โรงเรยี นวดั แม่สะลาบ
สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา ประถมศกึ ษาประถมศกึ ษาเชียงใหม่ เขต 4
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
ชือ่ เร่ือง ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ
ก่อนใช้และหลงั ใชส้ ่ือการสอนและบทเรยี นออนไลน์ โดยประยกุ ต์ใช้
ชอื่ ผวู้ จิ ัย เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
ปีทีศ่ ึกษา
วันนภา ชมบาล
พ.ศ. 2563 – 2564 (ปีการศกึ ษา 2563)
บทคัดยอ่
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนรายวิชาวิทยาการคำนวณของ
นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ปกี ารศกึ ษา 2563 2) เพื่อเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการคำนวณ ก่อนใช้และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์
โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) ประชากรเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนวัดแม่
สะลาบ อำเภอเวียงสารภี จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4
จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาวิทยาการ
คำนวณ สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) รายวิชาวิทยาการ
คำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ผลการวิจัยพบว่า จากการ
เปรียบเทียบผลของคะแนนก่อนและหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ (DLIT) ในรายวิชาวิทยาการคำนวณ ค่าเฉลีย่ คะแนนของนักเรียนนักเรียนท่ีช้ันประถมศึกษาปที ่ี
4 ได้ค่าเฉลี่ยก่อนเรียน 41.38 และค่าเฉลี่ยหลังเรียน 58.62 ผลต่างของคะแนนหลังจากการใช้สื่อการสอน
และบทเรยี นออนไลน์ โดยประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) ดขี นึ้ 17.24 โดยคิดเปน็ ร้อยละ 41.67
กิตตกิ รรมประกาศ
รายงานการวิจัยในชั้นเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชา
วิทยาการคำนวณ ก่อนใช้และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ (DLIT) เล่มนี้ สำเร็จลงได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลืออย่างดียิ่งจากผู้อำนวยการ
โรงเรียนวัดแม่สะลาบ นายชูชัย เตมีศักดิ์ ที่อนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือวัสดุอุปกรณ์และอำนวยความ
สะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมลู คอยใหค้ ำปรกึ ษาแนะนำในการจดั ทำงานวจิ ัยครง้ั นี้
ขอขอบคุณคณะครู บุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนวัดแม่สะลาบทุกท่าน และนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบทุกคน ที่ให้กำลังใจและให้ความร่วมมือในการศึกษา จนสำเร็จ
ดว้ ยดี
คุณค่าและประโยชน์ใด ๆ อันพึงมีจากการศึกษาครั้งนี้ ขอมอบเป็นเครื่องบูชาแด่พระคุณบิดา
มารดา ครู อาจารย์ และผู้มพี ระคณุ ทกุ ท่านทม่ี สี ่วนสนับสนุนแก่ผศู้ กึ ษาให้บรรลผุ ลสำเร็จดว้ ยดี
วนั นภา ชมบาล
สารบญั หนา้
เรือ่ ง 1
1
บทคดั ย่อ 2
กติ ตกิ รรมประกาศ 2
สารบัญ 2
บทท่ี 1 บทนำ 2
2
ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา 3
จดุ มุง่ หมายของการวจิ ยั 3
ความสำคัญของการวิจยั 4
คำถามการวิจัย 4
สมมตฐิ านการวิจัย 6
ขอบเขตของการวิจยั 8
กรอบแนวคดิ ในการวิจยั 10
นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ 14
บทท่ี 2 เอกสารทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 14
เอกสารเกี่ยวกับ DLIT 14
แนวคดิ และทฤษฎีเกีย่ วกบั การเรยี นรู้ 15
แนวคิดโซเชยี ลคอนสตรคั ติวสิ ต์ 15
Google App for Education 15
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจยั 17
ประชากรท่ใี ช้ในการศึกษา 17
ตวั แปรทใ่ี ช้ในการศกึ ษา
เครอ่ื งมอื ทีใ่ นการศึกษา
การเก็บรวบรวมข้อมลู
การวิเคราะหข์ ้อมูลและสถิตทิ ีใ่ ช้
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู
เรือ่ ง หนา้
บทท่ี 5 สรปุ ผลอภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ 19
สรปุ ผลการวิจยั 19
อภิปรายผลการวิจัย 19
ข้อเสนอแนะ 20
21
บรรณานุกรม
สารบญั รูปภาพ หนา้
เร่อื ง 3
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั 5
ภาพท่ี 2 พนั ธมติ ร DLIT 10
ภาพที่ 3 Google Apps For Education
สารบัญตาราง
เร่อื ง แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนสอบนกั เรียน หนา้
ตารางที่ 1 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 รายวิชาวิทยาการคำนวณ ก่อนใช้และหลัง 17
ใชส้ ่ือการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยี
สารสนเทศ (DLIT)
บทท่ี 1
บทนำ
ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา
ต้นปี พ.ศ. 2563 การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19) ได้รับการประกาศจากองค์การ
อนามัยโลก (WHO) ให้เป็น ภาวะฉุกเฉนิ ดา้ นสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of
International Concern – PHEIC) โรคโควิด-19 แพร่ระบาดไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศ
ไทยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทยดำเนินการและออกมาตรการ
ต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ลดผลกระทบของการระบาดที่มีต่อสังคม ซึ่งขยายวงกว้างตั้งแต่ระดับ
ครอบครัว ชุมชนไปจนถึงระดับจังหวัดและระดับประเทศ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2563 : 6) อีกทั้งในการ
เปิดการเรียนการสอน ยังไม่เป็นไปอยา่ งต่อเนือ่ ง และมีการปิดสถานศึกษาทกุ ครั้งที่เกิดการแพร่ระบาดของ
โรคโควิด-19 (COVID-19) ทำให้เกิดผลกระทบจากการเรียนที่ไม่ต่อเนื่อง การปิดเรียนบ่อยครั้ง เกิดความ
เหลอื่ มลำ้ ทางการศกึ ษาในสถานศกึ ษาท่ไี มพ่ รอ้ มสำหรบั การเรยี นออนไลน์
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการตามโครงการ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีการศึกษาทางไกล มีกิจกรรมหลักคือ การพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล โดยแบ่งเป็น 2 กิจกรรมย่อย คือ การจัดการศึกษา
ทางไกลผ่านดาวเทยี ม (DLTV) และการจัดการศึกษาทางไกลผา่ นเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
