The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 5 จรรยาบรรณของวิชาชีพครูที่คุรุสภากำหนดและองค์กรวิชาชีพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บทที่ 5 จรรยาบรรณของวิชาชีพครูที่คุรุสภากำหนดและองค์กรวิชาชีพ

บทที่ 5 จรรยาบรรณของวิชาชีพครูที่คุรุสภากำหนดและองค์กรวิชาชีพ

บทที่ 5
จรรยาบรรณของวชิ าชีพครูที่คุรุสภา

กาหนดและองค์กรวชิ าชีพ

จรรยาบรรณ หมายถึง หนังสือ หรือเอกสารท่ีกล่าวถึงกิริยาท่ีควรประพฤติ
กรรมหรือกิริยาท่ีครูควรประพฤติปฏิบัติน่ันเอง เป็ นการแสดงความประพฤติ
หรือข้อกาหนด กิริยาท่ีควรประพฤติ หรือการประมวลความประพฤติ ท่ีผู้
ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่างกาหนดขึน้ เพ่ือรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ
ชื่อเสียง และฐานะของสมาชิก อาจเป็ นลายลกั ษณ์หรือไม่กไ็ ด้

จรรยาบรรณวิชาเป็ นส่ิงสาคญั ในการที่จะจาแนกอาชีพว่าเป็ น
วิชาชีพหรือไม่ อาชีพท่ีเป็ น “วิชาชีพ” น้ันกาหนดให้มีองค์กร
รองรับ และมีการกาหนดมาตรฐานของความประพฤตขิ องผู้อยู่ใน
วงการ วชิ าชีพซ่ึงเรียกว่า “จรรยาบรรณ” ส่วนลักษณะ “วิชาชีพ
” ท่ีสาคัญคือ เป็ นอาชีพที่มีศาสตร์ ช้ันสูงรองรับ มีการศึกษา
ค้นคว้าวจิ ัยและพฒั นาวชิ าชีพมีการจดั การสอนศาสตร์ดังกล่าวใน
ระดับ อุดมศึกษาท้ังการสอน ด้วยทฤษฎแี ละการปฏิบัติจนผู้เรียน
เกดิ ความชานาญ

1. ศรัทธาต่อวชิ าชีพ
2. ธารงและปกป้องวชิ าชีพครู
3. พฒั นาองค์ความรู้ในวชิ าชีพครู
4. สร้างองค์กรวชิ าชีพครูให้แขง็ แกร่ง
5. ร่วมมือในกจิ กรรมขององค์กรวชิ าชีพ

1. ต้งั ใจถ่ายทอดวชิ าการ

2. รักและเข้าใจศิษย์

3. ส่งเสริมการเรียนรู้
4. ยุตธิ รรม
5. ไม่แสวงหาประโยชน์จากผู้เรียน

จรรยาบรรณวชิ าชีพน้ันมมี าต้งั แต่สังคมมนุษย์ในอดตี กาลแล้ว ยงิ่ อาชีพที่
จะต้องใช้วิชาความรู้ท่ีเฉพาะเจาะจงในการประกอบการ ในอดีตน้ันมักจะ
ถ่ายทอดกันทางสายเลือด เป็ นการถ่ายทอดให้กับทายาทหรือผู้สืบสกุล เช่น
วชิ าชีพปโุ รหิต วชิ าแพทย์วชิ าชีพช่างบางแขนง เป็ นต้น

การแยกระเบียบเป็ นจรรยามรรยาทกบั วนิ ัย ตามพ.ร.บ.ครู พ.ศ.2488
ทาให้ยุ่งยากในการบังคับ สับสนท้ังผู้ใช้และผู้ปฏิบัติภายหลังคุรุสภาจึง
ได้ปรับปรุงยุบรวมระเบียบท้ัง 2 ฉบับ แล้วกาหนดขึ้นใหม่เม่ือ พ.ศ.
2526 เรียกว่าระเบยี บคุรุสภา ว่าด้วยจรรยามรรยาทและวนิ ัยตามระเบยี บ
ประเพณขี องครูพ.ศ. 2526 ต่อมาปี 2533 คุรุสภา ในฐานะองค์กรส่งเสริม
และพัฒนาวิชาชีพครู ได้กาหนดเกณฑ์มาตรฐาน วิชาชีพครูขึ้น
ประกอบด้วยเกณฑ์ 4 ด้านคือ รอบรู้ สอนดี มีคุณธรรมจรรยาบรรณ
และ มุ่งมนั่ พฒั นา

