึ้น และต้องหา จุด Climax ของเรื่องให้ได้ จุดนี้จะเป็นจุดที่น่า ตื่นเต้นที่สุดก่อนที่จะเฉลยปมทุกอย่างในเรื่อง การสร้างปมให้ผู้อ่านสงสัยก็เป็นจุดสําคัญใน การสร้างเรื่อง ปมจะทําให้ผู้อ่านเกิดคําถามในใจและคาดเดาเนื้อเรื่องรวมถึงตอนจบไปต่าง ๆ 3. กําหนดหน้า 4. แต่งบท เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนลงมือวาดสตอรี่บอร์ด ควรเขียนบทพูดและบทความคิดที่จะใช้ เขียนลงในหนังออกมาโดยละเอียดเพื่อที่จะได้กําหนดขนาดของบอลลูนและจัดวางลงบนหน้า กระดาษได้อย่าเหมาะสม 5. ลงมือเขียน Story Board 7
สิ่งสําคัญที่อยู่ภายในสตอรี่บอร์ด ● ตัวละครหรือฉาก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์สิ่งของ สถานที่หรือตัวการ์ตูน และที่สําคัญ คือ พวกเขากําลังเคลื่อนไหวอย่างไร ● มุมกล้อง ทั้งในเรื่องของขนาดภาพ มุมภาพและการเคลื่อนกล้อง ● เสียงการพูดกันระหว่างตัวละคร มีเสียงประกอบหรือเสียงดนตรี อย่างไร
แบบฟอร์มการเขียน สตอรี่บอร์ด
แบบฟอร์มการเขียน สตอรี่บอร์ด
ตัวอย่าง สตอรี่บอร์ด
“ 12 ข้อดีของการทํา (StoryBoard) 1. ช่วยให้เนื้อเรื่องลื่นไหล เพราะได้อ่านทวนตั้งแต่ต้นจนจบก่อนจะลงมือวาดจริง 2. ช่วยให้เนื้อเรื่องไม่ออกทะเล เพราะมีแผนการวาดกํากับไว้หมดแล้ว 3. ช่วยกะปริมาณบทพูดให้พอดีและเหมาะสมกับหน้ากระดาษและบอลลูนนั้น ๆ 4. ช่วยให้สามารถวาดจบได้ในจํานวนหน้าที่กําหนด
“ 13 การวาดสตอรี่บอร์ดอย่างรวดเร็ว 1. วาดในช่องเล็กๆ จะวาดได้เร็วขึ้น อย่าลืมว่าสตอรี่บอร์ดเป็นรูปที่วาดเร็วๆ ง่ายๆ ไม่ใช่งานจิตรกรรมเลอค่า จุดมุ่งหมายของการวาดสตอรี่บอร์ดก็คือ เพื่อให้เกิด ไอเดียว่าภาพจะออกมาเป็นอย่างไร
“ 14 การวาดสตอรี่บอร์ดอย่างรวดเร็ว 2. Copy ช่องสตอรี่บอร์ดสําเร็จรูปเอาไว้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาตีช่องใหม่ ให้เปลือง พลังงาน 3. สเก็ตช์ด้วยดินสอ จะได้ไม่เกร็ง เวลาผิด ก็ลบแก้ได้ง่ายๆ แล้วค่อยลงหมึกทีหลัง สามารถใช้สีอะไรก็ได้ที่ถนัดและคล่องมือ หรือจะไม่ลงสีเลยก็ได้ 4. เขียนโน้ตสั้นๆ กํากับ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช็อตนั้นๆ (เช่น ทวีเดินเข้าประตูมา) ประโยคสนทนา หรือเสียงประกอบ (เช่น เสียงแตรดังสนั่น)
“ 15 การวาดสตอรี่บอร์ดอย่างรวดเร็ว 5. เขียนภาพแปลน ของโลเคชั่น ตัวนักแสดง จะช่วยได้มากในการเขียนสตอรี่บอร์ด 6. อย่าลืมใส่เบอร์ของแต่ละช็อต แต่ละซีนไว้ด้วย จะได้สะดวกรวดเร็วเวลาอ้างถึงใน การถ่ายทํา และระหว่างการตัดต่อ
“ 16 การวาดสตอรี่บอร์ดอย่างรวดเร็ว
การเขียนเรื่องสั้น 1. การวางโครงเรื่อง (Plot) มีการเริ่มนําเรื่องจนถึงปลายยอดเรื่อง หรือที่ เรียกว่า ไคลแมกซ์ (Climax) จุดวิกฤตสูงสุด และจบเรื่องลงโดยเร็ว ให้ ผู้อ่านโล่งใจ เข้าใจและสะเทือนใจ หรือเป็นแบบสองซ้อนเหตุการณ์ 2. การจัดตัวละครและให้บทบาท เป็นตัวละครที่สําคัญในเรื่อง เพื่อแสดง ลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งอย่างใด ก่อให้เกิดเรื่องราวขึ้น 3. การบรรยายเรื่อง แบบการมีตัวตนที่เข้าไปอยู่ในตัวเรื่อง และการเป็น บุรุษที่สาม ได้แก่ ตัวละครแสดงบทบาทของตนเอง เป็นวิธีที่ดีที่สุด
