The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเผยแพร่องค์ความรู้ด้านต่างๆ ของวัฒนธรรมอยุธยา เล่มที่ 1 โดยอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ปกิณกะ อยุธยา เล่มที่ 1

หนังสือเผยแพร่องค์ความรู้ด้านต่างๆ ของวัฒนธรรมอยุธยา เล่มที่ 1 โดยอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

Keywords: อยุธยา,ayutthaya,history

ปกิณกะ อยธุ ยา | เล่มที่ ๑

ความเก่าแกข่ อง “วัดอโยธยา” จากงานโบราณคดี

∞∞∞∞∞∞∞∞∞

“อโยธยา” เชื่อกันว่าเป็นชื่อเมืองเดิมในพื้นที่ก่อนการสถาปนา
กรุงศรีอยุธยา โดยปรากฏชื่อนี้ในจารึก พงศาวดาร ตำนานต่างๆ จำนวน
หลายฉบบั ส่วน “วัดอโยธยา” หรือ วดั เดิม ต้ังอยู่ฝัง่ ตะวนั ออกนอกเกาะ
เมืองพระนครศรีอยุธยา ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เชื่อกันว่า เมืองอโยธยา
ตง้ั อยู่ทางฝงั่ ตะวันออกของเกาะเมืองพระนครศรีอยธุ ยา

วดั อโยธยา ส่วนวัดอโยธยา หรือ วัดเดิม
ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองด้านตะวันออกใน
(ที่มา : พื้นที่ที่สันนิษฐานว่าคือ“อโยธยา”
http://www.qrcode.finearts.go.th/ ในพงศาวดารและตำนานหลายฉบับ
index.php/th/historicalpark/phra ระบุว่าพื้นที่นี้คือ วัดเดิม ซึ่งเคยเป็น
nakhonsriayutthaya/ayutthaya- ที่ตั้งของวังมาก่อนที่จะถูกยกเป็นวัด
02/ayutthaya02-003/item/360- นอกจากนี้ยังปรากฏเรื่องราวใน
สมัยอยุธยาตอนปลายจากพระราช
ayutthaya02-082) พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาว่า
สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรทรงผนวช ณ
ว ั ด เ ด ิ ม แ ล ะ เ ส ด ็ จ ม า ป ร ะ ทั บ
ณ วัดประดู่ นอกจากนี้ในสมัย
รัตนโกสนิ ทรก์ ย็ ังปรากฏหลกั ฐาน

๔๖

ปกณิ กะ อยุธยา | เล่มที่ ๑

ความสำคัญของวัดเดิม เช่น ในพระราชนิพนธ์เรื่องเสด็จประพาสลำน้ำ
มะขามเฒ่า พ.ศ. ๒๔๕๑ ว่าพระจากวัดพระเชตุพนมาลงเครื่อง
พิชัยสงครามท่วี ดั ตมู และวัดเดมิ
การดำเนินงานโบราณคดี

สันนิษฐานว่า วัดอโยธยาถกู ทิ้งร้างหลังคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครง้ั
ที่ ๒ จนกระทั่งสมัยรัตนโกสินทร์จึงมีพระสงฆ์มาจำพรรษาอีกครั้ง วัด
แหง่ น้ีจงึ ได้รบั การปฏิสังขรพระอุโบสถใหมบ่ นฐานเดิม

วัดอโยธยาได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานของชาติ ใน
ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ที่ ๖๐ ตอนท่ี ๓๙ วนั ที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๖

พ.ศ. ๒๕๒๘ ศาสตราจารย์ปรีชา กาญจนาคม แห่งคณะโบราณคดี
มหาวิทยาลัยศิลปากร ดำเนินงานขุดค้นทางโบราณคดีฝั่งตะวันออกของ
เกาะเมืองฯ โดยมีหลุมขุดค้น ๑ หลุมที่อยู่ทางเหนือของวัด และผลจาก
การศึกษาพบวา่ มีชุมชนสมยั อยธุ ยาต้ังแตว่ ดั พนัญเชิงจนถงึ วดั อโยธยาต้ัง
บ้านเรือนเปน็ หย่อมๆ ไม่หนาแน่นตามรมิ แม่นำ้ ลำคลอง

