PAGE \* MERGEFORMAT2
๑ คำนำ ตามบทบัญญัติในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดว่า การบริหารราชการจะต้องวางแผนโดยกำหนดระยะเวลา ขั้นตอนการปฏิบัติงาน งบประมาณ เป้าหมาย และตัวชี้วัด จัดให้มีการประเมินและตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ ให้มีการพัฒนา องค์ความรู้ภายในองค์กรอย่างสม่ำเสมอและให้ทุกส่วนราชการปฏิบัติตามแผนที่กำหนด ซึ่งโรงเรียนเป็นส่วน ราชการตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ และมี รายละเอียดภารกิจที่ต้องปฏิบัติกำหนดไว้ในประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง การกระจายอำนาจการบริหาร และการจัดการศึกษาของเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไปยังคณะกรรมการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๐ พร้อมขั้นตอนการปฏิบัติการจัดทำและการบริหารแผนพัฒนาการศึกษา ประกอบกับ กฎกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยระบบหลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.๒๕๕๓ ข้อ ๑๔ (๒) ได้กำหนดให้โรงเรียนจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา โรงเรียน ชุมชนบ้านทุ่ง จึงจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ระยะ ๕ ปี คือปีการศึกษา ๒๕๖6 – ๒๕70 นี้ขึ้น เพื่อ เป็นกรอบทิศทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามภารกิจและตามต้องการของผู้ปกครองและชุมชนกำหนด โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว ขอขอบคุณคณะผู้จัดทำ คณะครู นักเรียนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่อำนวยความสะดวก ในการจัดทำ และร่วมดำเนินการจนแผนพัฒนาการจัดการศึกษาฉบับนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี คณะผู้จัดทำ โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง
๒ สารบัญ หน้า ส่วนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไปของโรงเรียน 3 ส่วนที่ ๒ นโยบายและยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง 25 ส่วนที่ ๓ แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา 45 ส่วนที่ ๔ ทิศทางการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา 55 ส่วนที่ ๕ แนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา 58 ส่วนที่ 6 การบริหารแผนสู่ความสำเร็จ 79 ภาคผนวก 82
๓ ส่วนที่ ๑ ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา 1. ข้อมูลทั่วไป ชื่อสถานศึกษา : โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง ที่อยู่ : หมู่ที่ 1 ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ รหัสไปรษณีย์ ๘๑๐๐๐ สังกัด : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ โทรศัพท์: 075 – 694224 โทรสาร : 075 – 694224 E-Mail : [email protected] เปิดสอน : อนุบาล 2 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประวัติโรงเรียนโดยย่อ โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2488 ชื่อว่า “โรงเรียนประชาบาลตำบลเขา คราม” โดยใช้ศาลาโรงธรรมวัดหนองจิกเป็นสถานที่เรียน พ.ศ. 2488 – 2491 โรงเรียนได้เปิดเรียนทำการสอน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 4 พ.ศ. 2492 – 2497 โรงเรียนได้สร้างอาคารเรียนชั่วคราว ต่อมาถูกวาตภัยพัดพังต้อง อาศัยบ้านพักกรมทางหลวงแผ่นดินเป็นสถานที่เรียนระยะหนึ่ง ต่อมาได้ย้ายไปเรียนที่ใหม่คือ โรงตลาดนัด บ้านทุ่ง แต่ต้องปิดเรียนในวันจันทร์เนื่องจากเป็นวันมีตลาดนัด เพื่อให้การปิดเรียนปกติเหมือนกับโรงเรียนอื่น ๆ คือ วันเสาร์และวันอาทิตย์ จึงได้ย้ายที่เรียนไปเรียนที่ใต้ถุนบ้านนายแดง ขาวขำ พ.ศ. 2498 – 2500 นายคุ่น กุลบุตร กำนันตำบลเขาครามในสมัยนั้นได้บริจาคที่ดิน จำนวน 9 ไร่ 1 งาน ซึ่งอยู่ติดถนนหลวง คือ ถนนเพชรเกษมในปัจจุบันให้กับโรงเรียน และได้จัดสร้าง อาคารเรียนขึ้นหลังแรก ด้วยงบประมาณ 3,000 บาท พ.ศ. 2501 โรงเรียนประชาบาลตำบลเขาคราม ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนบ้านทุ่ง” ต่อมาเมื่อ 18 สิงหาคม 2553 โรงเรียนบ้านทุ่ง ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น “โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง” เนื่องจากชื่อโรงเรียนบ้านทุ่ง ซ้ำซ้อนตรงกับสถานศึกษาอื่นในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระบี่ ทำให้มีผู้เข้าใจผิดเสมอว่าเป็นสถานศึกษาเดียวกัน โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง เป็นโรงเรียนของรัฐที่สามารถระดมทุนจากผู้ปกครองนักเรียนและผู้มี จิตศรัทธาทั้งหลายจัดสร้างถนนคอนกรีตภายในโรงเรียน ด้วยงบบริจาคในโครงการรักบ้านเกิดโรงเรียนเก่า เราร่วมพัฒนาจำนวนงบประมาณ 378,810 บาท ก่อสร้างถนนขนาด 4.00 x 210.00 x 0.10 เมตร และได้ทำการเปิดใช้เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2553 ชื่อถนน “ถนนศิษย์เก่าประชานุสรณ์” โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง ได้จัดการศึกษาให้กับผู้เรียนในเขตบริการ หมู่ที่ 1 ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
๔ แผนที่โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง
๕ 2.1 ข้อมูลบุคลากรของสถานศึกษา 1) จำนวนบุคลากร บุคลากร ผู้บริหาร ข้าราชการ ครู ลูกจ้างประจำ พนักงาน ราชการ ครูอัตรา จ้าง (ครูพี่เลี้ยง) เจ้าหน้าที่ อื่นๆ รวม ทั้งหมด จำนวน (คน) 1 10 - - 1 1 13 2) วุฒิการศึกษาสูงสุดของบุคลากร บุคลากร ต่ำกว่า ปริญญาตรี ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก รวมทั้งหมด จำนวน(คน) 1 8 3 - 13 ที่ ชื่อ – สกุล ตำแหน่ง วิทยฐานะ วุฒิการศึกษา/วิชาเอก ๑ นายภาณุวัฒน์ วิยะรัตนะกุล ผู้อำนวยการ ชำนาญการพิเศษ ศษ.ม./การบริหารการศึกษา 2 นายมนต์นโม โพชนุกูล ครู ชำนาญการพิเศษ ศษ.ม./หลักสูตรและการสอน 3 นางจารุณี บรรจงแต้ม ครู ชำนาญการพิเศษ คบ./วิทยาศาสตร์ทั่วไป 4 นายภูนิวัฒน์ สะใบงาม ครู ชำนาญการพิเศษ คบ./ภาษาอังกฤษ 5 นางวรรณภา ดำดี ครู ชำนาญการ กศ.บ./ภาษาไทย 6 นางนูรีตา หาสัตว์ ครู ชำนาญการ ศษ.ม./การบริหารการศึกษา 7 นางสาวลดาพร บุญพรัด ครู - กศ.บ./ภาษาไทย 8 นางสาวพิชญาภาชิวหากาญจน์ ครู - ศษ.บ. ภาษาไทย 9 นางทิพย์สุดา จาราสถิตย์ ครู - วท.บ./วิทยาการคอมพิวเตอร์ 10 นางสาวทิตย์ศรา นายาว ครู - ศษ.บ. การประถมศึกษา 11 นางสาวกัญจนพร ใสแสง ครู คบ./ ปฐมวัย 12 นางสาวลัดดา ทำศรี ครูอัตราจ้าง - บธ.บ./การจัดการทั่วไป 13 นายธนู ถวายเชื้อ นักการภารโรง - - ปวช 0% ปวส/ เทียบเท่า 8% ปริญญาตรี 67% ปริญญาโท 25% ปริญญาเอก 0%
๖ 3) สาขาวิชาที่จบการศึกษาและภาระงานสอน สาขาวิชา จำนวน (คน) ภาระงานสอนเฉลี่ยของครู 1 คน ในแต่ละสาขาวิชา (ชม./สัปดาห์) 1 การบริหารการศึกษา 2 - 2 คณิตศาสตร์ 1 20 3 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 20 4. ภาษาไทย 3 20 5. ภาษาอังกฤษ 1 20 6. สังคมศึกษา 0 0 7. การงานอาชีพ 0 0 8. ประถมศึกษา 1 20 9. การศึกษาปฐมวัย 1 20 10. อื่นๆ 0 0 รวม 2.2 ข้อมูลนักเรียน 1. จำนวนนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง ปีการศึกษา 2566 รวม 192 คน ระดับชั้นเรียน จำนวนนักเรียน(คน) รวม (คน) เฉลี่ยต่อห้อง ชาย หญิง อนุบาล 2 10 9 18 1 อนุบาล 3 10 9 19 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 19 8 27 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 11 4 15 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 17 10 28 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 13 13 26 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 18 14 32 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 10 16 26 1 รวมทั้งสิ้น 108 84 192 1
๗ 2. จำนวนนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง เปรียบเทียบ ปีการศึกษา 2563 – 2565 ระดับชั้น ปีการศึกษา 2563 ปีการศึกษา 2564 ปีการศึกษา 2565 อนุบาล 2 16 18 18 อนุบาล 3 21 19 19 ประถมศึกษาปีที่ 1 22 20 27 ประถมศึกษาปีที่ 2 33 23 15 ประถมศึกษาปีที่ 3 29 33 28 ประถมศึกษาปีที่ 4 29 30 26 ประถมศึกษาปีที่ 5 31 25 32 ประถมศึกษาปีที่ 6 34 28 26 รวม 215 196 192 3. โอกาสและข้อจำกัดของโรงเรียน โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง ตั้งอยู่ใจกลางของชุมชน และเป็นชุมชนพหุวัฒนธรรมมีการนับถือศาสนาที่ หลากหลาย ตามหลักความเชื่อ และความศรัทธาของชุมชน เมื่อนักเรียนจบชั้น ป.6 จะต้องส่งให้เรียน ทางด้านศาสนา (ตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลามให้มุสลิมทุกคน จะต้องปฏิบัติ เมื่ออายุย่างเข้าปีที่ 15 แต่ จะต้องเรียนรู้ตั้งแต่บนเปลจนถึงหลุมฝังศพนั้น ก็หมายความว่า ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทุกคน จะต้องเรียนรู้ หลักธรรมของศาสนา เพื่อนำไปปฏิบัติ เมื่อมีวุฒิภาวะพร้อม) ตามหลักการดังกล่าวจึงทำให้มุสลิมทุกคน เมื่อ ลูกหลานผ่านการศึกษาภาคบังคับ จะส่งลูกหลานไปเรียนทางด้านศาสนา ตามสถานที่ ที่มีการจัดสอน จึงทำ ให้นักเรียนบางคน ที่มีความสามารถไม่ได้เรียนต่อทางสายสามัญ และด้านอาชีพ จึงทำให้ชุมชนไม่พัฒนา เท่าที่ควร สภาพการเมืองท้องถิ่นเข้มแข็ง บุคลากรในโรงเรียนมีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติงานได้รับ ความร่วมมือจากชุมชนในเขตบริการของโรงเรียนเป็นอย่างดีคนในชุมชนไม่ได้สร้างปัญหาในชุมชน ในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ในชุมชนค่อนข้างจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สรุปได้ว่า ชุมชน ชุมชนบ้านทุ่งสนใจที่จะส่งบุตรหลานไปเรียนทางด้านศาสนามากกว่าไปเรียนสายสามัญ และอาชีพ แต่มี นักเรียนบางส่วนมีโอกาสที่จะศึกษาต่อในชั้นสูงได้ 4. แหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกสถานศึกษา ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการใช้ - ห้องสมุดมีขนาด 54 ตารางเมตร กว้าง 6 เมตร ยาว 9 เมตร คิดเป็นห้องเรียน 1 ห้องเรียน จำนวนหนังสือในห้องสมุดทั้งหมด 500 เล่ม การสืบค้นหนังสือและการยืม - คืนใช้ระบบบันทึกลงในสมุด บันทึกการยืม จำนวนนักเรียนที่ใช้ห้องสมุดในปีการศึกษานี้ คิดเป็น 20 คน / วัน - แหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน ( นอกจากห้องสมุด ) และแหล่งเรียนรู้ภายนอกห้องเรียนพร้อมทั้งสถิติ การใช้ จำนวน 25 ครั้ง / ปี เฉลี่ยสูงสุด เดือนกรกฎาคม ต่ำสุด เดือนตุลาคมนอกจากห้องสมุดแล้ว โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกโรงเรียน ดังนี้
๘ 5. โครงสร้างหลักสูตรโรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง กำหนดโครงสร้างเวลาเรียน ดังนี้ กลุ่มสาระการเรียนรู้/ กิจกรรม เวลาเรียน ระดับประถมศึกษา ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ๒00 ๒00 ๒00 ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณิตศาสตร์ 200 ๒00 ๒00 ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 80 80 120 120 120 สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 40 40 40 80 80 80 ประวัติศาสตร์ 40 40 40 40 40 40 สุขศึกษาและพลศึกษา 40 40 40 40 40 40 ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ 8๐ 8๐ 80 การงานอาชีพ 40 40 40 40 40 40 ภาษาต่างประเทศ 160 160 160 120 120 120 รวมเวลาเรียน (พื้นฐาน) 840 840 840 840 840 840 รายวิชาเพิ่มเติม 160 หน้าที่พลเมือง 40 40 40 40 40 40 การป้องกันการทุจริต 40 40 40 40 40 40 คอมพิวเตอร์ 40 40 40 40 40 40 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 40 40 40 40 40 40 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ *กิจกรรมแนะแนว 40 40 40 40 40 40 กิจกรรมนักเรียน *ลูกเสือ - เนตรนารี 40 40 40 40 40 40 *ชุมนุม 30 30 30 30 30 30 กิจกรรมจิตอาสา 10 10 10 10 10 10 รวมเวลากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 120 120 120 120 120 120 รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,12๐ ชั่วโมง/ปี ๑,12๐ ชั่วโมง/ปี
๙ จำนวนชั่วโมงที่จัดให้นักเรียนระดับประถมศึกษา ( ป.๑-ป.๓ ) เรียนทั้งปีเท่ากับ ๑,120 ชั่วโมง ระดับชั้นประถมศึกษา ( ป.๔-ป.๖ ) เท่ากับ ๑,120 ชั่วโมง แผนการเรียนรู้/จุดเน้นการพัฒนาผู้เรียนที่ต้องการ เน้นเป็นพิเศษ คือกลุ่มสาระการเรียนรู้ทักษะภาษาไทย คณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาการ อ่านออก เขียนได้ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ คิดวิเคราะห์คิดสังเคราะห์คิดสร้างสรรค์ที่ดีมีประโยชน์มีความสนใจใฝ่รู้ ใฝ่เรียน โดยจัด การเรียนการสอนและวัดผลประเมินผลเป็นรายปี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ นั้น จากการประเมินผลระดับโรงเรียน ระดับท้องถิ่น และ ระดับชาติ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีมติร่วมกันให้จัดกิจกรรม สอนเสริมประสบการณ์พิเศษเพื่อเพิ่มศักยภาพนักเรียน ระดับประถมศึกษา ( ป.๑-ป.๓ ) จำนวนชั่วโมง ๘๐ ชั่วโมง ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ -๖ จำนวนชั่วโมง 160 ชั่วโมง โดยไม่นำคะแนนและระดับผลการเรียน ในรายวิชาสอนเสริมไปคิดรวมและตัดสินการเลื่อนชั้นของนักเรียน ในโครงสร้างของหลักสูตรโรงเรียนชุมชน บ้านทุ่ง พ.ศ. ๒๕๖3 มีรายวิชาและจำนวนชั่วโมงดังนี้
๑๐ ผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบประเมินผล SAR รายมาตรฐาน และข้อเสนอแนะ การพิจารณา ให้ทำเครื่องหมาย √ หน้าข้อที่พบข้อมูลใน SAR ให้ทำเครื่องหมาย X หน้าข้อที่ไม่พบข้อมูลใน SAR การศึกษาปฐมวัย มาตรฐานที่ ๑ คุณภาพของเด็ก จุดเน้น เด็กสุขภาพดี มีความปลอดภัย ผลการพิจารณา ตัวชี้วัด สรุปผลประเมิน ๑. มีการระบุเป้าหมายคุณภาพของเด็กปฐมวัย o ปรับปรุง (๐-๓ ข้อ) ✓พอใช้ (๔ ข้อ) ✓ o ดี (๕ ข้อ) ๒. มีการระบุวิธีพัฒนาคุณภาพของเด็กปฐมวัยอย่างเป็นระบบ ตามเป้าหมายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ✓ ๓. มีพัฒนาการสมวัยตามเป้าหมายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ✓ ๔. มีการนำผลประเมินคุณภาพของเด็กปฐมวัยมาพัฒนาเด็ก ปฐมวัยให้มีพัฒนาการสมวัย ✓ ๕. มีการนำเสนอผลการประเมินคุณภาพของเด็กปฐมวัยต่อผู้ที่ เกี่ยวข้อง ข้อเสนอแนะในการเขียน SAR ให้ได้ผลประเมินระดับสูงขึ้น สถานศึกษาควรมีการระบุข้อมูลใน SAR ในปีต่อไป ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการระบุ เป้าหมายคุณภาพของผู้เรียน ตัวบ่งชี้ ๑.๑ เด็กมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย แข็งแรง มีสุขนิสัยที่ดี และดูแล ความปลอดภัยของตนเองได้ ทั้งเป้าหมายเชิงปริมาณและคุณภาพ เช่น เด็กสุขภาพดี มีความปลอดภัย ร้อยละ ๙๐ มีคุณภาพระดับ ยอดเยี่ยม นำผลการประเมินของปีที่ผ่านมา มาเป็นข้อมูลในการกำหนดค่าเป้าหมาย ดังกล่าวเป็นต้น มาตรฐานที่ ๒ กระบวนบริหารและการจัดการ จุดเน้นจุดเน้น บริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี มีความปลอดภัย ผลการพิจารณา ตัวชี้วัด สรุปผลประเมิน ✓ ๑. มีการวางแผนการดำเนินการในแต่ละปีการศึกษา o ปรับปรุง (๐-๓ ข้อ) o พอใช้ (๔ ข้อ) ✓ ✓ ดี (๕ ข้อ) ๒. มีการนำแผนการดำเนินการไปใช้ดำเนินการ ✓ ๓. มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามแผน
๑๑ ผลการพิจารณา ตัวชี้วัด สรุปผลประเมิน ✓ ๔. มีการนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงแก้ไขในปี การศึกษาต่อไป ✓ ๕. มีการนำเสนอผลการบริหารจัดการของสถานศึกษาให้ผู้มีส่วน ได้ส่วนเสียได้รับทราบ ข้อเสนอแนะในการเขียน SAR ให้ได้ผลประเมินระดับสูงขึ้น สถานศึกษาควรมีการระบุข้อมูลใน SAR ในปีต่อไปให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยมีการระบุวิธีการ พัฒนา ตัวบ่งชี้ ๒.๖ มีระบบการประกันคุณภาพที่เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เน้น บริหารแบบ มีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี มีความปลอดภัย ตามเป้าหมายอย่างเป็นระบบ PDCA เช่น สถานศึกษากำหนดเป้าหมาย มีคุณภาพระดับ ดีเลิศ โดยสถานศึกษามีโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการจัดทำเสนอ คณะกรรมการสถานศึกษาให้ความ เห็นชอบ และมีการดำเนินงานตามแผน เช่น มีการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ภาคเรียนละ ๒ ครั้ง ประชุมผู้ปกครองภาคเรียนละครั้ง มีเครือข่ายผู้ปกครอง เป็นต้น สถานศึกษาดำเนินการส่งเสริมให้เด็กสุขภาพ ดี มีความปลอดภัย โดยจัดให้มี การอบรมพัฒนาครูให้มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดประสบการณ์ด้าน การเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมให้เด็กสุขภาพดี มีความปลอดภัย มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม อย่างเป็น ระบบ และต่อเนื่อง มีการสรุปผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประจำปีแจ้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ คณะกรรมการประเมินคุณภาพภายในประเมิน ตัวบ่งชี้ ๒.๖ มีระบบการประกันคุณภาพที่เปิดโอกาส ให้ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เน้นบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี มีความปลอดภัย มี คุณภาพระดับ ดีเลิศ บรรลุเป้าหมาย ซึ่งมีการนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุและปัญหาที่เกิดขึ้น มา วางแผนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี มีความปลอดภัย ในปี ต่อไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบทั้งที่ประชุมคณะครู ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา และทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊กของสถานศึกษา เป็นต้น