การเขียนเรื่องสั้น 4. การเปิดเรื่อง อาจทําได้โดยการให้ตัวละครพูดกัน การบรรยายตัวละคร การวางฉากและการบรรยายตัวละครประกอบ การบรรยายพฤติกรรมและ ตัวละคร 5. บทเจรจา หรือคําพูดของตัวละคร ต้องเขียนให้เป็นภาษามนุษย์พูดกัน และต้องให้เหมาะกับบทบาทและเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับตัวละคร 6. ต้องมีความแน่น คือพูดให้ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย ใช้คําไม่ฟุ่มเฟือย
การเขียนเรื่องสั้น 7. การตั้งชื่อตัวละคร ควรให้ชื่อที่ใกล้เคียงกับชื่อคนจริงๆ ส่วนชื่อเรื่องก็ควร เป็นข้อความที่ก่อให้เกิดความอยากอ่าน ใช้คําสั้นๆ แต่ให้น่าทึ่ง 8. การทําบท คือการบรรยายให้ตัวละครแสดงบทบาทเช่นเดียวกับการ แสดงละคร ต้องพรรณนาถึงกิริยาท่าทาง อาการรําพึงรําพัน เป็นต้น
20 มุมภาพ (StoryBoard) ก่อนที่จะได้ภาพที่สวยงาม สื่อความหมายและอารมณ์แก่ผู้ชม เราควรเข้าใจ มุมมองของกล้องในภาพยนตร์ ซึ่งเปรียบเสมือนหน้าต่างของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องสร้างจินตนาการเสมือนว่ามีกล้องอยู่จริง ช่วยให้ภาพการ์ตูนที่ เราวาดนั้นสามารถหมุนไปได้รอบๆ เมื่อเราขยายภาพ ด้วยโปรแกรมจะให้ภาพที่มี ขนาดใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับการเคลื่อนกล้องเข้าไปหาภาพในระยะใกล้ๆ เมื่อเราใช้ เครื่องมือในการย้ายภาพ ก็เสมือนการเคลื่อนที่ของฉากหลังด้วยกล้องเช่นกัน
21 ชนิดของภาพ (Type of Shot) การกําหนดขนาดภาพนั้นไม่มีกฎแน่นอนที่ตายตัว ในหลักปฏิบัติแล้วมักใช้ 3 ขนาด เป็นขนาดเรียกกว้าง ๆ ที่เขียนไว้ในบทภาพยนตร์ คือ ขนาดภาพระยะไกล ระยะปานกลาง และระยะใกล้ ซึ่งใช้รูปร่างของคนเป็นตัวกําหนดขนาดของภาพ แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถแบ่งย่อยขนาดของภาพได้อีกและมีชื่อเรียกชัดเจน ขึ้นดังนี้
camera angle shots
ภาพระดับสายตา (eye level shot) มุมที่มีความหมายตรงตามชื่อที่เรียก คือคนดูถูกวางไว้ในระดับเดียวกับสายตา ของตัวละคร หรือระดับเดียวกับกล้องที่วางไว้บนไหล่ของตากล้อง โดยผู้แสดงไม่ เหลือบสายตาเข้าไปในกล้องในระหว่างการถ่ายทํา มุมระดับสายตานี้ถึงแม้จะเป็น มุมที่เราใช้มองในชีวิตประจําวัน
ภาพระดับสายตา (eye level shot)
ภาพระดับมุมสูง (high level shot) มุมสูงกล้องอยู่ด้านบนหรือวางไว้บนเครน (crane) ถ่ายกดมาที่ผู้แสดง แต่ไม่ตั้ง ฉากเท่า Bird’s-eye view ประมาณ 45 องศา เป็นมุมมองที่เห็นผู้แสดงหรือวัตถุอยู่ ต˶ากว่า ใช้แสดงแทนสายตามองไปเบื้องล่างที่พื้น ถ้าใช้กับตัวละครจะให้ความรู้สึก ต˶าต้อย ไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีความสําคัญ เพื่อเผยให้เห็นลักษณะภูมิประเทศหรือความ กว้างใหญ่ไพศาลของภูมิทัศน์เมื่อใช้กับภาพระยะไกล (LS)
ภาพระดับมุมสูง (high level shot)
ภาพระดับมุมต่ํา (low level shot) มุมที่ต˶ากว่าระดับสายตาของตัวละคร แล้วเงยกล้องขึ้นประมาณ 70 องศา ทําให้เกิดผลทางด้านความลึกของซับเจ็คหรือตัวละคร มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม รูปทรงเรขาคณิตให้ความมั่นคง น่าเกรงขาม ทรงพลังอํานาจ ความเป็นวีรบุรุษ เช่น ช็อตของคิงคอง ยักษ์ ตึกอาคารสิ่งก่อสร้าง สัตว์ประหลาด พระเอก เป็นต้น
