The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อบังคับการทำงาน (มีค66)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by anchalee junsukon, 2023-08-18 00:52:34

ข้อบังคับการทำงาน

ข้อบังคับการทำงาน (มีค66)

บริษัทเห็นสมควรให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับการท างาน เพื่อให้สอดคล้อง และเป็นไปตามข้อก าหนดในบทบัญญัติ ของกฎหมาย กล่าวคือ ให้ยกเลิกข้อบังคับ, ประกาศ, ค าสั่ง หรือวิธีปฏิบัติใดๆ ที่มีข้อความขัดแย้งกับข้อบังคับการท างานฉบับนี้ อนึ่ง ข้อบังคับการท างานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานได้ทราบถึงสิทธิและ หน้าที่ในการท างาน ร่วมกัน ตลอดจนสัมพันธภาพที่ดีระหว่างพนักงานกับบริษัท ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายและระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดี ร่วมกัน ในอันที่จะสร้างสรรค์ผลประโยชน์, ความสามัคคีในการท างานให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป ข้อบังคับการท างาน หมวดที่1 ข้อ 1. ทั่วไป ข้อบังคับการท างานฉบับนี้ต่อไปเรียกว่า “ข้อบังคับ” ได้ก าหนดขึ้นส าหรับพนักงานของบริษัท ในเครือ อุดรเมดิคอล กรุ๊ป ต่อไปเรียกว่า “บริษัท” ข้อบังคับนี้อาจมีการแก้ไขและแตกต่างออกไปเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพและการด าเนินงานของบริษัท ข้อบังคับ ค าสั่ง ประกาศ หรือวินัยเดิมซึ่งอาจขัดกับข้อบังคับนี้ให้ถือเป็นการถูกยกเลิกโดยข้อบังคับนี้ นอกเหนือจาก ที่ได้ระบุไว้ในข้อบังคับนี้ให้ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องบังคับ ข้อ 2. ค านิยาม “บริษัท” หมายถึง บริษัท ในเครืออุดรเมดิคอลกรุ๊ป จ ากัด (ประกอบด้วย :บริษัท อุดรเมดิคอลซัพพลาย จ ากัด , ห้าง หุ้นส่วนจ ากัด เอสแอนด์พีไดแอ๊กโนสติกกรุ๊ป,บริษัท อันดามัน ยู ดีเมดิคอล จ ากัด,บริษัท ชลบุรี ยูดี เมดิคอล จ ากัด และบริษัท บีเคเค ยูดี เมดิคอล (2555)จ ากัด , บริษัท ยูยูดี เมดิคอล จ ากัด ,บริษัท เชียงรายยูดี เมดิคอล จ ากัด )ซึ่งสถานะเป็นนายจ้าง มีอ านาจ กระท าการแทนบริษัท “สถานที่ท าการ” หมายถึง สถานที่ประกอบการที่ตั้งของบริษัท “พนักงาน” หมายถึง ลูกจ้างของบริษัท ตามความหมายของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน “พนักงานรายประจ า” หมายถึง พนักงานที่ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน “พนักงานตามสัญญาจ้าง” หมายถึง พนักงานที่บริษัทว่าจ้างไว้โดยมีก าหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอน ในงาน โครงการที่ไม่ใช่งานปกติของบริษัท หรือในงานที่เป็นตามฤดูกาล “พนักงานทดลองงาน” หมายถึง พนักงานที่บริษัทได้แจ้งให้ทราบเป็นหนังสือแต่แรกว่า ให้ทดลองงาน ซึ่งมี ก าหนด ระยะเวลาทดลองงานไม่เกิน 119 วัน และคิดค่าตอบแทนเป็นรายวัน โดยในระหว่างทดลองงาน บริษัทมี สิทธิแจ้งบอกเลิกจ้าง โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า “คู่สมรส” หมายถึง บุคคลที่ท าการสมรสกับพนักงานของบริษัทโดยถูกต้องตามกฎหมาย และมีใบสมรสเป็นส าคัญ “บุตร” หมายถึง บุตรที่เกิดจากคู่สมรสของพนักงาน หรือบุตรที่พนักงานให้การรับรอง และ/หรือบุตร บุญธรรมที่ ถูกต้องตามกฎหมาย “บิดามารดา” หมายถึง บุคคลที่พนักงานได้ระบุว่าเป็นบิดามารดา ในขณะที่ท าการ ว่าจ้างเท่านั้น “ผู้บังคับบัญชาที่มีอ านาจ” หมายถึง พนักงานของบริษัท ซึ่งมีต าแหน่งระดับผู้จัดการ/หัวหน้า/รักษาการหัวหน้า ขึ้น ไป “ระเบียบปฏิบัติ” หมายถึง ระเบียบวิธีการปฏิบัติงานที่ก าหนดขึ้นภายใต้ข้อบังคับของบริษัท เพื่อให้พนักงานยึดถือและ บริษัท อุดรเมดิคอลซัพพลาย จ ากัด UDORN MEDICAL SUPPLY CO,LTD 214 หมู่8 ตา บลหมูม่น อา เภอเมือง จังหวัดอุดรธานี41000 โทร 042-325390 – 2 ,โทรสาร 042-325391 , มือถือ 089-8419212 เลขทะเบียนการค้า 0415539000435 เลขประจา ตวัผู้เสียภาษี3 4 010082 3 1


ปฏิบัติโดยกรรมการผู้จัดการหรือผู้มีอ านาจกระท าการแทนบริษัท เป็นผู้ลงนามประกาศใช้ “กรรมการผู้จัดการ” หมายถึง นายจ้างตามความหมายของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน “ประกาศบริษัท” หมายถึง ประกาศที่บริษัทได้แจ้งให้พนักงานรับทราบและถือปฏิบัติโดยเป็นไปตามข้อบังคับของ บริษัท ซึ่งลงนามโดยกรรมการผู้จัดการ “ฝ่ ายทรัพยากรบุคคล” หมายถึง แผนกที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการปฏิบัติงานด้านบริหารงานบุคคลของบริษัท “ค าสั่ง” หมายถึง ค าสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามในเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่การ งาน ลักษณะของค าสั่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือด้วยวาจา ให้กระท าหรือมิให้กระท าในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือให้เกิดประโยชน์ต่อ กิจการของบริษัท โดยอยู่ภายใต้ข้อบังคับของบริษัท และต้องเป็นค าสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย “แผนผังโครงสร้างบริษัท” หมายถึง แผนผังโครงสร้างการบริหารและการบังคับบัญชาของบริษัท เพื่อให้พนักงานถือ ปฏิบัติ ซึ่งลงนามโดยกรรมการผู้จัดการ “รายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบ” (Job Description) หมายถึง การพรรณนาลักษณะงาน หรือการแจกแจงลักษณะ งานเป็นลายลักษณ์อักษร โดยก าหนดรายละเอียดของหน้าที่ ความรับผิดชอบ สภาพการท างาน ความสัมพันธ์ และคุณสมบัติของ ผู้รับผิดชอบ ก าหนดและจัดท าโดยผู้บริหารระดับผู้จัดการขึ้นไป น าเสนอกรรมการผู้จัดการเพื่อลงนามและน าออกใช้ “ปีปฏิทิน” หมายถึง ปีตามความหมายของสากลทั่วไป โดยเริ่มนับตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนธันวาคม “กฎกระทรวง” หมายถึง กฎกระทรวงต่างๆ ในการบริหารราชการส่วนกลางของรัฐ ซึ่งได้ตราขึ้นใช้บังคับตาม บทบัญญัติของกฎหมายต่างๆ ที่ให้อ านาจไว้ หมวดที่2 การว่าจ้าง, การบรรจุ และสถานภาพของพนักงาน ข้อ 3. นโยบายการว่าจ้าง บริษัทจะพิจารณาคัดเลือกและจ้างบุคคลใดๆ ที่มีคุณสมบัติและผ่านการคัดเลือก เข้าท างานเป็นพนักงานของ บริษัท ตามวิธีการและขั้นตอนที่บริษัทก าหนด และก่อนทา การสมัครให้อ่านข้อบังคับการทา งานทุกครั้ง เพื่อความเข้าใจที่ ตรงกันระหว่างบริษัทและพนักงาน ข้อ 4. การกรอกใบสมัครงาน (UMG-FM-01) ผู้ที่จะสมัครเป็นพนักงานของบริษัท จะต้องกรอกรายละเอียด ในใบสมัครงานของบริษัท (UMG-FM-01) และ ถ้าหาก ถูกพบว่าข้อมูลที่พนักงานกรอกไว้นั้นเป็นเท็จ บริษัทอาจถือเป็นเหตุเลิกจ้างพนักงานผู้นั้นได้ทันที ข้อ 5. คุณสมบัติของผู้สมัครงาน 1. ต้องมีอายุไม่ต ่ากว่า 18 ปีบริบูรณ์ถ้าเป็นชายต้องผ่านการเกณฑ์ทหารหรือได้รับการผ่อนผันหรือได้รับการยกเว้นหรือมตาม ข้อตกลงของบริษัท 2. มีคุณวุฒิ ความรู้ ความสามารถ ตรงตามต าแหน่งงานที่บริษัทต้องการ และ ยินดีปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทได้ 3. มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เหมาะสมที่จะปฏิบัติงานในต าแหน่งหน้าที่ที่ก าหนด ไม่เป็นโรคติดต่ออันตราย โรคอันสังคม รังเกียจ โรคที่ทางการแพทย์เห็นว่าเป็นอันตรายหรือเป็นพาหะแพร่เชื้อต่อผู้อื่นได้พิษสุราเรื้อรัง ติดยาเสพติดให้โทษ และต้องมี สติสัมปชัญญะเป็นปกติ 4. มีกริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย มีวิสัยทัศน์ที่ดีมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง 5. ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ 6. ไม่เคยถูกไล่ออก, ปลดออก หรือให้ออกโดยมีความผิด หรือมีมลทินมัวหมองจากการท างานในสถานที่อื่นมาก่อน 7. มีความประพฤติดี ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย ไม่เคยถูกจ าคุก เว้นแต่เป็นความผิดลหุโทษ


ข้อ 6. การทดสอบก่อนการว่าจ้าง บริษัทอาจจะให้มีการทดสอบผู้สมัครตามความเหมาะสมก่อนที่จะด าเนินการว่าจ้าง ข้อ 7. เอกสารส าคัญ บุคคลใดที่บริษัทตกลงว่าจ้างให้เป็นพนักงานของบริษัท จะต้องส่งมอบเอกสารที่จ าเป็น ให้กับบริษัทเมื่อเริ่ม ปฏิบัติงาน ดังต่อไปนี้ - รูปถ่าย หน้าตรงไม่สวมหมวก ขนาด 1.5” x 2 “ จ านวน 2 รูป และต้องเป็นรูป ที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน - ส าเนาทะเบียนบ้าน - ส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชน - ส าเนาหนังสือรับรองคุณวุฒิการศึกษา - ส าเนาเอกสารส าคัญอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการค านวณภาษีเงินได้ส่วนบุคคล เช่น ใบทะเบียนสมรส ใบสูจิบัตรของบุตร เป็นต้น - หนังสือสัญญาว่าจ้าง (UMG-FM-02)เมื่อผ่านทดลองงาน (ยกเว้นต าแหน่งงานบางประเภทที่ต้องท าสัญญาทันที) - หนังสือค ้าประกัน (UMG-FM-03)เมื่อผ่านทดลองงาน (ยกเว้นต าแหน่งงานบางประเภทที่ต้องท าสัญญาทันที) - ใบรับรองผลการตรวจสุขภาพ - เอกสารอื่นๆ ที่บริษัทเห็นว่าจ าเป็น ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ ในเอกสารดังกล่าว พนักงานจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ พร้อมทั้งยื่นส าเนา เอกสารดังกล่าวให้กับบริษัท ข้อ 8. การสอบประวัติ บริษัทสงวนสิทธิที่จะติดต่อสอบประวัติจากสถานที่ท างานเดิม หรือสถานศึกษาของผู้สมัครตามที่ระบุไว้ในใบ สมัคร เพื่อขอข้อมูลประกอบในการประเมินคุณสมบัติ และความสามารถของผู้สมัครที่แจ้งไว้รวมทั้งคุณสมบัติส่วนตัว และความ เหมาะสมในการว่าจ้าง ข้อ 9. การค ้าประกันส าหรับพนักงานบางต าแหน่ง พนักงานในบางต าแหน่ง ที่บริษัทได้ระบุไว้จะต้องหาผู้ค ้าประกันที่มีคุณสมบัติและมีรายละเอียด ตามที่บริษัทก าหนด (UMG-FM-03) เป็นผู้ให้ค ายินยอมค ้าประกันให้กับพนักงานที่จะได้รับว่าจ้าง หรือได้รับการบรรจุให้เป็นพนักงานของบริษัทใน ต าแหน่งนั้นๆ ข้อ 10. การทดลองงานและการบรรจุแต่งตั้ง - เมื่อบริษัทพิจารณาและตกลงรับผู้ใดเข้าเป็นพนักงาน บริษัทจะให้บุคคลผู้นั้นทดลองงานไม่เกิน 119 วัน โดยจะแจ้งให้ ทราบเป็ นลายลักษณ์อักษรก่อนการว่าจ้างภายในระยะเวลาทดลองงาน หากพนักงานมีคุณสมบัตทิไี่ม่เหมาะสม หรือ ผลงานไม่เป็นทนี่่าพอใจ บริษัทมีสิทธิพิจารณาให้ทดลองงานต่อแต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 180 วัน หรือเลิกจ้างโดยไม่ต้อง บอกกล่าวล่วงหน้า - พนักงานที่ได้ปฏิบัติงานครบระยะเวลาทดลองงานแล้ว และผู้บังคับบัญชาได้ประเมินผลงานแล้วเห็นว่าเป็นที่น่าพอใจ จะ ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจ า และจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามที่บริษัทก าหนด - พนักงานตามสัญญาจ้าง ที่บริษัทว่าจ้างโดยมีก าหนดระยะเวลาแน่นอน (ตามหมวดที่ 1 ค านิยาม ข้อ 2.) สัญญาจ้างย่อม สิ้นสุดลงเมื่อครบก าหนดระยะเวลาในสัญญาจ้าง โดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชยใดๆ ทั้งสิ้น ข้อ 11. การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ การแต่งตั้ง การโยกย้ายพนักงาน โดยข้อบังคับฉบับนี้บริษัทมีสิทธิที่จะ