ด้วยสภาพปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผนวกกับความก้าวหน้าทางด้านเทค โนโลยี
การสื่อสารที่เกิดขึ้น อย่างรวดเร็ว จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา ที่จะนำเอา
เทคโนโลยีการสื่อสารมาเสริมสร้างความเข้มแข็ง หรือปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการเรียนการสอน
ในการจัดการศึกษา โดยการจัดการศึกษาทางไกล ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) ดำเนินงาน
เร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษา โดยมีการจัดสภาพการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน
ของครูอย่างครบถ้วน ทั้งกระบวนการออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้น กระบวนการสร้าง
ความรู้จากการลงมือปฏิบัติ เนื้อหา ตลอดจนสื่อและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการจัดเรียนการสอน
อันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ลดช่องว่างและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา
ทมี่ ีคณุ ภาพให้กับประชาชนไทยทุกคน
2
จดุ มงุ่ หมายของการวิจยั
1. เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนรายวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ปกี ารศึกษา 2563
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการ
คำนวณ ก่อนใช้และหลังใชส้ ่ือการสอนและบทเรยี นออนไลน์ โดยประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
ความสำคญั ของการวจิ ัย
ผลการวิจัยครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
รายวิชาวิทยาการคำนวณ ก่อนใช้และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ (DLIT) และสามารถนำผลการวิจัยครั้งนี้ไปพัฒนาต่อยอดในการสร้างสื่อนวัตกรรมการจัดการ
เรียนการสอนตอ่ ไป
คำถามการวิจยั
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการคำนวณก่อนใช้และ
หลงั ใชส้ ือ่ การสอนและบทเรยี นออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) แตกตา่ งกันหรอื ไม่
สมมติฐานในการวิจัย
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการคำนวณ ก่อนใช้และ
หลงั ใชส้ อื่ การสอนและบทเรยี นออนไลน์ โดยประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) แตกตา่ งกนั
ขอบเขตของการวจิ ยั
1. ทดสอบรูปแบบของสื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
(DLIT) รายวชิ าวิทยาการคำนวณ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
2. ประชากร
นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ปีการศกึ ษา 2563 จำนวน 18 คน โรงเรยี นวัดแม่สะลาบ
3. ตวั แปรทศ่ี ึกษา
ตัวแปรต้น
วธิ กี ารสอน
- การสอนโดยใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ (DLIT) รายวชิ าวิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
3
- การสอนดว้ ยวิธปี กติ
แบบทดสอบ
- ใชก้ ารทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น
ตวั แปรตาม
- ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ
หลังใชส้ อื่ การสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
กรอบแนวคิดในการวิจัย
ในการศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชา
วิทยาการคำนวณ ก่อนใช้และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ (DLIT) ครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้วิธีการสอนแบบปกติ และวิธีการสอนแบบหลังใช้สื่อการสอนและ
บทเรียนออนไลน์ โดยประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) ในรายวิชาวทิ ยาการคำนวณของนกั เรียนชน้ั
ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยก่อนทำการเรียนการสอนจะใช้แบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนใช้ส่ือ
การสอนและบทเรยี นออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) ตามภาพประกอบท่ี 1
ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
1. วธิ ีการสอน - ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียนชนั้
- การสอนโดยใชส้ ือ่ การสอนและบทเรียน ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 รายวิชาวทิ ยาการคำนวณ
หลงั ใช้ส่อื การสอนและบทเรยี นออนไลน์
ออนไลน์ ฯ โดยประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
- การสอนดว้ ยวิธปี กติ
2. ทดสอบกอ่ นเรยี น
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั
นยิ ามศัพท์เฉพาะ
1. การเรียนการสอน หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ตและบทเรียนออนไลน์
โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
2. บทเรียนออนไลน์ หมายถึง สื่อการสอนออนไลน์ที่ผู้เรียนสามารถเข้าเรียนได้โดยไม่จำกัด แต่มี
ขอ้ กำหนด และขอ้ ตกลงในการเข้าใชง้ านบทเรยี น
4
3. เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) หมายถึง เคร่ืองมือที่มีเนื้อหาและเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาอย่าง ครบวงจร ตั้งแต่การวางแผน การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนตาม
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐานพทุ ธศกั ราช 2551
บทท่ี 2
เอกสารทเ่ี กีย่ วขอ้ ง
การวิจัยเรื่อง “ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการ
คำนวณก่อนใช้และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)”
ผวู้ ิจยั ไดศ้ ึกษาและรวบรวมเอกสารท่ีเก่ยี วขอ้ ง ดงั น้ี
1. เอกสารเกย่ี วกบั DLIT
2. แนวคิดและทฤษฏเี ก่ียวกบั การเรยี นรู้
3. แนวคิดโซเชียลคอนสตรคั ติวิสต์
4. Google App for Education
เอกสารเกย่ี วกบั DLIT
จากเว็บไซด์โดย Admin : http://www.dlit.ac.th/pages/aboutus.php ได้สรุปเกี่ยวกับ DLIT
ไวด้ ังน้ี
DLIT คือเครื่องมือที่มีเนื้อหาและเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างครบวงจร
ตั้งแต่การวางแผน การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ฯ การจดั การเรยี นการสอนเพ่ิมเติม การสอบท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ และการพัฒนาวชิ าชพี อย่างยง่ั ยนื
สำหรับในด้านเนื้อหา DLIT มีเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการและการใช้งานในชีวิตของครูและ