๑๒ มาตรฐานที่ ๓ การจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ จุดเน้นครูจัดประสบการณ์ตรงเพื่อส่งเสริมให้เด็กสุขภาพดี มีความปลอดภัย ผลการพิจารณา ตัวชี้วัด สรุปผลประเมิน ✓ ๑. ครูมีการวางแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้รายปีครบทุก หน่วยการเรียนรู้ ทุกชั้นปี o ปรับปรุง (๐-๓ ข้อ) o พอใช้ (๔ ข้อ) ✓ ดี (๕ ข้อ) ✓ ๒. ครูทุกคนมีการนำแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ไปใช้ใน การจัดประสบการณ์โดยใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและแหล่ง เรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ✓ ๓. มีการตรวจสอบและประเมินผลการจัดประสบการณ์อย่างเป็น ระบบ ✓ ๔. มีการนำผลการประเมินมาพัฒนาการจัดประสบการณ์ของครู อย่างเป็นระบบ ✓ ๕. มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อพัฒนา ปรับปรุงการจัดประสบการณ์ ข้อเสนอแนะในการเขียน SAR ให้ได้ผลประเมินระดับสูงขึ้น สถานศึกษาควรมีการระบุข้อมูลใน SAR ในปีต่อไปให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยมีการนำเสนอ ข้อมูลให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของครูปฐมวัย ในการจัดทำแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนา คุณภาพเด็กทั้ง ๔ ด้านอย่างสมดุล โดยกำหนดหน่วยการเรียนรู้ตลอดปีการศึกษา ๔๐ หน่วยการเรียนรู้ ครู ปฐมวัยทุกคนจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เน้นครูจัดประสบการณ์ตรง เพื่อส่งเสริมให้เด็กสุขภาพดี มีความปลอดภัย มีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพของเด็กผ่าน กิจกรรมหลัก ๖ กิจกรรม โดยใช้สื่อธรรมชาติ สื่อเทคโนโลยี นวัตกรรม แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอก สถานศึกษา มีการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาบูรณาการในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กสามารถปฏิบัติได้ จริง ครูปฐมวัยร่วมกับผู้ปกครองประเมินผลตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลาย และบันทึกผลหลังสอน แสดงข้อมูลผลการประเมินเชิงพัฒนาการของเด็กเป็นรายบุคคล แจ้งให้ผู้ปกครองทราบภาคเรียนละครั้ง และ สรุปเป็นภาพรวมของสถานศึกษา (Big Data) เช่น เด็กสุขภาพดี มีความปลอดภัย ร้อยละ ๙๗.๖๕ มีคุณภาพ ระดับยอดเยี่ยม นำผลการประเมินคุณภาพเด็กร้อยละ ๓ ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาวิเคราะห์เพื่อถึงสาเหตุและปัญหา ที่เกิดขึ้น ครูนำผลมาวางแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมให้เด็กสุขภาพดี มีความปลอดภัย และ ดำเนินตามแผนอย่างต่อเนื่อง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูปฐมวัยผู้ปกครอง เพื่อนครูด้วยกัน มีการ นิเทศ กำกับ ติดตาม การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครู จากฝ่ายบริหาร ฝ่ายวิชาการ เพื่อนครูด้วยกัน
๑๓ ศึกษานิเทศก์ เป็นต้น พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบทั้งที่ประชุมคณะครู ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา และทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ของสถานศึกษา เป็นต้น ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มาตรฐานที่ ๑ คุณภาพของผู้เรียน จุดเน้น ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ผลการพิจารณา ตัวชี้วัด สรุปผลประเมิน ๑. มีการระบุเป้าหมายคุณภาพของผู้เรียน o ปรับปรุง (๐-๓ ข้อ) ✓ พอใช้ (๔ ข้อ) ✓ o ดี (๕ ข้อ) ๒. มีการระบุวิธีพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างเป็นระบบตาม เป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน ✓ ๓. มีผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนตามเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน ✓ ๔. มีการนำผลประเมินคุณภาพของผู้เรียนมาพัฒนาผู้เรียนด้าน ผลสัมฤทธิ์ให้สูงขึ้น ✓ ๕. มีการนำเสนอผลการประเมินคุณภาพของผู้เรียนต่อผู้ที่ เกี่ยวข้อง ข้อเสนอแนะในการเขียน SAR ให้ได้ผลประเมินระดับสูงขึ้น สถานศึกษาควรมีการระบุข้อมูลใน SAR ในปีต่อไป ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการระบุ เป้าหมายคุณภาพของผู้เรียน ตัวบ่งชี้ ๑.๒.๔ สุขภาวะทางร่างกาย และจิตสังคม ทั้งเป้าหมายเชิงปริมาณและ เชิงคุณภาพ เช่น ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ร้อยละ ๙๐ มีคุณภาพระดับยอดเยี่ยม โดยนำข้อมูลจากการ ประเมินคุณภาพภายในของปีการศึกษาที่ผ่านมา มาเป็นฐานในการกำหนดค่าเป้าหมาย เป็นต้น
๑๔ มาตรฐานที่ ๒ กระบวนบริหารและการจัดการ จุดเน้น บริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ผลการ พิจารณา ตัวชี้วัด สรุปผลประเมิน ✓ ๑. มีการวางแผนการดำเนินการในแต่ละปีการศึกษา o ปรับปรุง (๐-๓ ข้อ) o พอใช้ (๔ ข้อ) ✓ ✓ ดี (๕ ข้อ) ๒. มีการนำแผนการดำเนินการไปใช้ดำเนินการ ✓ ๓. มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามแผน ✓ ๔. มีการนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงแก้ไขในปี การศึกษาต่อไป ✓ ๕. มีการนำเสนอผลการบริหารจัดการของสถานศึกษาให้ผู้มีส่วน ได้ส่วนเสียได้รับทราบ ข้อเสนอแนะในการเขียน SAR ให้ได้ผลประเมินระดับสูงขึ้น สถานศึกษาควรมีการระบุข้อมูลใน SAR ในปีต่อไปให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยมีการระบุวิธีการ พัฒนา ตัวบ่งชี้ ๒.๒ มีระบบบริหารจัดการคุณภาพของสถานศึกษา เน้นบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้ ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ตามเป้าหมายอย่างเป็นระบบ PDCA เช่น สถานศึกษากำหนดเป้าหมาย มี คุณภาพระดับ ดีเลิศ โดยสถานศึกษามีโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการจัดทำเสนอ คณะกรรมการสถานศึกษาให้ความเห็นชอบและมีการดำเนินงาน ตามแผน เช่น มีการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ภาคเรียนละ ๒ ครั้ง ประชุมผู้ปกครองภาคเรียนละครั้ง มีเครือข่ายผู้ปกครอง เป็นต้น สถานศึกษาดำเนินการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง โดยจัด สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกห้อง เอื้อต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีร่างกายแข็งแรง เช่น สนามกีฬา อุปกรณ์การเล่นกีฬาที่เพียงพอ และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เป็นต้น มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม อย่างเป็น ระบบ และต่อเนื่อง มีการสรุปผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประจำปีแจ้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ คณะกรรมการประเมินคุณภาพภายในประเมิน ตัวบ่งชี้ ๒.๒ มีระบบบริหารจัดการคุณภาพของสถานศึกษา เน้นบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีคุณภาพระดับ ดีเลิศ บรรลุ เป้าหมาย ซึ่งมีการนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุและปัญหาที่เกิดขึ้น มาวางแผนเพื่อพัฒนา ประสิทธิภาพ บริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ในปีต่อไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบทั้งที่ประชุมคณะครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการ สถานศึกษา และทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊กของสถานศึกษา เป็นต้น
๑๕ มาตรฐานที่ ๓ การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จุดเน้น ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลายเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ผลการพิจารณา ตัวชี้วัด สรุปผลประเมิน ✓ ๑. ครูมีการวางแผนการจัดการเรียนรู้ครบทุกรายวิชา ทุกชั้นปี o ปรับปรุง (๐-๓ ข้อ) o พอใช้ (๔ ข้อ) ✓ ✓ ดี (๕ ข้อ) ๒. ครูทุกคนมีการนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้ในการจัดการ เรียนการสอนโดยใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและแหล่ง เรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ✓ ๓. มีการตรวจสอบและประเมินผลการจัดการเรียนการสอน อย่างเป็นระบบ ✓ ๔. มีการนำผลการประเมินมาพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ของครูอย่างเป็นระบบ ✓ ๕. มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อพัฒนา ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน ข้อเสนอแนะในการเขียน SAR ให้ได้ผลประเมินระดับสูงขึ้น สถานศึกษาควรมีการระบุข้อมูลใน SAR ในปีต่อไปให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยมีการนำเสนอ ข้อมูลให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของครูในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการและคุณลักษณะที่ พึงประสงค์รายปีครบทุกรายวิชา ครบทุกชั้นปีครูทุกคนนำแผนการจัดการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เน้นครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง โดยใช้สื่อ ธรรมชาติ สื่อเทคโนโลยี นวัตกรรม แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา มีการนำภูมิปัญญาท้องถิ่น มาบูรณาการในการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติได้จริง ครูมีการประเมินผลตามสภาพจริงด้วยวิธีการ ที่หลากหลาย และบันทึกผลหลังสอน แสดงข้อมูลผลการประเมินเชิงพัฒนาการของผู้เรียนเป็นรายบุคคลแจ้ง ให้ผู้เรียนและผู้ปกครองทราบ และสรุปเป็นภาพรวมของสถานศึกษา ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ เช่น ผู้เรียนสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ร้อยละ ๙๐ มีคุณภาพระดับยอดเยี่ยม ครูมีการนำผลการประเมินผู้เรียน ร้อยละ ๑๐ ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาวิเคราะห์ถึงสาเหตุและปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วนำมาวางแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อ ส่งเสริมให้ผู้เรียนสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างครู ผู้ปกครอง เพื่อนครูด้วยกัน มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม การจัดการเรียนรู้ของครู จากผู้เกี่ยวข้อง ทุกฝ่าย เป็นต้น พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบทั้งที่ประชุมคณะครู ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา และทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ของสถานศึกษา เป็นต้น
๑๖ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สถานศึกษาควรระบุ SAR ในปีต่อไปให้มี ความสมบูรณ์ครบถ้วน เพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ ทราบ บริบทของสถานศึกษา เช่น ที่ตั้ง ประวัติสถานศึกษาโดยสังเขป สภาพชุมชน เศรษฐกิจ และสังคม นำเสนอ โครงสร้างการบริหารงานของสถานศึกษา ข้อมูลบุคลากรของสถานศึกษา แยกตามระดับที่เปิดสอน ข้อมูลผู้เรียนที่สำเร็จการศึกษาแต่ละปีการศึกษา ข้อมูลหลักสูตรที่จัดการเรียนการสอน ข้อมูลอาคารสถานที่ แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา ควรตั้งค่าเป้าหมายทั้งด้านปริมาณและคุณภาพครอบคลุมทุก มาตรฐาน และข้อมูลแบบอย่างที่ดี (Best Practice ) หรือนวัตกรรม (Innovation) ที่ครอบคลุมทุกมาตรฐาน คำรับรอง คณะผู้ประเมินขอรับรองว่าได้ทำการประเมิน SAR ตามเกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกของ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ซึ่งตัดสินผลการประเมินคุณภาพ ภายนอกบนฐานความโปร่งใส และยุติธรรมทุกประการ ลงนามโดยคณะผู้ประเมินดังนี้ ตำแหน่ง ชื่อ - นามสกุล ลายมือชื่อ ประธาน นายสันติ ตั้งจิต กรรมการ นายธนัญก์สิชณ์ภ์ บำรุงอโญฑ์สกุล กรรมการและเลขานุการ นางฐิติพรรณ พูลพิพัฒน์ วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔
๑๗ ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษา (ข้อมูล 28 มีนาคม 2566) 1.ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษาปีการศึกษา 2565 ระดับปฐมวัย ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการประเมินพัฒนาการแต่ละด้านในระดับ 3 ขึ้นไป ระดับชั้น ผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนด้าน ครบทั้ง 4 ด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม สติปัญญา อ.2 (1๙) 1๖ 1๖ 1๘ 1๕ 1๙ อ.3 (19) 1๘ 19 19 1๖ 19 รวม (3๘) 3๔ 3๕ 3๗ 3๑ 3๘ ร้อยละ ๘๙.๔๗ ๙๒.๑๐ ๙๗.๓๖ ๘๑.๕๗ ๙๐.๑๒ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการเรียนระดับ 3 ขึ้นไป ระดับชั้น รายวิชา(พื้นฐาน) ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี สังคมศึกษาฯ ประวัติศาสตร์ สุขศึกษาฯ ศิลปะ การงานอาชีพ ภาษาต่างประเทศ หน้าที่พลเมือง ต้านทุจริตศึกษา คอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษเพื่อ การสื่อสาร ป.1 (27) 70.37 66.66 74.07 81.48 80.48 96.29 96.29 92.59 96.59 100 100 96.29 96.29 ป.2 (15) 60.00 60.00 66.67 60.00 66.67 100 100 100 60.00 100 100 100 40.00 ป.3 (28) 78.57 75.00 78.57 82.14 85.71 89.29 89.29 89.29 89.29 96.43 96.43 96.43 100 ป.4 (26) 20.83 8.33 58.33 37.50 20.83 100 54.17 66.17 45.83 66.67 91.67 66.67 66.67 ป.5 (32) 25.00 12.50 43.75 37.50 28.13 90.61 68.75 90.61 62.50 28.13 59.38 75.00 50.00 ป.6 (26) 26.92 19.23 53.85 53.85 30.77 100 100 96.15 30.77 100 100 76.92 38.46 รวม 281.69 241.72 375.24 352.47 312.59 576.19 508.5 534.81 384.98 491.23 547.48 511.31 391.42 ร้อยละ 46.95 40.29 62.54 58.75 52.10 96.03 84.75 89.14 64.16 81.87 91.25 85.22 65.24
๑๘ แผนภูมิแสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2565 2. ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน 2 ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการประเมินการอ่าน (ในระดับดีขึ้นไประดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 - 1ปีการศึกษา 2565 ระดับชั้น จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม ขึ้นไป ป.1 27 5 4 8 5 17 65.00 ป.2 15 2 3 5 5 10 66.66 ป.3 28 - 3 10 15 25 89.28 ป.4 24 - 2 11 11 22 91.67 ป.5 32 1 7 15 9 24 75 ป.6 26 - 5 13 8 21 80.77 รวม 159 8 24 62 53 119 78.06 46.95 40.29 62.54 58.75 52.10 96.03 84.75 89.14 64.1681.8791.25 85.22 65.24 แผนภูมิแสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรีย น 8 กลุ่มสาระและราย วิชาเพิ่มเติม
๑๙ 3) ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการประเมิน คิดวิเคราะห์ ในระดับดีขึ้นไประดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ปีการศึกษา 2565 ระดับชั้น จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม ขึ้นไป ป.1 27 5 4 8 5 16 65.00 ป.2 15 2 3 6 4 10 66.66 ป.3 28 - 3 10 15 25 89.28 ป.4 24 - 2 14 8 22 91.67 ป.5 32 1 7 15 9 24 75 ป.6 26 - 5 13 8 21 80.77 รวม 159 8 24 62 53 119 78.06 4) ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการประเมินการเขียน ในระดับดีขึ้นไประดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ปีการศึกษา 2565 ระดับชั้น จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม ขึ้นไป ป.1 27 5 4 8 5 17 70.37 ป.2 15 2 3 6 4 10 66.66 ป.3 28 - 3 10 15 25 89.28 ป.4 24 - 2 11 11 22 91.67 ป.5 32 1 7 15 9 24 75 ป.6 26 - 5 13 8 21 80.77 รวม 159 8 24 66 49 118 78.96 3. ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ขึ้นไป ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม ป.1 27 - - 18 9 26 96.30 ป.2 15 0 2 8 5 13 86.67 ป.3 28 0 1 10 17 27 96.42 ป.4 24 0 0 14 10 24 100.00 ป.5 32 1 - - 31 31 96.87 ป.6 26 0 0 18 8 26 100.00 รวม 159 1 3 69 76 147 96.04
