The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by floksawreken, 2023-10-10 02:25:40

หน่วยที่ 8 การเป็นผู้ประกอบการ

การเป็นผู้ประกอบการ

หน่วยที่ 8 การเป็นผู้ประกอบการ จัดทำ โดย นางราณี พึ่งเดช วิชาธุรกิจและการเป็นผู้ ประกอบการ


สาระสำ คัญ คนรุ่นใหม่ในยุคทศวรรษที่21ส่วนใหญ่ต้องการมี ธุรกิจเป็นของตนเองไม่ต้องการเป็น ป็ ลูกจ้างใครต้องการ อิสระในการทำ งานและต้องการความร่ำ รวยแต่ยังขาดความ กล้าในการลงมือประกอบธุรกิจเพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจ และประสบการณ์เรื่องธุรกิจดีพอประกอบกับไม่มีเงินทุนจึง ไม่กล้าเสี่ยงที่จะดำ เนินกิจการของตนเองการศึกษาหาความ รู้เกี่ยวกับวิธีการเป็นผู้ประกอบการจึงเป็น ป็ ทางเลือกหนึ่งที่ ทำ ให้ผู้สนใจได้ศึกษาวิธีการเป็น ป็ ผู้ประกอบการทำ ให้ผู้ที่ ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเองมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นและ เปิดโอกาสในการสร้างผู้ประกอบการใหม่ที่ประสบความ สำ เร็จต่อไป


สาระการเรียนรู้ 7.กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ 1.ความหมายของการเป็นผู้ประกอบการ 2.ความหมาย ประเภทและองค์ประกอบของการ ประกอบธุรกิจ 3.ป้าหมายของการประกอบการ 4.ข้อแตกต่างระหว่างผู้ประกอบการกับผู้จัดการ 5.ข้อดีและข้อเสียของการเป็น ป็ ผู้ประกอบการ 6.คุณสมบัติของผู้ประกอบการ


10.มีเจตคติที่ดีและเห็นคุณค่าของการเป็น ป็ ผู้ประกอบการ เมื่อศึกษาหน่วยที่ 8 จบแล้วผู้เรียนสามารถ 1.อธิบายความหมายของการเป็น ป็ ผู้ประกอบการได้ 2.อธิบายความหมาย บอกประเภทและองค์ประกอบของ การประกอบธุรกิจได้ 3.บอกเป้าหมายของการประกอบการได้ 4.บอกข้อแตกต่างระหว่างผู้ประกอบการกับผู้จัดการได้ 5.บอกข้อดีและข้อเสียของการเป็น ป็ ผู้ประกอบการได้ 6.บอกคุณสมบัติของผู้ประกอบการได้ 7.อธิบายกระบวนการเริ่มต้นธุรกิจได้ 8.เตรียมความพร้อมด้านวัสดุ อุปกรณ์ในการเรียนตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ได้สอดคล้องกับแบบ ฝึกปฏิบัติและใบมอบหมายงาน 9.มีคุณธรรมจริยธรรมค่านิยมและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์อย่างมีเหตุผล จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม


สาระสำ คัญ ผู้ประกอบการเป็นผู้ที่สร้างผลกำ ไรจากความเสี่ยง และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการ การที่ บุคคลจะเป็นผู้ประกอบการนั้นต้องมีลักษณะเฉพาะตัวหลาย ประการเพราะการเป็นผู้ประกอบการคือ การเป็น ป็ เจ้าของ ธุรกิจ เป็นผู้จัดการและเป็น ป็ ผู้ลงมือปฏิบัติงานเองไปพร้อม กันและการที่จะเป็นผู้ประกอบการที่ดีต้องมีจริยธรรมต่อ ลูกค้า สังคม และคู่แข่งขันทางการตลาด การเป็น ป็ ผู้ประกอบ การที่ประสบความสำ เร็จนั้นต้องประกอบด้วยปัจปัจัยต่าง ๆ ดังนี้ การเงิน ลูกค้า การดำ เนินงาน การเรียนรู้และการ เติบโต เป็นต้น


พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542) ได้ให้ ความหมายว่า ผู้ประกอบการ (Entrepreneur) หมายถึง บุคคลซึ่งขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพ ไม่ว่าการกระทำ ดังกล่าวจะได้รับประโยชน์หรือได้รับค่า ตอบแทนหรือไม่ และไม่ว่าจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ ไม่ จอห์น คาโอ นักวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ ให้ความหมายของการประกอบการว่า การประกอบการ หมายถึง ความพยายามในการสร้างมูลค่าด้วยการตระหนัก ถึงโอกาสต่าง ๆ ในการประกอบธุรกิจและการบริหารความ เสี่ยงอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับโอกาสต่าง ๆ ด้วย ทักษะทางการสื่อสารการบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ทั้ง วัสดุอุปกรณ์ การเงิน และเพื่อให้โครงการต่าง ๆ บรรลุผล สำ เร็จ อารยา อินทร์จันทร์ (2557) ได้ให้ความหมายของผู้ ประกอบการ ไว้ว่า ผู้ประกอบการ(Entrepreneur) หมาย ถึง ผู้ริเริ่มในการก่อตั้งธุรกิจและดำ เนินธุรกิจนั้นด้วย ตนเอง ตั้งแต่การใช้เงินทุน บริหารงานด้วยตนเอง หรือจะ ความหมายของการเป็นผู้ประกอบการ


จ้างคนอื่นเข้ามาดำ เนินงานด้วยก็ได้และมุ่งหวังผล กำ ไรจากการประกอบการ โดยผู้ประกอบการจะเป็น ป็ ผู้ยอมรับ ความเสี่ยงทางธุรกิจ กล่าวได้ว่าผู้ประกอบการ คือ ผู้ ประกอบธุรกิจ นั่นเอง ถนอม สง่าพงษ์ (2556) ได้ให้ความ หมายของผู้ประกอบการไว้ว่า ผู้ประกอบการคือบุคคลที่จัด ตั้งองค์กรธุรกิจอุทิศตัวเพื่อความสำ เร็จของธุรกิจโดย เต็มใจ และยอมรับความเสี่ยงทั้งในด้านการเงินและชื่อเสียง เพื่อความสำ เร็จคือกำ ไร สรุป ผู้ประกอบการ หมายถึง บุคคลที่ริเริ่มในการก่อตั้งธุรกิจและดำ เนินธุรกิจโดยใช้เงิน ทุนรวมถึงการบริหารงานด้วยตนเองเพื่อมุ่งหวังผลกำ ไร และสามารถยอมรับในความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยไม่คาดหวัง ความหมายประเภทและองค์ ประกอบของการประกอบธุรกิจ


