The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2-1 ภาพรวมของการท่องเที่ยวโดยชุมชนและความสำคัญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by qrtravelthai, 2021-03-10 12:09:23

2-1 ภาพรวมของการท่องเที่ยวโดยชุมชนและความสำคัญ

2-1 ภาพรวมของการท่องเที่ยวโดยชุมชนและความสำคัญ

ภาพรวมของการท่องเที่ยวโดยชุมชนและความสำคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชน

ยูคิโอะ โยตสโึ มโต้

มหาวิทยาลัยรทิ สึเมคัง เอเซีย แปซิฟคิ

บทคดั ยอ่

การท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-Based Tourism: CBT) เป็นเครื่องมือด้านการพัฒนาที่ได้รับความนิยมทั้งใน
ประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา คำจำกัดความของการท่องเที่ยวชุมชน มีองค์ประกอบทั้งหมด 4 ส่วน
ได้แก่ (1) ความยั่งยืนของส่ิงแวดล้อม สังคมและวัฒนธรรมของชุมชน (2) การดูแลปัญหาการแบ่งสรรและการรั่วไหล
เพื่อประโยชน์ของชุมชน (3) ความสำคัญในการจัดการชุมชนและ (4) ความห่วงใยต่อนักท่องเที่ยว เพื่อดูแลโครงการ
การท่องเที่ยวโดยชุมชน มีการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้เป็นหนึ่งในการท่องเที่ยวทางเลือกที่เกิดขึ้นเพื่อ
แก้ปัญหาการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ เพื่อแสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของการท่องเที่ยวโดยชุมชน จะมีการ
นำเสนอกรณญี ป่ี ่นุ สามกรณี และในลาวสองกรณีในบทน้ี ปญั หาทัว่ ไปที่พบในการทอ่ งเที่ยวโดยชมุ ชนของญป่ี ุน่ และลาว
คือการประกันการมีส่วนร่วมในท้องถิ่นเนื่องจากโครงการการท่องเที่ยวโดยชุมชนมีการใช้ในสภาพแวดล้อมที่เป็น
สถาบันจดั ตงั้ มาอย่างดีประชาชนมกั จะมีความตื่นตวั ความสำคัญของการมสี ว่ นรว่ มในท้องถน่ิ มาจากเหตผุ ลเชิงบรรทัด
ฐานและเหตุผลในทางปฏิบัติ ระดับของการมีส่วนร่วมในท้องถิ่น มีการสร้างกรอบคิดโดยนักวิชาการเช่น Mori และ
Arnstein ตวั อยา่ งเช่นโมรนิ ำเสนอการมสี ว่ นรว่ มของทอ้ งถ่ินหกระดบั ตัง้ แต่ระดับล่างไปจนถึงระดบั ทส่ี ูงขน้ึ พวกเขาจะ
มีการรายงานข้อมลู การรวบรวมข้อมูล การปรึกษาหารือ การวางตัว การเป็นหุ้นส่วนและการระดมพล วิธีการหลักใน
การดำเนินการมสี ่วนร่วมของทอ้ งถ่นิ ในญ่ีปนุ่ คือการจดั ตั้งคณะกรรมการพฒั นาชมุ ชน การประชุมเชงิ ปฏบิ ัติการ การมี
สว่ นรว่ มในคณะกรรมการในฐานะสมาชิก การเขา้ ร่วมทำผลสำรวจ การเขา้ ร่วมการประชมุ การอภิปรายและการประชมุ
โต๊ะกลม การส่งความคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร การเข้าเยี่ยมชมชุมชนต้นแบบและเข้าร่วมการประชุมสัมมนา และ
การประชุมบรรยาย

คำสำคญั : การท่องเทย่ี วโดยชุมชน ความยง่ั ยนื การมสี ่วนรว่ มของชมุ ชน

1. บทนำ
การท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) มีการดำเนินการอยู่ทั่วโลกซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาที่เป็นความหวังในประเทศกำลัง
พัฒนาโครงการท่องเที่ยวโดยชุมชนมีการดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆเช่น การบรรเทาความยากจนการพัฒนา
และการกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกจิ การปกปอ้ งส่ิงแวดลอ้ ม การพฒั นาขดี ความสามารถของชุมชนเป็นต้น
ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีการดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อฟื้นฟูชุมชน เมื่อคนในชุมชนประสบกับ
ความถดถอยถอยของชมุ ชนทีเ่ กิดจาก การลดลงของประชากร ประชากรผู้สูงอายุ การทิ้งร้างอตุ สาหกรรม ฯลฯ ความ



สนใจที่เพิ่มขึ้นต่อการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั้งในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นมาจากปัญหาด้าน
สิ่งแวดล้อมและสังคมวัฒนธรรมในสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดจากการพัฒนาการท่องเที่ยวจำนวนมากและศักยภาพของ
การท่องเที่ยวโดยชุมชนในการลดปัญหาดังกล่าวในขณะที่พัฒนาชุมชน ในบทนี้ในส่วนแรกจะกล่าวถึงคำจำกัดความ
ของการท่องเที่ยวโดยชุมชนและองค์ประกอบทั้งสี่ส่วน ในส่วนที่สองจะกล่าวถึงความเป็นมาของการพัฒนาการ
ทอ่ งเทีย่ วโดยชมุ ชนของ กรณีศึกษาญ่ีป่นุ ในฐานะประเทศทีพ่ ัฒนาแลว้ และลาวเปน็ กรณีศกึ ษาของประเทศกำลังพัฒนา
ในส่วนที่สามจะพูดถึงแนวคิดเรื่องการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นซึ่งเป็นประเด็นสำคัญทั้งใน การท่องเที่ยวโดยชุมชนของ
ญป่ี ุน่ และการท่องเทยี่ วโดยชมุ ชนในลาว

2. คำจำกดั ความของการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชน
แม้วา่ เป้าหมายดำเนินงานการท่องเทยี่ วโดยชุมชนจะแตกต่างกันในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศท่พี ัฒนาแล้ว ทว่า
การท่องเที่ยวโดยชุมชนนั้นมีลักษณะร่วมกันที่อยู่ในแนวคิด คำจำกัดความสองประการของการท่องเทีย่ วโดยชุมชนมี
การพัฒนามาจากบริบทของประเทศกำลังพัฒนา คำจำกัดความแรกคือคำจำกัดความของ Jamal and Dredge
(2015) พวกเขาใหค้ ำจำกัดความการทอ่ งเที่ยวโดยชุมชนวา่ เป็น“ รปู แบบของการท่องเท่ียวท่มี ีการจดั การในพ้ืนท่ีโดย
การมีส่วนร่วมของชุมชนในการวางแผนและพัฒนาการท่องเที่ยวสร้างผลประโยชน์สุทธิให้กับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น
(แทนที่จะเป็นผลประโยชน์ภายนอก) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสังคมและวัฒนธรรมที่ยั่งยืน (น. 184)” คำจำกัด
ความที่สองคือโดยสถาบันการท่องเท่ียวโดยชุมชนแห่งประเทศไทยที่ให้คำจัดความการท่องเที่ยวโดยชุมชนว่า“ การ
ท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนดา้ นสิ่งแวดลอ้ มสังคมและวัฒนธรรม มีการจัดการและเปน็ เจา้ ของโดยชุมชนเพือ่ ชมุ ชน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มาเยือนเพิ่มความตระหนักรู้และเรียนรู้เกี่ยวกับชุมชนและวิถีชีวิตในท้องถิ่น” (อ้างโดย
Goodwin and Santilli, 2552: 11) คำจำกัดความทั้งสองเน้นความยั่งยืนของชุมชนในด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและ
วัฒนธรรม พวกเขาได้เสนอว่าการท่องเท่ียวโดยชุมชนนั้นสร้างประโยชนต์ ่อชุมชน พวกเขายงั มีความคิดว่าชุมชนควรมี
การจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนผ่านการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น ข้อแตกต่างระหว่างคำจำกัดความทั้งสองนี้
เท่านั้นที่เป็นข้อพิจารณาสำหรับนักท่องเที่ยว คำจำกัดความหลังเพิ่มแง่มุมทางการศึกษาของการท่องเที่ยวโดยชุมชน
สำหรับผู้เย่ียมเยือน

คำจำกัดความการท่องเที่ยวโดยชุมชนของประเทศทพี่ ัฒนาแลว้ ท่นี ำเสนอในท่ีนีค้ ือของคนญี่ปุน่ Morishige
(2015: 24) ได้ให้คำจำกัดความของการท่องเที่ยวโดยชุมชนว่าเป็น“ กิจกรรมที่ริเริ่มโดยชุมชนในท้องถิ่นที่ช่วยเพม่ิ
ความน่าดึงดูดและความมีชีวิตชวี าโดยใช้ทรัพยากรในท้องถ่ินทั้งหมดและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างคนในท้องถิ่น
และนักท่องเที่ยว” คำจำกัดความนี้ถือว่าผู้เยี่ยมชมเหมือนกับคำจำกัดความที่สองข้างบน แต่ไม่ได้กล่าวถึงมิติความ
ยง่ั ยนื ของการทอ่ งเที่ยวโดยชมุ ชนแบบชัดเจน มิติความยง่ั ยืนมีความหมายโดยนยั คือการพัฒนาความน่าสนใจในท้องถ่ิน
และความมีชีวิตชีวาโดยใช้ประโยชน์ทรพั ยากรในท้องถ่ินซึง่ จะเป็นไปไม่ไดห้ ากไม่พจิ ารณามติ ิดังกล่าว

คำจำกัดความข้างต้นแสดงองค์ประกอบสี่ประการของการท่องเที่ยวโดยชุมชน องค์ประกอบแรกคือการ
พิจารณาความยั่งยืนของชุมชนในด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและวัฒนธรรม เมื่อมีการนำเสนอการธุรกิจท่องเที่ยวให้กับ
ชมุ ชนโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งเมือ่ เป็นการพฒั นาการท่องเท่ยี วขนาดใหญจ่ ะทำให้เกิดการเปลยี่ นแปลงบางอยา่ งกับชุมชนซึ่ง
อาจเป็นได้ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกโดยทั่วไปคือการเติบโตทางเศรษฐกิจการสร้างงานและ
ความมีชวี ติ ชีวาของชุมชน การเปลี่ยนแปลงเชิงลบคือปัญหาด้านส่ิงแวดลอ้ มเช่นขยะ เสียง ทำพืชผักเสียหาย และการ
ขาดแคลนน้ำเป็นตน้ ปญั หาสังคมเช่นการขยายความไมเ่ ท่าเทยี มกันระหว่างคนในท้องถิ่น อัตราการเกดิ อาชญากรรมท่ี
สูงขึ้น ความเสื่อมโทรมของศีลธรรม ฯลฯ และปัญหาทางวัฒนธรรมเช่นการดูหม่ินวัฒนธรรมของตนเอง และการผลติ