ภาพการดำเนินงาน
โบราณคดี พ.ศ. ๒๕๔๑

(ที่มา : รายงานการขุดคน้
แหลง่ โบราณคดวี ดั อโยธยาฯ

๒๕๔๑, ๓)

๔๗

ปกณิ กะ อยธุ ยา | เล่มท่ี ๑

พ.ศ. ๒๕๔๑ อุทยานประวัตศิ าสตรพ์ ระนครศรอี ยุธยา ดำเนนิ การขดุ
ค้นทางโบราณคดีเพื่อศึกษาการใช้พื้นที่วัดอโยธยา จำนวน ๒ หลุม
บริเวณดา้ นตะวนั ตกของเจดยี ป์ ระธาน สามารถสรปุ ชนั้ วัฒนธรรม ดงั น้ี

สมัยที่ ๑ เป็นช่วงที่มีการขุด – ถมดินในสูงเป็นเนินเพื่อก่อสร้างวัด
โบราณวัตถุที่พบมีเพียงเล็กน้อย เป็นเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดาท่ี
เปน็ ของใช้ท่ัวไปในสมัยอยุธยา และเคร่อื งเคลอื บเขยี วจากแหล่งเตาศรสี ชั
นาลัยที่สำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ – ๒๑ ตรงกับสมัยอยุธยา
ตอนตน้ – ตอนกลาง

สมัยที่ ๒ เป็นการบูรณะพื้นที่วัดโดยการถมดินทับสมัยแรกและ
สร้างสิ่งก่อสร้างทับ พบโบราณวัตถุประเภทเศษภาชนะดินเผาเนื้อดิน
เศษเคร่อื งถว้ ยจนี ลายครามกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษท่ี ๒๑ ตรงกับ
สมยั อยธุ ญาตอนกลาง

สมัยที่ ๓ พบการถมดินทับสมัยที่ ๒ อีกทั้งยังพบโบราณวัตถุที่มี
ความหลากหลายมากขึ้น ได้แก่ เศษภาชนะดินเผาเนื้อดิน เศษภาชนะดิน
เผาจากแห่งเตาแม่น้ำน้อย แหล่งเตาบ้านบางปูน แหล่งเตาสุโขทัย
เครื่องถ้วยจีนลายครามสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงที่กำหนดอายุได้
ราวพุทธศตวรรษท่ี ๒๒ – ๒๓ ตรงกับสมัยอยธุ ยาตอนปลาย ซ่ึงเป็นสมัย
ทพ่ี บหลักฐานการใชพ้ ื้นทวี่ ดั อยา่ งหนาแน่นท่สี ดุ

๔๘

ปกณิ กะ อยธุ ยา | เล่มที่ ๑

สมยั ๓ สมัย ๒
สมัย ๑ ชน้ั ดนิ ถมก่อนสร้างวดั

ภาพชั้นดินของหลุมขดุ ค้นจากการดำเนินงานโบราณคดี พ.ศ. ๒๕๔๑

(ท่ีมา : รายงานการขดุ คน้ แหล่งโบราณคดวี ดั อโยธยาฯ ๒๕๔๑)

ตวั อยา่ งโบราณวัตถุประเภทเศษเคร่ืองถว้ ยจนี ลายครามท่ีขดุ พบ

(ท่ีมา : รายงานการขดุ คน้ แหลง่ โบราณคดีวดั อโยธยาฯ ๒๕๔๑)

๔๙

ปกณิ กะ อยุธยา | เล่มที่ ๑

สรปุ
แม้ว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์เช่นพงศาวดารหรือตำนานจะระบุ