1.ความหมายของธุรกิจ (Business) สมคิดบางโม ได้ให้ความหมายของธุรกิจไว้ว่าธุรกิจ หมายถึง กิจกรรม ทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของมวลมนุษย์ที่เกี่ยวกับการ ผลิต การแลกเปลี่ยนการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยมีจุด หมายที่จะแสวงหากำ ไรจากการประกอบธุรกิจนั้นๆ ถนอม สง่าพงษ์ได้ให้ความหมายของธุรกิจไว้ว่าธุรกิจ หมายถึง ความพยายามที่เป็นแบบแผนของนักธุรกิจในการผลิตและ ขายสินค้าหรือบริการเพื่อสนองความต้องการของสังคม โดยมุ่งหวังกำ ไร นอกจากนี้เป็น ป็ ความพยายามที่จะประกอบ ธุรกิจตามความถนัด เพื่อให้ประสบความสำ เร็จได้ตามเป้าป้ หมายโดยการจัดการอย่างเป็น ป็ แบบแผน และสนองตาม ความต้องการของลูกค้าได้ ทวี บัวทอง และพวก ได้ให้ ความหมายของธุรกิจไว้ว่า ธุรกิจหมายถึงการประกอบ กิจการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างโดยคน ๆ เดียว หรือหลายคน และมีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำ ไร ความหมายประเภทและองค์ ประกอบของการประกอบธุรกิจ


วินัยชาญ สรรพโรจน์พัฒนา (2560 : 1) ได้ให้ ความหมายของธุรกิจไว้ว่า ธุรกิจ (Business) หมายถึง กิจกรรมที่คนหรือกลุ่มคนทำ เป็น ป็ ประจำ เกี่ยวกับการแลก เปลี่ยนสิ่งของจำ เป็นหรือของมีค่ากับค่าตอบแทนที่เป็น ป็ ผล กำ ไร โดยที่สิ่งของจำ เป็นหรือของมีค่าแต่จับต้องไม่ได้ กิจกรรมประจำ นั้น คือ การประกอบธุรกิจ หรือที่เราเรียกว่า การทำ ธุรกิจ และคนหรือกลุ่มคนที่ทำ กิจกรรมนี้เรียกว่า ผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของกิจกรรมนี้เอง นุตประวีณ์ เลิศกาญจนวัติและคณะ (2554:3) ได้ให้ความหมายของ ธุรกิจไว้ว่า ธุรกิจ (Business) หมายถึง กระบวนการของ กิจการทายเศรษฐกิจที่สัมพันธ์เป็น ป็ ระบบและอย่างต่อเนื่อง ในด้านการผลิตการซื้อขายแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับสินค้าและ บริการโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะได้กำ ไรหรือผลตอบแทนจาก กิจกรรมนั้นสรุป ธุรกิจหมายถึง การประกอบกิจการที่เกี่ยว กับการผลิต การซื้อขาย การแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับสินค้าและ บริการ โดยมุ่งหวังกำ ไรหรือผลตอบแทนซึ่งอาจจะประกอบ กิจการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง และจะดำ เนิน กิจการคนเดียวหรือหลายคน ความหมายประเภทและองค์ ประกอบของการประกอบธุรกิจ


2.1ประเภทธุรกิจการผลิตสินค้าหรือธุรกิจอุตสาหกรรม (Industry/Manufacturing) เป็น ป็ ธุรกิจที่ดำ เนินการผลิต สินค้าและบริการจากทรัพยากรหรือการแปรรูปวัตถุดิบให้ เป็นสินค้าสำ เร็จรูปพร้อมจำ หน่ายหรือพร้อมอุปโภค บริโภค เช่น การตัดเย็บเสื้อผ้าสำ เร็จรูป การผลิตสบู่การผลิต รถยนต์ เป็นต้น 2.ประเภทของธุรกิจ การประกอบธุรกิจสามารถแบ่ง ออกได้เป็นหลายประเภท ซึ่งอาจจะแบ่งตามลักษณะการ ดำ เนินงาน แบ่งตามลักษณะความเป็น ป็ เจ้าของ แบ่งตาม ลักษณะของการประกอบการธุรกิจ แบ่งตามลักษณะการ จัดจำ หน่ายสินค้า เป็นต้นซึ่งในการจะแบ่งตามลักษณะใดนั้น ขึ้นอยู่กับแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปการ ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่มักจะแบ่งตามลักษณะของสินค้า และการได้มาของสินค้า ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น ป็ 3 รูป แบบใหญ่ ๆ ดังนี้ ความหมายประเภทและองค์ ประกอบของการประกอบธุรกิจ


2.2 ธุรกิจการจัดจำ หน่ายหรือธุรกิจซื้อมาขายไป (Distribution Business/Business to buy)เป็น ป็ ธุรกิจที่ ดำ เนินการซื้อสินค้ามาเพื่อจำ หน่ายโดยซื้อมาอย่างไรจะ จำ หน่ายไปอย่างนั้น ซึ่งการจำ หน่ายสินค้าอาจจะจำ หน่ายใน รูปแบบใดก็ได้ไม่ว่าจะเป็นการจำ หน่ายปลีก การจำ หน่ายส่ง การจำ หน่ายออนไลน์การจำ หน่ายแบบไดรเลคเซลล์ เป็น ป็ ต้น 2.3 ธุรกิจบริการ (Service) เป็น ป็ ธุรกิจที่อำ นวย ความสะดวกให้แก่ผู้อื่นหรือการขายความรู้ความสามารถ ขายความพึงพอใจให้กับลูกค้า เช่นธุรกิจเสริมสวยธุรกิจ ซ่อมรถยนต์ ธุรกิจล้างรถ ธุรกิจท่องเที่ยว ฯลฯ ความหมายประเภทและองค์ ประกอบของการประกอบธุรกิจ


3.3 เงินทุน (Capital) คือ ปัจปัจัยหลักที่ใช้ในการดำ เนิน การก่อตั้งธุรกิจ ขยายธุรกิจและเป็น ป็ เงินหมุนเวียนในธุรกิจ ดังนั้นเงินทุนจึงเปรียบเสมือนเครื่องจักรที่เป็น ป็ กลไกในการ ดำ เนินธุรกิจจะขาดหรือเสียไม่ได้จะทำ ให้ธุรกิจหยุดชะงัก ทันที 3.องค์ประกอบของการประกอบธุรกิจ ธุรกิจจะ ประสบความสำ เร็จได้นั้นจำ เป็น ป็ จะต้องมีองค์ประกอบธุรกิจ ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งประกอบด้วย 5อย่าง ดังนี้ 3.1 การค้าขาย (Commerce) คือการทำ ธุรกรรมใน การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างผู้ซื้อและผู้ ขายหากผู้ขายต้องการบรรลุเป้าป้หมายทางธุรกิจผู้ขายจะ ต้องทราบความต้องการของลูกค้าและจัดหาสินค้าให้ตรง ตามความต้องการและผู้ซื้อมีความพึงพอใจในสินค้าและ บริการนั้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ขายมีกำ ไรจากการค้าด้วย 3.2 กำ ไร (Profitability) คือเป้าป้หมายหลักของธุรกิจ หรือผลตอบแทนจากการทำ ธุรกิจที่มีรายได้มากกว่ารายจ่าย ความหมายประเภทและองค์ ประกอบของการประกอบธุรกิจ


