หน้า 1
หน้า 2 คำนำ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการ แก้ปัญหาอย่าง จริงจัง เพราะปัจจุบันปัญหายาเสพติดยิ่งทวีความรุนแรงและแพร่ระบาดอย่างหนักในทุกพื้นที่ของประเทศไทยและ เป็นเครื่องมือมอมเมาประชาชนและเยาวชนอันเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ ให้ด้อยคุณภาพลงไปและยิ่งทวี ความรุนแรงมากขึ้น ในปี 2558 ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษากระทรวงศึกษาธิการ ได้ กำหนดนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข (ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ลงวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558) เพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่งดำเนินโครงการ สถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุข อีกทั้งเพื่อสร้าง ภูมิคุ้มกันปัญหาพฤติกรรมไม่พึงประสงค์นักเรียน โดยมีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติให้เป็นคนที่มี คุณภาพชีวิตที่ดีเป็นกำลังสำคัญที่จะพัฒนาประเทศชาติในอนาคต อีกทั้งเพื่อการมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ก่อปัญหาให้ สังคม โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) ได้ดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติด และอบายมุขอย่างต่อเนื่อง ได้ดำเนินงานตามมาตรฐาน 5 ด้าน และกลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ ดำเนินงานกิจกรรม ห้องเรียนสีขาว ปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น เอาใจใส่ สอดส่องดูแลพฤติกรรมนักเรียน ป้องกันมิให้นักเรียนเกี่ยวข้อง กับยาเสพติด โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุ ราษฎร์) เป็นสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติด ไม่มีนักเรียนติดยาเสพติด ขอขอบคุณสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยฯตำบลคอกกระบือ คณะกรรมการโรงเรียนสีขาว ผู้ปกครอง คณะครูโรงเรียน วัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ ร่วมมือ ชี้แนะ เป็นที่ปรึกษา และสนับสนุนให้การดำเนินงาน โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข โรงเรียนวัดราษฎร์ รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน ทำให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในพิษภัยของยาเสพติด สามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงและไม่ข้องเกี่ยวยาเสพติด ส่งผลให้นักเรียนมี คุณภาพชีวิตที่ดีเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคตต่อไป (นายชาตรี ม่วงใหม่) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์)
หน้า 3 สารบัญ หน้าที่ บทที่ 1 บทนำ 1 - ใบสมัคร ค - บทนำ 1 บทที่ 2 สถานการณ์ยาเสพติดรอบสถานศึกษา ๙ บทที่ 3 ผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ๑๒ - ด้านการป้องกัน ๑3 - ด้านการค้นหา 3๓ - ด้านการรักษา ๓๙ - ด้านการเฝ้าระวัง 4๕ - ด้านการบริหารจัดการ 4๙ - แบบสรุปผลการประเมินโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ๗๓ บทที่ 4 กิจกรรมห้องเรียนสีขาว ๗๖ - แผนผังห้องเรียน/แผนกวิชาแกนนำ 4 ฝ่าย/คติพจน์ ๗๗ - สำเนาสมุดบันทึกการปฏิบัติงานแกนนำ 4 ฝ่าย สัปดาห์ที่ 1 ของเดือนตลอดปีการศึกษา ๘๖ - โครงงานห้องเรียนปลอดบุหรี่ แอลกอฮอล์และอบายมุข 9๕ - แบบสรุปการประเมินผลการดำเนินงานกิจกรรมห้องเรียนสีขาว ภาคเรียนที่ 2 10๔ บทที่ 5 ภาพรางวัล/ผลงานดีเด่น 1๓๓ ภาคผนวก 1๕๔
หน้า 4 ใบสมัครรับการประเมินผลงาน โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ประเภทดีเด่น ระดับเงิน ประเภทดีเด่น ระดับทอง ✓ ประเภทดีเด่น ระดับเพชร คำชี้แจง ให้ผู้เสนอผลงานกรอกข้อมูล ดังนี้ ๑. ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) สังกัด สพป. สมุทรสาคร สถานที่ตั้ง ๙๙/๙ หมู่ ๒ ถนน พระราม ๒ ตำบล/แขวง คอกกระบือ อำเภอ/เขต เมืองสมุทรสาคร จังหวัด สมุทรสาคร โทรศัพท์ ๐๓๔-๘๒๓๔๔๘ โทรศัพท์มือถือ ๐๘๔-๘๘๓๔๖๘๒ โทรสาร - E-Mail [email protected] ๒. ชื่อ – นามสกุล(ผู้บริหารสถานศึกษา) นายชาตรี ม่วงใหม่ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ระยะเวลาของปีการศึกษาที่ดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ตั้งแต่วันที่ ๙ เดือน มิ.ย. พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๑๕ เดือน ก.พ. พ.ศ. ๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๒ ปี ๘ เดือน โทรศัพท์ - โทรศัพท์มือถือ ๐๘๑-๗๑๒-๒๙๖๑ โทรสาร - E-mail :[email protected] ๓. ชื่อ – นามสกุล (ครูผู้รับผิดชอบโครงการ) นางสาวมัลลิกา กิจภัทรเกษม ตำแหน่ง ครู ระยะเวลาของปีการศึกษาที่ดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๗ ปี ๘ เดือน โทรศัพท์ - โทรศัพท์มือถือ ๐๙๐-๙๖๐-๒๙๖๒ โทรสาร - E-mail [email protected] ๔. สถานศึกษา ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ เสมา ป.ป.ส. ของปีการศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๕๘ ประเภทผลงานดีเด่น ระดับเงิน ปีการศึกษา ๒๕๖๐ ประเภทผลงานดีเด่น ระดับเงิน ปีการศึกษา ๒๕๖๑ ประเภทผลงานดีเด่น ระดับทอง ๕. ขอสมัครรับการประเมินผลงาน โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ประเภทผลงานดีเด่น ระดับ เพชร ขอรับรองว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นความจริง (ลงชื่อ).....................................................................ผู้สมัคร (นายชาตรี ม่วงใหม่) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
หน้า 5 บทที่ ๑ บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญ ยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติที่รัฐบาลถือเป็นนโยบายที่ต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งนี้เพราะปัญหายาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดในทุกพื้นที่ของประเทศไทยได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทางด้านการเมือง และความ มั่นคงของประเทศ ทำให้สูญเสียทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง พฤติกรรมที่ไม่พึง ประสงค์ในกลุ่มเยาวชน ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน การพนัน การทะเลาะวิวาท ติดเกม สื่อลามกอนาจาร ฟุ่มเฟือย และวัตถุนิยมเกินฐานะ ซึ่งเป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่สังคมไม่ยอมรับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับนักเรียน นิสิต นักศึกษา การป้องกันและแก้ไขปัญหา เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งของการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ มีความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของเยาวชนของชาติ ได้ดำเนินงานโรงเรียนสีขาวตามกรอบกลยุทธ์ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้บูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการ ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จัดทำโครงการโรงเรียนสีขาวปลอดยาเสพติดในสถานศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ ผู้บริหาร ครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษาและชุมชนที่เป็นแกนนำเป็นผู้ให้ความรู้ ความเข้าใจ ในการให้ คำปรึกษา ตักเตือนเพื่อน กระตุ้นเพื่อน ปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้นักเรียนซึ่ง เป็นเยาวชนของประเทศไทยเป็นเยาวชนที่มีความรู้ควบคู่กับคุณธรรม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดและสร้างปัญหา ให้กับสังคม สามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ พัฒนาประเทศไทยให้ เจริญรุ่งเรืองต่อไป ๑. ข้อมูลสถานศึกษา ชื่อโรงเรียน โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ ตั้งอยู่เลขที่๙๙/๙หมู่ที่ ๒ ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร โทรศัพท์ ๐๓๔-๘๒๓๔๔๘ , ๐๓๔-๘๒๓๙๐๙ โทรสาร ๐๓๔-๔๙๔๕๐๙ e–mail: [email protected] website htt://school.obec.go.th/Watratrangsan เปิดสอนระดับชั้น อนุบาล ถึงระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เนื้อที่ ๘ ไร่ เขตพื้นที่บริการได้แก่ ตำบล คอกกระบือหมู่ที่ ๑ – ๖ เขตบริการของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ได้แก่ตำบล คอกกระบือ หมู่ที่ ๑ – ๖ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ หมู่ที่ ๑,๒,๕,๗ และตำบลโคกขาม หมู่ที่ ๒ ประวัติโรงเรียนโดยย่อ โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๒ ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมือง สมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๖เดิมชื่อ “โรงเรียนประชาบาล