สินค้าทางวัฒนธรรมเป็นต้น การท่องเที่ยวโดยชุมชนพยายามลดผลกระทบเชิงลบเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด
องค์ประกอบท่สี องคือการสร้างประโยชนใ์ ห้กับชุมชน แม้ว่าการทอ่ งเท่ยี วจะเปน็ กิจกรรมทางเศรษฐกิจท่ีสร้างความม่ัง
คั่ง แต่เมื่อมีการบิดเบือนการกระจายรายได้ แต่ชุมชนก็ไม่ได้รับผลประโยชน์จากกิจกรรมนี้อย่างเพียงพอ บางครั้งผล
กำไรส่วนใหญ่ที่เกิดจากกิจกรรมการท่องเที่ยวจะถูกโอนไปยังหน่วยงานการท่องเที่ยวภายนอกชุมชน นอกจากนี้เมื่อ
อาหารในร้านอาหาร โรงแรม และของที่ระลึกมีการนำเข้าจากภายนอก การส่งเสริมด้านเศรษฐกิจต่อชุมชนก็มีเพียง
เล็กน้อย การทอ่ งเทย่ี วโดยชุมชนจงึ พยายามลดการร่ัวไหลดังกล่าวใหน้ อ้ ยท่สี ดุ องค์ประกอบท่สี ามคือการจัดการชมุ ชน
ปัญหาสองประการข้างต้นสามารถลดลงได้โดยการเพิ่มการบริหารจัดการในพื้นที่ แม้ว่าบุคคลภายนอกที่พัฒนาและ
จัดการกิจกรรมการทอ่ งเที่ยวมกี ารพจิ ารณาถึงความยั่งยนื และเป็นประโยชน์ต่อชุมชน แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการบริหาร
จัดการโดยทอ้ งถิ่นสามารถเพ่มิ ประสิทธิภาพในดา้ นเหล่าน้นั ได้สงู สุด เพราะไมใ่ ช่ว่าธรุ กิจการท่องเท่ียวภายนอกทั้งหมด
จะสนใจชาวชุมชนโดยเฉพาะผู้อยู่อาศัยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการท่องเที่ยวในขณะที่คนในท้องถิ่นสนใจชุมชน
ของตนเองและคนในท้องถิ่นรู้จักทรัพยากรในท้องถิ่นและวิธีการใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าบุคคลภายนอกเพื่อสิ่งแวดล้อม
สังคม และความยั่งยืนทางวัฒนธรรม องค์ประกอบที่สี่คือการคำนึงถึงนักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นการ
ท่องเที่ยวประเภทหน่ึงและหากไม่มีนักทอ่ งเที่ยวการท่องเที่ยวก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ นอกจากนีเ้ พื่อให้เกิดประโยชน์
ต่อชมุ ชนควรดแู ลเร่ืองความยงั่ ยนื ของการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชนดว้ ย โครงการการทอ่ งเท่ียวโดยชมุ ชนหลายโครงการต้อง
ปิดตัวลงเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวมีไม่เพียงพอ ในการนำนักท่องเที่ยวมาสู่ชุมชน
ความนา่ สนใจของโปรแกรมและการตลาดทีม่ ีประสิทธภิ าพเปน็ สง่ิ ทจี่ ำเป็นและทำได้โดยการคดิ ถงึ นักท่องเทีย่ ว

3. การพฒั นาการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชนในประเทศพฒั นาแล้วและประเทศกำลงั พัฒนา
แม้ว่าเป้าหมายของการจัดต้ังการท่องเที่ยวโดยชมุ ชนจะแตกตา่ งกันระหว่างประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนา
แล้ว การท่องเที่ยวโดยชุมชนเกิดจากวาทกรรมของการท่องเที่ยวทางเลือก การท่องเที่ยวสมัยใหม่ซึ่งมีลกั ษณะเฉพาะ
ด้วยการจัดตั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยว และการเคลื่อนย้ายของนักท่องเที่ยว
จำนวนมากได้ ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นในศตวรรษท่ี 19 และเร่งการพัฒนาดังกล่าวหลงั จากสงครามโลกคร้ังทีส่ องเมื่อกลุ่ม
ชนชนั้ กลางมีขนาดใหญ่ข้ึนและมรี ูปแบบขนสง่ มวลชนความเร็วสูงขนาดใหญเ่ ช่นจมั โบ้เจ็ทกำเนิดขนึ้ เน่ืองจากลักษณะ
ดังกลา่ วการท่องเท่ยี วสมยั ใหม่จึงเรยี กว่าการท่องเทย่ี วแบบกลมุ่ ใหญ่ (Mass tourism)

ในทศวรรษท่ี 1960 การพัฒนาการทอ่ งเท่ียวแบบกล่มุ ใหญ่ไดร้ ับการตอบรบั ที่ดีเนอื่ งจากมสี ่วนชว่ ยในการ
พฒั นาเศรษฐกจิ นำเงนิ ตราตา่ งประเทศและงานมาสู่ชุมชน จนกระทงั่ เกดิ การระบาดของไวรสั โควดิ -19 การท่องเท่ยี ว
ได้รับการยกย่องว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตที่สดใสทั้งในประเทศกำลังพัฒนาและประ เทศที่พัฒนาแล้วและมี
ความหวงั วา่ การทอ่ งเทย่ี วจะกลับมาเปน็ เครือ่ งจักรในการขบั เคลอื่ นการเตบิ โตได้เม่ือควบคุมการระบาดของโรคได้ ในปี
2019 การเติบโตของ GDP ทั่วโลกของการท่องเท่ียวอยู่ที่ 3.5% ในขณะที่การเติบโตโดยรวมของเศรษฐกิจโลกในปี
เดียวกันคือ 2.5% ภาคการท่องเท่ียวสร้างรายได้ 8.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและ 330 ล้านตำแหน่งงาน: คิดเป็น
10.3% ของ GDP โลกและ 1 ใน 10 ตำแหน่งงานในโลก (WTTC 2020) นอกจากนีย้ งั เป็นท่ียอมรบั ว่าการทอ่ งเที่ยว
เปน็ ชอ่ งทางท่ีดใี นการรกั ษาส่ิงแวดล้อม ฟืน้ ฟปู ระเพณี และส่งเสริมวฒั นธรรม การท่องเท่ียวเชิงนิเวศสามารถให้ความรู้
แกค่ นในท้องถน่ิ และนกั ท่องเทีย่ วเก่ยี วกบั ระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพและผา่ นการทอ่ งเที่ยวเชิงนิเวศ
คนในท้องถ่ินหารายได้เพือ่ ใชใ้ นกิจกรรมรักษาสง่ิ แวดลอ้ ม ในบางโปรแกรมทัวรเ์ ชิงนิเวศนกั ท่องเทย่ี วจะเปน็ อาสาสมัคร
ในการปลูกต้นไม้และ / หรือทำความสะอาดชายทะเล ความสนใจของนักท่องเที่ยวในเทศกาลและประเพณีดั้งเดิม
กระตนุ้ และเสรมิ กำลงั ใจให้กับคนในท้องถนิ่ ดงั น้นั ท้งั คนในและคนนอกจึงสามารถส่งเสรมิ วฒั นธรรมดงั้ เดมิ ได้



อย่างไรก็ตามผลกระทบเชิงลบของการท่องเที่ยวที่มีต่อชุมชนนั้นเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ทศวรรษ 1970
โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในการท่องเท่ยี วแบบกลุ่มใหญ่ นักท่องเทย่ี วจำนวนมากไปเย่ียมชมสถานทีท่องเท่ียวและสร้างความ
ตึงเครียดอย่างมากให้กับชุมชนด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและวัฒนธรรมดังที่กล่าวไว้ในหัวข้อก่อนหน้า ดังนั้นแม้ว่าการ
ท่องเที่ยวจะถูกมองวา่ เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่แนวคิดของการท่องเทีย่ วทางเลอื กที่เนน้
ความยั่งยืนก็ได้มีการนำมาใช้ในการศึกษาการท่องเที่ยวในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 การท่องเที่ยวทางเลือกนั้น
พัฒนาและฟื้นฟชู ุมชนในขณะที่ลดแง่ลบของการทอ่ งเท่ียวกลุ่มใหญ่ กระนัน้ คำว่าทางเลอื กยงั ความคลุมเครือและขาด
ซึ่งเนื้อหาสาระ ดังนั้นในปัจจุบันจึงใช้คำว่าการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนแทนการท่องเที่ยวทางเลือก การท่องเที่ยวอย่าง
ยั่งยืนเพื่อทดแทนการท่องเที่ยวแบบกลุ่มใหญ่มีหลายประเภทเช่น การท่องเที่ยวเชิงนเิ วศ การท่องเทีย่ วเชิงวัฒนธรรม
การท่องเที่ยวโดยชมุ ชน การท่องเที่ยวโดยอาสาสมัครเปน็ ต้น แต่ละประเภทจะกล่าวถึงความยั่งยืนบางมิตแิ ละโดยชอ่ื
นั้นกำหนดจากจุดที่เน้นความสำคัญ ตัวอย่างเช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม ในขณะที่การ
ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเน้นความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมและ การท่องเที่ยวโดยชุมชนมีความพยายามให้
ชมุ ชนมคี วามยัง่ ยืนในดา้ นส่ิงแวดล้อมสังคมและวัฒนธรรมโดยเนน้ ทก่ี ารบริหารจดั การในทอ้ งถน่ิ

การพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วโดยชุมชนในประเทศญี่ปุ่น
ในญปี่ ุ่นการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชน ไมใ่ ช่คำท่ีไดร้ บั ความนยิ ม และเมอ่ื ทำการคน้ หาสิ่งพมิ พท์ างวชิ าการโดยใช้คำนเ้ี ราไมม่ ี
บทความเก่ียวกบั การท่องเทย่ี วโดยชมุ ชนในญป่ี นุ่ มากนัก แต่มบี ทความมากมายเก่ียวกบั การท่องเทีย่ วโดยชมุ ชนใน
ประเทศกำลังพัฒนาท่ีเขยี นเปน็ ภาษาญ่ปี ุ่น ไม่ใช่วา่ ในญีป่ ุ่นเราไม่มกี ารทอ่ งเท่ียวโดยชมุ ชนแต่เรามกี ารพฒั นาการ
ท่องเท่ียวประเภทเดยี วกันท่ีเรยี กวา่ Kanko-machizukuri ซง่ึ แปลว่าการพัฒนาชมุ ชนตามการท่องเที่ยวที่ใช้การ
ทอ่ งเท่ียวเพอ่ื พฒั นาชมุ ชน การทอ่ งเที่ยวโดยชุมชนและ Kanko-machizukuri แตกต่างกนั ในแงข่ องเป้าหมายสุดท้าย
การทอ่ งเทีย่ วโดยชุมชนในประเทศกำลังพัฒนาสว่ นใหญม่ กี ารดำเนนิ การเพอื่ บรรเทาความยากจนในชมุ ชน ในขณะท่ี
Kanko-machizukuri ดำเนินการเพือ่ ฟ้ืนฟูชุมชนทม่ี ีประชากรลดลงและประชากรสูงวยั (Yotsumoto 2016) อย่างไร
ก็ตามพวกเขาพยายามท่ีจะบรรลุเปา้ หมายเหลา่ นนั้ โดยการแสวงหาความยัง่ ยืนแบบเดยี วกัน ในบทความนี้เราถือวา่
Kanko-machizukuri เปน็ การทอ่ งเทีย่ วโดยชุมชนเนื่องจากกระบวนการและเปา้ หมายเดียวกนั