3.4ความเสี่ยงทางธุรกิจ (Business Risk) คือความ ไม่แน่นอนทางธุรกิจซึ่งอาจเกิดจากการดำ เนินงานและส่ง ผลให้ธุรกิจไม่ได้รับผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์หรือทำ ให้ ธุรกิจมีผลการดำ เนินงานขาดทุน ซึ่งสาเหตุอาจมาจาก หลาย ๆ ปัจจัย เช่นการทุจริตการบริหารงานที่ไม่มี ประสิทธิภาพสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อัตราดอกเบี้ยผันผวน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าและเกิดเทคโนโลยี ใหม่ ๆ ขึ้นมาเป็นต้น 3.5 การบริหารจัดการ (Management) คือการ บริหารจัดการโดยการนำ ความรู้ความชำ นาญและ ประสบการณ์ทางธุรกิจมาวางแผนในการบริหารเงินทุน บริหารทรัพย์สินและบุคลากรในองค์กรให้เกิดประโยชน์และ ประสิทธิภาพสูงสุด ความหมายประเภทและองค์ ประกอบของการประกอบธุรกิจ


1.กำ ไรคือเป้าหมายหลักหรือเป้าป้หมายสูงสุดที่ผู้ดำ เนิน ธุรกิจทุกคนต้องการ ดังนั้นการ คำ นวณหากำ ไรสามารถ คำ นวณได้จากยอดขายหักต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการ ดำ เนินงาน โดยเขียนเป็นสมการได้ดังนี้ เป้าหมายของการประกอบธุรกิจแบ่งออกเป็น ป็ เป้าป้ หมายใหญ่ ๆ 4 ประการ คือ 2.ความต่อเนื่องของธุรกิจหรือความยั่งยืนของธุรกิจ เป็นเป้าหมายหลักรองจากกำ ไรที่ ผู้ลงทุนคาดหวังจะเห็น ธุรกิจสามารถดำ เนินงานได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น ไม่มี ปัญหาหรืออุปสรรคหรือเลิกกิจการ กำ ไรจากการดำ เนินงาน = ยอดขาย – ต้นทุนขาย – ค่าใช้จ่าย ในการดำ เนินงาน เป้าหมายของการประกอบการ


4.คืนประโยชน์สู่สังคมเมื่อธุรกิจประสบความสำ เร็จเป็น ป็ ไปตามเป้าหมายที่ 1 เป้าหมายที่ 2 และเป้าป้หมายที่ 3แล้วถัด มาคือกิจการต้องหันกลับมาพัฒนาภายในหรือสภาพ แวดล้อมของกิจการซึ่งอาจจะเป็น ป็ สำ นักงาน ตัวผลิตภัณฑ์ ดูแลสิ่งแวดล้อมพัฒนาสวัสดิการให้แก่พนักงานซึ่งสิ่ง เหล่านี้ล้วนเป็นการคืนประโยชน์สู่สังคมทั้งสิ้น 3.ความก้าวหน้าของธุรกิจเมื่อการดำ เนินธุรกิจมีกำ ไร และสามารถดำ เนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนแล้ว เป้าหมายถัดไปของผู้ลงทุนคือ ต้องการเห็นธุรกิจมีความ เจริญก้าวหน้า มีการเพิ่มหรือขยายกิจการหรือขยายการ ลงทุนเพิ่มไปอีกเรื่อย ๆ เป้าหมายของการประกอบการ


การเป็นผู้ประกอบการแตกต่างจากการเป็น ป็ ผู้จัดการ ดังนี้ผู้ประกอบการ เป็นผู้ที่เริ่มก่อตั้งกิจการค่อยกำ กับ บริหารจัดการสร้างแนวคิดวิธีการเพื่อให้การดำ เนินงาน ของธุรกิจมีผลกำ ไรตามที่ ได้วางเป้าหมายไว้ ผู้จัดการอาจ จะเป็นผู้ประกอบการหรือไม่เป็น ป็ ผู้ประกอบการก็ได้หรืออาจ จะ เป็นผู้ที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้ประกอบการเพื่อมาบริหาร จัดการกิจการแทน ข้อแตกต่างระหว่างผู้ประกอบ การกับผู้จัดการ


ผู้ประกอบการ (Entrepreneur) ผู้จัดการ (Manager) 1.บุคคลที่ก่อตั้งธุรกิจใหม่ 1.เป็นผู้กำ กับดูแลกิจการ 2.เป็นบุคคลที่มุ่งแสวงหาโอกาสหรือพยายามสร้างสรรค์โอกาสต่าง ๆให้เกิด ขึ้นหรือที่มีอยู่ แล้วให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.เป็นผู้บริหารทรัพยากรต่าง ๆ ในกิจการเพื่อให้การดำ เนินงานของ กิจการมีประสิทธิภาพ เช่น บุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้ และวัตถุดิบ เป็นต้น 3. ยอมรับความเสี่ยงเพื่อแลกกับกำ ไร 3. ทำ หน้าที่บริหารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและ ความมั่นคงของธุรกิจให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพและราบรื่น 4.เป็นผู้ก่อตั้งหรือให้กำ เนิดกิจการ หรือที่ เรียกว่า “เถ้าแก่” เป็นผู้นำ ต่อยอดความคิด กระทั่งสามารถก่อตั้งกิจการได้ และประสบ ความสำ เร็จได้รับผลตอบแทนตาม วัตถุประสงค์และยอมรับความเสี่ยงได้ หากไม่ประสบความสำ เร็จ 4. ทำ หน้าที่บริหาร กำ กับดูแลและควบคุมกิจการ ซึ่งอาจจะเป็นคนเดียวหรือคนละคนกับ ผู้ประกอบการก็ได้ ข้อแตกต่างระหว่างผู้ประกอบ การกับผู้จัดการ


ผู้ประกอบการยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เพียงใด ดังนั้นก่อนการตัดสินใจควรเปรียบเทียบข้อดีและ ข้อเสียของการเป็นผู้ประกอบการ ดังนี้ การเป็นผู้ประกอบการก่อนที่จะตัดสินใจดำ เนินการ ควรศึกษาความน่าจะเป็นและภาระงานที่จะเกิดขึ้นจากการ ดำ เนินงานให้ละเอียดรอบคอบว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงใด ข้อดีและข้อเสียของการเป็นผู้ ประกอบการ


