11
2 2 ค าน า โครงงานวิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย เรื่อง “ร้อนหรือเย็นช่วยยืดอายุขนมจีน” เป็นโครงงานที่จัดขึ้น ภายใต้การเข้าร่วมกิจกรรมโครงงานบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผู้ดําเนินกิจกรรมตามโครงงานเป็นนักเรียนระดับชั้น อนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านกุดดุกวิทยา อําเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โดยเริ่มต้นจากความสนใจของนักเรียน ที่ได้ศึกษาเรื่องราวอาหารดีมีประโยชน์(ขนมจีน) แล้วเกิดคําถามที่นักเรียนสงสัยต้องการค้นหาคําตอบ โดย ใช้วัฏจักรการสืบเสาะตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย จํานวน 3 วงรอบ ดังนี้ วัฏจักรการ สืบเสาะคําถามที่ 1 ขนมจีนมีลักษณะอย่างไร และทํามาจากแป้งชนิดใด โดยระดมความคิดจากประสบการณ์ เดิมของตนเอง ร่วมกันออกแบบวิธีการหาคําตอบ และทําการสํารวจตรวจสอบเพื่อศึกษาลักษณะขนมจีน และ แป้งที่ทําขนมจีน เพื่อหาข้อสรุป แล้วเกิดคําถามต่อเนื่องที่นําไปสู่ วัฏจักรสืบเสาะคําถามที่ 2 เพื่อหาคําตอบ ต่อไปว่าขนมจีนทําอย่างไรมี และแป้งอะไรที่ใช้ทําขนมจีน และคําถามที่ 3 ทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาคําตอบของคําถาม จากการระดมความคิดร่วมกัน ของนักเรียน และลงมือปฏิบัติทดลองเพื่อหาข้อสรุปเพื่อหาคําตอบต่อไป ขอขอบพระคุณนายทรงวุฒิ ทาระสา ผู้อํานวยการโรงเรียนบ้านกุดดุกวิทยา ที่ให้การสนับสนุน งบประมาณในการจัดทําโครงงานบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ประจําปีการศึกษา 2566 นี้ โรงเรียนบ้านกุดดุกวิทยา หวังว่า โครงงานวิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย เรื่อง “ร้อนหรือเย็นช่วยยืดอายุ ขนมจีน”ลุล่วงไปด้วยดี โดยนักเรียนระดับปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3 ครู ผู้ปกครอง ที่ให้ความร่วมมือ ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทําให้โครงงานประสบความสําเร็จ และหวังว่าผล การจัดกิจกรรมโครงงาน ฉบับ นี้จะมีประโยชน์และนําไปเป็นแนวทางปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนระดับปฐมวัยแก่ผู้ที่สนใจ ต่อไป นางทัชชภร แน่นอุดร โรงเรียนบ้านกุดดุกวิทยา
3 3 สารบัญ เรื่อง หน้า คํานํา ระยะที่ 1 การก าหนดหัวข้อโครงงาน 1 ระยะที่ 2 การวางแผน 1 ชื่อโครงงาน 2 ที่มาของโครงงาน 2 ระยะที่ 3 ลงมือด าเนินการ 4 ค าถามที่ 1 ขนมจีนมีลักษณะอย่างไร 5 ขั้นที่ 1 ตั้งคําถามที่อยากรู้ 5 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคําตอบ 6 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 7 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 7 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 8 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปราย 9 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 10 ค าถามที่ 2 ขนมจีนท าอย่างไร ขั้นที่ 1 ตั้งคําถามที่อยากรู้ 12 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคําตอบ 12 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 13 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 17 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 18 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปราย 19 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 21 ค าถามที่ 3 ท าอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน ขั้นที่ 1 ตั้งคําถามที่อยากรู้ 23 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคําตอบ 24 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 24
4 4 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 26 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 30 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปราย 31 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 33 ระยะที่ 4 สรุป/ปิดโครงการ 35 ภาคผนวก แบบขอรับการประเมินเพื่อรับตรา “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” 38-40 เกียรติบัตรครูที่ผ่านการอบรมปฏิบัติการ 41-42
5 5 ระยะที่ 1 การก าหนดหัวข้อโครงงาน ระยะที่ 2 การวางแผน 1