มีการเนินการทอ่ งเที่ยวโดยชุมชนต้ังแตป่ ี 1970 แม้ว่าจะไมม่ ีชือ่ Kanko-machizukuri อยูใ่ นช่วงเวลาน้นั
ตรงนีค้ อื สามตวั อยา่ งของการท่องเทยี่ วโดยชมุ ชน ตัวอย่างแรกคือเมือง Otaru ในจังหวดั ฮอกไกโดซง่ึ มีประชากร
113,000 คนในปี 2020 ในปี 2016 นกั ทอ่ งเที่ยวจำนวน 7.91 ล้านคนมาทเ่ี มอื งน้เี พ่อื ชมคลองโอตารทุ ่โี ด่งดงั เป็น
ทา่ เรอื ทส่ี ร้างเสรจ็ ในปี 1923 โดยเป็นการนำชายฝ่งั กลับคืนมา วัตถปุ ระสงค์ในการสรา้ งคลองเพื่อเชอ่ื มตอ่ เรอื กับ
คลังสนิ คา้ เพอ่ื ให้สะดวกในการขนถ่ายสินคา้ ทางตอนเหนอื ของคลองเรยี กว่า "คลองเหนือ" และความกว้างสามารถจอด
เรือขนาดเล็กแบบดง้ั เดมิ ได้ ในปี 1973 มกี ารกอ่ ตัง้ สมาคมผู้พทิ ักษ์คลองโอตารโุ ดยประชาชนในพ้ืนที่เพอ่ื ตอบโต้ตอ่
แผนการร้ือคลองและโกดัง นำไปสกู่ ารรณรงค์อนรุ กั ษค์ ลองโอตารแุ ละเกดิ แนวคิดร่วมกนั ระหวา่ งเมอื งและประชาชนวา่
ควรใชท้ ัศนยี ภาพทางประวัตศิ าสตรข์ องคลองในการพฒั นาเมอื ง ในปี 1978 เยาวชนในเมอื งไดจ้ ดั งานเทศกาลท่าเรอื
ครัง้ แรกซง่ึ เป็นสว่ นหน่ึงของกิจกรรมการปกปอ้ งคลอง หลงั จากนัน้ ไดด้ ำเนินโครงการและกิจกรรมตา่ งๆท่ีเชอ่ื มโยงการ
ทอ่ งเทย่ี วและการพัฒนาเมืองโดยใชท้ ศั นียภาพของคลองและคลังสนิ คา้

ตัวอยา่ งท่สี องคอื อำเภอทาคายานางิในจงั หวดั นีงาตะซึง่ เปน็ เมอื งเลก็ ๆ ทีม่ ปี ระชากร 2,245 คนในปี
2005 และถูกรวมเขา้ กบั เมืองคาชิวาซากใิ นปี 2005 ในช่วงปี 1970 คนหนุ่มสาวเริ่มคดิ ถงึ การพัฒนาเมอื งเน่ืองจาก
บา้ นหลังคามงุ จากแบบดั้งเดมิ หายไปเนอ่ื งจากประชากรลดลง ในปี 1985 ผูอ้ ยอู่ าศยั บางคนได้บูรณะบ้านหลงั คามุง



จากจากทมี่ ีแผนจะทำลายท้ิงเพ่ือทำเปน็ ศูนยก์ ลางการแลกเปล่ียน ในปเี ดียวกนั เมอื งทาคายานางกิ ลายเปน็ เขตเทศบาล
ทีป่ ระชากรลดลงอยา่ งหนักที่สดุ ในจงั หวัดนีงาตะ เมื่อเหน็ สญั ญาณแจง้ เหตุน้ี สภาพฒั นาเมืองฟุรซุ าโตะ (บ้านเกดิ ) ของ
ทาคายานางิกอ่ ตง้ั ข้ึนในปี 1988 ซง่ึ ประกอบด้วยชาวเมอื ง 40 คนและผเู้ ชยี่ วชาญ 8 คนเพอื่ ให้คำ ได้กำหนดวิสยั ทศั น์
ของการพัฒนาเมอื งโดยมีกจิ กรรมมากกวา่ 200 กิจกรรมรวมถงึ การประชมุ ทัศนศึกษา และงานวิจยั พวกเขาเปิด
ฟาร์มสเตย์ในบา้ นมงุ จากในพื้นท่ีโอกิโนะชิมะและคาโดอเิ ดะ ท่ีโอกโิ นะชิมะนน้ั มีบา้ นหลังคามงุ จากกระจายอยรู่ อบ ๆ
ท่งุ นา นีค่ ือภูมปิ ระเทศท่ชี วนให้นึกถึงอะไรเกา่ ๆและทำให้ชาวญปี่ ุ่นนกึ ถึงบ้านเกดิ ที่บา้ นมงุ จาก นักท่องเทยี่ วจะไดล้ ้มิ
รสอาหารชนบทท่ใี ชพ้ ืชและผักทปี่ ลกู ในท้องถ่ินและนอนพักคา้ งคนื แรม นอกจากนยี้ ังสามารถสมั ผัสกับวธิ ีการปรงุ
อาหารแบบด้ังเดมิ ด้วยการทำเคก้ ข้าวด้วยสากและครก ในคาโดอเิ ดะประมาณ 40 ครวั เรอื นทำงานทำกระดาษแบบ
ด้งั เดิมในชว่ งฤดหู นาวในช่วงปี 1910 และ 1920 เมอื่ นกั ท่องเท่ียวอยใู่ นบ้านมุงจากพวกเขาจะไดส้ มั ผสั กับการทำ
กระดาษแบบดงั้ เดมิ พวกเขาจดั งานเทศกาลกลางคนื ประจำปขี องสนุ ัขจ้ิงจอกตามคตชิ นในท้องถิ่นและดึงดดู ชาวเมอื ง
จำนวนมาก ในปี 1989 จำนวนนกั ทอ่ งเที่ยวประมาณ 30,000 คน แต่ในปี 2005 เพ่มิ เป็น 240,000 คน ตวั อยา่ ง
ทสี่ ามคือเมืองบงุ โกทาคาดะในจังหวดั โออิตะทม่ี ีประชากร 22,500 คนในปี 2020 ในปี 1950 พน้ื ทใี่ จกลางของบงุ
โกทาคาดะมรี ้านค้ามากกว่า 300 รา้ น แตเ่ นือ่ งจากแนวโนม้ การขยายตัวของรา้ นค้าปลกี ในสงั คมจำนวนมาก ร้านคา้
ตา่ งๆปดิ กิจการและการสญั จรทางเทา้ แทบจะหายไปจากพ้นื ที่ จากนัน้ คนหนมุ่ สาวเร่มิ พดู คยุ กันวา่ จะฟนื้ ฟยู า่ นใจกลาง
เมืองอยา่ งไร ในขั้นต้นเป็นการอภปิ รายเพอื่ ฟืน้ ฟกู ารค้าของเมอื ง อย่างไรก็ตามกไ็ ดค้ ่อยๆรวมด้านการท่องเทยี่ วเข้า
ภายหลงั เพอ่ื นำผคู้ นกลับมาสู่ถนนชอ้ ปป้ิงเหมือนในปี 1950 เจ้าของรา้ นคา้ อายุน้อย เจา้ หน้าทีห่ อการค้า และ
เจ้าหน้าทสี่ ำนักงานในเมอื งไดร้ ว่ มมือกันและตดั สินใจทจ่ี ะพัฒนาเมอื งตามรูปแบบของเมืองโชวะซึ่งเป็นเมอื งในสมัยโช
วะ ( พ.ศ. 2469-2532) โดยเฉพาะในปี 1950 (รปู ท่ี 1) ภายใตแ้ นวคิดน้ีไดม้ ีการสง่ เสริมการฟน้ื ฟูสีด่ ้าน ด้านแรกคอื
การบูรณะอาคารซึ่งมกี ารบรู ณะดา้ นนอกของอาคารและปา้ ยประกาศใหเ้ หมือนในปี 1950 ดา้ นทสี่ องคอื การบรู ณะ
ทางประวตั ิศาสตร์ นัน่ หมายความวา่ แต่ละรา้ นจะจดั แสดงอุปกรณท์ ่สี ืบทอดมาและผา่ นการใช้ในสมยั โชวะ ดา้ นทสี่ าม
คือการฟนื้ ฟกู ารคา้ ขายสินค้าเชน่ การจำหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ท่ีภาคภมู ใิ จ ส่วนทสี่ ี่คือการฟืน้ ฟผู คู้ ้านนั่ คือเพอื่ สง่ เสรมิ การ
สนทนาของผู้ขายและลูกค้าระหวา่ งการคา้ ขายซ่ึงเปน็ ภาพทิวทัศน์ประจำวนั ท่พี บเจอได้ในปี 1950 ในปี 2001 มี
การจดั พิธเี ปดิ เมืองโชวะเพ่อื ดึงดูดสอ่ื มวลชน ในปี 2002 ไดม้ ีการเปดิ ทำการ Showa Roman Gura ซ่ึงเปน็ พิพธิ ภณั ฑ์
ทจ่ี ัดแสดงการใชช้ วี ิตในสมัยโชวะ และเพือ่ ความกา้ วหนา้ ในการดำเนนิ งานเมอื งจงึ มกี ารไดก้ ่อตัง้ Bungotakada City
Tourism Town Development Co. Ltd. ในปี 2015 เมอื งโชวะดงึ ดดู นกั ทอ่ งเท่ียวเข้ามาประมาณ 360,000 คน



รูปที่ 1 เมืองโชวะในเมืองบงุ โกะทาคาดะ (รปู ถา่ ยโดยผแู้ ตง่ )

ตวั อย่างเหล่านแี้ สดงให้เห็นการพฒั นาเมืองโดยการท่องเทีย่ วเริม่ ต้นเพ่อื จดั การกับการลดลงของชุมชนตาม
ประชากรสงู อายุและการลดจำนวนประชากร องค์กรท้องถ่นิ น้ันกำเนิดด้วยความริเรมิ่ ของคนหนุ่มสาวและชุมชนโดยใช้
ทรพั ยากรทีม่ อี ยใู่ นท้องถิน่ ในขน้ั ต้นกิจกรรมของพวกเขาไมไ่ ดเ้ กีย่ วข้องโดยตรงกับการท่องเท่ยี ว แตพ่ วกเขาตระหนักดี
วา่ ดา้ นการท่องเที่ยวมีความสำคญั ต่อโครงการฟน้ื ฟูของพวกเขา เช่ือกนั วา่ ชุมชนที่นา่ อย่แู ละมีเสน่ห์สำหรับผ้อู ยู่อาศัยก็
เปน็ ทดี่ งึ ดูดนกั ท่องเท่ียวเชน่ กัน เนื่องจากชุมชนหลายแห่งเร่ิมมีชวี ติ ชีวาข้ึนผา่ นการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชน รฐั บาลจงึ เรม่ิ
เห็นวา่ เป็นเครอ่ื งมอื ในการฟื้นฟชู ุมชนท่ีมผี ู้สงู อายุและประชากรลดลง ในปี 1998 มกี ารจัดตงั้ กลุ่มการศกึ ษาชอ่ื
Kanko-machizukuri Kenkyukai (กลมุ่ วจิ ัยเพือ่ การพัฒนาเมอื งโดยการทอ่ งเที่ยว) ภายใต้กระทรวงคมนาคมเพ่ือ
กำหนดนโยบาย ในเดอื นธนั วาคม 2002 การท่องเทีย่ วโดยชมุ ชนเปน็ ขอ้ คิดเห็นหลกั ในรายงานเกี่ยวกับ “นโยบาย
ส่งเสรมิ การทอ่ งเทย่ี วในชว่ งตน้ ศตวรรษที่ 21” โดยกระทรวงคมนาคม (Nishimura 2009) ตอนนีเ้ ทศบาลสว่ นใหญใ่ น
ญปี่ ุ่นสง่ เสริมการท่องเทย่ี วโดยชุมชนเพอื่ ฟ้ืนฟูชมุ ชนของตน จากการสำรวจของ Han (2016) พบวา่ 95.9% ของ
รฐั บาลทอ้ งถิ่น 798 แหง่ (40.6% ของเทศบาลในญี่ป่นุ ) ทีต่ อบแบบสอบถามน้นั กำลังดำเนนิ การท่องเทีย่ วโดยชุมชน