วา่ เมอื งอโยธยาน้ันมีอายุเก่ากว่ากรุงศรีอยุธยา หรือเปน็ เมอื งทม่ี มี าก่อน
การสถาปนาอยุธยาใน พ.ศ. ๑๘๙๓ แต่จากหลักฐานที่พบจากการ
ดำเนินงานโบราณคดีกลับพบว่าพื้นที่วัดอโยธยา และอาจรวมถึงพื้นที่
โดยรวมของฝง่ั ตะวันออกนอกเกาะเมืองอยธุ ยา มกี ารใช้พืน้ ทไี่ ม่เก่าไปกวา่
สมัยอยุธยาตอนต้น และบริเวณนี้อาจเป็นชุมชนขนาดย่อมมาก่อนที่จะมี
การใช้พืน้ ทอี่ ย่างหนาแน่นมากขึ้นในสมยั อยธุ ยาตอนปลาย

สำหรับการศึกษาการใช้พื้นที่ฝั่งตะวันออกของอยุธยานั้นยัง
ดำเนินการไมค่ รอบคลมุ ทว่ั ทัง้ พ้ืนที่ อีกทัง้ ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่ง
ยังไม่ได้รับการขุดแต่งทางโบราณคดี เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นท่ี
เมืองปัจจุบันที่มีการอยู่อาศัยหลายหลังคาเรือน ซึ่งอนาคตหากมี
การศึกษาอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทั้งพื้นที่ อาจพบประเด็น
หลกั ฐานและทฤษฎใี หม่ทางประวตั ศิ าสตรโ์ บราณคดีเมอื งอยุธยาตอ่ ไป

(อ้างอิงข้อมูลจาก รายงานการขุดค้นแหล่งโบราณคดีวัดอโยธยา ตำบลหันตรา
อำเภอพระนครศรอี ยธุ ยา จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา พ.ศ. ๒๕๔๑)

เรยี บเรียงโดย
นายวีระศกั ด์ิ แสนสะอาด
นักโบราณคดชี ำนาญการ

๕๐

ปกิณกะ อยธุ ยา | เล่มที่ ๑

ข้อมลู ใหมจ่ ากการดำเนินงานทางโบราณคดี
ปอ้ ม คู ประตู หอรบพระนครศรีอยธุ ยา

∞∞∞∞∞∞∞∞∞
สัณฐานของ “กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา” หรือ กรุงศรีอยุธยา
สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาการจัดการทรัพยากรอันชาญฉลาด จนเป็น
ผลให้อยุธยาเจริญเป็นรัฐ ที่รุ่งเรืองที่สุดรัฐหนึ่ง ในช่วงพุทธศตวรรษที่
๑๙ - ๒๔ เกาะเมืองพระนครศรีอยุธยามีแม่น้ำซึ่งทำหน้าที่เป็นคูเมือง
ล้อมรอบถึงสามสาย โดยแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นคูเมืองด้านตะวันตก
รับน้ำจากแม่น้ำป่าสักด้านเหนือ ก่อนจะรวมเข้ากับแม่น้ำป่าสักคูเมือง
ด้านตะวนั ออกท่บี า้ นนำ้ วนตำบลบางกระจะท่ีด้านใต้
แผนที่และบันทึกโบราณ ระบุว่า กรุงศรีอยุธยามีระบบผังเมืองที่
ซับซ้อน มีกำแพง ถนน และคลองทั่วเกาะเมือง ทั้งแบ่งย่านอันทำให้
ปรากฏความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมมาจนปัจจบุ นั

๕๑

ปกณิ กะ อยธุ ยา | เล่มท่ี ๑

ข้อมูลเกี่ยวกับกำแพงเมือง แผนท่กี รงุ ศรอี ยุธยา
พระนครศรีอยุธยา ปรากฏใน พ.ศ. ๒๒๓๓
รายงานบนั ทกึ ของนายโยสต์ เซาเต็น
(Joost Schouten) ว่ากำแพงเมือง
พระนครศรีอยุธยาสมัยแรก
เป็นค่ายทำรั้วด้วยไม้ ง่ายที่จะพิชิต
โดยปรากฏ ในพระราชพงศาวดารว่า
“แรกให้ก่อกำแพง
พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ.
๒๐๙๒”