๒๐ 4. ผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ปีการศึกษา 2565 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565 ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการประเมินสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ปีการศึกษา 2565 ของผู้เรียนในระดับดีขึ้นไป - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สมรรถนะสำคัญ จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ขึ้นไป ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม 1. ความสามารถในการสื่อสาร 27 0 7 5 15 20 74.81 2. ความสามารถในการคิด 27 0 7 5 15 20 74.81 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 27 0 7 5 15 20 74.81 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 27 0 7 5 15 20 74.81 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 27 0 7 5 15 20 74.81 เฉลี่ย 27 0 7 5 15 20 74.81 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สมรรถนะสำคัญ จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ขึ้นไป ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม 1. ความสามารถในการสื่อสาร 15 - 3 7 5 12 80 2. ความสามารถในการคิด 15 2 3 5 5 10 66.66 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 15 - 5 5 5 10 66.66 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 15 - 2 6 7 13 86.66 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 15 - - 3 12 15 100 เฉลี่ย 15 2 3 5 7 12 80.00 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สมรรถนะสำคัญ จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ขึ้นไป ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม 1. ความสามารถในการสื่อสาร 28 0 5 15 8 23 82.14 2. ความสามารถในการคิด 28 0 5 15 8 23 82.14
๒๑ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 28 0 5 15 8 23 82.14 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 28 0 5 15 8 23 82.14 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 28 0 5 15 8 23 82.14 เฉลี่ย 28 0 5 15 8 23 82.14 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สมรรถนะสำคัญ จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ขึ้นไป ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม 1. ความสามารถในการสื่อสาร 24 - 2 12 10 22 91.67 2. ความสามารถในการคิด 24 - 2 14 8 22 91.67 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 24 - 2 10 12 22 91.67 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 24 - 2 3 19 22 91.67 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 24 - 2 16 6 22 91.67 เฉลี่ย 24 0 2 11 11 22 91.67 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สมรรถนะสำคัญ จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ขึ้นไป ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม 1. ความสามารถในการสื่อสาร 32 1 7 15 9 24 75 2. ความสามารถในการคิด 32 1 7 15 9 24 75 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 32 1 7 15 9 24 75 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 32 1 7 15 9 24 75 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 32 1 7 15 9 24 75 เฉลี่ย 32 1 7 15 9 24 75 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สมรรถนะสำคัญ จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน ระดับดี ขึ้นไป ร้อยละ ไม่ผ่าน ผ่าน ดี ดีเยี่ยม 1. ความสามารถในการสื่อสาร 32 1 - - 31 31 96.87 2. ความสามารถในการคิด 32 1 - - 31 31 96.87 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 32 1 - - 31 31 96.87
๒๒ 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 32 1 - - 31 31 96.87 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 32 1 - - 31 31 96.87 เฉลี่ย 32 1 - - 31 31 96.87 5. ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปีการศึกษา 2565 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จำนวน นักเรียน ผลการประเมิน(คน/ร้อยละ) ผ่าน ไม่ผ่าน คน ร้อยละ คน ร้อยละ กิจกรรมแนะแนว 159 158 93.37 1 0.63 กิจกรรมนักเรียน : ลูกเสือ/เนตรนารี /ผู้บำเพ็ญประโยชน์ 159 158 93.37 1 0.63 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 159 158 93.37 1 0.63 กิจกรรม ชุมนุม 159 158 93.37 1 0.63 6. ผลการประเมินทดสอบระดับชาติ 6.1) ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่าน (RT) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2564 สมรรถนะและองค์ประกอบ คะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ ปรับปรุง พอใช้ ดี ดีมาก การอ่านออกเสียง 70.22 1. การอ่านออกเสียงคำ 91.11 2. การอ่านออกเสียงข้อความ 56.29 การอ่านรู้เรื่อง 70.66 1. การอ่านรู้เรื่องคำ(จับภาพ) 88.88 2. การอ่านรู้เรื่องประโยค(เล่าเรื่องจากภาพ) 44.44 3. การอ่านรู้เรื่องประโยค(เลือกตอบ) 91.11 4. การอ่านรู้เรื่องข้อความ 64.44 รวม 2 สมรรถนะ 70.44 6.2) ผลการประเมินความสามรถด้านการอ่านออกของผู้เรียน (Reading Test : RT) ปีการศึกษา 2563 และ ปีการศึกษา 2564 ปีการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ ค่าเฉลี่ยระดับโรงเรียน
๒๓ 7. ผลการประเมินความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (NT) 7.1) ผลการประเมินทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (NT) ปีการศึกษา 2565 ความสามารถ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ ระดับโรงเรียน ระดับสพฐ. ระดับประเทศ ด้านภาษาไทย 48.77 55.48 56.14 ด้านคณิตศาสตร์ 36.00 48.73 49.44 รวมความสามารถทั้ง 2 ด้าน 42.38 52.11 52.80 7.2) การเปรียบเทียบผลการประเมินทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (NT) ปีการศึกษา 2564 - 2565 ความสามารถ ปีการศึกษา 2563 ปีการศึกษา 2564 ร้อยละของผลต่าง ระหว่างปีการศึกษา ด้านภาษาไทย 48.52 48.77 +0.25 ด้านคณิตศาสตร์ 35.95 36.00 +0.05 รวมความสามารถทั้ง 2 ด้าน 42.23 42.38 +0.15 2563 การอ่านออกเสียง 72.36 2564 การอ่านออกเสียง 70.22 ผลการพัฒนา -2.14 2563 การอ่านรู้เรื่อง 70.63 2564 การอ่านรู้เรื่อง 70.66 ผลการพัฒนา +0.03
๒๔ 8. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 8.1) ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2565 8.2) การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2564 – 2565 รายวิชา คะแนนเฉลี่ย ปีการศึกษา 2564 ปีการศึกษา 2565 ผลต่าง ระหว่างปีการศึกษา ภาษาไทย 70.05 59.94 - 10.11 (14.43 %) คณิตศาสตร์ 42.35 20.96 - 21.39 (50.51 %) วิทยาศาสตร์ 41.00 43.23 + 2.23 (5.44 %) ภาษาอังกฤษ 43.75 28.13 - 15.62 (35.70 %) รายวิชา คะแนนเฉลี่ย ระดับโรงเรียน ระดับ สพฐ. ระดับประเทศ ภาษาไทย 59.94 52.80 53.89 คณิตศาสตร์ 20.96 26.52 28.06 วิทยาศาสตร์ 43.23 37.90 39.34 ภาษาอังกฤษ 28.13 33.57 37.62
๒๕ ส่วนที่ ๒ นโยบายและยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง 1. กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) การพัฒนาประเทศในช่วงระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ จะมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนา ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในรูปแบบ“ประชารัฐ” โดยประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้าง ความสามารถในการแข่งขัน ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบน คุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหาร จัดการภาครัฐ โดยแต่ละยุทธศาสตร์มีเป้าหมายและประเด็นการพัฒนา ดังนี้ 1.๑ ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญ คือ ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เน้นการบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมของประเทศให้มีความมั่นคง ปลอดภัย เอกราช อธิปไตย และมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ สังคม ชุมชน มุ่งเน้นการพัฒนาคน เครื่องมือ เทคโนโลยี และระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ให้มีความพร้อมสามารถรับมือกับภัยคุกคามและภัยพิบัติได้ทุก รูปแบบ และทุกระดับความรุนแรง ควบคู่ไปกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ใช้กลไกการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการทั้งกับส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชา สังคม และองค์กรที่ไม่ใช่รัฐ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศทั่วโลกบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อการดำเนินการของยุทธศาสตร์ชาติด้านอื่น ๆ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ตาม ทิศทางและเป้าหมายที่กำหนด 1.๒ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้น การยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานแนวคิด ๓ ประการ ได้แก่ (๑) “ต่อยอดอดีต” โดยมองกลับไปที่รากเหง้าทางเศรษฐกิจ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทาง ทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย รวมทั้งความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศในด้านอื่น ๆ นำมา ประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม่ (๒) “ปรับปัจจุบัน” เพื่อปูทางสู่อนาคต ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในมิติต่าง ๆ ทั้งโครงข่าย ระบบคมนาคมและขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจิทัล และการปรับสภาพแวดล้อมให้ เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต และ (๓) “สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต” ด้วยการเพิ่มศักยภาพ ของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่ รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคต บนพื้นฐานของการต่อยอดอดีตและปรับปัจจุบัน พร้อมทั้งการ ส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐให้ประเทศไทยสามารถสร้างฐานรายได้และการจ้างงานใหม่ ขยายโอกาสทาง การค้าและการลงทุนในเวทีโลก ควบคู่ไปกับการยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของคนชั้น กลาง และลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศได้ในคราวเดียวกัน
๒๖ 1.๓ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายการ พัฒนาที่สำคัญเพื่อพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความ พร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะรับผิดชอบ ต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติมีหลักคิด ที่ถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่สามและอนุรักษ์ภาษา ท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็น นวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่น ๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตนเอง 1.๔ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม มีเป้าหมายการพัฒนา ที่สำคัญที่ให้ความสำคัญกับการดึงเอาพลังของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม ชุมชนท้องถิ่น มาร่วมขับเคลื่อน โดยการสนับสนุนการรวมตัวของประชาชนในการร่วมคิดร่วมทำเพื่อส่วนรวม การกระจาย อำนาจและความรับผิดชอบไปสู่กลไกบริหารราชการแผ่นดินในระดับท้องถิ่น การเสริมสร้างความเข้มแข็ง ของชุมชนในการจัดการตนเอง และการเตรียมความพร้อมของประชากรไทยทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเองและทำประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน และสังคมให้นานที่สุด โดยรัฐให้หลักประกันการเข้าถึงบริการและสวัสดิการที่มีคุณภาพอย่างเป็นธรรม และทั่วถึง 1.๕ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มี เป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาล และความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างกันทั้งภายในและภายนอกประเทศ อย่างบูรณาการ ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการกำหนดกลยุทธ์และแผนงาน และการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้ามามี ส่วนร่วมในแบบทางตรงให้ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเป็นการดำเนินการบนพื้นฐานการเติบโตร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลทั้ง ๓ ด้าน อัน จะนำไปสู่ความยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไปอย่างแท้จริง 1.๖ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ มีเป้าหมาย การพัฒนาที่สำคัญเพื่อปรับเปลี่ยนภาครัฐที่ยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ ส่วนรวม” โดยภาครัฐต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ แยกแยะบทบาทหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ ในการกำกับหรือในการให้บริการในระบบเศรษฐกิจที่มีการแข่งขัน มีสมรรถนะสูง ยึดหลักธรรมาภิบาล ปรับ วัฒนธรรมการทำงานให้มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวม มีความทันสมัย และพร้อมที่จะปรับตัวให้ทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า และปฏิบัติงานเทียบได้กับมาตรฐานสากล รวมทั้งมี ลักษณะเปิดกว้าง เชื่อมโยงถึงกันและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อตอบสนองความต้องการ ของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส โดยทุกภาคส่วนในสังคมต้องร่วมกันปลูกฝังค่านิยมความ ซื่อสัตย์สุจริต ความมัธยัสถ์ และสร้างจิตสำนึกในการปฏิเสธไม่ยอมรับการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้น กฎหมายต้องมีความชัดเจน มีเพียงเท่าที่จำเป็น มีความทันสมัย มีความเป็นสากล มีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำและเอื้อต่อการพัฒนา โดยกระบวนการยุติธรรมมีการบริหารที่มี ประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และการอำนวยความยุติธรรมตามหลักนิติธรรม
๒๗ ๒. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ เป้าหมายการพัฒนา ๑. ความเชื่อมโยงของหมุดหมายกับเป้าหมายหลักของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๓ และยุทธศาสตร์ชาติ หมุดหมายที่ ๑๒ ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต มุ่ง ตอบสนองเป้าหมายหลักของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๓ จำนวน ๒ เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ ๒) การพัฒนา คน สำหรับโลกยุคใหม่ โดยคนทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาในทุกมิติ การพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงสอดคล้อง กับ ความต้องการของภาคการผลิตเป้าหมาย สามารถสร้างงานอนาคต และสร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะ ที่มี ความสามารถในการสร้างและใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้ง เป้าหมายที่ ๓) การมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาส และความเป็นธรรม ด้วยการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งการพัฒนาระบบนิเวศเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต และพัฒนาทางเลือกในการเข้าถึงการเรียนรู้สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเรียนในระบบการศึกษาปกติ นอกจากนี้ หมุดหมายที่ ๑๒ ยังมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติใน ๓ ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ในประเด็นเป้าหมาย ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน สูงขึ้น ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ในประเด็นเป้าหมาย คนไทยเป็นคนดี คนเก่งมี คุณภาพ พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑ และสังคมไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อการ พัฒนาคนตลอด ช่วงชีวิต และยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ในประเด็นเป้าหมายการสร้าง ความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ และการกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นกำลังของการพัฒนาประเทศในทุกระดับ ๒. เป้าหมายและผลลัพธ์ของการพัฒนาระดับหมุดหมาย เป้าหมายที่ ๑ คนไทยได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย มีสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับ โลกยุคใหม่ มีคุณลักษณะตามบรรทัดฐานที่ดีของสังคม มีคุณธรรม จริยธรรม และมีภูมิคุ้มกัน ต่อการเปลี่ยนแปลงอย่าง พลิกโฉมฉับพลันของโลก สามารถดำรงชีวิตร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข ตัวชี้วัดที่ ๑.๑ ดัชนีพัฒนาการเด็กสมวัยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๘๘ เมื่อสิ้นสุดแผน ตัวชี้วัดที่ ๑.๒ ร้อยละของนักเรียนที่มีสมรรถนะจากการประเมินโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียน มาตรฐานสากลไม่ถึงระดับพื้นฐานของทั้ง ๓ วิชาในแต่ละกลุ่มโรงเรียน ลดลงร้อยละ 4 เมื่อสิ้นสุดแผน ตัวชี้วัดที่ ๑.๓ ทุนชีวิตเด็กและเยาวชนไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓ เมื่อสิ้นสุดแผน ตัวชี้วัดที่ ๑.๔ จำนวนนักศึกษาที่เข้าร่วมการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาบัณฑิตฐานสมรรถนะเพิ่มเป็นร้อยละ ตัวชี้วัดที่ ๑.๕ ผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๔ ต่อปี ตัวชี้วัดที่ ๑.๖ จำนวนผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาความยากจนหลายมิติลดลงร้อยละ ๒๐ ต่อปี เป้าหมายที่ ๒ กำลังคนมีสมรรถนะสูง สอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตเป้าหมาย และสามารถ สร้างงานในอนาคต ตัวชี้วัดที่ ๒.๑ ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของสภาเศรษฐกิจโลกด้านทักษะ คะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐ เมื่อสิ้นสุดแผน ตัวชี้วัดที่ ๒.๒ การจัดอันดับในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถของสถาบันการจัดการนานาชาติ มีคะแนน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓ ต่อปี ตัวชี้วัดที่ ๒.๓ จำนวนและมูลค่าของธุรกิจสตาร์ทอัพเพิ่มขึ้น