หน้า 6 ตำบลคอกกระบือ๑” ผู้ดำรงตำแหน่งครูใหญ่คนแรกคือ นายชุบ ดีศิริ จนกระทั่งในสมัยของ นายเฉลิม พิบูล เวช ดำรงตำแหน่งครูใหญ่คนที่ ๘ได้พิจารณาเห็นว่าสภาพของโรงเรียนเล็กมากไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่ เพิ่มขึ้นในแต่ละปี จึงดำเนินการก่อสร้างโรงเรียนขึ้นใหม่โดยมี นายขัน กิดชีพ และนางมา หรุ่นเกิด ซึ่งเป็น น้องสาวบริจาคทรัพย์ร่วมกับราษฎรในท้องถิ่น และได้เงินสมทบจากทางราชการ สร้างอาคารเรียนหลังใหม่๒ชั้น ๖ ห้องเรียน และได้เปิดป้ายขนานนามใหม่ว่า “โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์)” เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๓ และในปีการศึกษา ๒๕๓๕ ซึ่งเป็นสมัยของนายบุญเลิศ ทับแสงทอง ผู้บริหารโรงเรียน คนที่ ๑๑ ได้พิจารณาเห็นควรนำโรงเรียนเข้าโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา โดยเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในปีการศึกษา ๒๕๓๙ โรงเรียนได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง จำนวน ๒,๓๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน แบบ สปช. ๒/๒๘ จำนวน ๑๔ ห้องเรียน ประกอบกับทางวัด ราษฎร์รังสรรค์ ต้องการปรับพื้นที่วัด และโรงเรียนให้เป็นสัดส่วนจึงให้ย้ายการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ไปอยู่ ณ ที่ตั้งโรงเรียนในปัจจุบัน โดยได้รับเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาสมทบทุนในการก่อสร้างเป็นเงิน ๖ ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จเมื่อ เดือนมิถุนายน ๒๕๔๐ ทำให้โรงเรียนประสบกับสภาพที่ไม่เป็นสัดส่วน เนื่องจากอาคารเรียน อยู่กันคนละแห่ง คือส่วนหนึ่งยังอยู่ในบริเวณวัด และอาคารใหม่อยู่อีกที่หนึ่ง เป็นต้น จนกระทั่งในสมัยของนาย สถิตย์ชัย วรานนท์วนิช ได้ตระหนักในปัญหาดังกล่าว จึงได้ขอความร่วมมือจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้น พื้นฐานของโรงเรียนและองค์การบริหารส่วนตำบลคอกกระบือ ในการก่อสร้างอาคารเรียนแบบ ๓๑๘ ล พิเศษ ๔ ชั้น ๑๘ ห้องเรียน สร้างเสร็จ ในปีการศึกษา ๒๕๔๙ และในปีงบประมาณ ๒๕๕๐ โรงเรียนได้รับงบประมาณ จากราชการในการก่อสร้างอาคารเรียน แบบสปช. ๒/๒๘ ๓ ชั้น ๑๘ ห้องเรียน จำนวน ๗,๙๐๒,๐๐๐ บาทและทางโรงเรียนได้หาเงินสมทบอีก ๒๖๖,๓๒๐ บาท รวมค่าก่อสร้าง ทั้งสิ้น ๘,๑๖๘,๓๒๐ บาท ก่อสร้าง แล้วเสร็จ เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๑ และในปีการศึกษา ๒๕๕๑ โรงเรียนจึงได้ทำการย้ายนักเรียนมาอยู่ใน บริเวณเดียวกัน จากการที่โรงเรียนย้ายมาอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน ทำให้มีสิ่งขาดแคลนและต้องดำเนินการเร่งด่วนในหลาย ๆ สิ่ง ได้แก่ ป้ายชื่อโรงเรียน รั้ว ห้องน้ำห้องส้วมนักเรียน ที่ดื่มน้ำ โรงอาหาร หอประชุมที่ประดิษฐาน พระพุทธรูป ร้านค้าสหกรณ์โรงเรียน บ้านพักครู ถนนภายในบริเวณโรงเรียน ทางเดินเท้า ลานเอนกประสงค์ สนามกีฬา สนามแด็กเล่น สวนหย่อม แหล่งเรียนรู้ เป็นต้น ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ โรงเรียนได้ทำการก่อสร้าง ป้ายชื่อโรงเรียนโดยได้รับงบประมาณบริจาค จากผู้มีจิตศรัทธาจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และทำการก่อสร้าง รั้วด้านหน้าโรงเรียนความยาว ๕๔ เมตร โดยได้รับงบประมาณจากการบริจาคของชุมชน เป็นจำนวนเงิน ๓๒๔,๐๐๐ บาท และได้รับงบประมาณจาก สพฐ. จำนวนเงิน ๕๖๔,๐๐๐ บาท เป็นค่าก่อสร้างส้วมนักเรียน แบบ สปช ๖๐๕/๔๕ ๑๐ ที่นั่ง ทำการก่อสร้างโรงอาหารขนาด กว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๓๒ เมตร โดยรื้อย้าย วัสดุจากอาคารเอนกประสงค์เดิมมาใช้และงบประมาณเงินอุดหนุน จำนวน ๑ หลัง และก่อสร้างบ้านพักครู แบบเรือนแถว ๒ ชั้น ครึ่งตึก ครึ่งไม้ โดยใช้วัสดุเก่าและงบประมาณเงินอุดหนุน จำนวน ๑๒ ห้องและทำการ ก่อสร้างโรงอาหารขนาด กว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๓๒ เมตร โดยรื้อย้ายวัสดุจากอาคารเอนกประสงค์เดิมมาใช้และ งบประมาณเงินอุดหนุน จำนวน ๑ หลัง ปีการศึกษา ๒๕๕๓ ได้รับงบประมาณในการปรับปรุงจัดทำห้องประชุม ขนาด กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๔๕ เมตร เป็นเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บาท และได้งบปรับปรุงพัฒนาอาคาร ปูกระเบื้องพื้น ห้องเรียนปฐมวัย ๖ ห้อง เป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ได้รับงบจากการเคหะแห่งชาติ ในการ
หน้า 7 สนับสนุนถนนเข้าโรงเรียน พื้นปูนหน้าอาคาร สปช.๒/๒๘ สนามกีฬา เป็นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท และรับงบปูพื้น กระเบื้องอาคาร๒/๒๘(ส้ม)จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยใช้งบอุดหนุนของโรงเรียนสมทบ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๐๐,๐๐๐ บาท นอกจากนี้ยังจัดซื้อรถตู้สำหรับใช้ในราชการจำนวน ๑ คัน โดยใช้เงิน นอกงบประมาณ (สหกรณ์ร้านค้าโรงเรียน) จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท และเงินรายได้สถานศึกษา จำนวน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ปีการศึกษา ๒๕๕๗ ได้รับงบจากองค์การบริหารส่วน จังหวัดสมุทรสาคร ในการสนับสนุนสร้างหลังคาโค้ง เป็นเงิน ๑๐,๕๙๐.๐๐๐ บาท รับงบโครงการโรงเรียนดีศรี ตำบลปูพื้นกระเบื้อง อาคารสีเหลืองจำนวน ๙๖,๐๐๐ บาท ปีการศึกษา ๒๕๕๙ รับงบก่อสร้างอาคารเรียนแบบ สปช. ๒/๒๘ เป็นเงิน ๑๓,๓๘๖,๐๐๐ บาท สร้างอาคารประกอบการ ๓ ห้อง เป็นเงิน ๘๕๐,๐๐๐บาท ปัจจุบัน ผู้อำนวยการชาตรี ม่วงใหม่ ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้มีการพัฒนาอาคารสถานที่ ได้แก่ อาคารเรียนสีส้ม หลังคาเชื่อมระหว่างตึกสีเขียวแหละโรงอาหาร ห้องกลุ่มสาระให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และ ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณโรงเรียนให้สวยงาม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียนและเป็นสถานที่ทำกิจกรรมต่างๆ ๒.ข้อมูลครูและบุคลากรทางการศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ที่ ชื่อ – ชื่อสกุล ตำแหน่ง/วิทยฐานะ วุฒิ วิชาเอก ๑ นายชาตรี ม่วงใหม่ คศ.๓ ศษ.ม. การบริหารการศึกษา ๒ นางกรองกาญจน์ แก้วนารายณ์ คศ.๑ ศษ.ม. การบริหารการศึกษา ๓ นางฉัฐธร แป้นเกษม คศ.๓ ศษ.ม. การบริหารการศึกษา ๔ น.ส.พีชญาณ์ พานะกิจ คศ.๓ วทม. วิทยาศาสตร์ ๕ นางกฤษณา ทรัพย์แสงสวัสดิ์ คศ.๓ คบ. ภาษาไทย ๖ น.ส.น้องนุช บุญชัยยะ คศ.๓ คม. การบริหารการศึกษา ๗ นางลำยอง เอมอยู่ คศ.๒ อบ. ภาษาไทย ๘ น.ส.ฐิติมา สินทะเกิด คศ.๒ คบ. คอมพิวเตอร์ ๙ นายเอนก หอมทอง คศ.๒ วท.บ การฝึกและการจัดการกีฬา ๑๐ น.ส.ศิริรัตน์ ดีรอด คศ.๒ ศษ.ม การบริหารการศึกษา ๑๑ นายไพฑูรย์ ชูเชิด คศ.๒ ศษ.บ ศิลปศึกษา ๑๒ น.ส.พัชรีพร ศรีอยุธยาเดช คศ.๒ คบ. คหกรรมศาสตร์ ๑๓ น.ส.วรรษมน รู้เก็บ คศ.๒ คบ. ภาษาไทย ๑๔ ว่าที่ร้อยตรีเอนก พูลศิลป์ คศ.๒ ศศ.บ. ดนตรีไทย ๑๕ นางคำนึง คงศรี คศ.๒ คม. หลักสูตรและการสอน ๑๖ น.ส.วิชานี เสมานารถ คศ.๒ ศษ.บ. การประถมศึกษา ๑๗ น.ส.มัลลิกา เทศจันทร์ คศ.๒ คบ. สังคมศึกษา ๑๘ น.ส.พัชรพร ศรีสัมฤทธิ์ คศ.๒ คบ. ปฐมวัย ๑๙ น.ส.ระพีพรรณ เล็กจำปี คศ.๒ ศศ.ม. ภาษาอังกฤษ ๒๐ น.ส.ณพัฐอร สุนทรชื่น คศ.๒ ศษ.บ การสอนคณิตศาสตร์ ๒๑ น.ส.บุณยาพร โพธิ์ทอง คศ.๑ คบ. การประถมศึกษา ๒๒ น.ส.นันทิชา ชื่นสว่าง คศ.๑ คบ. ปฐมวัย