ต่อมา สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๙๒ จึงให้
ก่อกำแพงพระนครขึ้น คงเป็นผลมาจากสงครามครั้งที่สูญเสีย
สมเดจ็ พระสุรโิ ยทยั กระทัง่ ในสมัยสมเดจ็ พระมหาธรรมราชา พ.ศ. ๒๑๒๓
จงึ ขยายกำแพงเมืองออกไปถงึ ริมนำ้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ เดิมกำแพงเมืองมิได้
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ เอกสารโบราณระบุขนาดกำแพงเมืองไว้ว่า สูง ๓ วา
(๖ เมตร) หนา ๖ - ๑๐ ศอก (๓ - ๕ เมตร) มีใบเสมาขนาด ๒ ศอกคืบ
(๑.๒๕ เมตร) กว้าง ๒ ศอก (๑ เมตร) กำแพงเมืองโดยรอบพระนครยาว
ประมาณ ๓๑๐ เสน้ (๑๒.๔ กโิ ลเมตร)

กำแพงเมืองนี้น่าจะได้รับอิทธิพลจากชาวโปรตุเกส ชาวยุโรป
กลุ่มแรกที่เข้ามาติดต่อ และสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านการทหารอย่าง
มากให้กับกรุงศรีอยุธยา ตามแนวกำแพงเมืองมีประตูเมือง

๕๒

ปกิณกะ อยุธยา | เล่มท่ี ๑

(ประตูน้ำ-ประตูบก) ประตูช่องกุด และป้อมปราการ จากการสำรวจของ
พระยาโบราณราชธานินทรพ์ บประตูเมืองจำนวน ๒๓ ประตู ประตชู ่องกุด
๖๑ ประตู และปอ้ มปราการ ๑๒ ป้อม

จากเอกสารโบราณ เรื่อง อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยา
กับคำวินิจฉัยของพระยาโบราณราชธานินทร์ พบว่า ราว พ.ศ. ๒๔๓๘
พระยาไชยวิชิต (นาค ณ ป้อมเพ็ชร์) ผู้รักษากรุง เกลื่อน (เกลี่ย) ท่ี
บนสันกำแพงทำเป็นถนนตั้งแต่ป้อมเพชรถึงพระราชวังจันทรเกษม
ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๒ พระยาโบราณราชธานินทร์จงึ ทำถนนนีใ้ ห้ได้ระดบั และ
รอบทงั้ กรงุ เป็นระยะ ๓๑๐ เส้นเศษ

ปัจจุบันแนวโบราณสถานกำแพงเมืองพระนครศรีอยุธยานี้ยังคง
ปรากฏให้เห็นอยู่บางบริเวณ คือ ใต้สะพานปรีดี-ธำรง และหน้า
วัดญาณเสน มคี วามหนาประมาณ ๑ เมตรเทา่ นนั้ อย่างไรก็ตาม จากการ
สืบค้นข้อมูลเดิมพบการดำเนินงานทางโบราณคดีเกี่ยวข้องกับกำแพง
เมืองและส่วนองค์ประกอบของกำแพงเมืองหลายครั้งด้วยกัน ซึ่งมี
เน้อื หาโดยสรุป ดงั นี้

ปอ้ มเพชร

๕๓

ปกณิ กะ อยุธยา | เล่มที่ ๑

๑. ดำเนินงานทางโบราณคดีเพื่อขุดตรวจบนผิวถนนอู่ทอง
บริเวณใกล้เจดีย์พระศรีสุริโยทัย ช่วง พ.ศ. ๒๕๔๗ จากการขุดตรวจ
ทางโบราณคดี พบแนวกำแพงเมือง ๔ บริเวณใต้ระดับถนนอู่ทอง
โดยแนวอิฐทอดตัวในแนวทิศเหนือ – ใต้ แต่ละแนวมีความหนาประมาณ
๒ - ๓ เมตร