(1) ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์กรของบริษัทได้ตลอดเวลา เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพภาวะเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้การ ด าเนินกิจการของบริษัทมีประสิทธิภาพ (2) ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง การบรรจุ การสับเปลี่ยนหน้าทกี่ารงาน การแต่งตั้ง การโยกย้าย พนักงาน การยุบหน่วยงาน การกา หนดหน้าทแี่ละความรับผิดชอบของพนักงานตามความเหมาะสม และสภาพการ ท างาน (3) มอบหมายให้พนักงานเดินทางไปปฏิบัติงาน หรือทา ธุรกิจให้แก่บริษัทนอกสถานทไี่ด้ตามความเหมาะสม ของการด าเนินธุรกิจ ข้อ 12. สถานภาพของพนักงาน สถานภาพของพนักงานของบริษัทมี 3 ประเภท ดังนี้ (1) พนักงานประจ า หมายถึงพนักงานรายเดือน (2) พนักงานรายวัน/พนักงานทดลองงาน (3) พนักงานตามสัญญาจ้าง หมายถึงพนักงานที่มีก าหนดระยะเวลาการจ้างที่แน่นอน หมวดที่3 วันท างาน ชั่วโมงท างาน และเวลาพัก ข้อ 13. วันท างาน และชั่วโมงท างาน วันและเวลาท างานปกติเวลาพัก และวันหยุดประจ าสัปดาห์ คือ 1. วันท ำงำน 1.1 วันท างานปกติของพนักงาน ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจ า ท างานสัปดาห์ละ 6 วัน คือ วันจันทร์ ถึง วันเสาร์ 1.2 วันท างานปกติของพนักงาน ที่มีอายุงานตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ท างานเดือนละ 24-25วันท างาน มีสิทธิหยุดเดือนละ 5 -6 วัน ไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ 2. เวลำท ำงำนปกติ เริ่มงานช่วงเช้าเวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ช่วงบ่ายเริ่มเวลา 13.00 น. ถึง 17.00 น. 3. เวลำพัก ระหว่างการท างานปกติ ส านักงาน พักระหว่างเวลา 12.00 น. ถึง เวลา 13.00 น. บริษัท อาจจะก าหนดเวลาท างานและเวลาพักของ พนักงานบางส่วนให้แตกต่างไปจากเวลาท างานปกติดังกล่าวได้ตามความจ าเป็ นของลักษณะงาน แต่จ านวนชั่วโมงเฉลี่ย ต่อวันต้องไม่เกินเวลาท างานปกติของพนักงานดังกล่าว บริษัทอาจจัดให้พนักงานแต่ละหน่วยงาน เข้าทา งานในแต่ละช่วงเวลาทแี่ตกต่างกันได้ตามความ เหมาะสมของลักษณะงาน โดยจะประกาศให้ทราบเป็นครั้งๆ ไป บริษัทจะประกาศวันท างานและวันหยุดให้ทราบล่วงหน้าตามปฏิทินการท างานของบริษัท ซึ่งจะประกาศ ให้ทราบภายในเดือนธันวาคม ของทุกปี


ข้อ 14. ค่าจ้างการท างานและค่าล่วงเวลา ค่ำจ้ำง หมายถึง เงินที่จ่ายให้เป็นค่าตอบแทนในการท างาน ค านวณเป็นรายเดือนรายวันและรายเหมา นอกเหนือจาก นี้ให้ถือเป็นสวัสดิการ บริษัท จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าท างานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุดและเงินผลประโยชน์อื่นเนื่องในการจ้าง ให้แก่พนักงาน เดือนหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง เว้นแต่จะได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์แก่พนักงานโดยจ่าย ณ สถานที่ท างาน ของพนักงาน ในกรณีเลิกจ้าง หรือพนักงานลาออกจากงานก่อนถึงก าหนดเวลาจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าท างานในวันหยุด ฯลฯ บริษัท จะจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่พนักงานภายใน 5วัน นับแต่วันที่เลิกจ้างหรือพนักงานลาออกจากงาน ไม่รวมถึงกรณีพนักงานยนื่ หนังสือลาออกล่วงหน้าไม่ถึง 1 เดือน บริษัทอาจงดจ่ายค่าจ้างในเดอืนสุดท้ายหรือขนึ้อยู่กับดุลยพนิิจของผู้บริหาร หลักเกณฑ์การท างานล่วงเวลา และการท างานในวันหยุด หลักเกณฑ์ บริษัท ไม่มีนโยบายให้พนักงานท างานล่วงเวลา หรือมาท างานในวันหยุด ทั้งนี้เพื่อให้พนักงานได้มีเวลาพักผ่อนอย่าง เต็มที่ เว้นแต่กรณีที่งานมีลักษณะ 1. ในกรณีที่มีงานลักษณะหรือสภาพของงานต้องท าติดต่อกันไป ถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน หรือเป็นงานฉุกเฉิน บริษัทจะให้พนักงานท างานล่วงเวลาในวันท างาน หรือท างานในวันหยุด รวมถึงล่วงเวลาในวันหยุดได้เท่าที่จ าเป็น 2. ในกรณีที่เป็นงานตามปกติ บริษัท อาจให้พนักงานท างานล่วงเวลาในวันท างานหรือท างานในวันหยุดรวมถึง ล่วงเวลาในวันหยุดเป็นครั้งคราว 3. การท างานล่วงเวลาในวันท างาน ท างานในวันหยุด และล่วงเวลาในวันหยุดรวมกันต้องไม่เกินสัปดาห์ละ 36 ชั่วโมง หรือตามข้อตกลงระหว่างพนักงานกับบริษัท ค่าล่วงเวลาและค่าตอบแทนท างานในวันหยุด บริษัท จะจ่ายค่าล่วงเวลา และค่าท างานในวันหยุด ตามเกณฑ์ ดังนี้ 1. ท างานเกินเวลาท างานปกติในวันท างาน พนักงานต าแหน่งเทคนิเชียน จะได้รับค่าล่วงเวลาในอัตรา 450 บาท/วัน ,600 บาท/วัน , 700 บาท/วัน และ 750 บาท/วัน (เวลา 17.00 น. –08.00 น.) ตามลักษณะงานหรืออัตราทบี่ริษัทกา หนด 2. ท างานเกินเวลาท างานปกติในวันท างาน พนักงานต าแหน่งอื่น ๆ จะได้รับค่าล่วงเวลาในอัตรา 250 บาท/วัน , 300 บาท/วัน และ 350 บาท/วัน (เวลา 17.00 น. –08.00 น.) ตามลักษณะงานหรืออัตราทบี่ริษัทกา หนด 3. ท างานในวันหยุดเกินกว่าเวลาท างานของวันท างาน พนักงานต าแหน่งเทคนิเชียน จะได้รับค่าล่วงเวลาในอัตรา 450 บาท/วัน, 600 บาท/วัน , 700 บาท/วัน และ 750 บาท/วัน (เวลา 8.00 น. –17.00 น.) ตามลักษณะงานหรืออัตราทบี่ริษัท ก าหนด 4. ท างานในวันหยุดเกินกว่าเวลาท างานของวันท างาน พนักงานต าแหน่งอื่น ๆ จะได้รับค่าล่วงเวลาในอัตรา 250 บาท/วัน , 300 บาท/วัน และ 350 บาท/วัน (เวลา 8.00 น. –17.00 น.) ตามลักษณะงานหรืออัตราทบี่ริษัทกา หนด 5. บริษัทจะคิดคา นวณค่าตอบแทนตามตารางปฏบิัตงิานทสี่่งมาภายในวันที่20 ของเดอืน 6. บริษัทจะจ่ายค่าล่วงเวลาและค่าท างานวันหยุด ให้แก่พนักงานภายในวัน 5 ของเดือนถัดไป โดยน าเข้าบัญชี ธนาคารที่บริษัทมีเงินฝากอยู่


7. ในกรณีที่บริษัทค านวณเงินค่าล่วงเวลาหรือค่าท างานในวันหยุดไม่ทันก าหนดการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาในเดือนใด บริษัทจะจ่ายเงินดังกล่าวนั้นพร้อมกับการจ่ายค่าจ้างในเดือนถัดไป หมายเหตุ: กรณีเครื่องเสียไม่สามารถให้บริการได้บริษัทอาจปรับลดอัตรากา ลังผู้ปฏบิัตงิานโดยพิจารณา เป็ นวันหยุด รวมถึงการงดจ่ายโอทีในระหว่างเวลาดังกล่าว ยกเว้นหากมีการน า-ส่งผู้ป่วยไปตรวจทสี่าขาอื่นๆและ พนักงาน ของบริษัทได้เดินทางไปกับผู้ป่วยเพอื่ดูแลและทา การตรวจผู้ป่วยหรือพนักงานต้องตรวจสอบในการส่งตรวจข้าง นอกทุกครั้ง กรณีดังกล่าวนี้ให้ทา หนังสือบันทกึข้อความแจ้งมายังบริษัททุกครั้ง การปฏบิัตงิานนอกพนื้ที่ 1.การออกปฏิบัติงานนอกพนื้ทและการคิดค่าตอบแทน ี่ 1.1 การเดินทางไปปฏิบัติงานนอกพื้นที่ทางบริษัทบริษัทจะแจ้งไปยังบุคคลที่จะต้องไปปฏิบัติงานแทนให้ทราบอย่าง น้อย 7 วันและจะก าหนดให้พนักงานที่ไปปฏิบัติงานแทนเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันท าการเพื่อให้มีการส่งมอบงาน หน้าที่และ ความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานก่อนที่ผู้ปฏิบัติงานในสาขานั้นๆจะหยุด และผู้ไปปฏิบัติงานแทนจะเดินทางกลับได้เมื่อมีผู้ไปรับมอบ งานและปฏิบัติหน้าที่แล้วเท่านั้น หรือพิจารณาตามความเหมาะสม 1.2 การเดินทาง บริษัทจะพิจารณาเป็นรายๆไปถึงลักษณะการเดินทางและความเร่งด่วนและจะแจ้งให้พนักงานทราบ ทุกครั้ง 1.3 การคิดค่าตอบแทน 1.3.1 กรณีเริ่มเดินทาง 08.00 น. และใช้เวลาในการเดินทาง ไม่เกิน 8 ชั่วโมงให้นับเป็นเวลาท างานปกติ และเข้าลงชื่อ ปฏิบัติงานสาขานั้นๆเมื่อไปถึง 1.3.2 กรณีเริ่มเดินทาง 08.00 น. และใช้เวลาในการเดินทาง เกิน 8 ชั่วโมง ให้นับเป็นเวลาท างานปกติ 8 ชั่วโมง และ เวลาการเดินทางจากนั้นนับเป็นการปฏิบัติงานนอกเวลา โดยคิดค่าตอบแทนเป็นราย ช่ัวโมงๆละ 75 บาท ส าหรับพนักงาน ต าแหน่ง เทคนิเชี่ยน และคิดค่าตอบแทนเป็นราย ช่ัวโมงๆละ 30บาท ส าหรับพนักงานต าแหน่งอื่นๆ และเข้าลงชื่อปฏิบัติงานสาขา นั้นๆเมื่อไปถึง หมายเหตุ : ** การคิดค่าตอบแทนอัตรา OT จากข้อ 1.3.2 ใช้เฉพาะกรณีการเดนิทางไปและกลับเท่านั้น *** การคิดค่าตอบแทนอัตรา OT ของผู้ทไี่ปปฏบิัตงิานแทน ให้คิดค่าตอบแทนในอัตราเทา่กับ สาขาทผีู่้ปฏบิัตงิานนั้นๆไปปฏบิัตงิานแทน 2. ค่าเบยี้เลีย้งในการออกปฏบิัตงิานนอกพนื้ที่(วันทเี่ดนิทาง ไปและกลับ) 2.1 ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างเดินทางปฏิบัติงานนอกพื้นที่ 1-8 ชม. 100 บาท หรืออัตราที่บริษัทก าหนด/แจ้งแก่พนักงาน 2.2 ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างเดินทางปฏิบัติงานนอกพื้นที่เกิน 8 ชม. 100 บาท หรืออัตราที่บริษัทก าหนด/แจ้งแก่พนักงาน 3. ค่าเบยี้เลีย้งในการปฏบิัตงิานแทนสาขาอื่น (ระหว่างทปี่ฏบิัตงิานแทน) 3.1 ต าแหน่ง เทคนิเชี่ยน ได้ 50 บาท/วัน ตามจ านวนวันที่ไปปฏิบัติงานจริง แต่ไม่เกิน 15 วัน หรืออัตราที่บริษัท ก าหนด/แจ้งแก่พนักงาน 3.2 ต าแหน่ง ผู้ช่วยเทคนิเชี่ยน /ธุรการ-บัญชี /อื่นๆ ได้40 บาท/วัน ตามจ านวนวันที่ไปปฏิบัติงานจริง แต่ไม่เกิน 15 วัน หรืออัตราที่บริษัทก าหนด/แจ้งแก่พนักงาน