๒๘ เป้าหมายที่ ๓ ประชาชนทุกลุ่มเข้าถึงการเรียนรรู้ตลอดชีวิต ตัวชี้วัดที่ ๓.๑ การประเมินสมรรถนะผู้ใหญ่ในระดับนานาชาติของคนไทยในทุกด้านไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ของประเทศที่เข้ารับการประเมิน ตัวชี้วัดที่ ๓.๒ กลุ่มประชากรอายุ ๑๕-๒๔ ปี ที่ไม่ได้เรียน ไม่ได้ทำงาน หรือไม่ได้ฝึกอบรม ไม่เกินร้อยละ ๕ เมื่อสิ้นสุดแผน กลยุทธ์การพัฒนา กลยุทธ์ที่ ๑ คนไทยทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาในทุกมิติ กลยุทธ์ย่อยที่ ๑.๑ พัฒนาเด็กช่วงตั้งครรภ์ถึงปฐมวัยให้มีพัฒนาการรอบด้าน มีอุปนิสัยที่ดี โดย ๑) การเตรียมความพร้อมพ่อแม่ผู้ปกครองและสร้างกลไกประสานความร่วมมือ เพื่อดูแล หญิง ตั้งครรภ์ให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ และดูแลเด็กให้มีพัฒนาการสมวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ – ๕ ปี ๒) การพัฒนาครูและผู้ดูแลเด็กปฐมวัยให้มีความรู้และทักษะการดูแลที่เพียงพอ มีจิตวิทยา การ พัฒนาการของเด็กปฐมวัย สามารถทํางานร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของ เด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการสมวัยตามหลักการพัฒนาสมองและกระบวนการเรียนรู้แก่เด็ก ควบคู่กับ การ พัฒนาการด้านร่างกาย สาธารณสุข และโภชนาการเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีอย่างรอบด้าน ก่อนเข้าสู่ วัยเรียน ๓) การยกระดับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ได้มาตรฐาน และจัดสรรทรัพยากรที่เพียงพอสําหรับการ ดําเนินงาน เพื่อให้เป็นกลไกการพัฒนาเด็กปฐมวัยรายพื้นที่ที่มีคุณภาพ ๔) การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการดูแลปกป้องเด็กปฐมวัย ให้มีพัฒนาการที่ดี รอบด้าน สติปัญญาสมวัย โดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชา สังคม และภาคเอกชน รวมถึงพัฒนาระบบสารสนเทศเด็กรายบุคคลเพื่อการส่งต่อไปยังสถานศึกษาและการ พัฒนา ที่ต่อเนื่อง กลยุทธ์ย่อยที่ ๑.๒ พัฒนาผู้อยู่ในช่วงวัยการศึกษาระดับพื้นฐานให้มีความตระหนักรู้ในตนเอง มี ทักษะดิจิทัลและมีสมรรรถนะที่จําเป็นต่อการเรียนรู้ การดํารงชีวิตและการทํางาน โดย ๑) การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แนวใหม่ และขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถ จัดการ ตนเอง มีความสามารถในการสื่อสาร สามารถรวมพลังทํางานเป็นทีม มีการคิดขั้นสูงด้วยการจัดการเรียนรู้ เชิง รุก และขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติโดยนําร่องกับสถานศึกษาที่มีความพร้อม และมีมหาวิทยาลัยในพื้นที่สนับสนุน ความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ๒) การยกระดับการอาชีวศึกษา โดยการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ร่วมกับกลุ่มอาชีพ ผู้ประกอบการ และสถาบันอุดมศึกษาสายปฏิบัติการ เพื่อให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตามความต้องการของตลาดงาน มีงานทําและมีรายได้ตามสมรรถนะ และเป็นผู้ประกอบการใหม่ได้ ๓) การยกระดับการผลิตและพัฒนาครูทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ โดยวางแผนจํานวน ความ ต้องการครูในแต่ละสาขา พัฒนาหลักสูตรการผลิตครูที่มีการเตรียมความพร้อมด้านวิชาการและด้านทักษะ การจัดการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ พัฒนาระบบการคัดกรองที่ สะท้อน สมรรถนะวิชาชีพครู ปรับบทบาทของครูจาก “ผู้สอน” เป็น “โค้ช” ที่อํานวยการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง และมุ่งสู่การยกระดับครูสู่วิชาชีพชั้นสูง ๔) การปรับปรุงระบบวัดและประเมินผู้เรียนให้มีความหลากหลายตามสภาพจริง ตลอดจน มีการ ประเมินการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนเป็นรายบุคคล ที่เชื่อมโยง สู่การทํางานในอนาคต
๒๙ ๕) การพัฒนาระบบสนับสนุนการเรียนรู้ โดย ๑) การแก้ไขภาวะการถดถอยของความรู้ในวัยเรียน โดยสถานศึกษาพัฒนาแนวปฏิบัติและระบบสนับสนุนที่เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมการจัดการเรียนรู้แบบ ผสมผสาน และการเรียนรู้ที่บ้านในสถานการณ์ฉุกเฉิน ๒) การพัฒนาระบบแนะแนวให้มีประสิทธิภาพ โดย พัฒนาครู และผู้ประกอบอาชีพแนะแนวให้สามารถร่วมวางแผนเส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และ การดําเนินชีวิต ของผู้เรียนได้ตามความสนใจ ความถนัด ๓) พัฒนาสถานศึกษาและสร้างสังคมที่เอื้อต่อ การเรียนรู้อย่างปลอดภัยทั้ง ในสังคมจริง และสังคมเสมือน โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่ เหมาะสมกับการเรียนรู้ สร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียน ถึงแนวทางการอยู่ ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข บนหลักของการเคารพความหลากหลายทั้งทางความคิด มุมมองของคนระหว่าง รุ่น และอัตลักษณ์ส่วนบุคคล เพื่อการวางอนาคตในการพัฒนาประเทศร่วมกัน การส่งเสริมการเรียนรู้วิชาชีวิต ในโรงเรียน ให้หลีกเลี่ยงยาเสพติด การพนัน และมีแนวปฏิบัติในการคุ้มครองสวัสดิภาพของผู้เรียน โดยเฉพาะ จากการถูกกระทําโดยวิธีรุนแรง ทั้งทางกาย ทางวาจา และการกลั่นแกล้งในรูปแบบต่าง ๆ ๔) การปรับปรุง ระบบการจัดสรรงบประมาณ และทรัพยากรทางการศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นสําคัญ และ อยู่บนหลักความเสมอภาค และเป็นธรรม รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและดิจิทัลให้มี ความครอบคลุมในทุกพื้นที่ ๕) การกระจายอํานาจ ไปสู่สถานศึกษาและเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน และภาค ประชาสังคมในการสนับสนุน การจัดการศึกษา โดยปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ที่เอื้อให้สถานศึกษามีความเป็น อิสระในการบริหาร ด้านการจัดการศึกษา ด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ และด้านบุคลากร รวมทั้งขับเคลื่อน การสร้างนวัตกรรม ทางการศึกษาตามบริบทของโรงเรียนและพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมในการจัดการเรียนรู้ และการร่วมลงทุนเพื่อการศึกษา ๖) การส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษ โดยพัฒนาระบบเสาะหาและกลไกการบริหารจัดการและส่งเสริมผู้มี ความสามารถพิเศษตามแนวคิดพหุปัญญา อย่างเป็นระบบ อาทิ การสนับสนุนทุนการศึกษาต่อ ฝึก ประสบการณ์ทํางานวิจัยในองค์กรชั้นนํา ตลอดจนส่งเสริม การทํางานที่ใช้ความสามารถพิเศษอย่างเต็ม ศักยภาพ ๗) ผู้มีความต้องการพิเศษได้รับโอกาสและเข้าถึงการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย โดย สถานศึกษาจัดการศึกษาที่หลากหลายและเหมาะสมเฉพาะกลุ่มให้เป็นทางเลือก แก่ผู้เรียนเพื่อยุติการออก กลางคัน และพัฒนากลไกสนับสนุนรวมถึงการปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และ องค์การที่ไม่แสวงหากําไรในการดูแลกลุ่มผู้มีความต้องการพิเศษ อาทิ การวางแนวทาง ให้เอกชนสามารถจัดตั้ง สถานฝึกอบรม หรือมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการพัฒนาผู้ต้องคําพิพากษา ๖) การเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมและเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง รวมถึงการรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยมไทยให้สอดคล้อง เหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน เพื่อให้เป็นพื้นฐานของสังคมไทย และเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ในการสื่อสารภาพลักษณ์ของประเทศไทยและนําเสนอความเป็นไทยสู่สากล กลยุทธ์ย่อยที่ ๑.๓ พัฒนาผู้เรียนช่วงวัยการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้มีสมรรถนะที่จําเป็นและ เชื่อมโยงกับโลกของการทํางานในอนาคตและการสร้างสรรค์นวัตกรรม โดย ๑) ปฏิรูประบบอุดมศึกษาและการจัดสรรทรัพยากรให้เป็นไปตามอุปสงค์ โดยการจัดสรร งบประมาณ ตรงสู่ผู้เรียน มีการพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบการจัดการศึกษา มาตรฐานการอุดมศึกษา และระบบประกัน คุณภาพการศึกษา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมรับผิดชอบและระดมทรัพยากรจากภาคเอกชนในการจัด การศึกษา ๒) ส่งเสริมบทบาทของสถาบันอุดมศึกษา ในการแก้ปัญหาภาวการณ์ถดถอยของการเรียนรู้ จากการ แพร่ระบาดของโควิด-๑๙ เชื่อมโยงโลกของการเรียนและการทํางานตลอดชีวิตด้วยการจัดการเรียนรู้ ตามความ สนใจรายบุคคล สร้างและขยายความร่วมมือในการจัดการศึกษาระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เข้มแข็งและ ส่งเสริมนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยกลไกนวัตกรรมการศึกษาขั้นสูง เพื่อผลิตกําลังคนตามความต้องการ
๓๐ ของประเทศ รวมทั้งส่งเสริมสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ พัฒนาคุณภาพการศึกษาและพัฒนาบุคลากร รองรับ การพัฒนาที่เข้าใจบริบทสังคมและชุมชนในท้องถิ่น ๓) การเชื่อมโยงระบบและกลไกการทํางานวิจัย ของเครือข่ายวิจัยกับศูนย์ความเป็นเลิศ ทั้งในและ ต่างประเทศ เพื่อรวมนักวิจัยและนักเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าในระดับโลกทํางานพัฒนาและต่อยอด งานวิจัยเพื่อ การพัฒนาประเทศ ส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาทํางานร่วมกับนักวิจัยและผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในรูปแบบ บริษัท โฮลดิ้งเพื่อการพัฒนาธุรกิจฐานนวัตกรรม รวมถึงผลักดันให้สถาบันอุดมศึกษาทํางานวิจัยร่วมกับ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาคการผลิตและบริการให้สามารถปรับสู่เศรษฐกิจฐานความรู้และ นวัตกรรม เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเรียนรู้เทคโนโลยีเสมือน เพื่อการ เตรียมพร้อมสําหรับโลกอนาคต กลยุทธ์ย่อยที่ ๑.๔ พัฒนาวัยแรงงานให้มีสมรรถนะที่จําเป็นเพื่อการประกอบอาชีพและเชื่อมโยง กับ โลกของการทํางานในอนาคต โดย ๑) ส่งเสริมและกระจายโอกาสในการพัฒนาสมรรถนะให้กับแรงงานทุกกลุ่ม ทั้งการเพิ่มพูน และ พัฒนาทักษะความรู้ใหม่ เพื่อให้มีทักษะตรงกับงานและอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป และการพัฒนาทักษะเดิม เพื่อ เพิ่มขีดความสามารถในการทํางาน โดยให้สถาบันการศึกษาร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานพัฒนาของรัฐ วางแผนสํารวจข้อมูลและจัดทําหลักสูตรระยะสั้น เพื่อพัฒนา ทักษะ พื้นฐานและทักษะที่จําเป็นในการทํางานและการใช้ชีวิต โดยมีการปรับกฎระเบียบให้มีความยืดหยุ่นเพื่อ สนับสนุน การดําเนินการในรูปแบบที่หลากหลายได้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและรูปแบบการทํางาน ในอนาคต และประชาชนควรได้รับเครดิตในทักษะอนาคต เพื่อใช้พัฒนาทักษะในหลักสูตรที่ได้รับการรับรอง และสนับสนุนจากภาครัฐ ๒) การพัฒนาแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะ และการเข้าสู่เส้นทางอาชีพ เข้า ด้วยกันอย่างเบ็ดเสร็จ และมีหน่วยงานรับผิดชอบที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะ สามารถต่อยอดสู่การทํางาน และเชื่อมโยงการเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีการรับรองมาตรฐาน รวมถึงการ เสริมสร้างผู้ประกอบการที่เชื่อมโยงกับภาคการผลิตและบริการในพื้นที่ ๓) ปรับรูปแบบการทํางาน ในการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีความคล่องตัวในการทํางาน ได้ทุกที่ และสร้างวัฒนธรรมการทํางานในทุกองค์กรที่ส่งเสริมให้คนเก่งได้แสดงความสามารถและแข่งขันอย่าง เป็นธรรม เพื่อขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันและเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร รวมถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะ สิทธิด้านแรงงาน เพื่อให้แรงงานมีความมั่นคงและปลอดภัย กลยุทธ์ย่อยที่ ๑.๕ พัฒนาผู้สูงอายุให้เป็นพลเมืองมีคุณค่าของสังคม โดย ๑) พัฒนาผู้สูงอายุให้เป็นพลังของสังคม ให้ผู้สูงอายุเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ภูมิปัญญา ที่ สั่งสมมาตลอดช่วงชีวิต วงชีวิตสู่คนรุ่นหลัง เพื่อให้เกิดการสืบสานและต่อยอดการพัฒนาสังคมและแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ร่วมกับคนต่างวัย และส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ทํางานตามศักยภาพ รวมทั้งพัฒนาสื่อการเรียนรู้ ที่ทันสมัย และหลักสูตรระยะสั้น เพื่อพัฒนาความรู้ สมรรถนะทางดิจิทัล ทักษะทางธุรกิจ และการใช้ชีวิต ที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละกลุ่ม ๒) พัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้ออํานวยต่อการดําเนินชีวิตของผู้สูงอายุ ให้สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ อย่างมีความสุข และการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุแก่คนวัยอื่น ๆ รวมทั้งพัฒนา นวัตกรรมรองรับการดําเนินชีวิตของผู้สูงอายุ