๒. โครงการอนุรักษ์และพัฒนาป้อมประตูข้าวเปลือก
ปงี บประมาณ ๒๕๖๑ โดยสำนักศลิ ปากร ท่ี ๓ พระนครศรีอยธุ ยา

“…ประตูคลองข้าวเปลือกเป็นประตูน้ำ...มีป้อมก่อเป็นรูป
พับสมุดอยู่สองฟากคลอง แปลกกวา่ ปากคลองอ่นื ๆ และมีขนาดเลก็ กว่า
ป้อมเพชร ตัวป้อมก่อย่อเหลี่ยมเข้าเป็นท่าบรรจบกัน ตลอดตามเหลี่ยม
ป้อมมีประตูคูหาโค้ง...” ; อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยากับคำวินิจฉัย
ของพระยาโบราณราชธานินทร์

๕๔

ปกิณกะ อยธุ ยา | เล่มที่ ๑

ป้อมประตูข้าวเปลือกอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมือง
พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่สองฝากฝั่งของคลองประตูข้าวเปลือก-คลอง
ประตูจีนซึ่งขุดเชื่อมจากคลองเมือง (แม่น้ำลพบุรี) ด้านทิศเหนือกับ
แม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศใต้ ตลอดแนวคลองนี้เป็นที่ตั้งวัดสำคัญของ
พระนครหลายวัด คือ วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ และวัดขุนเมืองใจ
รวมทั้งเทวสถานด้วย บริเวณป้อมประตูข้าวเปลือกนี้เป็นย่านการค้า
สำคัญที่นำของป่าและผลผลิตทางการเกษตรจากหัวเมืองเหนือมาขาย
โดยมีท่าเรือจ้างข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ ภายในเกาะเมืองมีถนนและ
สะพานเชื่อมย่านต่างๆ ก่อนจะออกสู่ปากคลองประตูจีน บริเวณคลองน้ี
มีหลักฐานว่ามีชุมชนอาศัยอยู่ คือ บริเวณเทวสถานเป็นที่ตั้งของชุมชน
แขกมัวร์ และถดั ไปทางทศิ ใตเ้ ป็นชมุ ชนชาวจนี

ภาพถา่ ยเก่า
และแผนผงั
ปอ้ มประตขู ้าวเปลอื ก

๕๕

ปกณิ กะ อยุธยา | เล่มท่ี ๑

สภาพก่อนการดำเนินงานเป็นอาคารก่ออิฐ ๒ อาคาร ตั้งขนาบ
สองฝั่งคลองประตูข้าวเปลือกที่วางตัวตามแนวแกนทิศเหนือ -ใต้
ป้อมด้านตะวันออก กว้าง ๑๙ เมตร ยาว ๒๘ เมตร สูง ๕.๓ เมตร
ส่วนป้อมด้านตะวันตก กว้าง ๑๘ เมตร ยาว ๒๗ เมตร สูง ๔.๗ เมตร
ตวั อาคารแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนหลัก คอื

๑. ช่องประตู แต่ละ
ด้านของป้อม มี ๒ ช่อง
๔ ทางเข้า-ออก กรอบประตู
ก่ออิฐเป็นรูปวงโค้ง ภายใน
ช่อ งประ ต ูปูพื้นด้ว ยอิ ฐ
มีความสูงจากพื้นปูอิฐถึง
กรอบวงโคง้ ๒.๙ - ๓ เมตร