4.การเดินทางด้วยรถส่วนตัวให้ทา เรื่องขออนุมัติจากผู้จัดการท่ัวไปในแบบฟอร์ม ก่อนการเดินทางด้วยทุก ครั้ง เพอื่ทางบริษัทได้พิจารณาอนุมัติค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับพนักงาน 5.พนักงานออกปฏิบัติงานแทนสาขาอื่นเป็นระยะเวลานานเพื่อความสะดวกให้สาขาที่มีผู้ไปปฏิบัติงานแทนพิจารณา หาที่พักให้ กรณีที่พนักงานหาที่พักเองค่าที่พักให้พนักงานเบิกได้ตามอัตราที่ก าหนดต่อคืนไม่เกิน 7 คืน หากเกินจากนี้ให้สาขาที่มีผู้ไป ปฏิบัติงานแทนพิจารณาหาที่พักแบบรายเดือน 6.ค่ารายจ่ายที่ต้องใช้ไม่เกินเงิน 1,500 บาทในการออกปฏิบัติงานแทนสาขาต่างๆ เช่นกรณีที่ต้องมีการจองตั๋วรถ ล่วงหน้าหรือค่าเชื้อเพลิงที่ไม่เกินจ านวนดังกล่าว ให้พนักงานเบิกจากรายจ่ายย่อยของสาขาที่พนักงานสังกัดและให้สาขาคิดเป็น รายจ่ายของสาขาที่พนักงานไปปฏิบัติงานแทน หรือพนักงานส ารองจ่ายและไปเบิกคืนจากสาขาที่พนักงานไปปฏิบัติงานแทน 7.ค่ารายจ่ายที่ต้องใช้เกินจ านวนเงิน 1,500 บาทในการออกปฏิบัติงานแทนสาขาต่างๆให้พนักงานท าบันทึกขออนุมัติ เบิกค่าใช้จ่ายล่วงหน้าแจงรายละเอียดเช่น ค่าเชื้อเพลิง (หัก 3%) ค่าที่พัก โดยประมาณการเท่าไหร่ พร้อมด้วยแบบฟอร์มเบิกเงิน อย่างน้อย 5 วันก่อนการเดินทางพร้อมแบบฟอร์มขอใช้รถส่วนตัว(ประสงค์ใช้รถส่วนตัวส่งไปที่ผู้จัดการทั่วไป) และให้สรุปส่ง ค่าใช้จ่าย ให้ส านักงานใหญ่รับทราบเมื่อเสร็จสิ้นการออกปฏิบัติงาน พร้อมทั้ง ท าเรื่องเบิกเงินเพิ่ม หรือคืนเงิน กรณีที่ท าเรื่องเบิกเงิน มาขาด หรือ เกิน จากที่ใช้จริง และรายจ่ายดังกล่าวนี้ ห้ามตัดจากรายจ่ายย่อยของสาขาเด็ดขาด ยกเว้นกรณีจ าเป็นเร่งด่วน หรือไม่ได้รับเงินที่ได้ท าเรื่องเบิกไป ให้แจ้งต่อ ผู้จัดการทั่วไป / กรรมการผู้จัดการทราบ ทุกครั้ง ด้วยวาจา และให้ท าบันทึกข้อความ ภายหลัง 8.เบี้ยเลี้ยงในการออกปฏิบัติงานแทนให้สรุปส่งภายในสิ้นเดือนและจะได้รับพร้อมค่าปฏิบัติงานนอกเวลา หมายเหตุ:อัตราค่าทพี่ักค่าตอบแทนต่างๆตามเอกสารแนบท้าย ข้อ 15. การลงบันทึกเวลาเข้าท างาน และเวลาเลิกงาน พนักงานจะต้องบันทึกเวลาท างานเข้า-ออกด้วยตนเอง ตามขั้นตอนและวิธีการที่บริษัทก าหนดไว้โดยถูกต้องตาม ความเป็นจริง ในกรณีที่พนักงานลืมบันทึกเวลาท างาน หรือไม่สามารถบันทึกเวลาท างานได้เนื่องจากลักษณะการปฏิบัติงาน ให้ พนักงานแจ้งต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาลงลายมือชื่อยืนยันการมาท างานของพนักงาน และแจ้งต่อแผนกทรัพยากร บุคคลทราบ บริษัทจะไม่ถือว่าพนักงานผู้นั้นขาดงาน กรณีทพี่นักงานละเลย หรือไม่ใส่ใจในการบันทึกเวลาท างานของแต่ละวัน บริษัทถือว่าเป็ นการละเลยต่อ หน้าทและจะพิจารณาให้เป็ นการขาดงาน ี่ การบันทึกเวลาท างานแทนกัน การท าลาย การแก้ไขการบันทึกเวลาท างาน หรือลงบันทกึเวลาทไี่ม่ตรงกับ ความจริง บริษัทถือเป็นการทุจริตต่อหน้าทที่ั้งผู้ส่ังและถูกส่ังให้ลงชอื่แทน บริษัทสงวนสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงวัน เวลาท างาน เวลาพัก เวลาเลิกงาน และวันหยุดประจ าสัปดาห์ที่ก าหนดไว้ได้ ตลอดเวลา โดยพิจารณาตามความจ าเป็นและความเหมาะสม เพื่อประโยชน์ต่อการด าเนินธุรกิจของบริษัท โดยยึดถือและปฏิบัติให้ ถูกต้องกฎหมาย หมวดที่4


ข้อ16. วันหยุด และหลักเกณฑ์การลาหยุด 1. วันหยุดประจ าสัปดาห์ บริษัท ก าหนดวันหยุดตามเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ 1.1 พนกังานที่ไดร้บัการบรรจุใหส้ทิธิพ์นกังานหยดุ 4 วันต่อเดือน สัปดาห์ละ 1 วัน คือ วันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์ 1.2 พนักงานที่ได้รับการบรรจุ มีอายุงาน 1 ปีขึ้นไป ในปีแรกใหส้ทิธิพนักงานหยุด ์ 5 วันต่อเดือน สัปดาห์ละ 1 หรือ 2 วัน และในปีที่ 2 ให้ สทิธิพนักงานหยุด ์ 6วันต่อเดือน สัปดาห์ละ 1 หรือ 2วัน ให้ครบเกณฑ์ตามที่บริษัทก าหนดหรือตามข้อตกลงหรือประกาศของบริษัท 1.2 พนักงานสามารถหยุดวันธรรมดาได้แต่ต้องไม่มีผลกระทบกับงานภายในสาขา 2 วันหยุดตามประเพณี หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ พนักงานหยุดโดยได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่า ปี ละ 13 วัน ดังนี้หรือตามที่บริษัท ประกาศ 1. วันขึ้นปีใหม่ 2. วันมาฆบูชา 3. วันจักรี 4. วันสงกรานต์ 5. วันแรงงานแห่งชาติ 6. วันฉัตรมงคล 7. วันวิสาขบูชา 8. วันเข้าพรรษา 9. วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ 10. วันปิยมหาราช 11. วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 12. วันรัฐธรรมนูญ 13. วันสิ้นปี ถ้าวันหยุดตามประเพณีวันใด ตรงกับวันหยุดประจ าสัปดาห์ให้ก าหนดเป็นวันหยุดประจ าสัปดาห์ หากมีการเปลี่ยนแปลงวันหยุด เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน บริษัทจะติดประกาศให้ทราบ ล่วงหน้า และรวมวันหยุด ไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี 3 วันหยุดพักร้อนประจ าปี พนักงานซึ่งท างานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งปี มีสิทธิหยุดพักร้อนประจ าปี โดยได้รับค่า จ้างปีละ 6 วันท างาน ทั้งนี้บริษัทจะก าหนดล่วงหน้าให้ หรือตามที่ตกลงกัน หมวดที่5 ข้อ17. วันลาและหลักเกณฑ์การลา หลักเกณฑ์การลา 1. การลาหยุดไม่ว่ากรณีใด ๆรวมถึงการใช้สิทธิวันหยุดตดิต่อกันตั้งแต่3 วัน พนักงานจะต้องขออนุญาตโดย กรอกข้อความลงในใบลาตาม แบบที่บริษัทก าหนดและครบถ้วน ( UMG-FM-06) และน าไปยื่นต่อผู้บังคับบัญชาที่มีสิทธิอนุญาตให้ ลาได้เป็นผู้อนุญาต


2. การลาหยุดงานทุกครั้งต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบล่วงหน้า เว้นแต่ลาป่ วยกะทันหันหรือกรณีเร่งด่วน พ้นวิสัยที่ จะส่งใบลาล่วงหน้าได้ทัน ในกรณีนี้เมื่อพนักงานกลับเข้ามาท างานจะต้องส่งใบลาย้อนหลังให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาทันที การส่ง ใบลาช้ากว่า 1 วัน นับแต่วันทมี่าปฏบิัตงิานเป็นวันแรกหลังการหยุดไป ให้นับจา นวนวันทหี่ยุดไปนั้นเป็นการขาดงาน ซึ่ง จะไม่ได้รับค่าจ้างในวันหยุดดังกล่าว 3.การหยุดงานไม่ว่ากรณีใด ๆ โดยไม่มีใบลาแจ้งการหยุดงานหรือหยุดงานไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ผู้บังคับบัญชาอย่างถูกตอ้ง บริษัทจะพจิารณาว่าขาดงาน และจะไม่จ่ายค่าจ้างตามจา นวนวันทหี่ยุดไปนั้น และบริษัทมี สิทธิพจิารณาให้ออกจากงานได้ในกรณีขาดงานตงั้แต่3 วันขนึ้ไป 4. การขาดงานจากการป่ วย ให้พนักงานโทรศัพท์แจ้งผู้บังคับบัญชาเบื้องต้นหรือฝ่ ายบุคคล ที่เกี่ยวข้องทราบในวันที่ลา ป่ วยนั้น ควรแจ้งการลาไม่เกิน 08.00 น. เพื่อทางบริษัท จะได้จัดการวางแผนงานได้ถูกต้อง หรือถ้าเป็นเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแจ้ง ผู้บังคับบัญชาทราบได้ ให้รีบแจ้งทันทีในวันแรกที่กลับเข้ามาปฏิบัติงาน 5. พนักงานท่านใดทลี่าป่วย ลากิจ ลาอนื่ๆ รวมกันเกิน 20 วัน ภายใน 1 ปีบริษัทสงวนสิทธิ์ในการจ่าย โบนัสเป็ นกรณีไป กำรลำป่ วย 1. พนักงานมีสิทธิลาป่ วยได้เท่าที่ป่ วยจริง โดยได้รับค่าจ้าง หนึ่งปีลาได้ไม่เกิน 30 วันท างาน 2. การลาป่ วยตั้งแต่ 2 วันท างานขึ้นไป พนักงานต้องแสดง ใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง หรือสถานพยาบาล ของทางราชการ ถ้าพนักงานไม่อาจแสดงใบรับรองของแพทย์หรือสถานพยาบาลดังกล่าวได้ ให้พนักงานชี้แจงให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ถึงเหตุผลที่ไม่สามารถหาใบรับรองแพทย์มาได้พร้อมทั้งท ารายงานอธิบายสภาพความเจ็บป่ วยที่พนักงานจ าเป็นต้องลาอย่างละเอียด ซึ่งข้อความที่พนักงานแจ้งต่อบริษัทนั้นต้องเป็นความจริง หากเป็นเท็จส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด บริษัทจะลงโทษทางวินัยทันที 3. ถ้าเป็นวันหยุดต่อเนื่อง เมื่อเปิดท าการวันแรกและพนักงานลาป่ วยในวันที่เปิดท าการวันแรก หากตรวจสอบพบ เป็นการลาป่ วยเท็จ บริษัทจะพิจารณาโทษทางวินัยทันที กำรลำกิจ กำรลำกิจ พนักงานต้องยื่นใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน และได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อนจึงจะหยุดงานได้ 1. พนักงานใช้วันลากิจได้ต่อเมื่อใช้สิทธิวันหยุดประจ าเดือนหมดแล้วเท่านั้น 2. พนกังานที่ผา่นการทดลองงานแลว้มีสทิธิล์ากิจไดป้ีละ 6 วันท างาน โดยได้รับค่าจ้าง กรณีที่พนักงานยังไม่ผ่านทดลองงาน หากมีความจ าเป็นจะขอลากิจ โดยไม่ได้รับค่าจ้างได้ แต่ทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาเป็นกรณีไป 3. การขอลากิจแต่ละครั้งพนักงานจะลาได้ไม่เกิน 2 วันท างาน ติดต่อกันเว้นแต่กรณีจ าเป็นเฉพาะรายที่บริษัท พิจารณาเห็นสมควรจะอนุญาตให้ลาเกินกว่า 2 วันท างานติดต่อกันและท าบันทึกข้อความแจ้งทุกครั้ง แต่ทั้งนี้จ านวนวันลาเมื่อ รวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 6 วันท างานต่อปี 4. การลากิจต้องเป็ นเหตุอันจ าเป็ นและอาจเกิดผลกระทบได้ เช่นมีเหตุกับตัวเองหรือญาติใกล้ชิด เช่น พ่อ-แม่ป่วย ลูกป่วย สามี-ภรรยาป่ วย สิทธิส่วนบุคคลเช่น แต่งงาน อุปสมบท ถือบวชหรือประกอบกิจทางศาสนาอัน จา เป็นแก่ศาสนาทพี่นักงานนับถือ