การพัฒนาการทอ่ งเทยี่ วโดยชมุ ชนในประเทศลาว
ในปี 2019 สปป. ลาว (ลาว) นน้ั รบั นักท่องเทีย่ วตา่ งชาติ 4,791,065 คนและมรี ายได้จากการท่องเทีย่ ว 935 ล้าน
เหรียญสหรัฐ (Ministry of Information, Culture and Tourism 2020) การท่องเที่ยวเปน็ อุตสาหกรรมสำคญั ของ
ลาวและเป็นรายได้จากเงนิ ตราตา่ งประเทศ และเป็นรายไดอ้ นั ดับสองของประเทศรองจากอตุ สาหกรรมเหมืองแร่ การ
ท่องเท่ียวสร้างรายได้คดิ เปน็ สัดสว่ น 15 เปอรเ์ ซ็นต์ของ GDP ของประเทศและสรา้ งการจ้างงาน 13% ของแรงงานใน
ประเทศปี 2014 (Mori 2016) รัฐบาลต้ังเปา้ หมายที่จะขจดั ความยากจนตัง้ แตก่ ลางทศวรรษ 1990 และการ
พฒั นาการท่องเท่ยี วเป็นเครือ่ งมือสำคัญในการดำเนนิ การดังกล่าว เอกสารนโยบายของรฐั บาลวา่ ดว้ ยยทุ ธศาสตร์การ
เตบิ โตของชาตแิ ละการขจัดความยากจนระบุว่าการพัฒนาการทอ่ งเทีย่ วประเภททส่ี ่งเสริมคือการทอ่ งเที่ยวทีส่ นับสนนุ
จนและการทอ่ งเทย่ี วโดยชมุ ชน (Harrison and Schipani 2007) เนอื่ งจากประเทศมสี ภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาตทิ ี่
อุดมสมบรู ณ์และวฒั นธรรมที่หลากหลาย การพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วเชงิ นเิ วศโดยชุมชนจงึ ไดร้ บั การสง่ เสริมและองคก์ ร



พฒั นาระหว่างประเทศหลายแหง่ เชน่ ธนาคารเพ่ือการพัฒนาแหง่ เอเชยี องคก์ ารเพอื่ การพฒั นาแหง่ ประเทศ

เนเธอรแ์ ลนด์ (SNV) องค์การความรว่ มมือระหว่างประเทศแห่งญปี่ นุ่ และองคก์ รการพฒั นาระหว่างประเทศอื่น ๆให้

การสนับสนนุ โครงการการทอ่ งเทยี่ วเชิงนเิ วศน้ำหา่ (NHEP) ในหลวงนำ้ ทา (Simonekeo 2011) และการทอ่ งเทีย่ ว

เชิงนิเวศโดยชมุ ชนในเขตอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพแห่งชาติ Phou Khao Khouay (NBCA) (Sirivongs and

Tsuchiya 2012) เป็นโครงการทอ่ งเทีย่ วโดยชุมชนทีป่ ระสบความสำเรจ็ ในประเทศลาว

โครงการการท่องเท่ยี วเชิงนเิ วศน้ำหา่ เรม่ิ ตน้ ในปี 1999 โดยไดร้ บั การสนับสนุนทางการเงนิ และทางเทคนิค

จากหน่วยงานเพอ่ื การพฒั นาระหว่างประเทศของนวิ ซแี ลนด์ รัฐบาลญ่ปี ุน่ และองคก์ รระหวา่ งประเทศอ่ืน ๆ โดยมี

วตั ถุประสงค์ 4 ประการ ได้แก่ (1) พัฒนาเส้นทางเดนิ ปา่ ไปยังชุมชนชนกลุ่มน้อย (2) ฝกึ อบรมมคั คเุ ทศก์ท้องถน่ิ (3)

สร้างรายไดใ้ ห้กบั คนในทอ้ งถิน่ และ (4) อนรุ กั ษธ์ รรมชาติ (Harrison and Schipani 2007) บรกิ ารมคั คุเทศน์

ทอ่ งเท่ียวเชงิ นเิ วศน์ทน่ี ำ้ หา่ (NHEGS) สรา้ งข้ึนเพ่ือให้บริการเสน้ ทางเดินป่าสามเสน้ ทางและการลอ่ งเรอื ผา่ นชมุ ชนชน

กลมุ่ น้อยแปดชาติพันธ์ุ ในชว่ งสามปแี รกของโครงการนมี้ กี ารฝึกอบรมมคั คเุ ทศก์ 89 คน (Harrison and Schipani

2007) NHEGS มีรายได้ 34,400 ดอลลาร์ จากกิจกรรมการเดนิ ปา่ และการน่งั เรือระหว่างเดือนตลุ าคม 2000 ถึง

กมุ ภาพันธ์ 2002 นอกจากนโี้ ครงการยงั สร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในท้องถนิ่ เชน่ ที่พัก มคั คุเทศก์ การจดั หา

อาหาร การทำความสะอาด การทำอาหาร การนวดและการทำหัตถกรรม โครงการนี้ให้แรงจูงใจแก่ชาวบ้านในการ

ปกป้องป่าและจดั การทรัพยากรเพือ่ รกั ษาความนา่ ดึงดดู สำหรบั นกั ท่องเทีย่ ว นอกจากนี้มัคคุเทศกย์ ังสนบั สนนุ

เจา้ หนา้ ทข่ี องพ้ืนที่คุม้ ครอง (NPA) ในการให้ข้อมูลสำหรับการอนรุ กั ษธ์ รรมชาติและค่าธรรมเนยี มใบอนญุ าตเดินป่าท่ี

เกบ็ จากนักท่องเทยี่ วจะนำมาใชส้ ำหรบั กจิ กรรมการอนรุ กั ษ์ NPA (Lyttleton and Allcock 2002)

เขตอนุรกั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพแหง่ ชาติ Phou Khao Khouay (NBCA) เป็นพ้นื ท่ีคมุ้ ครอง

ครอบคลมุ 2,000 ตร.กม. ซ่ึงประกอบดว้ ยนครหลวงเวยี งจนั ทนแ์ ขวงเวียงจันทนแ์ ละแขวงบอลคิ ำซาและก่อตั้งขึน้ ในปี

1993 โดยพระราชกฤษฎีกานายกรัฐมนตรี 164 และ ในปี 2003 โครงการทอ่ งเทยี่ วเชิงนเิ วศโดยชมุ ชนเรม่ิ ต้นท่ี

หมูบ่ า้ นนา และหมบู่ ้านหทยั ในอำเภอทัพพะจังหวัดโบลิคำซาโดยได้รบั การสนับสนุนจาก German Development

Serviceและ the Lao National Tourism Administration และกรมป่าไม้ (Mori 2016) กจิ กรรมการท่องเที่ยวเชิง

นเิ วศของบ้านนา ได้แก่ การชมชา้ งป่า การทำหัตถกรรม และการเดนิ ป่า ในหมู่บ้านหทยั กิจกรรมการทอ่ งเทยี่ วเชิงนิเวศ

คอื การล่องเรือชมสวนผลไมแ้ ละนำ้ ตก และการเดินปา่ ในป่า (Sirivongs and Tsuchiya 2012). Phou Khao

Khouay NBCA มีท่พี กั ในแหล่งทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศ 1 แหง่ ห้องอาหาร 1 แห่ง ทตี่ ัง้ แคมป์ 1 แห่ง ศนู ยข์ ้อมลู 1 แห่งและ

เกสตเ์ ฮาส์ 3 แหง่ ชาวบา้ นสร้างรายไดจ้ ากการเป็นไกดแ์ ละจัดหาโฮมสเตย์และอาหาร ในหมู่บา้ นนามีมคั คเุ ทศก์ 26

คน มโี ฮมสเตย์ 10 ครัวเรอื นและในหมูบ่ ้านหทยั มมี ัคคเุ ทศก์ 20 ครัวเรือนและโฮมสเตย์ 11 ครวั เรือน นกั ท่องเทยี่ ว

จะตอ้ งจ่ายคา่ ธรรมเนยี มแรกเขา้ จำนวน 5 เหรียญสหรฐั ใหก้ ับ NBCA และเงินเพอื่ ชว่ ยเหลอื จำนวน 5 เหรยี ญสหรัฐ

ใหก้ บั หม่บู ้าน (Mori 2016)

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าในลาวการท่องเที่ยวได้รับการส่งเสริมเพื่อขจัดความยากจนและด้วย

จุดประสงค์ดงั กลา่ วองคก์ รเพอ่ื การพฒั นาระหวา่ งประเทศจึงเปน็ ผูม้ ีบทบาทสำคญั ในการร่วมมือกบั รฐั บาลลาว องค์กร

การพัฒนาระหว่างประเทศหลายแห่งได้เปลี่ยนแนวทฤษฎีของการพัฒนาจากแนวทางแบบไหลริน (Trickel Down

Approach)ไปสู่แนวทางที่คำนึงถึงการกระจายอำนาจและความมั่งคั่งมากขึ้น เนื่องจากปัญหาประการหนึ่งของการ

ทอ่ งเทยี่ วกลุ่มคือการกระจายผลประโยชน์จงึ เป็นเหมาะสมทีจ่ ะนำการท่องเทีย่ วทางเลือกมาใชโ้ ดยเฉพาะการทอ่ งเทีย่ ว

เชิงนิเวศโดยชุมชน นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่พวกเขาเลือกการท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากกว่าการท่องเที่ยวประเภทอื่น ๆ

โดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาตวิ ่ามีอะไรบา้ งและคำนึงถงึ ศักยภาพแหล่งทอ่ งเท่ียว