6 6 โครงงานวิทยาศาสตร์โดยใช้กระบวนการสืบเสาะของเด็กปฐมวัย ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย โครงงานเรื่อง ร้อนหรือเย็นช่วยยืดอายุขนมจีน ผู้จัดท าโครงงาน นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 จํานวน 10 คน โรงเรียนบ้านกุดดุกวิทยา สพป. ขก. เขต 5 ครูที่ปรึกษา นางทัชชภร แน่นอุดร และ นางสาวปิยะนาถ ภูอองทอง ระยะเวลาในการจัดท า ระยะเวลา 5 กุมภาพันธ์– 26 กุมภาพันธ์ 2567 รวม 22 วัน ________________________________________________________________________________ ที่มาของโครงงาน ( 5 กุมภาพันธ์ 2567) นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ได้เรียนหน่วยการเรียน “อาหารดีมีประโยชน์” ในกิจกรรมการ เรียนการสอนครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเรื่องอาหารที่มีประโยชน์และมีโทษ ร่วมถึงอาหารที่เด็กๆ รู้จัก อาหารที่เด็กๆ ชอบรับประทานมีอะไรบ้าง และอาหารแต่ละชนิดสามารถแยกประเภทอาหารได้ เด็กๆ ส่วนมากสนใจ “ขนมจีน” เพราะเด็กๆ ชอบรับประทาน ครูเลยสนทนาร่วมกับเด็กอีกครั้งและถามนักเรียนว่า คุณครู : ทําไมเด็กๆ จึงชอบขนมจีน น้องอิสเทริ์น : มันอร่อยครับ น้องข้าวปั้น : ขนมจีนมีลักษณะอย่างไรครับครูและเส้นขนมจีน มันทําจากแป้งอะไรคะ คุณครู : เด็กๆ คิดว่าขนมจีนมีลักษณะเป็นอย่างไร น้องน้ําขิง : เป็นเส้น นุ่มๆ เด้งๆ น้องณิชา : ขนมจีนกินกับอะไรได้บ้างค่ะ น้องออกัส : ผมชอบเอาไปกินกับน้ําปลา และซอสแม็กกี้ น้องทอฝัน : หนูชอบกินกับน้ํายาปลา และกินกับส้มตําค่ะ น้องเปา : ผมเคยเห็นยายแตนแก่ทําขาย ไม่รู้เขาทํายังไง น้องบุ๋มบิ๋ม : ขนมจีนมีขายที่ไหนบ้างค่ะคุณครู น้องทอฝัน : ที่ร้านค้าในหมู่บ้านและตลาดค่ะ น้องณิชา : หนูเห็นขายในปั้มน้ํามัน คุณครู : ผมเคยเห็นขนมจีนที่ขายเป็นเส้นขดๆ เรียงในถาดเล็กๆ ทําไมเขาทําได้ ทําอย่างไร 2
7 7 น้องออกัส : หนูเคยเห็นขนมจีนที่ร้านค้ามันเยอะมากเลยครับ แล้วเห็นแม่ค้าเอา ทิ้งด้วยนะคะ แก่บอกว่ามันเน่า ขายไม่หมดเลยต้องเอาทิ้งครับ น้องเปา : เสียดายจังเลยครับ แล้วเราจะทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นานครับ จากการสนทนาระหว่างครูและเด็ก เด็กๆต่างสงสัย และทําให้เกิดคําถามจากข้อสงสัย โดยสรุปคําถาม ได้ดังนี้ คําถามที่ 1 ขนมจีนมีลักษณะอย่างไร และทํามาจากแป้งชนิดใด คําถามที่ 2 ขนมจีนกินกับอะไรได้บ้าง คําถามที่ 3 ขนมจีนมีขายที่ไหนบ้าง คําถามที่ 4 ขนมจีนทําอย่างไร คําถามที่ 5 ทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน จากคําถามที่เด็กๆ สนใจอยากรู้ 5 คําถาม เด็กและครูร่วมกันสนทนาเพื่อเลือกคําถาม ที่จะนํามาสังเกต สํารวจตรวจสอบ ทดลอง และเปรียบเทียบ โดยคําถามที่เด็กอยากรู้มากที่สุด คือ คําถามที่ 1 ขนมจีนมีลักษณะอย่างไร และทํามาจากแป้งชนิดใด คําถามที่ 4 ขนมจีนทําอย่างไร และคําถามที่ 5 ทํา อย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน เด็กๆ จะใคร่รู้ สืบเสาะ ค้นหาคําตอบ ขั้นตอนการทําขนมจีน และจะทํา อย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน 3
8 8 ระยะที่ 3 ลงมือด าเนินการ โครงงานเรื่อง : ร้อนหรือเย็นช่วยยืดอายุขนมจีน ค าถามที่ 1 : ขนมจีนมีลักษณะอย่างไร และทําจากแป้งชนิดใด 1. เด็กหาคําตอบของคําถามด้วยตนเองเป็นหลัก โดยครูเป็นผู้ช่วยเหลือ 2. เปิดโอกาสให้เด็กได้นําเสนอ แบ่ง แลกเปลี่ยนสิ่งที่คันพบ หรือเรียนรู้ร่วมกันตามความสนใจของ เด็กเป็นระยะ 3. หากเกิดคําถามใหม่ระหว่างกระบวนการ ควรกระตุ้นให้เด็กวางแผนและหาคําตอบด้วยตนเอง เพิ่มขึ้น 4. เด็กบันทึกจัดทําหรือรวบรวมเอกสารด้วยตนเอง 4
9 9 ค าถามที่ 1 ขนมจีนมีลักษณะอย่างไร และท าจากแป้งชนิดใด จุดประสงค์ เพื่อศึกษาลักษณะขนมจีน และแป้งที่ทําขนมจีน ขั้นที่ 1 ตั้งค าถามที่อยากรู้ จากการที่เด็กๆ ได้พูดคุยสนทนากันในชั้นเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เด็กๆ เคยรับประทานขนมจีน ครู : เด็กๆ เคยเห็นและรับประทานขนมจีนจากที่ไหนบ้าง น้องเปา : ผมเห็นที่ร้านค้ามีขายครับ น้องน้ําขิง : ที่บ้านหนูก็มีค่ะแม่ซื้อขนมจีนมากินกับส้มตํา น้องน้ําขิง : ยายซื้อมากินค่ะ ยายชอบทําให้หนูกินกับน้ํายาอร่อยมากค่ะ น้องเปา : ผมก็ชอบทานครับเส้นมันนุ่มๆๆ ครับ น้องทอฝัน : หนูกินที่บ้านค่ะ เส้นขนมจีนสีขาว อร่อยมากค่ะ น้องณิชา : ตอนงานปีใหม่โรงเรียนขนมจีนเส้นยาวๆ คุณครูทําให้กินอร่อยๆ มากค่ะ น้องอิสเทริ์น : ผมเคยดูในคลิป เห็นเขากินขนมจีนเส้นมันเป็นสีๆ แต่ผมเคยกินเส้นสีขาวครับ น้องออกัส : ขนมจีนมีหลายสีด้วยหรอครับ น้องทอฝัน : แม่หนูเคยบอกว่าขนมจีนทํามาจากแป้ง เขาใช้แป้งอะไรทําคะ น้องข้าวปั้น : หนูเคยเห็นที่บ้านยายแตนทําขนมจีนขายค่ะ เห็นแกเอาแป้งทํา น้องเปา : เขาใช้แป้งอะไรทําขนมจีนครับคุณครู ผมอยากรู้จังเลย คุณครู : ได้ค่ะเดี๋ยวคุณครูจะพาเด็กๆศึกษาลักษณะของขนมจีนและแป้งที่ใช้ทําขนมจีนกัน นะคะ จากคําถามที่เด็กๆ สงสัยหรือต้องการจะเรียนรู้เกี่ยวกับขนมจีนและแป้งที่ใช้ทําขนมจีนมากมายหลาย คําถาม ครูและเด็กๆ จึงสนทนา สํารวจเพื่อจะเลือกคําถามที่เด็กต้องการหาคําตอบมากที่สุด โดยได้คําถามที่ สงสัยและนํามาสู่กระบวนการหาคําตอบคือ ขนมจีนลักษณะเป็นอย่างไร ทําจากแป้งชนิดใด 5