ภาพระดับมุมต่ํา (low level shot)
Basic shots
30 E.C.U. = Extreme Close-Up เป็นภาพที่ถ่ายในระยะใกล้มากๆ ให้ผู้ชมเห็นรายละเอียดของวัตถุ หรือเพื่อเพิ่ม ความเข้าใจในกรณีที่วัตถุมีขนาดเล็กมากๆ เช่น การถ่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือช่าง อาวุธ เป็นต้นหรือถ้าถ่ายใบหน้านักแสดง ก็เพื่อเป็นการเน้นอารมณ์ ของนักแสดงเช่น จับภาพที่ดวงตาของนักแสดง ทําให้เห็นน˷าตาที่กําลังใหลออก จากดวงตา เป็นต้น
31 E.C.U. = Extreme Close-Up
32 E.C.U. = Extreme Close-Up
33 C.U. = Close-up ภาพถ่ายระยะใกล้ เพื่อเน้นวัตถุหรือบางส่วนของวัตถุ ขยายให้เห็นรายละเอียด เฉพาะของวัตถุให้ชัดเจนมากขึ้น ขจัดสิ่งอื่นๆที่ไม่ต้องการออกไป ในการถ่ายภาพ บุคคลจะเป็นภาพที่เห็นบริเวณศีรษะและบริเวณใบหน้าของแบบ มีรายละเอียด ชัดเจนขึ้น เช่น ริ้วรอยบนใบหน้า แววตา รอยยิ้ม ส่วนใหญ่ เน้นความอารมณ์รู้สึก ของผู้เป็นแบบที่สายตา แววตา
34 C.U. = Close-up
35 M.C.U = Medium Close-up ภาพจะแคบลงมากกว่า MS เป็นการถ่ายเน้นรายละเอียดของวัตถุให้เข้าใกล้ มาอีก ถ้าถ่ายบุคคลก็คลอบคลุมบริเวณตั้งแต่ศีรษะถึงไหล่ของตัวแบบ ใช้สําหรับ ในภาพที่แสดงอารมณ์ความรู้สึก ที่ใบหน้า ผู้แสดงรู้สึกเด่นในเฟรม
36 M.C.U = Medium Close-up
37 M.C.U = Medium Close-up
38 M.S. = Medium Shot เป็นการถ่ายตัวแสดงครึ่งตัวจากเอวขึ้นไป ใช้สําหรับถ่ายทอดอากับกิริยาของตัว แสดง โดยที่ไม่มีผลของการเร้าอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
39 M.S. = Medium Shot
40 M.L.S.= Medium Long Shot เป็นภาพที่เห็นรายละเอียดของตัวแบบมากขึ้นตั้งแต่ศีรษะจนถึงขาหรือหัวเข่า โดยเห็นรายละเอียดของตัวแบบพร้อมกับบรรยากาศรอบๆด้วย อาจจะเป็นการถ่าย เป็นหมู่คณะหลายคน หรือถ่ายให้เห็นวัตถุอื่นที่อยู่ในฉากด้วย
41 M.L.S.= Medium Long Shot
42 Long shot (LS) เป็นการถ่ายภาพภาพในระยะไกล เพื่อให้เห็นบรรยากาศ และส่วนประกอบใน ฉาก แต่จะเน้นตัวแบบมากขึ้น โดยลักษณะจะเป็นภาพขนาดเต็มตัว ตั้งแต่ศีรษะ จนถึงส่วนเท้า เพื่อแสดงให้เห็นกิริยาท่าทางของตัวแบบในสภาพแวดล้อมนั้นๆ
43 Long shot (LS)
44 Extreme Long shot (ELS) เป็นการถ่ายภาพภาพในระยะที่ไกลมาก เพื่อให้เห็นบรรยากาศ สถานที่กว้างๆ ไม่ ได้เน้นที่ตัวแบบมากนัก อาจจะเห็นแค่ว่าตัวแบบกําลังอะไรอยู่ในระยะไกลๆเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเน้นสถานที่เป็นหลักเพื่อให้เห็นถึง เวลา ความกว้างใหญ่ของสถาน ที่ หรือเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างสถานที่กับตัวแบบ
45 Extreme Long shot (ELS)
46 ตัวอย่าง Story Board เรื่อง “ฝัน” SceneNo. 1/บนเตียงนอน เวลา : 5 วินาที คําอธิบาย : จอยนอนดูละครออน ไลน์ในมือถือเวลา 01.30 น. เสียงบรรยาย : จอยพูด น่ากลัวจัง Sound Effect : - ชนิดของภาพ : Medium Long Shot (M.L.S.)