The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-10-22 09:50:27

รายงานศิลปะการแสดงโนรา

ศิลปะการแสดงโนรา

37

3. ร้องรวบคาแต่เร่งจังหวะ เพื่ออวดความสามารถของการร้องและการรา ให้เกิดความเช่ือมโยง
สอดคล้องกัน

4. ลูกค่รู บั
จากการศึกษาลักษณะการราทาบทเรื่องของการร้องของครูโนรา 5 ท่าน พบว่า การราโนราทา
บทนน้ั วธิ ีการรอ้ งจะมคี วามสาคัญต่อการราเป็นอยา่ งยิ่ง กล่าวคอื
1. ลักษณะการร้องจะเพิ่มความหลากหลายของท่ารา เช่น ในบทกลอน 1 คากลอน ถ้าร้องแยก
คาออกเป็น 4 วรรค ก็จะทาท่าทางได้ 4 ท่า แต่ถ้าหากร้องแยกคาเป็น 7 วรรค ก็จะทาท่าทางได้ 7 ท่า
(เนื่องจากในวรรคสดุ ทา้ ยนยิ มรอ้ งรวบคาไมน่ ิยมแยกจากกนั )
2. ลักษณะการร้องซ้าคา จะช่วยขยายท่าราหรือเปลี่ยนแปลงท่าราจากท่าหน่ึงไปอีกท่าหน่ึงหรอื
จากข้างหน่ึงไปอีกข้างหนึ่ง ทาให้ลักษณะท่ารามีการเคล่ือนไหวไม่ซ้าอยู่กับท่ี เช่น การเปล่ียนท่าหนึ่งไป
อีกท่าหน่ึง คาว่า “ใต้สน” คร้ังแรกอาจจะทาเป็นมือสองข้างประกบกันให้ปลายนิ้วชิดติดกัน ข้อมือแยก
ห่างกันพอประมาณ ตาแหน่งด้านหน้าระหว่างอก เมื่อร้องซ้าอีกครั้งท่ีสองอาจจะเปลี่ยนเป็นมือจีบปรก
หน้าแล้วเอามืออีกข้างหน่ึงมารองไว้ท่ีศอกหรือในการเปล่ียนข้างหน่ึงไปอีกข้างหนึ่ง คาว่า “ผันหน้า”
ร้องครั้งแรกอาจใช้มือซ้ายข้ึนป้องหน้า เม่ือร้องครั้งที่สองเปล่ียนเป็นยกมือขวาข้ึนป้องหน้า เป็นการสลับ
ข้างกัน
3. ลักษณะการร้องทวนกระชับจังหวะ จะทาให้ท่ารามีความกระฉับกระเฉงรวดเร็ว เกิดความ
ตื่นตาต่ืนใจและความสนุกสนาน เนื่องจากการร้องทวนจะเร่งจังหวะหน้าทับให้เร็วข้ึน ผู้ราจะทาท่าอย่าง
รวดเร็วเพื่อให้พอดีกับจังหวะหน้าทับ ที่เรียกว่า ลงทับลงกลอง ซึ่งการร้องทวนนี้จะแสดงให้เห็น
ความสามารถของผู้รา ถึงความเช่ียวชาญและชานาญในการราทาบท เน่ืองจากผู้ราต้องร้องและราเองใน
จังหวะท่ีเร็ว สามารถจะทาท่าทางได้พอดีกับบทร้องและท่าทางมีความสัมพันธ์กันอย่างสวยงาม การร้อง
จึงเป็นการทา ให้คนดูเกิดความต่ืนตาต่ืนใจในความหลากหลายและรวดเร็วจนทา ให้คนดูเกิดความ
สนกุ สนานประทับใจในการราทาบทของโนรา
2.6.3 วิธีการราโนราทาบท จากการศึกษาท่าราของครูโนรา 5 ท่าน จะเห็นได้ว่าลักษณะท่ารา
ที่นามาใช้ผู้ราไม่ได้คิดขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการหยิบยกท่าราโนราที่ผู้ราได้ส่ังสมมาตั้งแต่เร่ิมฝึกหัด และการ
สัง่ สมประสบการณ์ในการราโนรามาใช้ไดอ้ ยา่ งฉับพลัน

38

จากทมี่ าของท่าราท่กี ลา่ วถึง ผรู้ าโนราจะนาลกั ษณะของทา่ ตา่ ง ๆ มาใช้แตกตา่ งกันไปในครูแต่ละ
ท่าน และในแต่ละสถานท่ี โอกาส ของการแสดงโนรา จึงทาให้ลักษณะท่าของการราโนราทาบทมีความ
หลากหลาย ซ่ึงการใช้ท่าทางตา่ ง ๆ น้ันมีเกณฑ์ในการคัดเลือกท่ารา ดังนี้

1. ใช้ลักษณะการพ้องคา พ้องเสียง ในการราทาบทโนรานั้นจะใช้ภาษาท้องถิ่นเป็นหลักใน
การร้อง การใช้สาเนียงท้องถิ่นชาวใต้น้ันไปพ้องกับสาเนียงเสียงในภาษากลาง โนราก็จะนาเอาท่าที่มี
ความหมายตรงกับคาพ้องน้ันมาใช้ได้ เช่น คาว่า “สี” ทาท่าถูมือ แต่จะพ้องกับคาว่า “ส่ี” ซ่ึงออกเสียง
ในสาเนียงท้องถิ่นว่า “สี” โดยผู้ราจะทาท่ายกน้ิวข้ึนมาสี่น้ิวและยังพ้องกับคาว่า “ศรี” ท่ีแปลว่า
“สง่าราศรี” โนราก็จะทาท่ามอื ซ้ายหงายขึ้นท่าบวั บาน มอื ขวาวางทข่ี าขวา ยอ่ เข่าลงให้ขาขวาไขว่ห้างบน
ขาซ้าย ซึ่งลักษณะเหล่านี้ผู้ราโนรา จะนามาใช้มากจึงทาให้ลักษณะท่าราของการราทาบทเกิดความ
หลากหลายและร่ารวยทา่ ทางในการราเปน็ อยา่ งมาก เปน็ ตน้

2. ความสามารถพิเศษของผู้ราโนรา ในการท่ีจะเลือกท่าทางต่าง ๆ ที่นามาใช้ในการตีบทโนรา
ต้องคานึงถึงความสามารถของผู้ราโนราเองด้วยว่าสามารถทาท่าทางต่าง ๆ ในกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นได้
หรือไม่ และสามารถทาท่าทางในกลุ่มไหนได้ดีท่ีสุด โนราก็จะนาท่าทางน้ัน ๆ มาใช้ เช่น ผู้ท่ีมี
ความสามารถในการราโนราตัวอ่อน จะนาท่าโนราตัวอ่อนมาใช้ถ้ามีบทที่กล่าวถึง หิน ต้นไม้ หอย หรือปู
ซง่ึ ท่าโนราตวั อ่อนสามารถนามาใช้ในการทาบทได้ ถ้าหากผู้ทีไ่ ม่มีความสามารถในทา่ โนราตวั อ่อน อาจนา
ทา่ สัญลักษณ์หรือแม่ทา่ โนรามาใชแ้ ทน โนราบางคนอาจราไม่เก่งกจ็ ะเน้นการร้องในจังหวะกระชับรวดเร็ว
แต่ใชท้ า่ ซ้า ๆ กนั แทนก็ได้ (สมโภชน์ เกตแุ ก้ว, สรุ พล วิรุฬหร์ ักษ์ และพีระ พนั ลกู ท้าว, 2559 : 184-187)

2.7 เพลงการรอ้ งและการรบั
เพลงของโนราท่ีบรรเลงประกอบบทร้องจะมีจังหวะลีลาแตกต่างกันไป ตามลักษณะของบทร้อง

และลีลาการขับรอ้ งของลกู คู่
กลอนโนราเป็นบทร้องท่ีคณะโนราใช้ร้องเพ่ือประกอบการแสดงโนราคณะใดก็ตามจะมีช่ือเสียง

เด่นดังได้จะต้องมีบทร้องท่ีดี ซ่ึงหมายถึงมีบทกลอนไพเราะ สัมผัสดี เน้ือความดีท่วงทานองการขับบทดี
เมอ่ื ผ้ชู มฟงั แลว้ ตดิ อกติดใจ บทรอ้ งหรือบทขับของโนราแยกได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1. บทร้องประกอบท่ารา คือ บทกลอนที่โนราใช้ขับโดยมีท่าราประกอบไปด้วย บทร้องเหล่าน้ี
โนราแต่ละคณะจะขับแตกต่างกนั ออกไป แลว้ แต่ความถนดั หรอื ไดร้ บั การถา่ ยทอดมาไม่เหมือนกนั

39

2. บทร้องท่ีไม่มีท่าราประกอบ คือ บทโนราท่ีขับบทกลอนอย่างเดียว โดยไม่ได้มีท่าราประกอบ
บทเหลา่ นไ้ี ดแ้ ก่

2.8 ลาดับในการแสดงโนรา
ลาดับการแสดงโนราทุกคณะจะต้องมีลาดับขั้นตอนในการแสดงคือ การต้ังเครื่อง การโหมโรง

การกาดครูหรอื เชิญครู การปลอ่ ยตัวนาง (รา) ออกรา การออกตวั นายโรง การออกพราน และการเล่นเปน็
เรื่อง ขั้นตอนดังนี้

1. การตั้งเคร่ือง หมายถึง การประโคมดนตรีเพื่อเตรียมความพร้อมของเคร่ืองดนตรีท้ังยังได้
ตรวจสอบว่ามีเครื่องดนตรีและจุดประสงค์หลกั อีกอย่างหน่ึงในการตั้งเครื่องก็เพ่ือเป็นการประชาสัมพันธ์
ใหผ้ ชู้ มทราบว่าคณะโนราไดม้ าถึงโรงแสดงและพร้อมที่จะแสดง

2. การโหมโรงเป็นการประโคมดนตรีเพื่อแสดงฝีไม้ลายมือของนักดนตรี มีจุดประสงค์เพื่อเตือน
ใหท้ ราบวา่ ขณะนีใ้ กล้จะถึงเวลาแสดงแลว้

3. การกาศครูหรือเชิญครู หมายถึง การขับร้องบทกลอนเพ่ือสรรเสริญพระคุณครูและยงั เป็นการ
ขอสถานที่แสดงต่อสิง่ ศกั ดสิ์ ิทธ์ทิ ั้งหลาย

4. ปล่อยตัวนาง (รา) ออกเป็นการแสดงความสามารถเชิงร่ายราของนาง (รา) ก่อนท่ีนายโรงจะ
ออกแสดงอาจจะออกราตั้งแต่ 1-5 คน ก็ได้ แต่ละคนจะมีข้ันตอนดังน้ี เกี้ยวม่านออกแสดงตัว น่ังพนัก
วา่ กลอน ราอวดมืออกี ครัง้

5. ออกตัวนายโรงหรือโนราใหญ่
6. ออกพรานเป็นการเปิดตวั ตลกของคณะโนราน่นั เอง
7. การเล่นเป็นเรื่อง เป็นการการจับเอาเร่ืองราวบทหรือตอนใดตอนหนึ่งของนิยายหรือ
วรรณกรรมมาเล่นเปน็ ละคร

2.9 เร่อื งท่นี ยิ มแสดง
โนราไม่นิยมท่ีจะเล่นเป็นเร่ือง เร่ืองที่นามาเล่นจึงมักใช้เร่ืองท่ีรู้กันดีอยู่แล้ว เช่น เรื่องพระรถ

เรือ่ งพระสุธน สังขท์ อง สนิ นุราช ไกรทอง เป็นต้น
ปัจจุบันโนราบางคณะนาเอานวนิยายสมัยใหมม่ าแสดง เนน้ การเดินเรือ่ งแบบละครพูดจนแทบจะ

ไม่มีการราและการรอ้ งบท



บทที่ 3
คณุ ค่าของศลิ ปะการแสดงโนราท่มี ีตอ่ มนุษยแ์ ละสงั คม

คุณค่าของโนราที่ศึกษาประกอบด้วย 6 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้านสุนทรียศาสตร์
ด้านจริยศาสตร์ ด้านหัตถศิลป์ และด้านวรรณศิลป์ ส่วนการสืบทอดโนราเพื่อการดารงอยู่ของวัฒนธรรม
พ้ืนบ้านกรณีศึกษาโนรายก ชูบัว มีทั้งส้ิน 3 รูปแบบ คือ การสืบทอดผ่านการศึกษาในระบบ การศึกษา
นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย องค์ประกอบท่ีศึกษาประกอบไปด้วย ด้านผู้เรียน ด้านวิธีสอน
และดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้

3.1 คณุ ค่าด้านรา่ งกาย
การฝกึ โนราจะช่วยทาสรรี ะแขง็ แรง ระบบไหลเวยี นเลอื ดดี ปราศจากโรคภยั ไข้เจบ็ มีรปู รา่ งกายา

บึกบึนเป็นที่น่าเกรงขาม แข็งแรง ทนทาน มีความคล่องแคล่วว่องไวที่จะประกอบภารกิจประจาวันให้
ลุล่วงไปดว้ ยดี นอกจากนีแ้ ลว้ ยังก่อให้เกดิ การพฒั นาทางด้านจติ ใจและอารมณ์ควบคู่กนั ไปด้วย จากทักษะ
การใช้เกลียวข้างบังคับและเคลื่อนไหวร่างกายท่อนบน จะทาให้การราสวยงามย่ิงข้ึนโดยหัวไหล่จะ
เคล่ือนไหวตามไปเองท้ัง ๆ ท่ีอยู่น่ิง ๆ ส่วนคอนั้นต้องตั้งตรงตลอด เป็นลักษณะการลอยหน้า จะต้องทา
ตง้ั แตก่ ระดกู คอต่อท่อนบนทส่ี ดุ ข้นึ ไป ซึง่ เปน็ การเคลื่อนไหวของกระดกู