ข้อดี ข้อเสีย 1.มีความเป็นอิสระเรื่องเวลาในการทำ งาน สามารถกำ หนดเวลาได้ ด้วยตนเอง เช่น การลา 1. อาจต้องทำ งานหนักตลอดเวลาไม่มีวันหยุด เลยในช่วงที่กิจการยังไม่มั่นคงหรือช่วงเริ่มกิจการใหม่ ๆ 2.ผลตอบแทนที่ได้รับไม่ต้องแบ่งปันผู้อื่น ผลตอบแทนจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถและความขยัน อดทนของตนเอง 2. กรณีที่การดำ เนินงานเกิดข้อผิดพลาดหรือ เกิดผลขาดทุน แทนที่จะได้รับผลตอบแทนอาจจะต้องสูญเสียเงิน ออม 3. มีเสรีทางความคิด สามารถสร้างสรรค์ผลงานหรือชื่อเสียงตามผลงานของตนเอง 3. ต้องมีความรับผิดชอบสูงในด้านการบริหาร จัดการองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนเรื่องงานต่าง ๆ ฯลฯ 4. เป็นนายตนเอง ไม่ต้องขึ้นกับใครไม่ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของ ใคร 4.งานทุกอย่างต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเองไม่ว่า จะเป็นงานถนัดหรือไม่ถนัดก็ตาม หรือชอบ หรือไม่ชอบก็ตาม ตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการเป็น ป็ ผู้ประกอบ การ ข้อดีและข้อเสียของการเป็นผู้ ประกอบการ


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 1.1 มีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่มี คุณค่า คือ ผู้ประกอบการต้องมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เสมอ เพื่อนำ มาพัฒนาและปรับปรุงสินค้าหรือบริการที่มี อยู่ให้เกิดประโยชน์และเป็นที่ต้องการของตลาด การเป็นผู้ประกอบการเมื่อดำ เนินธุรกิจแล้วผู้ ประกอบการทุกคนไม่ได้ประสบความสำ เร็จทั้งหมดอาจ ประสบความล้มเหลวบ้างประสบความสำ เร็จบ้างขึ้นอยู่ ปัจจัยหลายอย่าง แต่มีปัจจัยที่สำ คัญอยู่ปัจปัจัยหนึ่ง คือ คุณสมบัติของผู้ประกอบการเพราะส่วนใหญ่การดำ เนิน ธุรกิจจะประสบความสำ เร็จหรือประสบความล้มเหลวในการ ดำ เนินธุรกิจนั้นล้วนเกิดจากผู้ประกอบการหรือเจ้าของ กิจการเป็นอันดับแรก คุณสมบัติของผู้ประกอบการมีดังนี้ 1.คุณสมบัติพื้นฐานของการเป็น ป็ ผู้ประกอบการ ประกอบด้วย


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 1.3 มีภาวะผู้นำ มีทักษะในการบริหารจัดการและด้าน ความคิด คือผู้ประกอบการ มีหน้าที่หลักในการบริหาร กำ หนดนโยบายหลักและกำ หนดวัตถุประสงค์ขององค์กร ดังนั้นผู้ประกอบการต้องมีความสามารถในการวางระบบ การบริหารบุคคลและบริหารงานควบคู่กันไป 1.2 มีความกล้าเสี่ยงและกล้าตัดสินใจอย่างมีเหตุผล คือการเป็นผู้ประกอบการทุกคนต้องกล้ายอมรับในความ เสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในธุรกิจได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องมี ความมั่นใจตนเองว่าสามารถนำ พาธุรกิจไปได้ มีความคิด ริเริ่ม มองการณ์ไกลสามารถวิเคราะห์สังเคราะห์สภาวะการ ตลาด สภาพทั่วไปได้ รู้จักติดตามข่าวสาร สามารถคาด การณ์ล่วงหน้า เพื่อนำ มาปรับกลยุทธ์ในการดำ เนินกิจการ ไปสู่ความสำ เร็จตามเป้าหมาย


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 1.4 มีความเป็นอิสระและไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาผู้ใด คือผู้ประกอบการต้องเป็นคนที่ทันต่อเทคโนโลยีทันต่อ เหตุการณ์บ้านเมืองเหตุการณ์โลก เป็น ป็ บุคคลที่ต้องมีการ เรียนรู้ตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง เป็น ป็ ผู้ที่มีอิสระทางด้านความ คิด รู้จักการบูรณาการ เป็น ป็ ต้น 1.2 มีความกล้าเสี่ยงและกล้าตัดสินใจอย่างมีเหตุผล คือการเป็นผู้ประกอบการทุกคนต้องกล้ายอมรับในความ เสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในธุรกิจได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องมี ความมั่นใจตนเองว่าสามารถนำ พาธุรกิจไปได้ มีความคิด ริเริ่ม มองการณ์ไกลสามารถวิเคราะห์สังเคราะห์สภาวะการ ตลาด สภาพทั่วไปได้ รู้จักติดตามข่าวสาร สามารถคาด การณ์ล่วงหน้า เพื่อนำ มาปรับกลยุทธ์ในการดำ เนินกิจการ ไปสู่ความสำ เร็จตามเป้าหมาย 1.3 มีภาวะผู้นำ มีทักษะในการบริหารจัดการและด้าน ความคิด คือผู้ประกอบการ มีหน้าที่หลักในการบริหาร กำ หนดนโยบายหลักและกำ หนดวัตถุประสงค์ขององค์กร ดังนั้นผู้ประกอบการต้องมีความสามารถในการวางระบบ การบริหารบุคคลและบริหารงานควบคู่กันไป


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 2.2มีความมั่นใจในตนเอง คือผู้ประกอบการต้องเป็น ป็ บุคคลที่ไม่กลัวที่จะต่อสู้กับอุปสรรคและปัญปัหาต่าง ๆ เพราะคุณสมบัติข้อนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับ บุคลากรที่ร่วมปฏิบัติงานด้วย ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบการและ บุคลากรที่ร่วมปฏิบัติงานมีความมั่นใจในตนเองโอกาสใน การดำ เนินงานให้บรรลุตามเป้าป้หมายสูงก็ทำ ให้กิจการ ประสบความสำ เร็จได้เร็วและสูงกว่าผู้ประกอบการที่ไม่มี ความมั่นใจในตนเอง 2.คุณสมบัติของผู้ประกอบการที่ประสบความสำ เร็จ ประกอบด้วย 2.1 มีเป้าหมายชัดเจน คือผู้ประกอบการต้องตั้งเป้าป้ หมายไว้อย่างชัดเจนว่าจะประกอบธุรกิจให้ประสบความ สำ เร็จ ต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งใจโดยมีการวางแผน ปฏิบัติงานติดตามและประเมินผลเพื่อนำ มาปรับปรุงและ พัฒนาอย่างสม่ำ เสมอ (PDCA) ดังนั้นผู้ประกอบการจึง ต้องมีความขยัน อดทน ไม่ย่อท้อแม้จะมีอุปสรรคใด ๆ