10 10 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนค าตอบ (6 กุมภาพันธ์ 2567) เด็กๆ และครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับลักษณะของขนมจีนและแป้งที่ใช้ทําขนมจีน โดยใช้คําถาม กระตุ้น เพื่อให้เด็กๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์เดิมของแต่ละคนและนํามาเสนอหน้าชั้นเรียน ร่วมกันอภิปราย คุณครู : วันนี้คุณครูจะพาเด็กๆ สังเกตและศึกษาลักษณะของขนมจีน แป้งที่ใช้ทํา ขนมจีนนะคะ น้องน้ําขิง : ดีใจจังเลยคะ หนูอยากดูแล้วค่ะ หลังจากที่ครูนําขนมจีน และแป้งมาให้นักเรียนศึกษาโดยแบ่งเด็กๆ ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยเริ่มจากการ สังเกตขนมจีนสีต่างๆ ที่อยู่ในจาน น้องน้ําขิง : คุณครูคะ ขนมจีนมีหลายสีเลยค่ะ น้องเปา : คุณครูครับ เส้นขนมจีนมันนุ่มๆ ลื่นๆ ครับ น้องณิชา : มีกลิ่นแป้งจากขนมจีนค่ะคุณครู น้องเกรท : ขนมจีนสีชมพูน่ากินกว่าสีขาวจังเลยค่ะ ต่อมาครูให้เด็กๆ สังเกตลักษณะ สี กลิ่น การสัมผัส ของแป้ง 2 ชนิด คือแป้งข้าวจ้าวและแป้งมัน สําปะหลัง น้องเปา : คุณครูครับแป้งมันข้าวจ้าวมันสากๆ มือครับ น้องน้ําขิง : แป้งมันสําปะหลังสีขาว น้องณิชา : แป้งมันสําปะหลังลื่นๆ ค่ะ น้องทอฝัน : กลิ่นแป้ง 2 อย่างนี้ไม่เหมือนกันเลยค่ะ น้องอิสเทริ์น : แป้งอันไหนครับที่เอาไปทําขนมจีนได้ 6
11 11 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ จากการที่เด็กๆ ได้ลงความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป จึงต้องมีการตรวจสอบออกแบบการหา คําตอบ มีการตั้งสมมติฐาน เพื่อให้ได้มาซึ่งคําตอบที่สงสัย ครูสนทนาเกี่ยวกับการหาคําตอบ“เด็กๆ คิดว่าเรา จะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง” เด็กๆสอบถามผู้ปกครอง เด็กๆสอบถามบุคลากรในโรงเรียน ศึกษาในยูทูป คุณครูและเด็กๆ จึงเริ่มดําเนินการหาข้อมูล โดยมีการถามข้อมูลไปถึงผู้ปกครองของเด็กๆ รวมทั้ง สอบถามบุคลากรในโรงเรียน ให้ช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลักษณะของขนมจีนและขนมจีนทําจากแป้งชนิดใดให้ เด็กๆ ฟังเพื่อมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนในห้องเรียน เด็กๆตื่นเต้นและสนุกกับการศึกษาสํารวจในครั้งนี้มาก เด็กๆ ได้กล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้น ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย เด็กๆ สังเกตลักษณะของขนมจีน โดยการใช้สายตา การชิมรสชาติ การดมกลิ่น และการสัมผัส ในการ สังเกต จากนั้นเด็กๆ ได้วาดรูปขนมจีนที่ตนเองสังเกตได้ลงในกระดาษ รวมถึงบรรยายเกี่ยวลักษณะของแป้ง ข้าวจ้าวและแป้งมันสําปะหลัง ให้ครูและเพื่อนในกลุ่มฟัง โดยครูเป็นผู้บันทึกผลลงในกระดาษชาร์ท เด็กๆ จึงดําเนินการ เก็บข้อมูลตามความคิดของแต่ละคน แล้วนํามาแลกเปลี่ยนในชั้นเรียน 7
12 12 ภาพเด็ก ๆ สังเกตลักษณะของขนมจีน และลักษณะของแป้งข้าวจ้าว แป้งมันส าปะหลัง ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (7 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อเด็กๆ แต่ละกลุ่ม ทําการสังเกตลักษณะของขนมจีนและแป้งแต่ละชนิด พร้อมกับวาดภาพ บันทึกลักษณะของขนมจีนลงในแบบบันทึกผลเรียบร้อยแล้ว เด็กๆ และครูจึงร่วมกันสนทนาเพื่ออภิปราย สรุปผลถึงความลักษณะและแตกต่างของขนมจีนและแป้งแต่ละชนิดว่าเป็นไปตามที่เด็กๆ ได้คาดคะเนไว้ หรือไม่ ดังนี้ แบบบันทึกลักษณะของขนมจีน กลุ่มที่ สี รูปร่าง การสัมผัส กลิ่น รสชาติ 1 ขาว ชมพู ม่วง เหลือง ส้ม เส้นๆยาวๆ นิ่มๆเหนียวๆ เด้งๆนุ่ม ลื่นๆ มีกลิ่นแป้ง หอมๆ จืด 2 ขาว ชมพู ม่วง เหลือง ส้ม เส้นๆยาวๆ ม้วน เป็นกลม นุ่มๆ นิ่มๆลื่นๆ มีกลิ่นแป้งหมัก จืด แบบบันทึกลักษณะของแป้ง แบบบันทึกลักษณะของแป้ง (กลุ่มที่ ....1....) ชนิดของแป้ง สี กลิ่น การสัมผัส ลักษณะ แป้งข้าวจ้าว สีขาว กลิ่นเหม็น นุ่ม ลื่น นิ่ม เหมือนแป้งทาหน้าเป็นผง แป้งมันส าปะหลัง สีขาว มีกลิ่นหอม เหมือนกลิ่นแป้งหมัก ลื่น เหนียวๆๆ เป็นผงลื่นๆ 8
13 13 แบบบันทึกลักษณะของแป้ง (กลุ่มที่ ....2....) ชนิดของแป้ง สี กลิ่น การสัมผัส ลักษณะ แป้งข้าวจ้าว สีขาว กลิ่นฉุน(กลิ่นขิว) นิ่ม นุ่ม ลื่น ผงละเอียด เหมือนแป้งทาหน้า แป้งมันส าปะหลัง สีขาว มีกลิ่นแป้งหมัก เหนียวๆลื่นๆ เป็นผงลื่นๆ ขั้นตอนที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (8 กุมภาพันธ์ 2567) เด็กๆและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับลักษณะของขนมจีนและแป้งแต่ละชนิด ที่ได้คิดค้นด้วย การสํารวจ และลงมือสืบเสาะด้วยตนเอง จึงพบว่าลักษณะของขนมจีนและแป้งแต่ละชนิด มีลักษณะดังนี้ ขนมจีน มีลักษณะเป็นเส้นๆยาวๆ นิ่มๆเหนียวๆเด้งๆนุ่ม ลื่นๆ มีกลิ่นแป้ง หอมๆ รสชาติจืด มี หลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีเหลือง สีม่วง สีส้ม สีชมพู แป้งข้าวเจ้า มีลักษณะ สีขาว กลิ่นฉุน(กลิ่นขิว) นิ่ม นุ่ม ลื่น ผงละเอียด เหมือนแป้งทาหน้า แป้งมันสําปะหลัง มีลักษณะผงสีขาว เนื้อแป้งละเอียด ลื่น เหนียวๆ มีกลิ่นแป้งหมัก ขนมจีนทํามาจากแป้งมันสําปะหลัง และแป้งข้าวเจ้า 9