“กล้ามเนื้อที่แข็งแรง เป็นกล้าม” เป็นผลพลอยได้จากราโนรา สาเหตุหลักมาจากการร่ายราเป็น
การออกกาลังกายวิธีหนึ่ง การใช้กล้ามเนื้อขา แขน คอ บ้ันเอว ไปพร้อม ๆ กันเป็นการสร้างกล้ามเน้ือใน
การเคลื่อนไหวต่อร่างกายทุกสัดส่วนและการออกกาลังกายตามภูมิปัญญาไทย เช่น การร่ายรา การเต้น
แอโรบิค โยคะ ฤษีดัดตน ส่งผลต่อวิถีชีวิตและการออกกาลังกายของคนในชุมชนเพื่อพัฒนาและสร้าง
สาธารณสุขของมนุษย์ ทาให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงสามารถบาบัดและควบคุมโรคประจาตัวได้ ทาให้
สนุกสนาน เพลิดเพลินผอ่ นคลายความเครียด

41

3.2 คุณค่าดา้ นจติ ใจ
ทาให้มีสมาธิดี จิตใจได้ผ่อนคลาย ช่วยยกระดับจิตใจให้สูงข้ึน มีจิตใจท่ีละเอียดอ่อน สิ่งท่ีสาคัญ

การเรียนรู้โนราช่วยทาให้จิตใจเราลึกซ้ึงในบรรพบุรุษมาก ไม่วอกแวกต่อสิ่งต่าง ๆ ที่รบเร้าวุ่นวายอยู่
ภายในจิตใจภายในหัวสมองก็จะถูกขจัดไป ซ่ึงส่วนท่ีขัดเกลาจิต คือ กลอนโนรา คาร้อง และคาสอน
ท่ีสามารถสอนเด็ก ๆ ให้เข้าถึงในเร่ืองของคุณธรรม จริยธรรม ซ่ึงน่ันหมายความว่าเด็กจะมีความเลื่อมใส
และความศรทั ธาตอ่ โนราเป็นการใช้โนรากล่อมเกลาจติ ใจทง้ั ผชู้ มและผแู้ สดง

คุณค่าด้านจิตใจช่วยขัดเกลาจิตใจให้มีความละเอียดอ่อนต่อตัวผู้ชมและตัวผู้แสดง ทาให้ผ่อน
คลายความเครียด ศาสตร์ทางแพทย์พ้ืนบ้านก่อให้เกิดความเลื่อมใสและความศรัทธา ที่ได้กลั่นกรองออก
มากจากความคิด จิตสานึก ทาให้มีสมาธิ สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ การราโนรา การบนบานล้วน
แล้วแต่เป็นส่ิงยึดเหนี่ยวจิตใจทั้งสิ้นของชุมชนชนบท เป็นการไหว้ครูหมอตายายโนราเพื่อเหยียบเสน
ตัดจุกทง้ั สน้ิ เพ่ือเป็นเชอ้ื เชญิ ครเู ทพทัง้ ปวงให้มาสถติ อยู่ในจติ ใจ

3.3 คุณคา่ ทางดา้ นสุนทรยี ศาสตร์
สัมผัสไดจ้ ากทา่ ราทส่ี งา่ งามทรงพลงั แฝงดว้ ยคตธิ รรมความเชื่อและภมู ิปญั ญา และดนตรีท่ีมี

ทว่ งทานองกระฉบั กระเฉงเร้าใจ ดังน้ี
3.3.1 ช่วงลาตัว จะต้องแอ่นอกอยู่เสมอ หลังจะต้องแอ่นและลาตัวยื่นไปข้างหน้า ไม่ว่าจะรา

ท่าไหน หลังจะตอ้ งมีพ้ืนฐานการวางตัวแบบน้ีเสมอ ถงึ จะเรยี กว่า “หน้าเชดิ อกแอน่ ”
3.3.2 ช่วงวงหน้า วงหน้าหมายถึงส่วนลาคอจนถึงศีรษะ จะต้องเชิดหน้าหรือแหงนข้ึนเล็กน้อย

ในขณะราอยู่ตลอดเวลา
3.3.3 การตงั้ วง ของโนราเปน็ วงและรศั มจี ะต้องไดเ้ หลยี่ มพอดี ไม่มีความออ่ นชอ้ ยเหมอื นการตั้ง

วงของนาฏศิลปไ์ ทย ไมม่ ีการหกั ขอ้ ศอกแต่อย่างใดแตจ่ ะตอ้ งกางแขนเพ่ือให้ได้ฉาก 90 องศา ประกอบกับ
ลกั ษณะเพลง การตีทับท่เี ปน็ ทานองเพลงทีเ่ รว็

3.3.4 ท่าไหว้ ท่าไหว้โนราจะต้องแสดงออกถึงการตั้งฉาก ฉากจะต้องได้มุม 90 องศา
แต่ลักษณะการไหว้ของโนราน้ันจะต้องได้มุมท่ีเสมอกัน ซ่ึงนับว่าเป็นความงามรูปแบบเฉพาะตัวของโนรา
ซ่ึงจะแตกต่างจากท่าไหวข้ องนาฏศลิ ป์ไทยทม่ี ีความอ่อนชอ้ ยงดงาม

3.3.5 การย่อตัว การย่อตัวเป็นส่ิงสาคัญอย่างย่ิง การราโนราน้ันลาตัวหรือทุกส่วนจะต้องย่อลง
เล็กนอ้ ย นากจากย่อตวั แล้วเข่าจะตอ้ งย่อตามไปดว้ ย เป็นความงามทีต่ ่างจากนาฏศิลป์โดยสนิ้ เชิง

42

3.3.6 การลงฉาก จะต้องได้เหล่ียมที่สวยงามเหมือนเหลี่ยมของโขนพระ ยักษ์ ลิง ซึ่งแสดงออก
ถึงความแข็งแรง ม่ันคงของรากฐานท่ีเป็นท่ีพยุง และการรับน้าหนัก ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างม่ันคง
เนื่องจากการลงฉากเป็นการบ่งบอกถึงรากฐานท่ีแข็งแรงและมั่งคงส่วนก้น จะต้องงอนเล็กน้อย
ช่วงสะเอวจะตอ้ งหักจึงจะทาให้แลดสู วยงามตามแบบฉบับพ้นื ฐานการราโนรา

ความงามทางด้านเครื่องประดับและเครื่องแต่งกาย เป็นจุดเด่นที่สามารถสร้างเอกลักษณ์
เฉพาะตัว เช่น การเลือกใช้ “เคร่ืองลูกปัด” มาเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถหาได้ง่ายในปัจจุบนั เห็นได้จาก
สีสนั ทฉี่ ูดฉาดเปน็ ความงามอย่างถอ่ งแท้ของนาฏศิลป์พนื้ บา้ น

คุณคา่ ด้านสนุ ทรยี ศาสตร์ ความงามทางทา่ ราเปน็ ความสวยงามตามศาสตรค์ รูหมอโนรา เป็นการ
แสดงออกผ่านอารมณ์ที่หนักแน่น ขึงขัง มีความแตกต่างจากนาฏศิลป์ไทยโดยสิ้นเชิง สุนทรีย์ของโนรา
เป็นการแสดงออกโดยการใช้เสียงและการสร้างสรรค์งานให้เหมาะกับเสียงขับร้อง ออกมาในรูปแบบของ
“ท่ารา” ทมี่ ีบทบาทหนา้ ทตี่ ่อสังคมด้านนันทนาการและอาจจะเป็นเพราะวา่ โนรานนั้ ได้รับอทิ ธพิ ลมาจาก
โนราชาตรีมาก่อน จึงทาให้ท่าทางติดอยกู่ ับโขน เช่น การลงฉากในแบบของโนราจะต้องได้มุมและเหลยี่ ม
ที่สวยงาม โดยท่านาฏศิลป์ไทยนั้นจะต้องอ่อนช้อย อรชร อ้อนแอ้น ความงามจากชุดเครื่องลูกปัดโนรา
และเคร่ืองประดับทาให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ่งบอกความเป็นนาฏศิลป์พ้ืนบ้านอย่างแท้จริง
ด้วยการเล่นสีสันผา่ นลูกปดั ท่ีเรยี งร้อยออกมาและ “เทริด” ตามโบราณน้ันถือวา่ เป็นมงกุฎกษัตริย์ท่สี ูงส่ง
ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากการลงรักปิดทองประดับประดาไปด้วยกระจกที่วิจิตรและงดงามเป็นสุดยอดของการ
สร้างสรรค์และสอดคล้องกบั “พิธีไหว้ครโู ขนละคร” ท่ใี ชเ้ ทรดิ มาประกอบในพิธี เนอ่ื งจากเทริดนนั้ เป็นครู
ต้นของการละครไทยท้งั ปวง

3.4 คณุ คา่ ทางด้านจริยศาสตร์
เป็นการสอนผ่านบทกลอนโนราที่สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ทาให้ผู้เรียนเกิดการตระหนัก

หยั่งรู้ นาไปสู่การยกระดับจิตใจเพ่ือเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ บทกลอนโนราสามารถใช้เป็นการโน้มน้าวใจให้
เกิดความรู้สึกซาบซ้ึง ปลาบปลื้ม โดยการสะท้อนผ่านมุมมองและการไหว้ครูโนรา เป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์และ
สาคัญยิ่งต่อผู้ที่เรียนโนรา ปัจจุบันกลายเป็น “วัฒนธรรมครู” ในที่สุด โดยมีการแสงดออกถึงการเคารพ
บชู า เทพเทวดาและบรรพบรุ ษุ ที่ล่วงลับไปแล้ว

43

พบไดจ้ ากกลอนโนรา สว่ นใหญ่นั้นเป็นกลอนแปด เนือ้ หาในบทกลอนมแี ง่คดิ เกี่ยวกับคติธรรม คา
สอน สอนในเร่ืองของการทาความดีละเว้นความชั่ว โนราเป็นนาฏศิลป์พ้ืนบ้านช้ันสูงองค์ประกอบ
ทุกส่วนจะต้องมีแต่สิ่งท่ีสูงส่ง ดีงามและเป็นสิริมงคลต่อตัวผู้แสดงและผู้ชม ตลอดจนพิธีไหว้ครูโนรา
เพ่ือราลึกถึงบรรพบุรุษผู้ประสิทธป์ิ ระสาทวิชาความรู้ เป็นการแสดงออกทางวฒั นธรรมการไหว้ครู การรา
หรือการประกอบพิธีกรรมอันดีงามท่ีมีความศักดิ์สิทธ์ิตามรูปแบบความเช่ือของคนโบราณนั้น ส่งผลต่อ
จิตใจผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก ทาให้ผู้ท่ีเคารพเชื่อพึงกระทาแต่ความดีงามและเป็นสิ่งยึดเหน่ียวจิตใจ
ของผ้ทู ่ไี ด้ประกอบพธิ ีอันสงู สง่ น้ี

3.5 คุณค่าทางด้านหตั ถศิลป์
เห็นได้จากเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับท่ีมีสีสันฉูดฉาด สร้างสรรค์เป็นงานศิลป์เฉพาะตัว

เคร่ืองแต่งกายโนราส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือ ท้ังหมดทาขึ้นเพ่ือประโยชน์ใช้สอยเป็นสาคัญ เสริมสร้าง
จินตนาการทางดา้ นความคดิ ทอี่ อกแบบในดา้ นรูปทรง ลวดลาย สีสัน ความละเอยี ด ประณีตตลอดจนการ
คานึงถึงความรู้สึกไปสู่ผู้ชมการแสดงเกดิ การประดษิ ฐ์และการทาด้วยมือ เป็นงานหัตถศลิ ปอ์ ยา่ งแทจ้ ริง

คุณค่าด้านหัตถศิลป์ เกิดจากผลงานท่ีประณีตบรรจงพิถีพิถันผ่านการสร้างสรรค์ในรูปแบบของ
เครื่องแต่งกายโนรา จากการกระทาด้วยฝีมือของช่างศิลป์เพื่อประโยชน์ใช้สอย การเลือกองค์ประกอบ
แต่ละช้ินส่วนน้ันได้มีการพัฒนาไปตามยุคตามสมัย ผ่านกระบวนการลองผิดลองถูก จากการนาเปลือก
หอย ลูกแก้วมาทาชุดเคร่ืองโนรา ปัจจุบันน้ันได้มีวิวัฒนาการนาลูกปัดมาใช้แทน เนื่องจากบริเวณพื้นท่ี
ภาคใต้เป็นแหล่งขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ของลูกปัดมากมายมหาศาล ก่อให้เกิดการสืบทอดความรู้
ความชานาญจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหน่ึง การใช้วัสดุหรืออุปกรณ์มาเป็นเครื่องมือในการประดิษฐ์ต้อง
สะดวกในการจัดหามีความสวยงาม ตลอดจนสามารถนามาซ่อมแซมง่าย ถ้าหากมีการแตกหักชารุด
เสียหาย” จะเห็นว่า เครื่องแต่งกายโนราจะสะท้อนให้ผู้ทาเกิดความตระหนัก หวงแหน หยั่งรู้ในส่ิงที่ตน
ได้ประดิษฐ์ รู้จักการรอคอย รู้ถึงคุณค่าในส่ิงที่ตนได้มา สภาพแวดล้อมบริบทสมัยก่อนนั้น ไม่มีสิ่งที่
เอ้ืออานวยมากเหมือนสมัยนี้ ช่างศิลป์จึงเป็นผู้ท่ีมีความอดทน อดกล้ัน รู้จักการการรอคอยและเกิดความ
ภูมิใจในการสร้างสรรค์งานศิลป์ที่ตนนั้นได้สร้างขึ้น “ชุดเคร่ืองลูกปัดโนรา” สะท้อนให้คนในชาติเห็น
สภาพภูมิศาสตร์ของทอ้ งถิน่ ใต้ ความเปน็ อยู่ นามาซง่ึ เอกลกั ษณแ์ ละเป็นมรดกของชาติไทย