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 2.2มีความมั่นใจในตนเอง คือผู้ประกอบการต้องเป็น ป็ บุคคลที่ไม่กลัวที่จะต่อสู้กับอุปสรรคและปัญปัหาต่าง ๆ เพราะคุณสมบัติข้อนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับ บุคลากรที่ร่วมปฏิบัติงานด้วย ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบการและ บุคลากรที่ร่วมปฏิบัติงานมีความมั่นใจในตนเองโอกาสใน การดำ เนินงานให้บรรลุตามเป้าป้หมายสูงก็ทำ ให้กิจการ ประสบความสำ เร็จได้เร็วและสูงกว่าผู้ประกอบการที่ไม่มี ความมั่นใจในตนเอง 2.คุณสมบัติของผู้ประกอบการที่ประสบความสำ เร็จ ประกอบด้วย 2.1 มีเป้าหมายชัดเจน คือผู้ประกอบการต้องตั้งเป้าป้ หมายไว้อย่างชัดเจนว่าจะประกอบธุรกิจให้ประสบความ สำ เร็จ ต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งใจโดยมีการวางแผน ปฏิบัติงานติดตามและประเมินผลเพื่อนำ มาปรับปรุงและ พัฒนาอย่างสม่ำ เสมอ (PDCA) ดังนั้นผู้ประกอบการจึง ต้องมีความขยัน อดทน ไม่ย่อท้อแม้จะมีอุปสรรคใด ๆ


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 2.3 กล้าเสี่ยงและกล้าตัดสินใจ คือในการเป็น ป็ ผู้ ประกอบการสิ่งที่ควบคู่กันมาเมื่อเริ่ม ดำ เนินกิจการคือ ความเสี่ยง ดังนั้นผู้ประกอบการที่จะประสบความสำ เร็จ หรือความล้มเหลวนั้นปัจจัย สำ คัญประการหนึ่ง คือการ ตัดสินใจที่รวดเร็วและดีต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ ที่มีอยู่ของผู้ประกอบการเพื่อจะนำ พาธุรกิจให้ประสบความ สำ เร็จหรือความล้มเหลว เช่นการลดต้นทุนอย่างไรเพื่อลด ค่าใช้จ่ายการขยายกิจการ เป็น ป็ ต้น


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 2.5 มีความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบการดำ เนิน ธุรกิจทุกประเภทต้องเกี่ยวข้องกับคนหลายประเภทหลาย แบบหลายฝ่ายดังนั้นผู้ประกอบการต้องมีความซื่อสัตย์และ มีความรับผิดชอบสูงมาก เพราะหากเสียชื่อเสียงอาจทำ ให้ ธุรกิจประสบความล้มเหลวได้ 2.4 มีการวางแผนที่เป็นระบบ คือในเชิงธุรกิจหรือการ เป็นผู้ประกอบการการวางแผนที่เป็น ป็ ระบบเรียกว่า แผน ธุรกิจ (Business Plan) เพราะแผนธุรกิจเปรียบเสมือนเข็ม ทิศหรือแผนที่ในการเดินทางของธุรกิจที่จะทำ ให้ผู้ประกอบ การหรือผู้ปฏิบัติงานไม่หลงทาง เนื่องจากในแผนธุรกิจจะมี ตัวกำ หนดทิศทางการดำ เนินงานตั้งแต่เริ่มต้นทำ ธุรกิจว่าทำ อะไร ที่ไหนอย่างไร เมื่อใด โดยใครต้องใช้งบประมาณเท่าใด และจะได้ผลอย่างไรดังนั้นในการที่จะทำ ให้ธุรกิจประสบความ สำ เร็จได้ตามเป้าหมายนั้นผู้ประกอบการต้องมีการจัดทำ แผนธุรกิจให้ชัดเจนเพื่อช่วยให้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ ที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นอนาคตได้


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 2.7 มีงบประมาณในการลงทุนและสามารถบริหารเงิน ได้ การเป็นผู้ประกอบการนั้นควรนำ เงินออมที่เหลือสำ หรับ การลงทุนในเริ่มแรกและต้องมีเงินทุนสำ รองเพื่อไว้เป็น ป็ ทุนหมุนเวียนในกิจการและผู้ประกอบการควรมีความรู้หรือ ต้องมีการพัฒนาทักษะความรู้เรื่องการเงินและบัญชี รู้วิธี การตรวจสอบฐานะทางการเงินและผลการดำ เนินงานของ กิจการ ไม่ควรปล่อยให้พนักงานบัญชีดำ เนินการเพียง ลำ พัง 2.6มีสุขภาพและวัยที่เหมาะสมในการทำ งานการเป็น ป็ ผู้ ประกอบการนั้นผู้ประกอบการต้องเป็น ป็ บุคคลที่มีสุขภาพดี แข็งแรงและมีความมั่นคงทางอารมณ์ เนื่องจากเมื่อเจอ ปัญหาใด ๆ ก็สามารถเผชิญกับปัญหาและแก้ไขได้


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 2.9 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผู้ประกอบการควรมี ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ แปลก ๆ รวมทั้งมี กระบวนการผลิต การตลาดและการบริหารจัดการ ทรัพยากรที่ทันต่อเทคโนโลยี ไม่ลอกเลียนแบบบุคคลอื่น 2.8 มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีการมีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ หรือมีทักษะในการประสานงานทั้งภายในและภายนอก องค์การ มีทักษะการสื่อสาร มีภาวะผู้นำ การถ่ายทอดงาน สิ่งเหล่านี้เป็นทักษะสำ คัญสำ หรับผู้ประกอบการเพราะจะ ทำ ให้การดำ เนินงานทุกอย่างเป็น ป็ ไปอย่างราบรื่นสามารถ สร้างเครือข่ายได้ดีมีประโยชน์ต่อธุรกิจการค้า


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 2.11 มีการจัดองค์กรที่เหมาะสมการบริหารจัดการ องค์กรควรมีสายงานการบังคับบัญชาที่ชัดเจน ไม่ซ้ำ ซ้อน เหมาะสมกับกิจการ เหมือนกับมีคำ กล่าวไว้ว่า “ใช้งานให้ถูก กับคนใช้คนให้ถูกกับงาน” และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตาม สถานการณ์ขององค์กร 2.10 มีความรู้ด้านเทคนิคผู้ประกอบการควรมีความรู้ ความชำ นาญและหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำ เสมอเกี่ยวกับ เทคนิคการปฏิบัติงาน การผลิตการออกแบบสินค้าและ บริการเพื่อให้มีการพัฒนาสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ ๆ และทันยุคทันสมัยตลอดเวลา