14 14 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 1.1 ด้านการเรียนรู้ - เด็ก ๆ สามารถคาดคะเนสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ - เด็ก ๆ สามารถบอกอุปกรณ์ ขั้นตอนและวิธีการได้ - เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทําและบันทึกผลได้ 1.2 ด้านภาษา - เด็กมีพัฒนาการด้านภาษาจากการสนทนาโต้ตอบแสดงความคิดเห็น - ทักษะด้านภาษาจากการพูดบรรยายเกี่ยวกับขั้นตอนการทําและเล่าสิ่งที่เด็กสังเกตเห็นจาก การ ปฏิบัติได้ 1.3 ด้านสังคม - เด็กสามารถทํางานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กแสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - เด็กเคารพกฎกติกาและปฏิบัติตามข้อตกลงของห้องเรียน 1.4 ด้านการเคลื่อนไหวและทักษะการรับรู้ประสาทสัมผัส - เด็กเคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ในการทํากิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว - เด็กสามารถใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกตด้วยตัวเองจนได้ข้อมูลที่ชัดเจน 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1 ทักษะการสังเกต - เด็กได้สังเกตลักษณะของขนมจีนและแป้งแต่ละชนิด 2.2 ทักษะการจําแนกประเภท - เด็กจําแนกชนิดแป้งแต่ละชนิด 2.3 ทักษะการพยากรณ์หรือการคาดคะเนคําตอบ - เด็ก ๆ สามารถคาดคะเนคําตอบได้ว่าขนมจีนมีลักษณะอย่างไร และทําจากแป้งชนิดใด 2.4 ทักษะการจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล - เด็ก ๆ สามารถสรุปผลสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการวาดภาพ เล่าให้ครูฟัง นําเสนอหน้าชั้นเรียน 2.5 ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล - เด็ก ๆ สามารถให้เหตุผลเพิ่มเติมโดยใช้ความคิดเห็นส่วนตัว และประสบการณ์เดิมแสดงความ คิดเห็นต่าง ๆ ได้ 10
15 15 ระยะที่ 3 ลงมือด าเนินการ โครงงานเรื่อง : ร้อนหรือเย็นช่วยยืดอายุขนมจีน ค าถามที่ 2 : ขนมจีนทําอย่างไร 1. เด็กหาคําตอบของคําถามด้วยตนเองเป็นหลัก โดยครูเป็นผู้ช่วยเหลือ 2. เปิดโอกาสให้เด็กได้นําเสนอ แบ่ง แลกเปลี่ยนสิ่งที่คันพบ หรือเรียนรู้ร่วมกันตามความสนใจของ เด็กเป็นระยะ 3. หากเกิดคําถามใหม่ระหว่างกระบวนการ ควรกระตุ้นให้เด็กวางแผนและหาคําตอบด้วยตนเอง เพิ่มขึ้น 4. เด็กบันทึกจัดทําหรือรวบรวมเอกสารด้วยตนเอง 11
16 16 ค าถามที่ 2 ขนมจีนท าอย่างไร จุดประสงค์ เพื่อศึกษาวิธีทําขนมจีนและแป้งที่ใช้ทําขนมจีน ขั้นที่ 1 ตั้งค าถามที่อยากรู้ (12 กุมภาพันธ์ 2567) จากการศึกษาลักษณะของขนมจีน และลักษณะของแป้งที่ใช้ทําขนมจีน เด็กๆ และครูสนใจจะศึกษา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทําขนมจีน โดยการศึกษาข้อมูลก่อนการทํากิจกรรม คุณครู : เด็กๆ ทราบหรือไม่ว่าขนมจีนทําอย่างไร น้องน้ําขิง : เอาแป้งไปทําให้เป็นเส้นๆ ค่ะ น้องอิศเทริ์น : ผมดูในยูทูปเขาแป้งไปบีบลงในน้ําร้อนครับ น้องณิชา : เอาแป้งไปผสมกับน้ํา แล้วเอาไปต้มค่ะ มันจะเป็นเส้นยาวๆ น้องทอฝัน : เอาแป้งไปนวดๆ แล้วเอาไปบีบลงในน้ําร้อนๆ ตัดขึ้นมาใส่ตะกร้าครับครู เด็กๆ ร่วมสนทนา เกี่ยวกับวิธีการ ขั้นตอนการทําขนมจีน ด้วยความสนใจ มีความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลองสิ่งที่แปลกใหม่ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน คุณครูและเด็กๆ ไปสังเกตและศึกษานอกสถานที่ ที่ร้านทําขนมจีนในชุมชน เพื่อให้เด็กๆ ได้ รู้จักขั้นตอน วิธีทํา วัตถุดิบ และอุปกรณ์ในการทําขนมจีนจากสภาพจริง แล้วกลับมาสนทนาร่วมกันในชั้นเรียน โดยครูใช้คําถามกระตุ้นเพื่อให้เด็กๆ เล่าจากประสบการณ์ที่ออกไปเรียนรู้มาของเด็กเอง 12
17 17 คุณครู : เด็กๆ ออกไปดูการทําขนมจีนที่บ้านยายแตนมา เด็กๆ สังเกตเห็น อะไรบ้างคะ น้องข้าวปั้น : คุณยายแตนใจดีค่ะ พาไปดูที่ทําขนมจีนในบ้านค่ะ น้องเปา : คุณยายแตนบอกว่าขนมจีนทํามาจากแป้งครับ น้องเกรท : หนูถามยายแตนค่ะว่าขนมจีนทําอย่างไร ยายแตนก็ทําให้ดูค่ะ น้องน้ําขิง : ยายแตนเอาแป้งไปผสมกับน้ํา แล้วเอามานวดๆ มือให้เข้ากัน แล้วเอาไป กรองใส่ผ้าขาว แล้วยายแตนก็เอาแป้งไปบีบลงในหม้อต้มให้เป็นเส้นยาวๆ น้อออกัส : พอขนมจีนมันสุกมันจะลอยขึ้นมาครับ น้องบุ๋มบิ๋ม : หนูลืมถามยายแตนค่ะ ว่าใช้แป้งอะไรทําขนมจีน น้องไอริณ : หนูอยากทําจังเลยค่ะคุณครู ขนมจีนทําแบบไหน ใช้แป้งอะไรทํากันแน่ ครูและเด็กๆ ช่วยกันระดมความคิดเห็นก่อนการทํากิจกรรม จากนั้นครูและเด็กๆ ช่วยกันลงมือปฏิบัติ กิจกรรม ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (13 กุมภาพันธ์ 2567) เด็กๆ และครูร่วมกันสนทนาจากที่เด็กได้ออกไปศึกษาหาข้อมูลมาจากที่บ้านยายแตน จากนั้นให้ เด็กๆ ออกมาถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้เพื่อนๆ ฟัง เด็กๆ และครูร่วมกันแสดงความคิดเห็น และลงมือ ดําเนินการทดลองตามวิธีการและขั้นตอนที่คาดคะเนไว้ โดยการทําขนมจีนด้วยแป้ง 2 ชนิดที่เด็กๆ เคยได้ ศึกษา คือแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันสําปะหลัง และแบ่งการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ใช้แป้งข้าวเจ้าทําขนมจีน การดําเนินการทดลองเด็กๆ ได้ลงมือปฏิบัติเองทุกขั้นตอน ทดลองโดยกระบวนการดังนี้ 13