44

3.6 คุณคา่ ทางด้านวรรณศลิ ป์
วรรณกรรมโนรา ช่วยทาให้ผู้ฟังเกิดการตระหนัก การซาบซ้ึงในวัฒนธรรมภาษาของตนเอง

สามารถเข้าถึงไดง้ ่ายกว่าภาษากลางเป็นการอนุรักษภ์ าษาใต้ การใช้ถอ้ ยคาภาษาผสมผสานไปด้วยธรรมะ
และความดี สะท้อนให้เห็นความเชื่อความศรัทธาของชนชาวใต้ ใช้คาท่ีมีเสียงเสนาะ มีการย้าคา ใช้คาท่ี
ก่อใหเ้ กดิ ความรู้สกึ คล้อยตาม ใช้คาทีม่ คี วามหมายกระชบั ชัดเจน ตรงตัว เหน็ ได้จากหลากหลายบทกลอน
ในโนราส่วนใหญ่เปน็ กลอนแปด

การใช้ภาษาที่ผสมผสานไปด้วยคติธรรม คาสอน มุ่งเน้นหลักการสอนความดี สะท้อนให้เห็น
ความเชื่อความศรัทธาของศิลปะและวัฒนธรรมใต้ ผู้อ่านได้อารมณ์และมโนภาพตามบทกลอน ความเป็น
เลศิ ในการสรรคาน้นั จะต้องทาให้ผู้อ่านเกดิ มโนภาพตาม สรา้ งอารมณ์สะเทอื นใจใหม้ ีความสมจริง มีความ
โดดเด่นแปลกใหม่ตามลาดับความคิดอย่างมีชนั้ เชงิ การว่ากลอนโนราส่วนใหญ่น้ันเปน็ การวา่ กลอนท่ีเปน็
ภาษาทอ้ งถิ่น (ภาษาใต)้ จะสอดคลอ้ งกบั บริบทสมัยก่อนท่ีมวี ิถีชวี ิตทีเ่ รยี บงา่ ยอยู่กนั แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย
รักและผูกพันกับสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ห่างไกลจากสังคมเมืองแต่ไม่ได้มีความเดือดร้อนและอยากมี
อยากได้ การสรรคาจากวรรณศิลป์จะดาเนินตามบริบทพื้นบ้านแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ชนชาวใต้อย่าง
แทจ้ ริง สว่ นมากใชก้ ลอนแปดเปน็ การเขียนเชิงสร้างสรรค์และอัจฉริยะทางดา้ นภาษาของนักเขยี นสมัยเก่า
ที่ได้สร้างวรรณศิลป์ที่มีคุณค่าสู่สังคมร่วมสมัย ตลอดจนรูปแบบหรือขนบในการแต่งบทกลอน สามารถ
สังเคราะห์ออกมาเพื่อเป็นแนวทางสาหรบั นักเขียนรุน่ ใหม่ได้ เป็นการจรรโลงชวี ิตและขัดเกลาใหผ้ ู้อ่านให้
มีจิตใจละเอียดอ่อน รับและสะท้อนความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ตลอดจนไปสู่ด้านคุณธรรม
จรยิ ธรรม (พทั ธานันท์ สมานสขุ และพรทิพย์ อันทวิ โรทยั , 2559 : 412-417)



บทท่ี 4
การปรับตัวของรูปแบบการแสดงโนราเพอื่ การดารงอยู่

4.1 พัฒนาการเชงิ ประวัติศาสตร์ของการแสดงโนรา
โนราเป็นการแสดงพ้ืนบ้านที่สาคัญของภาคใต้มาแต่อดีต โดยเฉพาะในบริเวณภาคใต้ตอนล่าง

ในจังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา โนรานับว่ามีบทบาทอย่างมากมาตั้งแต่อดีตไม่ว่าจะในฐานะนาฏศิลป์
พื้นบ้าน การแสดงพื้นบ้านหรือการละเล่นพื้นบ้านเพราะการแสดงดังกล่าวต่างก็มีบทบาทต่อสังคม
โนราเป็นการแสดงท่ีอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะด้านความบันเทิงที่โนราให้กับสังคมเรื่อยมา
นอกจากน้ันยังมีความสาคัญในฐานะเป็นแหล่งให้ความรดู้ ้านคุณธรรมจริยธรรม สร้างความสามัคคีควบคู่
กับวิถีความเชื่อของชาวบ้านในเรือ่ งของการบูชาผบี รรพบุรุษ โนราจึงมีฐานะในการอบรมส่ังสอนเรื่องราว
ต่าง ๆ สู่ชาวบ้านในรูปแบบของความบันเทิง อีกทั้งยังตอบสนองความเช่ือที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมกับ
วถิ ขี องคนในสงั คมเรอื่ งความกตญั ญู

โนรามีอิทธิพลต่อผู้คนในสังคมเป็นอย่างมากในฐานะการละเล่นพื้นบ้านทั้งด้านความเช่ือ และ
ด้านความบันเทิง ในด้านความเชื่อเป็นความเช่ือที่เกี่ยวกับครูหมอโนราซ่ึงเช่ือว่าครูหมอโนราหรือตายาย
โนรามีความผูกพันกับลูกหลานและผู้มีเช้ือสายโนรา ลูกหลานจึงต้องเคารพบูชาในฐานะผีบรรพบุรุษ
โดยเช่ือว่าครูหมอโนราหรือตายายโนราจะคอยปกปักรักษาลูกหลานทานายทายทัก รักษาโรคภัยไข้เจ็บ
ในด้านความบันเทิงโนราเป็นการละเล่นพ้ืนบ้านที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในสังคมภาคใต้
เป็นมหรสพที่ให้ความบันเทิง มกี ารสอดแทรกความรู้และข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบนั ใหผ้ ู้ชมอีกทง้ั มีบทบาท
ในการสรา้ งความสามคั คใี ห้คนในท้องถิน่ เป็นอันหนง่ึ อนั เดียวกนั

สามารถจาแนกพฒั นาการเชิงประวตั ิศาสตรข์ องการแสดงโนรา ออกเป็นประเด็นหลกั คือ
4.1.1 ด้านความเชื่อและพิธีกรรม พิธีกรรมเป็นผลมาจากจากคติความเช่ือของมนุษย์ เม่ือเช่ือ
ในสิ่งใดก็มักจะให้ความศรัทธา และบนบานเพ่ือขอความช่วยเหลือจากสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าส่ิงดังกล่าวจะ
อานวยประโยชน์ให้หรือไม่ก็ตาม และกลายเป็นพิธีกรรมเพื่อความศักดิ์สิทธ์ิในสิ่งที่ตนนับถือ
อันเนื่องมาจากคติความเชื่อในอานาจเหนือธรรมชาติ ความเช่ือและพิธีกรรมมีอิทธิพลอย่างมากต่อ
ความคิด พฤติกรรม และวิถีการดารงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งมนุษย์จะต้องทาพิธีกรรมต่าง ๆ เพ่ือให้สิ่งน้ัน
บันดาลส่ิงท่ีมนุษย์ต้องการ นอกจากน้ีเมื่อมนุษย์มีการยอมรับนับถือศาสนาแล้ว มนุษย์ได้จัดทาพิธีกรรม
โดยมีเป้าหมายคลา้ ยคลงึ กนั คือ ความสบายใจและการมีกาลงั ใจ ความเชอ่ื ม่นั เชน่ นี้เปน็ เคร่อื งทห่ี ล่อเลย้ี ง

46

ใจและกาย หากขาดส่ิงน้ีแล้วชีวิตก็คงดารงอยู่เหมือนป่วยเสียคร่ึงหนึ่ง ป่วยเพราะความกังวลและความ
ระแวง เป็นต้น ด้วยเหตุน้ีพิธีกรรมจึงเป็นท้ังอาหารและยาสาหรับจิตใจและอารมณ์ของมนุษย์เพื่อให้เกิด
ความสบายใจ มีจิตใจม่ันคง มีขวัญและพลังใจท่ีดี เพราะมีพิธีกรรมอันเนื่องมาจากคติความเช่ือของตน
เป็นเครื่องยึดเหน่ียวจิตใจรวมท้ังเป็นส่ือที่รวมจิตใจของคนในสังคมให้ผสานเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน
ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั บทบาทดา้ นความเช่อื ของโนรา

ความเชื่อถือเป็นบทบาทท่ีสาคัญย่ิงของโนรา การแสดงของโนรานอกจากจะเป็นการสืบทอด
วัฒนธรรมประเพณี การแสดงพื้นบ้านท่ีมีประวัติความเป็นมายาวนาน และตอบสนองความเช่ือท่ีสืบทอด
มาจากบรรพบุรุษแล้ว โนรายังมีความสัมพันธ์กับความเชื่อในสังคมท่ีเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมที่เรียกกันว่า
“โนราโรงครู”

โนราโรงครู เป็นการละเล่นพ้ืนบ้านมีความสัมพันธ์ท่ีเกิดจากการมารวมกลุ่มกันเพ่ือประกอบ
พิธีกรรมทางความเช่ือและความศรัทธาร่วมกัน การที่สมาชิกของสังคมมีความเช่ือทางศาสนาเหมือนกัน
มีผลทาให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันข้ึนภายในสังคม พิธีกรรมทางความเชื่อที่เก่ียวข้องกับชุมชน
คือ พิธีกรรมโนราโรงครู จะมีบทบาทสาคัญในการที่ทาให้ชาวบ้านต่างมีความรู้สึกร่วมกันเป็นอันหน่ึง
อันเดียวกัน นามาซ่ึงความเป็นหน่ึงเดียวและสัมพันธภาพในสังคมเป็นการจัดระบบความสัมพันธ์ทาง
เครือญาติของชาวบ้านภาคใต้ โดยอาศัยความเช่ือเรือ่ งครูหมอโนราพิธีกรรมในโนราโรงครูมีส่วนสาคัญใน
การอนุรักษ์การแสดงโนรา โดยเฉพาะการสืบทอดการราโนรา นอกจากน้ีพิธีกรรมที่ทากันในโนราโรงครู
ถือว่าเป็นพิธีกรรมที่ศักด์ิสิทธิ์ เช่น พิธีครอบเทริดหรือผูกผ้าใหญ่แล้วสามารถเป็นโนราใหญ่หรือนายโรง
โนราและประกอบพิธีกรรมในโนราโรงครูต่อไปได้ อันเป็นการสืบทอดจากคนรุ่นหน่ึงไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง
จึงเป็นอีกบทบาทและหน้าทหี่ น่ึงของศิลปินท่ีมตี ่อผู้คน

ในสังคมในการทำหน้าท่ีช่วยเหลือในการแก้ปัญหาพ้ืนฐานของสังคมทั้งการบำบัดอาการทางจิต
และทางกายภาพ เช่น การบน การแกบ้ น การรกั ษาอาการป่วยไข้ พธิ โี นราโรงครูแบ่งได้ออกเปน็ 2 ระดับ
คอื โนราโรงครสู ายตระกลู และโนราโรงครูรวมของท้องถิ่น

1. โนราโรงครสู ายตระกูล เป็นการประกอบพิธกี รรมโนราโรงโรงครูท่ีจดั ข้ึนภายในสายตระกูล
เพ่ือเชิญวิญญาณหรือผบี รรพบรุ ุษ ซ่ึงเรียกว่า ตายายโนราหรือครูหมอโนรา มายังโรงพิธีเพื่อรับการสังเวย
รับของแก้บน ทำนายทายทัก รักษาความเจ็บไข้ของลูกหลาน และเพื่อครอบเทริดตัดจุก ผูกผ้าแก่โนรา
รุ่นใหม่ “โนราโรงครูสายตระกูล” เป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวกับความเช่ือท่ีมีบทบาทต่อความสัมพันธ์ของคนใน
ครอบครัว โดยมีฐานความเชื่อว่าบรรพบุรุษท่ีตายไปแล้วแท้จริงนั้นไม่ได้ไปไหน แต่ยังคงปกปักรักษา
ลูกหลานให้ปลอดภัย มีความม่ันคงในชีวิต โดยในทุก ๆ ปีตายายโนราจะได้พบลูกหลานปีละครั้งโดยผา่ น
พิธีกรรมโนราโรงครู

47

2. โนราโรงครูรวมของท้องถิ่น เกิดมาจากการรวมตัวของความเชื่อและศรัทธาในโนราโรงครู
สายตระกลู เม่อื หลาย ๆ ตระกูลรวมกันจึงเกิดเปน็ โนราโรงครูสาธารณะ เพราะพธิ โี นราโรงครูของท้องถ่ิน
ส่วนใหญ่จะใช้วัดเป็นศูนย์กลาง วัดจึงกลายเป็นพื้นที่ทางสังคมของลูกหลานตายายโนรามาประกอบพิธี
ร่วมกนั