ประเด็นปัญหารว่ มของการท่องเท่ียวโดยชมุ ชนในประเทศลาวและญี่ปนุ่
แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเป็นผู้นำในการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนในปัจจุบันโดยกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องและ
สนับสนุนเทศบาลแต่ในขั้นต้นการท่องเที่ยวโดยชุมชนนั้นเริ่มต้นโดยประชาชนในท้องถิ่นที่กังวลเกี่ยวกับความเสื่อม
โทรมของชุมชนโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่เป็นแรงผลักดันที่สำคัญ พวกเขาไม่ได้มคี วามคิดที่จะพึ่งพารัฐบาล ด้วยความ
พยายามของพวกเขาเองทำให้ ประเพณีวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ได้รับการอนุรักษ์
และฟนื้ ฟขู ึน้ เพ่อื ชวี ิตชมุ ชนทด่ี ีข้ึนและเรมิ่ ดงึ ดดู นกั ทอ่ งเทีย่ วเขา้ มา ดงั นัน้ การทอ่ งเท่ียวโดยชุมชนในญ่ีปุ่นจึงเริ่มต้นจาก
การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิน่ ทั้งหมด พวกเขาประสบความสำเร็จในการฟ้ืนฟูชุมชนด้วยการพานกั ท่องเทีย่ วจำนวน
มากเขา้ มา อย่างไรก็ตามเมอื่ จำนวนกรณีศกึ ษาที่ประสบความสำเรจ็ ของการท่องเที่ยวโดยชุมชนสำหรบั การฟื้นฟูชุมชน
ปรากฏใหเ้ ห็นมากขึ้น รัฐบาลแห่งชาตจิ ึงสนใจในกิจกรรมเหล่าน้นั และเริม่ ทำการศกึ ษาซ่งึ ในทส่ี ดุ ก็ได้สร้างแบบจำลอง
การท่องเท่ยี วโดยชมุ ชนและกำหนดนโยบายเพือ่ ส่งเสริมในทุกเขตเทศบาลของญป่ี ุ่น เป็นกระบวนการสร้างสถาบันการ
ท่องเทีย่ วโดยชุมชน ในรัฐบาลระดบั ชาตแิ ละระดับท้องถ่นิ ของญีป่ ุ่น โดยท่วั ไปน่เี ป็นสิง่ ทดี่ สี ำหรับเขตเทศบาล เทศบาล
หลายแห่งที่มีประชากรน้อยกว่า 5,000 คน ตัวอย่างเช่นเมืองที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นคือเมืองอุตะชิไนในฮอกไกโดซึ่งมี
ประชากร 3,062 คนในปี 2020 เทศบาลขนาดเล็กจำนวนมากเช่นนี้ไม่มีทรัพยากรบุคคลและความรู้ทางเทคนิค
เกี่ยวกบั การท่องเท่ยี วโดยชมุ ชนเพียงพอ การทจ่ี ดั ตง้ั สถาบันการท่องเทีย่ วโดยชมุ ชนหมายความวา่ จะมีการสนับสนุน
ทางการเงิน มีการถ่ายทอดความรู้ทางเทคนิค และเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องถิ่นได้รับการฝึกอบรมโดยรัฐบาลแห่งชาติ
ชว่ ยใหเ้ ทศบาลหลายแหง่ สามารถเริ่มโครงการการท่องเทย่ี วโดยชุมชน ได้โดยไม่คำนงึ ถงึ ความแตกตา่ งในความสามารถ
ทางการเงนิ ทางเทคนคิ และทรพั ยากรบุคคลท่มี อี ยู่

อย่างไรกต็ ามนี่ยังหมายความว่าโครงการการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชน จำนวนมากไมไ่ ดม้ าจากประชาชนในพนื้ ที่
แตเ่ ปน็ รัฐบาลท้องถิน่ ที่กำกับโดยรัฐบาลแหง่ ชาติ ดงั นัน้ วธิ กี ารมสี ว่ นรว่ มกับผู้อยู่อาศยั ในท้องถิ่นจึงเปน็ ประเด็นในการ
พฒั นาการทอ่ งเท่ยี วโดยชุมชน ล่าสดุ ในประเทศญ่ปี ุ่น จากการศึกษาของ Han (2016) ทีก่ ลา่ วถงึ ข้างต้นเมอ่ื เทศบาลท่ี
ดำเนินโครงการทอ่ งเทีย่ วโดยชุมชนมีคำถามว่า“ การพัฒนาการทอ่ งเที่ยวโดยชุมชนของคุณดำเนนิ ไปอยา่ งน่าพอใจ
หรือไม่” 21.6% ตอบวา่ “ ใช่” 23.6% ตอบวา่ “ ไม”่ และ 54.9% ตอบว่า "ไมใ่ ช่ท้งั คู่" สำหรับคำถามท่วี า่ “ การขาด
ความเป็นอสิ ระของพลเมอื งเปน็ ปจั จัยขดั ขวางการพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วโดยชมุ ชนหรือไม”่ 40.5% ตอบวา่ “ ใช่”
10.8% ตอบวา่ “ ไม”่ และ 48.7% ตอบว่า“ ไมใ่ ชท่ ง้ั ค”ู่ นอกจากน้ีสำหรบั คำถาม“ การขาดองค์กรของภาคประชา
สังคมเป็นปจั จัยขดั ขวางในการพฒั นาการท่องเท่ยี วโดยชมุ ชนหรอื ไม่” 27.6% ตอบวา่ "ใช่" 18.1% ตอบวา่ "ไม่" และ
54.3% ตอบวา่ "ไม่ทัง้ คู่" เม่อื มกี ารจดั ตง้ั สถาบนั การทอ่ งเทยี่ วโดยชมุ ชนสิ่งสำคัญคอื ต้องการพจิ ารณาว่าจะประกันการ
มีสว่ นร่วมของพลเมืองไดอ้ ยา่ งไร จากการอภปิ รายจนถึงตอนน้ีการพฒั นาการทอ่ งเท่ียวโดยชุมชนของญปี่ นุ่ มีสองช่วง
ระยะแรกคอื ระหว่างปี 1970 ถึง 2000 เมือ่ ประชาชนในท้องถิน่ ระบุถึงปัญหาในท้องถนิ่ และพยายามแก้ไขโดยใช้การ
ทอ่ งเทยี่ วโดยชุมชน ระยะท่สี องคอื หลงั ปี 2000 เมือ่ มีการจดั ตั้งการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชนผ่านรัฐบาลแห่งชาติ ในระยะนี้
การมีส่วนรว่ มของท้องถิ่นกลายเปน็ ประเดน็ ปัญหาเน่อื งจากการท่องเท่ียวโดยชมุ ชน ไมไ่ ด้รเิ ริม่ จากประชาชนในทอ้ งถิ่น
เอง

ในลาวหน่วยงานพัฒนาระหว่างประเทศและองค์กรพัฒนาเอกชนมีส่วนรว่ มอยา่ งแข็งขันในการพัฒนาโดย
ร่วมมือกับรัฐบาลลาว เนื่องจากลาวถูกมองว่าเป็นประเทศที่ต้องได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการขจัด
ความยากจน ดังนั้นเช่นเดียวกับระยะที่สองในญี่ปุ่นการท่องเที่ยวโดยชุมชนในลาวยังเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวโดย
ชุมชนในลกั ษณะสถาบนั ซึ่งยังขาดประสบการณ์ในสว่ นการรเิ ริม่ จากทอ้ งถิ่นซ่ึงชุมชนญ่ีปุ่นบางส่วนมีประสบการณ์ส่วน
น้ี ในการกำหนดการท่องเที่ยวโดยชุมชนแบบสถาบันในญี่ปุ่น ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนจะมี



การถ่ายทอดจากรัฐบาลแห่งชาติไปยังเทศบาลและไปยังประชาชนในท้องถิ่น รัฐบาลแห่งชาติมักจะไม่ทำงานโดยตรง
กับประชาชนในพื้นที่ ในกรณีของลาวความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนตามหลักการจะถูกถ่ายทอด
จากองค์กรการพัฒนาระหว่างประเทศไปยังรัฐบาลแห่งชาติและรัฐบาลท้องถิ่นและสุดท้ายไปยังประชาชนในพื้นที่
เนือ่ งจากดว้ ยช่องทางท่ีตอ้ งผ่านหลายฝา่ ยเม่ือเทยี บกบั กรณีของญป่ี ุ่นการถ่ายทอดความรู้จึงใช้เวลานานกว่าและอาจมี
การบิดเบือนเกิดขนึ้ ดังนั้นในการฝึกอบรมการทอ่ งเทีย่ วโดยชมุ ชน องค์กรพัฒนาระหวา่ งประเทศและ / หรอื หน่วยงาน
ระดับชาติ เช่นแผนกการท่องเที่ยวและกรมป่าไม้จะส่งผู้เชี่ยวชาญไปยังไซต์โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน และทำงาน
โดยตรงกับรัฐบาลท้องถิ่นและผู้รับผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามในการพัฒนาระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่าง
เจ้าหน้าที่ขององค์กรระหว่างประเทศและผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นมีลักษณะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างมืออาชีพกับลูกค้า
นอกจากนี้เน่ืองจากลาวไม่มีขนั้ ตอนของการพัฒนาการท่องเทย่ี วโดยชุมชนในทอ้ งถ่นิ จงึ เปน็ การยากที่จะประกันการมี
ส่วนรว่ มโดยท้องถิน่ ได้ ที่Phou Khao Khouay NBCA นั้นมีการบริหารโดยรัฐบาล การมีส่วนร่วมในการท่องเทีย่ วโดย
ชุมชนในพื้นที่นั้นจำกัดแค่เฉพาะการเข้าร่วมเป็นไกด์หรือโฮสต์โฮมสเตย์ นั่นคือพวกเขามีส่วนร่วมในด้านดำเนินงาน
เท่านั้น พวกเขาไมไ่ ด้มีส่วนร่วมในการตดั สนิ ใจในการวางแผนและการประเมินการทอ่ งเที่ยวโดยชมุ ชน ดังน้ันชาวบ้าน
ในท้องถิ่นจงึ ไม่คอ่ ยตระหนักถงึ ความเชอ่ื มโยงระหว่างสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสถานท่ที ่องเทย่ี วทีจ่ ะไมส่ ง่ เสรมิ
การอนรุ กั ษ์ส่ิงแวดล้อม (Mori 2016)

4. การมสี ่วนร่วมของทอ้ งถนิ่
จากการทบทวนกรณีการท่องเท่ยี วโดยชมุ ชนของญ่ปี นุ่ ในลาวพบปญั หาทั่วไปว่าจะทำอย่างไรใหเ้ กิดการมี

ส่วนรว่ มในทอ้ งถิ่น ในส่วนน้ีกระผมจะอธบิ ายอยา่ งละเอียดเกี่ยวกบั ประเดน็ ปัญหานี้

ทำไมการมสี ่วนร่วมของทอ้ งถน่ิ จึงสำคัญ?
ความสำคัญของการมีส่วนร่วมในท้องถิ่นมีรากฐานมาจากแนวคิดด้านมนุษยธรรมหรือความเท่าเทียมกัน