5. มีเหตุส าคัญตามหมายนัดของทางราชการ เป็นต้น ซึ่งกิจธุระลักษณะนี้หากพนักงานไม่ได้หยุดงานไป ก็อาจเกิด ผลกระทบกับตัวเองหรือญาติใกล้ชิดได้และให้พนักงานแสดงหลักฐานประกอบด้วยทุกครั้ง 6. ถ้าวันหยุด รวมถึงวันหยุดท าการของบริษัทเป็นวันหยุดต่อเนื่อง พนักงานทตี่อ้งการลากิจ ปิดหัวท้ายวันหยดุ เช่น วันอาทิตย์ กับวันจันทร์ เป็นวันหยุด พนักงานต้องลากิจ วันเสาร์และวันอังคาร ต้องแสดงหลักฐานทมี่ีความจา เป็นในการลา ประกอบการลา และต้องได้รับการอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูงก่อนจึงจะหยุดได้ บริษัทสงวนสิทธิ์การลาประเภทนี้ กำรลำพักร้อน 1. พนักงานที่ปฏิบัติงานครบ 1 ปีนับจากวันที่เริ่มท างานมีสิทธิลาพักร้อนได้ปีละ 6 วัน และ ไม่ให้มีการสะสม วันลา พักร้อนไปใช้ในปีต่อไป 2. การลาพักร้อนให้แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน ***กรณีทพี่นักงานไม่ได้ใช้วันลาพักร้อน/ลากิจ เนื่องจากเหตุผลทไี่ม่สามารถลาได้เพราะไม่มีผู้ปฏบิัตงิาน แทนหรือหากลาแล้วเกิดความเสียหายต่อบริษัท บริษัทฯจะพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนตามจ านวนวันลาพักร้อน/ลากิจ ที่ เหลือหรือตามสิทธิทไี่ด้จากการลา ทั้งนี้บริษัทจะพจิารณาเป็นรายๆไปเมื่อสิน้ปี การลาเพอื่ทา หมัน พนักงานมีสิทธิการลาเพื่อท าหมัน และมีสิทธิลาเนื่องจากการท าหมันตามระยะเวลาที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง ก าหนดและออกใบรับรอง โดยได้รับค่าจ้างตามระยะเวลาที่ลา การลาเพอื่รับราชการทหาร พนักงานมีสิทธิลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร หรือทดลองความพรั่งพร้อมตาม กฎหมายว่าด้วยการับราชการทหาร โดยได้รับค่าจ้าง ไม่เกินปีละ 60 วัน (ยกเว้นการเกณฑ์ทหาร) การลาเพอื่ฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ ให้พนักงานมีสิทธิเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถในกรณีดังต่อไปนี้ 1. เพื่อประโยชน์ต่อการแรงงานและสวัสดิการการแรงงาน หรือการเพิ่มทักษะความช านาญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใน การท างานของพนักงาน 2. การสอบวัดผลทางการศึกษาที่ทางราชการจัดหรืออนุญาตให้จัดขึ้นแต่ไม่รวมถึงการลาศึกษาต่อ พนักงานยื่นใบลา ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน เมื่อบริษัทอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดงานเพื่อการดังกล่าวได้ โดยได้รับค่าจ้าง การลาเพอื่คลอดบุตร พนักงานมีครรภ์มีสิทธิลาคลอดบุตรครรภ์หนึ่งไม่เกิน 90 วัน โดยรวมวันหยุดระหว่างเวลาวันลาด้วย และได้รับค่าจ้าง ไม่เกิน 45 วัน และพนักงานหญิงมีครรภ์มีสิทธิขอให้บริษัท เปลี่ยนงานในหน้าที่เดิมเป็นการชั่วคราวก่อนหรือหลังคลอดได้ โดยให้ แสดงใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งที่รับรองว่าไม่อาจท าหน้าที่เดิมต่อไปได้ และบริษัทจะพิจารณาเปลี่ยนงานที่เหมาะสมให้แก่ พนักงานนั้น การลาเพอื่อุปสมบท การลาอุปสมบท จะต้องยื่นค าขออนุมัติล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน บริษัทจะอนุญาตให้ลาหยุดได้ไม่เกิน 30 วัน โดยนับ


รวมวันหยุดด้วย และในจ านวน 30 วันนี้ พนักงานมีสิทธิได้รับค่าจ้าง 15 วันท างาน การลาเพื่ออุปสมบท ให้มีสิทธิลาได้ครั้งเดียวเท่านั้น และพนักงานจะขอใช้สิทธิการลาได้หลังจากพ้นระยะทดลองงานไป แล้วเท่านั้น การลาเพอื่การฌาปนกิจ ในกรณีที่คู่สมรส บิดา มารดา หรือบุตร ธิดาของพนักงานคนใดถึงแก่กรรม ให้ยื่นค าร้องขอลาหยุดโดยเร็วที่สุด และเมื่อ กลับเข้าท างาน ให้ยื่นใบมรณะบัตรให้กับบริษัท การลา ใช้การลาโดยได้รับเงินเดือนตามปกติ แต่ไม่เกิน 5 วัน การลาหยุดเกินสิทธิ กรณีนอกเหนือจากที่ระบุข้างต้น หากพนักงานมีเหตุจ าเป็นต้องลาเกินกว่าสิทธิ หรือลาขณะที่ยังไม่มีสิทธิและผู้บังคับบัญชา เห็นควรอนุญาต ให้ถือว่าเป็นการลากิจโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ข้อ 18. การขาดงาน กรณีที่พนักงานได้ละทิ้งงานไป โดยไม่มีการแจ้งลาต่อผู้บังคับบัญชา หรือ ลาโดยไม่ถูกต้องตามที่ก าหนด หรือผู้บังคับบัญชา ไม่อนุมัติการลานั้นๆ ให้ถือว่าพนักงานขาดงาน ซึ่งพนักงานไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันที่ขาดงานไป ข้อ 19. การลาต่อเนื่องกับวันหยุด ในกรณีที่มีวันหยุดใดๆ หลายวันติดต่อกัน บริษัทไม่อนุญาตให้พนักงานลาหยุด ก่อนหรือหลังวันหยุดดังกล่าวติดต่อกัน โดย ไม่มีเหตุอันควร โดยจะพิจารณาเป็นรายๆไป กรณีทนี่ายจ้างอาจไม่อนุญาตให้ลา นายจ้างอาจไม่อนุญาตให้ลูกจ้างลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถในกรณี ดังต่อไปนี้ 1. พนักงานเคยได้รับอนุญาตให้ลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถในปีที่ลานั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือ 3 ครั้ง 2. นายจ้างได้แสดงให้เห็นว่า การลาของพนักงานอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการประกอบธุรกิจของ นายจ้าง หมำยเหตุ: การลาทุกประเภททมี่ีการแจ้งยนื่การลาล่วงหน้ารวมถึงการใช้วันหยุดต่อเนื่องตดิต่อกันเกิน 3 วัน ให้พนักงานทา บันทกึข้อความ (ยกเว้นการลาพักร้อนทไี่ม่ต่อเนื่องวันหยุด)และให้พนักงานกรอกข้อมูลในแบบฟอรม์ การลาให้ครบถ้วน เช่น ประเภทการลากิจ ลาป่วย หรือพักร้อน ฯลฯ จา นวนวันทมี่ีสิทธิลา จา นวนวนัทลี่าไปแล้ว จา นวน วันลาทเี่หลือ และในการลาครั้งนี้ต้องมีผู้ไปปฏบิตังิานแทนหรือไม่ ข้อ 20. การขาดงาน มาสาย หรือกลับก่อนเวลา พนักงานคนใดที่ขาดงาน มาสาย กลับก่อนเวลา หรือออกจากสถานที่ท างานด้วยเหตุผลต่อไปนี้ ต้องแจ้งอนุมัติจาก ผู้บังคับบัญชาล่วงหน้าในแบบฟอร์มที่ก าหนด จึงจะไม่ถือว่าขาดงาน มาสาย กลับก่อนเวลา หรือออกจากสถานที่ท างานใน ระหว่างเวลาท างาน - ได้รับหมายเกณฑ์เข้ารับราชการทหาร ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้ารับราชการทหาร เพื่อตรวจสอบ เพื่อการ ฝึกอบรมวิชาทหาร หรือเพื่อทดสอบความพร้อมเพรียง - ได้รับหมายศาลให้ไปเป็นพยาน


- ไปท าการเลือกตั้งตามกฎหมาย - ไปต่ออายุบัตรประชาชน (ยกเว้นกรณีบัตรหาย) และ/หรือไปรับบัตรประชาชนของตนเอง - ไปแจ้งเข้าและ/หรือย้ายออกของตนเอง คู่สมรส หรือบุตร - ไปแจ้งบุตรเกิดใหม่ที่อ าเภอ/ส านักงานเขต ทั้งนี้ให้แนบเอกสารของทางราชการก ากับใบลา ข้อ 21. การหักเงินค่าจ้างของพนักงาน เงินค่าจ้างของพนักงานส่วนหนึ่ง จะถูกหักไว้ ตามกรณีดังต่อไปนี้ 1. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย พนักงานมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามอัตรากฎหมายก าหนด ส าหรับรายได้ต่างๆ ที่พนักงาน ต้องช าระภาษีซึ่งทางบริษัทจะจ่ายค่าจ้างของพนักงานในแต่ละเดือน และหากจะมีการช าระภาษีเพิ่มเติมในปลายปี พนักงาน จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และช าระเพิ่มเติมด้วยตนเองเมื่อยื่นแบบฟอร์มการเสียภาษี 2. กรณีที่พนักงานกู้เงิน หรือมีภาระต้องชดใช้เงินคืนแก่บริษัท โดยท าสัญญาระบุว่าบริษัทจะหักเงินค่าจ้าง ส่วน หนึ่ง เพื่อเป็นค่างวดในการช าระหนี้คืนแก่บริษัทจนกว่าจะครบตามจ านวนที่ระบุไว้ในสัญญา 3. เงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พนักงานจะถูกหักเงินสมทบตามอัตราที่ กฎหมายก าหนด 4. เงินสมทบกองทุนส ารองเลี้ยงชีพที่บริษัทจัดให้มีขึ้น หรือเงินสมทบอื่นๆ ที่กฎหมายก าหนดให้ต้องหักจากเงินค่าจ้าง ข้อ 22. กรณีที่พนักงานถึงแก่กรรม กรณีที่พนักงานถึงแก่กรรม บริษัทจะจ่ายค่าจ้างที่ยังค้างจ่ายนั้นๆ ให้แก่ครอบครัวของพนักงาน หรือผู้มีสิทธิที่ถูกต้อง ตามกฎหมายภายใน 7 วัน นับจากวันที่บริษัทได้ตรวจเช็คเอกสารหลักฐานจนถูกต้อง และครบถ้วนแล้ว ข้อ 23. กรณีพนักงานถูกพักงานเพื่อสอบสวนการกระท าผิด กรณีที่บริษัทท าการสอบสวนพนักงาน ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระท าความผิด และได้พิจารณาแล้วเห็นว่า จ าเป็นต้องพัก งานพนักงานผู้นั้น ในระหว่างการสอบสวน (ทั้งนี้ไม่เกิน 7 วัน) โดยในระหว่างพักงานนี้พนักงานจะได้รับค่าจ้างครึ่งหนึ่งของค่าจ้าง ที่พนักงานได้รับก่อนถูกพักงาน และเมื่อผลสอบสวนปรากฏว่าพนักงานไม่มีความผิด บริษัทจะจ่ายค่าจ้างในส่วนที่เหลือให้กับ พนักงานให้ถูกต้องตามที่กฎหมายก าหนด กรณีทพี่นักงานกระทา ความผิด และบริษัทได้สอบสวนแล้ว เหน็สมควรลงโทษพนักงานผู้นั้นทาง วินัย โดยการพักงาน การพักงานในกรณีนี้พนักงานจะไม่ได้รับค่าจ้าง หมวดที่6 วินัย และโทษทางวินัย ข้อ 24. หน้าที่และวินัยของพนักงาน 1. พนักงานต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเองตามค าแนะน าและค าสั่งของผู้บังคับบัญชา ด้วยความมุ่งมั่นและอุทิศตน อย่างเต็มความสามารถ รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ รักษาระเบียบวินัยของสถานที่ท างาน และให้ความร่วมมืออันดี ระหว่างพนักงานด้วยกัน


2. พนักงานต้องเข้าท างาน และเลิกงาน ตรงตามเวลาที่บริษัทก าหนด 3. พนักงานต้องแต่งกายด้วยชุดฟอร์มของบริษัท หรือชุดที่สุภาพ ห้ามนุ่งกางเกงยีนส์สวมเสือ้ยดืคอกลม ในเวลา ราชการ 4. พนักงานต้องให้ความเอาใจใส่ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามค าสั่ง และประกาศของบริษัท ซึ่งประกาศให้ พนักงานทุกคนทราบ บริษัทถือว่า พนักงานทุกคนได้รับทราบค าสั่ง และประกาศทุกฉบับ และพนักงานจะปฏิเสธว่ายังมิได้ รับทราบไม่ได้ 5. พนักงานต้องไม่ใช้เวลาท างานของบริษัท ไปหาประโยชน์เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น หรือเป็นหุ้นส่วน หรือมีส่วนได้เสีย ในกิจการอื่น และต้องไม่ท ากิจการอื่นใด ที่เป็นการแข่งขันกับธุรกิจของบริษัท 6. พนักงานต้องละเว้นการลงบันทึกเวลาเข้าท างาน หรือเวลาเลิกงานให้กับผู้อื่น หรือให้พนักงานผู้อื่นลงบันทึกเวลาเข้า งาน หรือเวลาเลิกงานให้กับตนเอง 7. พนักงานต้องไม่ละทิ้งงานในหน้าที่ของเองในระหว่างชั่วโมงการท างาน เว้นแต่ไปจัดการธุรกิจให้แก่บริษัท โดยได้รับ อนุญาตจากผู้บังคับบัญชาตามสายงาน 8. พนักงานต้องไม่เผยแพร่จดหมายเวียน ประกาศ แผ่นปิด ใบปลิว หรือแผ่นพับใดๆ ภายในบริษัท หรือหน้า บริษัท โดยมิได้รับอนุญาตจากบริษัท 9. พนักงานต้องไม่กระท าการขูด ขีด ลบ ต่อเติม แก้ไข เคลื่อนย้าย หรือท าลายประกาศ หรือค าสั่ง หรือเอกสารอื่นๆ ตลอดจนทรัพย์สินต่างๆ ของบริษัท 10. พนักงานต้องไม่เปิดเผยความลับของบริษัท และของลูกค้าของบริษัท และจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้าง ของตนเอง หรือของผู้อื่น ให้พนักงานผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทราบ 11. พนักงานต้องไม่กระท าการใดๆ ที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัท และต้องไม่ใช้อ านาจหน้าที่ใน ต าแหน่งแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเอง และผู้อื่น 12. พนักงานต้องปฏิบัติต่อลูกค้า และผู้มาติดต่อกับบริษัท ด้วยกิริยามารยาท และอัธยาศัยที่ดีงาม 13. พนักงานต้องไม่ประพฤติหรือแสดงอาการอันเป็นการล่วงเกินทางเพศ ลวนลาม ดูหมิ่น ลามก อนาจาร หรือกระท า การไม่สมควรทางเพศอื่นๆ อันเป็นการล่วงละเมิดจารีตประเพณีหรือจรรยามารยาท 14. ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ต้องรับผิดชอบพนักงานภายใต้บังคับบัญชาของตน เพื่อให้พนักงานปฏิบัติตามกฎระเบียบ ประกาศ และค าสั่งของบริษัท โดยเคร่งครัด และสม ่าเสมอ 15. พนักงานต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต 16. พนักงานต้องเอาใจใส่ดูแล บ ารุงรักษา ทรัพย์สิน อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ของบริษัท และจะต้องแจ้งต่อ ผู้บังคับบัญชาของตนทันที ในกรณีที่พบว่าเครื่องมือ อุปกรณ์เกิดช ารุด หรือสูญหาย 17. พนักงานต้องไม่น าสิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ หรือผลิตผลของบริษัท ไปใช้เพื่อการส่วนตัวหรือใช้ใน วัตถุประสงค์อื่น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท โดยมิได้รับอนุญาต 18. พนักงานต้องไม่ช่วยเหลือ สนับสนุน แนะน า หรือชักชวน หรือรู้เห็นเป็นใจกับการกระท าผิด หรือให้การปกปิดการ กระท าผิดของพนักงานผู้อื่น 19. พนักงานจะต้องไม่ปฏิบัติตนไปในทางที่เสียหายแก่ส่วนรวมและบริษัท ละเว้นการกระท าที่ไม่สุภาพ เป็นต้นว่าการ แสดงออกทางความประพฤติที่เป็นที่น่ารังเกียจต่อสังคม 20. พนักงานต้องไม่ใช้วาจาที่ไม่สุภาพ หรือกระท าสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่ท าให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย หรือเสียหน้า และต้อง ไม่ใช้ถ้อยค าที่ยุยง ส่งเสริม หรือ ก่อกวนผู้อื่น หรือแพร่กระจายข่าวลือที่ไม่ดีงามที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น หรือที่จะท าให้เกิดความ แตกแยกในหมู่พนักงาน 21. พนักงานต้องไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือท าร้ายร่างกาย ท าลายทรัพย์สินซึ่งกันและกันใน บริเวณบริษัท