๓๑ กลยุทธ์ที่ ๒ การพัฒนากําลังคนสมรรถนะสูง กลยุทธ์ย่อยที่ ๒.๑ พัฒนากําลังคนสมรรถนะสูง สอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิต เป้าหมาย และสามารถสร้างงานอนาคต โดย ๑) ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนบูรณาการและเชื่อมโยงความร่วมมือด้านการศึกษาฝึกอบรม และร่วม จัดการระบบการเรียนรู้ที่เป็นระบบเปิด และเข้าถึงง่าย รวมทั้งพัฒนาและยกระดับระบบรองรับ และ วดล้อมที่ สามารถดึงดูดและเก็บรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพสูง ตามโลกสมัยใหม่ที่ครอบคลุม ทั้งความสามารถในงาน ทักษะในการใช้ชีวิต สมรรถนะดิจิทัลเพื่อการประกอบอาชีพ การดําเนินชีวิตประจําวัน สภาพแวดล้อมและการ ใช้สิทธิในการเข้าถึงบริการพื้นฐานภาครัฐและสินค้าบริการได้อย่างเท่าทัน การแก้ปัญหา การมีแนวคิดของ ผู้ประกอบการ รวมถึงความสามารถในการบริหารตัวเอง และการบริหารคนเพื่อนําทักษะของสมาชิกทีม ที่ หลากหลายมาประสานพลังรวมกัน การปฏิบัติงานได้อย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งกําหนดมาตรการจูงใจ และกลไก การสนับสนุนการฝึกอบรมและร่วมจัดการเรียนรู้ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือระหว่าง ประเทศในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบุคลากรขั้นสูงเพื่อการพัฒนากําลังคนสมรรถนะสูงที่สอดคล้องกับ ทิศทางการพัฒนาประเทศ ๒) พัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการวางแผนและพัฒนากําลังคน ทั้งข้อมูลอุปสงค์ อุปทานของแรงงาน และ การเชื่อมโยงกับสมรรถนะตลอดห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่คุณค่าตามรายอุตสาหกรรมของการผลิตและบริการ เป้าหมาย รวมถึงการเชื่อมโยงระบบสมรรถนะกับค่าจ้าง ๓) กําหนดมาตรการในการผลิตกําลังคนแบบเร่งด่วน โดยจัดการศึกษารูปแบบจําลองในสาขา ที่ จําเป็นต่อการพัฒนาประเทศ อาทิ ด้านปัญญาประดิษฐ์ ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล กลยุทธ์ย่อยที่ ๒.๒ เพิ่มกําลังคนที่มีคุณภาพเพื่อพัฒนาภาคการผลิตเป้าหมาย โดย ๑) สร้างกลไกระดับชาติเพื่อรวบรวมกําลังคนที่มีสมรรถนะสูง ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่กําเนิดใน ประเทศไทย ทั้งในภาครัฐและเอกชนและสนับสนุนให้ได้แสดงศักยภาพและใช้ความสามารถในการทํา ประโยชน์ให้กับประเทศ มีรูปแบบการทํางานที่เอื้อให้ทําางานข้ามพรมแดนกับสถาบันชั้นน่าทั้งภาครัฐและ เอกชนในระดับโลกได้ ให้มีการให้ลาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ มาผสานใช้กับการเพิ่มพูนความรู้และศักยภาพของ แรงงาน ที่มีสมรรถนะสูง ควบคู่กับสร้างวัฒนธรรมการทํางาน วัฒนธรรมองค์กร และสภาพแวดล้อมการ ทํางานที่เอื้อให้ กําลังคนคุณภาพทํางานหรือแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่และทํางานอย่างมีความสุข ๒) ส่งเสริมการนําเข้าผู้เชี่ยวชาญต่างชาติทักษะสูง โดยกําหนดมาตรการจูงใจเพื่อดึงดูด กลุ่ม ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติให้เข้ามาทํางานด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงการดึงนักศึกษาต่างชาติ ที่จบ การศึกษาในไทยให้สามารถอยู่ต่อในประเทศเพื่อพัฒนานวัตกรรม กลยุทธ์ย่อยที่ ๒.๓ สร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะที่มีความสามารถในการสร้าง ออกแบบ และใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมตลอดกระบวนการผลิตและบริการ การจัดการและการตลาด โดย ๑) การสร้างและพัฒนาทักษะองค์ความรู้รอบด้านที่จําเป็นต่อการประกอบธุรกิจยุคใหม่ โดยการสร้าง ความเชื่อใหม่ที่ส่งผลต่อการปรับพฤติกรรม ให้ตระหนักรู้ รับรู้องค์ความรู้ใหม่ ฝึกทักษะ สามารถ นําไป วิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อการวางแผนธุรกิจ และสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจได้ โดยมีรูปแบบการเรียนรู้ที่ง่าย กระชับ และรวดเร็ว ตอบสนองการเรียนรู้ที่แตกต่างของแต่ละบุคคลผ่านการ เรียนรู้ ในระบบและการเรียนรู้ตามอัธยาศัย ด้วยเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้เป็นเรื่องง่าย รวมถึงการ สร้างชุมชน ผู้ประกอบการแบ่งปันการเรียนรู้และแรงบันดาลใจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ๒) ส่งเสริมผู้ประกอบการในการสร้างนวัตกรรม เพื่อต่อยอดสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มของ อุตสาหกรรมในอนาคต โดยการสร้างพื้นที่ให้ผู้ประกอบการได้แข่งขันทดลองความคิด ส่งเสริมการลงทุน สําหรับการสร้างนวัตกรรม การจับคู่ทางธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนด้านเงินทุน
๓๒ กลยุทธ์ที่ ๓ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต กลยุทธ์ย่อยที่ ๓.๑ พัฒนาระบบนิเวศเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดย ๑) ส่งเสริมให้ภาคส่วนต่าง ๆ สร้างและพัฒนาเมืองเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ และพื้นที่สร้างที่หลากหลาย ทั้งพื้นที่กายภาพ และพื้นที่เสมือนจริง โดยกําหนดมาตรการจูงใจที่เหมาะสมเพื่อให้สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคเอกชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ สร้างพัฒนาแหล่งเรียนรู้ และพื้นที่สร้างสรรค์ที่มีคุณภาพ มีสาระที่ทันสมัย สอดคล้องกับความ ต้องการของผู้เรียน ทุกกลุ่ม ครอบคลุมทุกพื้นที่ เข้าถึงได้ง่ายทั้งพื้นที่กายภาพ และพื้นที่เสมือนจริง เพื่อสร้าง โอกาสในการเรียนรู้ และใช้ประโยชน์ในการพัฒนาและแสดงศักยภาพอย่างสร้างสรรค์ อันเป็นปัจจัยสําคัญใน การสร้างค่านิยมและพฤติกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ๒) สร้างสื่อการเรียนรู้ที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยการสร้างสื่อที่ใช้ภาษาถิ่นเพื่อให้ประชาชนที่ไม่ได้ ใช้ ภาษาไทยกลางเป็นภาษาหลักเข้าถึงได้ สื่อทางเลือกสําหรับผู้พิการทางสายตาและผู้พิการทางการได้ยิน รวมถึง สนับสนุนกลุ่มประชากรที่มีข้อจํากัดทางเศรษฐกิจให้เข้าถึงสื่อในราคาที่เข้าถึงได้ ๓) การพัฒนาระบบธนาคารหน่วยกิตของประเทศให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ที่สามารถเชื่อมโยง การ เรียนรู้ในทุกระดับและประเภททั้งในระบบสายสามัญ สายอาชีพ การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ตั้งแต่ มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา และนอกระบบ เพื่อสร้างความคล่องตัว และเปิดทางเลือก ในการ เรียนรู้ให้กับผู้เรียนทุกระดับ ๔) กําหนดมาตรการจูงใจ ให้ประชาชนพัฒนาตนเองด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยจัดให้ มีแหล่งเงินทุนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต อาทิ การพัฒนาเครดิตการฝึกอบรมสําหรับคนทุกกลุ่ม การจัดสรรสิทธิ พิเศษในการเข้ารับบริการฝึกอบรม การเข้าชมแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ส่งเสริมให้เอกชนที่ผลิต นวัตกรรมทาง การศึกษา จัดทํากิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร โดยกําหนดเงื่อนไขการให้ใช้ ผลิตภัณฑ์โดยไม่มี ค่าใช้จ่าย กลยุทธ์ย่อยที่ ๓.๒ พัฒนาทางเลือกในการเข้าถึงการเรียนรู้สําหรับผู้ที่ไม่สามารถเรียนในระบบ การศึกษาปกติ โดยจัดทําข้อมูลและส่งเสริมการจัดทําแผนการเรียนรู้ที่มีความยืดหยุ่นและหลากหลายของ กลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถวางเส้นทางการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อ จุดมุ่งหมายในอนาคตของตนเอง และสามารถเทียบโอนประสบการณ์ได้ ทั้งนี้ ให้มีการพัฒนาบุคลากรที่ เกี่ยวข้อง ในทุกระดับให้มีความเข้าใจและมีสมรรถนะในการพัฒนาผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายพิเศษที่มีความต้องการ ที่ซับซ้อน ๓. แผนการศึกษาชาติพ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ ● วิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมาย เป้าหมาย ตัวชี้วัด และยุทธศาสตร์ของแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้จึงได้ กำหนด วิสัยทัศน์(Vision) ไว้ดังนี้ “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิต อย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของ โลก ศตวรรษที่ ๒๑” โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา ๔ ประการ คือ ๑) เพื่อพัฒนาระบบและกระบวนการ จัดการศึกษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ๒) เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองดี มีคุณลักษณะ ทักษะและสมรรถนะที่สอดคล้องกับบทบัญญัติ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติและยุทธศาสตร์ชาติ ๓) เพื่อพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคม แห่งการเรียนรู้ และคุณธรรม จริยธรรม รู้รักสามัคคี และร่วมมือ ผนึกกำลังมุ่งสู่การพัฒนาประเทศ อย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ
๓๓ ๔) เพื่อนำประเทศไทยก้าวข้ามกับดัก ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ ลดลงเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายในการจัดการศึกษาดังกล่าวข้างต้น แผนการศึกษา แห่งชาติได้ วางเป้าหมายไว้๒ ด้าน คือ เป้าหมายด้านผู้เรียน (Learner Aspirations) โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มี คุณลักษณะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ (3Rs8Cs) ประกอบด้วย ทักษะและ คุณลักษณะต่อไปนี้ 3Rs ได้แก่ การอ่านออก (Reading) การเขียนได้(Writing) และการคิดเลขเป็น (Arithmetics) 8Cs ได้แก่ ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความ เข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross – cultural Understanding) ทักษะด้านความร่วมมือ การ ทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และการรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information and Media Literacy) ทักษะด้าน คอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และ ทักษะ การเรียนรู้(Career and Learning Skills) และความมีเมตตา กรุณา มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ เป้าหมายของการจัดการศึกษา (Aspirations) ๕ ประการ ซึ่งมีตัวชี้วัดเพื่อการบรรลุ เป้าหมาย ๕๓ ตัวชี้วัด ประกอบด้วย เป้าหมายและตัวชี้วัดที่สำคัญ ดังนี้ ๑) ประชากรทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานอย่างทั่วถึง (Access) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ประชากรกลุ่มอายุ ๖ - ๑๔ ปีทุกคนได้เข้าเรียนในระดับประถมศึกษาและ มัธยมศึกษาตอนต้นหรือ เทียบเท่าที่รัฐต้องจัดให้ฟรีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ผู้เรียนพิการได้รับ การพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทาง การศึกษาที่เหมาะสมทุกคน และประชากรวัยแรงงาน มีการศึกษาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เป็นต้น ๒) ผู้เรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน อย่างเท่าเทียม (Equity) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนได้รับ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายใน การศึกษา ๑๕ ปีเป็นต้น ๓) ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุขีดความสามารถ เต็มตามศักยภาพ (Quality) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น นักเรียนมีคะแนนผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (ONET) แต่ละวิชาผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ ๕๐ ขึ้นไปเพิ่มขึ้น และคะแนนเฉลี่ย ผลการทดสอบโครงการ ประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for International Student Assessment : PISA) ของ นักเรียนอายุ ๑๕ ปีสูงขึ้น เป็นต้น ๔) ระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการลงทุนทางการศึกษาที่ คุ้มค่าและบรรลุ เป้าหมาย (Efficiency) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ร้อยละของสถานศึกษาขนาดเล็ก ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน คุณภาพภายนอกลดลง มีระบบการบริหารงานบุคคล ครูและบุคลากร ทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและ เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน รวมทั้งมีกลไกส่งเสริมให้ ทุกภาคส่วนสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการจัดการศึกษา เป็นต้น ๕) ระบบการศึกษาที่สนองตอบและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นพลวัตและ บริบทที่ เปลี่ยนแปลง (Relevancy) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น อันดับความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศด้าน การศึกษาดีขึ้น สัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เรียนสามัญศึกษา และ จำนวนสถาบันอุดมศึกษา ที่ติดอันดับ ๒๐๐ อันดับแรกของโลกเพิ่มขึ้น เป็นต้น เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์จุดมุ่งหมาย และเป้าหมายดังกล่าว ข้างต้น แผนการศึกษาแห่งชาติ จึงได้กำหนดช่วงเวลาในการดำเนินการในแต่ละเป้าหมายและตัวชี้วัด เป็น ๕
๓๔ ช่วง ดังนี้ระยะ เร่งด่วน ระยะ ๕ ปีแรกของแผน ระยะ ๕ ปีที่สองของแผน ระยะ ๕ ปีที่สามของแผน และระยะ ๕ ปีสุดท้ายของแผน ยุทธศาสตร์ เป้าหมาย และตัวชี้วัด แผนการศึกษาแห่งชาติได้กำหนดยุทธศาสตร์ ในการ พัฒนาการศึกษาภายใต้๖ ยุทธศาสตร์หลักที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ๒๐ ปีเพื่อให้ แผนการศึกษาแห่งชาติ บรรลุเป้าหมายตามจุดมุ่งหมาย วิสัยทัศน์และแนวคิดการจัดการศึกษา ดังกล่าวข้างต้น ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ : การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ มีเป้าหมาย ดังนี้ ๒.๑ คนทุกช่วงวัยมีความรักในสถาบันหลักของชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น การจัดกิจกรรมของ สถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่ ส่งเสริมการเรียนรู้ที่สะท้อนความรักและการธำรงรักษาสถาบันหลักของชาติ และการยึดมั่นในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การจัดการเรียนการสอน/กิจกรรม เพื่อเสริมสร้าง ความเป็นพลเมือง (Civic Education) และ ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม เป็นต้น ๒.๒ คนทุกช่วงวัยในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ พิเศษได้รับการศึกษา และเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น นักเรียนในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่พิเศษมีคะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ขั้นพื้นฐาน (O-NET) แต่ละวิชาผ่านเกณฑ์ คะแนนร้อยละ ๕๐ ขึ้นไปเพิ่มขึ้น สถานศึกษาจัดการ ศึกษาสำหรับกลุ่มชนต่างเชื้อชาติศาสนา ภาษา และ วัฒนธรรม กลุ่มชนชายขอบ และแรงงาน ต่างด้าวเพิ่มขึ้น และสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษที่จัดอยู่ในมาตรการจูง ใจ มีระบบเงินเดือน ค่าตอบแทนที่สูงกว่าระบบปกติเพิ่มขึ้น เป็นต้น ๒.๓ คนทุกช่วงวัยได้รับการศึกษา การดูแลและป้องกันจากภัยคุกคามในชีวิต รูปแบบใหม่ มีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น สถานศึกษาที่จัดกระบวนการเรียนรู้และปลูกฝังแนวทาง การจัดการความขัดแย้งโดยแนวทางสันติ วิธีเพิ่มขึ้น มีการจัดการเรียนการสอน/กิจกรรม เพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภัยคุกคาม ในรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น มีระบบ กลไก และ มาตรการที่เข้มแข็งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามใน รูปแบบใหม่ และผู้เรียนในสถานศึกษา ที่มีคดีทะเลาะวิวาทลดลง เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ พัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้าง ความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติและการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ยกระดับคุณภาพและส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึง การศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่พิเศษ ทั้งที่เป็นพื้นที่สูง พื้นที่ตามแนว ตะเข็บชายแดน และพื้นที่เกาะแก่ง ชายฝั่งทะเล ทั้งกลุ่มชนต่างเชื้อชาติศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มชนชาย ขอบ และแรงงานต่างด้าว พัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อการจัดระบบการดูแลและป้องกันภัยคุกคามใน รูปแบบ ใหม่ อาทิอาชญากรรมและความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่ ภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการ ยกระดับคุณภาพการศึกษาในเขต พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่พิเศษ เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ ๒ : การผลิตและพัฒนากำลังคน การวิจัย และนวัตกรรรม เพื่อสร้าง ขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ มีเป้าหมาย ดังนี้ ๒.๑ กำลังคนมีทักษะที่สำคัญจำเป็นและมีสมรรถนะตรงตามความต้องการของ ตลาดงานและการ พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีฐานข้อมูล ความต้องการกำลังคน (Demand) จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน สัดส่วนผู้เรียน อาชีวศึกษาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เรียนสามัญศึกษา และสัดส่วนผู้เรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เรียนสังคมศาสตร์กำลัง แรงงานในสาขาอาชีพ ต่าง ๆ ที่ได้รับการยกระดับคุณวุฒิวิชาชีพเพิ่มขึ้น เป็นต้น ๒.๒ สถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่จัดการศึกษาผลิตบัณฑิตที่มีความ เชี่ยวชาญและเป็นเลิศเฉพาะ ด้าน มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สัดส่วนการผลิตกำลังคนระดับกลางและ ระดับสูง จำแนกตามระดับ /ประเภท การศึกษา ในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของ ตลาดงานและการพัฒนาประเทศเพิ่มขึ้น ร้อยละของ