(Oakley 1991) และ / หรือประชาธิปไตย (Arnstein 1969) ในสังคมประชาธิปไตยการมีส่วนร่วมของพลเมืองใน
ชุมชนท้องถิ่นมีอยู่สองประเภท แบบแรกเรียกว่าประชาธิปไตยแบบตัวแทนเป็นการเลือกหัวหน้ารัฐบาลท้องถิ่นและ
สมัชชาท้องถิ่นเข้ามาตัดสินใจจึงเป็นการประกันการมีส่วนร่วมของพลเมืองเมื่อพวกเขาเลือกหัวหน้าและสมาชิกของ
สมัชชาเขา้ มาทำหนา้ ที่ ประการที่สองคือประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมซึ่งประชาชนได้รับการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมใน
กระบวนการตัดสินใจให้มากที่สดุ (Takajyo 2016) ประเภทที่สองมีความสำคัญมากขึ้นหลงั จากได้ประสบกับการขบั
เคลื่อนไหวของภาคประชาชนเช่น การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง และการเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรมด้าน
สิ่งแวดล้อมในสหรัฐอเมริกา (Kanehira และ Kimura 2001) และการเคล่ือนไหวต่อตา้ นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และการ
เคลื่อนไหวต่อต้านฐานทัพสหรัฐฯในญี่ปุ่น (Takajyo 2016) ดังตัวอย่างการเคลื่อนไหวของพลเมืองเหล่านี้แสดงให้
เหน็ ว่าการตัดสินใจในประเภทแรกไม่เพียงพอสำหรบั การบูรณาการความคดิ เหน็ ของกล่มุ เปราะบางทางสังคมและความ
คิดเห็นที่ต่อต้านชนชั้นปกครอง นอกจากนี้การตัดสินใจระดับเขตเล็ก ๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้นยากที่จะทำเนื่องจาก
สถานการณ์ในท้องถิ่นสามารถทำความเข้าใจข้อมูลจากท้องถิ่นเท่านั้น ดังนั้นในกรณีของญี่ปุ่นจึงมีการออกกฎหมาย
หลายฉบับเพื่อรับประกันการมีประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม เมื่อสังคมยึดถือแนวคดิ ประชาธปิ ไตยการมีสว่ นร่วมของ
ท้องถิ่นในเรื่องการท่องเท่ียวโดยชุมชนจึงมีมากขึ้น นี่เป็นเรื่องของปทัสฐาน (Berner et al. 2011) และด้วยเหตุน้ี
เกือบทุกคนจึงเห็นด้วยที่จะก้าวไปข้างหน้า (Arnstein 1969) นอกเหนือจากด้านกฎเกณฑ์แล้วการมีส่วนร่วมใน
ท้องถิ่นมีความสำคัญต่อการทำให้โครงการประสบความสำเร็จ Oakley (1991) ได้กล่าวถึงประโยชน์สี่ประการของ



การมสี ว่ นร่วมในโครงการพัฒนาของท้องถ่ิน ประการแรกเพ่มิ ประสิทธิภาพในแงข่ องเวลาและพลังงานตลอดจนต้นทุน
การมีส่วนร่วมของท้องถิ่นช่วยลดเวลาและพลังงานที่ไม่จำเป็นอันเกิดจากความเข้าใจผิดและความแตกต่างระหว่าง
พนักงานภายนอกและคนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังลดค่าใช้จ่ายเนื่องจากคนในท้องถิ่นที่มีความรับผิดชอบในการจัดหา
ทรัพยากรด้วยตนเอง ประการทีส่ องทำให้โครงการประสบความสำเร็จมากขึ้นเนื่องจากคนในท้องถิ่นมสี ว่ นร่วมในการ
กำหนดเปา้ หมายสนับสนุนการบรหิ ารโครงการและใช้ความรทู้ ักษะและทรัพยากรในท้องถ่ินของตน ประการที่สามเป็น
การหล่อเลี้ยง การพึ่งพาตนเองนั่นคือพวกเขาสามารถระบุถึงปัญหาและวางแผนและดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหา
โดยใช้ทรัพยากรของตนเองหรือที่มาจากภายนอก ประการที่สี่เพิ่มความครอบคลุม โดยปกติในโครงการพัฒนานั้นจะ
เลือกผทู้ ่จี ะไดร้ บั ประโยชนซ์ ง่ึ เป็นคนสว่ นน้อยของชุมชนเท่านน้ั แต่เมือ่ คนในทอ้ งถ่ินเขา้ รว่ มในโครงการก็จะครอบคลุม
กับคนมากขึ้นมากกวา่ โครงการที่ไม่มีส่วนร่วมโดยท้องถิน่ ดังนั้นการมีส่วนรว่ มของท้องถิ่นจึงมีความสำคัญในเชงิ ปทัส
ฐานและในทางปฏิบัติ

ระดับการมสี ว่ นร่วมของท้องถ่ิน
ในหวั ข้อท่ีแลว้ ได้กลา่ วถึงความสำคญั ของการมสี ว่ นรว่ มของท้องถ่นิ ในส่วนน้ีจะอธบิ ายการมีส่วนรว่ มของทอ้ งถิน่ ใน
ระดบั ตา่ งๆ จากการศกึ ษาของ Inoue (2003) Mori (2016) ไดแ้ บง่ ระดับการมีสว่ นร่วมในการท่องโดยชมุ ชนในระดบั
ท้องถน่ิ เป็น 6 ระดบั ระดบั แรกเป็นการแจ้งให้ทราบ ซึง่ หมายความวา่ ผลการตดั สนิ โดยผ้เู ชีย่ วชาญภายนอกจะแจง้ ให้
ชาวบ้านทราบ เปน็ การสือ่ สารทางเดียวจากบคุ คลภายนอกสคู่ นในพนื้ ที่ ระดบั ทีส่ องคือการรวบรวมข้อมูลทีช่ าวบา้ นใน
ท้องถน่ิ ตอบคำถามที่ผเู้ ชย่ี วชาญจากภายนอกตงั้ ข้ึน นอกจากนีย้ งั ถือเป็นการสอ่ื สารทางเดียวจากผอู้ ยูอ่ าศยั ในพื้นที่ไป
ยังผู้เชย่ี วชาญภายนอก ระดับทส่ี ามคือการปรึกษาหารอื ในระดบั นผี้ เู้ ชย่ี วชาญภายนอกจะปรึกษาและหารอื กบั ชาวบา้ น
ในการประชมุ และการทำประชาพจิ ารณ์ อยา่ งไรกต็ ามผู้อยูอ่ าศยั ในท้องถ่ินไมไ่ ดร้ บั อนุญาตใหม้ สี ว่ นรว่ มในกระบวน
วิเคราะห์และตดั สนิ ใจ ทั้งสามระดับน้ีมลี กั ษณะเปน็ แนวทางการมสี ว่ นร่วมของท้องถ่ินจากบนลงล่าง ระดับทสี่ ี่คอื การ
วางตวั ในระดบั นี้ประชาชนในทอ้ งถิ่นสามารถมสี ่วนร่วมในกระบวนการตดั สินใจยกเวน้ การตดั สนิ ใจในประเด็นสำคญั น่ี
คอื แนวทางการมีส่วนร่วมของทอ้ งถน่ิ ท่ีนำโดยผู้เชีย่ วชาญ ระดับทห่ี า้ คือความเปน็ หุ้นสว่ น ทีน่ ีผ่ ้อู ยอู่ าศยั ในทอ้ งถนิ่ มี
ส่วนรว่ มในการตดั สินใจและกจิ กรรมความรว่ มมอื ของกระบวนการการทอ่ งเทย่ี วโดยชุมชน ท้ังหมดซึ่งรวมถงึ กจิ กรรม
การวจิ ัยเบ้ืองตน้ การวางแผน การดำเนนิ การและการประเมนิ ผล การมีสว่ นรว่ มไมไ่ ดถ้ ูกบังคบั แตก่ ารเขา้ รว่ มเปน็ สทิ ธิ
แทน ระดบั ที่หกคอื การระดมพลดว้ ยตนเองซ่ึงประชาชนในท้องถิ่นจะรเิ รมิ่ และผเู้ ชีย่ วชาญภายนอกสนบั สนนุ พวกเขา
ซึ่งระดบั ทหี่ ้าและหกถูกมองว่าเปน็ แนวทางทแี่ ท้จริง

การมีส่วนร่วมของพลเมอื งของ Arnstein (1969) นั้นคล้ายคลึงกับรปู แบบของ Mori แต่มีความแตกต่าง
บางประการ เธอนำเสนอการมีส่วนร่วมของพลเมืองแปดระดับในโครงการสังคมในสหรัฐอเมริกาซึ่งขึ้นอยู่กับระดับ
อำนาจที่พลเมืองมี ระดับแรกคือการเป็นหุ่นเชิดที่ผู้อยู่อาศัยจะถูกจัดให้อยู่ในคณะกรรมการที่ปรึกษาหรือ
คณะกรรมการเพียงทำการอนุมัติโครงการที่ดำเนินการโดยผู้มีอำนาจและมอบความชอบธรรมให้กับโครงการเม่ือ
ประชาชนในท้องถิ่นเข้าร่วมในกระบวนการนี่เป็นการมีส่วนร่วมที่ผิดเพี้ยนซึ่งไม่ใช่เพื่อคนในท้องถิ่นแต่เพื่อผู้มีอำนาจ
ระดับทีส่ องคอื การบำบดั รกั ษาซงึ่ ผู้เชี่ยวชาญเรียกรอ้ งให้ประชาชนในท้องถน่ิ เขา้ ร่วมการบำบดั แบบกลมุ่ เพ่ือให้พวกเขา
สามารถปรับค่านิยมและทัศนคติหรือเปรียบได้กับการศึกษากลไกการเกิดโรคเพื่อคุณค่าและทัศนคติที่ดีกว่าซึ่งถือว่า
เป็นเร่ืองปกติ เธอใหค้ ะแนนท้ังสองระดบั นวี้ ่าไมม่ สี ่วนร่วมเนอื่ งจากการเข้ารว่ มมีลกั ษณะที่ถูกประดษิ ฐข์ ึ้น ระดับท่ีสาม
เปน็ การแจ้งให้ทราบซึ่งคล้ายกับระดบั ของโมริ พลเมืองได้รับทราบถงึ สิทธหิ นา้ ทแ่ี ละทางเลอื กของตนโดยใช้ส่ือข่าวสาร
แผ่นพับ โปสเตอร์ และข้อเสนอแนะสำหรับคำถาม แต่เมื่อพูดถึงในขั้นตอนต่อไปของการวางแผน พลเมืองจะไม่

๑๐

สามารถกำกับดูแลไดม้ ากนัก ระดับที่สี่คือการปรึกษาหารือซึ่งคล้ายกับระดับของโมริ นี่เป็นขั้นตอนหนึ่งในการมีส่วน
ร่วมอย่างเต็มที่ของพลเมือง แต่ไม่ได้ประกันว่าจะมีการพิจารณาแนวคิดและความคิดเห็นของเขา ระดับที่ห้าคือการ
วางตัวที่เทียบได้กับระดับของโมริ ผู้เชี่ยวชาญเลอื กพลเมืองในทอ้ งถิ่นเพียงไม่กี่คนและจัดให้เป็นคณะกรรมการ ดังนัน้
พลเมืองสามารถใช้อำนาจได้มากขึ้นทว่าเพราะพวกเขาได้รับการคัดเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญความฉาบฉวยของการมีส่วน
ร่วมยงั คงมีอยู่ ระดับที่ 3, 4 และ 5 มีความเป็นเชิงสัญลักษณ์ในระดับหนึ่ง ระดับที่หกคือการเป็นหุ้นส่วนซึง่ คลา้ ยกับ
ระดับของโมริ ผ่านการเจรจาระหว่างผู้เชี่ยวชาญและผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นอำนาจในการตัดสินใจจะกระจายไป ในหมู่
พวกเขา ระดับที่เจ็ดคือการจดั สรรอำนาจซึง่ การเจรจาระหวา่ งผู้เชีย่ วชาญและประชาชนจะส้ินสุดลงในการเปลีย่ นถา่ ย
อำนาจซึ่งกลุ่มหลังไดร้ บั อำนาจที่เหนือกว่าในการกำหนดโครงการ ระดับที่แปดคือการควบคุมของพลเมืองซ่ึงพลเมอื ง
ในทอ้ งถนิ่ เป็นผู้ควบคุมโครงการและองค์กรทด่ี ำเนนิ การ พวกเขามอี ำนาจควบคุมอย่างเตม็ ทใี่ นการดำเนินโครงการทาง
สงั คม ระดบั ท่ี 6, 7 และ 8 ใหอ้ ำนาจพลเมืองในระดับหนึง่