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 3.3 ขาดความรู้และทักษะด้านการตลาด ผู้ประกอบการ ไม่ศึกษาความต้องการทางการตลาดของลูกค้าหรือไม่เข้าใจ ความต้องการของลูกค้า ไม่มีตลาดทำ ให้ลูกค้าน้อยไม่คุ้ม กับเงินทุนที่ลงหรือขายสินค้าไม่ได้ ขาดการโฆษณา ประชาสัมพันธ์หรือสินค้าและบริการไม่มีคุณภาพสู้คู่แข่งขัน ทางการตลาดไม่ได้ 3.คุณสมบัติของผู้ประกอบการที่ประสบความล้ม เหลว ประกอบด้วย 3.1 ขาดประสบการณ์และความชำ นาญผู้ประกอบการ ไม่มีประสบการณ์และไม่มีความรู้ความชำ นาญด้านการ บริหารธุรกิจ บริหารคนบริหารเงินและบริหารทรัพยากร เป็นต้น ทำ ให้ไม่เป็นไปตามเป้าป้หมายและประสบกับความล้ม เหลวได้ง่าย 3.2 ขาดการกำ กับและติดตาม เมื่อผู้ประกอบการเปิดปิ กิจการแล้วปล่อยปละละเลย ไม่ลงไปควบคุมกำ กับดูและติดตามด้วยตนเองอาจทำ ให้ เกิดความเสียหายมาสู่ธุรกิจได้


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 3.6 มีค่าใช้จ่ายสูงเกินความจำ เป็น ป็ ไม่มีการควบคุมค่าใช้ จ่ายในกิจการทำ ให้มีค่าใช้จ่ายเกินความจำ เป็น ป็ เช่นค่าน้ำ ค่า ไฟฟ้าฟ้ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทางเงินเดือนพนักงาน เป็น ป็ ต้น 3.4 ขาดทักษะการบริหารหนี้ ผู้ประกอบการต้องมี ทักษะและความรู้ในการบริหารลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อไม่เกิด หนี้เสีย 3.5 ขาดประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ ผู้ ประกอบการต้องมีความรู้และทักษะในการบริหารทรัพยากร ด้วยเพราะเนื่องจากในบางครั้งหากกิจการมีสินทรัพย์บาง ประเภทในกิจการมากหรือน้อยเกินไป ทำ ให้มีผลต่อสภาพ คล่องทางธุรกิจและการเงิน เช่นมีเครื่องจักรมากเกินกว่า สินค้าที่จะผลิตทำ ให้เงินทุนที่นำ ไปซื้อสินทรัพย์จมส่งผลให้ ขาดสภาพคล่องทางการเงินได้ เป็น ป็ ต้น


คุณสมบัติของผู้ประกอบการ 3.8 ทำ เลที่ตั้ง การเลือกทำ เลที่ตั้งเป็น ป็ สิ่งสำ คัญเพราะ เป็นจุดขายสำ คัญอย่างหนึ่งของกิจการ ทำ ให้ลูกค้ามีความ สะดวกสบายในการมาติดต่อกิจการเช่น สถานที่จอดรถ ที่ ตั้งห่างไกลชุมชน เป็นต้น 3.7 การบริหารสินค้าคงคลัง ถือเป็น ป็ ปัจปัจัยสำ คัญใน การดำ เนินกิจการหากผู้ประกอบการขาดประสบการณ์ใน การบริหารสินค้าคงคลังปล่อยให้มีสินค้าคงคลังมากหรือ น้อยเกินไปไม่กำ หนด จุดสั่งซื้อหรือเป็นสินค้าเสื่อมคุณภาพ ไม่ทันสมัย ทำ ให้ไม่สามารถจำ หน่ายสินค้าได้เงินทุนจมหรือ สินค้าขาดตลาดลูกค้าเกิดการเบื่อหน่ายหันไปสั่งสินค้าจาก กิจการอื่นแทนได้


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ การเริ่มต้นธุรกิจของผู้ประกอบการแต่ละรายมีความ เป็นมาและลักษณะที่แตกต่างกันไปตามสภาพของบุคคล เช่นผู้ประกอบการบางคนก่อตั้งธุรกิจด้วยตนเองบางคน สืบทอดมรดกจากธุรกิจครอบครัวบางคนซื้อกิจการต่อจาก บุคคลอื่นเป็นต้นแต่ไม่ว่าการเริ่มต้นของธุรกิจของผู้ ประกอบการจะมีความเป็น ป็ มาและลักษณะอย่างไรก็ตามใน การดำ เนินธุรกิจให้ประสบความสำ เร็จตามเป้าป้หมายนั้นผู้ ประกอบการควรศึกษากระบวนการเริ่มต้นทำ ธุรกิจให้เข้าใจ เพื่อเตรียมการก่อตั้งธุรกิจได้อย่างครบถ้วนและมี ประสิทธิภาพส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำ เร็จบรรลุตาม วัตถุประสงค์ กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจประกอบด้วย 5 ขั้น ตอน ดังนี้


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ ขั้นตอนที่1 การแสวงหาธุรกิจ การประกอบธุรกิจมี มากมายหลายประเภทดังนี้ผู้ประกอบการต้องศึกษาและ สำ รวจโอกาสด้วยตนเอง หาแนวทางและโอกาสทางธุรกิจ ตามแหล่งเรียนรู้เหล่านี้ เช่นจากความรู้และประสบการณ์ งานประจำ ที่ทำ งานอดิเรก งานแสดงสินค้างานนิทรรศการ สินค้าสภาพแวดล้อมในชุมชนและสังคมที่ใกล้เคียงความ ถนัด ความชอบ ความสามารถพิเศษ หนังสือตำ ราต่าง ๆ อินเตอร์เน็ตขอคำ ปรึกษาจากบุคคลหรือหน่วยงานที่ให้คำ แนะนำ ทางธุรกิจ เช่น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ธนาคาร พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผู้ที่ประสบความ สำ เร็จในธุรกิจประเภทเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เป็น ป็ ต้น


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ ขั้นตอนที่ 2 การรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนนี้ผู้ประกอบ การต้องรวบรวมข้อมูลที่จำ เป็น ป็ หรือคัดกรองข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพื่อใช้เป็น ป็ ข้อมูลพื้นฐานในการประกอบ การตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจ เช่น ข้อมูลทางการตลาด กลุ่ม เป้าหมายทำ เลที่ตั้ง สาธารณูปโภค คู่แข่งขันทางธุรกิจ ข้อมูลทางการเงินและผลตอบแทน แหล่งที่มาของเงินทุน จุดคุ้มทุนระยะเวลาคืนทุนประมาณการรายได้และประมาณ การรายจ่ายในการลงทุน และที่สำ คัญคือความต้องการ ทางการตลาดของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าป้หมาย