๓๕ สถาบันการศึกษาจัดการศึกษารูปแบบ ทวิภาคี/สหกิจศึกษา/หลักสูตรโรงเรียนในโรงงานตามมาตรฐานที่ กำหนดเพิ่มขึ้น จำนวนหลักสูตร ของสถานศึกษาที่จัดการศึกษาทวิวุฒิ(Dual Degree) เพิ่มขึ้น จำนวนสถาบัน อาชีวศึกษาและ อุดมศึกษาที่จัดหลักสูตรสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้น และมีภาคีเครือข่ายความ ร่วมมือ ระหว่างรัฐ เอกชน สถานประกอบการ สมาคมวิชาชีพและหน่วยงานที่จัดการศึกษาเพิ่มขึ้น เป็นต้น ๒.๓ การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่สร้างผลผลิตและ มูลค่าเพิ่มทาง เศรษฐกิจ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สัดส่วนเงินลงทุนวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน เมื่อเทียบกับภาครัฐเพิ่มขึ้น สัดส่วนค่าใช้จ่ายการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเมื่อเทียบกับ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของ ประเทศเพิ่มขึ้น โครงการ/งานวิจัยเพื่อสร้าง องค์ความรู้/นวัตกรรมที่นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ เพิ่มขึ้น บุคลากรด้านการวิจัยและ พัฒนาต่อประชากร ๑๐,๐๐๐ คน เพิ่มขึ้น นวัตกรรม/สิ่งประดิษฐ์ ที่ได้จด สิทธิบัตรและทรัพย์สิน ทางปัญญาเพิ่มขึ้น และผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในระดับนานาชาติเพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะในสาขา ที่ตรงตามความต้องการ ของตลาดงานและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ส่งเสริม การผลิตและพัฒนากำลังคนที่มีความ เชี่ยวชาญและเป็นเลิศเฉพาะด้าน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมที่สร้าง ผลผลิตและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และมีแผนงานและ โครงการสำคัญ เช่น โครงการจัดทำแผนผลิตและ พัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของ ตลาดงานในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นต้น ฌ แผนการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ : การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ มีเป้าหมาย ดังนี้ ๓.๑ ผู้เรียนมีทักษะและคุณลักษณะพื้นฐานของพลเมืองไทย และทักษะและ คุณลักษณะที่จำเป็นใน ศตวรรษที่ ๒๑ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ผู้เรียนที่มีคุณลักษณะและทักษะ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ เพิ่มขึ้น ผู้เรียนทุกระดับการศึกษามีพฤติกรรมที่แสดงออกถึง ความมีวินัย และมีจิตสาธารณะเพิ่มขึ้น สถานศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนต้นหรือเทียบเท่าขึ้นไป ที่จัดกิจกรรมสะท้อนการสร้างวินัย จิตสาธารณะ และคุณลักษณะที่พึง ประสงค์เพิ่มขึ้น เป็นต้น ๓.๒ คนทุกช่วงวัยมีทักษะ ความรู้ความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐาน การศึกษาและ มาตรฐานวิชาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ตามศักยภาพ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น เด็กแรกเกิด – ๕ ปีมี พัฒนาการสมวัยเพิ่มขึ้น นักเรียนมีคะแนนผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) แต่ละ วิชาผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ ๕๐ ขึ้นไปเพิ่มขึ้น ผู้สูงวัย ที่ได้รับบริการการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและ ทักษะชีวิตเพิ่มขึ้น และมีสาขาและวิชาชีพ ที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยได้รับการส่งเสริมให้ทำงานและถ่ายทอด ความรู้/ประสบการณ์เพิ่มขึ้น เป็นต้น ๓.๓ สถานศึกษาทุกระดับการศึกษาสามารถจัดกิจกรรม/กระบวนการเรียนรู้ตาม หลักสูตรอย่างมี คุณภาพและมาตรฐาน มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ศูนย์เด็กเล็ก/สถานศึกษาระดับก่อน ประถมศึกษาที่จัดกิจกรรม การเรียนรู้ได้คุณภาพและมาตรฐานเพิ่มขึ้น สถานศึกษา/สถานพัฒนา เด็กปฐมวัยจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับ หลักสูตรปฐมวัย และสมรรถนะของเด็กที่เชื่อมโยงกับ มาตรฐานคุณภาพเด็กปฐมวัยของอาเซียนเพิ่มขึ้น สถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ จัดการศึกษาตามหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะและ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ เพิ่มขึ้น และสถาบันการศึกษาในระดับอาชีวศึกษาและอุดม ศึกษาที่จัด การศึกษาตามหลักสูตร ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย ๔.๐ เพิ่มขึ้น เป็นต้น ๓.๔ แหล่งเรียนรู้ สื่อตำราเรียน นวัตกรรม และสื่อการเรียนรู้มีคุณภาพและ มาตรฐาน และประชาชน สามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น แหล่งเรียนรู้ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถ
๓๖ จัดการศึกษา/จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีคุณภาพ เพิ่มขึ้น สื่อสารมวลชนที่เผยแพร่หรือจัดรายการ เพื่อการศึกษาเพิ่มขึ้น สื่อตำราเรียน และสื่อ การเรียนรู้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพจากหน่วยงานที่ รับผิดชอบ และได้รับการพัฒนา โดย การมีส่วนร่วมจากภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น เป็นต้น ๓.๕ ระบบและกลไกการวัด การติดตาม และประเมินผลมีประสิทธิภาพ มีตัวชี้วัด ที่สำคัญ เช่น มี ระบบและกลไกการทดสอบ การวัดและประเมินความรู้ทักษะ และสมรรถนะของ ผู้เรียนทุกระดับการศึกษา และทุกกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ มีระบบติดตามประชากรวัยเรียน ที่ขาดโอกาสหรือไม่ได้รับการศึกษา และผู้เรียนที่มีแนวโน้มจะออกกลางคัน เป็นต้น ๓.๖ ระบบการผลิตครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้มาตรฐานระดับ สากล มีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น มีฐานข้อมูลความต้องการใช้ครูแผนการผลิตครูอาจารย์และ บุคลากรทางการศึกษาในระยะ ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๙) จำแนกตามสาขาวิชา ขนาด สถานศึกษา และจังหวัด สัดส่วนของการบรรจุครูที่มา จากการผลิตครูในระบบปิดเพิ่มขึ้น มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่เอื้อให้ผู้สำเร็จการศึกษาจากสาขาวิชาอื่นและ พัฒนาเพิ่มเติมเพื่อเข้าสู่ วิชาชีพครูเป็นต้น ๓.๗ ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการพัฒนาสมรรถนะตาม มาตรฐาน มีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น ครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาทุกระดับและประเภท การศึกษาได้รับการพัฒนาตาม มาตรฐานวิชาชีพ และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความ ต้องการและยุทธศาสตร์ของหน่วยงานเพิ่มขึ้น และ ระดับความพึงพอใจของครูอาจารย์และบุคลากรทางการ ศึกษาที่มีต่อการพัฒนาและการใช้ ประโยชน์จากการพัฒนาเพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้สื่อตำราเรียน และสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และ ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ สร้างเสริมและปรับเปลี่ยนค่านิยมของ คนไทยให้มีวินัย จิตสาธารณะ และพฤติกรรมที่พึงประสงค์และพัฒนาระบบและกลไกการติดตาม การวัด และ ประเมินผลผู้เรียน ให้มีประสิทธิภาพ และมีแผนงานและโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนา ท้องถิ่น เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ ๔ : การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา มีเป้าหมาย ดังนี้ ๔.๑ ผู้เรียนทุกคนได้รับโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาที่มี คุณภาพ มีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น ดัชนีความเสมอภาคของอัตราการเข้าเรียนระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐานตามฐานะทางเศรษฐกิจและ พื้นที่ลดลง ความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ย ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนระหว่างพื้นที่/ ภาคการศึกษาในวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษลดลง เป็นต้น ๔.๒ การเพิ่มโอกาสทางการศึกษาผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาสำหรับ คนทุกช่วงวัย มีตัวชี้วัด ที่สำคัญ เช่น มีระบบเครือข่ายเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาที่ทันสมัย สนองตอบความต้องการของผู้เรียน และผู้ใช้บริการอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ และสถานศึกษา ทุกแห่งมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและมี คุณภาพ เป็นต้น ๔.๓ ระบบข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศทางการศึกษาที่ครอบคลุม ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน เพื่อการ วางแผนการบริหารจัดการศึกษา การติดตามประเมิน และรายงานผล ฎ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีระบบฐานข้อมูลรายบุคคลที่อ้างอิงจากเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก ที่สามารถเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนฐานข้อมูล รวมทั้งใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการและ หน่วยงานอื่น ด้านสาธารณสุข สังคม ภูมิสารสนเทศ แรงงาน และ การศึกษา และมีระบบสารสนเทศด้าน การศึกษาและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นระบบเดียวกัน ทั้งประเทศ ครอบคลุม ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน สามารถอ้างอิงได้เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึง การศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาสำหรับคนทุกช่วงวัย พัฒนา ฐานข้อมูลด้าน
๓๗ การศึกษาที่มีมาตรฐาน เชื่อมโยงและเข้าถึงได้และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการจัดทำฐานข้อมูล รายบุคคลทุกช่วงวัย ทั้งด้านสาธารณสุข สังคม ภูมิสารสนเทศ แรงงาน และการศึกษา เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ ๕ : การจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม มีเป้าหมาย ดังนี้ ๕.๑ คนทุกช่วงวัย มีจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม มีคุณธรรม จริยธรรม และ นำแนวคิดตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ครู/ บุคลากรทางการศึกษา ได้รับการอบรมพัฒนาใน เรื่องการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ผู้เรียนทุกระดับการศึกษามีพฤติกรรมที่ แสดงออกถึงความตระหนักใน ความสำคัญของการดำรงชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความมีคุณธรรม จริยธรรม และการประยุกต์ใช้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตเพิ่มขึ้น และ สถาบันอุดมศึกษาที่ติดอันดับ มหาวิทยาลัยสีเขียวของโลกเพิ่มขึ้น เป็นต้น ๕.๒ หลักสูตร แหล่งเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม คุณธรรม จริยธรรม และการนำแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่ การปฏิบัติ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สถานศึกษา/สถาบันการศึกษาจัดการเรียนการสอนและกิจกรรม เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และการ นำแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ เพิ่มขึ้น และสื่อสารมวลชนที่เผยแพร่หรือให้ ความรู้เกี่ยวกับการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เป็นต้น ๕.๓ การวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการสร้างเสริมคุณภาพชีวิต ที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีฐานข้อมูลด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศใน สาขาต่างๆ เพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ส่งเสริม สนับสนุนการสร้างจิตสำนึกรักษ์ สิ่งแวดล้อม มีคุณธรรม จริยธรรม และนำแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สู่การปฏิบัติในการ ดำเนินชีวิต ส่งเสริมและพัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้แหล่งเรียนรู้และ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ สื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ และพัฒนาองค์ความรู้งานวิจัย และนวัตกรรมด้านการสร้างเสริมคุณภาพ ชีวิต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการน้อมนำศาสตร์พระราชา สู่การ พัฒนาและเพิ่มศักยภาพคนทุกช่วงวัย โครงการโรงเรียนคุณธรรม โครงการโรงเรียนสีเขียว เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ ๖ : การพัฒนาประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการศึกษา มีเป้าหมาย ดังนี้ ๖.๑ โครงสร้าง บทบาท และระบบการบริหารจัดการการศึกษามีความคล่องตัว ชัดเจน และสามารถ ตรวจสอบได้มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีการปรับปรุงโครงสร้างและระบบ บริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และสถานศึกษาให้มีเอกภาพ สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล เป็น ต้น ๖.๒ ระบบการบริหารจัดการศึกษามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลส่งผลต่อ คุณภาพและมาตรฐาน การศึกษา มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สถานศึกษาขนาดเล็ก/สถานศึกษา ที่ต้องการความช่วยเหลือและพัฒนาเป็น พิเศษอย่างเร่งด่วน ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพ ภายนอกลดลง คะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานของผู้เรียนที่เรียน ในกลุ่มสถานศึกษาที่เข้าสู่ระบบการบริหารจัดการแนวใหม่ สูงขึ้น เป็นต้น ๖.๓ ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการ ของประชาชน และพื้นที่ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น จำนวนองค์กร สมาคม มูลนิธิหรือหน่วยงานอื่นที่ เข้ามาจัดการศึกษาหรือ ร่วมมือกับสถานศึกษา ทั้งของรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพิ่มขึ้น และสัดส่วนการมีส่วนร่วม สนับสนุนการศึกษาของภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคี เครือข่ายเมื่อเทียบกับรัฐ จำแนกตามระดับ การศึกษาสูงขึ้น เป็นต้น
๓๘ ๖.๔ กฎหมายและรูปแบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางการศึกษารองรับ ลักษณะที่แตกต่างกัน ของผู้เรียน สถานศึกษา และความต้องการกำลังแรงงานของประเทศ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ และระบบการจัดสรรเงินเพื่อการศึกษาที่เอื้อและ สนองตอบคุณลักษณะที่แตกต่างกันของผู้เรียน ความต้องการกำลังแรงงานและสภาพปัญหา ที่แท้จริงของประเทศ มีรูปแบบ/แนวทาง กลไกการจัดสรร งบประมาณผ่านด้าน อุปสงค์และอุปทาน ในสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นต้น ๖.๕ ระบบบริหารงานบุคคลของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามีความ เป็นธรรม สร้างขวัญ กำลังใจ และส่งเสริมให้ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มตามศักยภาพ มีตัวชี้วัด ที่สำคัญ เช่น สถานศึกษาที่มีครูเพียงพอ ต่อการจัดการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น ครู/ผู้ทรงคุณวุฒิจาก ภาคเอกชน/ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติงานสนับสนุนการ เรียนการสอนเพิ่มขึ้น และสถานศึกษามี บุคลากรทางการศึกษาทำหน้าที่ปฏิบัติงานสนับสนุนการเรียนการสอน เพิ่มขึ้น เป็นต้น ฐ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ โดยกำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ปรับปรุง โครงสร้างการบริหารจัดการศึกษา เพิ่ม ประสิทธิภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วนในการจัด การศึกษา ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับระบบการเงินเพื่อการศึกษา พัฒนาระบบ บริหารงานบุคคล ของครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการ เพิ่ม ประสิทธิภาพการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก โครงการพัฒนาระบบจัดสรรงบประมาณเพื่อ การศึกษา และโครงการทดลองนำร่องระบบการจัดสรรเงินผ่านด้านอุปสงค์และอุปทาน เป็นต้น ๔. นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายและจุดเน้นประจําปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ๑. การจัดการศึกษาเพื่อความปลอดภัย ๑.๑ เร่งสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของสังคม และป้องกันจากภัยคุกคาม ในชีวิตรูปแบบใหม่ และภัยอื่นๆ โดยมีการดําเนินการตามแผนและมาตรการด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้เรียน ครู และบุคลากรในรูปแบบต่างๆ อย่างเข้มข้น รวมทั้งดําเนินการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ติดตามประเมินผลการ ดําเนินการ และแสวงหาสถานศึกษาที่ดําเนินการได้ดีเยี่ยม (Best Practice) เพื่อปรับปรุง พัฒนาและขยาย ผลต่อไป ๑.๒ เร่งปลูกฝังทัศนคติ พฤติกรรม และองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการอยู่ในกระบวนการ จัดการเรียนรู้ เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้และสร้างภูมิคุ้มกันควบคู่กับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในเชิงบวก และสร้างสรรค์ พร้อมทั้งหาแนวทางวิธีการปกป้องคุ้มครองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ครูและบุคลากร ทางการศึกษา ๑.๓ เสริมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก และส่งเสริมคุณลักษณะและพฤติกรรม ที่พึง ประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ๑.๔ เร่งพัฒนาบทบาทและภารกิจของหน่วยงานด้านความปลอดภัยที่มีอยู่ในทุกหน่วยงานใน สังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้ดําเนินการอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ๒. การยกระดับคุณภาพการศึกษา ๒.๑ ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษานําหลักสูตรฐานสมรรถนะไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างสมรรถนะที่สําคัญจําเป็นสําหรับศตวรรษที่ ๒๑ ให้กับผู้เรียน ๒.๒ จัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ ความสนใจ ความถนัดในอาชีพของตนเอง ด้วย การเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) ทั้งในห้องเรียน สถานประกอบการ รวมทั้งการเรียนรู้ ผ่านแพลตฟอร์มและห้องดิจิทัลให้คําปรึกษาแนะนํา