ผนังมีร่องรอยการก่ออิฐเป็นร่องยาว วางตัวทั้งตั้งฉากและขนานกับพื้น
หลายช่อง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นส่วนประกอบโครงสร้างอาคารไม้
โดยอาจเกี่ยวข้องกับบานประตูสำหรับเปิด – ปิดช่องประตูของป้อม
แต่น่าเสียดายที่ไม่หลงเหลือชิ้นส่วนโครงสร้างไม้แล้วในปัจจุบัน ด้านบน
เหนือช่องประตูก่ออิฐเป็นใบบังซึ่งปรากฏเหลืออยู่ที่ป้อมด้ าน
ทศิ ตะวันออกจำนวน ๕ ใบ ขนาดแตล่ ะใบกวา้ ง ๒ เมตร สูง ๑.๔๖ เมตร

๒. แนวกำแพงเชื่อมกับช่องประตู เพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแรง
ของป้อมและใช้เป็นแนวกำแพงเมืองพระนคร แนวกำแพงนี้ก่ออิฐเป็น
กรอบสี่เหลี่ยม ภายในกรอบกว้างประมาณ ๕ เมตร แนวอิฐที่ก่อ

๕๖

ปกณิ กะ อยุธยา | เล่มท่ี ๑

เป็นกรอบหนาประมาณ ๑ เมตร จากการขุดตรวจพบว่าพื้นภายในห้อง
กรอบสี่เหลี่ยมปูพื้นด้วยอิฐ ดาดปูน แล้วจึงถมอัดด้วยดินผสมอิฐหัก
กากปนู จนเต็มกรอบ โดยหอ้ งเหลา่ นีม้ ี ๒ ส่วนหลกั คอื ตำแหน่งริมคลอง
ประตขู ้าวเปลอื ก และตำแหนง่ ทเ่ี ชื่อมต่อกับแนวกำแพงเมอื ง

ผลจากการดำเนินงานทางโบราณคดี พบว่า ป้อมประตู
ข้าวเปลือกมกี ารก่อสร้างอยา่ งน้อย ๒ ระยะ คอื

ป้อมระยะแรก แนวของป้อมที่ก่อสร้างระยะแรกพบร่องรอย
อย่างชัดเจนทางด้านทิศตะวันออก ทั้งนี้ ตำแหน่งป้อมระยะแรกจะอยู่
ด้านในทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของป้อมระยะหลัง ระดับอิฐชั้นลึกที่สุด
ของป้อมระยะแรกบริเวณริมฝั่งคลองประตูข้าวเปลือกอยู่ระดับลึกกว่า
แนวอิฐก้อนสุดท้ายของป้อมระยะหลังประมาณ ๒.๔ เมตร โครงสร้างที่
ยังหลงเหลืออยู่ของป้อมในระยะแรก คือ แนวอิฐฝั่งด้านนอกกำแพง
ปรากฏเป็นฐานบัว ส่วนด้านในก่อเรียบ ฐานที่ยังคงเหลืออยูส่ ูงประมาณ
๒.๕ เมตร และมีการก่อแนวอิฐกว้างประมาณ ๑ เมตรตั้งฉากกับ
แนวกำแพงซึ่งสันนิษฐานว่าน่ามีหน้าที่การใช้งานเดียวกับแนวกำแพง
ที่ก่อเสริมความมั่นคงแข็งแรงของป้อมในระยหลัง นอกจากนี้ แนวป้อม
ประตูข้าวเปลือกระยะแรกยังพบว่ามีแนวฐานก่ออิฐสอปูน ก่อยื่นลงไป
ถึงส่วนกลางคลองประตูข้าวเปลือก ทั้งยังพบแนวหลุมเสาไม้เป็นระยะๆ
ที่ขอบของแนวฐานอิฐเพื่อกันถล่ม โดยหลุมเสาบางหลุมยังพบเสาไม้ปัก
อยู่ แนวอิฐนี้พบว่าก่อซ้อนลึกลงไปในระดับก้นคลองทั้งหมด ๒๔ ชั้นอิฐ
หรอื มคี วามลึกจากอฐิ กอ้ นบน ๒.๓ เมตร

