The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

องค์ประกอบและท่ารำในพิธีกรรมมะม็วด ในจังหวัดบุรีรัมย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nisarat Peng-o, 2022-05-06 12:33:24

องค์ประกอบและท่ารำในพิธีกรรมมะม็วด

องค์ประกอบและท่ารำในพิธีกรรมมะม็วด ในจังหวัดบุรีรัมย์

Keywords: พิธีกรรม

องคป์ ระกอบและท่ารำในพิธีกรรมมะม็วด

นางสาวนศิ ารัตน์ เพ็งโอ

พิธกี รรมมะม็วด

ภาพที่ ๑ พิธกี รรมมะม็วด (พระมหาวรี ะ สขุ แสวง,๒๕๕๐ : ๖๕)
พธิ ีกรรมมะมว็ ด เป็นพธิ กี รรมทีเ่ กีย่ วเนือ่ งกบั ความเชอ่ื ของบุคคลไทยส่วนหน่งึ คอื ชาวไทยเขมร และชาว
ไทยกยู ซึง่ อาศยั อยู่แถบอีสานใต้ พธิ ีกรรมนี้ อยู่คู่กับสังคมดงั กลา่ วมาชา้ นาน ไมส่ ามารถระบุไดว้ ่าเกิดขน้ึ เมื่อใด
กลา่ วได้เพยี งวา่ สบื ทอดตอ่ กันมาแต่สมยั โบราณ โดยถือกันวา่ เปน็ พธิ กี รรมที่สักดิ์สิทธ์ิ ถึงแม้วา่ ปัจจุบันนี้
สภาพแวดลอ้ มทางสงั คมดา้ นตา่ ง ๆ จะเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งมากแลว้ กต็ าม ไม่วา่ จะเปน็ ด้านการคมนาคม
การศึกษา การสาธารณสุข ฯลฯ ทีม่ ีการปรบั ปรุงเปลีย่ นแปลงตลอดระยะเวลาทีผ่ า่ นมา แต่วถิ ชี วี ติ ของประชาชนใน
ชนบทก็ยงั คงมคี วามเชื่อเรอื่ งไสยศาสตรก์ ันอยเู่ ป็นจำนวนมาก การประกอบพิธีกรรมมะมว็ ดนั้น จะต้องจัดทำตาม
รปู แบบและข้ันตอนท่ีไดส้ ืบทอดกนั มา โดยรปู แบบและข้ันตอนของพธิ ีนนั้ ในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ อาจแตกต่างกันไดท้ ้งั ใน
สาระสำคัญและข้อปลกี ย่อยบางประการ
(พระมหาวรี ะ สุขแสวง,๒๕๕๐ : ๙)

ประวัตคิ วามเปน็ มา

พิธกี รรมจวลมะม๊วด เป็นวัฒนธรรมทีส่ ืบทอดกันมาแตบ่ รรพบุรุษของชาวเขมรแถบอีสานตอนลา่ ง ตาม
แนวเทอื กเขาพนมดงรัก โดยมคี วามเช่ือวา่ วิญญาณของสิ่งศักดิส์ ทิ ธ์ิ ภูตผีปศี าจ และดวงวญิ ญาณของบรรพบุรุษมี
อยู่จรงิ ในอดีตทุกชมุ ชนหมู่บ้านชาวเขมรสุรนิ ทร์ ตา่ งร่วมกันจดั งาน “พธิ กี รรมจวลมะมว๊ ด” ระหวา่ งหลงั ฤดูการ
เก็บเกีย่ ว ไปถงึ ก่อนฤดูการผลิตใหญ่ “ทำนา” เพื่อเปน็ ศิริมงคล กระทง่ั เปน็ ประเพณีประจำปีของชมุ ชนสืบต่อๆ
กนั มาถึงปัจจุบัน

ภาพที่ ๒ พิธกี รรมมะม็วด (เมธนิ ยี ์ ชอุม่ ผล,๒๕๖๑ : ๑)