การเลน่ โนราเพ่ือประกอบพิธีกรรมโนราโรงครเู ป็นความสัมพันธ์ทเ่ี กิดจากการมารวมกลุ่มกันเพ่ือ
ประกอบพิธีกรรมทางความเช่ือและความศรัทธาร่วมกัน การท่ีสมาชิกของสังคมมีความเช่ือทางศาสนา
เหมือนกันมีผลทาให้เกิดความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันข้ึนภายในสังคม พิธีกรรมทางความเชื่อที่เก่ียวข้อง
กับชุมชน คือ พิธีกรรมโนราโรงครู จะมีบทบาทสาคัญในการที่ทาให้ชาวบ้านต่างมีความรู้สึกร่วมกันเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกัน นามาซึ่งความเป็นหน่ึงเดียวและสัมพันธภาพในสังคมเป็นการจัดระบบความสัมพันธ์
ทางเครือญาติของชาวบ้านภาคใต้โดยอาศัยความเช่ือเรื่องครูหมอโนรา ถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน
ด้านความเชื่อที่มีส่วนในการสร้างพลังชุมชนและความม่ันคงในชุมชน นอกจากน้ีการได้มาทากิจกรรม
ร่วมกันในพิธีกรรมโนราโรงครู ตั้งแต่การทาบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับตายาย กินเล้ียง รื่นเริงสนุกสนาน
ด้วยกัน เป็นเหตุให้มีการรวมญาติมิตรท่ีอาศัยอยู่ห่างไกลได้กลับมาพร้อมกันอีกคร้ัง การได้กลับมาพบกัน
ทากิจกรรมร่วมกันมีเป้าหมายอันเดียวกันก่อให้เกิดสัมพันธภาพในสังคม ขณะเดียวกันความเช่ือและ
พิธีกรรมเหล่านี้ก็ได้รับการปลูกฝังและถ่ายทอดจากคนรนุ่ หน่ึงไปสู่คนอีกรุ่นหนงึ่ หล่อหลอมเชื่อมโยงเป็น
ระบบที่มีโครงสร้างสัมพันธ์กับระบบอื่นของสังคม กล่าวได้ว่าน่ีคือลักษณะเด่นของสังคมไทยและ
วัฒนธรรมไทยที่อาศัยประเพณีและพิธกี รรมทางความเช่อื ในการรวมกลมุ่ และสรา้ งความเปน็ ปึกแผ่นให้แก่
สังคม นอกจากน้ีพิธีกรรมโนราโรงครูยังส่งผลต่อการปลูกฝังทัศนคติและค่านิยมแก่คณะโนรา ลูกหลาน
ตายายโนราและชาวบ้านทั่วไป เป็นการแสดงออกถึงความสานึกในความกตัญญูรู้คุณต่อครูบาอาจารย์
บิดามารดา พ่อแม่ตายาย ทั้งท่ีล่วงลับแล้วและยังมีชีวิตอยู่ บุคคลที่ถูกเลือกเป็นคนทรงครูหมอโนรา
จะต้องประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรม มีเมตตากรุณา มีความซ่ือสัตย์ ไม่ผิดลูกเมียผู้อื่น ตัดขาดจาก
อบายมุขทั้งปวง หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามก็ไม่ได้รับการยอมรับจากครูหมอโนราและยังจะถูกลงโทษ
ด้วยวิธีการต่าง ๆ การปฏิบัติตนดังกล่าวนอกจากจะเป็นการควบคุมตนเองแล้วยังเป็นแบบอย่างแก่
ชาวบ้านทาให้ไดร้ ับความเช่อื ถอื ศรัทธาจากชาวบ้านในสงั คมน้นั ดว้ ย

พิธีกรรมในโนราโรงครูมีส่วนสาคัญในการอนุรักษ์การแสดงโนรา โดยเฉพาะการสืบทอดการรา
โนรา นอกจากน้ีพิธีกรรมท่ีทากันในโนราโรงครูถือว่าเป็นพิธีกรรมที่ศักด์ิสิทธิ์ เช่น พิธีครอบเทริดหรือ
ผูกผ้าใหญ่แล้วสามารถเป็นโนราใหญ่หรือนายโรงโนราและประกอบพิธีกรรมใ นโนราโรงครูต่ อไปได้
อนั เปน็ การสืบทอดจากคนร่นุ หน่ึงไปยงั คนอีกร่นุ หนึง่

48

4.1.2 ด้านความบันเทิง การละเล่นพื้นบ้านเป็นส่วนใหญ่ให้ความบันเทิงแก่ชาวบ้าน ทั้งนี้เพราะ
ในสมัยก่อนรูปแบบความบันเทิงยังไม่มีหลากหลาย เช่น ปัจจุบันการละเล่นพื้นบ้านจึงเป็นเคร่ือง
นันทนาการท่ีสาคัญของชาวบ้าน เพ่ือการพักผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยและต้องการความร่ืนเริงใน
ชีวิตประจาวัน ความนิยมการแสดงในแต่ละท้องถ่ินจะแตกต่างกันออกไป การให้ความบันเทิงถือเป็น
บทบาทหลักของการละเล่นพ้ืนบ้าน การแสดงโนราก็เช่นกัน โนราเป็นการแสดงที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม
อย่างหลากหลายต้ังแต่เสียงดนตรีเร่ิมโหมโรง ตามด้วยบทกาศครูไปจนเสร็จสิ้นการแสดง ทาให้ผู้ชมได้
อรรถรสในการชม โนราบันเทิงในอดีตเกิดข้ึนเป็นอันดับแรกโดยแยกออกมาจากโนราความเช่ือ เนื่องจาก
โนราในสายความเช่ือจะมีกาหนดการแสดงท่ีแน่นอน คือ ปีละครั้ง หลังจากน้ันผู้คนในท้องถ่ินจะไม่มี
โอกาสชมการแสดงโนราเลย จงึ เกดิ ความคิดว่าถ้าหากโนรามาแสดงในงานอื่นนอกเหนือจากการประกอบ
พิธีกรรมก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะทาให้ผู้คนในท้องถ่ินได้รับความบันเทิงและคณะโนราเองก็จะมี
รายได้นอกเหนือจากพิธีกรรมโนราโรงครูท่ีจะจัดขึ้นปีละคร้ัง จึงมีการนาโนราไปแสดงในเทศกาลต่าง ๆ
เช่น งานทอดกฐิน งานชักพระ งานเข้าพรรษา และงานแก้บน จนได้รับความนิยมให้แสดงตามงานร่ืนเรงิ
ทว่ั ไป

โนราบันเทิงในอดีตหรือเรียกว่า โนราโบราณ เกิดข้ึนเป็นอันดับแรกโดยแยกออกมาจากโนรา
ความเชื่อ เป็นโนราที่แสดงในท้องถ่ินมีเจ้าภาพจ้างคณะโนราไปแสดงให้ชาวบ้านรับชมฟรี ไม่ว่าจะเป็น
งานแก้บน หรืองานมงคลต่าง ๆ แต่ท่ีนิยมว่าจ้างกันส่วนมากจะเป็นงานวัด การแสดงโนราโบราณมีขนบ
นิยมที่เหมือนกับโนราในสายพิธีกรรม โดยเฉพาะการบูชาครูโนราแต่ระยะเวลาการทาพิธีจะส้ันกว่ามาก
รูปแบบการแสดงของโนราโบราณ เร่ิมต้ังแต่การกาศครู ดนตรีเริ่มบรรเลง หรือเรียนว่า “ลงโรง”
การแสดงมักเปดิ ฉากขน้ึ โดยการปลอ่ ยตวั นางราออกเปน็ ชดุ ๆ ชุดเล็กบ้างใหญบ่ ้างสลบั กันไป แตต่ ามขนบ
นยิ มจะปล่อยตัวนางราเด็กหลาย ๆ คนออกราก่อน หลังจากนั้นจะเป็นการราของโนราผใู้ หญ่ มีการทาบท
เม่ือการแสดงผ่านไป 3-4 ชุด จะเป็นการออกราของนายโรงหรือหัวหนา้ คณะ หลังจากนั้นจะเป็นการรวม
ของโนราผู้ใหญ่ มีการราทาบท ตอบโต้กลอน มีการสอดแทรกเหตุการณ์ในท้องถิ่น มีการส่ังสอนเยาวชน
หลังจากนั้นบางโรงอาจมีการเล่นเร่ืองต่อ เม่ือโนราโบราณได้รับความนิยมจากผู้คนในท้องถิ่นจึงเกิดการ
ขยายตัวไปแสดงยังนอกท้องถิ่นของตน แต่ก็ยังเป็นจังหวัดในภาคใต้ ซึ่งเรียกโนราแบบนี้ว่า “โนรา
เดนิ โรง” หมายถงึ การเดนิ ทางของคณะโนราไปแสดงตามสถานทต่ี ่าง ๆ ในช่วงหลังฤดูทานา

49

4.2 รปู แบบและพลวตั ของการแสดงโนรา
การแสดงพ้ืนบ้านของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ในปัจจบุ ันยังมีการปรับตัวไปตามการเปล่ยี นแปลง

ทางสังคม โนราก็เชน่ กนั ทต่ี ้องปรบั ตวั เพ่ือความอยรู่ อดและยังคงมีความสำคญั ในสังคมภาคใตต้ ่อไป โดยมี
เหตุปัจจัยหลายประการท่ีทำให้โนราต้องปรับตัวจากอดีต ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
การเมือง และสังคม เช่น การกำหนดระเบียบการกรมศิลปากรว่าด้วยระเบียบการละเล่นพื้นเมือง
พ.ศ. 2485 การเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่สู่สังคมชนบทและสื่อบันเทิงแขนงอื่น ๆ เช่น เพลงลูกทุ่ง
จึงทาให้การแสดงโนราเสื่อมความนิยมของผู้ชมไป โอกาสในการว่าจ้างไปแสดงน้อยลงและรายได้ลด
น้อยลงไปคณะโนราท่ใี ช้ผู้แสดงหลายคนไมส่ ามารถจะดารงชีพอยู่ได้ อกี ทั้งโนรามีระเบยี บแบบแผนในการ
สบื ทอดหรือธรรมเนยี มการเล่นที่ยุ่งยากซบั ซ้อนเกินไปจึงขาดการถา่ ยทอด ยง่ิ คนรนุ่ ใหมท่ ่ไี มช่ อบพธิ ีรีตอง
ก็ยง่ิ ไม่ให้ความสนใจ สามารถจาแนกเหตปุ จั จยั ท่ที าใหโ้ นราปรบั ตวั จากอดตี ออกเป็น 4 ประเด็นหลัก คอื

4.2.1 ปัจจัยทางสังคม ทางด้านสังคมข้อจำกัดของการแสดงพ้ืนบ้าน การแสดงพ้ืนบ้านส่วนใหญ่
จะถา่ ยทอดกันวงแคบเฉพาะเครือญาติหรือเพื่อนบ้าน จงึ ทาใหข้ าดผ้สู ืบทอดรวมทั้งความยากในการแสดง
การแสดงบางชนิดผู้ที่จะสืบทอดต้องมีความสามารถและต้องมีใจรักในการฝึกฝน นอกจากน้ีโอกาสการ
แสดงและรายได้ที่ลดลง นับเป็นปัจจัยท่สี าคัญตัวหนึ่งท่ีมีความสัมพันธ์กับการดารงอย่หู รือเส่ือมสลายของ
การแสดงพ้ืนบ้าน โนราก็เช่นกัน โนรารุ่นเก่าท่ีมีความรู้ความชานาญในการแสดงโนราหวงวิชาความรู้
ไมอ่ ยู่จะถ่ายทอดความรูใ้ ห้กบั ผู้ใดงา่ ย ๆ และยากตอ่ การฝกึ ฝนรู้ นอกจากนีค้ นรุ่นใหมไ่ ม่มคี วามสนใจท่ีจะ
สืบทอดเน่ืองจากการราโนรามีขนบธรรมเนียม มีจารีตประเพณี เรื่องที่แสดงไม่สนุกไม่น่าติดตาม
การสบื ทอดตอ้ งใช้ความอดทนสูง ตอ้ งเอาใจใส่อย่างจรงิ จงั ซ่ึงทาใหค้ นร่นุ ใหม่ทอ้ ถอย และการทคี่ นรุ่นใหม่
รับเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาค่านิยมจึงเปลี่ยนไป ประกอบกับผู้แสดงที่มีความรู้ความชานาญด้านการ
แสดงโนรามีอายมุ ากขน้ึ สขุ ภาพไม่แขง็ แรง ผูแ้ สดงหลายทา่ นเข้าสวู่ ยั ชราทาให้หาผสู้ ืบทอดยาก

4.2.2 ปัจจัยทางการเมือง การกาหนดระเบียบการกรมศิลปากรว่าด้วยระเบียบการละเล่น
พ้ืนเมือง พ.ศ. 2485 การเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยคณะราษฎร พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ศูนย์กลาง
อานาจทางการเมืองและวัฒนธรรมได้ย้ายจากราชสานักมาสู่สามัญชน รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม
เป็นรัฐบาลที่ให้ความสาคัญต่อนโยบายด้านวัฒนธรรมเป็นหลัก ด้วยการเผยแพร่อุดมการณ์ชาตินิยม
และวัฒนธรรมแห่งชาติผ่านทางระบบราชการ จึงมีนโยบายการกาหนดระเบียบการกรมศิลปากรว่าด้วย
ระเบียบการละเล่นพื้นเมือง พ.ศ. 2485 โนราซ่ึงเป็นการละเล่นพ้ืนบ้านในท้องถ่ินภาคใต้จึงถูกกา หนด
กรอบภายใต้นโยบายนี้ด้วย โดยกาหนดรายละเอียดการแสดงโนรา สามารถแสดงได้ด้วยกัน 2 ประเภท
คือ

50

1. สามารถเล่นได้ตามฤดูกาล คือ โนราที่เล่นกันตามฤดูกาล ในท่ีนี้หมายถึง การเล่นเพื่อ
ประกอบพิธีกรรมโนราโรงครู การเล่นโนราในประเภทนี้สามารถเล่นได้ แต่ต้องขออนุญาตรัฐก่อน
ตามระเบยี บการกรมศิลปากรว่าด้วยการละเลน่ พน้ื เมอื ง