22. พนักงานต้องไม่ดื่มสุรา หรือเสพของมึนเมา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด หรือมีสิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมาย เพื่อการจ าหน่าย จ่าย แจก หรือเพื่อการใช้เสพ รวมถึงห้ามเล่นการพนัน ในบริเวณบริษัท ทั้งในเวลาท างานและนอกเวลาท างาน 23. พนักงานต้องไม่ลักขโมย หยิบฉวยทรัพย์สินของบริษัท หรือลักขโมยทรัพย์สินของพนักงานผู้อื่น หรือเข้าไปใน สถานที่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือครอบครองกุญแจบริษัทโดยไม่มีหน้าที่ 24. พนักงานต้องไม่แจ้งหรือให้ข้อความอันเป็นเท็จแก่ผู้บังคับบัญชา หรือบริษัท และไม่ใช้สิทธิลาผิดประเภท หรือใช้ สิทธิการลาหยุดโดยไม่สุจริต 25. พนักงานต้องไม่พกพา หรือน าอาวุธทุกชนิดเข้ามาภายในบริเวณบริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท 26. พนักงานต้องไม่น าบุคคลภายนอกเข้ามาภายในบริเวณบริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท 27. พนักงานต้องช่วยกันดูแลท าความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในบริเวณพื้นที่บริษัท และภายในพื้นที่ ท างานของตนเอง 28. พนักงานต้องไม่ร้องขอ เสนอให้ ให้ หรือรับไว้ซึ่งของก านัล เงิน สิ่งตอบแทน หรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลใดๆ ไม่ว่าเจตนาหรือโดยปริยาย ที่จะท าให้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ หรือผลกระทบกระเทือนต่อการด าเนินงานของบริษัทหรือผู้ท า ธุรกิจกับบริษัท เว้นแต่เป็นการรับของขวัญมูลค่า เล็กน้อยในวาระหรือเทศกาลต่างๆ ตามประเพณีนิยม 29. พนักงานต้องไม่กระท ากิจการส่วนตัว หรือประดิษฐ์ของขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ในขณะที่ อยู่ในหน้าที่ หรือยอมให้ผู้อื่นท าเช่นนั้น หรือใช้พาหนะ เครื่องมือ ทรัพย์สินของบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต 30. พนักงานจะต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสม ไม่กระท าการ หรืองดเว้นการใด อันเป็นการฝ่าฝืน ระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมาย จารีตประเพณี ศีลธรรมอันดีหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบริษัทและสังคมส่วนร่วม ข้อ 25. การลงโทษทางวินัย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการท างานของพนักงาน และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อการพิจารณาลงโทษทาง วินัย บริษัทจึงก าหนดลักษณะการลงโทษทางวินัย ทั้งนี้โดยพิจารณาจากสาเหตุการกระท าความผิด ความหนักเบาของ ความผิด สภาพแวดล้อมในการกระท าความผิด ตลอดจนพฤติกรรมของพนักงาน เพื่อวัตถุประสงค์ ให้เกิดการ ปรับปรุง แก้ไข และป้องกันมิให้เกิดการกระท าผิด ข้อ 26. ลักษณะการลงโทษทางวินัย โทษทางวินัยกรณีความผิดสถานเบา 1. ว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา 2. ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 1 3. ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 2 หรือภาคทัณฑ์ หรือพิจารณางดโบนัส เบี้ยขยัน งดการเลื่อนขั้น เงินเดือนหรือค่าจ้างประจ าปี แล้วแต่กรณี 4. เลิกจ้างโดยได้รับค่าชดเชย หรือ ไม่ได้รับค่าชดเชย แล้วแต่กรณี การลงโทษตาม (1) ให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่รักษาการณ์หัวหน้าศูนย์,รองหัวหน้าศูนย์ หรือ หัวหน้าศูนย์ ขึ้นไป มีอ านาจลงโทษได้ การลงโทษตาม (2) ให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่รักษาการณ์หัวหน้าศูนย์,รองหัวหน้าศูนย์ หรือ หัวหน้าศูนย์ ขึ้นไป มีอ านาจลงโทษได้ การลงโทษตาม (3) ให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ผู้จัดการขึ้นไป มีอ านาจลงโทษได้


การลงโทษตาม (3) ให้ผู้บังคับบัญชาระดับกรรมการผู้จัดการ มีอ านาจลงโทษ การลงโทษทางวินัยกรณีความผิดสถานหนัก 1. ภาคทัณฑ์ 2. เลิกจ้าง โดยไม่ได้รับค่าชดเชย การพิจารณาความผิดตั้งแต่ขั้นภาคทัณฑ์ และเลิกจ้าง มีกระบวนการสอบสวนความผิดทางวินัย โดยคณะกรรมการ และลงชื่อรับทราบและหรืออนุมัติโดยกรรมการผู้จัดการ หรือผู้ที่ได้รับมอบอ านาจจากนิติบุคคล ข้อ 27. รายละเอียดของโทษทางวินัย การตักเตือนด้วยวาจา เป็นการลงโทษกรณีที่พนักงานกระท าผิดระเบียบ ข้อบังคับ ค าสั่ง ระเบียบวิธีปฏิบัติ หรือ เกิดความบกพร่องเล็กน้อย เพื่อประสงค์ที่จะให้พนักงานได้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป การตักเตือนด้วยวาจานี้ อาจมีการบันทึก ไว้เพื่อเป็นหลักฐานก็ได้ การตักเตือนเป็นหนังสือ เป็นการลงโทษพนักงานที่เคยถูกตักเตือนด้วยวาจามาแล้ว แต่ยังมิได้ปรับปรุงแก้ไข หรือ กระท าผิดซ ้าเดิมอีก หรือเป็นกรณีความผิดที่มีผลกระทบค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งไม่อาจให้เกิดขึ้นบ่อยครั้งได้จึงตักเตือนเป็นหนังสือเพื่อ ป้องกันการกระท าความผิดซ ้าค าเตือนอีก โดยหนังสือเตือนนี้ มีก าหนดอายุ หนึ่งปี (365 วัน) นับตั้งแต่วันที่พนักงานกระท าผิด การตัดค่าจ้าง ตัดเงินเดือน ตัดสิทธิประโยชน์ ลดขั้นเงินเดือน หรือการโยกย้ายต าแหน่งหน้าที่ และการพักงานโดย ไม่จ่ายค่าจ้าง เป็นการลงโทษพนักงานที่กระท าความผิดรุนแรง หรือกระท าความผิดซ ้าค าเตือนแต่ยังไม่ถึงขนาดที่ต้องเลิก จ้าง บริษัทให้โอกาสที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข โดยการลงโทษทางวินัยทั้งสองลักษณะนี้ให้ถือว่าเป็นหนังสือเตือนตามกฎหมาย ด้วย ซึ่งอายุหนึ่งปี (365 วัน) นับตั้งแต่วันที่พนักงานกระท าความผิด การพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง บริษัทจะพักงานคราวละไม่เกิน 7 วันท างาน กรณีการตัดค่าจ้างหรือเงินเดือน จะ ลงโทษตัดได้ไม่เกิน 10% ของค่าจ้างหรือเงินเดือน และตัดไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งถือเป็นค่าชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัท การเลิกจ้าง หรือให้ออกจากงาน เป็นการลงโทษพนักงานทกี่ระทา ความผิดร้ายแรงตามทกี่า หนดไว้ใน ระเบียบข้อบังคับในการท างาน หรือการกระทา ความผิดซา ้คา เตอืน ข้อ 28. การรายงานและการสอบสวนการกระท าความผิด เมื่อปรากฏว่าพนักงานได้ท าความผิดตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท ให้หัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชา สรุป ความผิดหรือรายงานความผิดของพนักงาน เสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามสายงานในแบบฟอร์มที่ก าหนด (UMG-FM-11) ผ่านไปยังฝ่ ายบุคคลเมื่อแผนกบุคคลได้รับรายงานแล้ว จะด าเนินการสอบสวน และสรุปความผิดทางวินัย ตามระเบียบข้อบังคับ ของบริษัทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อสรุปผลเป็นที่สุดแล้วเห็นสมควรให้ลงโทษสถานใด แผนกบุคคลจะด าเนินการด้าน เอกสารการลงโทษทางวินัยแจกจ่ายให้ผู้เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. ให้กับพนักงานที่ถูกลงโทษ 2. ให้กับแผนกต้นสังกัดของพนักงานที่ถูกลงโทษ 3. เก็บไว้ที่แผนกบุคคลและธุรการทั่วไป ข้อ 29. ความผิดทางวินัยร้ายแรงถึงขึ้นเลิกจ้างโดยไม่จ าเป็นต้องตักเตือน พนักงานที่มีการกระท าอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้ถือว่ากระท าความผิดอย่างร้ายแรง โดยบริษัทสามารถเลิกจ้างได้ ทันทีโดยไม่ต้องตักเตือนเป็นหนังสือก่อน แต่ถ้าบริษัทพิจารณาแล้วเห็นสมควรที่จะลดหย่อนผ่อนโทษได้อาจพิจารณาลงโทษเพียง ตักเตือนเป็นหนังสือ ตัดค่าจ้าง ตัดเงินเดือน ตัดสิทธิประโยชน์ ลดขึ้นลดเงินเดือน โดยย้ายต าแหน่งหน้าที่ หรือพักงานโดยไม่ได้รับ


ค่าจ้างก็ได้ ใช้เอกสารเท็จ หรือให้ข้อความอันเป็นเท็จในการสมัครงาน หรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับบริษัทหรือผู้บังคับบัญชา เพื่อ ประโยชน์ของตนเอง ยื่นหนังสือลางานอันมีความเท็จ หรือใช้สิทธิการหยุดไปในทางทุจริต บันทึกเวลาเข้าท างาน เลิกงานให้กับผู้อื่น หรือให้ผู้อื่นบันทึกแทนตนเอง หรือลงบันทึกเข้าท างาน เลิกงานไม่ถูกตรง ความเป็นจริง เคลื่อนย้าย หรือพยายามเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของบริษัทออกนอกบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงานที่บริษัทก าหนดหรือติดตั้ง ไว้หรือออกนอกบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท หรือท าลายทรัพย์สินของบริษัท ปฏิบัติการส่วนตัวหรือประดิษฐ์สิ่งของขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อประโยชน์ส่วนตัวในขณะอยู่ในหน้าที่ หรือยอมให้ ผู้อื่นมาท าเช่นดังกล่าวนี้หรือใช้พาหนะอุปกรณ์ เครื่องมือ วัตถุ หรือทรัพย์สินของบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต จากบริษัท รีดเอาทรัพย์ขู่เข็น ขมขู่ ท าร้าย ให้ร้าย พูดจาหยาบคาย ก้าวร้าว ผู้ร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชา หรือก่อการ ทะเลาะวิวาท ท าร้ายร่างกาย หรือก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบริษัท โฆษณา ชวนเชื่อ ปล่อยข่าวลือ ดูหมิ่น หรือหมิ่น ประมาทให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น หรือบริษัท ขูด ขีด ลบ ต่อเติม แก้ไข ท าลาย ซึ่งเอกสาร ประกาศ ค าสั่งของบริษัท หรือเขียนข้อความต่างๆ ในบริเวณ บริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท เปิดเผยความลับของการบริหาร หรือข้อมูลทางธุรกิจของบริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท ขัดขืนค าสั่ง หรือปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการ ท างาน หรือบอก หรือยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นปฏิบัติเช่นนั้น ประพฤติหรือแสดงอาการล่วงเกินทางเพศ ลวนลาม ลามก อนาจาร หรือกระท าการที่ไม่สมควรทางเพศแก่ พนักงานผู้อื่น ยุยง ส่งเสริม หรือร่วมนัดหยุดงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือก่อให้เกิดความยุ่งยากในสถานที่ท างาน หรือยุ แหย่ เพื่อท าลายความสัมพันธ์ระหว่าง บริษัทกับพนักงาน หรือพนักงานกับพนักงาน หรือพนักงานกับผู้บังคับบัญชา หรือขัดขวาง ไม่ให้พนักงานผู้อื่นปฏิบัติงาน ประพฤติตนเป็นนักเลงอันธพาล เล่นการพนัน ดื่มสุรา เสพของมึนเมา หรือเสพสิ่งเสพติด ทั้งในเวลาท างานและ นอกเวลาท างาน ในบริเวณบริษัท หรือหน้าบริเวณบริษัท เจตนาท าให้เกิดความเสียหายโดยตั้งใจ หรือประมาทเลินเล่อแก่ทรัพย์สินของบริษัท หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งอยู่ ในความดูแลของบริษัท และพนักงานจะต้องรับผิดชอบชดใช้ในความเสียหายที่เกิดขึ้น มีไว้ในครอบครอง จ าหน่าย จ่ายแจก หรือเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นใช้สิ่งผิดกฎหมาย เช่น อาวุธ วัตถุระเบิด ยา เสพติดให้โทษ ทั้งในเวลาท างาน และนอกเวลาท างาน ในบริเวณบริษัทและหน้าบริเวณบริษัท เจตนาหรือจงใจให้ตนเอง หรือผู้อื่นประสบอันตราย ละทิ้งงานของตนเองในหน้าที่ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา อาศัยต าแหน่งหน้าที่ในบริษัท ไปในลักษณะทุจริตต่อหน้าที่ หรือเป็นบุคคลที่บริษัทไม่สามารถไว้วางใจให้ท างาน กับบริษัทต่อไปได้ ละเลย ไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบทางด้านความปลอดภัยในการท างานซึ่งอาจจะท าให้ตัว พนักงาน หรือผู้อื่น ได้รับบาดเจ็บ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้หรือเป็นผลให้บริษัทได้รับความเสียหายต่อการด าเนินธุรกิจ หรือเสีย ต่อชื่อเสียง การไม่ใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน การไม่ตรวจเช็คความพร้อม และสภาพของอุปกรณ์ก่อนการใช้ งาน เป็นต้น