ดนตรี

ดนตรีทีใ่ ช้บรรเลงในพธิ ีกรรมแมด่ มด ถือว่าเปน็ ดนตรีพื้นบา้ นของชาวเขมรที่มเี อกลักษณ์ ทางด้านวฒั นธรรม ทั้ง
เรื่องของเครื่องดนตรี สาํ เนียงเสียง บทเพลงทใี่ ช้ร้อง เป็นดนตรีทจ่ี ดั อยใู นกลมุ่ วัฒนธรรมดนตรแี บบวัฒนธรรมกนต
รมึ (พลประถม : ดนตรพี น้ื บา้ นอีสาน) เอกลกั ษณ์ท่สี ําคัญ ของดนตรปี ระกอบพิธเี รือมมะม๊วด ไดแ้ ก่ เคร่อื งดนตรี
บทเพลง ภาษา สําเนียงดนตรี ดนตรี ประกอบพธิ ีเรือมมะม๊วดถือวาเป็นดนตรีศกั ดท์ิ ช่ี าวบ้านเขมรใชบ้ รรเลง
ประกอบพิธรี าํ แมม่ ด เพือ่ บาํ บัดรกั ษาโรคทที่ าํ ให้เกดิ ความทุกข์ทรมานด้านรา่ งกายและจิตใจ ใหบ้ รรเทาลง
นอกเหนือจาก เคร่ืองบวงสรวงไหว้ครู แม่ครู ผูป้ ระกอบพิธีกรรม สถานท่ี ดนตรีถือวาเป็นส่วนสาํ คัญอยางยิ่ง ของ
พธิ เี รอื มมะมว๊ ด เพราะหากขาดดนตรีประกอบการทาํ พธิ กี รรมแลว้ จะทําให้พิธเี รือมมะมว๊ ดไม่สามารถทําใหผ้ ูป้ ว่ ย
หรือพธิ ีกรรมนน้ั สาํ เร็จได้ เนอ่ื งจากเสียงดนตรีทบ่ี รรเลงออกมาเปรียบเสมอื น พาหนะท่จี ะอัญเชิญให้สงิ่ ศักดิ์ท่ี
ชาวบา้ นไดบ้ นบานไหว้ลงมาร่วมพธิ ีกรรม หากดนตรีไม่ถูกใจกจ็ ะทําใหส้ ่ิงศักด์สิ ิทธไ์ิ ม่ลงมาประทบั ร่างของผูป้ ่วย
หรือผู้เข้ารว่ มพิธี หรือบางทเี พลงถูกใจแตน่ ักดนตรี บรรเลงไมถ่ ูกใจ ดนตรีในพิธีเรือมมะม๊วดจึงไมไ่ ด้มีหน้าท่ีเพยี ง
เรือ่ งของความบนั เทิง แต่เสียงดนตรที ่ีถูกบรรเลงออกมาจากเคร่ืองดนตรีแต่ละชนิด และเสยี งรอ้ ง เป็นเสียงท่ีมี
อทิ ธพิ ลและมีความศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ ทางด้านความเชอ่ื ซึ่งถือเปน็ เร่ืองท่ีคนท่ีอยใู นพิธเี ท่าน้ันจะสัมผัสไดถ้ ึงมนตข์ ลังของ
เสียงนน้ั ๆ เพราะว่าครูแม่มดเป็นผูท้ ช่ี อบเสยี งดนตรีอยางมาก หากจะอญั เชญิ ให้เขา้ ไปร่วมพิธกี รรมใด ๆ ก็แล้วแต่
จะต้องมีการบรรเลงดนตรีเพ่ือเป็นการอญั เชญิ ดนตรีที่จะใช้อญั เชญิ จึงต้องเป็นดนตรีเฉพาะ อันเกย่ี วขอ้ งกบ
ลกั ษณะทางกลุ่มชาติพันธดุ์ ว้ ย จากเหตุผลดังกลา่ วดนตรีประกอบพิธีเรือมมะม๊วดจึง มีความสําคัญต่อพิธีเรือม
มะมว๊ ดอย่างขาด ไม่ได้ น่ันกห็ มายความว่า ดนตรที ่ีจะใชบ้ รรเลงต้องเป็นการบรรเลงสด มีท่วงทํานอง บทเพลง
ภาษา และรปู แบบทางพธิ ีกรรมทแี่ สดงถงึ อัตลักษณ์ทาง วัฒนธรรมเปน็ ของตวั เอง นอกจากน้นี ักดนตรีก็มี
ความสาํ คญั อย่างยิง่ ต่อการสร้างบรรยากาศ ใหม้ ีความสนุกสนานครึกคร้นื เพราะว่าการทําพิธเี รือมมะม๊วดจะต้อง
ทําทงั้ คืน คือต้งั แต่เย็นวันหนงึ่ จนถงึ เชา้ ของอกี วนั หนง่ึ หรืออาจจะถงึ บ่ายของอีกวันหน่งึ กได้ ฉะนน้ั การสรา้ ง
บรรยากาศให้มีความสนุกสนานจะทาํ ใหผ้ ้เู ข้าร่วมพิธไี ม่เบอื่ หนา่ ยและไม่เหนอื่ ยง่าย ดนตรีประกอบพธิ เี รือมมะมว๊ ด
จงึ มี องค์ประกอบที่สาํ คัญดงั นี้ (เชดิ ศกั ด์ิ ฉายถวิล.๒๕๕๐ : ๕๐)