ทฤษฎีของ Arnstein ครอบคลุมมากกว่า Mori’s Arnstein ได้เพิ่มการมสี ่วนร่วมของพลเมืองสองระดบั
นั่นคือการมีส่วนร่วมที่ผิดพลาด ในการท่องเที่ยวโดยชุมชนซึ่งเป็นโครงการพัฒนา ทั้งสองระดับจะมีโอกาสน้อยที่จะ
เกิดขึน้ เนื่องจากการสง่ เสรมิ การมสี ่วนร่วมของท้องถิน่ คือการรกั ษาความสามารถในการพึ่งพาตนเองของคนในท้องถนิ่
และชุมชน อย่างไรก็ตามเมื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน กลายเป็นนโยบายระดับชาติและกดดันให้รัฐบาลท้องถ่ิน
ดำเนนิ การดังกลา่ วจะมคี วามเปน็ ไปไดท้ ีอ่ าจมสี ่วนร่วมทีผ่ ดิ พลาดขนึ้ การระดมพลกนั เองของ Mori ซง่ึ เป็นระดับสูงสุด
ของการมีส่วนรว่ มในท้องถนิ่ ในทฤษฎขี องเขาต้ังอยู่บนความสัมพันธ์ที่กลมเกลียวระหวา่ งชุมชนท้องถ่ินและผู้เชี่ยวชาญ
ภายนอกในขณะที่การจัดสรรอำนาจของ Arnstein (ระดับ 7) และการควบคุมพลเมือง (ระดับที่ 8) มองว่าเกิด
ความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกันระหว่างคนในท้องถิ่นและผู้ส่งเสริมโครงการ ความสัมพันธ์แบบกลมเกลียวของโมริมี
แนวโนม้ ทจ่ี ะเกดิ ข้ึนมากระหว่างสองกล่มุ เนื่องจากเป้าหมายของโครงการคือการพัฒนาชมุ ชน อย่างไรก็ตามเมอ่ื สังคมมี
ความสมั พนั ธ์ในลักษณะทีจ่ ะนำไปส่คู วามขัดแย้งของชนกลุม่ น้อย-กล่มุ ใหญ่ โครงการสำหรับชุมชนสำหรับชนกลุ่มน้อย
นัน้ ทำความเข้าใจได้ผ่านทฤษฎีของ Arnstein ไดด้ ีกวา่ ของ Mori

โดยบรรทัดฐานแล้วการมีส่วนร่วมในท้องถิ่นจำนวนมากจะถือว่าดีกว่า อย่างไรก็ตามการศึกษาในระดับตำ่
ของผอู้ ยอู่ าศยั ในท้องถ่ินอาจไมย่ อมให้โครงการเรม่ิ ต้นจากการระดมพลกันเองระดบั ที่ 6 ของโมริ แต่อาจเร่มิ จากการมี
ส่วนร่วมในระดับล่างเช่นการปรึกษาหารือการวางตัวและการเป็นหุ้นส่วนเพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการ
ดำเนินโครงการ เมอ่ื คนในท้องถน่ิ เปน็ พลเมอื งทม่ี กี ารศึกษาก็สามารถขบั เคลื่อนได้ผ่านมสี ่วนรว่ มในระดับที่สูงข้นึ

การสรา้ งการมีส่วนรว่ มของชมุ ชนในญปี่ นุ่
ดงั ทไี่ ดก้ ล่าวมาแล้วในปัจจบุ นั รฐั บาลท้องถนิ่ เปน็ ผู้รเิ ร่ิมการท่องเทีย่ วโดยในญีป่ ุ่น พวกเขาพยายามให้

ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในรปู แบบตา่ งๆ โดยวธิ กี ารทำใหป้ ระชาชนในทอ้ งถิน่ เข้ามาส่วนรว่ มไม่ไดม้ ีเฉพาะการ
ท่องเทย่ี วโดยชมุ ชนเท่านน้ั แต่มีวธิ กี ารท่ัวไปสำหรับการพฒั นาทอ้ งถิน่ ซึง่ รวมถงึ การรา่ งแผนแมบ่ ทการพัฒนาโครงสร้าง
พืน้ ฐานการสรา้ งสิง่ อำนวยความสะดวก การคมุ้ ครองสงิ่ แวดลอ้ ม การรักษาภมู ทิ ศั น์และอ่ืน ๆ เชน่ กระทรวงที่ดินโครง
สร้างพนื้ ฐานการขนส่งและการท่องเท่ียว (2002) ทรี่ ะบวุ ่ารฐั บาลทอ้ งถ่ินใช้วธิ ีใดเพื่อให้แนใ่ จว่าพลเมอื งมสี ว่ นร่วมใน
การพัฒนาชุมชน (รวมถึงการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชน) จากการสำรวจพบวา่ วิธกี ารท่ีไดร้ ับความนยิ มมากท่สี ดุ คอื การจัด
คณะกรรมการพัฒนาชุมชน (20%) และการประชุมเชงิ ปฏิบัติการ (20%) ตามด้วยการมสี ว่ นร่วมในคณะกรรมการใน
ฐานะสมาชกิ (15%) การเขา้ รว่ มการสำรวจ (12%) การเข้าร่วมการประชมุ การอภปิ รายและการประชมุ โตะ๊ กลม (9%)
การส่งความคดิ เห็นเป็นลายลักษณ์อกั ษร (6%) เย่ยี มชมชุมชนต้นแบบ (4%) การเขา้ รว่ มการประชุมสัมมนาและการ

๑๑

บรรยาย (3%) และประเภทอื่น ๆ (11%) ซ่ึงรวมถงึ การอภิปรายการพูดคยุ กับนายกเทศมนตรกี ารประชาพิจารณ์
(Yokosuka City 2012) และการเผยแพรข่ อ้ มูลโดยใช้หนังสือพิมพพ์ ลเมอื งใบปลวิ และโฮมเพจ (Kyoto City 2012)

ต่อไปน้เี ปน็ กรณศี ึกษาสองตัวอย่างของรัฐบาลท้องถิน่ ทพ่ี ยายามรวมพลเมืองเขา้ มาเพ่ือการพฒั นาทอ้ งถิ่น
กรณีแรกคอื อำเภออะโซโนะเมืองยฟู จุ งั หวัดโออิตะ ยา่ นนอ้ี ยู่ในเขตชานเมอื งของเมอื งซงึ่ เผชิญกับความเส่ือมโทรมของ
ชมุ ชนอย่างรุนแรง ในปี 2020 มปี ระชากร 410 คนและมากกวา่ 50% มอี ายมุ ากกว่า 65 ปี โรงเรยี นประถมทีม่ เี ด็ก
ประมาณ 200 คนเมือ่ เขตเจรญิ รงุ่ เรอื งปิดตวั ลงในปี 2019 เนื่องจากมเี ด็กเพยี ง 7 คน อุตสาหกรรมหลักคอื การเกษตร
ทผี่ ลิตขา้ วโคเนื้อและเหด็ หอม เขตนม้ี ภี เู ขาคุโรดาเกะฤดูใบไม้ผลโิ ออิเกะและปา่ บรสิ ุทธซ์ิ ึง่ เปน็ สว่ นหนึง่ ของอุทยาน
แห่งชาตอิ ะโสะ - คุจู ในแผนแมบ่ ทการวางผังเมืองของเมอื งยฟู ุ ไดก้ ล่าวไว้ว่าเขตอโซโนะ ควรได้รับการฟ้ืนฟูผ่านการใช้
ทรัพยากรในทอ้ งถ่นิ ประการแรก มีการพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วแบบลงมอื ปฏบิ ตั โิ ดยใชท้ รัพยากรธรรมชาติเชน่ ฤดูใบไม้ผลิ
โออเิ คะ และภเู ขาคุโระดาเคะ ประการทสี่ องสวนฟารม์ สำหรับชาวเมืองและการทอ่ งเทย่ี วแบบฟารม์ สเตยค์ วรได้รบั การ
พฒั นาโดยใช้ทรพั ยากรภมู ิทศั นใ์ นชนบทเชน่ นาขั้นบันได (เมอื งยฟู ู 2013) ภายใต้แผนพ้นื ฐานของเมอื งเขตเริม่
ดำเนนิ การเม่อื เผชิญกบั จดุ วกิ ฤตของการลดลงของชมุ ชนซง่ึ เปน็ การปดิ โรงเรยี นประถมเพียงแหง่ เดียวที่น่ัน ในเดอื น
ตุลาคม 2019 มกี ารก่อต้ังคณะกรรมการเพ่ือศึกษาการพฒั นาของอโซโนะขน้ึ โดยตวั แทนจากแตล่ ะพื้นทย่ี ่อยพร้อม
ด้วยคำชแี้ นะจากสำนักงานเมือง วตั ถุประสงค์ของคณะกรรมการคอื การจัดตั้งสภาการพฒั นาเมืองอาโซโนะท่ีจะมี
บทบาทสำคญั ในการทำให้ท้ังเขตทำงานในการปกปอ้ งประเพณีและธรรมชาตแิ ละใช้ทรัพยากรการทอ่ งเท่ียวทดี่ ีเพือ่ การ
ฟืน้ ฟู ได้จัดใหม้ ีการประชุมครงั้ แรกสำหรบั คนในตำบลทงั้ หมดเพ่อื อธิบายแผนพัฒนาชุมชนและแลกเปลย่ี นความ
คดิ เห็นในวันท่ี 6 มนี าคม 2020 ในการประชุมคณะกรรมการศกึ ษาการพฒั นาของอโซโนะไดเ้ ปล่ยี นช่อื เปน็
คณะกรรมการเตรยี มการพฒั นาเมอื งอโซโนะ ซง่ึ ขยายสมาชิกสภาพรวมถงึ ตวั แทนจากองค์กรท้องถิ่นต่างๆและ
ประชาชนทั่วไปท่ีไดร้ บั การคัดเลอื กจากการเปดิ รับสมคั รผเู้ ข้าร่วม เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ มลู เพ่ิมเติมจากประชาชนในพื้นท่ี
คณะกรรมการได้ส่งแบบสอบถามไปยังผู้อยู่อาศยั ทุกคนที่มอี ายุมากกวา่ 13 ปี คณะกรรมการจัดให้มกี ารประชมุ
ประจำเดอื นซง่ึ เชญิ ให้ประชาชนทกุ คนเขา้ รว่ มและออกจดหมายข่าวสำหรับทกุ ครัวเรือน (รปู ท่ี 2)