หน้า 8 ที่ ชื่อ – ชื่อสกุล ตำแหน่ง/วิทยฐานะ วุฒิ วิชาเอก ๒๓ น.ส.แน็ตทรียา ชาวทะเล ครูผู้ช่วย คบ. ปฐมวัย ๒๔ น.ส.ประภารัตน์ พันธเสน คศ.๑ คบ. คณิตศาสตร์ ๒๕ น.ส.ภัณฑิรา พรมแพง คศ.๑ คบ. ภาษาไทย ๒๖ นายวีระศักดิ์ บุตรแสง คศ.๒ คบ. คอมพิวเตอร์ ๒๗ นายพรชัย แก้วจันทร์ คศ.๑ คบ. คณิตศาสตร์ ๒๘ นายทวี หลำเพิกสืบ คศ.๑ คบ. บรรณารักษศาสตร์ ๒๙ น.ส.รมิดา พรมพิมพ์ คศ.๑ คบ การประถมศึกษา ๓๐ น.ส.ณัฐธิดา ศิริประเสริฐ คศ.๑ คบ. นาฎศิลป์ ๓๑ น.ส.สุดารัตน์ บางใจ คศ.๑ คบ. คณิตศาสตร์ ๓๒ น.ส.กัลยา คล้ายนาค คศ.๑ คบ. วินยาศาสตร์ ๓๓ น.ส.ปรียาภา แพทย์ประเสริฐ คศ.๑ คบ. ปฐมวัย ๓๔ นางสาวจุฑารัตน์ สมัญญา คศ.๒ วทม. วิทยาศาสตร์ ๓๕ นางสาวสุพรรษา ชัยบิน คศ.๑ วทม. วิทยาศาสตร์ ๓๖ นายอภิสิทธิ์ แต่งแดน คศ.๑ คบ. ภาษาไทย ๓๗ นายศิริชัย บุญเพ็ง คศ.๑ คบ. สังคมศึกษา ๓๘ นายไกรศักดิ์ คงศีล คศ.๑ คบ. สังคมศึกษา ๓๙ นางสาวจรินทร เลขะวัฒนะ คศ.๑ ศษ.บ. การประถมศึกษา ๔๐ นายตวิษ จิตรรังสรรค์ คศ.๑ ศศ.บ. ดนตรีสากล ๔๑ นางสาวพรรธิภา พืชสิงห์ คศ.๑ ศษ.บ. การประถมศึกษา ๔๒ นายพีรณัฐ ปรัชญาวุฒิรัตน์ คศ.๑ คบ. ภาษาอังกฤษ ๔๓ นางสาวนภัสกร ปั้นนาค ครูผู้ช่วย คบ. ภาษาอังกฤษ ๔๔ นายพงศธร ชุ่มช่วย ครูผู้ช่วย คบ. สังคมศึกษา ๔๕ นางสาวธนัสสรณ์ หัสนีย์ ครูผู้ช่วย คบ. ปฐมวัย ๔๖ นางสาวมลิษา ครูผู้ช่วย คบ. อุตสาหกรรมศิลป์ ๔๗ นางจิตมณีย์ ศรีพอ ครูจ้างสอน คบ. ปฐมวัย ๔๘ นางสาวจุฬารัตน์ บุญหว่าน ครูจ้างสอน ศษ.บ ศิลปศึกษา ๔๙ นายคเณศ ชุนสิทธิ์ ครูจ้างสอน วท.บ การฝึกและการจัดการกีฬา ๕๐ นายมาโนชญ์ คำหอม ครูจ้างสอน วท.บ การฝึกและการจัดการกีฬา ๕๑ น.ส.ชเยศรา สุ่มมาตย์ ครูธุรการ คบ. คอมพิวเตอร์ ๕๒ Mr.Jue ครูต่างชาติ คบ. ภาษาอังกฤษ ๖๐ นายอุบล สีใส นักการภารโรง ม.๓ -
หน้า 9 ๓.ข้อมูลนักเรียน (ณ วันที่๑๐ มิถุนายน ของปีการศึกษาที่รายงาน) ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ๔.ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ จัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตรปฐมวัย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาคุณภาพผู้เรียน และส่งเสริมการจัดการศึกษา เพื่อสร้างขีดความสามารถในการ แข่งขัน ยุทธศาสตร์ที่ ๒ จัดการศึกษาเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยุทธศาสตร์ที่ ๓ จัดกิจกรรมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ สนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยใช้สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ดิจิตอล ยุทธศาสตร์ที่ ๕ พัฒนาระบบบริหารจัดการและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ๕. วิสัยทัศน์ โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) สร้างผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ เชิดชูคุณธรรม น้อมนำศาสตร์ พระราชา บริหารแบบมีส่วนร่วมด้วยบุคลากรมืออาชีพ บนพื้นฐานความเป็นไทย และ ICT ๖.พันธกิจ ๑. ส่งเสริมการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามหลักสูตร ยกระดับคุณภาพการศึกษา และมาตรฐาน การศึกษา บนพื้นฐานความเป็นไทย ระดับ ชั้นเรียน จำนวน ห้อง เพศ รวม ชาย หญิง อนุบาล ๒ ๒ ๓๖ 3๐ ๖๖ อนุบาล ๓ ๓ ๓๓ ๓๕ ๖๘ ป.๑ ๓ ๕๐ 5๒ 102 ป.๒ ๓ ๕๒ ๕๒ 104 ป.๓ ๓ 5๑ 5๐ 101 ป.๔ ๓ ๕๒ ๕๐ 102 ป.๕ ๓ ๔๕ ๔๕ 90 ป.๖ ๓ ๔๔ ๔6 90 รวม ๒๓ ๓๖๓ ๓๖๐ ๗๒๓ ระดับ ชั้นเรียน จำนวน ห้อง เพศ รวม ชาย หญิง ม.๑ ๔ ๖๒ ๖๖ 128 ม.๒ ๔ ๕๙ ๖๑ 120 ม.๓ ๓ ๕๓ ๔๗ 100 รวม ๑๑ ๑๗๔ ๑๗๔ 348 รวม ทั้งหมด ๓๓ 5๓7 ๕๓๔ 1,0๗๑
หน้า 10 ๒. เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ตามศาสตร์ พระราชา ๓. ส่งเสริมการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ๔. ส่งเสริมระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้มีประสิทธิภาพ ๕. ส่งเสริมความเป็นครูมืออาชีพ ๖. พัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ๗. พัฒนาระบบบริหารจัดการให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้รับบริการ ผู้ร่วมงานมีคุณภาพและมี ความสุข ๘. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน วัด องค์กรเอกชน และสร้างเครือข่ายในการบริหาร จัดการสถานศึกษา(MOU) ๗. เป้าประสงค์ โมเดล ๔D-SIGN FOR ๔ QUALITY ๑. Quality Happy Student นักเรียน เก่ง ดี มีสุข ๒. Quality Happy Teacher ครูสอนเก่ง สอนดี ใช้เทคโนโลยี และมีคุณธรรม ๓. Quality Happy Director ผู้อำนวยการมีวิสัยทัศน์ มีภาวะผู้นำ และมีอุดมการณ์ ๔. Quality Happy Communication ชุมชนสนับสนุนให้โรงเรียนมีคุณภาพและมีความสุข
หน้า 11 ๘.คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน ๑. นักเรียนใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารทั้งการฟัง การพูด การอ่านและการเขียนได้อย่างถูกต้อง ๒. นักเรียนมีพื้นฐานทางการคิดคำนวณคิดและใช้เหตุผลตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างดี ๓. นักเรียนรู้จักค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองและใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานได้เป็นอย่างดี ๔. นักเรียนมีความซื่อสัตย์ ขยัน ประหยัด อดทน มีสัมมาคารวะ และปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัยเป็น อย่างดี ๕. นักเรียนมีความสำนึกในความเป็นชาติไทย มีวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อก้าวไปสู่ ความเป็นประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก ๖. นักเรียนมีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากสิ่งเสพติด ๗. นักเรียนมีความมุ่งมันในการทำงาน มีจิตสาธารณะ และมีความกตัญญูกตเวที ๙. นโยบายของโรงเรียน ๑. จัดการศึกษาระดับปฐมวัยเพื่อการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษาในระดับสูงขึ้น ๒. จัดการศึกษาระดับประถมศึกษาโดยเน้นวิชาการ จริยธรรมและสุขภาพนักเรียน ๓. จัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นโดยบริการนักเรียนที่มีความพร้อมและด้อยโอกาส ๔. พัฒนากิจกรรมนักเรียนให้มีมาตรฐานและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง ๕. พัฒนางานด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๔๕) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๑ ๖. พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถและมีจิตวิญญาณครู ๗. พัฒนางานด้านการจัดการ ธุรการ การเงิน ให้เป็นระบบ โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ตามหลักธรรมาภิ บาล ๘. พัฒนาอาคารสถานที่ สิ่งแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ เพื่อเอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนของครูและสร้าง องค์ความรู้ของนักเรียน ๑๐. ระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน ๑.นักเรียนทุกคนแต่งกายเรียบร้อยถูกต้องตามแบบกระทรวงศึกษาธิการ และที่โรงเรียนกำหนด ๒. นักเรียนทุกคนมีกิริยาวาจาสุภาพ เรียบร้อย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ๓. นักเรียนทุกคนไม่เล่นการพนัน และไม่เสพสิ่งเสพติดทุกชนิด ๔.นักเรียนทุกคนมีนิสัยประหยัดและออมและดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๕. นักเรียนทุกคนไม่ออกนอกบริเวณโรงเรียนก่อนได้รับอนุญาต ๖. นักเรียนทุกคนเคารพเชื่อฟังคุณพ่อ คุณแม่ และคุณครูทุกคน ๗. นักเรียนทุกคนช่วยกันรักษาความสะอาดของโรงเรียน ๘. นักเรียนทุกคนรักษาทรัพย์สมบัติของโรงเรียน ๙. นักเรียนทุกคนรักษาชื่อเสียงของโรงเรียน
หน้า 12 สภาพปัญหายาเสพติดในปัจจุบัน ของจังหวัดสมุทรสาครเนื่องจากประชากรจำนวนมากย้ายถิ่นฐานทำกินเข้าสู่ จังหวัดสมุทรสาครทำให้ประชากรจังหวัดสมุทรสาครมีการโยกย้ายค่อนข้างสูง อีกทั้งประชากรต่างชาติ ค่อนข้างมาก การสื่อสารเป็นไปด้วยความยากลำบากในทางการแพทย์ด้านจิตวิทยาพฤติกรรม จังหวัดสมุทรสาคร ไม่มีข้อมูลว่าเป็นแหล่งผลิตยาเสพติด หากแต่มีข้อมูลว่าเป็นแหล่งพักยาเพื่อรอจำหน่าย โดยอำเภอเมือง (ตำบลโคกขาม) อำเภอกระทุ่มแบน (ตำบลสวนหลวง และตำบลอ้อมน้อย) อำเภอบ้านแพ้ว (ตำบล อำแพง) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหมู่บ้านที่มีระบบรักษาความปลอดภัย คือ มีบ้านหรูหรา หรือเป็นสถานที่นัดส่งยาเสพติดของผู้ค้า (ตำบลท่าฉลอม) พื้นที่แพร่ระบาดเป็นย่านโรงงานอุตสาหกรรม ย่านชุมชนเมืองและ ชุมชนแออัด ปัญหายาเสพติดในโรงเรียน/สถานศึกษา และพื้นที่รอบๆ ประเภทของยาเสพติดที่แพร่ระบาด ได้แก่ ยาบ้า ร้อยละ 70 รองลงมาเป็นกัญชาร้อยละ 13 ไอซ์ ร้อยละ 12 กระท่อม ร้อยละ 2 เคตามีนและสารระเหยสัดส่วนเท่ากันร้อยละ 0.6 ยาอี ร้อยละ0.2 ฝิ่นและสาร อื่นมีสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 0.1 เคตามีนถือเป็นยาเสพติดตัวใหม่ที่แพร่ระบาดเป็นชนิดเกล็ดลักษณะคล้ายไอซ์ และไอซ์เป็นสารเสพติดที่น่าจับตามองเนื่องจากมีสัดส่วนที่สูงขึ้นในปี 2561 โดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษา นอกจากนี้ยังมีการแพร่ระบาดของการใช้ตัวยาทดแทน คือ การใช้ยาคลอเฟนิรามีน (CPM) ในกลุ่มนักเรียน มัธยมศึกษาอีกด้วย นักค้ายาเสพติดส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย การศึกษา ไม่เกินระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 มักเป็นวัยทำงานและเป็นบุคคลที่มีประวัติเคยต้องโทษ รวมถึงเครือญาติของบุคคลที่ต้องโทษ สำหรับกลุ่มผู้เสพเป็นคนพื้นที่หรือมาพักอาศัยในจังหวัดสมุทรสาคร 1. ข้อมูลการบำบัด 1.1 การบำบัดผู้ป่วยในระบบสมัครใจมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบสมัคร ใจ คสช.108 มากขึ้น รวมทั้งผู้ป่วยในระบบต่อจากบังคับบำบัด มีแนวโน้มสูงขึ้น ระบบ ปี 256๓ ปี 256๔ ปี 256๕ เป้าหมาย ผลงาน ร้อยละ เป้าหมาย ผลงาน ร้อยละ เป้าหมาย ผลงาน ร้อยละ สมัครใจ+คสช. 108 N/A 141 ๗๘ 275 176 64 405 127 31.36 บังคับบำบัด N/A 92 ๙๙ 29 235 >100 76 111 146 บทที่ ๒ สถานการณ์ยาเสพติดรอบสถานศึกษา