2. โนราท่ีเล่นเป็นอาชีพ คือ โนราที่เล่นเป็นอาชีพมีรายได้ จัดเป็นละครแต่ไม่เข้าอยู่ในประเภท
อุปรากร นาฏกรรมหรือนาฏดนตรี จัดเป็นการการแสดงในกรณีพิเศษ ซึ่งจะอนุญาตให้เล่นหรือไม่ข้ึนอยู่
กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ราชการจากนโยบายการกาหนดระเบียบการกรมศิลปากรว่าด้วยระเบียบ
การละเล่นพื้นเมือง พ.ศ. 2485 น้ีทาให้โนรามีการปรับตัวเพ่ือการอยู่รอด การเล่นโนราแบบอาชีพเร่ิม
ปรับเปล่ียนรูปแบบการแสดง โดยการนานวนิยายที่มีความนิยมในสมัยน้ันมาแสดงด้วยอย่างเห็นได้ชัด
พร้อมท้ังเปลี่ยนเครื่องแต่งกายไม่สวมชุดโนรา แต่สวมชุดสากลในการแสดงตามบทบาทที่เล่นในเรื่อง
นนั้ ๆ เชน่ มีการนานวนยิ ายของ ป. อนิ ทปาลิต มาเลน่ เป็นละคร

4.2.3 ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่สู่สังคมชนบทและสื่อบันเทิงแขนง
อื่น ๆ ความเจรญิ ทางเทคโนโลยี เศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศไทยเปลี่ยนไปจากอดีตการคา้ ขายมีการ
ขยายตัวเพ่ิมมากขึ้น มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาและมีความบันเทิงให้เลือกหลากหลาย เช่น โทรทัศน์
ภาพยนตร์การแสดงดนตรีสมัยใหม่ คาราโอเกะ ซีดี ในสถานการณ์เช่นนี้ การแสดงโนราที่ไม่ปรับวิธีการ
แสดงโนราก็เริ่มเส่ือมความนิยมลงไป ในขณะท่ีการแสดงโนราคณะอื่นท่ีปรับตัวให้เข้ากับสมัยใหม่ได้กย็ งั
อยู่รอดในสังคม สำหรับการแสดงโนราต้องปรับเน้ือหาในการแสดง คือ การแสดงเร่ืองโดยปรับเป็นการ
แสดงละครสมัยใหม่ การแสดงโนราในปัจจุบันจะแสดงเรื่องหรือไม่น้ันขึ้นอยู่กับเจ้าภาพ หากเจ้าภาพ
มีความประสงค์ที่อยากจะชมการแสดง เรื่องของคณะโนราก็จะจัดการแสดงให้ และเมื่ออิทธิพลของเพลง
ลูกทุ่งเข้ามา ผู้ชมหันไปให้ความสนใจเพลงลูกทุ่งมากขึ้น โนราจึงต้องปรับตัวโดยการนาการแสดงของวง
ดนตรีลูกทุ่งเข้ามาต่อท้ายการแสดงโนราทางคณะโนราจะต้องมีทักษะอย่างอ่ืนเพ่ิมขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้าน
การพัฒนาการร้องการเตน้ การแต่งกาย รวมถงึ การใชแ้ สดงสีเสียงตา่ ง ๆ มาประกอบในการแสดงโนรา

4.2.4 ผลจากความเปล่ียนแปลงทางสังคมท่ีส่งผลต่อการดารงอยู่ของโนรา ผลจากความ
เปล่ียนแปลงทางสังคมท่ีส่งผลต่อการดารงอยู่ของโนรานับแต่อดีตความนิยมของคนดู แต่เดิมเน้นความ
นิยมในเชิงศิลปะท้ังในลีลาการร่ายรา การว่ากลอน และปฏิภาณในการทาบท เห็นได้ชัดจากการแสดง
โนราซึ่งเป็นการแข่งระหว่างกันหรือที่เรียกว่าโนราประชันโรง การแสดงในลักษณะเช่นน้ีมีวัตถุประสงค์
เพื่อจะพิสูจน์ว่าคณะใดเลน่ ดีหรอื ราดกี ว่ากัน การว่ากลอนสดหรือกลอนมุตโตของคณะใดดีกว่ากัน ถ้าโรง
ไหนดีกว่าโรงน้ันจะมีคนมาดูมาก และเป็นผู้ชนะการแสดงโนราลักษณะนี้จึงเป็นการสร้างสมช่ือเสียงของ
โนราซ่ึงเป็นผลให้คนนิยมมากขึ้น ต่อมาเมื่อมีนโยบายควบคุมการแสดงพ้ืนบ้านของรัฐและอิทธิพล
สือ่ สมัยใหม่เข้ามาความนยิ มของคนดูเรมิ่ เปลี่ยนไป คอื คนดูหนั ไปนิยมละครแบบสมัยใหม่มีการแสดงของ

51

โนราในบางชว่ งการแสดงจึงแปรเปล่ียนไปจากการแสดงแบบเดิม โดยหนั ไปแสดงเรื่องแบบละครสมัยใหม่
ตอ่ มาระยะหลังเม่ืออิทธิพลของเพลงลูกทุง่ ได้แพรส่ ะพัดเขา้ มา คนดหู นั ไปนิยมเพลงลูกทงุ่ ทาให้คณะโนรา
นาดนตรีลูกทุ่งเข้ามาผสมผสานกับการแสดงโนรา ทาให้ความนิยมในการชมการแสดงโนราได้เปล่ียนไป
โดยหันมานิยมโนราในแบบโนราสมัยใหม่ ซ่ึงมีการผสมผสานเข้ากับดนตรีลูกทุ่งแทนการแสดงลักษณะน้ี
ได้รับความนิยมจากคนดูในการปรับตัวดังกล่าว เดิมที่เป็นการนาดนตรีสากลมาประกอบการทาบทเพียง
อย่างเดียว แต่เม่ือมีคณะอ่ืน ๆ ทาในแบบเดียวกัน โนราบางคณะท่ีเป็นผู้นาในการเปล่ียนแปลงก็ผลักดัน
ตัวเองให้แตกต่างออกไปเพ่ือเรียกความนิยมจากคนดูมากขึ้น โดยเริ่มมีการลงทุนซื้อเครื่องดนตรีสากลมา
ใช้ประกอบอีกทั้งยังทาให้เกิดการการอนุรักษ์การแสดงโนราและการเปน็ อัตลกั ษณ์ของภาคใต้นั้น เป็นผล
มาจากการเปลี่ยนแปลงในสังคมต่าง ๆ มากมาย ท้ังปัจจัยการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมือง สังคม
ท่ีทาให้โนราต้องมีการปรับตัวเองเพ่ือให้สามารถดารงอยู่ได้ในสังคม จึงเกิดแนวคิดการอนุรักษ์การแสดง
โนรา และทาให้การแสดงโนรากลายเป็นอัตลักษณ์ของภาคใต้ โดยทางภาครัฐและความรู้สึกของคนใน
ท้องถิ่นท่ีต้องการจะอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมของท้องถ่ิน ซึ่งในช่วงปี 2520 รัฐได้มีนโยบายท่ี
สนับสนุนฟ้ืนฟูศิลปวัฒนธรรมในแต่ละท้องถ่ิน สาหรับในพ้ืนท่ีภาคใต้ตอนล่างโนราเป็นศิลปะการแสดงที่
ทางรัฐสนใจ และได้สร้างแนวความคิดให้การแสดงโนรากลายเป็นอัตลักษณ์ของภาคใต้ โดยผ่าน
กระบวนการสนับสนุนการสอนโนราในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบในวิทยาลัยนาฏศิลป์ของภาคใต้ คือ
วิทยาลัยนาฏศิลปน์ ครศรธี รรมราชและวิทยาลัยนาฏศิลป์พัทลุง ในส่วนของศิลปินโนราก็ได้รับการยกยอ่ ง
และอปุ ถมั ภจ์ ากภาครฐั

โนราในสถานศึกษาเกิดจากการท่ีโนราได้รับความสนใจจากคนดูน้อยลงเนื่องจากชาวบ้านได้
เปลี่ยนไปให้ความสนใจกับส่ือบันเทิงแขนงอ่ืน ๆ มากข้ึน เป็นเหตุให้เกิดการหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
ระหว่างภาครัฐและศิลปินโนรา เพ่ือฟื้นฟูความนิยมของการแสดงโนราให้กลับมาได้รับความนิยมอีกคร้ัง
จึงมีนโยบายให้สถานศึกษาในภาคใต้ฟ้ืนฟูการราโนราเพ่ือเป็นการอนุรักษ์และให้การแสดงโนรา
กลายเป็นอัตลักษณ์ของภาคใต้ ซึ่งสอดคล้องกับท่ี อาไพ ชูสังข์ ครูโรงเรียนบ้านหัวช้าง อาเภอตะโหมด
จังหวัดพัทลุง ผู้ที่ราโนราส่งตัวเองเรียนจนจบจากการท่ีได้เรียนโนราในสถานศึกษา ได้กล่าวเก่ียวกับการ
อนุรักษ์การแสดงโนราในสถานศึกษาว่า การฟื้นฟูเพื่ออนุรักษ์จัดเป็นหนึ่งในการปลูกฝังค่านิยมขึ้นมาใหม่
ว่าการแสดงโนราเป็นส่ิงท่ีแสดงถึงความเป็นคนใต้ เป็นการแสดงชั้นสูงของคนใต้ท่ีควรค่าแก่การอนุรักษ์
โนราจงึ เร่ิมเข้าไปอย่ใู นสถานศึกษา การอนรุ ักษ์จึงกอ่ ให้เกดิ แนวคิดอตั ลักษณ์ความเป็นคนใต้

การอนุรักษ์การแสดงโนราในปัจจุบัน นอกจากจะมีการนาหลักสูตรการแสดงโนราไปสอนใน
สถาบันการศึกษาในวิทยาลัยนาฏศิลป์ในภาคใต้แล้ว ยังมีการนาเอาหลักสูตรการแสดงโนราเข้าไปสอน
ในวทิ ยาลยั นาฏศลิ ปท์ ่วั ประเทศอีกด้วย นอกจากนท้ี างภาครฐั ของจังหวดั พัทลงุ และจงั หวดั สงขลายงั มีการ

52

จัดทาข้อมูลการสืบค้นเก่ียวกับเร่ืองโนราลงในเว็บไซด์ของวัฒนธรรมจังหวัด และมีการส่งเสริมกิจกรรมที่
เก่ียวกับการแสดงโนรา เช่น เข้าไปส่งเสริมโนราโรงครูท่าแค การจัดงานมหกรรมโนราภาคใต้ที่จังหวัด
พัทลุง การประกวดการราโนราในระดับสถาบันการศึกษาในบทนี้ผู้ศึกษาได้กล่าวถึงเร่ืองการแสดงโนรา
ด้ังเดิมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยแยกประเด็นออกมาเป็น 2 ประเด็น คือ พัฒนาการเชิงประวัติศาสตร์
ของการแสดงโนรารูปแบบและพลวัตของการแสดงโนรา สรุปได้ว่า พัฒนาการเชิงประวัติศาสตร์ของการ
แสดงโนรา นับต้ังแต่อดตี “โนรา” เป็นการละเล่นพื้นบา้ นทส่ี บื สอดกันมานานและนิยมกันอย่างแพร่หลาย
ในภาคใต้ท้ังรูปแบบการแสดงด้านความเชื่อและด้านความบันเทิง แต่เมื่อมีปัจจัยทางด้านสังคม การเมือง
และเศรษฐกิจ ในสถานการณ์เช่นน้ี การแสดงโนราท่ีไม่ปรับวิธีการแสดงโนราก็เร่ิมเส่ือมความนิยมลงไป
จึงเป็นเหตุให้โนราจาเป็นเป็นที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้การแสดงโนราสามารถดารงอยู่ได้ในปัจจุบัน (ธนภมู ิ
ขนุ หลา, 2558 : 26-40)

4.3 ผลของการปรบั ตัวเพอ่ื การดารงอยู่
การแสดงโนราได้มีการปรับตัวทางด้านรูปแบบการแสดงและพัฒนาศักยภาพของตนเองเร่ือยมา

ตั้งแตย่ ุคอดตี จนถึงปจั จุบัน ทั้งนี้ปัจจยั สำคญั อย่างหนง่ึ คอื ปจั จยั การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกจิ การเมอื ง
สังคม ซ่ึงเป็นกระแสแรงผลักดันให้เกิดการดาเนินชีวิตแบบใหม่ ๆ ของผู้แสดงโนราท่ีเกิดมาจากการ
ปรับตัวด้านรูปแบบการแสดงเพ่ือให้การแสดงโนรายังคงดา รงอยู่ได้ในปัจจุบันหรือที่ ผู้ศึกษาเรียกว่า
“ผลของการปรับตัวเพื่อการดารงอยู่” จากการศึกษาการปรับตัวด้านรูปแบบการแสดงได้ทราบถึงผลจาก
การปรบั ตวั ของรปู แบบการแสดงโนรา ซึง่ สามารถแบง่ ไดอ้ อกเปน็ 3 ประการ คอื

4.3.1 การดำรงอยู่ได้ของโนรา เม่ือมีปัจจัยทางด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ เข้ามาทาให้
โนราจาเป็นต้องปรับตัวไปจากอดีตเพ่ือให้การแสดงโนราสามารถดารงอยู่ได้ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการ
สืบทอดการกาหนดระเบียบการกรมศิลปากรว่าด้วยระเบียบการละเล่นพ้ืนเมือง พ.ศ. 2485 การเข้ามา
ของเทคโนโลยีสมัยใหม่สู่สังคมชนบทและสื่อบันเทิงแขนงอ่ืน ๆ ทาให้โนราจาเป็นต้องปรับตัวเพื่อที่จะ
สามารถดารงอยู่ไดใ้ นสงั คมปจั จุบัน

ในปัจจุบันโนรามีการปรับตัวในด้านรูปแบบการแสดงเพื่อให้เป็นที่นิยมต่อคนดู ซ่ึงสามารถแบ่ง
รูปแบบการปรับตัวของโนราได้ออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มท่ียังคงยึดรูปแบบการแสดงโนรา แบบ
ดั้งเดิมเป็นหลัก และกลุ่มท่ีปรับตัวให้เป็นการแสดงโนราสมัยใหม่ ท้ังสองกลุ่มน้ีได้ปรับเปลี่ยนทางในด้าน
รูปแบบการแสดงให้แตกต่างไปจากอดีต คือ ได้มีการเพิ่มเติมและประยุกต์ในเร่ืองขององค์ประกอบใน
การแสดง ทาให้โนราได้รับความนิยมจากคนดูมากข้ึนในภาคใต้ตอนล่างมีคณะมโนราห์อยู่หลายคณะ
ด้วยกนั แตล่ ะคณะได้รบั ความนยิ มและมีคิวจองไปเล่นในงานต่าง ๆ ถงึ ข้ามปีเลยทีเดยี ว การทีโ่ นราได้รับมี