พนักงานกระท าผิดซ ้าค าเตือนที่เป็นหนังสือ หรือถูกตัดค่าจ้างฯ หรือพักงานแล้วยังกระท าผิดซ ้าอีก และไม่มี พฤติกรรมอื่นที่สมควรพิจารณาลงโทษเป็นสถานอื่น ข้อ 30. การพิจารณาลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท อาจจะไม่ละเอียด หรือครอบคลุมถึงทุกสถานการณ์ใน ทุกแง่ทุกมุมได้ ดังนั้น การพิจารณาลงโทษจึงอยู่ในดุลพินิจของบริษัท โดยค านึงถึงการสร้างสรรค์แรงงานสัมพันธ์อันดี เพื่อให้เกิด ความเป็นธรรม และความเสมอภาคแก่พนักงานทุกคน อนึ่ง ค าว่า “บริเวณบริษัท” หรือ “ภายในบริษัท” ที่กล่าวถึงในหมวดนี้ ให้หมายความรวมถึง อาคารที่พักที่บริษัทจัด ให้พนักงานอาศัยอยู่ ยานพาหนะที่บริษัทจัดบริการให้กับพนักงาน ตลอดจนสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทครอบครองอยู่เพื่อการด าเนิน กิจการของบริษัทด้วย หมวดที่ 7 การร้องทุกข์และการพิจารณาข้อร้องทุกข์ ข้อ 31. การยื่นเรื่องราวร้องทุกข์ พนักงานคนใดที่มีความรู้สึกว่า ตนได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา หรือมีความไม่พอใจใดๆ ต่อ ผู้บังคับบัญชา พนักงานมีสิทธิจะยื่นเรื่องราว หรือสอบถามเป็นลายลักษณ์อักษรถึงบริษัท ผ่านผู้บังคับบัญชาที่ได้รับมอบหมาย บริษัทจะไม่ลงโทษพนักงาน เนื่องจากการยื่นเรื่องราวหรือการสอบถามดังกล่าว ข้อ 32. การเสนอความคิดเห็น - พนักงานสามารถเสนอข้อคิดเห็น เกี่ยวกับการปรับปรุงการท างานให้มีประสิทธิภาพขึ้นแก่บริษัทเมื่อใดก็ได้ - การยื่นเรื่องราวกล่าวหา สอบถาม ร้องทุกข์ และเสนอความคิดเห็นเพื่อปรับปรุง ให้ท าแยกกันคนละเรื่อง ข้อ 33. การพิจารณาข้อร้องทุกข์ เมื่อบริษัทได้รับเรื่องเกี่ยวกับการร้องทุกข์จากพนักงาน ผ่านทางผู้บังคับบัญชาที่ได้รับมอบหมายแล้ว บริษัทจะ ด าเนินการตาม ข้อบังคับว่าด้วยการพิจารณาข้อร้องทุกข์ซึ่งจะก าหนดไว้ต่างหาก หมวดที่ 8 การพ้นสภาพการเป็นพนักงาน ข้อ 34. การพ้นสภาพพนักงาน พนักงานจะพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัท ด้วยสาเหตุต่อไปนี้ 1. เมื่อพนักงานผู้นั้นเสียชีวิต สาบสูญ หรือเป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถตามกฎหมาย 2. เมื่อพนักงานผู้นั้นครบเกษียณอายุ 3. เมื่อพนักงานผู้นั้นลาออกจากงาน และได้รับอนุมัติจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว 4. เมื่อพนักงานผู้นั้นถูกเลิกจ้าง


5. เมื่อพนักงานผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท อันเป็นผลให้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน 6. เมื่อพนักงานผู้นั้นได้รับโทษตามค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก ข้อ 35. ข้อก าหนดเกษียณอายุพนักงาน บริษัทก าหนดเกษียณอายุพนักงานเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ โดยถือเอาวันที่มีอายุครบเป็นวันท างาน สุดท้าย อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจจะว่าจ้างให้ผู้ที่เกษียณอายุแล้ว ท างานต่อไปก็ได้โดยจะพิจารณาเป็นกรณีไป ซึ่งสัญญาจ้างจะ มีก าหนดระยะเวลา ข้อ 36. การลาออกจากการเป็นพนักงาน พนักงานที่ประสงค์จะลาออกจากการเป็นพนักงานของบริษัท จะต้องยื่นหนังสือลาออกต่อผู้บังคับบัญชาตามสาย งานเป็นการล่วงหน้า เป็นระยะเวลา อย่างน้อย 30 วัน ในกรณีที่ไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกล่วงหน้า โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือได้ออกไปก่อนที่จะได้รับอนุมัติจาก บริษัท บริษัทจะถือว่าละทิ้งหน้าที่และอาจพิจารณาไม่ออกหนังสือรับรองการท างานให้ หรืออาจตัดสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่พึงจะได้รับ กรณีที่พนักงานมีหนี้สินกับบริษัท พนักงานจะต้องช าระหนี้สินที่มีให้ครบถ้วนก่อนวันที่จะลาออก ในกรณีที่ไม่ สามารถช าระหนี้ได้หมดสิ้น บริษัทจะแจ้งให้พนักงานช าระหนี้ให้แก่บริษัทจากค่าจ้าง หรือเงินเดือนงวดสุดท้ายของพนักงานผู้ นั้น ตามจ านวนหนี้สินที่มีอยู่ และหากยังไม่เพียงพอต่อการช าระหนี้บริษัทจะให้พนักงานผู้นั้นท าสัญญาช าระหนี้แก่บริษัท ส าหรับพนักงานบางต าแหน่ง จะต้องส่งมอบอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ รหัสผ่าน เอกสารส าคัญ หรือสิ่งอ านวย ความสะดวกใดๆ ที่บริษัทได้จัดให้เฉพาะต าแหน่งนั้นๆ คืนให้กับบริษัททั้งหมด ในสภาพที่เรียบร้อย สมบูรณ์ หากมีการช ารุด เสียหายของอุปกรณ์ใดๆ นอกเหนือจากการช ารุดตามอายุการใช้งาน พนักงานจะต้องชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้กับบริษัท หมวดที่ 9 การเลิกจ้าง ข้อ 37. การเลิกจ้างโดยจ่ายค่าชดเชย บริษัทอาจมีความจ าเป็นต้องให้พนักงานออกจากงาน โดยที่พนักงานมิได้ท าผิดวินัย แต่เนื่องมาจากความจ าเป็น ทางภาวะเศรษฐกิจและสังคม หรือเพื่อความเหมาะสมอื่นๆ เช่น มีความจ าเป็นต้องลดก าลังคน หรือยุบเลิกต าแหน่งงาน ยุบ หน่วยงาน หรือพนักงานหย่อนสมรรถภาพ หรือมีความผิดปกติทางร่างกายจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้โดยบริษัทจะจ่ายค่าชดเชย ให้ตามกฎหมายดังนี้ 1. พนักงานที่มีอายุการท างานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี โดยรวม วันหยุด วันลาและวันที่บริษัทสั่งให้ หยุดเพื่อประโยชน์ของบริษัท บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยให้ไม่น้อยกว่า 30 วัน ของอัตราค่าจ้างครั้งสุดท้ายที่ได้รับ หรือไม่น้อยกว่า ค่าจ้างของการท างาน 30 วันสุดท้าย ส าหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานที่ค านวณเป็นหน่วย 2. พนักงานที่มีอายุการท างานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี โดย รวมวันหยุด วันลา และวันที่บริษัทสั่งให้หยุด เพื่อประโยชน์ของบริษัท บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยให้ไม่น้อยกว่า 90 วัน ของอัตราค่าจ้างครั้งสุดท้ายที่ได้รับ หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้าง ของการท างาน 90 วันสุดท้าย ส าหรับพนักงานที่ได้รับค่าจ้างตามผลงานที่ค านวณเป็นหน่วย 3. พนักงานที่มีอายุการท างานติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี โดยรวมวันหยุด วันลา และวันที่บริษัทสั่งให้ หยุดเพื่อประโยชน์ของบริษัท บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยให้ไม่น้อยกว่า 180 วัน ของอัตราค่าจ้างสุดท้ายที่ได้รับ หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้าง


ของการท างาน 180 วันสุดท้าย ส าหรับพนักงานที่ได้รับค่าจ้างตามผลงานที่ค านวณเป็นหน่วย 4. พนักงานที่มีอายุการท างานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี โดยรวมวันหยุด วันลา และวันที่บริษัทสั่งให้ หยุดเพื่อประโยชน์ของบริษัท บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่า 240 วัน ของอัตราค่าจ้างสุดท้ายที่ได้รับ หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้าง ของการท างาน 240 วันสุดท้าย ส าหรับพนักงานที่ได้รับค่าจ้างตามผลงานที่ค านวณเป็นหน่วย 5. พนักงานที่มีอายุการท างานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป โดยรวมวันหยุด วันลา และวันที่บริษัทสั่งให้หยุดเพื่อ ประโยชน์ของบริษัท บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยให้ไม่น้อยกว่า 300 วัน ของอัตราค่าจ้างสุดท้ายที่ได้รับ หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการ ท างาน 300 วันสุดท้าย ส าหรับพนักงานที่ได้รับค่าจ้างตามผลงานที่ค านวณเป็นหน่วย ข้อ 38. การเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย บริษัทจะเลิกจ้างพนักงานผู้หนึ่งผู้ใด โดยไม่จ่ายค่าชดเชยให้เมื่อมีกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้ 1. ทุจริตต่อหน้าที่ หรือ กระท าความผิดอาญา โดยเจตนาแก่บริษัท 2. จงใจท าให้บริษัทได้รับความเสียหาย 3. ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง 4. ฝ่ าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการท างาน หรือระเบียบ หรือประกาศ หรือค าสั่งของบริษัทอันชอบด้วย กฎหมาย และเป็นธรรม และบริษัทได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง บริษัทไม่จ าเป็นต้องตักเตือน หนังสือเตือนให้ มีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พนักงานได้กระท าผิด 5. ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันท างานติดต่อกัน ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตาม โดยไม่มีเหตุอันสมควร ได้รับโทษจ าคุกตามค าพิพากษาถึงที่สุดของศาลให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษส าหรับความผิดที่ได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุ โทษ 6. พนักงานที่บริษัทได้จ้าง และตกลงเป็นหนังสือแต่แรกแล้วว่า ให้ทดลองงานเป็นเวลา ไม่เกิน 119 วัน และผล การปฏิบัติไม่เป็นที่พอใจของบริษัท ข้อ 39. การเลิกจ้าง หรือการพ้นสภาพพนักงานโดยจ่ายค่าชดเชยพิเศษ ในกรณีที่พนักงานต้องพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานอันเนื่องมาจากสาเหตุพิเศษบางประการต่อไปนี้ บริษัทจะ จ่ายเงินและค่าชดเชยพิเศษให้ ตาม ข้อบังคับว่าด้วยค่าชดเชยพิเศษ ซึ่งได้ก าหนดไว้ต่างหาก 1. บริษัทย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่แห่งอื่น แต่พนักงานไม่ประสงค์จะไปท างานด้วย อัน เนื่องมาจากมีผลกระทบส าคัญต่อการด ารงชีวิตตามปกติของพนักงานหรือครอบครัว พนักงานสามารถบอกเลิกสัญญาจ้าง ได้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทย้ายสถานประกอบกิจการ 2. บริษัทมีการปรับปรุงหน่วยงาน กระบวนการผลิต การจ าหน่าย หรือการบริการ อันเนื่องจากการน าเครื่องจักรมา ใช้หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร หรือเทคโนโลยีซึ่งเป็นเหตุให้ต้องลดจ านวนพนักงาน ข้อบังคับการท างานฉบับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ................................... เป็นต้นไป