นกั เรยี นทกุ คน ในดา้ นเทคโนโลยี DLIT มีเทคโนโลยียุคใหมท่ ่สี ่งเสริมสนับสนนุ ให้ครูจัดการเรียนการสอนได้
อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย DLIT เป็นสื่อที่เปิดสำหรับทุกคน (Open Resources) ครู นักเรียน
บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึง DLIT ได้ทุกที่ ทุกเวลา และบน
เครื่องมือทุกชนิด อันแก่ โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ทุกคนสามารถเรียนรู้
ได้ด้วยตนเอง และนำไปใช้ประกอบการสอนนักเรียนได้อย่างง่ายดาย ยกเว้นคลังข้อสอบที่อนุญาตเฉพาะ
กลุ่ม และเทคโนโลยีบางประเภทที่สนับสนุนเฉพาะบุคลากรทางการศึกษาเท่านั้น DLIT มีเป้าหมายเพื่อให้
ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนดีขึ้น เนื่องจากหลายๆโรงเรียนยังขาดแคลนครูผู้สอนที่จัดการเรียน
การสอนไม่ตรงวิชาเอก ทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้ไม่เต็มที่ ทั้งนี้ยังส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ที่สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 ครูมีเครื่องมือที่ทำให้เกิดการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง และ
การศกึ ษาไทยกา้ วไปข้างหน้าอย่างแทจ้ รงิ DLIT มี 5 รปู แบบ ดังน้ี
5
1. DLIT Classroom หรอื ห้องเรยี น DLIT เป็นการถ่ายทอดการจัดการเรียนรหู้ ัวขอ้ เร่อื งที่
ยาก จากครูต้นแบบของโรงเรียนชั้นนำไปยังห้องเรียนปลายทาง เพื่อช่วยครูในห้องเรียนปลายทาง
โดยเฉพาะกรณีที่ครูปลายทางไม่ใช่ครูตรงกลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือครูประสบปัญหาการสอนหัวข้อเรื่องที่
ยากมาโดยตลอด ทำใหส้ ามารถถา่ ยทอดความรู้ใหน้ ักเรยี นได้อยา่ งแมน่ ยำ
2. DLIT Resources หรือคลังสื่อประกอบการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฯ โดยครูปลายทางสามารถเข้าไปสืบค้นรายละเอียดเพื่อนำมาเตรียมการ
สอนกอ่ นได้
3. DLIT Digital Library หรือห้องสมุดดิจิทัล เป็นการอำนวยความสะดวกเพื่อให้ครู
นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้สนใจทั่วไป สามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการศึกษาค้นคว้าทำให้ได้เนื้อหาถูกต้อง และ
ตอบสนองความตอ้ งการ รวมถงึ ความสนใจ ใฝเ่ รียนรู้ ของผู้เรียนไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ
4. DLIT PLC (Professional Learning Community) หรอื กลมุ่ เพื่อการพัฒนาวชิ าชพี ครู
กล่าวคือเป็นเครื่องมือในการสร้างและพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู พร้อมพื้นที่แห่งการ
แบ่งปันและเรียนรู้หรือ Share and Learn โดยเปิดกว้างให้ครูแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วิธีการสอน ปัญหา และ
วธิ ีการแก้ไขปญั หาอยา่ งชาญฉลาด ทำใหส้ ามารถพัฒนาตนเองไดส้ มำ่ เสมอ
5. DLIT Assessment หรือคลังข้อสอบ เป็นที่รวบรวมข้อสอบ ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1
จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในหลายๆรายวิชา เพื่อให้ครูนำไปทดสอบกับนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนมีความรู้
เพิ่มเติมและหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ยังส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการฝึกคิดวิเคราะห์จากข้อสอบที่ทำได้
อีกด้วย
ภาพที่ 2 พนั ธมิตร DLIT
6
แนวคดิ และทฤษฎีเกยี่ วกบั การเรียนรู้
มนี ักวชิ าการหลายทา่ นได้ศึกษาแนวคดิ และทฤษฎีเกีย่ วกบั เรียนรู้ไว้ ดังนี้
1. ความหมายของการเรียนรู้ คือ กระบวนการที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม ทาง
ความคิดคนเราสามารถเรียนได้จากการไดย้ ิน การสัมผัส การอ่าน การใช้เทคโนโลยี การเรียนรู้ของเดก็ และ
ผู้ใหญ่จะต่างกัน เด็กจะเรียนรู้ด้วยการเรียนในห้อง การซักถามผู้ใหญ่มักเรียนรู้ด้วยประสบการณท์ ี่มีอยู่ แต่
การเรียนรู้จะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผู้สอนนำเสนอโดยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ผู้สอน
จะเป็นผู้ที่สร้างบรรยากาศทางจิตวิทยาที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ ที่จะให้เกิดขึ้นเป็นรูปแบบใดก็ได้ เช่น
ความเป็นกันเอง ความเข้มงวด กวดขัน หรือ ความไม่มีระเบียบวินัย สิ่งเหล่านี้ผู้สอนจะเป็นผู้สร้างเงื่อนไข
และสถานการณ์เรียนรู้ให้กับผู้เรียน ดังนั้น ผู้สอนจะต้องพิจารณาเลือกรูปแบบการสอน รวมทั้งการสร้าง
ปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน ฟิลิปป์ คูมส์ (อ้างใน อุ่นตา, 2523) ได้กล่าวว่า การเรียนรู้ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ หรือ
วิธีการใด เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สืบเนื่องติดต่อตลอดชีวิตตั้งแต่วัยทารกถึงวัยชรา โดยอาศัยวิธีการและ
แหลง่ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ กนั โดยทัว่ ไปแล้วมนษุ ยม์ แี หลง่ ทเี่ กิดจากการเรียนรู้จำแนกได้เปน็ 3 แหลง่ คือ
1.1 การศกึ ษาแบบธรรมดาวสิ ยั เป็นการเรยี นรเู้ ป็นธรรมชาตทิ ี่สดุ เรียกว่า เปน็ การเรียนรู้
แบบสัญชาตญาณ หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตทีบ่ ุคคลได้รับสะสม ความรู้ ทักษะ เจตคติ ความ
เข้าใจจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ครอบครัว การทำงาน การเล่น การศึกษา
แบบนี้ไมม่ ีการจดั ระบบและไม่มแี บบแผนตายตัว
1.2 การศึกษาในระบบโรงเรียน หมายถึง การศึกษาที่มีสถาบันการศึกษารับผิดชอบ
จัดระบบการศึกษาโดยตรง เช่น โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย เป็นการเรียนรู้โดยจัดระบบการแบ่งของ
อายุนักเรียน กำหนดพื้นฐานความรู้จากการจัดขั้นตอน เป็นระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาอุดมศึกษา มี
การได้วุฒิบัตร ประกาศนียบัตร ปริญญาแก่ผู้สำเร็จ การวัดและประเมินผล ผู้ที่ถูกคัดเลือกให้ผ่านจะทำให้
ผ่านจะทำเปน็ ระบบมีมาตรฐานเดยี วกัน
1.3 การศึกษานอกระบบโรงเรียน หมายถึง การศึกษาที่จัดขึ้นโดยสถาบันและหน่วยงาน
ต่าง ในสังคมนอกเหนอื ไปจากสถาบันการศึกษา เป็นกจิ กรรมทีจ่ ดั ขนึ้ นอกระบบโรงเรยี นอาจดำเนินการโดย
แยกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกิจกรรมใหญ่ ๆ ของสถาบันหรือสถาบันที่จัดกิจกรรมนั้น ๆ ขึ้น โดยมี