53

ความนิยมน้ันทาให้เยาวชนหันมาสนใจที่จะฝึกหัดการราโนรามากย่ิงขึ้นเพราะการราโนราสามารถเป็น
รายไดเ้ สรมิ ให้แก่เยาวชนในท้องถ่ินได้ จากทีก่ ล่าวมาข้างต้นจะเหน็ ได้วา่ การแสดงโนราสามารถดารงอยู่ได้
เพราะเกิดจากการปรบั ตวั ตามกระแสนิยมทาใหผ้ ้คู นมคี วามนยิ มในการดูโนรา

ภาพที่ 35 การฝึกราโนราของเยาวชน (ธนภูมิ ขุนหลา, 2558 : 70)
4.3.2 กระแสวิพากษ์วิจารณ์ การแสดงโนราได้มีการปรับตัวทางด้านรูปแบบการแสดงและ
พัฒนาศักยภาพของตนเองเรื่อยมาตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่ม
อนุรักษ์นิยมโนราเก่า ๆ หรือแม้กระท่ังผู้ชมท่ีช่ืนชอบและยึดติดรูปแบบการแสดงโนราแบบในอดีตและ
องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ เหมอื นกบั ในอดตี
กลุ่มอนุรักษ์นิยมโนราเก่า ๆ หรือแม้กระทั่งผู้ชมที่ชื่นชอบและยึดติดรูปแบบการแสดงโนราแบบ
ในอดีตและองค์ประกอบต่าง ๆ เหมือนกับในอดีต มีความเห็นว่าเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการแสดงโนรา
ส่วนหนึ่งมีจุดมุ่งหมายเพ่ือโน้มน้าวให้เยาวชนกลับมาสนใจและเห็นความสาคัญของโนรา ซ่ึงสวนทางกับ
กระแสธารแห่งการอนุรักษ์ เพราะผู้ที่ยึดมั่นอยู่ในประเพณีอย่างเดิมน้ัน กลับเห็นว่าการปรับตัวของโนรา
ให้เพอ่ื สนองความสนใจของผู้ดูนนั้ เปน็ การทาลายศลิ ปะท่ยี อมรับนับถือกันมาเป็นเวลานาน อีกทั้งครูโนรา
หัวโบราณก็มักจะบริภาษว่าร้ายผู้คิดการอุตริเปลี่ยนแปลงศิลปะเหล่าน้ี จากการแสดงที่ถือว่า “ผิดครู”
หรือ “แรงครู” บ้าง ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และขนบจารีตของโนราท่ีเคยปฏิบัติกันมาทาให้โนราในยุค
ปัจจุบันถูกตาหนิอย่างใหญ่หลวงว่า “อัปรีย์จะกินโรง” ท้ังนี้เพราะขนบพิธีกรรมของโนรามีวินัยเคร่งครัด
ดงั นนั้ ศิษย์จะตอ้ งพยายามรกั ษาแบบแผนทบ่ี รุ พาจารย์ไดส้ ัง่ สอนถา่ ยทอดต่อ ๆ กันมาโดยเครง่ ครัด

54

ปัจจุบันโนราได้มีการตัดทอนความยืดเย้ือของเน้ือเร่ืองการแสดงให้กระชับ มีการเปล่ียนแปลง
เครื่องแต่งกายโนราให้ทันสมัยมีความวิจิตตระการตา มีสีสันท่ีสดใสมากขึ้น มีการประดับเพชรเพ่ือเพิ่ม
ความแวววาวของชุดโนรา มีการประดษิ ฐร์ ะบาแทรกในการแสดงโนรา เช่น การประดิษฐ์ท่าราแทงเข้เป็น
แบบสมัยใหม่ การราคล้องหงส์ท่ีเป็นการแสดงโชว์มากข้ึน ทาให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มอนุรักษ์
นิยมเกีย่ วกบั การแตง่ กายของโนราในปัจจุบันว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดตี มาก บางครงั้ ก็เปล่ียนแปลง
จนมากเกินไป แม้กระท่ังเทรดิ โนราและลกู ปัดโนรามีการเปลย่ี นสเี ปลยี่ นแบบใหส้ วยงามตามใจผ้สู วมใส่ไป
โดยท้ังสีเงิน สีน้าเงินประดับเพชร สีชมพู สีฟ้า มิได้คานึงถึงเจตนารมณ์เดิมของโนราด้ังเดิม แต่ถ้าหันไป
มองความเป็นอัตลักษณข์ องโนราแล้ว เทริดและลูกปัดโนรามีสีสันวิจิตรเปล่ียนสีเปล่ียน มลี งสีสะทอ้ นแสง
ลวดลายคละสสี ดใสคล้ายชดุ ของลเิ ก ทาใหก้ ลุ่มอนุรกั ษ์นิยม โนราเก่า ๆ หรือแมก้ ระทงั่ ผู้ชมทช่ี นื่ ชอบและ
ยึดติดรูปแบบการแสดงโนราแบบในอดีตและองค์ประกอบต่าง ๆ เหมือนกับในอดีตไม่พอใจการ
เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของเครื่องแต่งกายดังกล่าว ในส่วนของการพัฒนาเร่ืองฉาก เวที และเทคนิค
สมัยใหม่ รวมท้ังในเร่ืองแสงและเสียงซ่ึงมีผลต่อการรับรู้ของผู้ดู การพัฒนาที่มากจนเกินไปทาให้อลังการ
เหล่าน้ีโดดเด่นมากกว่าการดาเนินเรื่องและการแสดง การเปลี่ยนแปลงมากเกินไปอาจจะนาไปสู่ความ
เสียหาย หากเปิดใจรับวิทยาการใหม่ ๆ ก็เป็นการปรับปรุงมรดกเก่าให้อยู่รอดได้ รักษาความเป็นตัวเองมิ
ให้สญู สลายหากไม่เปลี่ยนแปลงเลยกจ็ ะนาไปสู่ความเสื่อมโทรม ทาใหเ้ กิดการวิพากษว์ ิจารณ์ในปจั จุบนั

4.3.3 การเกิดอาชีพเสริม แม้ว่าการแสดงโนราจะสามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้ แต่ก็ไม่ได้
หมายความวา่ โนราทุกคนจะยดึ การแสดงโนราเป็นอาชีพหลักเสียทัง้ หมด โนราบางคณะทไ่ี ม่ค่อยมชี ื่อเสียง
ไม่ค่อยมีคนว่าจ้างไปแสดงก็ไม่สามารถท่ีจะยึดการราโนราเป็นอาชีพหลักได้ อีกทั้งสภาพปัญหาทางด้าน
เศรษฐกิจทำให้โนราในหลาย ๆ คณะมีการปรับตัวเพื่อให้ตนเองอยู่รอดได้ จึงเกิดการพัฒนาเอาความเป็น
โนรามาเป็นอาชีพเสริม ไม่ว่าจะเป็นอาชีพทาเครื่องแต่งกาย อาชีพทาเทริด และการทาของท่ีระลึก
โดยมหี น่วยงานทางภาครัฐเขา้ มาสนับสนุน เพื่อช่วยให้โนราและครอบครวั มีรายไดเ้ สรมิ

1. อาชีพการทาเคร่ืองแต่งกาย ในปัจจุบันมีคณะโนราหลายคณะหันมาสนใจทาเคร่ืองแต่งกาย
โนราขายและใช้ในคณะของตัวเองมากข้ึนจากอดีต เป็นเพราะเครือ่ งแต่งกายโนราในปจั จบุ ันมีการเปลยี่ น
เปล่ียนไปจากเดิม ลูกปัดท่ีใช้จะสีลวดลายท่ีแปลกตา ในส่วนของสสี ันของเคร่ืองแต่งกายก็ทาตามแบบทีผ่ ู้
สั่งซ้ือต้องการ เช่น สีน้าเงินสลับขาว สีชมพู สีม่วง การที่เคร่ืองแต่งกายโนราในปัจจุบันมีการเปลี่ยน
เปลี่ยนไปจากเดิมนั้นช่วงสร้างรายเสริมให้โนราและครอบครัวได้ต่อเดือนละประมาณ 15,000 บาท
ซึ่งสอดคล้องกบั สิทธชิ ัย เจรญิ สุข ผูท้ าเครอ่ื งแต่งกายโนรากลา่ ววา่ การร้อยลกู ปดั โนราขาย สามารถสร้าง
รายได้ต่อเดอื น ประมาณ 15,000 บาท แต่กข็ ้นึ อยูก่ บั ยอดการสง่ั จอง

55

แต่มีโนราบางคณะเห็นว่าปัจจุบันเครื่องแต่งกายชุดมโนราห์ส่วนใหญ่ที่จาหน่ายอยู่ในท้องตลาด
ตา่ งไปจากอดีต เพราะเริม่ หาความประณตี อันวจิ ิตรในแบบเคร่ืองทรงที่ครูมโนราหร์ ุ่นบรรพบุรุษใช้ได้ยาก
เต็มที่ จึงทาเครื่องลูกปัดโนราและสอนให้เด็กยุคใหม่ร้อยลูกปัดโนราแบบด้ังเดิม ซ่ึงเป็นการสร้างอาชีพ
เสรมิ และรายได้ให้แก่เด็ก ๆ ซงึ่ สอดคล้องกับ จวบ พันธ์ศิริ หวั หนา้ คณะโนราจวบ ประดิษฐ์ศลิ ป์ กล่าวว่า
เดือน 6, 7, 8 และเดือน 9 คณะประดิฐศิลป์จะมีการแสดงมากที่สุด ค่าจ้างเฉล่ีย 10,000 บาท สมาชิก
มีราว 20 ชีวิต ส่วนใหญ่เป็นเด็กละแวกบ้าน ลาพังรายได้จากการแสดงไม่เพียงพอลุงจึงได้สอนการร้อย
ลกู ปัดชดุ ใหเ้ ดก็ ๆ ท่ีสนใจเพอ่ื สร้างงาน สร้างรายได้ควบคกู่ บั สบื สานศิลป์แขนงนีใ้ หค้ งอยู่สืบไป

ภาพท่ี 36 การทำเครอื่ งแตง่ กายโนราขาย ของคณะโนราจวบประดษิ ฐ์ศลิ ป์
(ธนภมู ิ ขนุ หลา, 2558 : 73)

2. อาชีพทาเทริด ในปัจจุบันการทาเทริดโนราได้แผ่ขยายในวงกว้างจนกลายมาเป็นธรุ กิจชมุ ชน
ของกลุ่มผู้ผลติ เทริดมโนราห์ในจังหวัดพัทลงุ ทางกลมุ่ ไดพ้ ฒั นาฝีมืออย่างต่อเน่ือง เพื่อให้งานออกมาอย่าง
ประณีตและเป็นท่ียอมรับของคนในท้องถ่ิน เมื่อผู้คนในท้องถ่ินบ้านสมหวังภูมิใจยอมรับในช้ินงานท่ี
ออกมา ทาใหช้ ิ้นงานแพร่หลาย เล่ืองลือไปยงั จังหวัดใกล้เคยี ง จนทาให้ในปจั จบุ นั การทาเทริดถอื ไดว้ ่าเป็น
อาชีพเสริมอกี ทางหน่ึงทีท่ าใหม้ ีรายได้เพ่มิ พนู ให้กบั ครอบครวั และชุมชน

3. การทาของท่ีระลึก ในปัจจุบันมีการนาความเป็นโนรามาใช้เป็นส่ือแทนอัตลักษณ์ความเป็น
คนใต้และความเป็นโนราในหลากหลายช่องทาง ของที่ระลึกก็เช่นกัน มีการทาของที่ระลึกขายโดยเลือก
อัตลักษณ์ของโนรามาปรุงแต่งและจัดทาเป็นผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก เช่น สร้อยข้อมือ พวงกุญแจ เทริดจ๋ิว
และตุ๊กตาโนรา ซึ่งในปัจจุบัน เทริดจ๋ิวและตุ๊กตาโนราเป็นท่ีรู้จักอย่างกว้างขวางมากข้ึน (ธนภูมิ ขุนหลา,
2558 : 60-73)



บทท่ี 5
สรปุ

โนรา เป็นศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ คาว่า มโนราห์หรือมโนราห์นั้น เป็นคาที่เกิดข้ึนมาเม่ือสมัย
กรุงศรีอยุธยาโดยการนาเอาเร่ือง พระสุธน-มโนราห์ มาแสดงเป็นละครชาตรี จึงมีคาเรียกว่า มโนราห์
ส่วนกาเนิดของโนรานั้นสันนิษฐานกันว่าได้รับอิทธิพลจากการร่ายราของอินเดียโบราณก่อนสมัยศรีวิชัย
ที่มาจากพ่อค้าชาวอินเดีย สังเกตได้จากเครื่องดนตรีท่ีเรียกว่า “เบญจสังคีต” ซึ่งประกอบด้วย โหม่ง ฉิ่ง
ทบั กลอง ปี่ ใน ซ่งึ เปน็ เคร่ืองดนตรีโนราและท่าราของโนรา อีกหลายท่าที่ละม้ายคลา้ ยคลงึ กับการร่ายรา
ของทางอินเดียและเริ่มมีโนราเป็นกิจลักษณะขึ้นเมื่อ ประมาณปีพุทธศักราชที่ 1820 ซ่ึงตรงกับสมัย
สุโขทัยตอนตน้