18 18 ส่วนผสม ส่วนที่ 1 : 1. แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง 2. น้ําเปล่า 2 ถ้วยตวง ส่วนที่ 2 : 1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตรง 2. น้ําเปล่า 1 ถ้วยตวง ขั้นตอนการทํา 1. เด็กๆ กลุ่มที่ 1 นําส่วนผสมในส่วนที่ 1 มาผสมกัน จากนั้นเด็กๆ คนจนแป้งและน้ําละลายให้เข้ากัน ดี 2. เด็กๆ เทแป้งที่ผสมไว้ลงหม้อ นําแป้งตั้งไฟ กวนแป้งพอสุก 14
19 19 3. นําแป้งที่กวนมาผสมกับส่วนผสมส่วนที่ 2 นวดจนเนียนกรองด้วยตะแกรงถี่ 4. ตั้งน้ําให้เดือด ตักแป้งลงในพิมพ์ บีบลงในหม้อน้ําร้อน ถ้าเส้นขนมจีนสุก เส้นจะลอยขั้น 15
20 20 กลุ่มที่2 ใช้แป้งมันสําปะหลังทําขนมจีน การดําเนินการทดลองเด็กๆ ได้ลงมือปฏิบัติเองทุกขั้นตอน ทดลองโดยกระบวนการดังนี้ ส่วนผสม ส่วนที่ 1 : 1. แป้งมันสําปะหลัง 2 ถ้วยตวง 2. น้ําเปล่า 2 ถ้วยตวง ส่วนที่ 2 : 1. แป้งมันสําปะหลัง 1 ถ้วยตรง 2. น้ําเปล่า 1 ถ้วยตวง ขั้นตอนการทํา 1. เด็กๆ กลุ่มที่ 1 นําส่วนผสมในส่วนที่ 1 มาผสมกัน เด็กๆ คนจนแป้งละลายเข้ากันดี 2. เด็กๆ เทแป้งที่ผสมไว้ลงหม้อ นําแป้งตั้งไฟ กวนแป้งพอสุก 16
21 21 3. นําแป้งที่กวนมาผสมกับส่วนผสมส่วนที่ 2 นวดจนเนียนกรองด้วยตะแกรงถี่ 4. ตั้งน้ําให้เดือด ตักแป้งลงในพิมพ์ บีบลงในหม้อน้ําร้อน ถ้าเส้นขนมจีนสุก เส้นจะลอยขึ้น ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (13 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อทํากิจกรรมเสร็จเด็กๆ ทั้ง 2 กลุ่ม สังเกตเส้นขนมจีนที่เด็กๆ ได้ลงมือทําจากแป้งทั้ง 2 ชนิด ครูใช้ คําถามกระตุ้นให้เด็กสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ พร้อมทั้งบรรยายในสิ่งที่ได้ทดลอง เด็กๆ ร่วมกันสรุปว่า เส้นขนมจีนที่ทําจากแป้งทั้ง 2 ชนิด มีลักษณะดังนี้ กลุ่มที่ 1 เส้นขนมจีนที่ทําจากแป้งข้าวจ้าว มีลักษณะเส้นสีขาว สั้นๆ ไม่ยาว เหนียว นุ่ม นิ่มๆ มีความ คล้ายเส้นขนมจีน 17
22 22 กลุ่มที่ 2 เส้นขนมจีนที่ทําจากแป้งมันสําปะหลัง มีลักษณะเส้นเป็นก้อนๆๆใสๆๆ นุ่ม ลื่น เหนียวติดมือ มีกลิ่นแป้งหมัก ขั้นที่ 5 บันทึกผล (13 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อเด็กๆ ทําการสังเกตขนมจีนที่ทําด้วยแป้งแต่ละชนิด พร้อมกับวาดภาพบันทึกลักษณะของขนมจีน ลงในแบบบันทึกผลเรียบร้อยแล้ว เด็กและครูจึงร่วมกันสนทนาเพื่ออภิปรายสรุปผลถึงความแตกต่างของ ขนมจีนที่ใช้แป้งแต่ละชนิดว่าเป็นไปตามที่เด็กๆ ได้คาดคะเนไว้หรือไม่ ดังนี้ 18
23 23 บันทึกลักษณะของขนมจีนที่ท าจากแป้ง 2 ชนิด ชนิดของแป้ง ภาพวาดลักษณะขนมจีน ภาพถ่ายลักษณะขนมจีน แป้งมันส าปะหลัง แป้งข้าวจ้าว ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล ครูและเด็กๆ ร่วมกันสนทนาถึงคําถามที่เด็กอยากรู้ “ขนมจีนทําอย่างไรและทําจากแป้งอะไร” ครูให้ เด็กๆ ทบทวนโดยการให้เด็กออกมาเล่าว่า เด็ก ๆ หาคําตอบได้โดยวิธีการอย่างไร คุณครู : จากการที่เด็ก ๆ หาคําตอบว่า “ขนมจีนทําอย่างไรและทําจากแป้งอะไร” สรุปได้ ว่า การนําแป้งผสมกับน้ําส่วนที่ 1ขนเข้ากัน จากนั้นคนจนแป้งละลายเข้ากันดี เทแป้งที่ผสมไว้ลง หม้อ นําแป้งตั้งไฟอ่อน กวนแป้งพอสุก นําแป้งที่กวนมาผสมกับส่วนผสมส่วนที่ 2 นวดจนเนียนกรอง ด้วยตะแกรงถี่ ตั้งน้ําให้เดือด ตักแป้งลงในพิมพ์ บีบลงในหม้อน้ําร้อน ถ้าเส้นขนมจีนสุก เส้นจะลอย ขึ้น แต่หัวใจสําคัญของการทําขนมจีนนั้น คือ การเลือกชนิดของแป้งที่นํามาทําขนมจีน และขั้นตอน การผลิตเส้นขนมจีนให้ถูกตามขั้นตอน เพื่อให้เส้นขนมจีนที่มีคุณภาพ สามารถรับประทานได้ คุณครู : จากการศึกษาว่า “ขนมจีนทําอย่างไรและทําจากแป้งอะไร”ผลที่ได้จากก การศึกษาไม่ตรงกับที่เด็กสันนิษฐานหรือคาดคะเนคําตอบไว้หรือไม่ น้องน้ําขิง : ไม่ตรงกับการคาดคะเนคําตอบของทุกกลุ่มเลยค่ะ พวกเราการทําขนมจีนด้วย แป้งมันสําปะหลัง หรือแป้งข้าวจ้าวชนิดใดชนิดหนึ่งไม่สามารถทําออกมาเป็นเส้นขนมจีนได้เลยค่ะ คุณครู : เด็ก ๆ ช่วยกันคิดดูสิว่า เราจะเอาแป้งอะไรมาทําขนมจีนดี ถึงจะได้เส้นขนมจีนที่ เส้นยาวๆเหนียวนุ่มน่ารับประทาน จากที่เด็ก ๆ ได้ปรึกษาหารือกันเพื่อแก้ปัญหา และได้ข้อสรุปว่า คุณครูครับเราลองนําแป้งทั้ง 2 ชนิด ได้แก่แป้งข้าวจ้าวกับแป้งมันสําปะหลังมาผสมกันและทดลองทําตามขั้นตอนแบบเดิมที่เราทําก่อนหน้านี้ดูกัน ไหมครับ ว่ามันจะทําขนมจีนได้ไหมครับ น้องณิชา : ตื่นเต้นจังเลย มันจะออกมาเป็นเส้นขนมจีนยาวๆไหม อยากทดลองแล้วค่ะ คุณครู : เด็ก ๆ พวกเราไปทดลองทําขนมจีนจากแป้งทั้งสองผสมกันดีกว่า 19
24 24 เด็ก ๆ ลงมือทําการทดลอง แป้งทั้ง 2 ชนิด ได้แก่แป้งข้าวจ้าวกับแป้งมันสําปะหลังมาผสมกันและ ทดลองทําตามขั้นตอนแบบเดิม ผลปรากฏว่าเด็ก ๆ สามารถทําขนมจีนได้เส้นยาว ๆ นิ่ม ๆ เหนียว ๆ เด้ง ๆ ลื่น ๆ สีขาวน่ารับประทาน 20