องคป์ ระกอบเก่ียวกับดนตรี
เป็นเรอื่ งทเี่ กย่ี วกบั เคร่อื งดนตรีทใี่ ช้บรรเลงในพิธเี รอื มมะม๊วด เคร่อื งดนตรีท่ีใชบ้ รรเลงในพิธเี รือมมะม๊วด

เป็นเครอื่ งดนตรีที่มี 3 ประเภท คือ สี ตี และเป่า ไมม่ ีเครอ่ื งดนตรปี ระเภท ดดี

ภาพท่ี ๓ เครอ่ื งดนตรที ใ่ี ช้บรรเลงในพธิ ีกรรมมะม็วด (เชดิ ศกั ด์ิ ฉายถวลิ ,๒๕๕๐ :๕๐)
เครอื่ งดนตรีทใี่ ช้บรรเลงประกอบพิธเี รือมมะม๊วดถือวาเป็ นเครอื่ งมอื ที่สําคญั ท่จี ะทําให้ ดนตรนี ัน้ มคี วาม
สมบูรณ์และ สง่ ผลให้พธิ กี รรมเรอื มมะม๊วดสําเร็จตามความประสงค์ของผเู้ ขา้ รว่ มพธิ ีได้อย่างสมบรู ณ์ เคร่ืองดนตรีท่ี
ใช้บรรเลงประกอบพิธีกรรมเรือมมะม๊วด สามารถแบ่งเปน็ หมวดหมไู่ ด้ ๒ หมวดดังนี้
หมวดเครือ่ งบรรเลงทาํ นอง
- ซอ เรยี กเปน็ ภาษาเขมรว่า ตรัว
- แคน เรยี กเป็นภาษาเขมรวา่ แคน
- ป่ี เรียกเป็นภาษาเขมรว่า เป็ย
หมวดเคร่อื งบรรเลงประกอบจังหวะ
- กลอง เรียกเป็นภาษาเขมรว่า สะกวล
- ฆอ้ ง เรยี กเป็นภาษาเขมรว่า ฆอ้ ง
- กรบั เรยี กเป็นภาษาเขมรว่า กรบั

เคร่อื งดนตรีทใ่ี ช้บรรเลงในพิธเี รอื มมะม๊วด เปน็ เครื่องดนตรีที่มีการสรา้ งสรรค์ขน้ึ มาใหส้ อดรับกับประเพณี
วัฒนธรรมดา้ นความเชือ่ จึงสามารถแบง่ ตามชนดิ ของเครอ่ื งดนตรแี ต่ละประเภท ได้ดงั นี้

๑) เคร่ืองดนตรปี ระเภท สี หมายถึงเคร่ืองดนตรีทเี่ กิดเสียงได้ด้วยวธิ กี ารใช้คันชักสีกับสาย สัมผัสกันดว้ ย
การชักเขา้ ชักออก เครื่องดนตรที อ่ี ยู่ในประเภทน้ีไดแ้ ก่ ซอ เรยี กเป็นภาษาถิน่ เขมรว่า ตรัว มีหนา้ ที่ใช้บรรเลงเพลง
ไหวค้ รู เพลงอัญเชิญครู และเพลงสาํ หรับร่ายราํ มหี ลายขนาด ดงั รายละเอยี ดต่อไปนี้

- ตรัวจี้ (ซอเล็ก) มรี ปู รา่ งคลา้ ยซอดว้ งแต่ขนาดเล็กกวา และมเี สยี งสูงกว่า กะโหลกซอทํ าดว้ ยเขาควาย ไม้
เน้ือแข็ง หรอื วัสดุอ่ืนๆ คนั ทวนทาํ ด้วยไมเ้ นื้อแขง็ มี ๒ สาย สายทุม้ เสียง เร (เสียง ตํ่า) สายเอกเสยี ง ลา (เสียงสงู )
ซึ่งเมอื่ เปรยี บเทียบสายซอทง้ั สองแล้วจะมเี สียงหา่ งกันเป็นขนั้ คู่ ๕ เปอร์เฟคท์พอดี