วัตถุประสงค์ท่ีจะตอบสนองความตอ้ งการและความสนใจทางการศึกษา ของผเู้ รียน
ประเวศ วะสี (2538) ซึ่งก็ได้กล่าวไว้ว่า กระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์มีวัตถุประสงค์ 3
ประการ คือ การเรียนรู้เพื่อตัวเอง เรียนรู้เพื่อสิ่งนอกตัวที่สัมพันธ์กับตัวเองทั้งใกล้และไกล และเรียนรู้เพื่อ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างตนกับสิ่งที่เกื้อกูลกันและกันเพื่อการดำรงชีวิต โดยธรรมชาติของมนุษย์โดยทั่วไป มัก
เรียนรู้เมื่ออยู่ท่ามกลางสิ่งแวดลอ้ มที่ตนเองมีปฏิสัมพนั ธ์ โดยจะมีกระบวนการเรียนรู้ท่ีเกิดขึน้ นี้ ก็ขึ้นอยู่กับ
ประสบการณ์ของมนุษย์เอง ถ้าเคยมีประสบการณ์ในการเรียนรู้เรื่องนั้นมาก่อน ก็จะทำให้มีความสามารถ
7
ในการตคี วามและการปรับตวั ใหส้ อดคลอ้ งกับการเปลย่ี นแปลงที่เกิดข้ึนได้ในชีวิตได้ดีข้ึน ซ่งึ แนวคดิ ดังกล่าว
นี้มีความสัมพันธ์กับผลการวิเคราะห์และประมวลลักษณะกระบวนการเรียนรู้ของบุคลที่มีลักษณะเป็น
กระบวนการเรยี นรู้เกดิ ข้นึ ตาม
2. องค์ประกอบของการเรียนรู้ นันทวดี สังข์แดง (2542) ได้สรุปเกี่ยวกับองค์ประกอบการเรียนรู้
ไวด้ งั น้ี
2.1 สิ่งเร้า (Stimulus) เป็นตัวการที่ทำให้บุคคลมีปฏิกิริยาโต้ตอบออกมาและเป็น
ตัวกำหนดพฤติกรรมว่าจะแสดงออกมาในลักษณะใด สิ่งเร้าอาจเป็นเหตุการณ์หรือวัตถุและอาจเกิดภายใน
หรอื ภายนอกรา่ งกายกไ็ ด้ เช่น เสยี งนาฬกิ าปลุกให้เราตน่ื กำหนดวนั สอบเรา้ ให้เราเตรยี มสอบ
2.2 แรงขับ (Drive) มี ประเภทคือแรงขับปฐมภูมิ (Primary Drive) เช่น ความหิว ความ
กระหาย การต้องการพักผ่อน เป็นต้น และแรงขับทุติยภูมิ (Secondary Drive) เป็นเรื่องของความ
ต้องการทางจิตและทางสังคม เช่น ความวิตกกังวล ความต้องการความรัก ความปลอดภัย เป็นต้น แรงขับ
ทงั้ องประเภทเป็นผลใหเ้ กดิ ปฏิกิรยิ าอนั จะนำไปสกู่ ารเรียนรู้
2.3 การตอบสนอง (Response) เป็นพฤติกรรมต่างๆ ที่บุคคลแสดงออกมาเมื่อได้รับการ
กระตุ้นจากสิ่งเร้าต่างๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานการณ์ อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งแวดล้อมที่รอบตัวเรา
นนั่ เอง
2.4 แรงเสริม (Reinforcement) สิ่งที่มาเพิ่มกำลังให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับ
การตอบสนอง เช่น รางวัล การตำหนิ การลงโทษ การชมเชย เงิน ของขวัญ เป็นต้น กระบวนการของการ
เรียนรู้ กระบวนการของการเรียนรูม้ ขี ้ันตอนดังนี้ คือ
2.4.1. มีส่ิงเร้า( Stimulus ) มาเร้าอินทรีย์ (Organism)
2.4.2. อินทรีย์เกิดการรับสัมผัส (Sensation) ประสาทสัมผัสทั้งห้า ตา หู จมูก
ลิน้ ผวิ กาย
2.4.3. ประสาทสัมผัสส่งกระแสสัมผัสไปยังระบบประสาทเกิดการรับรู้
(Perception)
2.4.4. สมองแปลผลออกมาว่าสิ่งที่สัมผัสคืออะไรเรียกว่าความคิดรวบยอด
(Conception)
2.4.5. พฤติกรรมได้รับคำแปลผลทำให้เกิดความคิดรวบยอดก็จะเกิดการเรียนรู้
(Learning)
2.4.6. เมื่อเกิดกระบวนการเรียนรู้บุคคลก็จะเกิดการตอบสนอง (Response)
พฤตกิ รรมน้ันๆ
8
ตัวอย่างเช่น เราฝึกสัตว์ให้สามารถทำกิจกรรมใด ๆ ก็ได้อาจเป็นการเล่นลูกบอล
โยนห่วง หรือให้นกพิราบจิกบัตรสี หรือหัดให้ลิงชิมแฟนซีวาดรูปภาพต่าง ๆ หรือให้นกแก้วเฝ้าบ้านโดยส่ง
เสยี งร้องเวลาท่คี นแปลกหน้าเข้าบา้ น กจิ กรรมต่าง ๆ เหลา่ นี้ จะต้องมีกระบวนการคอื มสี ง่ิ เร้ามาเร้าอนิ ทรีย์
ถ้าในที่นี้อินทรีย์คือตัวแลคคูน ตัวแลคคูนก็จะรู้สึก การเกิดความรู้สึกเราเรียกว่าเกิดการรับสัมผัส จะด้วย
ทางตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย ประสาทสัมผัสจะทำให้เกิดการรับรู้ สมองก็จะแปลความหมายพฤติกรรมที่
สมองแปลความหมายเรียกว่าเกิดการเรียนรู้ จะให้เรียนรู้ได้ต้องทำบ่อย ๆ โดยนักจิตวิทยาให้แลคคูนจับลูก
บอลบอ่ ย ๆ พร้อมให้แรงเสริมด้วยอาหารทเ่ี จา้ แลคคูนชอบ ก่อนใหอ้ าหารกใ็ ห้เจา้ แลคคนู จบั ลูกบอลบ่อย ๆ
ทำซำ้ ๆ หลายคร้งั เจ้าแลคคูนกจ็ ะเกดิ การเรยี นร้วู า่ ถา้ ทำกิจกรรมจบั ลูกบอลแล้วพฒั นาไปถงึ ขั้นโยนลกู บอล
เขา้ ห่วงกจ็ ะได้อาหาร การเรียนรูก้ ็จะเกิดขึ้น คอื ถา้ เจ้าแลคคนู หิวก็จบั ลกู บอลโยนหว่ งเปน็ ตน้
แนวคดิ โซเชียลคอนสตรัคตวิ ิสต์ (Social Constructivist)
มีความเป็นมาโดยดั้งเดิมนั้นเป็นแนวคิดในการเรียนรู้ที่คิดค้นโดย Vygotsky’s ซึ่งเชื่อว่าการมี
ปฏิสัมพันธ์ต่อสังคม เครื่องมือทางวัฒนธรรม และกิจกรรมทางสังคม มีอิทธิพลต่อการพัฒนาและเรียนรู้
ผู้เรียนทุกคนมีระดับพัฒนาการทางสติปัญญาที่ตนเป็นอยู่ และมีระดับพัฒนาการตนจะมีศักยภาพจะไปให้
ถึง ช่วงห่างระหว่างระดับที่ผู้เรียนเป็นอยู่ในปัจจุบันกับระดับที่ผู้เรียนจะมีศักยภาพพัฒนาไปถึงนี้เองท่ี
เรียกว่า Zone of Proximal Development (ทินณา แขมณี, 2551) ซึ่งระดับของช่วงห่างนี้มักจะมีความ
แตกต่างกันในแตล่ ะบคุ คล บางคนมรี ะดับสติปัญญาอยู่เหนือระดับ บางคนมอี ยู่ตามระดับ บางคนอยู่ต่ำกวา่
ระดับ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ผู้สอนจะต้องพยายามทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาระดับสติ ปัญญาของตนเองไปสู่ข้ัน
สูงสุดเท่าที่ตนเองจะกระทำได้ผู้เรียนจะสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
ร่วมกับผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครู หรือพ่อแม่ รวมไปถึงบุคคลอื่น ๆ ในสังคมและวัฒนธรรม ผู้สอนจะต้อง
ใช้เทคนิคต่าง ๆ ออกแบบการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กบั บุคคลอื่น เช่น การทำงานเป็นทีม การทำ
โครงงาน เป็นต้น ตลอดจนการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยสนับสนุนให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ เช่น การใช้
เครื่องมือสื่อสารทางไกลหรือบริการต่าง ๆ ที่มีในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
กระดานสนทนา และห้องสนทนา เพื่อเป็นสื่อกลางในการสนทนา อภิปราย ค้นคว้า แก้ไขปัญหาร่วมกับ
ผู้เรียนคนอื่น ๆ ครู และผู้เชี่ยวชาญในวงวิชาชีพที่อาจอยู่หางไกลจากชั้นเรียน เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้จะมี
ส่วนช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล แหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีรูปแบบแตกต่างกันอันจะทำให้
