The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กลุ่มที่2-การสร้างแบบทดสอบชนิดต่างๆ(แก้ไข)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by natsima.j, 2020-04-10 01:44:52

กลุ่มที่2-การสร้างแบบทดสอบชนิดต่างๆ(แก้ไข)

กลุ่มที่2-การสร้างแบบทดสอบชนิดต่างๆ(แก้ไข)

มหาวิทยาลยั ราชภฏั ยะลา
สาขา ภาษาองั กฤษและเทคโนโลยกี ารศกึ ษา

การสรา้ งแบบทดสอบชนดิ ตา่ ง ๆ

การสร้างแบบทดสอบชนดิ ตา่ ง ๆ

เสนอ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พมิ พป์ วณี ์ สวุ รรณโณ

จดั ทาโดย

นางสาวณัฐสิมา จงจิตร 405928015

นางสาวแวดะห์ มอลอ 406028012

นางสาวสไุ รดา แซยามา 406028016

นางสาวซูไรดา สาเล็งบาเกาะ 406028017

นางสาวดารีนา ดสี ะเอะ 406028032

นางสาวอาอีดะห์ หะยมี ะสะแม 406028033

นกั ศึกษาชั้นปที ่ี 3 สาขาภาษาองั กฤษและเทคโนโลยีการศกึ ษา
รายงาน E-book นี้เปน็ สว่ นหน่งึ ของรายวชิ าการวดั และการประเมินผลการศึกษา (1104201)

มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ยะลา

คานา

หนงั สอื อเิ ล็กทรอนิกส์ (e-book) เลม่ นี้ จดั ทาข้นึ เพ่ือใชป้ ระกอบการนาเสนอ
ในรายวิชาการวดั และการประเมิน ซง่ึ เปน็ ส่ือประกอบการนาเสนอท่ีเขา้ ใจงา่ ย สาหรบั ผทู้ ี่
สนใจ สามารถนาไปใชป้ ระกอบการสอนได้เป็นอยา่ งดี ในเรือ่ งของการจดั หนงั สือ
อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-book) ซง่ึ เป็นสอ่ื ประกอบการเรียนการสอน

ผจู้ ัดทาหวังเป็นอย่างยงิ่ หนงั สืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ (e-book) เรอื่ ง การสรา้ ง
ขอ้ สอบชนิดตา่ ง ๆ ประกอบดว้ ย การสร้างขอ้ สอบแบบอัตนยั การสร้างข้อสอบแบบจับคู่
การสรา้ งข้อสอบแบบเตมิ คา และการสรา้ งข้อสอบแบบอิงเกณฑ์ เล่มน้ี จะเปน็ ประโยชน์
ตอ่ การจัดการเรียนการสอน ตลอดจนนาไปส่กู ารสรา้ งสรรคข์ ้อสอบตอ่ ไป

หากมขี ้อผดิ พลาดประการใดขออภัย ณ ท่ีนดี่ ้วย

คณะผู้จดั ทา

สารบญั 5
6
• ความหมายของแบบทดสอบ 7
• ประเภทของขอ้ สอบชนิดต่าง ๆ 8
• การสรา้ งขอ้ สอบเขยี นตอบ 8
• ลักษณะขอ้ สอบอตั นยั 9
• หลกั ในการสรา้ ง 10
• ข้อดแี ละข้อเสยี ของขอ้ สอบอัตนัย 11
• ตวั อย่างข้อสอบแบบอัตนัย 12
• การสร้างข้อสอบแบบจับคู่ 13
• ลกั ษณะขอ้ สอบแบบจบั คู่ 14
• หลกั ในการสรา้ ง 15
• ข้อดีของขอ้ สอบแบบจับคู่ 16
• ขอ้ จากัดของขอ้ สอบแบบจับคู่
• ตัวอย่างขอ้ สอบแบบจบั คู่



สารบัญ(ตอ่ ) 18
19
• การสรา้ งขอ้ สอบแบบเติมคา 20
• ลักษณะขอ้ สอบแบบเตมิ คา 21
• หลกั การขอ้ สอบแบบเตมิ คา 22
• ข้อดีและข้อเสียขอ้ สอบแบบเติมคา 24
• ตัวอยา่ งขอ้ สอบแบบเตมิ คา 25
• การสร้างขอ้ สอบแบบอิงเกณฑ์ 25
• ความหมายของขอ้ สอบแบบอิงเกณฑ์ 25
• หลักการประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ 26
• การนาการประเมนิ ผลแบบองิ เกณฑไ์ ปใช้ 27
• การสรา้ งเครื่องมือประเมนิ ผลแบบองิ เกณฑ์ 28
• ข้อดขี อ้ เสยี ของการประเมนิ แบบอิงเกณฑ์
• อา้ งอิง