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ - ทักษะและความสามารถพิเศษควรประเมินทักษะ ความสามารถของตนเองว่ามีด้านใดบ้างที่จำ เป็น ป็ ต้องใช้ใน การบริหารจัดการธุรกิจหากด้านใดยังด้อยอยู่ให้หาวิธีการ พัฒนาปรับปรุงและแก้ไข ขั้นตอนที่3 การตัดสินใจ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ สำ คัญเพราะเมื่อผู้ประกอบการได้ข้อมูลครบถ้วนเพียง พอแล้ว ผู้ประกอบการต้องตัดสินใจเลือกประเภทธุรกิจว่า จะทำ ธุรกิจอะไร แบบไหนและใช้วิธีการใด แต่ที่สำ คัญที่สุดใน การตัดสินใจผู้ประกอบการต้องแน่ใจว่าธุรกิจที่เลือกนั้น เหมาะสมกับตนเองดังนั้นปัจปัจัยในการพิจารณาว่าผู้ ประกอบการจะเลือกธุรกิจใดที่เหมาะสมกับตนเองนั้นให้ พิจารณาดังนี้ - ประการแรกต้องเป็นธุรกิจที่ตนเองชอบหรือ เกี่ยวข้อง - วิเคราะห์ความต้องการของตลาด โดยดูจากสภาพ ปัญหาและสิ่งแวดล้อมของชุมชนที่จะไปตั้ง - โอกาสในการประกอบธุรกิจดูว่าธุรกิจที่จะดำ เนินการ อยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงมีโอกาส ที่จะเจริญเติบโตหรือไม่ หรือตลาดมีความอิ่มตัวแล้ว


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ อย่างรอบคอบ 1.พิจารณาอย่างรอบคอบและรอช่วงจังหวะเวลาที่ เหมาะสมไม่เร่งรีบ ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์จึงจะ ทำ ให้ธุรกิจประสบความสำ เร็จได้ง่าย 2.ไม่ควรเลือกธุรกิจที่ท้าทายมาก เพราะเมื่อท้าทายมาก ความเสี่ยงก็มีสูง ควรเลือกธุรกิจที่มีลักษณะค่อยเป็น ป็ ค่อย ไป มีความมั่นคง 3.เลือกธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาว มีตลาด ที่มีศักยภาพสามารถเติบโตได้ 4.เลือกธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายมากและกว้างมีแนวโน้ม ในการเติบโต 5.ผู้ประกอบการต้องมีความอดทนในการหาข้อมูล ทางการตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูล


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ ขั้นตอนที่4 การวางแผนการดำ เนินงาน ขั้นตอนนี้ เป็นกระบวนการกำ หนดวิธีการทำ งานโดยการจัดทำ แผนการทำ งานทุกด้าน เช่นแผนการเงิน แผนการขาย แผนการตลาดแผนการจัดการในองค์กรแผนการดำ เนิน งานการกำ หนดเป้าหมายการทำ งานแนวทางการดำ เนินงาน กิจกรรมและวิธีการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าป้หมายที่ วางไว้ ดังนี้


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ 1.กำ หนดวัตถุประสงค์และเป้าป้หมายอย่างชัดเจน จัด ลำ ดับความสำ คัญของเป้าป้หมายพร้อมทั้งกำ หนดระยะเวลา เสร็จสิ้นของแต่ละเป้าหมาย เช่นหากต้องการเปิดปิร้านมินิ มาร์ทเป้าหมายแรกคือ การเปิดปิร้านมินิมาร์ท เป้าป้หมายที่2 คือ กำ หนดเปิดให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 6เดือน ดังนั้นหากจะ สร้างตัวอาคารร้านใหม่ก็ต้องให้แล้วเสร็จทันตามเวลารวม ถึงการตกแต่งภายในร้าน เพราะภายใน 6 เดือน คือการ เปิดร้านใหม่ซึ่งในเป้าหมายที่ 2 มากำ หนดเป้าป้หมายแยก ย่อยอีกครั้งก็จะชัดเจนมากขึ้น เช่นก่อสร้างอาคารร้านให้ แล้วเสร็จภายใน3 เดือน ถัดมาตกแต่งร้านให้แล้วเสร็จ ภายใน 1 เดือนเป้าหมายถัดมาสั่งซื้อสินค้าเข้าร้านให้แล้ว เสร็จภายใน 1 เดือน และเป้าป้หมายสุดท้ายจัดร้านให้แล้ว เสร็จภายใน 1 เดือน


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ 4.เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 2.กำ หนดแนวทางการทำ งาน เพื่อเป็น ป็ กรอบและ แนวทางให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติได้เป็น ป็ ไป ในแนวทางเดียวกันและเกิดผลตามที่ต้องการ 3.กำ หนดวิธีการปฏิบัติงานอย่างสม่ำ เสมอ รวมถึงการ ประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ


กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ ขั้นตอนที่5 การลงมือประกอบธุรกิจ เมื่อมีการ วางแผนการดำ เนินงานที่ชัดเจนเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัด มาคือ การลงมือปฏิบัติงานตามสิ่งที่ได้วางแผนไว้ ดังนี้ - การเลือกทำ เลที่ตั้ง เลือกทำ เลที่ตั้งตามกลุ่มเป้าป้ หมายโดยดูว่ากลุ่มลูกค้าเป้าป้หมายอยู่จุดใดมากควรไปตั้งที่ จุดนั้น แต่ต้องความสะดวกในด้านการคมนาคมและมีที่จอด รถด้วย - การสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบ ต้องมีความรอบคอบ และสั่งในจำ นวนที่เหมาะสมตามจำ นวนจุดสั่งซื้อที่กำ หนดไว้ มีการตรวจนับสินค้าและตรวจสอบคุณภาพของสินค้าหรือ วัตถุดิบ มีความรอบคอบในการทำ สัญญาข้อตกลงกับคู่ค้า - การระดมเงินทุน ต้องรวบรวมเงินทุนจากแหล่ง ต่าง ๆ ตามที่ได้วางแผนไว้ และต้องมีเงินทุนหมุนเวียน คล่องตัว พร้อมทั้งมีเงินสำ รองไว้ยามฉุกเฉินด้วย - ศึกษาปัญหาและการแก้ปัญปัหาธุรกิจ เมื่อเกิดปัญปัหา จากการดำ เนินงานผู้ประกอบการต้องหาสาเหตุให้เจอและ แก้ไขปัญหาได้ เช่นการปรับกระบวนการทำ งานการพัฒนา ความสามารถของบุคลากรเป็น ป็ ต้น