25 25 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 1.1 ด้านการเรียนรู้ - เด็ก ๆ สามารถคาดคะเนสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ - เด็ก ๆ สามารถบอกอุปกรณ์ ขั้นตอนและวิธีการได้ - เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทําและบันทึกผลได้ 1.2 ด้านภาษา - เด็กมีพัฒนาการด้านภาษาจากการสนทนาโต้ตอบแสดงความคิดเห็น - ทักษะด้านภาษาจากการพูด บรรยายเกี่ยวกับขั้นตอนการทําและเล่าสิ่งที่เด็กสังเกตเห็นจาก การ ปฏิบัติได้ 1.3 ด้านสังคม - เด็กสามารถทํางานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กแสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - เด็กเคารพกฎกติกาและปฏิบัติตามข้อตกลงของห้องเรียน 1.4 ด้านการเคลื่อนไหวและทักษะการรับรู้ประสาทสัมผัส - เด็กเคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ในการทํากิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว - เด็กสามารถใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกตด้วยตัวเองจนได้ข้อมูลที่ชัดเจน 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1 ทักษะการสังเกต - เด็กได้สังเกตวิธีการขั้นตอนการทําขนมจีน 2.2 ทักษะการจําแนกประเภท - เด็กจําแนกชนิดแป้งแต่ละชนิด 2.4 ทักษะการพยากรณ์หรือการคาดคะเนคําตอบ - เด็ก ๆ สามารถคาดคะเนคําตอบได้ว่าขนมจีนทําอย่างไร และทําจากแป้งชนิดใด 2.4 ทักษะการจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล - เด็ก ๆ สามารถสรุปผลสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการวาดภาพ เล่าให้ครูฟัง นําเสนอหน้าชั้นเรียน 2.5 ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล - เด็ก ๆ สามารถให้เหตุผลเพิ่มเติมโดยใช้ความคิดเห็นส่วนตัว และประสบการณ์เดิมแสดงความ คิดเห็นต่าง ๆ ได้ 21
26 26 ระยะที่ 3 ลงมือด าเนินการ โครงงานเรื่อง : ร้อนหรือเย็นช่วยยืดอายุขนมจีน ค าถามที่ 3 : ทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน 1. เด็กหาคําตอบของคําถามด้วยตนเองเป็นหลัก โดยครูเป็นผู้ช่วยเหลือ 2. เปิดโอกาสให้เด็กได้นําเสนอ แบ่ง แลกเปลี่ยนสิ่งที่คันพบ หรือเรียนรู้ร่วมกันตามความสนใจของ เด็กเป็นระยะ 3. หากเกิดคําถามใหม่ระหว่างกระบวนการ ควรกระตุ้นให้เด็กวางแผนและหาคําตอบด้วยตนเอง เพิ่มขึ้น 4. เด็กบันทึกจัดทําหรือรวบรวมเอกสารด้วยตนเอง 22
27 27 ค าถามที่ 3 ท าอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน จุดประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการเก็บรักษาขนมจีนระหว่างการตากแดดกับเก็บในตู้เย็น ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น : ความร้อน และความเย็น ตัวแปรตาม : เส้นขนมจีน ตัวแปรควบคุม : ระยะเวลา ขั้นที่ 1 ตั้งค ำถำมที่อยำกรู้ (15 กุมภาพันธ์ 2567) จากการศึกษาเรื่องการทําขนมจีนแล้ว มีเด็กๆสงสัยอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรักษาขนมจีน หลังจากรับประทานไม่หมด ว่าด้วยวิธีใดจะเก็บรักษาขนมจีนได้นานที่สุด เด็ก ๆ จึงมีข้อสงสัยที่อยากรู้เกี่ยวกับ การเก็บรักษาขนมจีน ดังนี้ น้องอิสเทริ์น : ขนมจีนที่เราทานไม่หมดจะเก็บไว้แบบไหนครับถึงจะอยู่ได้นาน ๆ ไม่เน่า น้องไอริน : หนูก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ ว่าจะเก็บรักษาขนมจีนไว้อย่างไร น้องเกรท : หนูก็อยากรู้ค่ะ เวลาแม่ซื้อขนมจีนมากินไม่หมด แล้วก็เอาทิ้งบอกว่ามันเน่าค่ะ น้องทอฝัน : หนูก็อยากรู้ค่ะ มาทดลองกันค่ะคุณครู ครูและเด็ก ๆ จึงสนทนาและอภิปรายถึงสิ่งที่เด็ก ๆ อยากรู้ร่วมกัน โดยได้คําถามที่เด็ก ๆ อยากรู้ คือ “ทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน” ครูถามเด็ก ๆ เพื่อให้เด็กมีการเปรียบเทียบการรักษาขนมจีนแบบไหนจะเก็บได้นาน โดยนําขนมจีน ไปตากแดดกับนําขนมจีนไปเก็บในตู้เย็น แล้วสังเกตว่าขนมจีนที่แตกแดดแล้วกับขนมจีนนําไปเก็บในตู้เย็น แบบใดที่จะเก็บขนมจีนได้นาน 23
28 28 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดเห็นและคาดคะเนค าตอบ จากคําถามที่เด็ก ๆ สงสัยว่า “ทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน” เด็กและครูจึงสนทนาร่วมกันดังนี้ คุณครู : เด็ก ๆ คิดว่ามีวิธีใดบ้างคะที่สามารถทําให้ขนมจีนไม่เน่าได้ดีที่สุดคะ น้องออกัส : ผมเคยเห็นแม่เอาไปเก็บในตู้เย็นครับ น้องเปา : ผมคิดว่าเก็บในตู้เย็นครับ มันหน้าจะไม่เน่าเสียง่ายครับ น้องน้ําขิง : หนูเคยเห็นขนมจีนเส้นแห้ง ๆ แข็ง ๆ ค่ะ มันไม่เน่าเลย น้องอิสเทริ์น : ใช่ๆ ครับ เหมือนต้องเอาไปตากแดดให้มันแห้ง ๆ ครับครู คุณครู : ดีเลยจ้าเด็ก ๆ ครูจะให้เด็ก ๆ ทดลองตามข้อสันนิษฐานของตนเองนะคะ ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (16 กุมภาพันธ์ 2567) 1.ออกแบบการสํารวจตรวจสอบ ครูและเด็กร่วมกันสนทนาและอภิปรายถึงวิธีการบันทึกผลว่า “ทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน” ดังนี้ คุณครู : เด็กๆ จะมีวิธีการบันทึกผลอย่างไรว่าทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน น้องน้ําขิง : ให้คุณครูถ่ายภาพไว้ค่ะ น้องณิชา : หนูจะสังเกตและวาดรูปค่ะ น้องเปา : ผมก็จะวาดรูปเหมือนกันครับคุณครู น้องทอฝัน : หนูจะให้ครูถ่ายภาพค่ะ น้องออกัส : ผมก็จะให้ครูถ่ายภาพครับคุณครู คุณครู : สรุปว่าเด็กๆ มีความคิดเห็นส่วนใหญ่ว่า เด็กจะทําการบันทึกผล โดย การสังเกตและให้ครูถ่ายภาพ 24