จรรยาบรรณข้อท่ี 1 ครูต้องรักและเมตตาศิษย์

จรรยาบรรณข้อท่ี 2 ครูต้องอบรมสั่งสอน ฝึ กฝน สร้างเสริมความรู้ทกั ษะ

จรรยาบรรณข้อที่ 3 ครูต้องประพฤติปฏบิ ัตติ นเป็ นแบบอย่างทด่ี ีแก่ศิษย์ท้งั ทางกาย วาจาและจิตใจ

จรรยาบรรณข้อที่ 4 ครูต้องไม่กระทาตนเป็ นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และ
สังคมของศิษย์

จรรยาบรรณข้อที่ 5 ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็ นอามิสสินจ้างจากลูกศิษย์ในการปฏิบัติ หน้าท่ี
ตามปกติและไม่ใช้ศิษย์กระทาการใด ๆ

จรรยาบรรณข้อที่ 6 ครูย่อมพฒั นาตนเอง ท้งั ในด้านวชิ าชีพ ด้านบุคลกิ ภาพ และวสิ ัยทศั น์ ใ ห้ ทั น
ต่อการพฒั นาทางวชิ าการ

จรรยาบรรณข้อที่ 7 ครูย่อมรักและศรัทธาในวชิ าชีพครูและเป็ นสมาชิกทดี่ ขี ององค์กรวชิ าชีพครู

จรรยาบรรณข้อท่ี 8 ครูพงึ ช่วยเหลือเกือ้ กลู ครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์ การให้ความร่วมมือ

จรรยาบรรณข้อท่ี 9 ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็ นผู้นาในการอนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาและ
วฒั นธรรมไทย

ในยุคโลกาภิวัตน์มีการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึน้ อย่างรุนแรงแม้กระทั่งการศึกษาก็ไม่เว้น ทาง
การศึกษาไทยก็มีการเปล่ียนแปลงภายในสายวิชาชีพครู มาตรฐานวิชาชีพครูของคุรุสภา
ประกอบด้วย มาตรฐาน 3 ด้าน คือ

1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วชิ าชีพ

2. มาตรฐานการปฏิบตั งิ าน

3. มาตรฐานการปฏิบัตติ น(จรรยาบรรณของวชิ าชีพ)

กุลยา ตันติผวาชีวะและคณะ(2529:104-105) ได้สรุปผลการศึกษาเปรียบเทียบ
จรรยาบรรณของวิชาชีพครู กับวิชาชีพอ่ืนอีก7 สาขา คือ วิชาชีพแพทย์ พยาบาล
ทนายความ ตุลาการ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม และผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ได้สรุปลกั ษณะ
ตรงกนั หรือร่วมกนั ของแต่ละวชิ าทศี่ ึกษาท้งั 7 สาขา คือ

มหี ลกั จรรยาบรรณเหมือนกนั อยู่ 5 ประการ คือ

1. ความซื่อสัตย์ในการประกอบอาชีพ
2. การดารงไว้ซึ่งเกยี รตแิ ละศักด์แิ ห่งความเป็ นครู
3. ความรับผดิ ชอบต่อวชิ าชีพครู
4. การศึกษาความลบั ของผู้รับบริการทางวชิ าชีพ
5. ไม่อวดอ้าง ไม่โฆษณาชวนเช่ือหรือประกาศคุณสมบัตคิ วามสามารถทาง
วชิ าชีพจนเกนิ กว่าเหตุเพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพของตน

ความหมายของวิชาชีพ หมายถึง การทามาหากิน ทาธุรกิจ ตามความชอบหรือ
ความถนัด ได้ค่าตอบแทนเป็ นค่าจ้าง หรือเงินเดือน ธุรกิจ หมายถึง อาชีพ หรือการ
ประกอบการท่ีมีจุดมุ่งหมายเพ่ือทาให้เกดิ ผลกาไร ผู้ประกอบการหรือผู้ประกอบธุรกิจ
มคี วามชอบธรรมทจ่ี ะแสวงหาผลประโยชน์จากธุรกจิ น้ัน ให้มากทส่ี ุดเท่าท่ีจะทาได้