ความหมาย

แบบทดสอบ คือ ชุดของคาถามทส่ี ร้างขน้ึ เพือ่ ใหผ้ ู้
ถกู ทดสอบแสดงพฤติกรรมอย่างใดอยา่ งหนึ่ง
ออกมาให้ ผสู้ อบสังเกตได้และวดั ได้

การสรา้ งแบบทดสอบชนดิ ต่าง ๆ มีดังน้ี

1 การสรา้ งขอ้ สอบเขียนตอบ

2 การสรา้ งข้อสอบแบบจบั คู่

3 การสร้างข้อสอบแบบเติมคา

4 การสร้างขอ้ สอบแบบองิ เกณฑ์

การสร้างขอ้ สอบเขียนตอบ

ลักษณะขอ้ สอบอตั นัย

เปน็ แบบทดสอบทใี่ หน้ กั เรียนเขยี นบรรยายคาตอบลงในกระดาษคาตอบ

หลกั ในการสรา้ ง 1. เขยี นคาชี้แจงเก่ยี วกับวิธีการตอบให้ชดั เจน
2. ควรเขยี นคาถามใหช้ ัดเจนและควรใช้คาถามให้ใช้

ความคดิ เชน่ จงอธิบาย จงวเิ คราะห์
3. กาหนดเวลาใหต้ อบนานพอสมควร
4. เลอื กถามเฉพาะจดุ ท่ีสาคัญของเร่อื ง
5. คาถามแตล่ ะขอ้ มคี วามยากง่ายไมเ่ ทา่ กนั

ขอ้ ดแี ละข้อเสียของข้อสอบอัตนยั
ขอ้ ดี ขอ้ เสยี

1.สามารถตอบโดยอสิ ระ 1.การสมุ่ เนอื้ หาวิชาท่ีนามาทดสอบเป็นไปอย่างจากดั
2.ลดการเดา 2.ตรวจใหค้ ะแนนยากคะแนนไมแ่ น่นอน
3.เป็นขอ้ สอบทีเ่ หมาะกับผู้สอบที่มีจานวนน้อย 3.เปน็ ขอ้ สอบทม่ี กั จะทาให้นกั เรยี นอ่านไม่เข้าใจคาถาม
4.ลดเวลาในการสร้างขอ้ สอบ 4.ใชเ้ วลามาก
5.สามารถวัดความคิดอเนกนัยได้ 5.เนน้ การเขียน
6.ชว่ ยจงู ใจให้นกั เรยี นมีการเรียนร้ทู ี่มปี ระสิทธภิ าพมากกว่า
ข้อสอบแบบอืน่

ตวั อยา่ ง

การสรา้ งข้อสอบ
แบบจับคู่

การสร้างข้อสอบแบบจบั คู่

ลักษณะของขอ้ สอบจะมี 2 คอลมั น์ คอลมั น์หนึ่งจะเป็นชดุ ของ
คาถาม อกี คอลมั นห์ นึ่งจะเปน็ ชดุ ของคาตอบ ซึ่งผู้ตอบจะเลือก คาตอบ
ที่ถูกต้องเพื่อใหส้ อดคล้องกบั คาถาม

หลกั ในการสรา้ ง 1. ตัวเลอื กต้องมีจานวนมากกวา่ ตวั ยนื 2-4 ขอ้

2. ตวั ยนื ควรจะมจี านวน 5-15 ข้อ ถา้ ตัวยืนมจี านวนน้อยเกนิ ไปจะจับค่หู า
คาตอบได้ง่ายมาก

3. ข้อความในแต่ละชดุ ต้องเป็นเอกพันธ์

4. ตวั ยืนในแตล่ ะขอ้ มีโอกาสจบั คกู่ บั ตัวเลอื กทุกข้อ

5. ข้อสอบในชดุ ตวั ยืนและตวั เลือกทกุ ข้อตอ้ งอยใู่ นหนา้ เดยี วกนั

6. ต้องระบคุ วามสมั พันธ์ของขอ้ ความท้งั สองชดุ ใหช้ ดั เจน โดยเขยี นคาช้แี จง
วา่ จะให้จับคโู่ ดยยึดความสัมพันธ์แบบใด
7. รูปแบบของข้อสอบจบั คู่ ส่วนใหญ่จะใหผ้ ู้ตอบนาอกั ษรหน้าขอ้ ความทาง