หน้า 13 1.2ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้ารับการบำบัด พบว่าเป็นเพศชาย มากกว่า เพศหญิง กลุ่มอายุของผู้เข้ารับการบำบัดส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 18 - 24 ปีรองลงมา คือ กลุ่มอายุ 25 – 29 ปีกลุ่มอายุ 30 - 34 ปี และกลุ่มอายุ 35 – 39 ปี ตามลำดับ 1.3 ประเภทผู้ป่วยและการใช้สารเสพติด พบว่าผู้ที่เข้ารับการบำบัดรักษาส่วนใหญ่เป็นผู้เสพยาเสพติดมาก ร้อยละ 80 รองลงมาเป็น ผู้ติดยาเสพติด ร้อยละ 12 และ ผู้ใช้ยาเสพติด ร้อยละ 8 สารเสพติดส่วนใหญ่ เป็นยาบ้า ยาเค และ และกัญชา 1.4 การติดตามและผลการหยุดเสพ การติดตามผู้ป่วยหลังการบำบัด พบว่ายังไม่ครบ 100 % เนื่องจากผู้ป่วยบางส่วนไม่ สามารถติดตามได้ เนื่องจากย้ายถิ่นจากการประกอบอาชีพใช้แรงงานและรับจ้าง และผลการติดตามหลังจากบำบัดแล้ว 3 เดือน ผลการดำเนินงาน มากกว่าร้อยละ 90 ระบบ ปี 25๖๓ ปี256๔ ปี 256๕ ร้อยละ ร้อยละ ร้อยละ ร้อยละการหยุดเสพหลังการจำหน่ายจากการบำบัดรักษาในระยะ 3 เดือน N/A 98.91 99.25 ร้อยละผู้ติดยาเสพติดได้รับการติดตามครบในระยะ 1 ปี 66.67 79.49 72.4 1.5 ผลการดำเนินงานลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด (Harm Reduction) 1) การให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจ 2) การให้คำปรึกษา และตรวจการติดเชื้อเอชไอวี โดยสมัครใจ (CVT) และส่งต่อเข้า รับบริการดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัส 3) การสนับสนุนให้ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อ 4) ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5) ตรวจคัดกรองวัณโรค 6) ตรวจคัดกรองทางจิตเวช โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลกระทุ่มแบน และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดำเนินการในผู้ป่วยที่มารับการบำบัดรักษาทุกราย แต่ ยังไม่ได้บันทึกข้อมูล ลงใน 43 แฟ้ม
หน้า 14 2. ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ 2.1 ข้อมูลเชิงปริมาณ ตามตัวชี้วัดร้อยละ ของผู้ติดยาที่บำบัดครบตามเกณฑ์ที่กำหนดของแต่ละ ระบบและได้รับการติดตามต่อเนื่อง 1 ปี(Retention Rate) ข้อมูลจาก บสต. 1 ต.ค - 31 เม.ย 256๕ ทุกระบบ อำเภอ รายการข้อมูล จำนวนผู้ป่วยที่ เข้ารับการบำบัด Retention Rate (A1) ร้อยละ (A2) Remission rate ร้อยละ อำเภอเมืองสมุทรสาคร 143 21/16 76.19 143/82 48.27 อำเภอกระทุ่มแบน 55 10/6 60 114/68 59.64 2.2 ข้อมูลผลการดำเนินงานเชิงคุณภาพ (1) การแต่งตั้งคณะกรรมการและกำหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในระดับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลระดับจังหวัด และระดับเขตสุขภาพ 1. มีการแต่งตั้งคณะคณะทำงานด้านยาเสพติดของจังหวัดสมุทรสาคร - คณะอนุกรรมการด้านบริหารและการป้องกัน โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็น ประธาน ศอ.ปสจ. 2. คณะอนุกรรมการด้านการข่าว(โต๊ะข่าว) โดยมีปลัดจังหวัดเป็นประธาน ศอ.ปสจ. แหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติด/แหล่งมั่วสุมค้ายาเสพติด ยาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ยังคงเป็นยาบ้า กลุ่มยาบ้าที่พบมากที่สุด คือ กลุ่ม G171 รองลงมา คือ กัญชาแห้ง และไอซ์ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แหล่งแพร่ระบาดหลักยังอยู่ในชุมชนเมือง ชุมชนแออัด สวนสาธารณะ และบริเวณรอบนอกโรงเรียน แหล่งผลิตและแหล่งพักยายาเสพติด จังหวัดสมุทรสาคร มีพื้นที่ รอยต่อกับจังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดนครปฐมและกรุงเทพมหานคร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง เป็นแรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ทำให้มีแรงงานปะปนกันไป เช่น ไทย พม่า ลาม กัมพูชา จังหวัดสมุทรสาครจะเป็นเส้นทางและที่พักของยาเสพติดเพื่อลำเลียงให้กับผู้ค้ารายอื่น แนวโน้มของสถานการณ์ยาเสพติด 1. กลุ่มนักค้ายาเสพติดมีแนวโน้มการใช้หอพัก อพาร์ทเมนต์ ห้องเช่า และคอนโดมิเนียม ฯลฯ เป็นแหล่งพักยาเสพติดและกระจายให้กับผู้เสพหรือผู้ค้ารายย่อย เนื่องจากพื้นที่จังหวัดมีลักษณะทางกายภาพที่ เหมาะสม เช่น ประชากร แรงงานต่างด้าว และห้องเช่าหรือหอพักอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นแหล่งส่งมอบยาเสพ ติดตามสถานที่ต่างๆในพื้นที่ 2. พื้นที่จังหวัดเป็นเขตติดต่อกับจังหวัดต่างๆ ซึ่งกลุ่มนักค้ายาเสพติดมักจะใช้เส้นทางสายหลัก คือ ถนน พระราม2 เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ แหล่งอ้างอิงข้อมูล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร
หน้า 15 ผลการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุขของโรงเรียนวัดราษฎร์ รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์) มีการดำเนินการโดยยึดหลักการ 4 ต้อง 2 ไม่ ดังนี้ 1. ต้องมีนโยบายและยุทศาสตร์การป้องกันยาเสพติดและอบายมุข 2. ต้องมีแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมยาเสพติดและอบายมุข 3. ต้องมีระบบข้อมูล 4. ต้องมีเครือข่ายในการเฝ้าระวังยาเสพติดและอบายมุข (นักเรียน/ครู/ปกครอง/ผู้นำท้องถิ่น/ผู้นำชุมชน) 1.ปกปิดข้อมูล 2. ไม่ผลักปัญหา 1. มาตรฐานด้านการป้องกัน 2. มาตรฐานด้านการค้นหา 3. มาตรฐานด้านการรักษา 4. มาตรฐานด้านการเฝ้าระวัง 5. มาตรฐานด้านการบริหารจัดการ 6. กลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ บทที่ ๓ ผลการดำดำเนินงานตามยุทธศาสตร์๕ มาตรการ โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข มาตรการ นโยบายป้องกัน สถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติด บุหรี่และ อบายมุข ๔ ต้อง ๒ ต้อง มีการดำเนินงาน 5 มาตรฐาน ดังนี้
หน้า 16 เป็นมาตรการที่มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดให้กับนักเรียน เยาวชนทั่วไป เยาวชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อสร้าง ภูมิคุ้มกันต่อปัญหายาเสพติดให้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นการตัดการเพิ่มขึ้นของผู้เสพรายใหม่ โดยจะให้ ความสำคัญในการป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา รวมทั้งขจัดปัจจัยเสี่ยงที่เอื้อต่อปัญหายาเสพติดให้ หมดไป จะสร้างคุณภาพชีวิต ทัศนคติให้กับเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่ง ทางโรงเรียนได้ดำเนินมาตรการป้องกันดังนี้ ตัวบ่งชี้ที่ 1.1 : สถานศึกษาดำเนินการกิจกรรมห้องเรียนสีขาว โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์) มีการดำเนินงานห้องเรียนสีขาว ดังนี้ มาตรฐานที่ ๑ มาตรฐานด้านการป้องกัน ➢ ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา คณะครู ผู้ปกครองโรงเรียน โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์เพื่อชี้แจง โครงการและร่วมกำหนดนโยบาย ➢ จัดตั้งคณะกรรมการห้องเรียนสีขาวโครงสร้างองค์กรห้องเรียนสีขาว ➢ กำหนดแผนดำเนินการ/การดำเนินงานจัดกิจกรรมห้องเรียนสีขาวตามมาตรฐาน ➢ ประชุมนักเรียนแกนนำห้องเรียนสีขาวเพื่อชี้แจงวางแผนการดำเนินงาน ➢ พัฒนาครูและนักเรียนแกนนำสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข ➢ จัดโครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดและอบายมุข ➢ มีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เช่น นักเรียนแกนนำดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ➢ จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เป็นต้น