เช่ือกันว่าโนราเกิดขึ้นครั้งแรกท่ีหัวเมืองพัทลุง ปัจจุบัน คือ ตาบลบางแก้ว จังหวัดพัทลุง
แล้วแพร่ขยายไปยังหัวเมืองอื่น ๆ ของภาคใต้ จนไปถึงภาคกลางและกลายเป็นละครชาตรี และจังหวะ
ตะลุงที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดนี้ โนราเกิดข้ึนในราชสานักของพัทลุงซึ่งมีตานานเล่ากันมาว่าเจ้าเมือง
พัทลุงมีช่ือว่าพระยาสายฟ้าฟาด มีลูกสาวท่ีชื่อศรีมาลา ซ่ึงมีความสามารถในการร่ายรามาก ได้เกิด
ตั้งครรภ์โดยท่ียังไม่ได้แต่งงานเชื่อกันว่าเป็นท้องกับเทวดา พระยาสายฟ้าฟาดเห็นดังน้ันก็โกรธมากจึงส่ัง
ให้นานางศรีมาลาไปลอยแพในทะเล (ทะเลสาปสงขลา) และแพได้ไปติดท่ีเกาะใหญ่ นางศรีมาลาก็ได้ให้
กาเนิดลูกชายโดยตั้งช่ือว่าเทพสิงหล ซ่ึงมีนัยความว่าลูกของเทวดา นางศรีมาลาได้ฝึกให้เทพสิงหลฝึก
ร่ายรา ซ่ึงเทพสิงหลก็สามารถร่ายราได้สวยงามมากและร่ายรามีช่ือเสียงมากท่ีเกาะใหญ่ จนรู้ไปถึงหู
พระยาสายฟ้าฟาด ซ่ึงพระยาสายฟ้าฟาดก็ยังไม่รู้ว่าหลานตัวเองก็ได้เชิญไปราในราชสานัก ฝ่ายนาง
ศรีมาลานั้นก็น้อยเนื้อต่าใจเม่ือครั้งที่ถูกลอยแพก็บอกกับคนที่มาติดต่อว่า โนราคณะนี้จะไปราได้แต่ต้อง
ปูผ้าขาวตั้งแต่ริมฝั่งที่ลงจากเรือจนไปถึงตาหนักพระยาสายฟ้าฟาดก็ตอบตกลง ดังนั้น เทพสิงหลจึงไปรา
ในราชสานัก เทพสิงหลราได้สวยงามมากจนพระยาสายฟ้าฟาดก็ตกตะลึงในความสวยงาม จึงถอดเคร่ือง
ทรงท่ที รงอยู่ให้กับเทพสิงหล แลว้ บอกว่า "เครื่องแตง่ กายกษัตริยช์ ดุ นม้ี อบให้เป็นเครื่องแต่งกายของโนรา
นับแต่น้ีเป็นต้นไป" เทพสิงหลจึงบอกว่าแท้จริงแล้วเป็นหลานของพระยาสายฟ้าฟาด พระยาสายฟ้าฟาด
จงึ รับโนราไวใ้ นราชสานกั และใหส้ ทิ ธแิ ตง่ กายเหมอื นกษัตริยท์ กุ ประการ

57

องค์ประกอบหลักของการแสดง
1. การราโนรา แต่ละตัวตอ้ งราอวดความชานาญและความสามารถเฉพาะตน โดยการราผสมท่า
ต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่องกลมกลืน แต่ละท่ามีความถูกต้องตามแบบฉบับ มีความคล่องแคล่ว
ชานาญท่ีจะเปล่ียนลีลาให้เข้ากับจังหวะดนตรี และต้องราให้สวยงามอ่อนช้อยหรือกระฉับกระเฉงเหมาะ
แก่กรณี บางคนอาจอวดความสามารถในเชิงราเฉพาะด้าน เช่น การเล่นแขน การทาให้ตัวอ่อน การราท่า
พลกิ แพลง เป็นตน้
2. การร้อง โนราแต่ละตัวจะต้องอวดลีลาการร้องขับบทกลอนในลักษณะต่าง ๆ เช่น เสียง
ไพเราะดังชัดเจน จังหวะการร้องขับถูกต้องเร้าใจ มีปฏิภาณในการคิดกลอนรวดเร็ว ได้เนื้อหาดี สัมผัสดี
มคี วามสามารถในการรอ้ งโต้ตอบ แกค้ าอย่างฉับพลันและคมคาย เป็นต้น
3. การทาบท เปน็ การอวดความสามารถในการตีความหมายของบทร้องเป็นท่ารา ใหค้ ารอ้ งและ
ทา่ ราสมั พันธ์กนั ต้องตีท่าใหพ้ ิสดารหลากหลายและครบถว้ น ตามคารอ้ งทกุ ถ้อยคาต้องขบั บทร้องและตีท่า
ราให้ประสมกลมกลืนกับจังหวะและลีลาของดนตรีอย่างเหมาะสม การทาบทจึงเป็นศิลปะสุดยอดของ
โนรา
4. การราเฉพาะอย่าง นอกจากโนราแต่ละคนจะต้องมีความสามารถในการรา การร้อง และการ
ทาบทดังกล่าวแล้วยังต้องฝึกการราเฉพาะอย่างใหเ้ กิดความชานาญเปน็ พิเศษ ด้วยซงึ่ การราเฉพาะอย่างน้ี
อาจใช้แสดงเฉพาะโอกาส เช่น ราในพิธีไหว้ครูหรือพิธีแต่งพอกผูกผา้ ใหญ่ บางอย่างใช้ราเฉพาะเมื่อมีการ
ประชนั โรง บางอย่างใชใ้ นโอกาสราลงครูหรอื โรงครู และราแกบ้ น เปน็ ต้น
5. การเล่นเป็นเรื่อง โดยปกติโนราไม่เน้นการเล่นเป็นเรื่อง แต่ถ้ามีเวลาแสดงมากพอหลังจาก
การอวดการราการร้องแล้ว อาจแถมการเล่นเป็นเรื่องให้ดูเพ่ือความสนุกสนานโดยเลือกเร่ืองท่ีรู้ดีกันแล้ว
บางตอนมาแสดงเลือกเอาแต่ตอนที่ต้องใช้ตัวแสดงน้อย ๆ (2-3 คน) ไม่เน้นท่ีการแต่งตัวตามเร่ือง
มักแต่งตามท่ีแต่งราอยู่แล้ว แล้วสมมติเอาว่าใครเป็นใคร แต่จะเน้นการตลกและการขับบทกลอนแบบ
โนราใหไ้ ดเ้ นือ้ หาตามท้องเรอื่ ง
6. เครอ่ื งแต่งกาย เทริด (อา่ นวา่ เซิด) เป็นเคร่ืองประดบั ศีรษะของตวั นายโรงหรือโนราใหญ่หรือ
ตัวยืนเคร่ือง (โบราณไม่นิยมให้นางราใช้) ทาเป็นรูปมงกุฎอย่างเตี้ย มีกรอบหน้า มีด้ายมงคลประกอบ
เครื่องรูปปัด เครื่องรูปปัดจะร้อยด้วยลูกปัดสีเป็นลายมีดอกดวง ใช้สาหรับสวมลาตัวท่อนบนแทนเส้ือ
ประกอบด้วยชิ้นสาคัญ 5 ชิ้น คือ บ่าสาหรับสวมทับบนบ่าซ้าย-ขวา รวม 2 ชิ้น ปิ้งคอสาหรับสวมห้อย
คอหน้า-หลงั คล้ายกรองคอหนา้ -หลงั รวม 2 ช้ิน พานอกรอ้ ยลกู ปัดเปน็ รปู สเี่ หลีย่ มผืนผ้าใชพ้ นั รอบตัวตรง

58

ระดับอก บางถ่ินเรียกว่า “พานโครง” บางถิ่นเรียกว่า “รอบอก” เคร่ืองลูกปัดดังกล่าวน้ีใช้เหมือนกัน
ท้ังตัวยืนเครื่องและตัวนาง แต่มีช่วงหน่ึงท่ีคณะชาตรีในมณฑลนครศรีธรรมราชใช้อินทรธนู ซับทรวง
(ทับทรวง) ปีกเหน่งแทนเครื่องลกู ปัดสาหรบั ตัวยืนเครื่อง ปีกนกแอ่นหรือปีกเหน่ง มักทาด้วยแผ่นเงนิ เป็น
รูปคล้ายนกนางแอ่นกาลังกางปีกใช้สาหรับโนราใหญ่หรือตัวยืนเคร่ือง สวมติดกับสังวาลอยู่ที่ระดับเหนือ
สะเอวด้านซ้ายและขวา คล้ายตาบทิศของละคร ซับทรวง ทับทรวงหรือตาบ สาหรับสวมห้อยไว้ตรง
ทรวงอก นิยมทาด้วยแผ่นเงินเป็นรูปคล้ายขนมเปียกปูนสลักเป็นลวดลาย และอาจฝังเพชรพลอยเป็น
ดอกดวงหรืออาจร้อยด้วยลูกปัด นิยมใช้เฉพาะตัวโนราใหญ่หรือตัวยืนเคร่ือง ตัวนางไม่ใช้ซับทรวง
ปีกหรือท่ีชาวบ้านเรียกว่า หางหรือหางหงส์ นิยมทาด้วยเขาควายหรือโลหะเป็นรูปคล้ายปีกนก 1 คู่
ซา้ ย-ขวาประกอบกัน ปลายปกี เชดิ งอนขนึ้ และผูกรวมกนั ไว้มีพู่ทาด้วยด้ายสีติดไว้เหนือปลายปีก ใชล้ กู ปัด
ร้อยห้อยเป็นดอกดวงรายตลอดทั้งข้างซ้ายและขวาให้ดูคล้ายขนของนก ใช้สาหรับสวมคาดทับผ้านุ่งตรง
ระดับสะเอวปล่อยปลายปีกยื่นไปด้านหลังคลา้ ยหางกนิ นร ผา้ น่งุ เปน็ ผา้ ยาวส่ีเหลยี่ มผืนผา้ นงุ่ ทับชายแล้ว
ร้ังไปเหน็บไว้ข้างหลัง ปล่อยปลายชายให้ห้อยลงเช่นเดียวกับหางกระเบน เรียกปลายชายที่พับแล้วห้อย
ลงนี้ว่า “หางหงส์” การนุ่งผ้าของโนราจะรั้งสูงและรัดรูปแน่นกว่านุ่งโจมกระเบน หน้าเพลา เหน็บเพลา
หนับเพลาก็ว่าคือ สนับเพลาสาหรับสวมแล้วนุ่งผ้าทับ ปลายขาใช้ลูกปัดร้อยทับหรือร้อยทาบ ทาเป็น
ลวดลายดอกดวง เช่น ลายกรวยเชิง รักร้อย ผ้าห้อย คือ ผ้าสีต่าง ๆ ที่คาดห้อยคล้ายชายแครงแต่อาจมี
มากกว่า โดยปกติจะใชผ้ ้าที่โปร่งผ้าบางสีสดแต่ละผืนจะเหนบ็ หอ้ ยลงทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของหน้าผา้
หน้าผ้า ลักษณะเดียวกับชายไหว ถ้าเป็นของโนราใหญ่หรือนายโรงมักทาด้วยผ้าแล้วร้อยลูกปัดทาบเป็น
ลวดลายท่ีทาเป็นผ้า 3 แถบคล้ายชายไหวล้อมด้วยชายแครงก็มี ถ้าเป็นของนางราอาจใช้ผ้าพ้ืนสีต่าง ๆ
สาหรบั คาดหอ้ ยเช่นเดียวกับชายไหว

คุณค่าของโนราที่ศึกษาประกอบด้วย 6 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้านสุนทรียศาสตร์
ด้านจริยศาสตร์ ด้านหัตถศิลป์ และด้านวรรณศิลป์ ส่วนการสืบทอดโนราเพ่ือการดารงอยู่ของวัฒนธรรม
พ้ืนบ้าน กรณีศึกษาโนรายก ชูบัว มีท้ังส้ิน 3 รูปแบบ คือ การสืบทอดผ่านการศึกษาในระบบ การศึกษา
นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย องค์ประกอบที่ศึกษาประกอบไปด้วย ด้านผู้เรียน ด้านวิธีสอน
และด้านกจิ กรรมการเรยี นรู้