ผ้เู รยี นเข้าใจถงึ วัฒนธรรมของพวกเขาเองและผอู้ ื่น การจดั การเรียนการเรียนร้โู ดยบูรณาการแนวคดิ โซเชียล
คอนตรัคติวิสต์ในการจัดกิจกรรมการเรียนออนไลน์นั้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ การทำงาน
ร่วมกนั และการแสดงความคิดเหน็ ของผเู้ รยี น (Ruey, 2010) จากท่ีกล่าวมาข้างตน้ เครอ่ื งมือทางเทคโนโลยี
9
ที่น่าจับตามองในการนำมาใช้สนับสนุนการเรียนรู้รูปแบบนี้ คือ เครือขายสังคมออนไลน์ ที่สนับสนุนการ
ปฏสิ มั พนั ธ์ตอ่ สังคมภายนอกของผเู้ รยี น
หลักในการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดโซเชียลคอนสตรัคติวิสต์ Huang (2002) ได้นำเสนอหลักใน
ออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดโซเชียลคอนสตรัคติวิสต์ว่ามีองค์ประกอบอยู่ 6 ประการ ที่จะต้อง
คำนงึ ถึง ไดแ้ ก่
1. การเรียนรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive Learning) โดยผู้เรียนจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน
และผู้เรียนด้วยกัน นอกจากที่จะแยกตัวออกไปศึกษาเองคนเดียว ซึ่งแนวคิดโซเชียลคอนสตรัคติวิสต์จะให้
ความสำคัญกบั การปฏิสมั พนั ธ์กับสงั คมมากทส่ี ุด
2. การเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning) ผู้เรียนจะต้องมีการร่วมกันสร้างความรู้ใหม่ๆ
จากการนำเสนอและแลกเปลีย่ นความคิดทางสังคม การจัดสภาพแวดล้อมแบบเรียนรูร้ ่วมกันมคี วามเอื้อต่อ
ตามแนวคิดโซเชยี ลคอนสตรัคติวิสตแ์ ละนำไปสู่ผลสำเร็จทางการเรียนรูข้ องนกั เรียนได้
3. การอำนวยความสะดวกในการเรยี นรู้ (Facilitating Learning) ผ้สู อนเป็นผู้สร้างสภาพแวดล้อม
ในการเรียนแบบแบ่งปนั ประสบการณ์ หน้าทขี่ องผสู้ อนในการอำนวยความสะดวกไว้ 3 ระดับ ไดแ้ ก่
3.1 ผูส้ อนให้คำแนะนำแก่ผเู้ รียนเพ่อื พฒั นาทักษะทางกระบวนความคิด
3.2 เฝ้าติดตามผ้เู รียนในการพัฒนาทักษะทใี่ ช้ในการดำเนนิ งานท่ีไดร้ บั มอบหมาย
3.3 อำนวยความสะดวกต่างๆ ในการดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้
4. การเรียนรู้จากเร่ืองจริง (Authentic Learning) กิจกรรมในการเรียนรู้จะต้องเชื่อมโยงกับ
สถานการณ์ในชีวติ จริง โดยผู้สอนอาจตั้งหัวข้อที่จะให้ผู้เรียนค้นคว้ามาโดยนำเอาสถานการณ์ในชีวิตจริงมา
กำหนด
5. การเรียนรู้โดยมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered Learning) ให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้
จากการศึกษาส่วนบุคคลและประสบการณ์ที่ตนมีอยู่ เช่น การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นหลัก ซึ่งผู้เรียนจะ
ได้มีโอกาสในการศึกษาค้นคว้าลงมือปฏิบัติ กิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดและความสามารถของ
ตนเอง
6. การเรียนคุณภาพสูง (High Quality Learning) เป็นการผลักดันให้ผู้เรียนใช้ทักษะการคิดอย่าง
มีวิจารณญาณ (Critical Thinking) ในเนื้อหาบทเรียนและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชีวิตจริง หลักในการ
จัดการเรียนรู้ของ Huang มีความสอดคล้องกับคุณลักษณะพื้นฐานของแนวคิดโซเชียรคอนสตัคติลิสต์ที่
สำคัญ 4 ประการ (สุราง โคว้ตระกูล, 2548) ได้แก่
6.1 การให้ผ้เู รียนสร้างความเข้าใจดว้ ยตนเอง
6.2 การเรยี นรูส้ ง่ิ ใหม่ขึน้ จากความรู้เดิมและความเขา้ ใจที่มีอยูใ่ นปัจจบุ นั
6.3 การปฏสิ ัมพันธท์ างสงั คมมคี วามสำคญั ตอ่ การเรียนรู้
10
6.4 การจัดสิง่ แวดลอ้ ม กิจกรรมที่คลา้ ยคลึงกับชวี ิตจรงิ ทำใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรียนรู้อย่างมี
ความหมาย
Google Apps For Education เครอ่ื งมือใหม่ในการศึกษาไทย
ภาพท่ี 3 Google Apps For Education
ตามปกติโดยทั่วไปหลายท่านคงจะรู้จักบริการ Google Apps สำหรับคนทั่วไปและสำหรับนัก
ธุรกจิ เท่านั้น ซึง่ บริการ Google Apps นเ้ี ปน็ ท่ีนยิ มมากในระดบั องคก์ ร แตล่ ่าสดุ Google ประเทศไทย ได้
เริ่มให้บริการ Google Apps สำหรับการศึกษาแล้ว Google Apps For Education หรือ Google App
สำหรับการศึกษา คือชุดของฟรีอีเมลล์จาก Google และเครื่องมือต่างๆ เป็นแบบระบบเปิดในการทำงาน
ร่วมกัน เปิดกว้างสำหรับคุณครู นักเรียน นักศึกษา ชั้นเรียน และสมาชิกในครอบครัวทั่วโลก ตัวอย่าง
เครื่องมือที่เป็นที่นิยมใช้ที่ท่านรู้จักดี เช่น อีเมล (Gmail), เอกสาร (Docs), ปฏิทิน (Calendar) และ
Groups เป็นตน้ แตเ่ คร่ืองมอื เหลา่ นจี้ ะใชส้ ำหรบั ในการเรียนการศกึ ษา
เมื่อปี 2011 มีนักเรียนและนักศึกษา 16 ล้านคน จาก 146 ประเทศ ได้ใช้ Google Apps for
Education แล้ว คุณครูอาจารย์สามารถใช้แอพต่าง ๆ เช่น Gmail ในการติดต่อส่ือสาร และการเรียนการ
สอน เช่นเขียนอีเมลแจ้งถึงผู้ปกครองของนักเรียนในภาษาท้องถิ่น หรืออนุญาตให้นักเรียนทำงานกลุ่มได้ใน
เวลาเดียวกันบนแฟ้มเอกสารเดียวกัน ผ่านทาง google docs และสามารถประชุมงาน และสอนนักเรียน
ผ่านทาง Google+ ซึ่งการใช้ Google Apps สำหรับการศึกษาน้ี สามารถประยุกต์ใช้ในการศึกษาตาม
โรงเรียนประถมศึกษา ไปจนถึงมหาวิทยาลัยได้ ไม่ว่าจะอยู่ต่างจังหวัดหรืออยู่ต่างประเทศ Google Apps
สำหรับการศึกษา ได้มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโฉมองค์กรในด้านนวัตกรรมการศึกษา และการ
11
ติดต่อสื่อสารในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทำให้ครูติดตามนักเรียนอยู่ใกล้ชิดมากขึ้น ได้เรียนรู้ตามหลักสูตร
ช่วยลดคา่ ใช้จา่ ยของสถาบนั การศึกษาดว้ ยความเป็นระบบคลาวด์
Google Apps for Education นอกจากจะส่งเสรมิ ให้นกั เรยี นและคุณครใู ชป้ ระโยชน์ในการศกึ ษา
จากโลกไอทีแลว้ ยังสามารถแลกเปลีย่ นความรูก้ นั กบั สถาบนั ตา่ ง ๆ ระหวา่ งประเทศได้ดว้ ยและมาถงึ ตอนนี้
เริ่มมีสถาบันการศึกษาในไทย ได้เริ่มใช้งาน Google Apps for Education แล้ว โดย Google ร่วมมือกับ
มหาวิทยาลัยช้ันนำสามแหง่ โดยเรมิ่ ท่ีมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ เป็นต้น
มหาวิทยาลัยแรกที่ใช้ Google Apps for Education นี้ สามารถชมตัวอย่างได้ที่เพจ
มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ บน Google+ และจะขยายบรกิ ารนี้ไปเรื่อย ๆ เข้าถึงนักศกึ ษา รวมกว่า 60,000 คน