- ตรัวซอ หรอื ตวั เอก หรือ ตรัวกลาง (ซอกลาง) มรี ูปร่างลกั ษณะเหมือนซอด้วง เช่นเดียวกัน แตม่ กี ะโหลก
โตกว่าตรวั จี้ และมีเสียงตาํ่ กว่า มี ๒ สาย คอื สายทุ้มเสียง ซอล สายเอก เสียง เร ซ่งึ เปรียบเทยี บสายซอทง้ั สองแล้ว
จะมีเสยี งห่างกนเปน็ ขน้ั คู่ ๕ เปอรเ์ ฟคท์เชน่ เดียวกัน กะโหลกตรัวซอกลงึ ด้วยไม้ขนนุ หรือไม้อืน่ ๆทีห่ าได้ในท้องถน่ิ

- ตรัวธม (ซอใหญ่) มีรูปร่างเหมอื นซอดว้ งเชน่ กัน แต่มีกะโหลกโตกว่าตรวั ซอจงึ มเี สยี งทุ้มกว่าตรวั ซอ เสียง
ของสายทุ้มเป็นเสียง เรต่ํา และสายเอกเป็นเสยี ง ลากลาง (เสียงตรงกันกับ เสียงตรวั จ้ี แตอ่ ยู่ในช่วงทบต่ํา)

- ตรัวอู้(ซออู้) มรี ูปร่างเหมือนซออู้ แต่ใชล้ วดเปน็ สายซอท้ังสองสาย ต้งั สายห่างกันเปน็ คู่ ๕ เปอร์เฟค เชน่
เดยี วกบซออู้ของดนตรีไทยภาคกลาง

ภาพท่ี ๔ เครื่องดนตรปี ระเภทซอ ในวงดนตรีเรือมมะม็วด (เชิดศักดิ์ ฉายถวลิ ,๒๕๕๐ :๕๒)

๒) เครอื่ งดนตรีประเภท ตี เปน็ เครื่องดนตรที เี่ กิดเสยี งไดด้ ้วยการตีดว้ ยมอื หรืออย่างอืน่ เครื่องดนตรี
ประเภทตีที่ใช้ประกอบการบรรเลงในพิธีเรอื มมะม็วดมาหลายอย่าง ดงั รายละเอยี ด ต่อไปนี้

- กลอง ภาษาท้องถ่นิ เรยี งกวา่ “สะกวล” มลี ักษณะคลา้ ยกลองโทน ทําจากไม้หรือทําจากดินเผา ในจังหวดั
ศรสี ะเกษมที ี่ทํากลองประเภทนีท้ อี่ าํ เภอขขุ นั ธ์ (ทาํ จากดินเผา) ห้มุ หนา้ กลอง ด้วยหนังงเู หลือม หรือหนังตะกวด
(ภาษาท้องถิน่ เรยี กแลน) กลองทใ่ี ชป้ ระกอบการราํ แมม่ ดมีหน้าท่ี ในการควบคมุ จงั หวะของดนตรีใหม้ ีความคงที่
และสร้างความครกึ คร้นื ในการบรรเลงใหม้ ีความ สนุกสนาน จงั หวะท่ีใชต้ มี ี ๓ จงั หวะคอื จังหวะไหวค้ รู จงั หวะ
อญั เชิญครู และจังหวะระบาํ

ภาพท่ี ๕ กลอง หรือ สะกวล ในดนตรพี ธิ ีเรอื มมะมว็ ด (เชิดศกั ด์ิ ฉายถวลิ ,๒๕๕๐ :๕๒)
- ฆ้อง เป็นเครือ่ งดนตรที ีใ่ ห้เสียงทุ้ม คอยควบคุมจังหวะชว่ ยกลอง เสียงของฆ้องจะให้ความรูส้ กึ นมุ่ ลึก มี
ความศกั ดสิ์ ิทธ์ิ ชาวบา้ นเช่ือวาเป็นเสียงท่ีเก่ียวข้องกบการอัญเชญิ ให้ผีเข้ามีทรงผรู้ ่วมพิธกี รรม การบรรเลงจะตีตาม
จังหวะ ช้าหรอื เรว็ ฆ้อง ถือว่าเปน็ เคร่ืองดนตรีประเภ0เพอร์คัชชนั ทําด้วยโลหะท่มี ีหลายรปู แบบ ฆ้องเขา้ ไปมีส่วน
รว่ มในดนตรปี ระกอบพิธกี รรมเรอื มมะม็วดในฐานะเคร่ืองดนตรศี กั ด์สิ ิทธ์ิ ฉะน้ันฆ้องจึงใชบ้ รรเลงในเพลงไหว้ครู
และอญั เชญิ ครูเป็นหลัก