หน้า 17 การดำเนินงานห้องเรียนสีขาว ได้จัดตั้งคณะกรรมการดำเนินงานออกเป็น 4 ฝ่าย เพื่อจัดกิจกรรมห้องเรียนสีขาว ประกอบด้วย ตามโครงสร้างองค์ประกอบห้องเรียนสีขาวและรายชื่อแกนนำซึ่งเป็นคณะทำงานทั้ง 4 ฝ่าย ดังนี้ 1) คณะกรรมการงานฝ่ายสารวัตรนักเรียน จำนวน 5 คน 2) คณะทำงานฝ่ายการเรียน จำนวน 5 คน 3) คณะทำงานฝ่ายการงาน จำนวน 5 คน 4) คณะทำงานฝ่ายกิจกรรม จำนวน 5 คน นักเรียนแกนนำแต่ละห้องลงพื้นที่ทำความสะอาด คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน โครงสร้างองค์ประกอบห้องเรียนสีขาว
หน้า 18 การดำเนินกิจกรรมห้องเรียนสีขาว มีคำสั่งแต่งตั้งครูที่ปรึกษา แกนนำนักเรียนภายในชั้นเรียน 4 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่าย การเรียน ฝ่ายการงาน ฝ่ายสารวัตรนักเรียน และฝ่ายกิจกรรมให้ดำเนินการตามเกณฑ์การประเมิน โดยมีการ ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ 1.1.1นักเรียนแกนนำฝ่ายการเรียน ของทุกห้องเรียนมีการจัดตั้งทีมงานรับผิดชอบงานห้องเรียนให้ ความช่วยเหลือเพื่อนให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น ติดตามการส่งการบ้านของ ครู ในแต่ละวิชาที่มอบหมาย กิจกรรมเพื่อนสอนเพื่อน ช่วยซ่อมเสริมเพื่อที่มีปัญหาเรื่องการเรียน การขาดเรียน หรือ เรียนในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ไม่ทัน การทำโครงงาน/ชิ้นงานเป็นกลุ่มร่วมกัน ร่วมกันนำผลงานของตนเอง และ ของเพื่อนในชั้นเรียนจัดป้ายนิเทศ/มุมความรู้ ทุกคนสามารถแจ้ง/บอกได้ว่านักเรียนในชั้นเรียนของตนเอง ใครมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีเยี่ยม ปานกลาง และปรับปรุง โดยมีครูประจำชั้นให้คำปรึกษา ติดตาม ตรวจสอบ ตลอดจนการปรับปรุงผลการดำเนินงานและสรุปผลการดำเนินงานของฝ่ายการเรียน นักเรียนแกนนำฝ่ายการเรียน ตั้งแต่ระดับชั้น ประถมศึกปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เรื่องของกิจกรรมเพื่อนสอนเพื่อน การจัดป้ายนิเทศและมุมความรู้ต่างๆ
หน้า 19 1.1.2 นักเรียนแกนนำฝ่ายการงาน ของทุกห้องเรียน มีการจัดตั้งทีมงานรับผิดชอบงานภายใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียน ในการจัดตารางการท าเวรประจ าวันและเวรรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย ให้ทำ ความสะอาดภายในห้องเรียนเช่น การกวาดพื้นห้อง จัดโต๊ะ เก้าอี้ เปิด-ปิดประตูหน้าต่าง ลบกระดานดำ และกวาดบริเวณหน้าระเบียง สอดส่องดูแลไม่ให้มีการขีดเขียน โต๊ะ เก้าอี้หรือฝาผนังภายในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน ร่วมกันตั้งคติพจน์ประจำห้องเรียน มีการช่วยกันสำรวจตรวจสอบด้านความปลอดภัยและทรัพย์สินของ นักเรียนและในห้องเรียนและเพื่อลดอุบัติภัย ด้วยการจดบันทึกการปฏิบัติงานทั้ง 4 ฝ่ายตามโครงสร้างห้องเรียน สีขาว โดยมีครูประจำชั้นให้คำปรึกษา ติดตามตรวจสอบตลอดจนการปรับปรุงผลการดำเนินงานและสรุปผลการ ดำเนินงานของฝ่ายการงาน นักเรียนแกนนำฝ่ายการงาน ตั้งแต่ระดับชั้น ประถมศึกปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายใน เรื่องการดูแลรักษาความสะอาดของห้องเรียนรับผิดชอบของมีค่า วัสดุ-อุปกรณ์ ภายในห้องเรียน และมีความ ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ประตู หน้าต่างๆ หากชำรุดแจ้งงานอาคารปลอดภัยภายในห้องเรียน ฯลฯ
หน้า 20 1.1.3 นักเรียนแกนนำฝ่ายสารวัตรนักเรียน การจัดตั้งทีมงานรับผิดชอบในการสังเกต สำรวจพฤติกรรม เสี่ยง ร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาการมาเรียนสาย การขาดเรียนบ่อย การแต่งกายไม่สะอาดเรียบร้อย ไม่ถูกต้องตาม ระเบียบของทางโรงเรียน การทะเลาะวิวาท การติดเกมของเพื่อนในห้องเรียนพร้อมทั้งรายงานข้อมูล โดยมีครู ประจำชั้น ให้คำปรึกษา ติดตามตรวจสอบตลอดจนการปรับปรุงผลการดำเนินงานและสรุปผลการดำเนินงานของ ฝ่ายสารวัตรนักเรียน 1.1.4 นักเรียนแกนนำฝ่ายกิจกรรมนักเรียน การจัดตั้งทีมงานรับผิดชอบการดำเนินกิจกรรมสร้างสรรค์ ในห้องเรียนทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน เช่น ร่วมกันสร้างชิ้นงาน/โครงงาน จัดป้ายนิเทศ การร่วมเดินรณรงค์ ในกิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดโลก วันงดสูบบุหรี่ การแข่งขันทักษะด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะ การร่วมทำบุญตัก บาตรเวียนเทียน กิจกรรมวันสำคัญต่างๆ การร่วมประกวดแข่งขันความสามารถด้านทักษะวิชาการ ร่วมบำเพ็ญ ประโยชน์โดยการเก็บขยะทำความสะอาดทั้งในห้องเรียน รอบบริเวณโรงเรียนและชุมชน โดยมีครูประจำชั้น ให้คำปรึกษา ติดตามตรวจสอบตลอดจนการปรับปรุงผลการดำเนินงานและสรุปผลการดำเนินงานของฝ่าย กิจกรรมนักเรียน นักเรียนแกนนำฝ่ายการสารวัตรนักเรียน ตั้งแต่ระดับชั้น ประถมศึกปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมายในเรื่องการรับผิดชอบตรวจสอบการนำสารเสพติด ยาเสพติด อาวุธ เข้ามาภายในสถานศึกษา ห้องเรียน เฝ้าระวังไม่ให้มีการสูบบุหรี่ พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ การแต่งกายในกลุ่มเพื่อน ฯลฯ นักเรียนแกนนำฝ่ายกิจกรรม ตั้งแต่ระดับชั้น ประถมศึกปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายใน เรื่อง การเดินรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด กิจกรรมงดสูบบุหรี่โลก กิจกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรม และจิตอาสา ฯลฯ
หน้า 21 ตัวบ่งชี้ที่ 1.2 : สถานศึกษาจัดทำประกาศผลและมอบรางวัลหรือเกียรติบัตรห้องเรียนสีขาว ดีเด่น/แผนกสีขาวดีเด่น โรงเรียนมีการจัดการประกวดแข่งขันกิจกรรมห้องเรียนสีขาวดีเด่นเป็นประจำทุกเดือน ควบคู่กับการนิเทศ และมอบรางวัลหน้าเสาธงหรือมอบในงานกิจกรรมของโรงเรียนเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้กับคณะครูและนักเรียนในการดำเนินงานกิจกรรมดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้นและต่อเนื่อง อย่างเป็นรูปธรรม แบบสรุปกิจกรรมห้องเรียนสีขาวระดับดีเยี่ยม
หน้า 22 เกียรติบัตรห้องเรียนสีขาวดีเด่น
หน้า 23 ตัวบ่งชี้ที่ 1.3 : สถานศึกษามีการดำเนินงานโครงการโรงเรียนปลอดบุหรี่ โรงเรียนได้มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การสร้างภูมิคุ้มกันสารเสพติด เพื่อพัฒนาทักษะ ชีวิต นักเรียนโรงเรียนมีแผนงาน / โครงการ / กิจกรรม พอสรุปได้ ดังนี้ 1.3.1ด้านการบริหารจัดการ : โรงเรียนเห็นความสำคัญของการสร้างค่านิยมไม่สูบบุหรี่จึงขับเคลื่อน โครงการ “โรงเรียนปลอดบุหรี่ โดยดำเนินการแต่งตั้งคำสั่งคณะกรรมการดำเนินเพื่อดำเนินโครงการให้ สอดคล้องกับกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้บริหาร ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้เรียนปลอด บุหรี่ดังนี้ 1.3.1.1 โรงเรียนแต่งตั้งคณะทำงาน ด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ ประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารโรงเรียน ครูแกนนำ คณะกรรมการนักเรียน และนักเรียนแกนนำพร้อมทั้งมีการกำกับติดตามอย่างต่อเนื่อง 1.3.1.2 จัดประชุม เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ และวางแผนการดำเนินงานตามโครงการ “โรงเรียน ปลอดบุหรี่ 1. มีการแต่งตั้งคำสั่งคณะทำงาน 2. มีนโยบายโรงเรียนปลอดบุหรี่ 3. มีการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ 4. มีการสอดแทรกบุหรี่ในการเรียนการสอนและกิจกรรมนอกหลักสูตร 5. การมีส่วนร่วมของนักเรียน 6. มีการดูแลช่วยเหลือนักเรียนไม่ให้สูบบุหรี่ 7. มีกิจกรรมร่วมกันระหว่างโรงเรียนและชุมชน คำสั่งแต่งตั้งครูแกนนำและนักเรียนแกนนำ ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา
หน้า 24 1.3.2 ด้านนโยบายโรงเรียนปลอดบุหรี่: ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ประกาศนโยบาย “โรงเรียนปลอด บุหรี่ โดยดำเนินการ ดังนี้ ๑.3.2.1การประกาศนโยบายเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น จัดทำป้ายประกาศนโยบาย ป้าย โรงเรียนเป็นเขตปลอดบุหรี่ ป้ายนิเทศในห้องเรียน โดยติดประกาศในบริเวณที่เห็นได้ชัดเจน 1.3.๒.2การประกาศนโยบายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น การประกาศหน้าเสาธง การ ประกาศในที่ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน การประชุมครู การประชุมผู้ปกครอง และ นักเรียนปฏิญาณตนว่าจะสนับสนุนนโยบายโรงเรียนปลอดบุหรี่ 1.3.2.๓. การประชาสัมพันธ์โรงเรียนเป็นเขตปลอดบุหรี่ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น เดิน รณรงค์การจัดประกวดผลงานนักเรียนและจัดมุมความรู้ในห้องเรียน การประชุมวางแผน