จาก 3 มหาวิทยาลัย ที่เชียงรายก็เป็นมหาวิทยาแม่ฟ้าหลวง ที่ใช้ Google Apps สำหรับรายละเอียด
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Apps for Education สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์ของApps for
Education Center
กเู กล้ิ ไดร์ฟ (Google Drive)
บริการตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Google ที่มีชื่อว่า "Google Drive" นั้นเปิดตัวอย่างเป็นทางการตาม
เวลาประเทศไทย เวลาประมาณ 22.30 – 23.00 น. ของวันที่ 24 เมษายน 2555 สัญลักษณ์ หรือ Icon
Logo ของ Google Drive จะเห็นได้มากขึ้น Google Drive เป็น Online Service ประเภท Cloud
Technology ที่มีไว้สำหรับให้ผู้ใช้จัดเก็บข้อมูลลงไป สามารถใช้ได้ฟรี (ผู้ใช้ต้องมี Gmail Account) โดย
การใช้ฟรีนั้น จะมีเนื้อที่ให้ใช้ 5GB (Gigabytes) ซึ่งก็ถือว่ามีขนาดใหญ่พอใช้ได้ แต่ถ้าหากต้องการเนื้อท่ี
เพิ่มเติมมากกว่านั้น ก็สามารถทำได้ โดยการเสียค่าบริการ เป็นรายเดือน หรือ รายปีไป การนำข้อมูลลงไป
จดั เก็บใน Google Drive นน้ั ทำได้หลายวธิ มี าก
- เข้าผ่าน Web Browser แล้วเข้าไปที่ Gmail.com แล้วกดไปที่ Documents หรือว่า
Drive Menu
- เข้าผ่าน Windows Explorer โดยไปที่ Folder ของ Google Drive ซึ่งก่อนจะเข้าด้วย
วิธนี ี้ ได้จำเปน็ ที่จะตอ้ ง Download โปรแกรม Google Drive ที่ตดิ ตง้ั ไวบ้ น
- รองรับได้ทงั้ Windows และ Mac OSX
- เข้าผ่าน Mobile Device ประเภท iPhone, iPad หรือ Android (ไม่รองรับบน
Blackberry)
ขอ้ ดขี อง Google Drive
- สะดวกสบายในการเกบ็ ไฟลต์ ่างๆ เพราะต้องพก HDD External ใหย้ ุง่ ยาก
- ไมเ่ ปลอื งพ้นื ท่บี นอุปกรณต์ า่ งๆของเรา
- เชื่อมโยงบรกิ ารอืน่ ๆของ google ไดเ้ ช่น google docs, google plus เปน็ ต้น
12
คณุ สมบตั ิของ Google Drive
- แก้ไขไฟล์เอกสารร่วมกับคนอน่ื ไดแ้ บบ real-time คลา้ ยกับ Google Docs นั่นเอง
- สามารถใสข่ อ้ ความคอมเมนทล์ งไปในไฟล์ pdf, รูป, วีดโี อ ไดด้ ว้ ย และจะมขี อ้ ความแจ้ง
เตือนถึงผู้ใช้งานเมือ่ มีการคอมเมนท์
- เข้าถึงไฟล์ของเราได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งบนเคร่ืองคอมพิวเตอร์, Mac, Smartphone และ
tablet Android รวมทัง้ อุปกรณ์ iOS
- ค้นหาได้ทุกอย่าง ระบบสามารถนำข้อความจากเอกสารที่เราอัพขึ้นไปไว้ใน Google
Drive มาทำการคน้ หาขอ้ มูลในอินเทอร์เน็ตได้ รวมถึงรูปภาพก็สามารถคน้ หาไดเ้ ช่นกนั
- ในเบื้องต้นจะให้พื้นที่มา 5GB ฟรี แต่ถ้าต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายเงินเพิ่มซึ่งราคา
ตามขนาดความจุของเนื้อที่ดังนี้ 25GB ค่าบริการ $2.49/เดือน, 100GB ค่าบริการ $4.99/ เดือน และ
สดุ ทา้ ย 1TB คิดคา่ บริการ $49.99/เดอื น
Google Drive คือ บริการแชร์ไฟล์ของ Google รูปแบบเดียวกับ Dropbox, iCloud, Sky Drive
ทเี่ ปดิ ตวั สตู่ ลาด Cloud Storage แตไ่ ม่ใช่แค่การแชร์ไฟล์ โดยมี 3 ฟเี จอรห์ ลัก คอื
1. ทำงานร่วมกัน : กรณีที่เป็นเอกสารที่แก้ไขได้ จะแก้ไขได้ในตัวทันที แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ยัง
สามารถคอมเมนต์ร่วมกันได้ 2. ทำงานได้ทุกที่ : ทั้งบน PC, Mac, iOS, Android (Google Drive รองรับ
Android ต้งั แต่ 2.1 ขึ้นไป) รวมถึงโปรแกรมอ่านเอกสารออกเสียงสำหรับคนตาบอด 3. ค้นหาได้ทกุ อย่าง :
ท้งั ไฟลเ์ อกสาร ไฟล์รปู ภาพ และไฟล์เสียง โดยผ่านระบบ OCR แปลงเป็นตวั อกั ษร และระบบรบั รูว้ า่ ส่ิงของ
ภายในภาพน้นั คืออะไร
สำหรับผู้ที่สนใจ Google Drive และมีบัญชีอีเมล์ Gmail อยู่แล้ว สามารถเข้าไปสมัคร
และทดลองใช้งานได้ที่ https://drive.google.com/start โดยกูเกิลเริ่มทยอยเปิดบริการให้กับผู้ใช้งาน
บางส่วนแล้วตอนนี้ Google Drive ก็เปรียบเสมือน Google Docs แปลงร่าง แต่ความสามารถก็ถือว่า
เทียบชนั้ กับ cloud storage รุน่ พ่ี ๆ ไม่วา่ จะเป็น Dropbox หรือแม้แต่ SkyDrive ด้วยความจขุ นาด 5 GB
ก็ถือวา่ กน็ ่าจะเพยี งพอต่อการอพั โหลดเอกสาร หรือแมแ้ ต่เพลงนัง่ ฟังเพลิน ๆ ได้
ขอ้ ดี
- ยงั คงเอกลกั ษณ์ของ Google Docs ไดด้ ีมาก
- สามารถอพั โหลดไดไ้ มจ่ ำกดั นามสกุล
- Google Drive บน PC ตดิ ตั้งง่ายมาก
- ถงั ขยะกบั การตดิ ดาวไฟลท์ เ่ี ราต้องการ
ขอ้ ที่ควรปรบั ปรงุ
- ควรเพ่ิมการเชอื่ มโยงกับบรกิ าร Google ให้มากขึ้น
13
- การเปดิ ฟงั เพลงบน Google Drive
- URL บน Google Drive ตอนเปิดไฟล์น่าจะเปลี่ยนเป็น drive.google.com ไปได้แล้ว
เพราะ Google Docs ก็ถกู ลมื ไปแลว้
สิง่ ทคี่ าดหวังในอนาคต
- Google Drive แบบอินทิเกรทกับ Android โดยไม่ต้องดาวน์โหลดผ่าน Play Store
แบบ YouTube และ Google+ (บน Android 4.0)
- ขนาดความจทุ ่เี พ่มิ ขึน้
สร้างไฟล์งานเอกสารดว้ ย Google doc
บริการฟรีในการสร้างงานเอกสาร ไฟล์นำเสนอ ไฟล์ สเปรตชีต สร้างแบบฟอร์ม หรือแม้แต่
ภาพวาด ที่สำคัญยังมี เทมเพลตมากมายให้เลือกอีกด้วย นอกจากสร้างไฟล์เอกสารแล้ว ยังสามารถอัพ
โหลดไฟล์เอกสารเอาไว้แชร์กับเพื่อน ๆ ทางเน็ตได้อีกด้วย หากใครมีปัญหาในการอัพโหลด แนะนำให้
ลองใช้ตัวช่วยในการอัพโหลด กันดูนะครับ นอกจากนี้เอกสารที่เราสร้างขึ้นยังสามารถเชิญเพื่อน ๆ หรือผู้รู้
เข้ามาแก้ไขได้แบบ real-time อีกด้วย คือเมื่อมีการแก้ไขจากบุคคลอื่น เอกสารนี้ก็จะแสดงการแก้ไขโดย
ทันที หากมีการทำรายงานกลุ่ม แต่ว่าแต่ละคนอยู่ห่างกันไกล หากมีอินเตอร์เน็ตใช้ Google doc ช่วยได้ดี
ท่ีเดียว
ทำแบบสอบถามดว้ ย Google docs ความสามารถของ แบบฟอร์ม ใน Google doc
1. ใส่หัวขอ้ และต้ังคำถามไดง้ า่ ย
2. ตั้งคำถามได้หลากหลายมาก เช่น ตัวเลือก, ตัวเลือกที่เลือกได้หลายค่า, scale 1- n,
หรอื คำถามที่ต้องตอบแบบขอ้ ความ
3. มสี รุปทางสถิตใิ ห้
4. สามารถเปิดดใู นรปู spread sheet ได้เลย สามารถนำข้อมูลออกไปประมวลผลได้ง่าย
5. สามารถสง่ เมลไ์ ปยังคนที่จะให้ตอบไดง้ า่ ย
บทที่ 3
วิธดี ำเนินการวิจยั
การวิจัยเรื่อง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการ
คำนวณ ก่อนใช้และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการคำนวณ ก่อนใช้
และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ( DLIT) โดยมี
รายละเอยี ด ดังน้ี
1. ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษา
2. ตัวแปรทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา
3. เครือ่ งมอื ในการศึกษา
4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
5. การวเิ คราะหข์ ้อมลู และสถติ ิทใ่ี ช้
1. ประชากรที่ใช้ในการศึกษา
นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรยี นวัดแมส่ ะลาบ ปีการศกึ ษา 2563 จำนวน 18 คน
2. ตวั แปรทศี่ ึกษา
ตวั แปรต้น
วธิ กี ารสอน
- การสอนโดยใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ (DLIT) รายวิชาวทิ ยาการคำนวณ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4
- การสอนดว้ ยวธิ ปี กติ
แบบทดสอบ
- ใช้การทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน
ตัวแปรตาม
- ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการ
คำนวณ หลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ (DLIT)
15
3. เครอื่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นการศึกษา
3.1. เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาวิทยาการคำนวณ สื่อการสอนและบทเรียน
ออนไลน์ โดยประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) รายวชิ าวิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
3.2. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น
4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ถึง
มีนาคม 2564 โดยมีขนั้ ตอนในการดำเนนิ การทดลองดังนี้
1. ทำการประเมินผลก่อนเรียน (pretest) ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
กอ่ นการทดลอง 1 สปั ดาห์ และบันทึกผลคะแนนกอ่ นเรียน
2. ดำเนนิ การทดลองสอน
3. ทำการประเมินผลหลังเรยี น (posttest) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น
ซ่ึงเปน็ ฉบบั เดยี วกนั กบั แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิก่อนเรยี น (pretest)
4. นำคะแนนสอบก่อนเรียนและหลังเรียนมาวิเคราะห์ทางสถิติเพื่อให้ทราบถึงผลสัมฤทธิ์
ทางการเรยี นทเี่ พิ่มขนึ้ และสรปุ ผลการวจิ ยั
5. การวิเคราะหข์ อ้ มูลและสถติ ิทใ่ี ช้
คา่ เฉล่ยี (ชูศรี วงศร์ ตั นะ. 2544: 35)
̅ = ∑
เม่ือ ̅ แทน คะแนนเฉลีย่
∑ แทน ผลรวมของคะแนนทัง้ หมด
แทน จำนวนคนในกลุ่มตัวอย่าง
16
ความเบีย่ งเบนมาตรฐาน (ชศู รี วงศร์ ตั นะ. 2544: 65)
เมอ่ื S.D. แทน ความเบย่ี งเบนมาฐาน
∑ แทน ผลรวมของคะแนนทงั้ หมด
∑ 2 แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตัวยกกำลงั สอง
แทน จำนวนขอ้ มูลทง้ั หมด
สถิติที่ใช้ในการศึกษาเปรียบเทียบคะแนนสอบ โดยใช้สูตร t-test (Dependent
Samples) (บญุ ชม ศรีสะอำด. 2545 : 109)
t = D
N D2 − ( D)2
N −1
เมอ่ื t แทน คา่ สถิตทิ ใ่ี ช้ในการพิจารณาใน t – distribution
D แทน ความแตกตา่ งของคะแนนแตล่ ะคู่
N แทน จำนวนคขู่ องคะแนนหรือจำนวนนักเรยี น
D แทน ผลรวมทง้ั หมดของผลตา่ งของคะแนนกอ่ นและหลังการทดลอง
D2 แทน ผลรวมของกำลงั สองของผลตา่ งของคะแนนกอ่ นและหลัง
การทดลอง
บทท่ี 4
ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู
ผู้วิจัยไดท้ ำการวิจัยเรื่อง ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของนกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 รายวิชาวิทยาการ
คำนวณ ก่อนใช้และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการคำนวณ ก่อนใช้และ
หลงั ใชส้ ื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) โดยมีรายละเอยี ด ดงั น้ี
ตารางที่ 1 แสดงคา่ เฉลยี่ และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนสอบนกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ กอ่ นใช้และหลังใชส้ ่อื การสอนและบทเรียนออนไลน์
โดยประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT)
ลำดบั ชอื่ - สกลุ Pre Post หาคา่ Z score และ T score
ที่ Z score Z score Tscore Tscore
20 20 Pre Post Pre Post
1 เดก็ ชายกติ ิชยั หวั นะราช 10 15 -0.51 0.91 44.86 59.10
2 เดก็ ชายธนพนธ์ มลู เมอื ง 11 17 -0.23 1.48 47.71 64.79
3 เด็กชายรงุ่ รดศิ อินตะ๊ สม 10 14 -0.51 0.62 44.86 56.25
4 เดก็ ชายชญานิน ตะ๊ ยะ 11 16 -0.23 1.19 47.71 61.94
5 เด็กชายปวเรศวร์ ทนันชยั 7 15 -1.37 0.91 36.32 59.10
6 เดก็ ชายธีรภัทร ปนั ลุ 8 16 -1.08 1.19 39.16 61.94
7 เด็กชายธติ สิ รณ์ บญุ ยัง 7 14 -1.37 0.62 36.32 56.25
8 เดก็ ชายดชั กรณ์ แสนตุ้ย 6 13 -1.65 0.34 33.47 53.40
9 เด็กชายธนพฒั น์ ปนั แปง 8 14 -1.08 0.62 39.16 56.25
10 เดก็ หญิงฉัตรติรัตน์ ดวงจติ 10 16 -0.51 1.19 44.86 61.94
11 เด็กหญิงเตชติ า กันทวงค์ 10 17 -0.51 1.48 44.86 64.79
12 เด็กหญิงณฐั ธดิ า ทรายแก้ว 9 15 -0.80 0.91 42.01 59.10
18
ตาราง 1 (ต่อ)
ลำดบั ชื่อ - สกลุ Pre Post หาคา่ Z score และ T score
ที่ Z score Z score Tscore Tscore
20 20 Pre Post Pre Post
13 เด็กหญงิ ธดิ ารกั ษ์ อาศนะ 8 13 -1.08 0.34 39.16 53.40
14 เด็กหญิงธดิ ารัตน์ อาศนะ 7 13 -1.37 0.34 36.32 53.40
15 เด็กหญิงศิวาพร ลงุ วิ 10 16 -0.51 1.19 44.86 61.94
16 เดก็ หญงิ ณฤดี ปัญญา 12 18 0.06 1.76 50.55 67.64
17 เดก็ หญิงรางวัลรัก ทาสโก 7 13 -1.37 0.34 36.32 53.40
18 เด็กหญงิ นริศรา กนั หาสรุ ะ 7 12 -1.37 0.06 36.32 50.55
ผลรวมคะแนนก่อนและหลังเรียน 425
ค่าเฉลีย่ ของคะแนน 11.81
ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 3.51
คา่ เฉลย่ี คะแนน T score 41.38 58.62
ผลตา่ งค่า T score ก่อนเรยี น และหลังเรยี น 17.24
อัตราส่วนผลตา่ งค่าเฉลี่ย T score สูงข้นึ รอ้ ยละ 41.67
จากตารางท่ี 1 พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนของนักเรียนนักเรียนที่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 รายวิชาวิทยาการ
คำนวณ ก่อนใช้และหลังใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) ได้
ค่าเฉลี่ยก่อนเรียน 41.38 และค่าเฉลี่ยหลังเรียน 58.62 ผลต่างของคะแนนหลังจากการใช้สื่อการสอนและ
บทเรยี นออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) ดีขนึ้ 17.24 โดยคดิ เปน็ รอ้ ยละ 41.67
บทท่ี 5
สรปุ ผลอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