ลงชื่อ................................................ (นายพูลสิน ทองเดช ) กรรมการผู้จัดการ ข้อบังคับว่าด้วยเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นการสร้างขวัญก าลังใจ และเป็นการเสริมสร้างแรงงานสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและพนักงาน บริษัทจึงได้ ก าหนดเงินช่วยเหลือให้กับพนักงานเนื่องในโอกาสต่างๆ ดังนี้ ประเภทเงิน ช่วยเหลือ จ านวนเงิน หมายเหตุ 1. เมื่อพนักงานท า การสมรส 2,000.- เฉพาะการสมรสครั้งแรกเท่านั้น ในกรณีที่เป็นการสมรสระหว่างพนักงาน ของบริษัท ทั้งสองคนมีสิทธิได้รับเงิน ช่วยเหลือเหมือนกัน 2. เมื่อพนักงานถึง แก่กรรม บริษัทจะมอบพวงหรีดไว้อาลัย 1 พวง การจ่ายเงินช่วยเหลือในข้อ 2.1 และ 2.2 บริษัทจะจ่ายให้กับทายาทที่ชอบธรรม ตามกฎหมายเท่านั้น 2.1 พนักงานถึงแก่กรรมในระหว่าง ปฏิบัติหน้าที่ให้กับบริษัท บริษัทจะ เป็นเจ้าภาพในการสวดศพหรือพิธี ทางศาสนา 1 คืน แต่ค่าใช้จ่ายไม่ เกิน 20,000.- 2.2 พนักงานถึงแก่กรรมด้วยสาเหตุอื่นๆ บริษัทจะเป็นเจ้าภาพในการสวดศพ หรือพิธีทางศาสนา 1 คืน แต่ ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5,000.- 3. เมื่อพนักงานมี บุตรเกิดใหม่ 1,000.- เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย 4. เมื่อบุตรของ พนักงานถึงแก่ กรรม 3,000.- บริษัทจะมอบพวงหรีดไว้อาลัย 1 พวง


5. เมื่อคู่สมรสของ พนักงานถึงแก่ กรรม 3,000.- บริษัทจะมอบพวงหรีดไว้อาลัย 1 พวง 6. เมื่อบิดาหรือ มารดาของ พนักงานถึงแก่ กรรม 2,000.- 1. ในกรณีที่พนักงานมากกว่า 1 คนมา จากครอบครัวเดียวกัน ท างานอยู่บริษัท เดียวกันหรือบริษัทในเครือ บริษัทจะ จ่ายเงินช่วยเหลือตามที่ระบุข้างต้นเพียงคน เดียวในแต่ละครั้ง และจะไม่จ่ายซ ้าซ้อน 2. บริษัทจะมอบพวงหรีดไว้อาลัย 1 พวง 7. 8. พนักงาน ประสบภัย ร้ายแรง ทุนการศึกษา 2,000.- เช่น ไฟไหม้ พายุ น ้าท่วม หรือภัย ธรรมชาติอื่นๆ บริษัทจะพิจารณา ช่วยเหลือตามความเสียหายที่ได้รับ โดย อาจจะช่วยเป็นเงิน สิ่งของ หรืออื่นๆ ตาม ความเหมาะสม เงื่อนไขตามประกาศของบริษัท 8. ให้พนักงานยื่นค าร้องขอรับเงินช่วยเหลือในแบบฟอร์มที่ก าหนด (UMG-FM-10) พร้อมทั้งแนบเอกสารต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องเมื่อยื่นค าร้อง เช่น ทะเบียนสมรส ใบมรณะบัตร สูติบัตร ฯลฯ 9. บริษัทจะจ่ายเงินช่วยเหลือดังกล่าว พร้อมกับการจ่ายค่าจ้างประจ าเดือน 10. พนักงานที่มีสิทธิรับสวัสดิการเงินช่วยเหลือดังกล่าวต้องได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจ าแล้วเท่านั้น ยกเว้น กรณีข้อ 2.1 11. ข้อบังคับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ …………………………….. เป็นต้นไป ลงชื่อ................................................ ( นายพูลสิน ทองเดช ) กรรมการผู้จัดการ


ข้อบังคับว่าด้วยค่าจ้างและโครงสร้างเงินเดือน ข้อ 1. โครงสร้างเงินเดือน บริษัทจะจ่ายค่าจ้างให้แก่พนักงานประจ าเป็นรายเดือน ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “เงินเดือนประจ า” ในบางโอกาสบริษัท อาจจะจ่ายค่าจ้างเป็นรายวัน โครงสร้างของ “เงินเดือนประจ า” ประกอบด้วยรายการดังต่อไปนี้ 1. เงินเดือนมาตรฐาน 2. เบี้ยเลี้ยงค่าครองชีพ 3. เงินประจ าต าแหน่งและหรือค่าช านาญการ 4. เบี้ยเลี้ยงพิเศษ ตามข้อบังคับว่าด้วยเบี้ยเลี้ยงซึ่งก าหนดไว้ต่างหาก ข้อ 2. เงินเดือนมาตรฐาน เงินเดือนมาตรฐาน คือเงินเดือนซึ่งเป็นไปตามความสามารถและการปฏิบัติหน้าที่งานของแต่ละคน บริษัทจะจ่าย เงินเดือนมาตรฐานตามอัตราเงินเดือนของชั้นเงินเดือนของพนักงาน ซึ่งได้ก าหนดไว้ต่างหาก ข้อ 3. กฎการขึ้นเงินเดือน การขึ้นเงินเดือนมาตรฐาน บริษัทจะขึ้นเงินเดือนปีละครั้งในเดือน ……………… ตามโครงสร้างเงินเดือนของบริษัท ซึ่งก าหนดไว้ต่างหากและขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท การขึ้นเงินเดือนมาตรฐานด้วยการประเมิน จะเป็นไปโดยการนับคะแนนการประเมิน ซึ่งผู้บังคับบัญชาของพนักงาน เป็นผู้พิจารณา ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประเมิน ซึ่งก าหนดไว้ต่างหาก โดยดูจากความสามารถในการปฏิบัติงาน และความ ประพฤติของพนักงานที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา ในกรณีที่พนักงานได้รับการเลื่อนชั้นหรือต าแหน่งสูงขึ้น และเงินเดือนไม่เป็นไปตามตารางเงินเดือนในชั้นใหม่ ให้ ปรับเงินเดือนมาตรฐานให้ใกล้เคียงที่สุดกับชั้นเงินเดือนของต าแหน่งใหม่ ข้อ 4. เบี้ยเลี้ยงค่าครองชีพ เบี้ยเลี้ยงค่าครองชีพ คือการสะสมของค่าครองชีพที่จ่ายให้พนักงานเป็นรายเดือน


ข้อ 5. เบี้ยเลี้ยงประจ าต าแหน่งและหรือค่าช านาญการ บริษัทจะจ่ายเบี้ยเลี้ยงประจ าต าแหน่งเป็นรายเดือน ให้แก่ลูกจ้างในต าแหน่งบริหารในระหว่างที่ด ารงต าแหน่ง นั้นๆ ตามระดับชั้นที่บริษัทก าหนด ข้อ 6. เบี้ยเลี้ยงพิเศษ บริษัทจะจ่ายเบี้ยเลี้ยงพิเศษส าหรับบางต าแหน่งงาน เพื่อเป็นสิทธิประโยชน์ส าหรับต าแหน่งงานนั้นๆ ซึ่งจะได้ ก าหนดไว้ต่างหาก นอกจากนี้ บริษัทอาจจะจ่ายเบี้ยเลี้ยงพิเศษส าหรับความช านาญพิเศษบางประเภท ซึ่งระดับเงินเดือนใน ตลาดแรงงานสูงกว่าโครงสร้างเงินเดือนของบริษัท และบริษัทมีความจ าเป็นที่จะต้องว่าจ้างผู้ที่มีความช านาญดังกล่าว เพื่อ ประโยชน์ในการด าเนินธุรกิจของบริษัท ข้อ 7. ระยะเวลาเพื่อค านวณค่าจ้าง ส าหรับพนักงานประจ ารายเดือน ให้ระยะเวลาเพื่อค านวณ “ค่าจ้าง” ในแต่ละเดือน นับตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้ายของ เดือนนั้น ข้อ 8. การจ่ายเงินเดือนประจ า บริษัทจะจ่ายเงินเดือนประจ า ให้กับพนักงานทุกประเภทโดยตรง เป็นเงินไทย ในวันท างานสุดท้ายของแต่ละเดือน ส่วนค่าล่วงเวลาหรือค่าท างานในวันหยุด จะจ่ายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป ยกเว้นปัญหาทางเทคนิคของธนาคารคู่สัญญา ข้อ 9. การมาสาย ถ้าพนักงานมาสาย กลับก่อนเวลา หรือออกนอกบริษัทในระหว่างเวลาการปฏิบัติงานในรอบการค านวณ จะถูกหัก เงินเดือนตามส่วนเวลาที่มาสาย กลับก่อนเวลา หรือออกนอกบริเวณบริษัท ข้อ 10. ข้อบังคับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ………………………….. เป็นต้นไป ลงชื่อ................................................ ( นายพูลสิน ทองเดช ) กรรมการผู้จัดการ


ข้อบังคับว่าด้วยเบีย้เลีย้ง ข้อ 1. เบี้ยเลี้ยงค่าโดยสาร ในกรณีที่พนักงานได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติงาน ณ สถานที่อื่นเป็นครั้งคราว บริษัทจะจ่ายค่าโดยสารเท่าที่จ่ายจริง หรือตามค าสั่งการเดินทางของบริษัท พนักงานจะต้องแสดงหลักฐานการใช้จ่าย ประกอบการขอเบิกค่าโดยสารในแบบฟอร์มที่ ก าหนด ในกรณีที่บริษัทได้จัดให้มีรถรับส่ง พนักงานจะไม่มีสิทธิได้รับค่าโดยสารตามที่ระบุ เกณฑ์การพิจารณา : ให้พิจารณาว่าปกติพนักงานเดินทางไป-กลับ ระหว่างที่พักกับบริษัทอย่างไร หากมีการ เดินทางในลักษณะที่แตกต่างออกไป ให้น ามาพิจารณาประกอบการจ่ายเบี้ยเลี้ยงตามที่ระบุข้างต้น ส าหรับพนักงานที่ขับรถส่วนตัว มาท างานเป็นปกติอยู่แล้ว และขับรถส่วนตัวไป-กลับนอกเวลาท างานปกติจะไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงค่าโดยสารหรือเบี้ยเลี้ยงค่า พาหนะ ข้อ 2. เบี้ยเลี้ยงค่าพาหนะ ส าหรับพนักงานที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติงาน ณ สถานที่อื่น โดยใช้พาหนะส่วนตัว (รถยนต์ 4 ล้อ) และ ผู้บังคับบัญชาอนุมัติสามารถเบิกค่าพาหนะได้ตามที่ผู้จัดการทั่วไปอนุมัติทั้งนี้พนักงานดังกล่าวจะต้องส่งเอกสารการขอใช้พาหนะ ในแบบฟอร์มที่ก าหนด (UMG-FM-08) กรณีใช้รถเช่าให้วางแผนล่วงหน้าเพื่อติดต่อเช่ารถซึ่งมีบริษัทที่มีการสัญญาร่วมกัน โดยแจ้งผ่านไปยังส านักงานใหญ่ กรณีพนักงานย้ายสถานที่ปฏิบัติงานตามค าสั่งของบริษัทหรือตามที่พนักงานร้องขอ หากมีการต้องจ้างรถเพื่อขนย้าย สิ่งของสัมภาระให้ท าเรื่องขออนุมัติเป็นรายๆไป เกณฑ์การพิจารณา : ส าหรับพนักงานที่ใช้พาหนะส่วนตัว เดินทางออกจากที่พักเพื่อไปปฏิบัติงาน ณ สถานที่ อื่น โดยไม่ได้แวะเข้ามาที่บริษัทก่อน มีสิทธิเบิกค่าพาหนะได้เฉพาะระยะทางในส่วนที่เกินจากระยะทางไป-กลับ จากที่พักมาถึง บริษัทในการมาปฏิบัติงานปกติเท่านั้น ข้อ 3. เบี้ยเลี้ยงการเดินทาง 3.1 พนักงานคนใดที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปปฏิบัติงานนอกเขตปฏิบัติงานปกติซึ่งต้องใช้เวลาในการ ปฏิบัติงาน พนักงานมีสิทธิได้รับเบยี้เลีย้งในวันเดินทางไปและกลับ หรือ ตามข้อตกลง ดังนี้


ต าแหน่ง อัตราเบี้ยเลี้ยง/บาท อัตราเบี้ยเลี้ยง/บาท 1 -8 ชั่วโมง 8 –24 ชั่วโมง ระดับบริหาร/เทคนิเชี่ยน 100 100 พนักงานทั่วไป 100 100 เกณฑ์การพิจารณา :อัตราเบี้ยเลี้ยงการเดินทางเกิน 8 ชั่วโมงจะมีการคิดค่าโอทีเพิ่มตามจ านวนเวลา ตามประกาศ ว่าด้วยเรื่องการปฏิบัติงานนอกพื้นที่ เบี้ยเลี้ยงดังกล่าวจัดให้ส าหรับพนักงานที่ไม่มีหน้าที่ตามที่ระบุในใบก าหนดหน้าที่งาน (Job Description) ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปช่วยปฏิบัติงานเป็นครั้งคราว แต่ส าหรับพนักงานที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ตามที่ระบุไว้ในใบ ก าหนดหน้าที่งาน (Job Description) อยู่แล้วนั้น มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามระยะเวลา แต่ไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงดังกล่าว ข้อ 4. ค่าห้องพักกรณีการพักค้างคืน 4.1 พนักงานคนใดที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติงานต่างจังหวัดหรือนอกเขตที่ท างานประจ า หรือการเดินทางซึ่งต้อง พักค้างคืน พนักงานมีสิทธิได้รับค่าที่พักดังนี้ อัตราราคา สถานทพักค้างคืน ี่ 500.- เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต (กทม.ได้ 800.-) 450.- จังหวัดอื่นๆนอกเหนือจาก 4 จังหวัดด้านบน 4.2 อัตราดังกล่าวเหมาจ่ายตามประกาศไม่เกิน 7 คืน (แนบใบเสร็จส่งบริษัทด้วยทุกครั้ง) 4.2 พนักงานออกปฏิบัติงานแทนสาขาอื่นเป็นระยะเวลานานค่าที่พักให้พนักงานเบิกได้ตามอัตราที่ก าหนดต่อคืน ไม่เกิน 7 คืนหากเกินจากนี้ให้สาขาพิจารณาหาที่พักแบบรายเดือน 4.3 กรณีฉุกเฉินให้ขออนุมัติต่อ กรรมการผู้จัดการหรือผู้จัดการทั่วไปทุกครั้ง ข้อ 5. พนักงานจะต้องแสดงหลักฐานการจ่าย ใบเสร็จรับเงินค่าที่พัก หรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบการขอเบิกเบี้ย เลี้ยงการเดินทาง ในแบบฟอร์มที่ก าหนด ข้อ 6. ข้อบังคับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ …………………………….. เป็นต้นไป ลงชื่อ................................................ (นายพูลสิน ทองเดช )