สรุป ผู้ประกอบการคือผู้เริ่มก่อตั้งธุรกิจซึ่งอาจจะได้มา แบบใดก็ได้และมีการดำ เนินธุรกิจโดยใช้เงินทุนของตนเอง ในการบริหารงานสามารถยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้การดำ เนินธุรกิจของผู้ประกอบการสามารถดำ เนินการได้ หลายรูปแบบตามความถนัดและสามารถของผู้ประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการจะดำ เนินธุรกิจใดก็ตามควรมีความรู้ ความ เข้าใจและทักษะในการประกอบธุรกิจนั้นอย่างชัดเจน และใน การเลือกธุรกิจผู้ประกอบการต้องศึกษาข้อดีและข้อเสียของ แต่ละธุรกิจให้ละเอียดรอบคอบที่สำ คัญต้องดูด้วยว่าตนเอง มีคุณสมบัติในการเป็นผู้ประกอบการหรือไม่เพื่อให้ธุรกิจที่ ดำ เนินการประสบความสำ เร็จตามจุดมุ่งหมายในการเปิดปิ ดำ เนินธุรกิจผู้ประกอบการต้องศึกษากระบวนการเริ่มต้น ธุรกิจและมีการวางแผนให้ครอบคลุมเพื่อให้การดำ เนินธุรกิจ มีประสิทธิภาพและประสบความสำ เร็จและที่สำ คัญผู้ประกอบ การต้องจัดทำ แผนธุรกิจแบบสมบูรณ์ คือมีครบทุกแผนและ ในการดำ เนินธุรกิจต้องเป็น ป็ ไปตามแผนต้องหมั่นติดตาม ตรวจสอบธุรกิจอย่างสม่ำ เสมอเพราะหากธุรกิจไม่เป็น ป็ ไป ตามแผนจะได้หาวิธีการปรับเปลี่ยนได้ทันเหตุการณ์และทำ ให้ การบริหารจัดการธุรกิจดำ เนินการต่อไปอย่างยั่งยืน


แบบฝึก ฝึ หัดหน่วยที่ 8 คำ สั่ง จงเติมคำ หรือข้อความลงใน ช่องว่างให้สมบูรณ์ 1.การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง 2.แนวทางการเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ มี 5 แนวทาง คือ 3.การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดเศรษฐกิจสังคมมี 2 แนวทาง คือ 4.สาเหตุที่ต้องมีการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต เพราะ 5.วงจรของการเพิ่มผลผลิต ประกอบด้วย 6.ค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปสำ หรับทรัพยากรทางการผลิตเพื่อให้ เกิดผลผลิต หมายถึง 7.การเพิ่มผลผลิตโดยหลักการ 3T คือ 8.เวลาที่ไร้ประสิทธิภาพ คือ 9.4ZERO คือ 10.4ZERO มี 4 ประเภท คือ


คำ สั่ง จงเลือกคำ ตอบที่ถูกต้องที่สุด เพียงข้อเดียว แบบทดสอบ หน่วยที่ 8 คำ ชี้แจง จงทำ เครื่องหมาย (X) ลงหน้าข้อที่ ถูกต้องที่สุด ง.Frederick W. Taylor 1.บุคคลตามข้อใดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของการ จัดการเชิงวิทยาศาสตร์ ก.J.M. Juran ข.Henry L. Gantt ค.William Edwards Deming ง.เงินทุน 2.ข้อใดหมายถึง Output ก.วัตถุดิบ ข.การขนส่ง ค.สินค้า ง.out-Input 3.สูตรในการคำ นวณการเพิ่มผลผลิตคือข้อใด ก.Input-process ข.Input-output ค.Product-process


คำ สั่ง จงเลือกคำ ตอบที่ถูกต้องที่สุด เพียงข้อเดียว แบบทดสอบ หน่วยที่ 8 คำ ชี้แจง จงทำ เครื่องหมาย (X) ลงหน้าข้อที่ ถูกต้องที่สุด ง.ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำ กัด 4.ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของการเพิ่มผลผลิต ก.เพื่อให้ได้ผลกำ ไรเพิ่มมากขึ้น ข.ทำ ตามนโยบายบริษัทเพื่อความอยู่รอด ค.การแข่งขันของบริษัทต่าง ๆ ง.ได้รับภาษีอากรเพิ่มขึ้น 5.ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการได้รับจากการเพิ่ม ผลผลิต ก.ผลกำ ไรเพิ่มขึ้น ข.เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ค.ขยายตลาดได้มากขึ้น ง.ถูกทุกข้อ 6.ต้นทุนคืออะไร ก.จุดหมายปลายทางของสินค้าหรือบริการ ข.เงินทุนที่ใช้ในการจัดหาปัจปัจัยการผลิต ค.ระดับคุณภาพหรือมาตรฐานของสินค้า


คำ สั่ง จงเลือกคำ ตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แบบทดสอบ หน่วยที่ 8 คำ ชี้แจง จงทำ เครื่องหมาย (X) ลงหน้าข้อที่ถูกต้องที่สุด ง.เวลาที่ไร้ประสิทธิภาพ 7.ความบกพร่องของฝ่าฝ่ยจัดซื้อที่สั่งซื้อวัตถุดิบล่าช้า ส่ง ผลให้เกิดเวลาตามข้อใด ก.เวลาที่ใช้ในการผลิตจริง ข.เวลาที่ใช้ในการทำ งานแต่ไม่ได้ผลผลิต ค.เวลาที่ขาดระบบการตรวจสอบ ง.Zero Inventory 8.การจัดสถานที่ทำ งานให้มีแสงสว่างเพียงพอ มีอากาศ ถ่ายเท อุณหภูมิพอเหมาะ เป็นหลักการเพิ่ม ผลผลิตตาม ข้อใด ก.Zero Defect ข.Zero Delay ค.Zero Accident


คำ สั่ง จงเลือกคำ ตอบที่ถูกต้องที่สุด เพียงข้อเดียว แบบทดสอบ หน่วยที่ 8 9.การควบคุมเวลาการทำ งาน ไม่ให้เกิดการรอ ล่าช้า เสียเวลา ควรใช้กิจกรรมข้อใด ก.การฝึกอบรม ข.สร้างวินัยการทำ งานตรงต่อเวลา ค.แต่งตั้งหัวหน้างานควบคุมการทำ งานอย่างใกล้ชิด ง.ลงโทษพนักงานที่มาสาย ลาบ่อย และคอยหลบเลี่ยงงาน 10.Zero Defect หมายถึงข้อใด ก.พัสดุคงคลังเป็นศูนย์ ข.อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์ ค.ของเสียต้องเป็นศูนย์ ง.การรอต้องเป็นศูนย์ คำ ชี้แจง จงทำ เครื่องหมาย (X) ลงหน้าข้อที่ถูกต้องที่สุด


Click to View FlipBook Version