ภาพที่ ๖ ฆ้อง (เชดิ ศักดิ์ ฉายถวลิ ,๒๕๕๐ :๕๓)
- กรบั เปน็ เครื่องดนตรปี ระเภทใหจ้ ังหวะเหมือนกนกับฆอ้ ง แต่มีบทบาทหน้าที่เพียงแค่เสรมิ จังหวะให้
ครกึ คร้นื เท่าน้นั ไม่เกย่ี วข้องกับระบบความเชื่อโดยตรง

ภาพที่ ๗ กรบั (เชิดศกั ด์ิ ฉายถวิล,๒๕๕๐ :๕๓)

๓) เครอื่ งดนตรปี ระเภทเปา่ เปน็ เครื่องดนตรปี ระเภทใช้ลมเป็นแรงขับทาํ ใหเ้ กิดเสียง เครือ่ งดนตรีประเภทเปา่ ท่ีใช้
บรรเลงในพธิ ีเรือมมะม็วดมีเอกลักษณ์ในเร่อื งของทํานองเพลงทเ่ี ป็นแบบฉบบั เฉพาะวฒั นธรรมของตนเอง ดงั
รายละเอียดต่อไปนี้

- ปี่ หรอื เป็ย เป็นเคร่ืองดนตรที ใี่ ช้เป่าตอนไหวค้ รใู นเพลงเพลาธม หรือ เพลงทางใหญ่ หมายถึงการเปิด
ถนนเหรือเปิดทางให้ ผี เดนิ ทางมาเข้าทรงเพ่อื รว่ มทําพิธรี ําแมม่ ดด้วยกน ตวั ป่ีทําด้วยไม้ไผ่ หรือ ไม้ซาง ลิ้นทําดว้ ย
โลหะ คล้ายลนิ้ แคน มไี ม้อ้อเหลาให้บางแลว้ นาํ มาประกบกัน รูนบั ป่ีดา้ นบนมี 6 รู เปน็ รรู ะดบั เสียง ด้านลา่ ง ๑ เป็น
รรู ะบายลม ไมท้ นี่ าํ มาทําตวั ป่เี ปน็ ไมซ้ าง ขนาดเส้นผาศูนยก์ ลางประมาณ ๓ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๒๕
เซนตเิ มตร เวลาเปา่ จะมเี สยี งเศรา้ โหยหวน สรา้ งความรู้สึกวงั เวงไดเ้ ปน็ อยางดี การเป่าปีอ่ อ ต้องใชเ้ ทคนคิ การเป่า
แบบระบายลม ตลอดเวลา นอกจากเพลงเพลาธมแลว้ ยงั ใช้เป่าในเพลงมะลบุ โดง (รม่ มะพร้าม) ด้วยลกั ษณะ
ทํานองคล้ายคลงึ กนั กับเพลงเพลาธม ถอื ว่าเป็นเพลงไหว้ทงั้ สองเพลง เทคนคิ การเป่าปี่ ที่สําคัญคือ การระบายลม

ภาพท่ี ๘ ปีแ่ มม่ ด (เชดิ ศักดิ์ ฉายถวลิ ,๒๕๕๐ :๕๔)
- แคน เปนเครอ่ื งดนตรีทใี่ ช้เป่ าประกอบเพลง กนจัญเจ๊ก เพลงเบรนิ และช่+วงทมี่ ีการลาํ (หมอลาํ ) เปน็
การผสมผสานท่ีชาวบ้านต่างยึดถอื ปฏิบัติร่วมกัน ถึงแมแ้ คนจะเปน็ เคร่อื งดนตรพี น้ื บ้านของกลุ่มชาติพนั ธล์ าว แต่
เสียงแคนกสามารถผสมผสานการเจรยี งในสําเนยี งแบบเขมรได้ อยางลงตวั และมีความไพเราะอย่างยงิ่ การใชเ้ สยี ง
แคนในวัฒนธรรมดนตรีแบบเขมร โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในพิธีกรรมรําแม่มดจะขาดเสยี งแคนไม่ได้ แตเ่ สยี งแคนไมใ่ ช้
เสียงดนตรที ีต่ อ้ งบรรเลงตลอดงาน จะใช้บรรเลงเฉพาะเพลงกันจัญเจ๊ก และการลาํ ล่องเพือ่ เสยี งทายดูว่า ผี ทชี่ าว
นบั ถือจะมาเขา้ ทรงหรือไม่