๓๙ ๒.๓ พัฒนาและบูรณาการกระบวนการจัดการเรียนรู้และการวัดประเมินผลฐานสมรรถนะ สู่การ ปฏิบัติในชั้นเรียน เพื่อสร้างความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างตรรกะความคิด แบบ เป็นเหตุเป็นผลให้นักเรียนไทยสามารถแข่งขันได้กับนานาชาติ ๒.๔ พัฒนาทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) สําหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย เพื่อรองรับ การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมดิจิทัลในโลกยุคใหม่ ๒.๕ พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ให้มีความ ทันสมัย น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการ เสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ๒.๖ จัดการเรียนรู้ตามความสนใจรายบุคคลของผู้เรียนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่หลากหลาย และแพลตฟอร์มการเรียนรู้อัจฉริยะที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อการสอน คุณภาพสูง รวมทั้งมีการประเมินและพัฒนาผู้เรียน ๒.๗ ส่งเสริมการให้ความรู้และทักษะด้านการเงินและการออม (Financial Literacy) ให้กับ ผู้เรียน โดยบูรณาการการทํางานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กองทุนการออม แห่งชาติ (กอช.) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารออมสิน สหกรณ์ ฯลฯ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ โครงการ และ กิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่สื่อแอนิเมชันรอบรู้เรื่องเงิน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเชิงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่สูงขึ้น ๒.๘ ปรับโฉมศูนย์วิทยาศาสตร์และศูนย์การเรียนรู้ ให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย สวยงาม ร่มรื่น จูงใจ ให้เข้าไปใช้บริการ โดยมีมุมค้นหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มุมจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ ของผู้เรียน หรือกลุ่มผู้เรียน และการร่วมกิจกรรมกับครอบครัว หรือจัดเป็นฐานการเรียนรู้ด้านต่างๆ ที่ผู้เรียน และประชาชน สามารถมาลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม และได้รับเอกสารรับรองการเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อ นําไปใช้ประโยชน์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องหรือสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) ได้ รวมทั้งมีบริเวณพักผ่อนที่ มีบริการลักษณะบ้านสวนกาแฟ เพื่อการเรียนรู้ เป็นต้น ๒.๙ ส่งเสริมสนับสนุนสถานศึกษาให้มีการนําผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติไปใช้ ในการ วางแผนการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ๒.๑๐ พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพสถานศึกษาที่เน้นสมรรถนะและผลลัพธ์ที่ตัวผู้เรียน ๓. การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย ๓.๑ พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่งต่อ ไปยัง สถานศึกษาในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะระดับการศึกษาภาคบังคับ เพื่อป้องกันเด็กตกหล่นและเด็กออก กลางคัน ๓.๒ ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุตั้งแต่ ๓ ปีขึ้นไปทุกคน เข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อรับ การพัฒนาอย่างรอบด้าน มีคุณภาพ ตามศักยภาพ ตามวัยและต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ โดยบูรณาการร่วมงาน กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓.๓ พัฒนาข้อมูลและทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายพิเศษ และกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งกลุ่ม NEETs ในการเข้าถึงการศึกษา การเรียนรู้ และการฝึกอาชีพ อย่างเท่าเทียม ๓.๔ พัฒนาระบบสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว (Home School) และการ เรียนรู้ที่บ้านเป็นหลัก (Home-based Learning)
๔๐ ๔. การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ๔.๑ พัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษา และหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น แบบโมดูล (Modular System) มี การบูรณาการวิชาสามัญและวิชาชีพในชุดวิชาชีพเดียวกัน เชื่อมโยงการจัดการอาชีวศึกษาทั้งในระบบ นอก ระบบและระบบทวิภาคี รวมทั้งการจัดการเรียนรู้แบบต่อเนื่อง (Block Course) เพื่อสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) ร่วมมือกับสถานประกอบการในการจัดการอาชีวศึกษาอย่างเข้มข้นเพื่อการมีงานทํา ๔.๒ ขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนากําลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และยกระดับสมรรถนะ กําลังคน ตามกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน และมาตรฐานสากล รวมทั้งขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางการ อาชีวศึกษา (Excellent Center) โดยความร่วมมือกับภาคเอกชนและสถานประกอบการในการผลิตกําลังคน ที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ๔.๓ พัฒนาสมรรถนะอาชีพที่สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ โดยการ Re-skill Up-skill และ New skill เพื่อให้ทุกกลุ่มเป้าหมายมีการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น พร้อมทั้งสร้างช่องทางอาชีพในรูปแบบ หลากหลาย ให้ครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งผู้สูงอายุโดยมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๔.๔ ส่งเสริมการพัฒนาแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ตาม สมรรถนะ ที่จําเป็นในการเข้าสู่อาชีพ และการนําผลการทดสอบไปใช้คัดเลือกเข้าทํางาน ศึกษาต่อ ขอรับ ประกาศนียบัตรมาตรฐาน สมรรถนะการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) การขอรับวุฒิบัตรสมรรถนะภาษาอังกฤษ (English Competency) ๔.๕ จัดตั้งศูนย์ให้คําปรึกษาการจัดตั้งธุรกิจ (ศูนย์ Start up) ภายใต้ศูนย์พัฒนาอาชีพ และการเป็น ผู้ประกอบการ และพัฒนาศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา เพื่อการส่งเสริม และพัฒนาผู้ประกอบการ ด้านอาชีพทั้งผู้เรียนอาชีวศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยเชื่อมโยงกับ กศน. และสถานประกอบการ ทั้งภาครัฐ และเอกชนที่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพในวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ ๔.๖ เพิ่มบทบาทการอาชีวศึกษาในการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการและกําลังแรงงานในภาค เกษตร โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรอัจฉริยะ (Smart Farmer) และกลุ่มยุวเกษตรกรอัจฉริยะ (Young Smart Farmer) ที่สามารถ รองรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ ๔.๗ ส่งเสริม และสนับสนุนการผลิตและพัฒนากําลังคนทุกช่วงวัยเพื่อการมีงานทํา โดยบูรณาการ ความร่วมมือในการจัดการศึกษาร่วมกับหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น และสถาบันสังคมอื่น ๔.๘ พัฒนาหลักสูตรอาชีพสําหรับกลุ่มเป้าหมายผู้อยู่นอกระบบโรงเรียนและประชาชนที่ สอดคล้อง มาตรฐานอาชีพ เพื่อการเข้าสู่การรับรองสมรรถนะและได้รับคุณวุฒิวิชาชีพตามกรอบคุณวุฒิ แห่งชาติ รวมทั้งสามารถนําผลการเรียนรู้และมวลประสบการณ์เทียบโอนเข้าสู่การสะสมหน่วยการเรียน รู้ (Credit Bank) ได้ ๕. การส่งเสริมสนับสนุนวิชาชีพครู บุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ๕.๑ส่งเสริมสนับสนุนการดําเนินการตามหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ Performance Appraisal (PA) โดยใช้ระบบการประเมินตําแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา ระบบ Digital Performance Appraisal (DPA) ๕.๒ ส่งเสริมสนับสนุนการดําเนินการ พัฒนาสมรรถนะทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลตามกรอบ ระดับ สมรรถนะดิจิทัล (Digital Competency) สําหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
๔๑ และระดับอาชีวศึกษา ๕.๓ พัฒนาครูให้มีความพร้อมด้านวิชาการและทักษะการจัดการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยี และ นวัตกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้งให้เป็นผู้วางแผนเส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และการดําเนินชีวิตของผู้เรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล ๕.๔ พัฒนาขีดความสามารถของข้าราชการพลเรือนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีสมรรถนะ ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ๕.๕ เร่งรัดการดําเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ ควบคู่กับ การ ให้ความรู้ด้านการวางแผนและการสร้างวินัยด้านการเงินและการออม ๖. การพัฒนาระบบราชการและการบริการภาครัฐยุคดิจิทัล ๖.๑ ขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการ ๔.๐ ด้วยนวัตกรรม และการนําเทคโนโลยีดิจิทัล มาเป็น กลไกหลัก ในการดําเนินงาน (Digitalize Process) การเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูล (Sharing Data) การ ส่งเสริมความร่วมมือ บูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก ๖.๒ ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศให้สามารถใช้งานเครือข่าย สื่อสาร ข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับระบบราชการ ๔.๐ สามารถตอบสนอง ความต้องการของประชาชนได้ในทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอุปกรณ์และทุกช่องทาง ๖.๓ ปรับปรุงระบบการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษา โดยยึดหลัก ความจําเป็น และใช้พื้นที่เป็นฐาน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นสําคัญ ๖.๔ นําเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในระบบการคัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในตําแหน่งและสายงานต่าง ๆ ๖.๕ ส่งเสริมสนับสนุนการดําเนินงานของส่วนราชการให้เป็นไปตามกลไกการประเมินคุณธรรม และความโปร่งใสในการดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ๗. การขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษาและแผนการศึกษาแห่งชาติ เร่งรัดการดําเนินการจัดทํากฎหมายลําดับรองและแผนการศึกษาแห่งชาติ เพื่อรองรับ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติควบคู่กับการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง
๔๒ ๕. นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ๑. ด้านความ ปลอดภัย ๑.๑ พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้เรียนทุกคน พร้อมเสริมสร้างระบบและ กลไกในการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ให้กับผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา จากโรคภัยต่าง ๆ ภัยพิบัติ และภัยคุกคามทุกรูปแบบ ๑.๒ ส่งเสริมการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดีและเป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม ๑.๓ สร้างภูมิคุ้มกัน การรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ในการดําเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และชีวิตวิถีปกติต่อไป (Next Normal) ๒. ด้านโอกาสและการลดความเหลื่อมล้ำทางการ ศึกษา ๒.๑ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุ ๓ - ๖ ปีทุกคน เข้าสู่ระบบการศึกษา สร้าง สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการดูแลปกป้อง เพื่อให้มีพัฒนาการครบทุกด้าน โดยการมีส่วนร่วม ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒.๒ จัดการศึกษาให้ผู้เรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เข้าถึงโอกาส ความเสมอภาค และ ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะสําหรับการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพในอนาคตให้สอดคล้องกับความ ต้องการ ของตลาดงานและการพัฒนาประเทศ ๒.๓ จัดการศึกษาให้ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ ได้รับโอกาสในการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ๒.๔ ส่งเสริมเด็กพิการและผู้ด้อยโอกาส ให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและจัดหาทางเลือก ใน การเข้าถึงการเรียนรู้ การฝึกอาชีพ เพื่อให้มีทักษะในการดําเนินชีวิต สามารถพึ่งตนเองได้ ๒.๕ พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นรายบุคคล เพื่อใช้ เป็นฐานข้อมูลในการบริหารจัดการศึกษา โดยเฉพาะการดูแลและป้องกันไม่ให้นักเรียนหลุดออกจากระบบ การศึกษา และช่วยเหลือเด็กตกหล่น เด็กออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบ ๓.ด้านคุณภาพ ๓.๑ ส่งเสริม สนับสนุน สถานศึกษาที่มีความพร้อม ให้นําหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน ที่เน้นสมรรถนะไปใช้ตามศักยภาพของสถานศึกษา ให้สามารถออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสมกับ ความต้องการและบริบท ๓.๒ พัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะที่เหมาะสมตามช่วงวัย สามารถจัดการตนเอง มีการคิดขั้นสูง มีความสามารถในการสื่อสาร สามารถจัดระบบและกระบวนการทํางานของตนเองและร่วมกับผู้อื่น โดยใช้การ รวมพลังทํางานเป็นทีม เป็นพลเมืองที่ดี มีศีลธรรม และอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน รวมทั้งมี ความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข ๓.๓ จัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ นําไปสู่การมีอาชีพ มีงานทํา และ ส่งเสริมความเป็นเลิศของผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ๓.๔ ส่งเสริม และพัฒนาระบบการวัดและประเมินผลคุณภาพผู้เรียน ให้ควบคู่การเรียนรู้ นําไปสู่