การวิจัยในชั้นเรยี นครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบและศึกษาความแตกต่างของคะแนนก่อนใช้
และหลงั ใชส้ อ่ื การสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) ในรายวิชาวทิ ยาการ
คำนวณ ของนักเรียนที่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ ปีการศึกษา 2563 จำนวนประชากร 18
คน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบทดสอบวัดความรู้ จำนวน 1 ฉบับ คะแนนเต็ม 20 คะแนน
โดยวิธีดำเนินการวิจัยผู้วิจัยได้ใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบวัดความรู้ ก่อนการเรียนการสอน 1 ครั้ง และทำการ
ตรวจเชค็ ใหค้ ะแนนจากนน้ั ทำการจดั การเรียนการสอนโดยประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) และทำการ
สอบวดั ความรู้อกี ครั้ง ด้วยขอ้ สอบฉบับเดมิ ไดส้ รปุ ผลการศึกษาตามลำดับ ดังนี้
สรุปผลการวจิ ยั
จากการเปรียบเทียบผลของคะแนนก่อนและหลงั ใช้ส่ือการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) ในรายวิชาวิทยาการคำนวณ ค่าเฉลี่ยคะแนนของนักเรียนนักเรียนที่ชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ได้คา่ เฉล่ียกอ่ นเรยี น 41.38 และค่าเฉล่ียหลงั เรียน 58.62 ผลต่างของคะแนนหลังจากการ
ใชส้ อ่ื การสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) ดขี นึ้ 17.24 โดยคิดเป็นร้อย
ละ 41.67
อภปิ รายผลการวจิ ัย
1. การวิจัยชั้นเรียนในครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงความสำคัญของการพัฒนาสื่อที่ใช้ในการจัดการเรียน
การสอนเพราะคะแนนก่อนการเรียนของนักเรียน ที่เรียนในรายวิชาวิทยาการคำนวณ ค่อนข้างต่ำ เมื่อ
เปรียบเทียบกับคะแนนเฉลี่ยหลังจากท่ีนักเรียนได้ใช้สื่อการสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยุกต์ใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT) ไปแล้ว แสดงให้เหน็ ว่าคะแนนก่อนและหลังการเรียนการสอนมีความสัมพันธ์กัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และมแี นวโน้มเพิ่มข้ึนหลังจากไดร้ ับการจัดการเรียนการสอน
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 รายวิชาวิทยาการคำนวณ ก่อนใช้และ
หลงั ใช้สอื่ การสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) พบวา่ คะแนนก่อนการ
เรยี นของนักเรยี น ทเี่ รยี นในรายวชิ าเทคโนโลยีค่อนข้างต่ำเมือ่ เปรยี บเทียบกบั คะแนนเฉล่ียหลงั จากท่ีนกั เรียนได้
20
ใชส้ อ่ื การสอนและบทเรียนออนไลน์ โดยประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) ไปแล้ว สอดคลอ้ งกับ สุวิทย์
รัตนธรรมวาที (2559) ได้ศึกษาผลการใช้บทเรียนดิจิตอบ (DLIT) รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โดยมีจุดมงุ่ หมายเพื่อ (1) หาคณุ ภาพของการศึกษาความพึงพอใจในบทเรียน
ดิจิตอล DLIT รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (2) เพื่อ
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยเพื่อหาคุณภาพของ
การศึกษาความพึงพอใจในบทเรียนดิจิตอล DLIT (3) เพื่อเปรียบเทียบทัศนคติทางวิทยาศาสตร์ระหว่างก่อน
เรยี นและหลังเรียนของนักเรียนทเี่ รยี นโดยเพื่อหาคุณภาพของการศกึ ษาความพงึ พอใจในบทเรียนดจิ ิตอล DLIT
ผลการศกึ ษาพบว่า
1. หนว่ ยการเรียนรู้ท่อี อกแบบด้วยบทเรียนดจิ ิตอล DLIT มคี ณุ ภาพมาก
2. ผลการทดลองใชห้ น่วยการเรียนรทู้ ี่ออกแบบดว้ ยบทเรียนดจิ ติ อล DLIT
2.1 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรยี นที่เรียนโดยหน่วยการเรยี นรู้ที่ออกแบบด้วย
บทเรียนดิจิตอล DLIT หลังเรียนสงู กว่าก่อนเรยี น อย่างมีนัยสำคญั ทางสถติ ิท่รี ะดับ .01
2.2 เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ของนักเรียนทีเ่ รียนโดยหน่วยการเรียนรู้ที่ออกแบบดว้ ย
บทเรยี นดิจิตอล DLIT หลงั เรียนสงู กว่ากอ่ นเรียน อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดับ .01
ข้อเสนอแนะ
ขอ้ เสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
ควรขยายขอบเขตการวิจัยไปในวิชาหลักของนักเรียนจำนวนมากกว่านี้เพื่อทำการศึกษา
ในขนาดกลุ่มตวั อยา่ งทีใ่ หญข่ ้นึ เช่น โรงเรียนทส่ี อนในรายวิชาทเ่ี หมือนกนั เพอ่ื วัดประสิทธิภาพการจัดการเรยี น
การสอนของครูผ้สู อนในการพัฒนาสื่อการสอนออนไลน์ให้ดยี ิ่งขึ้นตอ่ ไป
21
บรรณานุกรม
กระทรวงศึกษาธิการ. 2563. คู่มือครูสำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19.
ออนไลน์. หน้า 6.
กนั ยา สุวรรณแสง. 2538. จติ วทิ ยาทัว่ ไป General psychology. กรุงเทพมหานคร : อกั ษรพิทยา,
244 หนา้ .
ชูเกียรติ สสี ุวรรณ.์ 2534. ปรชั ญาและการศึกษานองระบบ. คณะศึกษาศาสตร์ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
นนั ทวดี สงั ขแ์ ดง. 2542. กระบวนการเรียนรู้ท่ีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอาชพี . วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร์
มหาบัณฑิต. สาขาวชิ าการศึกษานอกระบบ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,
ประเวท วะสี. 2538. ยทุ ธศาสตร์ทางสตปิ ัญญา. กรงุ เทพมหานคร : เวชเอนการพิมพ์,
พิชญส์ ิริ โควต้ ระกูล และ สธุ รี า เผ่าโภคสถติ ย.์ 2538. จติ วิทยาท่วั ไป. กรุงเทพมหานคร : เทพรัตน์
พับลชิ ชิ่งกรุ๊ป, 200 หนา้ .
สุรางค์ โควต้ ระกูล. 2548. จิตวิทยาการศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์.
สุวิทย์ รัตนธรรมวาที. (2559). ผลการใชบ้ ทเรียนดิจติ อบ (DLIT) รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. วทิ ยานิพนธ์ กศ.ม., มหาวทิ ยาลัยนเรศวร, พษิ ณโุ ลก.
อุ่นตา นพคณุ . 2523 การศกึ ษานอกระบบโรงเรียน. จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ,
Ruey, S. 2010. A case study of constructivist instructional strategies for adult online
Learning. British Journal of Educational Technology. 41 (5), 706-720.
Hang, H. M. 2002. Toward constructivism for adult learners in online learning
Environments. British Journal of Educational Technology. 33 (1), 27-37.
http://www.bsk.ac.th/site1/ManualGoogleAppsForEducation.docx [สบื ค้นออนไลน์
13/02/2561]
http://www.dlit.ac.th/page/aboutus.php [สบื คน้ ออนไลน์ 13/02/2561]