หน้า 25 1.3.3 ด้านการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่: โรงเรียนมีการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อให้คณะ ครู ผู้เรียน และผู้ปกครองตระหนักถึงโทษภัยของบุหรี่ และรู้จักป้องกันตนเอง จากควันบุหรี่ให้ ดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยดังนี้ 1.3.3.1 ผู้บริหารกำหนดให้นโยบายและแนวทางปฏิบัติภายใต้นโยบาย “โรงเรียนปลอด บุหรี่” เป็นหนึ่งในข้อตกลงในการอนุญาตให้หน่วยงานอื่นหรือบุคคลภายนอกใช้สถานที่โรงเรียนจัดการ เรียนการสอนนอกเวลาราชการ จัดกิจกรรม จัดงานฉลองในโอกาสต่าง ๆ หรือจัดงานมหรสพ 1.3.3.2 คณะครูและนักเรียนร่วมกันติดป้ายที่มีข้อความ “โรงเรียนเป็นเขตปลอดบุหรี่ตาม กฎหมาย” ทั้งที่ขอรับจากหน่วยงานภายนอกและจัดทำเองจากผลงานนักเรียน ในจุดที่เห็นได้เด่นชัด เช่น ประตูรั้ว ห้องน้ำ ศาลาที่พัก ทางเดินบนอาคารเรียน บอร์ดนิทรรศการในทุกๆห้องเรียนและทุกจุดของ อาคารสถานที่ ที่สามารถเห็นได้ชัดและเฝ้าระวังการสูบบุหรี่ในโรงเรียน รวมถึงมีมาตรการดำเนินการอย่าง ชัดเจนในกรณีที่พบว่ามีการสูบบุหรี่ภายในโรงเรียน
หน้า 26 1.3.4การสอนแทรกบุหรี่ในการเรียนการสอนและกิจกรรมนอกหลักสูตร: โรงเรียนจัดประชุมข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษาทุกคนวางแผนกำหนดกิจกรรมเพื่อสอดแทรกเรื่องบุหรี่ในรายวิชาและกิจกรรมต่างๆ ทั้งใน และนอกหลักสูตร ดังนี้ 1.3.4.1 กิจกรรมสอดแทรกในหลักสูตร ➢ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เช่น การประกวดคำขวัญวันต้านภัยยาเสพติด การแสดงละคร เขียนเรียงความ และบันทึกกิจกรรมจากการค้นคว้า ➢ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เช่น การคำนวณค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปจากการซื้อบุหรี่และ เปรียบเทียบแผนภูมิแท่ง ➢ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เช่น สารเสพติดที่พบในบุหรี่อธิบายสารเคมีที่มีในยาบ้า และ สารเสพติดชนิดอื่นได้อย่างถูกต้อง ➢ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เช่น ธรรมะกับการสูบบุหรี่ศีลห้าบาปที่ เกิดจากโทษยาเสพติด ➢ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา เช่น กีฬาต้านบุหรี่วิธีป้องกันตนเองให้พ้น จากยาเสพ ติด ➢ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ เช่น วาดภาพสื่อรณรงค์ต่างๆวาดภาพโทษของยาเสพติดการประดิษฐ์ ม้วนบุหรี่ ➢ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานพื้นฐานอาชีพและเทคโนโลยี เช่น ประดิษฐ์สื่อการรณรงค์ต่อต้านยา เสพติดการตลาดนัดอาชีพ ทำขนม เพื่อไม่ให้มีเวลาว่างในการไป ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ➢ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เช่น โปสเตอร์รณรงค์ภาษาอังกฤษแต่งประโยค ต่อต้าน ยาเสพติดหรือวาดภาพคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่และสิ่งเสพติดต่างๆ 1.3.4.2กิจกรรมนอกหลักสูตร ➢ กิจกรรมครูตำรวจแดร์ (D.A.R.E.) ➢ กิจกรรม To be number one ➢ กิจกรรมเรียนรู้ธรรมะ ➢ กิจกรรมจิตอาสา ➢ กิจกรรมลูกเสือต่อต้านยาเสพติด
หน้า 27
หน้า 28 1.3.5 การมีส่วนร่วมของนักเรียนนักศึกษา ➢ จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพนักเรียนให้เป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมเรื่องบุหรี่ของโรงเรียนใน โอกาสต่าง ๆ เช่น กิจกรรมเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก กิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดสากล กิจกรรมเปิดบ้าน วิชาการ กิจกรรมวันสำคัญทางศาสนา กิจกรรมการแข่งขันกีฬาภายใน กิจกรรมการปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ การ ประชุมผู้ปกครอง เป็นต้น ➢ คณะครูสนับสนุนให้นักเรียนมีส่วนในการจัดทำสื่อรณรงค์ตามความสามารถที่ถนัดหรือกิจกรรม ที่ส่งเสริม ความกล้าแสดงออก เช่น ทำป้านประชาสัมพันธ์การออกแบบโปสเตอร์หรือสติ๊กเกอร์ แสดงละคร ร้อง/ เต้น ประกอบเพลง แต่งคำขวัญ วาดภาพ เป็นต้น ➢ คณะครูส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสังเกตพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียนในโรงเรียน และในชุมชน
หน้า 29 1.3.6 การดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาไม่ให้สูบบุหรี่ : โรงเรียน มีการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ความเข้าใจและทักษะในการปฏิบัติงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรียนของสถานศึกษาในการ ดำเนินงานระบบการช่วยเหลือดูแลนักเรียนดังนี้ ➢ รู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล เช่น การเยี่ยมบ้านประเมินสภาพแวดล้อมบริเวณที่อยู่อาศัยของ นักเรียนการ สังเกตการสัมภาษณ์และสอบถามข้อมูลเบื้องต้นของนักเรียน ➢ คัดกรองนักเรียนโดยครูประจำชั้นวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสรุปการคัดกรองสรุปผลจากแบบคัด กรอง นักเรียน โดยแยกกลุ่มเด็กออกเป็น 3กลุ่ม ได้แก่กลุ่มปกติกลุ่มเสี่ยงกลุ่มมีปัญหาส่งให้ทีมประสาน (หัวหน้างานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนนำเสนอผู้อำนวยการ ทราบ เพื่อนผลการประเมินไป ปรับปรุง แก้ไข พัฒนาและช่วยเหลือนักเรียนต่อไป ➢ กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนานักเรียน โรงเรียนได้จัดกิจกรรมส่งเสริม และพัฒนานักเรียนทุกกลุ่ม โดยการ จัดกิจกรรมโฮมรูม การประชุมผู้ปกครองในชั้นเรียน สร้างเครือข่ายผู้ปกครอง จัดกิจกรรมส่งเสริมและ พัฒนานักเรียนที่หลากหลาย เช่น มีการจัดอบรมรู้จักโทษ วิธีการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และยาเสพติดทุก ชนิด กิจกรรมเล่นกีฬาต่อต้านบุหรี่ ฯลฯ ➢ กิจกรรมป้องกันและแก้ปัญหา นักเรียนร่วมกิจกรรมโดยมีครูประจำชั้น/ประจำวิชา/เป็นผู้ให้คำแนะ นำและประเมินได้แก่กิจกรรมป้องกันยาเสพติดส่งเสริมการเล่นกีฬาตอนพักกลางวัน การแข่งขันกีฬาสี นักเรียนมีการออกกำลังกายและสมรรถภาพตามวัย นักเรียนไม่ติดสารเสพติด ➢ กิจกรรมการส่งต่อนักเรียนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาของนักเรียนโดยครูประจำชั้น เป็นผู้ประเมินจาก การคัดกรองว่าเหตุการณ์ใดควรจะส่งต่อภายใน/ แต่หากเกินความสามารถของครูพยาบาล ทางโรงเรียน จะส่งต่อภายนอก เช่น นักเรียนที่มีปัญหาติดบุหรี่/ยาเสพติดชนิดอื่นๆ โดยจะต้องได้รับใบตอบรับแสดง ความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนส่งเข้ารับการบำบัดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป จากผลการดำเนินงานทั้ง 5 ขั้นตอนที่กล่าวข้างต้น โรงเรียนสามารถแยกนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ปกติ กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่มีปัญหา โดยนำข้อมูลของนักเรียนในกลุ่มต่างๆมาช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต ให้นักเรียนไม่สูบ/ข้องเกี่ยวกับบุหรี่และยาเสพติดทุก ชนิดอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
หน้า 30 1.3.7 มีกิจกรรมร่วมกันระหว่างโรงเรียนกับชุมชน: โรงเรียนตระหนักถึงโทษของบุหรี่จึงสร้างค่านิยม ไม่สูบบุหรี่ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน โดยประสานความร่วมมือกับชุมชน โดยดำเนินการ ดังนี้ ➢ โรงเรียนใช้กิจกรรมเยี่ยมบ้านเป็นสื่อสร้างสัมพันธ์ชักชวนผู้ปกครองให้ดูแลนักเรียนให้ปลอดบุหรี่ ➢ โรงเรียนจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ แจกแผ่นพับความรู้แจกสติ๊กเกอร์รณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในวัน สำคัญต่างๆ เช่น วันงดสูบบุหรี่โลก วันต่อต้านยาเสพติดสากล