๔๓ การพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียนเป็นรายบุคคล รวมทั้งส่งเสริมการนําระบบธนาคารหน่วยกิต มาใช้ในการเทียบโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้เรียนในสถานศึกษา ๓.๕ พัฒนา ส่งเสริม ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งบุคลากรสังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้มีสมรรถนะตามมาตรฐานตําแหน่งและ มาตรฐานวิชาชีพ ๑. ด้านประสิทธิภาพ ๔.๑ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา โดยการกระจายอํานาจและใช้พื้นที่เป็นฐาน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นสําคัญ ตามหลักธรรมาภิบาล ๔.๒ นําเทคโนโลยีดิจิทัลและการจัดการฐานข้อมูล มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร จัด การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการเรียนรู้ของผู้เรียน ๔.๓ ส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพ ใช้พื้นที่เป็นฐาน ใช้นวัตกรรมในการ ขับเคลื่อน บริหารจัดการโดยใช้ทรัพยากรร่วมกัน และแสวงหาการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุก ระดับ เพื่อให้ประสบผลสําเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ๔.๔ ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษาที่มีคุณภาพในโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ โรงเรียน ที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ และโรงเรียนในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ๔.๕ เพิ่มประสิทธิภาพการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา และปรับกระบวนการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และชีวิตวิถีปกติต่อไป (Next Normal) จุดเน้นของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ๑. เร่งแก้ปัญหากลุ่มผู้เรียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ให้กับ ผู้เรียนทุกระดับ รวมทั้งลดความเครียดและสุขภาพจิตของผู้เรียน ๒. เสริมสร้างระบบและกลไกในการดูแลความปลอดภัยนักเรียน ด้วยระบบมาตรฐาน ความ ปลอดภัย กระทรวงศึกษาธิการ (MOE Safety Platform) ๓. ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุ ๓ ปี และผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าถึงโอกาส ทางการศึกษา และป้องกันการหลุดออกจากระบบ รวมทั้งช่วยเหลือเด็กตกหล่น เด็กออกกลางคัน และเด็ก พิการที่ค้นพบจากการปักหมุดบ้านเด็กพิการให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ๔. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่เน้นสมรรถนะและการจัดทํากรอบหลักสูตร รวมทั้ง จัด กระบวนการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ให้เหมาะสมตามวัยของผู้เรียน ๕. จัดการอบรมครูโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน ควบคู่กับการให้ความรู้ด้านการวางแผนและการสร้าง วินัยด้านการเงินและการออม เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ๖. ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ ผ่านกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม และมี ปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่หลากหลายรูปแบบ (Active Learning) มีการวัด และ ประเมินผลในชั้นเรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน (Assessment for Learning) ทุกระดับ ๗. ยกระดับคุณภาพของนักเรียนประจําพักนอน สําหรับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่สูง ห่างไกลและ ถิ่นทุรกันดาร ๘. มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ทุกระดับ
๔๔ ๙. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา โดยการกระจายอํานาจและใช้พื้นที่เป็นฐาน เพื่อ สร้างความเข้มแข็ง โดยการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณ (Block Grant) ตามหลักธรรมาภิบาล ให้กับ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ๒.๖ นโยบายสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ 1. สถานศึกษาน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของในหลวงรัชกาลที่ 10 และหลักปรัชญา ของ เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อขับเคลื่อนในสถานศึกษา พัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามจุดหมาย ด้านคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ของหลักสูตรแกนกลางสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสร้างความสมดุลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2. ผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาและสถานศึกษา มีความปลอดภัยจากภัยพิบัติและภัยคุกคาม ทุกรูปแบบ สามารถปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่ มีการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี 3. ผู้เรียนมีสมรรถนะและทักษะการอ่าน การเขียน (อ่านคล่อง เขียนคล่อง คิดเลขเป็น) เป็นผู้ที่มี ความรู้ คุณธรรม จริยธรรมและทักษะในศตวรรษที่ 21 4. พัฒนาการของผู้เรียนด้านทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นหนึ่งภาษา) 5. ส่งเสริม สนับสนุนให้โรงเรียน นักเรียน ครู ผู้บริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศและผลการปฏิบัติที่ เป็นเลิศ (Best practice) 1 โรงเรียน 1 นวัตกรรมการเรียนการสอน หรือ 1 โครงงาน (ทักษะวิชาการ ทักษะ อาชีพ ทักษะชีวิต) 6. พัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่อยู่ในการศึกษาขั้นพื้นฐาน ป้องกันการออกกลางคันจาก ระบบ และให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน 7. ส่งเสริมการจัดการศึกษาโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ที่เน้นพัฒนาทักษะอาชีพของผู้เรียน สร้างอาชีพและรายได้ที่เหมาะสม (1 โรงเรียน 1 ทักษะอาชีพ) 8. พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นครูยุคใหม่ มีทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ได้ดี มีความรู้ ความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มีการพัฒนาตนเองทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีจิตวิญญาณ ความเป็นครู 9. แสวงหาความร่วมมือมาพัฒนาการศึกษา การประสานสัมพันธ์ เครือข่าย องค์กร ทีมงาน เพื่อ มาร่วมพัฒนา การระดมทรัพยากรการป้องกันการร้องเรียนการเป็นผู้นำและเป็นที่ยอมรับในชุมชน รวมถึงการ เป็นผู้นำในการไกล่เกลี่ยแก้ปัญหา
๔๕ ๓.๑ แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง รวบรวมสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก 7S วิเคราะห์ SWOT C-PEST วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ กลยุทธ์ ตัวชี้วัดความสำเร็จ แผนกลยุทธ์ 5 ปี แผนปฏิบัติการประจำปี ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการประจำปี กำกับ ติดตาม ประเมินผล พัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงาน ภาพประกอบ ๑ แผนภาพแสดงขั้นตอนการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง P D C A ส่วนที่ ๓ แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา
๔๖ ๓.๒ การจัดทำกลยุทธ์(Strategy Development) ๓.๒.๑ กระบวนการจัดทำกลยุทธ์ โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งมีการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ทุกฝ่ายมี ส่วนร่วมในการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา จัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาระยะ 5 ปีที่สอดคล้องกับนโยบายความต้องการและปัญหาของสถานศึกษา และท้องถิ่นโดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วม ของผู้บริหาร ครูบุคลากร ชุมชนและองค์กรภายนอก โดยดำเนินการจัดทาอย่างเป็นลำดับขั้นตอน มีการ วิเคราะห์ผลการประเมินภายในและภายนอกแล้วนำผลการวิเคราะห์มากำหนดเป็นวิสัยทัศน์พันธกิจ เป้าประสงค์และกลยุทธ์ของสถานศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง มีการ จัดทำโครงการ/กิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์พันธกิจ เป้าประสงค์และกลยุทธ์ของสถานศึกษา โดยกลุ่ม บริหารงานต่าง ๆ และ กลุ่มสาระการเรียนรู้ได้จัดโครงการ/ กิจกรรมต่าง ๆ ดังปรากฏในแผนปฏิบัติการ ประจำปีของสถานศึกษา และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (๑) กระบวนการวางแผนกลยุทธ์ ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ ๓ ขั้นตอนคือ ๑) การศึกษาสถานภาพสถานศึกษา เป็นการสำรวจวิเคราะห์ภารกิจและผลผลิตหลัก สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในที่เกี่ยวข้องกับการบริการการศึกษาของสถานศึกษา (SWOT Analysis) โรงเรียนใช้หลักการวิเคราะห์ SWOT เป็นกลไกสำคัญในการกำหนดทิศทางการวางแผนกลยุทธ์แบบระยะปาน กลาง 5 ปีและแผน ระยะสั้น ๑ ปี (หรือแผนปฏิบัติการประจำปี) ใช้วิธีกาหนดกรอบเวลาของการวางแผน ระยะสั้นในรอบปีนับตามปีการศึกษา โดยมีความถี่ของการทบทวนและการปรับปรุงตลอดปี ผลจากการศึกษา สถานภาพทาให้ทราบสถานะของสถานศึกษา ด้านโอกาส อุปสรรค จุดแข็งและจุดอ่อน สามารถใช้ข้อมูล ดังกล่าวไปกำหนดทิศทางในการพัฒนาสถานศึกษาได้ ๒) การกำหนดทิศทางสถานศึกษา เป็นการกำหนดจุดหมาย แนวทางการดำเนิน งานในอนาคตของสถานศึกษาให้มีความชัดเจนมากขึ้นตามสถานภาพของสถานศึกษาและความต้องการของสังคม ๓) การกำหนดกลยุทธ์สถานศึกษาเป็นการกำหนดวิธีการปฏิบัติงานของสถานศึกษาซึ่งต้อง เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม สถานภาพของสถานศึกษาที่ได้ศึกษาไว้โดยยึดทิศทางขอสถานศึกษา กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลประโยชน์ลักษณะงานที่ทำและทางเลือกที่เหมาะสม ทั้งนี้โรงเรียนได้ดำเนินการตาม แผนฯเป็นลาดับขั้นตอนดังนี้ ๓.๑) การเตรียมแผน มีการศึกษาข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและศึกษาสภาพการณ์จริง ในขณะนั้นเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผน ๓.๒) การวางแผน มีการประชุมร่วมกันเพื่อยกร่างแผนและปรับปรุงแผนเสนอแผน ฉบับร่างต่อ ผู้บังคับบัญชาตามสายงานขึ้นไปตามลำดับเพื่อพิจารณาอนุมัติ ๓.๓) การดำเนินงานตามแผน มีการกำหนดผู้รับผิดชอบแต่งตั้งคณะทำงานถ่ายทอดแผน สู่การ ปฏิบัติถ่ายทอดตัวชี้วัดและโครงการต่างๆให้บุคลากรได้รับทราบอย่างทั่วถึง ๓.๔) การประเมินแผน คณะทำงานทาหน้าที่วิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานรายงานผลการ ดำเนินงานอย่างเป็นปัจจุบันและสรุปผลให้ที่ประชุมรับทราบเพื่อใช้เป็นแนวทางปรับปรุงการดำเนินงานครั้ง ต่อไป
๔๗ ๓.๒.๒ นวัตกรรม (Innovation) โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง มีกระบวนการจัดทำกลยุทธ์ของโรงเรียนกระตุ้นและทำให้เกิดนวัตกรรมโดยมี ขั้นตอนดังนี้ ๑. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน ๒. ศึกษาแผนพัฒนาการศึกษา และแผนปฏิบัติการประจำปี เพื่อทบทวนว่าการดำเนินงานเป็นไป ตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ และกลยุทธ์ของโรงเรียน สามารถส่งเสริมให้นักเรียนมีการพัฒนาตาม หลักสูตรของสถานศึกษา ๓. ปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงาน ปรับปรุงหรือจัดทากลยุทธ์ เพื่อเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม ๔. ดำเนินการตามกลยุทธ์ เปิดโอกาสให้มีการสร้างนวัตกรรม คือ พัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ๕. นำสู่การปฏิบัติตามโครงสร้างการบริหารงานของโรงเรียนทั้ง ๔ กลุ่มบริหารงานโดยใช้วงจร คุณภาพ PDCA เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน นำมาซึ่งนวัตกรรมของโรงเรียน ๖. ประเมินผล และรายงานผล ๓.๒.๓ การวิเคราะห์และกำหนดกลยุทธ์ จากการศึกษาวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของโรงเรียน พบว่าสภาพแวดล้อมภายนอกและ สภาพแวดล้อมด้านปัจจัยภายในโรงเรียนที่เป็นปัจจัยที่ไม่เอื้อหรือเป็นอุปสรรคในการพัฒนาการจัดการศึกษา ของโรงเรียนที่ไม่เอื้อให้โรงเรียนสามารถดำเนินการพัฒนาการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้จัดการศึกษา ของโรงเรียนเป็นไปอย่างมีระบบในด้านผลผลิตและการบริการโรงเรียนประสบความสำเร็จ โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง มีภารกิจในการจัดการศึกษาออกเป็น ๒ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นปฐมวัยและ ระดับชั้นประถมศึกษา จากการศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการศึกษาด้วยการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมภายนอก และสภาพแวดล้อมภายในโดยใช้เทคนิค SWOT (SWOT Analysis) ผลจากการศึกษาและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในโรงเรียน (SWOT) พบว่า สภาพแวดล้อมภายนอกเป็นอุปสรรคมากกว่าโอกาสจึงอยู่ในสภาพ “ไม่เอื้อ” และสภาพแวดล้อมภายในมีจุด แข็งมากกว่าจุดอ่อนจึงอยู่ในสภาพ “แข็ง” ดังนั้น โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งจึงอยู่ในสภาพ “ไม่เอื้อแต่แข็ง” ซึ่งถือ ว่าเป็นภาวะที่เหมาะสมในการที่จะกำหนดกลยุทธ์และส่งเสริมศักยภาพในเชิงกลยุทธ์การพลิกตัว (Turnaround-Oriented Strateg ได้เป็นอย่างดีมีสมรรถนะภายในที่เข้มแข็งและสภาพแวดล้อมภายนอกที่ เอื้อต่อการดำเนินการกำหนดกลยุทธ์เพื่อขยายงานสามารถนำเสนอรายละเอียดปัจจัยภายในและปัจจัย ภายนอกของโรงเรียนได้ ดังนี้
๔๘ ๓.๓ ผลการศึกษาปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอก (วิเคราะห์ SWOT) โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่ง ได้ดำเนินการศึกษาสถานภาพสถานศึกษา โดยการศึกษาวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่มี ผลกระทบต่อสถานศึกษา ทั้งในแง่เชิงบวก และเชิงลบ ซึ่งแยกปัจจัยที่วิเคราะห์ออกเป็น ๒ ประเภท คือ ปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สภาพแวดล้อมภายนอก และสภาพแวดล้อม ภายใน จากทั้งนักเรียน ผู้ปกครองคณะกรรมการสถานศึกษา คณะครูและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อสรุปประเด็น การวิเคราะห์สถานภาพของโรงเรียนบ้านคลองปิ้ง ดังนี้ ๓.๓.๑ การวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก (C- PEST) ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก สรุปประเด็นสำคัญที่เป็นโอกาส สรุปประเด็นสำคัญที่เป็นอุปสรรค ๑. ด้านพฤติกรรมของลูกค้า (Customer Behaviors) ๑.นักเรียนวัยเรียนในเขตพื้นที่บริการโรงเรียนส่วนใหญ่เข้า เรียนในโรงเรียน ๒. ผู้ปกครองนักเรียนให้การสนับสนุนในการจัดกิจกรรม ของโรงเรียนเป็นอย่างดี ๓. ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการศึกษา ต้องการให้ บุตรหลานได้ศึกษาเล่าเรียนอย่างมีคุณภาพ และมีเจตคติที่ ดีต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียน ๑.นักเรียนมาจากครอบครัวหย่าร้างและมีฐานะยากจนเป็นส่วน ใหญ่ ๒.ผู้ปกครองมีอาชีพรับจ้าง และทำงานต่างถิ่น ต่างจังหวัดแล้ว ฝากบุตรหลานไว้กับญาติ เช่น ปู่ย่า ตายาย ทำให้นักเรียน ขาดความอบอุ่น ๓. ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความรู้น้อยทำให้ไม่สามารถให้ คำแนะนำและช่วยเหลือนักเรียนในด้านวิชาการ ๔. ผู้ปกครองมีค่านิยมในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียน เอกชน ๒. ด้านการเมืองและกฎหมาย (Political and legal ) ๑.นโยบายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำให้เกิดการปฏิรูป การศึกษาที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรมมากขึ้น ๒. พรบ. การศึกษาแห่งชาติทำให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมใน โรงเรียนมากขึ้น 3. กฎหมายการศึกษาภาคบังคับทำให้นักเรียนได้เข้าเรียน ในสถานศึกษา 4. นโยบายเร่งด่วนกระทรวงศึกษาธิการทำให้นักเรียน ได้ เรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ ๑. นโยบายการศึกษาทำให้ครูมีภาระงานเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากงานสอน
๔๙ สรุปประเด็นสำคัญที่เป็นโอกาส สรุปประเด็นสำคัญที่เป็นอุปสรรค ๓. ผู้นำท้องถิ่นและคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน ให้การสนับสนุนร่วมมือกับโรงเรียนส่งผลให้เกิด การระดมปัจจัยต่าง ๆในการจัดกิจกรรมของโรงเรียน ๔. การสนับสนุนให้ผู้เรียนได้รับงบประมาณเรียนฟรี ๑๕ ปี ทำให้นักเรียนได้รับการดูแลอย่าง เท่าเทียม และมีความ พร้อมในการเรียนมากขึ้น ส่งเสริมการศึกษาเรียน ๕. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้การสนับสนุนโครงการ ด้านภาวะโภชนาการของนักเรียน 2. ระเบียบปฏิบัติบางอย่างซับซ้อนเกินไป ทำให้ขาดความ คล่องตัวและเสียเวลาสำหรับการเรียนการสอนเช่น ระเบียบ การเงินพัสดุเป็นต้น 3. หน่วยงานต้นสังกัดมุ่งเน้นให้โรงเรียนจัดทำเอกสารและงาน รายงานมาก ส่งผลให้การจัด การเรียนรู้ทำได้ไม่เต็มที่ ๓. ด้านเศรษฐกิจ (Economic) ๑. ชุมชนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียน เป็นชุมชน เกษตรกรรมและมีรายได้เสริมจากทรัพยากรในท้องถิ่นตาม ฤดูกาล ซึ่งมีผลผลิตที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ต่อชุมชน ๒. ในท้องถิ่นมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรทำให้มีรายได้ หมุนเวียนในชุมชน 3. ชุมชนมีโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ผู้ปกครองมีอาชีพ และสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียน ๑. ราคาผลผลิตทางการเกษตรไม่แน่นอน ๒. ผู้ปกครองบางส่วนมีรายได้น้อยจึงไม่สามารถสนับสนุน การศึกษาได้ ๓. ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง ส่งผลให้รายได้ไม่แน่นอน มีสภาพทางเศรษฐกิจค่อนข้างยากจน ๔. ด้านสังคมและวัฒนธรรม (Social – cultural) ๑.ประชาชนยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถิ่น ส่งผลแก่นักเรียนมีแบบอย่างที่ดี ๒.ชุมชนมีการประกอบอาชีพที่หลากหลายทำให้เกิดแหล่ง เรียนรู้ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ ๓.โรงเรียนตั้งอยู่ในบริเวณที่สะดวกต่อการเดินทางและ ติดต่อประสานงาน ๔. องค์กรปกครองท้องถิ่นให้การสนับสนุน ร่วมมือในการ พัฒนาส่งผลให้โรงเรียนสามารถใช้การบริหารจัดการได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ๑. ชุมชนมีความเสี่ยงด้านอบายมุข และสิ่งเสพติด เป็น ตัวอย่างไม่ดีแก่บุตรหลาน ๒. ผู้ปกครองบางส่วนไปทำงานต่างจังหวัดแล้วฝากบุตรหลาน ไว้กับญาติ เช่น ปู่ย่า ตายาย ทำให้นักเรียนขาดความ อบอุ่น ๓. มีสถานศึกษาใกล้เคียงจำนวนมาก