๕๗

ปกณิ กะ อยุธยา | เล่มท่ี ๑

ป้อมระยะที่ ๒ เป็นโครงสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน มีลักษณะ
เป็นอาคาร ก่ออิฐ ๒ หลัง ตั้งขนาบสองฝั่งคลอง โดยมีโครงสร้างหลัก
คอื ชอ่ งประตูและแนวกำแพง

แผนผงั ปอ้ มประตขู า้ วเปลือกหลงั ดำเนนิ งานโบราณคดี
๓. การดำเนินงานทางโบราณคดีเพื่อลดผลกระทบด้านทรัพย์สิน
ทางวัฒนธรรมโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมด้านหน้าเจดีย์
พระศรสี รุ โิ ยทยั
ด้วยความร่วมมือจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมด้านหน้า
เจดีย์พระศรีสุริโยทัย ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันตกของโบราณสถาน
พระนครศรีอยุธยา อันเป็นพื้นที่ที่มีองค์ประกอบที่แสดงถึงความเป็น
เมืองของพระนครอย่างครบถ้วน ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นคูเมือง

๕๘

ปกณิ กะ อยธุ ยา | เล่มที่ ๑

ฝั่งตะวันตก แนวกำแพงพระนคร ป้อมปราการ คือ ป้อมซัดกบ (สัตกบ
หรือท้ายกบ) อยู่ตรงหัวแหลม เจดีย์พระศรีสุริโยทัย และพระราชวังหลัง
จึงจำเป็นต้องดำเนินงานทางโบราณคดีก่อนการดำเนินโครงการเพ่ือ
ตรวจสอบแนวโบราณสถานและพิจารณาแนวทางลดผลกระทบ
การกอ่ สรา้ งทีจ่ ะเกดิ กบั หลกั ฐานทางโบราณคดี

โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมฯ เริ่มต้นบริเวณริมฝั่ง
แม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหน้าโรงงานซอ่ มยาง กองโรงงานซ่อมสร้างรถยนต์
ทหาร มีระยะ ๗๕๐ เมตร และแบ่งการดำเนินงานออกเป็น ๔ ช่วง โดยมี
การขุดค้นทางโบราณคดีทุกระยะเพื่อตรวจสอบแนวกำแพงพระนครและ
เพื่อเป็นข้อมูลลดผลกระทบการก่อสร้างที่จะเกิดกับหลักฐาน
ทางโบราณคดี รายละเอียดดังน้ี

๕๙

ปกิณกะ อยธุ ยา | เล่มท่ี ๑

- ระยะ ๑ ยาว ๖๐ เมตร เริ่มต้นที่แนวโรงงานซ่อมยาง
กองโรงงานซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร ขุดค้นทางโบราณคดี ๓ จุด พบแนว
กำแพงพระนครทางด้านเหนือของโครงการ (T.1) ตั้งแต่ระดับ ๑๖๐
เซนติเมตร จากผิวดนิ แนวอฐิ วางตวั เหนือ-ใต้ หนาราว ๒ เมตร

- ระยะ ๒ ยาว ๑๕๒ เมตร เริ่มต้นใกล้กับอนุสาวรีย์ทหารอาสา
ขุดค้นทางโบราณคดี ๔ จุด พบแนวกำแพงพระนครทางด้านทิศใต้ของ
โครงการ (T.3-4) ตั้งแต่ระดับ ๑๕๐ เซนติเมตร จากผิวดิน มีแนวอิฐ
วางตัวเหนือ-ใต้ หนา ๑ เมตร

๖๐

ปกณิ กะ อยุธยา | เล่มที่ ๑

- ระยะ ๓ ยาว ๒๐๐ เมตร เริ่มต้นที่แนวเขตรั้วเจดีย์
พระศรีสุริโยทัย ขุดค้นทางโบราณคดี ๒ จุด ระยะนี้พบแนวกำแพง
ยาวมากที่สุด โดยพบเตม็ พน้ื ที่หลุมขุดค้นทั้งสองจุด (T.5-6) ตั้งแต่ระดบั
๑๒๐ เซนตเิ มตร จากผวิ ดิน มขี นาดอยา่ งนอ้ ย ๓x๗ เมตร