ขวามอื ไปใส่ในวงเลบ็ หนา้ ขอ้ ความทางดา้ นซ้ายมอื ทีค่ ิดวา่ สมั พันธก์ นั

ข้อดีของขอสอบแบบจับคู่

1. สร้างได้งา่ ยและรวดเร็ว
2. ตรวจให้คะแนนได้ง่าย
3. ถา้ สรา้ งข้อสอบดีแล้วประมาณ 10 ข้อ โอกาสที่จะเดาถกู มนี อ้ ย
4. เหมาะสาหรบั วดั ความสามารถในการหาความสัมพันธ์
5. ประหยัดกระดาษและเนือ้ ทีใ่ นการออกข้อสอบ

ขอ้ จากัดของขอ้ สอบแบบจับคู่

1. มกั เป็นขอ้ สอบวัดความจามากกวา่ ทีจ่ ะวัดสมรรถภาพสมองขั้นสูง
2. แต่ละข้อมีโอกาสในการเดาถกู ไมเ่ ท่ากัน ขอ้ แรกๆ โอกาสในการเดาถกู
นอ้ ย ส่วนข้อหลงั ๆ โอกาสในการเดาถกู มากข้นึ เพราะตัวเลอื กมีนอ้ ยลง
3. เป็นการยากท่ีจะทาใหป้ ัญหาและคาตอบทง้ั หมดเปน็ เรอื่ งเดยี วกนั ซง่ึ
ทาใหโ้ อกาสท่ีจะเสนอแนะคาตอบหรอื ชว่ ยในการเดามมี ากข้ึน

ตวั อยา่ ง

ตวั อยา่ ง

การสร้างขอ้ สอบ
แบบเตมิ คา

ขอ้ สอบแบบเติมคา

ขอ้ สอบแบบเติมคา (Completion) ลักษณะ
ท่ัวไป เปน็ ข้อสอบทป่ี ระกอบดว้ ยประโยคหรอื ขอ้ ความท่ี
ยงั ไมส่ มบรู ณแ์ ลว้ ให้ผตู้ อบเติมคาหรือประโยคให้มคี วาม
สมบูรณ์

หลักในการสร้าง

1. ไมค่ วรใชข้ อ้ ความหรอื ประโยคจากหนงั สอื แลว้ ตัดคาบางคาหรือบางขอ้ ความออกมาใชเ้ ป็น
คาถาม
2. คาตอบทีต่ ้องการให้เตมิ หรือทถี่ กู จะต้องเป็นคาตอบทเ่ี ฉพาะเจาะจงไม่ตีความได้หลายนัย
3. แต่ละขอ้ ความใหเ้ ตมิ แห่งเดยี วตอนท้ายของประโยคหรอื ขอ้ ความ แตถ่ ้าจาเปน็ อาจเวน้ ให้
เตมิ สว่ นอน่ื
4. ตาแหน่งที่เติมตอ้ งเปน็ จุดสาคญั จริง ๆ
5. ควรเวน้ ช่องวา่ งทีจ่ ะให้เติมเทา่ กันทกุ ชอ่ ง

ข้อดี ขอ้ เสยี

1. เหมาะกับพฤตกิ รรมความรู้-ความจา 1. ไม่เหมาะกับการวัดพฤติกรรมระกบั

2. เหมาะกับวชิ าคณติ ศาสตร์และวิชา สงู ๆ

ทกั ษะ การคานวณ 2. ยากในการเขยี นเพอื่ ให้ได้คาตอบเดียว

3. เดาคาตอบได้ยาก 3. ถ้าใชบ้ ่อย ๆผูเ้ รียนจะมงุ่ แต่ท่องจำ

ตวั อยา่ ง

ตวั อยา่ ง

การสร้างข้อสอบ
แบบองิ เกณฑ์

3.การสรา้ งขอ้ สอบแบบอิงเกณฑ์

การสร้างข้อสอบแบบอิงเกณฑ์ คอื การประเมนิ ผลของลักษณะหรือ
พฤตกิ รรมโดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ ซง่ึ เกณฑม์ ีทัง้ เกณฑม์ าตรฐานทมี่ อี ยแู่ ลว้ หรอื
เกณฑ์ท่ีผ้ปู ระเมนิ สร้างขึ้น

หลักการประเมินผลแบบองิ เกณฑ์ การนาการประเมนิ ผลแบบอิงเกณฑไ์ ปใช้
ยดหึ ลกกั ารเรียนเพื่อรอบรู้
- ใชใ้ นกรณีต้องการทราบวา่ ผเู้ รยี นได้บรรลุ
ผ้เู รียนทกุ คนสามารถเรยี นรจู้ น จุดม่งุ หมายเพียงใดและใช้เพื่อปรับปรุงการ
บรรลเุ ปา้ หมายได้ แต่อาจจะใช้เวลาท่ีแตกตา่ ง เรียนการสอน
กนั - ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งใช้แบบทดสอบฉบับเดยี วกนั
เพราะไม่มีการเปรยี บเทยี บกบั คนอ่ืน