29 29 2. การสํารวจตรวจสอบแสดงทีละขั้น 1. เด็กช่วยนําเสนอวิธีการบันทึกผล 2. สรุปผลคะแนนการเลือกวิธีการบันทึกผลโดยการลงคะแนน หลังจากที่เด็ก ๆ ได้ลงคะแนนเลือกวิธีการบันทึกผลแล้ว คุณครูให้ทําการทดลอง ว่าทําอย่างไร ขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน 3. เด็กแต่ละกลุ่มได้ทําการทดลองนําขนมจีนไปเก็บในตู้เย็น/ตากแดด โดยมีคุณครูดูแลความ ปลอดภัยขณะทดลองอย่างใกล้ชิด 4. หลังจากที่เด็กร่วมกันสังเกตและทดลอง เด็กและครูร่วมกันสนทนา ดังนี้ หลังจากที่เด็กๆ ได้ทําการทดลองนําขนมจีนไปเก็บในตู้เย็น/ตากแดดแล้ว สังเกตและเปรียบเทียบ ขนมจีนทั้ง 2 แบบแล้ว คุณครูให้เด็กอาสาออกมาเล่าผลการทดลองให้เพื่อนฟัง คุณครู : เด็ก ๆ คะ ครูขออาสาสมัครออกมาเล่า ผลการทดลองที่เด็ก ๆ ได้นําขนมจีนไปเก็บใน ตู้เย็น/ตากแดด ว่าเป็นอย่างไรบ้าง น้องน้ําขิง : ขนมจีนที่เอาไปเก็บในตู้เย็น 3 วัน ขนมจีนเส้นเริ่มแข็ง ค่ะคุณครู น้องณิชา : ขนมจีนที่เอาไปตากแดดแรก ๆ ขนมจีนเริ่มแห้ง ค่ะคุณครู น้องทอฝัน : ขนมจีนเก็บในตู้เย็นนาน ๆ มันจะเน่า มันบูด มีกลิ่นเหม็น ขึ้นเชื้อราสีดําด้วยค่ะ 1 2 25 6
30 30 ภาพเด็กเล่าผลการทดลองน าขนมจีนไปเก็บในตู้เย็นและตากแดด 5. หลังจากทดลองนําขนมจีนไปทําการเก็บในตู้เย็นและตากแดดเรียบร้อยแล้ว เด็กสังเกต และเปรียบเทียบลักษณะของขนมจีนที่เก็บในตู้เย็นและตากแดด พร้อมบันทึกผลการเปรียบเทียบลง ในแบบทันทึกการสังเกต ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (26 กุมภาพันธ์ 2567) หลังจากที่ได้ทําการทดลองเด็กและครูช่วยกันสรุปและอภิปรายผลเกี่ยวกับการทดลองนําขนมจีนไป เก็บในตู้เย็นและตากแดดแล้วว่าเป็นไปตามข้อสันนิษฐานหรือไม่ น้องณิชา : คุณครูคะ ขนมจีนที่เอาไปเก็บในตู้เย็น เส้นมันเริ่มแข็ง และเริ่มเน่า มีกลิ่นเหม็น ตามที่หนูได้บอกไว้เลยค่ะ น้องเปา : ผมว่าขนมจีนที่เอาไปตากแดดมันจะเปื่อย แต่ทดลองแล้ว มันเป็นเส้นแข็งๆ ครับ เด็กแต่ละกลุ่มสังเกตขนมจีนที่เก็บในตู้เย็นและตากแดดพร้อมวาดภาพในการสังเกต โดยมีครูดูแล อย่างใกล้ชิดพร้อมถ่ายภาพขนมจีนที่เด็กๆสังเกต โดยแต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นการสังเกตทั้ง 2 แบบ เพื่อเปรียบเทียบขนมจีนจากการสังเกตในแต่ละครั้ง โดยใช้การสังเกต จํานวน 3 ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ 1 วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ครั้งที่ 2 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ครั้งที่ 3 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 สังเกตและบรรยายการน าขนมจีนเก็บในตู้เย็นและตากแดด 26
31 31 • สังเกตครั้งที่ 1วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เก็บในตู้เย็น เด็กบอกว่าขนมจีนที่น าไปแช่ตู้เย็นครั้งที่1 เส้นขนมจีนเริ่มแข็งนิดหนึ่ง เส้นนุ่มน้อยลง ตากแดด เด็กบอกว่าขนมจีนที่น าไปตากแดด ครั้งที่ 1 มีลักษณะเส้นขนมจีนเริ่มแห้ง มีสีใสเยอะเหลือสีขาวนิดเดี๋ยวเส้นเริ่มฟูๆ 27
32 32 • สังเกตครั้งที่ 2 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เก็บในตู้เย็น เด็กบอกว่า เส้นขนมจีนเริ่มแข็ง เริ่มมีสีเหลืองปนขนมจีนบ้างเล็กน้อย ตากแดด เด็ก ๆ บอกว่าเส้นขนมจีนเริ่มแห้ง เส้นแข็งฟูสีใส ๆ 28
33 33 • สังเกตครั้งที่ 3 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 เก็บในตู้เย็น เด็กบอกว่าขนมจีนเส้นเน่า มีกลิ่นเหม็น และมีเชื้อราสีด าปนเส้นขนมจีน ตากแดด เด็ก ๆ บอกว่าเส้นขนมจีนแห้งแข็งหมด เบาและเส้นสีใสฟูๆ 29
34 34 ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (27 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อเด็ก ๆ ทําการสังเกตขนมจีนที่เก็บในตู้เย็นและตากแดด ทั้ง 2 แบบ พร้อมกับถ่ายภาพ/วาดภาพ บันทึกลักษณะของขนมจีน ลงในแบบบันทึกผลเรียบร้อยแล้ว เด็กและครูจึงร่วมกันสนทนาเพื่ออภิปราย สรุปผลถึงความแตกต่างของขนมจีนแต่ละแบบว่าเป็นไปตามที่เด็ก ๆ ได้คาดคะเนไว้หรือไม่ ดังนี้ ตารางบันทึกผลการทดลองขนมจีนที่น าไปตากแดดกับเก็บในตู้เย็น ภาพเด็ก ๆ ช่วยกันสรุปผลการบันทึก 30
35 35 ขั้นที่ 6 สรุปผลและอภิปรายผล จากคําถามที่ 3 ที่เด็ก ๆ อยากทราบว่า “ทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน” เด็ก ๆ ได้ทําการ ทดลองโดยนําขนมจีนไปทําการเก็บในตู้เย็นและตากแดด พบว่า ขนมจีนที่นําไปเก็บในตู้เย็นครั้งที่ 1 เส้น ขนมจีนเริ่มแข็งนิดหนึ่ง เส้นนุ่มน้อยลง ครั้งที่ 2 เส้นขนมจีนแข็ง เริ่มมีสีเหลืองเล็กน้อย ครั้งที่ 3 เส้นขนมจีน เน่า มีกลิ่นเหม็น และมีเชื้อราสีดําบนเส้นขนมจีน และขนมจีนที่นําไปตากแดด ครั้งที่ 1 เส้นขนมจีนเริ่มแห้ง มี สีใสเยอะเหลือสีขาวนิดเดี๋ยวเส้นเริ่มฟูๆ ครั้งที่ 2 เส้นขนมจีนแห้ง เส้นแข็งฟู สีใส ๆ ครั้งที่ 3 เส้นขนมจีนแห้ง แข็งหมด เส้นสีใสฟูๆ สรุป ขนมจีนที่นําไปแช่ตู้เย็นประมาณ 7 วันก็จะเริ่มเน่าเสีย เส้นเปื่อย มีกลิ่นเหม็น แต่ ขนมจีนที่นําไปตากแดดไม่เน่าเสีย เส้นแห้ง แข็ง สีใสฟู ๆ และสามารถนํามาลวกในน้ําร้อนเพื่อรับประทานใหม่ ได้ ภาพเด็ก ๆ สรุปผลและอภิปรายผลการทดลองท าอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน 31