ภาพที่ ๙ แคน (เชดิ ศักด์ิ ฉายถวิล,๒๕๕๐ :๕๕)
องค์ประกอบเก่ียวกับบทเพลง

บทเพลงที่ใช้เลน่ ประกอบพธิ ีราํ แมม่ ดเป็นเน้ือเพลงที่ออกภาษาเขมร มคี วามหมายและบทบาท หนา้ ท่ี
ต่างกัน หรอื กล่าวได้ว่าความสาํ คญั ต่างกัน

1. เพลงเพลาธม (ทางใหญ่)
2. เพลงตาเจนตาจีเวีย
3. เพลงมะลบุ โดง (ร่มมะพรา้ ว)
4. เพลงอามวล (เพลงเรว็ )
5. เพลงเมนิ ระเงียว (ไก่ขนั )
6. เพลงเจาเบริน (เพลงเรว็ )
7. เพลงแถน (ใช้แคนบรรเลง)
8. เพลงอมตุ๊ก (พายเรอื )
9. เพลงกนั จันเจก (เขียดตะปาด)
10. เพลงสรุ ิยา

เพลงเพลาธม เพลงมะลุบโดง เพลงกันจัญเจก เพลงเจาเบริน เปน็ เพลงท่ีมีคําร้องใน ลักษณะการเกี้ยวพา
กันระหว่างหญิงสาวกบั ชายหนุ่ม แสดงถงึ ความสมั พันธ์ของหนมุ่ สาวในสงั คม และแบบชาวบ้านเขมรในชนบท สว่ น
เพลงอน่ื ๆ เปน็ เพลงบรรเลงเฉพาะดนตรี

เน้ือเพลงเพลาธม

โจะ๊ เลงพนมเดอปบู องเอย ทมอดาลเอยโทม ๆ เดอตานยั เอย

เอย....สตูมเอยเบกแซงเฮย โตวพองเอยยาพายเดอปูบองเอย

ตุกโอยบองเองเดอตานยั เอย ตุกโอยบองเองเดอตานยั เอย

เนือ้ เพลงมะลุบโดง

เอ ...... บองเสนาะลบู โดงอานึกเอย ลูบเอย....โดงเอย.....เนยี งอาแดล บองเอย..โอนเอย.. ตวมโอนเอยแดลบองเนยี ง
โอนเวยเอยเนียงกุยเฮย แดลบองเฮยอ๊อดงุยอัง กยุ เนยี งโอนเวยเอย จาํ เสรย็ บองจําเรงออยสดบั เวยเอย จาํ เสรย็
โจ๊ะพนมเอยเลงิ พนมเอยโอนเอย โจ๊ะพนมโอนเวยเอยเลงิ พนมเอย ทมอดาล โทม ๆ เอยสตวมเนียง โอยเวยเอยแบก
แซงเอย เวียพองเอยเวียพองเอย ตามเนียงเอยโอนเวย เอยบองเองเอย ตูมโอยแบกแซง เจาะอัพโอนเวยมะนอง ๆ
จะแลง โอนเอยเนยี งเจาะอัพ โอนเวยเอยมะนอง ๆ