หน้า 31 ตัวบ่งชี้ที่ 1.4 : สถานศึกษาจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อป้องกันยาเสพติด การสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า การ บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สื่อลามกอนาจาร การพนัน การทะเลาะวิวาท โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์) ดำเนินการจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อป้องกันยา เสพติดและอบายมุข ให้กับนักเรียนและชุมชนอย่างหลากหลาย และได้ดำเนินการดังนี้ 1.4.1 กิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนันในสถานศึกษา ได้แก่ ➢ จัดกิจกรรมให้นักเรียนรู้หลักประหยัดตามหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียงโดยบูรณาการกับ โครงการสถานศึกษาพอเพียง ➢ ให้ป้องปรามมิให้นักเรียนเล่นการพนันทุกรูปแบบในสถานศึกษาและตรวจค้นสถานซึ่ง อาจเป็น ที่มั่วสุ ➢ ให้ครูประจำชั้นปกครองประสานงานกับสารวัตรนักเรียนในการสุมตรวจนักเรียนที่ อาจจะมั่วสุมตามแหล่งพนันและอบายมุขของชุมชน ๑.4.๒กิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาทะเลาะวิวาทในสถานศึกษา ได้แก่ ➢ การติดตามตรวจสอบพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียนที่มีปัญหาเป็นรายกรณี ➢ กิจกรรมเยี่ยมบ้านเพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงต่อการทะเลาะวิวาทข้ามสถาบัน ➢ การตรวจค้นการพกอาวุธเขามาในสถานศึกษาของนักเรียนกลุ่มเสี่ยงและคาดโทษ สำหรับผู้ที่ทำผิดที่เคยถูกตักเตือนมาแล้ว ➢ การสร้างองค์กรเครือข่ายระหว่างบ้าน โรงเรียน ชุมชน และ ตำรวจ โดยมีระบบสื่อสาร โทรคมนาคมและระบบข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง 1.4.3 กิจกรรมด้านการป้องปรามและแก้ไขปัญหาการติดสารเสพติดในสถานศึกษาและอบายมุข มี กิจกรรมดังนี้ ➢ ห้องเรียนสีขาว - กิจกรรม ครูพระ / ครูผู้สอน / ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น ➢ กิจกรรมลูกเสือ /เนตรนารีต้านยาเสพติด ➢ มีการบูรณาการการเรียนการสอนเรื่องยาเสพติดทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ➢ โครงการรณรงค์วันสำคัญต่อต้านยาเสพติด ➢ กิจกรรมพัฒนาลูกเสือต้านยาเสพติดยาเสพติด ➢ กิจกรรมเยี่ยมบ้าน ➢ กิจกรรมด้านศิลปะ- กิจกรรมด้านดนตรี- กิจกรรมด้านกีฬา ➢ กิจกรรมชุมนุมและชมรม ➢ กิจกรรมจิตอาสา/ผู้บำเพ็ญประโยชน์ ➢ กิจกรรมสำคัญทางศาสนา ➢ สถานศึกษามีการดำเนินงานจัดให้มีแหล่งเรียนรู้ในโครงการห้องเรียนสีขาว ➢ สถานศึกษามีการจัดสภาพสิ่งแวดล้อมที่ปราศจากพื้นที่เสี่ยง
หน้า 32 ➢ สถานศึกษาจัดพื้นที่ให้มีลานกีฬาต้านยาเสพติด ➢ กิจกรรม To be Nueberone ➢ การประกวดคำขวัญต่อต้านยาเสพติดส่งผลให้นักเรียนร้อยละ ๑๐๐ ได้รับความรู้และ พัฒนาทักษะชีวิตของตนเองให้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ห่างไกลยาเสพติดและอบายมุขทุก ประเภท คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการตาม แผนปฏิบัติงาน ปีการศึกษา ๒๕๖๕ มีการสรุปการดำเนินกิจกรรมต่างๆ กิจกรรมสำคัญทางศาสนา
หน้า 33 กิจกรรมค่ายลูกเสือสำรอง – สามัญ เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิตในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น กิจกรรมทัศนศึกษา เพื่อส่งเสริมส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน
หน้า 34 กิจกรรมการเรียนการสอน โครงการการศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติด ในเด็กนักเรียนกับครูตำรวจแดร์ กิจกรรมกีฬาส่งเสริมสุขภาพของนักเรียน กิจกรรม To be Nueberone
หน้า 35 สถานศึกษาจัดพื้นที่ให้มีลานกีฬาต้านยาเสพติด กิจกรรมจิตอาสา/ผู้บำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมเยี่ยมบ้าน
หน้า 36 ตัวบ่งชี้ที่ 2.1 สถานศึกษามีข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล ดังนี้เนื่องจากสังคมปัจจุบันนี้มี สิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวกระตุ้นและยั่วยุหลายด้าน ที่จะทำให้นักเรียนมีปัญหา และควรที่จะต้องส่งเสริมและสนับสนุน ให้เจริญงอกงามไปในทิศทางที่ถูก ประกอบกับสภาพสังคมและ เศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้นักเรียนเกิดความสับสน ซึ่งอาจ ทำให้นักเรียนกับผู้ปกครองเกิดการห่างเหินกันและ พฤติกรรมแปลก ๆ ก็ตามมา และนักเรียนต้อง เตรียมตัวประกอบอาชีพในอนาคต ดังนั้นต้องมีโครงการระบบ ดูแลช่วยเหลือนักเรียนเกิดขึ้นระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียน เป็นกระบวนการดำเนินงานที่มีแบบแผนขั้นตอน ชัดเจนในการส่งเสริม พัฒนา ป้องกันและแก้ไขปัญหา ให้นักเรียนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพบนพื้นฐาน ความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยยึดหลักการมีส่วน รับผิดชอบ ร่วมคิด ร่วมปฏิบัติร่วมแก้ไขปัญหาจากผู้ที่ เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียนให้มี ทักษะการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วได้อย่างมีความสุข โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) มีการการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจและทักษะในการปฏิบัติงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษาในการดำเนินงาน ระบบการช่วยเหลือดูแลนักเรียนดังนี้ (๑.)รู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล เป็นวิธีการสำคัญที่จะช่วยให้ครูทราบถึงจุดแข็ง จุดอ่อนของนักเรียนแต่ละ คน โดยใช้เครื่องมือที่หลากหลาย ซึ่งโรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) ดำเนินงานโดยครูประจำชั้น(ทีม ทำ) ประเมินจากเครื่องมือ เช่น การเยี่ยมบ้านการสังเกตการสัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ปัญหาของ นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ครูทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับตัวนักเรียน และครูประจำชั้นได้พูดคุยกับผู้ปกครอง ใน ด้านต่างๆ ได้เห็นการเป็นอยู่ว่าพื้นที่เสี่ยงต่อการติดสิ่งเสพติดหรือไม่ครูได้นำข้อมูลมาสรุปชี้แจ้งให้คณะครูในที่ ประชุมทราบเพื่อหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับครอบครัวที่มีปัญหาในด้านต่างๆ และสิ่งแวดล้อมที่มีพื้นที่เสี่ยง ต่อไปโรงเรียนใช้แบบคัดกรองรายบุคคล (SDQ) ของกรมสุขภาพจิต (พ.ศ. 2537) เป็นการคัดกรองนักเรียนแบ่ง ออกเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มมีปัญหา โดยครูประจำชั้น ครูประจำวิชาร่วมกันวิเคราะห์ ข้อมูลจากการรู้จักและใกล้ชิดนักเรียน โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ระเบียนสะสม แบบสอบถาม การเยี่ยมบ้าน เป็น ต้น ส่งให้ทีมประสาน(หัวหน้างานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนนำเสนอผู้อำนวยการ) ทราบ เพื่อนำผลการ ประเมินไปปรับปรุง แก้ไข พัฒนาและช่วยเหลือนักเรียนต่อไป โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) ได้ผลการคัดกรองนักเรียน 3 ปี ย้อนหลังตั้งแต่ พ.ศ.25๖๓-256๕ สามารถจำแนกได้ดังตารางต่อไปนี ปีการศึกษา จำนวนนักเรียนชั้น อนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ร้อยละของกลุ่ม ปกติ ร้อยละของกลุ่ม เสี่ยง ร้อยละของกลุ่มที่มี ปัญหา ๒๕๖๓ ๑๐๔๕ ๙๗.๕๕ ๒.๔๕ ๐ ๒๕๖๔ ๑๐๕๔ ๙๘.๘๒ ๑.๘๘ ๐ ๒๕๖๕ ๑๐๗๑ ๙๙.๑๓ ๐.๘๗ ๐ สรุปภาพรวม ๓ ปี ๙๘.๕๐ ๑.๗๓ ๐ มาตรฐานที่ 2 มาตรฐานด้านการ
หน้า 37 คณะกรรมการอำนวยการ(ทีมนำ) คณะกรรมการประสานงาน(ทีมประสาน) คณะกรรมการดำเนินงาน(ทีมทำ) ครูประจำชั้นทุกห้องเรียน การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล คัดกรอกนักเรียน กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มมีปัญหา ส่งเสริมพัฒนา ป้องกันและแก้ไข พฤติกรรม ส่งต่อภายใน การรับนักเรียนจากครูประจำชั้น พฤติกรรม ส่งต่อภายนอก ครูแนะแนว/ผู้ที่เกี่ยวข้อง ดีขึ้น ดีขึ้น ไม่ดีขึ้น ไม่ดีขึ้น แผนภูมิการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์)
หน้า 38 กิจกรรมการเยี่ยมบ้านนักเรียนเพื่อวิเคราะห์และรู้จักผู้เรียนเป็นรายบุคคลครบ 100 เปอร์เซ็น
หน้า 39 ตัวบ่งชี้ที่ 2.2 : สถานศึกษามีการสุ่มตรวจปัสสาวะของนักเรียนกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มเสพ/กลุ่มติด โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) ได้ดำเนินการเชิญเจ้าหน้าที่จากสถานีอนามัยเฉลิมพระ เกียรติฯ 60 พรรษา นวมินทรราชินี ตำบลคอกกระบือ มาทำการตรวจนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 3 ในภาคเรียนที่ ๑ และภาคเรียนที่ ๒ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสพ กลุ่มติด และกลุ่มค้า มา ตรวจปัสสาวะ ผลจากการตรวจปรากฏว่านักเรียนโรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์) ทุกคน ไม่มีสาร เสพติดในร่างกาย คิดเป็นร้อยละ 100 โรงเรียนประสานงานกับสถานีตำรวจ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร จัดกิจกรรมโครงการ ครูตำรวจ D.A.R.E. โดยมีวิทยากรที่ผ่านการอบรมการเป็นครูตำรวจแดร์แล้วมาถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียน โดยเน้น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-๖ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกชักจูงได้ง่ายครูตำรวจแดร์จะถ่ายทอด ความรู้ให้แก่ นักเรียนทราบถึงผลกระทบที่เกิดจากยาเสพติด ทั้งยังทราบถึงวิธีการป้องกันและแก้ไขเกี่ยวกับ ยาเสพติด ครู ตำรวจแดร์จะช่วยครูประจำชั้นคัดกรองนักเรียนที่มีแนวโน้มว่าจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีปัญหา ได้อีกทาง โดยจะ สอดแทรกเข้าไปในชั่วโมงเรียน แบบรายงานการเยี่ยมบ้าน(การคัดกรองนักเรียน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 256๕