หลกั การในการสรา้ งแบบทดสอบอิงเกณฑ์

1. จะตอ้ งกาหนดเป้าหมายชดั เจนว่าแบบทดสอบน้ันๆใช้วดั อะไร
2. สามารถนาไปใชว้ ดั สถานภาพของแต่ละบุคคลตามทกี่ าหนดไว้ในโดเมนของ
พฤติกรรม (Behavioral Domain)
3. ตอ้ งมกี ารกาหนดเกณฑ์มาตรฐานทีจ่ ะใชใ้ นการเปรียบเทยี บหรือวดั ผล โดยผลของ
การวดั จะเป็นแบบ ผา่ น หรือ ไม่ผ่าน ตามเกณฑท์ ่ีกาหนดไว้
4. แบบทดสอบควรมีความยาวพอเหมาะถา้ จานวนข้อนอ้ ยเกนิ ไป การกาหนดสภาพ
ของผู้สอนด้วยแบบทดสอบนน้ั อาจเชื่อถือไมไ่ ด้ แต่ถา้ จานวนขอ้ มากเกนิ ไป หรอื มบี างข้อ
ซ้าซ้อนไม่จาเป็นต้องถามเพราะจะเปน็ การสิน้ เปลอื งเวลา
5. การกาหนดความยาวของข้อสอบต้องคานึงถงึ ความเปน็ ตวั แทนท่ีดีขององค์ความรู้
ในแตล่ ะจดุ ประสงค์ และคานงึ ถงึ ประเภทของการตดั สนิ ผลการสอน ถ้าเปน็ การ
ตัดสินผลเพือ่ จัดกลมุ่ หรือเพื่อปรบั ปรุงการเรียนการสอนอาจยอมให้เกิดความ
คลาดเคล่อื นได้บ้าง

การสร้างแบบทดสอบแบบองิ เกณฑจ์ ะต้องเขียนตามจดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ได้แก่

พฤตกิ รรมทค่ี าดหวงั สถานการณส์ ิงเร้า

พฤติกรรมทตี่ ้องการใหผ้ ู้เรยี น เกณฑ์ เงือ่ นไขทใ่ี ชก้ ระตุ้นให้ผู้เรยี น
แสดงออก เมอ่ื ไดเ้ รียนรใู้ นแตล่ ะ แสดงพฤตกิ รรมที่คาดหวัง
บทเรียน

ปรมิ าณหรือคณุ ภาพของพฤตกิ รรมทผ่ี ู้เรยี นแสดงออก
ทจ่ี ะยอมรบั ได้

ข้อดีข้อเสียของการประเมนิ แบบองิ เกณฑ์

ข้อดี ขอ้ เสีย

เป็นการประเมนิ เพือ่ ปรบั ปรงุ การเรียนการ วิธีการดาเนนิ การสอบคอ่ นข้างย่งุ ยาก
สอนจึงเหมาะสมที่ใช้กับการเรียนการสอน ไม่เนน้ ความยากงา่ ยของขอ้ สอบอาจทา
สง่ เสรมิ ให้มีการช่วยเหลือกนั มากกวา่ การ ให้คณุ ภาพการเรยี นการสอนต่างกไ็ ด้
แขง่ ขนั เป็นการประเมินท้งั ผูเ้ รยี นและ การกาหนดเกณฑ์ทเ่ี หมาะสมทาไดย้ าก
กระบวนการเรียนการสอน

อา้ งอิง

• ปราณี หลาเบญ็ สะ.(2561).การวัดและประเมนิ ผลการศึกษา.มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลา

• http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit6/level6-
3.html?fbclid=IwAR1UgMpfyYWFQsH rpVa53RLO69M-tG0-e2-5BEaoeDrqDcgd3zFLI-
t0tLM

• https://www.slideshare.net/NuchSilarak/ss-
67953653?fbclid=IwAR2Jx5j72d3wY9MFmKi5jGZA_Lg
ElwWLGVA6aui1TcROtTY2ryTRlsxIigA

• http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit6/level6-
6.html?fbclid=Iw
AR3zjIgwqnElq7qeLmUj4c05OZy7RsVhvEBaHBRbRUEdYLlYz_GUHH
nC EYg


Click to View FlipBook Version