๑๒

กรณที สี่ องคือหมบู่ า้ นอากะจงั หวดั ฟกุ โุ อกะ ซึ่งเปน็ เขตเทศบาลขนาดเลก็ ทม่ี ปี ระชากร 3,022 คน โดยในปี 2015

เชน่ เดียวกับเทศบาลอื่น ๆ ในญปี่ นุ่ หมบู่ า้ นน้ียงั เผชญิ กับผสู้ งู อายุและจำนวนประชากรทล่ี ดลง อตุ สาหกรรมหลักคือการ

ทำฟารม์ ผลิตหมู ข้าว ผกั และดอกไม้ คนในทอ้ งถ่นิ มีความคิดวา่ หมู่บา้ นมีโอกาสในการพฒั นานอ้ ยลงเนอ่ื งจากประชากร

ลดลงและอุตสาหกรรมหลกั คอื เกษตรกรรมซึ่งไมส่ ามารถแข่งขนั ได้ ดังนน้ั สำหรบั รัฐบาลทอ้ งถ่นิ จงึ เปน็ เร่อื งยากทจ่ี ะ

พฒั นาวิสยั ทัศนก์ ารทอ่ งเทย่ี วโดยชุมชนผา่ นการมสี ว่ นร่วมของพลเมือง เพ่ือแก้ปัญหาดังกลา่ วหมบู่ า้ นได้จัดตั้ง

คณะกรรมการพัฒนาชุมชนและขอความรว่ มมอื ในการเข้าร่วม ในข้ันต้นคณะกรรมการได้รบั คำแนะนำจากเทศบาล

และภายหลงั จะค่อยๆดำเนินการดว้ ยตนเอง ปัจจบุ ันนมี้ ีการประชมุ เปน็ เปน็ ประจำและมีการจดั ทำขอ้ เสนอสองสามขอ้

และไดร้ ับการสนับสนุนจากเทศบาล เช่นการใหบ้ ริการรถบสั สวัสดกิ าร จดั คอนเสริ ต์ ย้อนยคุ สมัยโชวะ และกจิ กรรมตาม

ฤดูกาลท่ีศูนยผ์ ลติ ภณั ฑ์ทอ้ งถนิ่ เพอ่ื ดงึ ดูดนักท่องเที่ยว (รูป 3).

๑๓

รปู ภาพ 3. ศูนย์สนิ คา้ ชุมชนหมบู่ า้ นอาคะ (ภาพถา่ ยโดยผู้แตง่ )

5. บทสรปุ
มีการดำเนินการท่องเทย่ี วโดยชุมชนทั้งในประเทศกำลังพฒั นาและประเทศท่ีพัฒนาแล้วเพือ่ เปน็ เครอื่ งมือในการพัฒนา
ทางเลือกที่ทำให้มัน่ ใจไดถ้ ึงความยงั่ ยนื ของชุมชน สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรมและสงั คม ตลอดจนการกระจายผลประโยชน์
ทีเ่ ปน็ ธรรมให้กบั ผู้อยูอ่ าศัย เนอื่ งจากอยู่บนกระบวนทศั นก์ ารพัฒนาทางเลอื กน้นั การมสี ่วนร่วมของท้องถนิ่ จึงเปน็ สว่ น
สำคญั ในการดำเนนิ การระดมพลตนเองของ Mori หรือการกำกบั ดแู ลพลเมอื งของ Arnstein เป็นระดบั ทีเ่ หมาะสมทสี่ ุด
ของการมีส่วนร่วมในโครงการทอ่ งเทีย่ วโดยชุมชนของทอ้ งถิ่น ในญี่ปนุ่ การมสี ่วนรว่ มในระดับทอ้ งถิ่นนเ้ี กิดขึน้ ได้ในบาง
ชมุ ชนท่คี นท้องถน่ิ เริม่ สังเกตเห็นสญั ญาณของการลดลงของชุมชนและดำเนนิ การเพ่ือแกไ้ ขโดยใช้ทรัพยากรในท้องถ่นิ ที่
ดึงดดู นักทอ่ งเทย่ี วจำนวนมาก เมอ่ื การทอ่ งเทีย่ วโดยชุมชน กลายเป็นนโยบายระดับชาตใิ นราวปี 2000 เพ่ือการฟน้ื ฟู
ชมุ ชน รัฐบาลทอ้ งถน่ิ กลายเป็นผสู้ นับสนนุ การท่องเท่ยี วโดยชุมชนผา่ นคำแนะนำของรฐั บาลแหง่ ชาตแิ ละในข้อตกลงนี้
ผู้อยู่อาศยั ในทอ้ งถ่ินกก็ ลายเป็นผแู้ สดงบทบาทเฉยเมย ในลาวการท่องเทย่ี วโดยชุมชนยังเปน็ นโยบายระดับชาตใิ นการ
ขจัดความยากจนและขยายเศรษฐกิจของประเทศ รฐั บาลแหง่ ชาตแิ ละองค์กรพัฒนาระหว่างประเทศเปน็ ผสู้ ง่ เสริมการ
ทอ่ งเท่ยี วโดยชุมชนและประชาชนในท้องถน่ิ เปน็ ผูร้ ับผลประโยชน์ท่ีมรี ะดบั การมสี ่วนรว่ มอยหู่ า่ งไกลจากการระดมพล
หรอื การกำกับดแู ลพลเมอื ง ดงั นัน้ ในญีป่ ่นุ และลาวการสรา้ งความมนั่ ใจในการมีส่วนร่วมในท้องถ่นิ และวธิ กี ารเลอ่ื น
ระดบั น้นั เป็นประเด็นสำคัญทต่ี อ้ งมีการดแู ล เทศบาลของญ่ีป่นุ ได้ใช้เทคนคิ เพ่อื เพมิ่ การมสี ่วนร่วมในทอ้ งถน่ิ เช่นการ
จัดตัง้ คณะกรรมการ การประชมุ และการประชมุ เชิงปฏบิ ัติ การทำแบบสำรวจและการออกจดหมายขา่ ว เทคนิคเหลา่ น้ี
มปี ระโยชน์ในการเพิม่ การมสี ว่ นรว่ มของท้องถ่ิน แตห่ ากประชาชนในพน้ื ท่ีไม่มีแรงจูงใจในการดำเนินการเพือ่ การพัฒนา
ท้องถิ่นด้วยตนเอง พวกเขาก็มสี ว่ นร่วมในทางพิธปี ฏบิ ตั เิ ทา่ นัน้

๑๔

เอกสารอ้างองิ
Arnstein, S. R. (1969). A ladder of citizen participation. Journal of the American Institute of

Planning, 35 (4), 216-224.
Berner, M. M., J. M. Amos and R. S. Morse. (2011) What constitutes effective citizen participation in

local government? Views from city stakeholders. Public Administration Quarterly, spring, 128-
163.
Goodwin, H. and R. Santilli. (2009). Community-based tourism: a success? ICRT Occasional Paper
11. GTZ.
Han, Junwoo. (2016). A report on the present status and impediments to tourism-based
community development: A perspective of municipalities. Ritsumeikan Journal of Asia Pacific
Studies, 34, 191-206. (In Japanese)
Harrison, David and Steven Schipani. (2007) Lao tourism and poverty alleviation: community-based
tourism and the private sector. Current Issues in Tourism, 10 (2-3), 194-230.
Inoue, Makoto. (2003). Vanishing Forests and Its Protection in Asia. Tokyo: Chuo Hoki. (In Japanese)
Jamal, Tazim and Dianne Dredge. (2015) Tourism and community development issues. In R.
Sharpley and D. J. Telfer (Eds.), Tourism and Development: Concepts and Issues, 2nd Edition (pp.
178-204). Bristol: Channel View Publications.
Kanehira, Kenji and Yoshiharu Kimura. (2001) Civic participation in U.S.A. Riverfront Research
Institute Report, 12, 182-189. (In Japanese)
Kyoto City. (2012) A Guide to Citizen Participation Promotion for Staff.
https://www.city.kyoto.lg.jp/sogo/page/0000219022.html (Accessed on February 11, 2021)
(In Japanese)
Lyttleton, Chris and Alison Allcock. (2002) Tourism as a Tool for Development: UNESCO-Lao
National Tourism Authority, Nam Ha Ecotourism Project, External Review, July 6-18. Vientiane:
NTAL and UNESCO.
Ministry of Information, Culture and Tourism, Lao PDR. (2020) Statistical Report on Tourism in Laos
2019. Vientiane, Lao PDR.
Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism, Japan. (2002) Current Status and Issues on
Participatory Community Development.
https://www.mlit.go.jp/singikai/infra/city_history/city_planning/jisedai/1/030415.html (Accessed
on February 11, 2021) (In Japanese)
Mori, Tomoya. (2016) Current conditions and challenges of community-based tourism in Phou
Khao Khouay NBCA in the central part of Laos: An empirical study based on the common pool
approach. Annual of the Institute of Economic Research, Chuo University. 48, 111-131. (In
Japanese)

๑๕

Morishige, Masayuki. (2015) The current status and challenges in tourism-based community
development studies from the point of view of the definition. Hannan Ronshu, Jinbun-
Shizenkagaku. 50 (2), 21-37. (In Japanese)

Nishimura, Yukio. (2009) What is Tourism-Based Community Development? Community
Management Starting from Town Pride, Kyoto, Japan: Gakugei Shuppan-sha. (In Japanese)

Oakley, P. (1991) The concept of participation in development. Landscape and Urban Planning,
20, 115-122.

Simonekeo, Senesathith. (2011) A new emergence of tourism in Lao PDR for the two decades.
Journal of Ritsumeikan Social Sciences and Humanities, 3, 57-74.

Sirivongs, Khamfeua and Toshiyuki Tsuchiya. (2012) Relationship between local residents’
perceptions, attitudes and participation towards national protected areas: A case study of Phou
Khao Khouay National Protected Area, central Lao PDR. Forest Policy and Economics, 21, 92-
100.

Takajyo, Tomoyuki. (2016) A consideration on the residents’ participation system under the current
law. Takaoka Law Review, 34, 77-115. (In Japanese)

World Travel & Tourism Council (2020) Travel & Tourism: Global Economic Impact & Trends 2020,
London, UK.

Yokosuka City. (2012) A List of Major Methods of Citizen Participation.
https://www.city.yokosuka.kanagawa.jp/0830/jichi/juumin_iinkaigaiyou2.html (Accessed on
February 11, 2021) (In Japanese)

Yotsumoto, Yukio. (2016) An overview of Japanese tourism-based community development:
definitions and successes. In V. Fletcher (Ed.), Urban and Rural Developments: Perspectives,
Strategies and Challenges (pp. 1-15). New York: Nova Publishers.

Yufu City. (2013) City Planning Master Plan.
http://www.city.yufu.oita.jp/biz/tosikeikakukeikan/tosikeikakumasterplan/ (Accessed on February
12, 2021) (In Japanese)

๑๖


Click to View FlipBook Version