59

แตเ่ มอ่ื มีปจั จัยทางด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกจิ เขา้ มาทาใหโ้ นราจาเปน็ ต้องปรับตัวไปจาก
อดีตเพื่อให้การแสดงโนราสามารถดารงอยู่ได้ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการสืบทอด การกาหนดระเบียบ
การกรมศิลปากรว่าด้วยระเบยี บการละเลน่ พื้นเมอื ง พ.ศ. 2485 การเข้ามาของเทคโนโลยีสมยั ใหม่สู่สังคม
ชนบทและส่อื บนั เทงิ แขนงอนื่ ๆ ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคดิ เก่ยี วกบั การเปล่ียนแปลงทางวัฒนธรรม กล่าวคอื
การเปล่ียนแปลงเป็นผลมาจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม โดยมีพื้นฐานสาคัญ คือ เทคโนโลยี
โครงสร้างทางสังคม และลักษณะของสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะสังคมของโนราที่ต้องเปล่ียนแปลงและ
ปรับตวั ใหก้ ารแสดงโนราสามารถดารงอยู่ไดใ้ นสงั คม ปัจจยั ทางสงั คม การเมอื ง และเศรษฐกิจ ทาใหโ้ นรา
ต้องปรับตัวทางด้านรูปแบบของการแสดง โดยพัฒนาโดยการปรับองค์ประกอบในการแสดง การแสดงจะ
มีลักษณะเป็นโนราสมัยใหม่มากขึ้น ประกอบกับมีการแสดงแบบวงดนตรีลูกทุ่ง เครื่องแต่งกายมีการ
ปรับปรุงเพิ่มสีสันของลูกปัดโนราให้เข้ากับสมัยนิยม ดนตรีมีการนาเคร่ืองดนตรีสากลเข้ามาประกอบ
ในส่วนของเวทีจะใช้เวทีเหล็กมาแทนเวทีไม้แบบเดิม เพ่ิมไฟ แสง สี เสียง และค่าตอบแทนมีการจัดการ
ในเชงิ ธรุ กจิ เพอ่ื ความบันเทิง มีการตงั้ ราคาและค่าตอบแทนการแสดงแต่ละครั้งในราคาท่ีสงู ขึน้ เมอ่ื คนดูมี
ความนยิ มการแสดงโนราสมยั ใหม่มากข้นึ โนราคณะอน่ื ๆ จึงตอ้ งปรับตวั ตาม มีการแขง่ ขนั กนั เรื่อยมาจน
เป็นรูปแบบการแสดงโนราสมยั ใหมด่ ังทีเ่ ป็นอย่ใู นปัจจุบนั ถึงแม้วา่ โนราในภาคใต้ตอนล่างจะมีการปรับตวั
เพอื่ การดารงอยขู่ องตนเองแต่ในเร่ืองของความเช่ือ พิธีกรรมท่ีเก่ียวกับโนราก็ยังคงอยู่ ถงึ แมจ้ ะมีการปรับ
ลดลงในเร่ืองของพิธีกรรมบางอย่าง แต่ขนบนิยมในรูปแบบของการแสดงโนราก็ยังคงอยู่และผู้คนใน
ภาคใต้ยังมีความเช่ือในเร่ืองของพิธีกรรมท่ีเกี่ยวกับครูหมอโนรา ตายายโนรา ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิที่ให้ทั้งคุณ
และโทษ โดยสะท้อนผ่านพิธีกรรมซึ่งผลของการเปล่ียนแปลงยังส่งผลให้โนราสามารถดารงอยู่ได้ใน
ปัจจบุ นั แต่กย็ งั คงมีกระแสวพิ ากษว์ ิจารณ์เกีย่ วกบั การปรับตวั ดา้ นองค์ประกอบของโนรา

นอกจากน้ียังมีการนาเอาความเป็นโนรามาเป็นอาชีพเสริม ไม่ว่าจะเป็นอาชีพทาเคร่ืองแต่งกาย
อาชีพทาเทริด และการทาของที่ระลึก โดยมีหน่วยงานทางภาครัฐเข้ามาสนับสนุน เพื่อช่วยให้โนราและ
ครอบครัวมีรายได้เสริมถงึ แม้ว่าจะมปี ัญหาตา่ ง ๆ เขา้ มามากมาย การแสดงโนราก็ยังดารงอยู่ในท้องถิ่นใต้
ในปัจจุบัน แต่การดาารงอยู่ของโนราน้ันต้องผ่านการปรับตัวหรือเปล่ียนแปลงต่าง ๆ มากมายเพ่ือความ
อยู่รอด โดยมีการปรับตวั ด้านรูปแบบการแสดงทาให้โนราสามารถดารงอยู่ได้ ดังน้นั การปรบั ตวั เพ่ือดารง
อยู่ของโนรานี้ถือเป็นพลวัตทางวัฒนธรรม เนื่องด้วยการปรับตัวก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงซึ่งส่งผลต่อ
สภาพการดารงอยู่ของโนรา ทาให้โนราซ่งึ การแสดงพืน้ บ้านของภาคใต้ยังคงดารงอยู่ไดใ้ นปัจจุบัน

บรรณานกุ รม

จินดา จนั ทรส์ ุวรรณ, ชนัย วรรณะลี และนวิ ัฒน์ สุขประเสริฐ. “การวเิ คราะห์กระบวนท่าราใน

พิธีครอบเทริดโนรา = The analysis of dance postures in crowning of Norah
Headdress Ceremony,” วารสารวชิ าการมหาวิทยาลัยราชภัฏภเู ก็ต. 12, 1 (มกราคม-

มถิ นุ ายน 2561) : 88-89. เข้าถึงได้จาก : https://so05.tci-thaijo.org/index.php/
Patanasilpa/article/view/252063. [สืบคน้ เม่ือ 10 สิงหาคม 2564].
จรี วรรณ ศรหี นูสุด. ศลิ ปะการแสดงโนรา : ทุนทางสงั คมในการฟ้ืนฟูพลงั ชุมชนบ้านเกราะประดู่
หมูท่ ี่ 2 ตาบลทา่ มะเดื่อ อาเภอบางแกว้ จังหวัดพัทลุง. วิทยานพิ นธ์พัฒนาชมุ ชนมหาบัณฑิต.
ภาควชิ าการพฒั นาชมุ ชน คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2552.
เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://dric.nrct.go.th/Search/ShowFulltext/2/262837. [สบื ค้นเม่ือ
9 สงิ หาคม 2564].
จุฑาภรณ์ มสี ขุ ศร.ี การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศลิ ปะการแสดงโนราโรงครวู ดั ทา่ แค
เพ่อื การทอ่ งเที่ยววัฒนธรรม. วทิ ยานพิ นธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารงาน
วฒั นธรรม วิทยาลัยนวตั กรรม มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, 2558. เข้าถงึ ไดจ้ าก :
https://madlab.cpe.ku.ac.th/TR2/?itemID=1061045. [สบื ค้นเมอ่ื 12 สงิ หาคม 2564].
“ตน้ กาเนิด โนรา” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://www.lib.ru.ac.th/journal2/?p=9276, 2563.
[สืบคน้ เม่อื 13 สงิ หาคม 2564].
ธนภูมิ ขนุ หลา. การศกึ ษารปู แบบการแสดงโนราด้ังเดมิ กับการปรบั ตวั เพ่ือดารงอยู่ของโนรา
กรณศี กึ ษาโนราในภาคใตต้ อนลา่ ง. ภาคนิพนธ์ศลิ ปศาสตรบัณฑิต. สาขาเอเชยี ตะวันออก
เฉียงใต้ศึกษา คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2558. เข้าถึงได้จาก : http://km-
ir.arts.tu.ac.th/s/ir/item/2104. [สบื ค้นเม่ือ 11 สิงหาคม 2564].
ธนาภรณ์ โพธเิ์ พชร. มโนราหร์ ่วมสมัย. วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาศลิ ปมหาบัณฑติ . สาขาวิชาทศั นศลิ ปศึกษา
บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศลิ ปากร, 2557. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.thapra. lib.su.ac.
.th/objects/thesis/fulltext/thapra/Thanaporn_Phophet/fulltext.pdf. [สบื ค้นเมื่อ
12 สงิ หาคม 2564].

61

ธรี ยุทธ์ พรมดี. โนราและวถิ ีชวี ิต. ศิลปนพิ นธป์ รญิ ญาศิลปบณั ฑติ . ภาควชิ าศลิ ปไทย
คณะจติ รกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, 2552. เข้าถงึ ได้จาก :
http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/bachelor/p42552006/fulltext
.pdf. [สบื ค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2564].

เธียรชยั อิศรเดช และคณะ. “โครงการ ศักยภาพโนราในการพฒั นาท้องถน่ิ ,” รายงานการวิจยั .
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2547. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.tnrr.in.th/?page=result
_search&record_id=10334491. [สืบคน้ เมื่อ 10 สิงหาคม 2564].

“โนรา ท่สี ดุ แห่งทกั ษณิ นาฏยศาสตร์,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://article.culture.go.th/
index.php/template-features/198, 2554. [สืบค้นเม่ือ 13 สิงหาคม 2564].

ปทติ ตา ทองขาว. โครงการศนู ยก์ ารเรียนร้นู าฏศิลปภ์ าคใต้. วิทยานพิ นธท์ างสถาปัตยกรรม
ศาสตร์. สาขาวิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรปี ทุม, 2559.
เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://dspace.spu.ac.th/bitstream/123456789/5041/1/ TH_55017035_
Patitta_Thongkhaw.pdf. [สบื ค้นเม่ือ 13 สงิ หาคม 2564].

“ประวตั ิความเป็นมาของมโนราห์,” [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com/site
/psysicstam/prawati-khwam-pen-ma-khxng-mno-ra, 2562. [สืบค้นเมื่อ 13 สิงหาคม
2564].

พัทธานันท์ สมานสขุ และพรทิพย อนั ทวิ โรทัย. “คุณคา่ โนรา,” วารสารอิเลก็ ทรอนิกส์ทางการศกึ ษา.
11, 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2562) : 412-417. เข้าถึงได้จาก : ttps://so01.tcithaijo.org
/index.php/OJED/article/view/84006. [สบื ค้นเม่ือ 13 สงิ หาคม 2564].

พงศ์อินทร์ นนั ทวงศ,์ เรณู เหมอื นจันทร์เชย และขนบพร วงศ์กาฬสินธ์ุ. “การจัดการมรดกทางวฒั นธรรม
: กรณีศกึ ษาศาลเจ้าพ่อขุนศรัทธาบ้านท่าแค ตาบลทา่ แค อาเภอเมอื ง จงั หวัดพัทลงุ = Cultural
HeritageManagement : A Case Study of Khun Sattha Shrine at Ban Thakhae,
Thakhae Sub-district, Muang District, Phatthalung Province,” อนิ ทนิลทกั ษิณสาร.
14, 1 (มกราคม-มิถนุ ายน 2562) : 51-53. เขา้ ถึงได้จาก :. https://so02.tci- thaijo.org
/index.php/HUSOTSU/article/view/199965. [สบื คน้ เม่อื 10 สงิ หาคม 2564]

62

พิทยา บษุ รารัตน์ และเบ็ญจวรรณ บัวขวัญ. “โนรา : การเปลี่ยนแปลงการปรบั ตวั และพลงั
สรา้ งสรรคใ์ นการดารงอย่ขู องคตี นาฏยลกั ษณ์แห่งภาคใต้,” สารอาศรมวฒั นธรรมวลัยลักษณ์.
16, 2 (กรกฎาคม -ธนั วาคม 2560) : 61-62. เข้าถงึ ได้จาก : https://so06.tci- thaijo.org
/index.php/cjwu/article/view/95390. [สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2564].

มณฑาฑพิ ย์ ศริ พิ นั ธ.์ การแสดงโนราคณะละมยั ศลิ ป์ : การศกึ ษาตามแนวชาตพิ ันธ์วุ รรณนาแห่ง
การสื่อสาร. วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาอักษรศาสตรมหาบณั ฑิต. สาขาวชิ าภาษาไทย ภาควิชา
ภาษาไทยบัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยศลิ ปากร, 2554. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.sure.
su.ac.th.xmlui/handle/123456789/4453. [สบื ค้นเม่ือ 12 สิงหาคม 2564].

วงษส์ ริ ิ เรอื งศร.ี “มโนราห์ บนฐานการจัดการวฒั นธรรมร่วม : โนราเติม เมอื งตรงั = Manora on
the base management of collective culture : Nora Teim Muang Trang,” วารสาร
สังคมศาสตรแ์ ละวัฒนธรรม. 4, 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2563) : 24-26. เขา้ ถงึ ได้จาก :
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/download/244760/167052/.
[สืบคน้ เม่อื 9 สิงหาคม 2564].

รุง่ ทพิ ย์ สุวรรณสถิต และกฤษณา ไวสารวจ. “การส่งเสรมิ และการอนุรักษ์ศลิ ปะการแสดง
มโนราห์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ จังหวัดนครศรธี รรมราช,” วารสารมนษุ ย์ศาสตรแ์ ละ
มนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสรุ นิ ทร.์ 21, 1 (มกราคม-มิถุนายน 2562) : 232-234.
เข้าถงึ ได้จาก : https://so03.tcithaijo.org/index.php/jhssrru/article/download/201439
/140710/. [สบื ค้นเมอื่ 9 สิงหาคม 2564].

“เลา่ ขานตานาน โนราปักษใ์ ต้,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.culture.go.th/cultur
_th/ewt_news.php?nid=5873&filename=index, 2561. [สืบค้นเม่อื 13 สงิ หาคม 2564].

วรรณกร พลพิชยั และเจตนา อินยะรตั น์. “การศกึ ษาความเชื่อ พธิ ีกรรม และรูปแบบการสบื ทอด
ครหู มอโนราและโนราโรงครู ในตาบลปรกิ อาเภอทงุ่ ใหญ่ จังหวดั นครศรีธรรมราช = Study of
Beliefs, Rite, and Inherited form of Khrumornora and Nora-Rong khru in Prig
subdistrict, Thungyai district, Nakhonsrithammarat province,” รายงานการวจิ ัย.
คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั , 2561.
เขา้ ถงึ ได้จาก : https://riss.rmutsv.ac.th/upload/doc/201911/C83GU8is6yvYOuZk0
Wac/C83GU8is6yvYOuZk0Wac.pdf. [สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2564].

63

ศิรมั ภา จุลนวล. โครงการศกึ ษาศิลปะการแสดงโนราเพ่อื การออกแบบผลติ ภณั ฑต์ กแต่งภายใน
ทอี่ ยู่อาศยั . วทิ ยานิพนธ์ปริญญาศลิ ปมหาบัณฑติ . สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์ ภาควิชาการ
ออกแบบผลิตภณั ฑ์ บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, 2556. เขา้ ถงึ ได้จาก :
http://www.sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/13583. [สืบค้นเม่อื 11 สงิ หาคม
2564].

สมโภชน์ เกตแุ กว้ , สุรพล วิรฬุ ห์รักษ์ และพรี ะ พันลูกท้าว. “กลวธิ กี ารราโนราทาบท,” วารสารวิชาการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏภเู ก็ต. 12, 1 (มกราคม-มิถนุ ายน 2559) : 183-187. เขา้ ถึงไดจ้ าก :
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/243261. [สืบค้นเมือ่ 10
สงิ หาคม]


Click to View FlipBook Version