หน้า 40 ตัวบ่งชี้ที่ 2.3 : สถานศึกษามีการคัดกรองจำแนกกลุ่มปลอด/กลุ่มเสี่ยง/กลุ่มเสพ/กลุ่มติด/ กลุ่มค้า การคัดกรองจำแนกตามกลุ่มดังกล่าวทางโรงเรียนได้ทำมีการตรวจสังเกตโดย ครูประจำชั้นแลผู้ปกครอง มีการประสานงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำตำบลคอกกระบือ หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาให้ความรู้อย่าง ต่อเนื่องสถานศึกษามีการคัดกรองสำรวจสภาพการใช้ยาเสพติด ภาคเรียนละ ๒ ครั้ง ภาคเรียนที่ ๑ ภายในวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕6๕ ภาคเรียนที่ ๒ ภายในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕6๖ แบบรายงานสภาพการใช้สารเสพติด ในสถานศึกษา ทั้ง ๒ ภาคเรียน ปีการศึกษา ๒๕6๕ แบบรายงานสภาพการใช้สารเสพติด ในสถานศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ แบบรายงานสภาพการใช้สารเสพติด ในสถานศึกษา ภาคเรียนที่ ๒
หน้า 41 ตัวบ่งชี้ที่ 2.4 : สถานศึกษามีการรายงานการสำรวจสภาพการใช้สารเสพติด/ยาเสพติด โรงเรียนได้จัดทำรายงานการสุ่มตรวจปัสสาวะ/การสังเกต สัมภาษณ์สอบถามการใช้สารเสพติด/ยาเสพ ติดของนักเรียน ผลคือนักเรียนโรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) ไม่พบ สภาพการใช้สารเสพติด/ยาเสพ ติดทั้งภาคเรียนที่ 1 – ภาคเรียนที่ 2 จากผลการดำเนินงานที่กล่าวข้างต้น โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุ ราษฎร์) สามารถแยกนักเรียนออกเป็น กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่มีปัญหา โดยนำข้อมูลของนักเรียนในกลุ่ม ต่างๆมาช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต อย่างเป็นรูปธรรม แบบรายงานระบบดูแลและติดตามการใช้สารเสพติดในสถานศึกษา (CATAS) ปีกำรศึกษา 256๕
หน้า 42 ตัวบ่งชี้ที่ 3.1 : สถานศึกษามีนโยบายในการบำบัดรักษาและส่งต่อหน่วยงานสังกัดกระทรวง สาธารณสุขหรือหน่วยงานอื่น โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) การกำหนดแนวทางและนโยบายในการ บำบัดโดยผู้บริหารมี การกำหนดนโยบาย แต่งตั้งคณะกรรมการำาเนินงาน ประชุมกำหนดขั้นตอนการ ดำเนินงานร่วมกันรักษากลุ่มเสพ ยากลุ่มเสพดังนี้ ➢ สร้างความตระหนักให้ทุกฝ่ายในสถานศึกษา ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ผู้เกี่ยวข้องว่า “ผู้ติดสารเสพติดเป็นผู้ป่วยที่ต้องการบำบัดรักษาที่ถูกต้องทั้งร่างกายและจิตใจ ➢ ประสานกับครอบครัวให้มีส่วนร่วมในการดูแลและแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพ ติด ➢ ดำเนินงานด้านจิตสังคมบำบัดในสถานศึกษาโดยการให้ครูและนักเรียนได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อ ผ่อนคลายความเครียดด้วยการทำสมาธิในช่วงเช้าก่อนขึ้นเรียน การเปิดเพลงเพื่อเป็นสัญญาณเตือนใน การ ทำเวร เขตที่รับผิดชอบ การแปรงฟัน ฯลฯ พร้อมกับให้ความรู้การเข้าสังคมอย่างมีความสุข ➢ มีคลินิกการให้คำปรึกษาโดยเป็นกิจกรรมรักการอ่าน ให้นักเรียนแกนนำ/ตัวแทนในแต่ละชั้นนำ เรื่องเล่า/กิจกรรมดีๆมาเผยแพร่ให้เพื่อนนักเรียนได้รับทราบผ่านการประชาสัมพันธ์หน้าเสาธงและให้นักเรียนที่มี ปัญหาด้านต่างๆ เข้าไปพักผ่อนหรือขอคำปรึกษาที่คลินิก ➢ ประสานงานกับเครือข่ายสร้างระบบการส่งต่อเกี่ยวกับการบำบัดรักษาเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ ประสบเหตุได้อย่างทันท่วงที โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) ได้ผลการคัดกรองนักเรียน 3 ปี ย้อนหลังตั้งแต่ พ.ศ.25๖๓-256๕ สามารถจำแนกได้ดังตารางต่อไปนี้ ปีการศึกษา จำนวนนักเรียนชั้น อนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ร้อยละของกลุ่ม ปกติ ร้อยละของกลุ่ม เสี่ยง ร้อยละของกลุ่มที่มี ปัญหา ๒๕๖๓ ๑๐๔๕ ๙๗.๕๕ ๒.๔๕ ๐ ๒๕๖๔ ๑๐๕๔ ๙๘.๘๒ ๑.๘๘ ๐ ๒๕๖๕ ๑๐๗๑ ๙๙.๑๓ ๐.๘๗ ๐ สรุปภาพรวม ๓ ปี ๙๘.๕๐ ๑.๗๓ ๐ มาตรฐานที่ 3 มาตรฐานด้านการรักษา
หน้า 43 คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานบำบัดรักษา
หน้า 44 ตัวบ่งชี้ที่ 3.2 : สถานศึกษามี “คลินิกเสมารักษ์” (จิตสังคมบำบัดในสถานศึกษา) โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์) มีขั้นตอนในการดำเนินงานคลินิกเสมารักษ์ (จิตสังคมบำบัด ในสถานศึกษา) ดังนี้ 1. จัดตั้ง “คลินิกเสมารักษ์” 2. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการงาน “คลินิกเสมารักษ์” 3. กำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน “คลินิกเสมารักษ์” 4. รายงานผลการดำเนินงาน คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน “คลีนิคเสมารักษ์
หน้า 45 ขั้นตอนการดำเนินงานศูนย์เสมารักษ์ โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์(ขันมาอนุราษฎร์) คลินิกเสมารักษ์ คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหารศูนย์ ตู้เสมารักษ์ คณะกรรมการคัดกรองเหตุการข่าวสาร ปัญหาสรุปส่งต่อ แกนนำให้คำปรึกษา เครือข่ายร่วมแก้ไข ครูที่ปรึกษาแก้ไข ตำรวจในโรงเรียนเรียน ดำเนินตามกฎหมาย สรุปผลเพื่อนำปัญหา ไปดำเนินการป้องกัน
หน้า 46 ร า ย ง า น ก า ร ด า เ นิ น ง า น จัด ตั้ง ค ลี นิ ค เ ส ม า รัก ษ์
หน้า 47 ที่ หัวข้อการประเมิน ผลการดำเนินงาน (ร้อย ละ) 1 นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตร 100 2 นักเรียนรู้จักเอื้ออาทรผู้อื่นและกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ 95 3 นักเรียนยอมรับความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่าง 100 4 นักเรียนตระหนัก รู้คุณค่า ร่วมอนุรักษ์ และพัฒนาสิ่งแวดล้อม 100 5 ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามีส่วนร่วมอนุรักษ์และพัฒนาสถานศึกษา 100 6 ลดปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดและอบายมุขทั้งในและนอก โรงเรียน 100 7 นักเรียนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 95 8 นักเรียนได้รับการเสริมภูมิคุ้มกันทางจิตใจ 100 9 นักเรียนได้ทำกิจกรรมหลากหลายจนเกิดความมั่นใจกล้าคิดกล้า แสดงออก อย่างเหมาะสม 100 10 นักเรียนและชุมชนร่วมกิจกรรมรณรงค์ ป้องกันต่อต้านยาเสพติดและ อบายมุข 100 รวม 990 คิดเป็นร้อยละ 99.00 สรุปรายงานผลการดำเนินงานคลินิกเสมารักษ์ (จิตสังคม) บำบัด)
หน้า 48 ตัวบ่งชี้ที่ 4.1 : สถานศึกษามีตู้แดงเสมารักษ์ (รับเรื่องปัญหายาเสพติดและอบายมุข) โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์) ได้จัดทำตู้เสมารักษ์ เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหา ยาเสพติดและอบายมุข โดยมีขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้ 1. มีตู้เสมารักษ์ เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหายาเสพติดและอบายมุข 2. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานการเฝ้าระวัง 3. จัดทำบันทึกการรับเรื่องราวปัญหายาเสพติดและอบายมุข 4. รายงานผลการดำเนินงานแก้ปัญหายาเสพติดและอบายมุข มาตรฐานที่ 4 มาตรฐานการเฝ้าระวัง แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานคลินิกเสมารักษ์และตั้งคลินิกเสมารักษ์
หน้า 49 การแจ้งเรื่องของนักเรียนผ่านตู้เสมารักษ์ของโรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์)
หน้า 50 ตัวบ่งชี้ที่ 4.2 สถานศึกษาดำเนินการจัดตั้งชมรม/ชุมนุมเสมารักษ์ป้องกันยาเสพติด โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ (ขันมาอนุราษฎร์) ดำเนินการจัดตั้งชมรม/ชุมนุม โดยได้ดำเนินการ ดังนี้ 1. ดำเนินการจัดตั้งชมรม/ชุมนุม 2. รับสมัครนักเรียน 3. มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดปีการศึกษา 4. บันทึกการจัดกิจกรรม 5. มีการสรุปรายงานผลการดำเนินงาน \ นักเรียนฝ่ายแกนนำทั้ง 4 ฝ่ายของทุกสายชั้นร่วมกันประชุม ปรึกษาหารือเกี่ยวกับ การตั้งชุมนุมเสมารักษ์ป้องกันยาเสพติดและการดำเนินงานนักเรียนไทยสุขภาพต้นแบบ