เพลงกันจัญเจก

กันจยั เนยี งกะเจกเอย เนยี งเอยโลดตมุ

เนียงเอยกนั จงจนาย ตมุ เกรนิ เนียงเอยมีมาย

เนยี งเอยโด๊ยอั๊ด เนยี งเอยกระจมุ่ เมยี ก

เพลงเจาเบริน
สะเรอื ยเอยดอนเนียง บองนึกโอนเอย สะเรือยเอยเนียงบองนกึ โด๊ยพลบอนงึ ตึง
กะมดบองโอยเนียงชลอง โยพนม อนงึ ตึก มุดบองเรียนชลองมุดคางมุก
อาเบยโอนคางคนองเม็กบองแกอะเรยี นชลอง แกอะเนยี งบาลดอลแกอะทาสะเรือย
แกอะเนียงบาลดอลแกอะทาสะเรอื ย บองเสนาะโอนเนยี งเวยสานัยดอนเอย
บองเสนาะเนยี งสานัยแกอะบองเสนาะกันดยั โตวลือเสบียนเฮย เสนาะกนั ดัย
โตวลือเสบียนเฮย สบยี นตู๊ด เสบียนโทม เสบยี นจรอกเวยกนนอล ทาโสรเสบยี นเฮย
กวรเวิดนะกวรเวิด เจืองจรูมกะเสาะบองเวยปรอื เปรม
บองวิลตึกประสารลวงเวียชะแวง โกนกะเม็งเดิลเลยี งเดลิ เมนิ ตรมึ บองก
วนปะกาชูบอาคละรีก อาคละกะเดิบ เดิลเดิลแกอะเมดิ ตกึ ดอลดะตวงโนลเดลิ
เดลิ เดิลเดลิ แกอะเมิดตกึ ดอลดะตวงโนล โบเวยสะเรือยโปนงั กชปะกาชูบ
โตยทวายองคเ์ วยปราสาทเนียงมงุ ละออสอาด กนกะปุงเรือบบดั อาดนว
สมเตอื ยนะโกนกะเมง็ ปี เนย๊ี ะแกอะชบ โชรเวยี อนั เยือยสมดปง
อะเนยี งเยอื ยโกรมปปู ี เสิลนะบองดาํ ปูมูละเลอื ง อนั โตลบานโกรมปตู ีสันกะเนียงสดั เอย
เนียงโมสมสะเรือยเอยดอนเนียง บองนึกโอนเอย สะเรือยเอยเนยี งบองนึก โด๊ยพลบอนึงตึง
กะมดบองโอยเนยี งชลอง โยพนมอนงึ ตึก มุดบองเรยี นชลองมุดคางมุก อาเบย
โอนคางคนองเมก็ บองแกอะเรียนชลอง แกอะเนยี งบาลดอลแกอะทาสะเรอื ย
แกอะเนยี งบาลดอลแกอะทาสะเรอื ย บองเสนาะโอนเนียงเวยสานัยดอนเอย
บองเสนาะเนียงสานัยแกอะบองเสนาะกนั ดยั โตวลอื เสบยี นเฮย เสนาะกนั ดัย
โตวลอื เสบยี นเฮย สบียนตดู๊ เสบยี นโทม เสบยี นจรอกเวยกันนอล ทาโสรเสบียนเฮย

กวรเวดิ นะกวรเวดิ เจืองจรูมกะเสาะบองเวยปรอื เปรม

บองวลิ ตกึ ประสารลวงเวยี ชะแวง โกนกะเม็งเดลิ เลียงเดิล เมินตรมึ บองกวน

ปะกาชบู อาคละรกี อาคละกะเดบิ เดลิ เดลิ แกอะเมิดตึกดอลดะตวงโนลเดิลเดลิ

เพลงทใี่ ชบ้ รรเลงและขับร้องในพิธเี รือมมะมว๊ ด จึงมีความสําคัญในเร่ืองของการสร้างบรรยากาศให้ผเู้ ข้ารว่ มพธิ ีไดม้ ี
การปะทะสังสรรค์กันทางสงั คมในเชงิ สรา้ งสรรค์ซ่ึงไม่เกยี่ วกบั เรื่องชู้สาว ผเู้ ขา้ ร่วมพิธไี ด้มีโอกาสแสดงออกซ่งึ
อารมณ์สุนทรียะ และเป็นลดอคตทิ างสงั คม (เชดิ ศักด์ิ ฉายถวลิ ,๒๕๕๐ :๕๕-๕๗)

ทา่ รำ

กระบวนท่ารำของผู้เขา้ ทรงในพิธีกรรมมะม็วด เกิดจากแรงภายใน (จติ ) ตามลักษณะของผบี รรพบรุ ุษ แตล่ ะคนมี

เอกลักษณแ์ ตกต่างกนั โดยจะรำเป็นทา่ ตามเพลงแตล่ ะเพลง ๑) ท่ารำประกอบเพลงโสริยา ๒) ท่ารำประกอบเพลง

กนั ตว๊ ล ๓) ท่ารำประกอบเพลงเฬิงกร ๔) ทา่ รำประกอบเพลงจักจะเวีย ๕) ทา่ รำประกอบเพลงกญั จัญเจก ๖) ท่ารำ