36 36 ภาพบรรยายการทดลองน าเส้นที่ตากแห้งมาลวกในน้ าร้อนเพื่อรับประทานใหม่ได้ 32
37 37 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย 1.1 ด้านการเรียนรู้ - เด็ก ๆ สามารถเล่าเรื่องเหตุการณ์ในสิ่งที่เด็กได้ลงมือทําและจากประสบการณ์เดิมของเด็ก - เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ถึงรูปร่างลักษณะของการเปลี่ยนแปลงของขนมจีนที่นําไปเก็บในตู้เย็นและ ตากแดด 1.2 ด้านภาษา - เด็ก ๆ มีทักษะทางด้านภาษาในการสนทนาพูดคุย โต้ตอบกับผู้อื่นได้ - เด็ก ๆ สามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้รับมาได้อย่างถูกต้อง 1.3 ด้านสังคม - เด็ก ๆ สามารถทํางานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กได้แสดงความคิดเห็น และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้ 1.4 ด้านการเคลื่อนไหว - เด็ก ๆ เคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี - เด็ก ๆ ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการลงมือปฏิบัติจริง 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1 ทักษะการสังเกต - สามารถบอกสิ่งที่เห็นจากประสบการณ์เดิมได้ทุกเรื่องราว - สังเกตการณ์รูปร่างลักษณะของการเปลี่ยนแปลงของขนมจีนที่นําไปเก็บในตู้เย็นและตาก แดด 2.2 ทักษะการวัด - สามารถวัดความยาวของเส้นขนมจีนได้ - วัดขนาดของเส้นขนมจีนในภาพที่วาดได้ 2.3 ทักษะการจําแนกประเภท - สามารถเปรียบเทียบลักษณะการเปลี่ยนแปลงของขนมจีนที่นําไปเก็บในตู้เย็นและตากแดด ได้ - เด็ก ๆ สามารถจําแนกขนมจีนที่เก็บในตู้เย็นและตากแดดได้ 2.4 ทักษะการคํานวณ - เด็ก ๆ สามารถคํานวณจํานวนน้ําหนักขนมจีนได้ - เด็ก ๆ สามารถจับเวลาการนําขนมจีนไปเก็บในตู้เย็นและตากแดดได้ 2.5 ทักษะการพยากรณ์หรือการคาดคะเนคําตอบ - เด็ก ๆ สามารถคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงของขนมจีนที่นําไปเก็บตู้เย็นและตากแดดได้ 33
38 38 2.6 ทักษะการจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล - เด็ก ๆ สามารถสรุปผลการสังเกต โดยการวาดภาพและการสนทนาโต้ตอบกับครูและ เพื่อน ๆ ได้ 2.7 ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล - เด็ก ๆ สามารถหาเหตุผลเพิ่มเติมในการแสดงความคิดเห็น และสามารถแลกเปลี่ยน ประสบการณ์กับเพื่อน ๆ ได้ 34
39 39 ระยะที่ 4 สรุป/ปิดโครงการ 1. สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากโครงงานในทุกคําถาม 2. สื่อสารข้อค้นพบที่ได้ให้กับบุคคลอื่น 35
40 40 สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากโครงงานในทุกค าถาม คําถามที่ 1 ขนมจีนมีลักษณะอย่างไร และทํามาจากแป้งชนิดใด - ขนมจีน มีลักษณะเป็นเส้นๆยาวๆ นิ่มๆเหนียวๆเด้งๆนุ่ม ลื่นๆ มีกลิ่นแป้ง หอมๆ รสชาติจืด มีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีเหลือง สีม่วง สีส้ม สีชมพู - แป้งข้าวเจ้า มีลักษณะ สีขาว กลิ่นฉุน(กลิ่นขิว) นิ่ม นุ่ม ลื่น ผงละเอียด เหมือนแป้งทา หน้า - แป้งมันสําปะหลัง มีลักษณะผงสีขาว เนื้อแป้งละเอียด ลื่น เหนียวๆ มีกลิ่นแป้งหมัก - ขนมจีนทํามาจากแป้งมันสําปะหลัง และแป้งข้าวเจ้า คําถามที่ 2 ขนมจีนทําอย่างไร - ขนมจีนทําจากแป้งข้าวจ้าวกับแป้งมันสําปะหลังมาผสมกันและทําตามขั้นตอน จะได้ขนมจีน ได้เส้นยาว ๆ นิ่ม ๆ เหนียว ๆ เด้ง ๆ ลื่น ๆ สีขาวน่ารับประทาน คําถามที่ 3 ทําอย่างไรขนมจีนถึงจะเก็บได้นาน - ขนมจีนที่นําไปแช่ตู้เย็นประมาณ 7 วันก็จะเริ่มเน่าเสีย เส้นเปื่อย มีกลิ่นเหม็น แต่ ขนมจีนที่ นําไปตากแดดไม่เน่าเสีย เส้นแห้ง แข็ง สีใสฟู ๆ และสามารถนํามาลวกในน้ําร้อนเพื่อรับประทาน ใหม่ได้ ผลพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย - ความรู้ความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเรียนรู้ ด้านภาษา ด้านสังคม ด้านการ เคลื่อนไหวและทักษะการรับรู้ประสาทสัมผัส - ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการวัด ทักษะการจําแนก ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา สเปสกับสเปส ทักษะ การพยากรหรือการคาดคะเนคําตอบ ทักษะการกําหนดและควบคุมตัวแปร ทักษะการ หดลอง ทักษะการจัดการกระทําและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 36
41 41 สื่อสารข้อค้นพบที่ได้ให้กับบุคคลอื่น - เด็กๆ อธิบายลําดับขั้นตอนในการทดลองแต่ละหัวข้อคําถามได้เด็กๆ สาธิตการทตลองและ นําเสนอได้อย่างถูกต้อง 37
42 42 ภาคผนวก
43 43 39
44 44 40
45 45 41
46 46 42
47 47 43
48 48