- ระยะ ๔ ยาว ๑๘๘ เมตร เริ่มจากรั้วหน้าสำนักศิลปากรที่ ๓
พระนครศรีอยุธยา ไล่ลงมาด้านใต้ตามแนวตลิ่งจนถึงร้านอาหารขุดค้น
ทางโบราณคดี ๒ จดุ พบแนวกำแพงทั้งสองจดุ เต็มพืน้ ที่หลมุ ขุดค้น(T.7-
8) ตง้ั แตร่ ะดบั ๑๕๐ เซนตเิ มตรจากผิวดิน มขี นาดอย่างนอ้ ย ๓x๑๐ เมตร

๖๑

ปกณิ กะ อยธุ ยา | เล่มท่ี ๑

ผลการดำเนินการทางโบราณคดี จึงทำให้ต้องปรับเปลี่ยนแนว
เขือ่ นและรปู แบบระบบปอ้ งกนั นำ้ ท่วมเพื่อคงแนวกำแพงพระนครไว้ต่อไป

หลักฐานทางโบราณคดีในปัจจุบันยืนยันให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
บริเวณริมแม่น้ำเจา้ พระยา-ใต้ผวิ ถนนอู่ทองเป็นสว่ นหนึง่ ของกำแพงและ
ประตูพระนครสมัยอยุธยา ส่วนพัฒนาการและสัณฐานของกำแพงเมือง
ปรากฏหลักฐานยืนยันจากการขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณ
ป้อมประตูข้าวเปลือกว่ามีแนวกำแพงเมืองมีสัณฐานของหนาราว
๓ - ๑๐ เมตร และปรากฏร่องรอยการสร้างอย่างน้อย ๒ ระยะ ซึ่ง
สอดคล้องกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงการขยายกำแพงเมือง
ออกไปถึงริมน้ำ ในสมยั สมเดจ็ พระมหาธรรมราชา น่นั เอง

เรยี บเรยี งโดย
นางสาวชญาดา สวุ ชั ชุพนั ธุ์

นกั โบราณคดชี ำนาญการ

๖๒

ปกณิ กะ อยุธยา | เล่มที่ ๑

คณะผจู้ ดั ทำ

ΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩ

นายภัทรพงษ์ เก่าเงนิ
ผอู้ ำนวยการอทุ ยานประวัตศิ าสตรพ์ ระนครศรอี ยุธยา

นายวรี ะศกั ดิ์ แสนสะอาด นางสาวชญาดา สวุ รัชชพุ ันธ์
นักโบราณคดชี ำนาญการ นักโบราณคดชี ำนาญการ

นางสาวญาณนิ ท์ ช้างหลำ นางสาววณี า บญุ เชิญ
นักโบราณคดี ผูช้ ว่ ยนักโบราณคดี

นายเศรษฐเนตร มน่ั ใจจรงิ นางธนภรณ์ เกษมสวัสด์ิ
นกั วชิ าการวัฒนธรรม นกั วชิ าการวัฒนธรรม

นางขนษิ ฐา พานชิ กลุ นางสาวดาวิษา สุวรรณศรยั
นักวชิ าการวฒั นธรรม นกั วชิ าการวัฒนธรรม

นายปวติ ร ใจเสงย่ี ม นายวรญั ญู จันทรส์ วา่ ง
นักวิชาการวฒั นธรรม นกั วิชาการวฒั นธรรม

นายวฒุ ิพันธ์ นวลสนทิ นายบพิตร พวงยโ่ี ถ
นักวชิ าการวฒั นธรรม นกั วชิ าการวัฒนธรรม

นางสาววัชรี ทองดี
พนกั งานดแู ลโบราณสถาน

ΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩ


Click to View FlipBook Version