1) วชิ าชีพช้ันสูงจะต้องมกี ารบริการทใี่ ห้แก่สังคมทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะเจาะจงและจาเป็ น
2) สมาชิกของวชิ าชีพช้ันสูงจะต้องใช้วธิ ีการแห่งปัญญาในการให้บริการ
3) สมาชิกของวชิ าชีพช้ันสูงจะต้องได้รับการอบรมให้มีความรู้กว้างขวางลกึ ซึ้ง
4) สมาชิกของวชิ าชีพช้ันสูงจะต้องมีเสรีภาพในการใช้วชิ าชีพน้ัน ๆ
5) วชิ าชีพช้ันสูงจะต้องมีจรรยาบรรณ
6) วชิ าชีพช้ันสูงจะต้องมสี ถาบันวชิ าชีพเป็ นแหล่งกลางในการสร้างสรรค์จรรโลงมาตราฐาน

วชิ าชีพครู หมายถึง วชิ าชีพทางการ ศึกษาทที่ าหน้าทหี่ ลกั ทางด้านการเรียน
การสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวธิ ีการ ต่าง ๆ รวมท้งั การ
รับผดิ ชอบการบริหารสถาน ศึกษาในสถานศึกษาปฐมวยั ข้นั พืน้ ฐาน และ อุดมศึกษา
ทต่ี ่ากว่าปริญญา ท้งั ของภาครัฐและ เอกชน และการบริหารการศึกษานอก
สถานศึกษา ตลอดจนการสนับสนุนการศึกษาให้บริหาร

องค์กรวิชาชีพเป็ นองค์กรท่ีจัดต้ังโดยกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพน้ัน ๆ ได้รับ
การสนับสนุนจากผู้ ประกอบวิชาชีพเดียวกนั โดยมวี ัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือ
เกื้อกูลสมาชิกผู้ประกอบวิชาชีพเดียวกัน ภารกิจ หลักขององค์กรวิชาชีพการ
สอดส่องดูแลจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพ ตลอดจนการจัดสวัสดิการ
เพ่ือความก้าวหน้าทางอาชีพและมาตรฐานการดารงชีวิตของมวล สมาชิกเช่น
เนติบัณฑิตยสภา สภาพนายความ แห่งประเทศไทย สภาการพยาบาล สมาคม
นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แพทย์สภา ฯลฯ องค์กร วิชาชีพเป็ นการ
จัดต้ังของกลุ่มบุคคลผู้ประกอบวิชาชีพเดียวกันท่ีมีความประสงค์ เพื่อส่ งเสริม
ความเข้าใน ระหว่างสมาชิก

1. เป็ นองค์กรทผ่ี ู้ประกอบวชิ าชีพเดยี วกนั มสี ภาปัญหาคล้ายกนั ร่วมกนั จดั ต้งั ขนึ้
2. วชิ าชีพน้ัน ๆ เป็ นวชิ าชีพทีจ่ าเป็ นต่อสังคมและในการประกอบวชิ าชีพมผี ลกระทบต่อมวลชน
3. เป็ นนิตบิ ุคคล มกี ฎหมายรองรับในการดาเนินการ
4. มที รัพยากรขององค์กร สถานที่ บุคลากร ส่ิงอานวยความสะดวก ตลอดจนทรัพย์สินต่าง ๆ
5. มี พ.ร.บ. ควบคุม เช่น พ.ร.บ. ทนายความ, พ.ร.บ. ครู เป็ นต้น
6. มีจรรยาบรรณแห่งวชิ าชีพท่ีเผยแพร่ให้สังคมรับทราบ

1. องค์กรผลติ ครู

ในอดตี การผลติ ครูเป็ นภารกจิ ของรัฐเท่าน้ัน แต่ภายหลงั การบงั คบั ใช้รัฐธรรมนูญแห่ง

ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 สถาบันการศึกษาเอกชนท่ีสอนระดับปริญญาก็สามารถเปิ ด
สอนหลักสูตรเพื่อการผลิตครูได้ องค์กรผลิตครูไทยในอนาคต น่าจะมีหน่วยงานเพียง 3
กล่มุ คือ

1. คณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์สังกดั มหาวทิ ยาลยั เดมิ

2. กล่มุ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั

3. มหาวทิ ยาลยั เอกชน

2. องค์กรใช้ครู

ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ผู้สอนในระดับ
การศึกษาข้นั พืน้ ฐานท้งั หมด จะมีตาแหน่งเป็ นครู ฉะน้ันองค์กรใช้ครูกค็ ือ
สถานศึกษาทจ่ี ดั การศึกษาข้นั พืน้ ฐานหรือระดับอุดมศึกษาท่ีต่ากว่าปริญญา
อาจแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ

1. สถานศึกษาสังกดั เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา

2. สถานศึกษาสังกดั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

3. สถานศึกษาเอกชนหรือหน่วยงานพเิ ศษของรัฐ

3. องค์กรพฒั นาครู

องค์กรพัฒนาครูมีหลายรูปแบบ อาจเป็ นองค์กรที่ไม่เป็ นทางการ เช่น สหภาพครู
ท้งั หลาย ชมรมครูต่าง ๆ ทมี่ คี วามสนใจในเร่ืองใดร่วมกนั เป็ นต้น สาหรับองค์กรพฒั นาครูที่
เป็ นทางการก็คือองค์กรที่จัดต้ังขึน้ โดยมีกฎหมายรองรับหรือจัดต้ังขึ้นโดยการบังคับของ
กฎหมาย เช่น

1. คณะกรรมการบริหารบุคคลของราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ)

2. สมาคมทเ่ี กยี่ วข้องกบั การประกอบวชิ าชีพครู ( สมาคมการศึกษาแห่งชาติ สมาคมครู
แห่งประเทศไทย เป็ นต้น)

การพฒั นาวชิ าชีพของครู (Teacher professional development)

หมายถึง กจิ กรรมใด ๆ ในระหว่างการปฏิบัติงานของครู ท้งั ท่ีเป็ นไปตามแผนหรือครูริเริ่ม
เอง ในการปรับปรุงความรู้ทักษะและเจตคติที่มีเป้าหมาย เพ่ือให้ครูมีพัฒนาการทาง
วชิ าชีพ

แนวคิดในการพัฒนาที่ทาให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้และแสวงหาความรู้ด้วย ตนเองอย่าง
ต่อเน่ืองตลอดชีวิต ยดึ ผู้เรียนเป็ นศูนย์กลางของการพฒั นา จัดรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อสนอง
ความต้องการ ความสามารถและความถนัดของผู้เรียน

1. การเตรียมครูสาหรับปัจจุบันและอนาคต
2. แนวทางการปรับปรุงคุณภาพครู

ครูจึงมีความสาคญั อย่างยิง่ ในฐานะผู้จัดประสบการณ์และกระบวนการเรียนรู้ ตลอดจนสาระและ
สรรพวิทยาท้ังหลายเพื่อช่วยพัฒนาให้สมาชิกใหม่ให้กับสังคมให้เป็ นผู้ท่ีมีความคิดรู้จักวิเคราะห์อย่างมี
เหตุผล เป็ นผู้มีธรรมาภิบาล คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณตามท่ีสังคมประสงค์ ครูหมายถึงผู้
ประกอบวชิ าชีพครูทุกสังกดั ทุกระดบั และทุกประเภทจงึ ต้องมคี ุณลกั ษณะเฉพาะ มีความสามารถเหมาะสม
ในการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องเพ่ือให้รู้ทนั กระแสการเปลยี่ นแปลงของโลก การพฒั นาวิชาชีพครู
จะต้องมีองค์กรในการควบคุมดูแล เพราะองค์กรวิชาชีพครูน้ันเป็ นระบบของสังคมที่จัดต้ังขึ้นเพื่อ
ประโยชน์ของสังคมเอง

ขอบคณุ
ครบั /คะ่


Click to View FlipBook Version