ประกอบเพลงเบรญิ ๗) ท่ารำประกอบเพลงมลวบโดง ๘) ทา่ รำประกอบเพลงอมตู๊ก ๙) ทา่ รำประกอบเพลงสะแง

๑๐) ทา่ รำประกอบเพลงกดั๊ ผกา

ลำดบั ทา่ รำ รูปภาพ คำอธิบายท่ารำ

ประกอบ

เพลง

1. เพลง นง่ั ท่าเทพบุตรและวาง

โสริยา ขนั (พาน) ได้ตรงหนา้

มอื วางแนบหน้าขา

2. เพลง นงั่ ท่าเทพบุตรมือท้งั
กันตว๊ ล สองจบั ขัน(พาน)ไว้ทาง
ดา้ นขวา จากนนั้ โลต้ ัว
3. เพลง มาทางดา้ ยซา้ ย
เฬงิ กร
ประสานมือท้งั สองไว้
4. เพลง บรเิ วณหนา้ อก ก้าวเทา้
จักกะเวยี ขวามาขา้ งหนา้ จากน้ัน
กางแขนออกไวด้ ้านล่าง
กางขายืนเสมอไหล่

มือขวาจีบปรกหน้า มอื
ซ้ายจีบส่งหลงั แตะเทา้
ซา้ ย จากนนั้ คลายมือ
ขวาเป็นวงหนา้ แตะเท้า
ขวา

5. เพลง มอื ขวาตงั้ วง มือซา้ ยจบี
กัญจัญเจก สง่ หลงั กา้ วเท้าซ้าย
จากน้นั มอื ซ้ายตัง้ วง มอื
6. เพลง ขวาจีบสง่ หลงั กา้ วเท้า
เบริญ ขวา

7. เพลง มอื ขวาขนานกบั พืน้
มลวบโดง ปลายนิ้วตก มอื ซา้ ยจีบ
ขา้ งเอว แตะเทา้ ซา้ ย
จากนน้ั คลายมือซา้ ย
ขนานกับพ้นื ปลายนวิ้
ตก มอื ขวาจบี ข้างเอว
แตะเท้าขวา

มอื ขวาต้งั วงระดบั ศรีษะ
และมือซ้าย ต้งั วงระดบั
ปาก ทางดา้ นขวา
จากน้ัน มือซา้ ยจบี ส่ง
หลัง มือขวาจีบระดับ
เอว

8. เพลง มอื ทั้งสองข้าง ตง้ั วง
อมตู๊ก กลาง ยำ่ เทา้ ทง้ั สอง
จากนั้น ทำท่าพนมมือ
9. เพลง เท้ายำ่ อยู่กับท่ี
สะแง
มือถือ ขัน (พาน) ระดับ
10. เพลง เข็มขดั เท้ายำ่ อยู่กับที่
กด๊ั ผกา
นั่งลงท่าเทพบุตร
จากนัน้ โนม้ ตวั ลงมา
ทางด้านหนา้ มอื ผลัก
ขนั (พาน) คว่ำลง

วดิ ีโอพธิ ีกรรมมะมว็ ด

บรรณานุกรม

เมธินยี ์ ชอมุ่ ผล.(๒๕๖๑).รำมมว๊ ต รำแมม่ ด.วารสารเมืองโบราณ
,http://www.muangboranjournal.com/post/ritual-KhunHan-Sisaket

พระมหานริศ ทองบาง.(๒๕๕๓).พหุนิยมทางศาสนา ศกึ ษาเฉพาะกรณี ความเชอื่ ในพิธีกรรมมะม็วด
ของชาวไทยเขมร ตำบลไพรบงึ อำเภอไพรบึง จงั หวัดศรสี ะเกษ (รายงานผลการวิจยั ).กรงุ เทพฯ:
บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล.

เชดิ ศกั ดิ์ ฉายถวิล.(๒๕๕๐).ดนตรปี ระกอบการรักษาโรคด้วยพิธีกรรม “เรือมมะมว๊ ต” ของกล่มชาติ
พันธเ์ุ ขมร กรณีศึกษาพ้ืนท่ีจงั หวัดศรสี ะเกษ (รายงานผลการวจิ ัย).กรุงเทพฯ:สํานกั งานคณะกรรมการ
วฒั นธรรมแห่งชาติ กระทรวงวฒั นธรรม.


Click to View FlipBook Version