กรรมการผู้จัดการ ข้อบังคับว่าด้วยการพิจารณาข้อร้องทุกข์ ข้อ 1. ขอบเขต และความหมายของข้อร้องทุกข์ บริษัทมีความปรารถนาที่จะให้การท างานของพนักงาน เป็นไปด้วยความเข้าใจที่ดีระหว่างบริษัท และพนักงาน อันจะ ยังประโยชน์สุขด้วยกันทั้งสองฝ่ าย ดังนั้น ในกรณีที่พนักงานมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการท างาน หรือสภาพการ ท างาน หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องใดๆ พนักงานมีสิทธิที่จะยื่นค าร้องทุกข์เป็นการส่วนตัวได้ ข้อ 2. วิธีการ และขั้นตอนการร้องทุกข์ พนักงานที่ต้องการยื่นค าร้องทุกข์ให้ด าเนินการดังต่อไปนี้ 1. ให้พนักงานยื่นค าร้องทุกข์เป็นหนังสือ ระบุถึงสาเหตุ ยื่นต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่าผู้บังคับบัญชาโดยตรง ชั้นหนึ่ง ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีข้อร้องทุกข์เกิดขึ้น 2. พนักงานผู้มีข้อร้องทุกข์จะต้องเป็นผู้ยื่นร้องทุกข์ด้วยตนเอง ทั้งนี้บริษัทจะไม่รับพิจารณาในกรณีที่พนักงานผู้อื่นเป็น ผู้ยื่นร้องทุกข์แทน ข้อ 3. การสอบสวนและการพิจารณาข้อร้องทุกข์ เมื่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่ได้รับค าร้องทุกข์จากพนักงานแล้ว จะด าเนินการหาทางยุติและชี้แจงด้วยวาจา หรืออาจ ตอบเป็นหนังสือแก่พนักงานผู้ยื่นค าร้องทุกข์ภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับค าร้องทุกข์นั้น กรณีพนักงานผู้ยื่นค าร้องทุกข์ไม่ได้รับค าตอบจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง ภายในก าหนดเวลาดังกล่าวหรือได้รับ ค าตอบแล้วแต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจให้พนักงานยื่นอุทธรณ์ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาระดับบริหาร (กรรมการผู้จัดการ/ ผู้จัดการทั่วไป) อีกครั้งภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับทราบผลตามข้อ (1) โดยผู้บังคับบัญชาระดับบริหารที่ได้รับค าอุทธรณ์ร้องทุกข์ดังกล่าวจะ วินิจฉัยและแจ้งผลให้พนักงานทราบภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้ยื่นอุทธรณ์ร้องทุกข์และผลการวินิจฉัยของผู้บังคับบัญชาระดับ บริหารถือว่าเป็นอันสิ้นสุด ข้อ 4. กระบวนการยุติข้อร้องทุกข์ กรณีที่พนักงานไม่ด าเนินการภายในระยะเวลาที่ก าหนดไว้ในระเบียบ ให้ถือว่าไม่มีร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ร้องทุกข์ เกิดขึ้น หรือข้อร้องทุกข์หรืออุทธรณ์นั้นเป็นอันสิ้นสุดแล้วแต่กรณี แต่อย่างไรก็ดีระยะเวลาที่ก าหนดไว้ในระเบียบนี้อาจจะขยาย ออกไปได้เมื่อมีการตกลงยินยอมกันระหว่างพนักงานผู้ร้องทุกข์กับผู้บังคับบัญชาระดับบริหาร ผู้มีอ านาจในการวินิจฉัยข้อร้องทุกข์ ตามข้อ 3 จะต้องพิจารณาแก้ไขปัญหาด้วยความยุติธรรม เพื่อก่อให้เกิด ประโยชน์ร่วมกันระหว่างพนักงานกับบริษัท ทั้งนี้พนักงานอาจขอค าปรึกษาจาก ผู้จัดการ/หัวหน้า สาขา เกี่ยวกับปัญหาและค าร้อง ทุกข์ของพนักงาน และแนวปฏิบัติในการร้องทุกข์ที่ถูกต้องได้ตลอดเวลา ข้อ 5. ความคุ้มครองผู้ยื่นร้องทุกข์และผู้เกี่ยวข้อง


บริษัทยึดหลักความเสมอภาคและความยุติธรรม ตลอดจนมุ่งเน้นความสัมพันธ์อันดีภายในองค์กรเป็นส าคัญ ดังนั้น พนักงานผู้ยื่นร้องทุกข์ และผู้เกี่ยวข้องกับข้อร้องทุกข์บริษัทจะให้การเอาใจใส่และพิจารณาด้วยความเป็นธรรม เพื่อด ารงไว้ซึ่ง บรรยากาศการแรงงานสัมพันธ์ที่ดี ข้อ 6. ข้อบังคับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ……………………………… เป็นต้นไป ลงชื่อ................................................ ( นายพูลสิน ทองเดช ) กรรมการผู้จัดการ ข้อบังคับว่าด้วยการประกาศเกียรติคุณ ข้อ 1. ในกรณีที่พนักงานมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามเงื่อนไขต่อไปนี้ บริษัทจะท าการประกาศเกียรติคุณ หลังจากที่ได้ พิจารณาผลงานของพนักงานคนดังกล่าวแล้ว 1. พนักงานที่มาท างานสม ่าเสมอ ไม่มาสาย ไม่กลับก่อนเวลา ไม่ออกนอกบริษัทเป็นการส่วนตัว ไม่ลาป่ วย ไม่ลากิจ ส่วนตัว หรือขาดงานด้วยเหตุผลอื่นๆ นอกจากการหยุดพักผ่อนประจ าปี การลากิจพิเศษ หรือการลาเพื่อกิจธุระทางราชการ ตลอด ปีที่ก าหนด 2. พนักงานที่ท างานด้วยความขยันขันแข็ง ทุ่มเท ซื่อสัตย์ มุ่งมั่นพัฒนาตนเองและงานที่รับผิดชอบอย่าง สม ่าเสมอ เป็นเวลา 3, 6, 10, 15, … ปี 3. พนักงานที่ประกอบคุณงามความดีเพื่อสังคมหรือส่วนรวม และน ามาซึ่งชื่อเสียงให้กับบริษัท 4. เงื่อนไขอื่นๆ ที่บริษัทอาจจะพิจารณาให้มีขึ้นในอนาคต ข้อ 2. การประกาศเกียรติคุณให้แก่พนักงาน จะท าได้หนึ่งรายการหรือมากกว่า ดังระบุต่อไปนี้ตามเงื่อนไขที่บริษัทจะได้ ก าหนดไว้ต่างหาก และบริษัทจะท าการประกาศให้ทราบเป็นทางการที่บริษัท 1. มอบใบประกาศเกียรติคุณ 2. มอบรางวัลเกียรติคุณ ข้อ 3. ข้อบังคับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ........................................ เป็นต้นไป ลงชื่อ...................................... ( นายพูลสิน ทองเดช ) กรรมการผู้จัดการ


ประกาศบริษัท ที่.UMGพิเศษ/12/55 วันที่ 24 ธันวาคม 2555 เรื่อง ปรับเงินค่าจ้างและปรับเงินเดือน เรียน ผู้จัดการทั่วไป,ผู้จัดการทุกฝ่ าย,หัวหน้างานทุกสาขา,และพนักงานทุกท่าน เพื่อให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงแจ้งปรับค่าตอบแทนค่าจ้างส าหรับพนักงานที่เข้าใหม่,พนักงานที่ยัง ไม่ได้รับการบรรจุและบรรจุแล้วแต่อายุงานยังไม่ครบ 365 วัน ให้ได้รับค่าตอบแทนค่าจ้างดังนี้ 1. เทคนิเชียน วุฒิปริญญาตรี ไม่มีประสบการณ์ เงินเดือนแรกเข้า 15,000.-บาท - ค่าใบประกอบโรคศิลปะ 2,000.-บาท (จะได้รับหลังจากบริษัทฯได้รับเอกสารแล้ว 30วันและต้องยินยอมให้บริษัทฯใช้ ในกิจการของบริษัทฯเท่านั้น) - หลังบรรจุงานภายใน 119วัน และผ่านเกณฑ์การประเมินความช านาญงาน ให้ค่าช านาญการ CT SCAN 3,000.-บาท ต่อเดือน คณะกรรมการจะท าการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 120 วัน ถ้าการปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนในส่วนนี้ - หลังบรรจุงานภายใน 119วัน และผ่านเกณฑ์การประเมินความช านาญงาน ให้ค่าช านาญการ MRI 3,000.-บาทต่อ เดือน คณะกรรมการจะท าการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 120 วันถ้าการปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนในส่วนนี้ 2. เทคนิเชียน วุฒิอนุปริญญา ไม่มีประสบการณ์ เงินเดือนแรกเข้า 12,000.-บาท - หลังบรรจุงานภายใน 119วัน และผ่านเกณฑ์การประเมินความช านาญงาน ให้ค่าช านาญการ CT SCAN 3,000.-บาท ต่อเดือน คณะกรรมการจะท าการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 120 วัน ถ้าการปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนในส่วนนี้


- หลังบรรจุงานภายใน 119วัน และผ่านเกณฑ์การประเมินความช านาญงาน ให้ค่าช านาญการ MRI 3,000.-บาทต่อ เดือน คณะกรรมการจะท าการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 120 วัน ถ้าการปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนในส่วนนี้ 3. ธุรการ/บัญชี วุฒิปริญญาตรี ไม่มีประสบการณ์ เงินค่าจ้าง 9,100.-บาทต่อเดือน - ค่าช่วยงานพิเศษหลังบรรจุภายใน 119วัน และผ่านเกณฑ์การประเมินความช านาญงาน ให้ค่าตอบแทน 1,000.-บาทต่อ เดือน คณะกรรมการจะท าการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 120 วัน ถ้าการปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนในส่วนนี้ 4. ธุรการ/บัญชี วุฒิปวช. - ปวส. ไม่มีประสบการณ์ เงินค่าจ้าง 8,580.-บาทต่อเดือน - ค่าช่วยงานพิเศษหลังบรรจุภายใน 119วัน และผ่านเกณฑ์การประเมินความช านาญงาน ให้ค่าตอบแทน 1,000.-บาทต่อ เดือน คณะกรรมการจะท าการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 120 วัน ถ้าการปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนในส่วนนี้ 5.ผู้ช่วยเหลือคนไข้วุฒิม.6 ขนึ้ไป ไม่มีประสบการณ์เงนิค่าจ้าง 7,800.-บาทต่อเดือน - ค่าช่วยงานพิเศษหลังบรรจุภายใน 119 วัน และผ่านเกณฑ์การประเมินความช านาญงาน ให้ค่าตอบแทน 1,000.-บาทต่อ เดือน คณะกรรมการจะท าการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 120 วัน ถ้าการปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนในส่วนนี้ 6.พนักงานขับรถยนต์ วุฒิ ม.6 ขนึ้ไป ต้องมีประสบการณใ์นการขับรถยนตแ์ละมีใบอนุญาตขับขรี่ถยนต์เงนิ ค่าจ้าง 7,800-บาทต่อเดือน - ค่าช่วยงานพิเศษและดูแลรถยนต์ หลังบรรจุภายใน119วัน ให้ค่าตอบแทน 500.-บาทต่อเดือน คณะกรรมการจะท าการ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 30 วัน ถ้าการปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลด ค่าตอบแทนในส่วนนี้ - เพิ่มค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ในการให้บริการรับ –ส่งคนไข้ ในระยะทางที่มีรัศมีตั้งแต่ 50 กิโลเมตรขึ้นไป ครั้งละ 50 บาท 7.พนักงานท าความสะอาด วุฒิ ม.3 ขนึ้ไป ไม่มีประสบการณ์เงนิค่าจ้าง6,500.-บาทต่อเดือน - ค่าช่วยงานพิเศษหลังบรรจุภายใน 119 วัน และผ่านเกณฑ์การประเมินความช านาญงานในการให้บริการ ให้ค่าตอบแทน 500.-บาทต่อเดือน คณะกรรมการจะท าการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทุก 60 วัน ถ้าการปฏิบัติงานขาด ประสิทธิภาพ บริษัทฯมีสิทธิพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนในส่วนนี้ ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป และในส่วนของพนักงำนทีบ่รรจุแล้วและมีอำยุงำน มำกกว่ำ 365 วัน หรือ พนักงำนชำ นำญกำรพิเศษในตำ แหน่งอืน่ๆ การปรับเงินค่าตอบแทนหรือค่าจ้าง ให้ขึ้นอยู่กับ ผู้บริหารสูงสุดเป็นผู้พิจารณาเป็นรายบุคคลและจะท าการจัดส่งข้อมูลเข้าทาง E-mail ส่วนตัว ภายในวันที่ 20 มกราคม 2556 โดยใช้หลักการในการพิจารณาดังนี้ 1.ความสามารถพเิศษและการช่วยเหลอืงานพเิศษตามทไี่ดร้บัมอบหมายจากบริษทัฯ ด้วยความเต็มใจ 2.ความรบัผิดชอบตอ่หนา้ทหี่ลกัและหนา้ทรี่องทไี่ดร้บัมอบหมายจากบริษทัฯ 3.ความมีวินัย ตรงต่อเวลา สามคัคีและมนีา้ ใจตอ่เพอื่นร่วมงาน 4.ทศันคตทิดี่ีและความซื่อสตัย์ตอ่บริษทั


5.อื่นๆ จึงแจ้งมาเพื่อทราบและหากมีข้อสงสัยให้ติดต่อสอบถามโดยตรงกับผู้จัดการทั่วไปและนิติกรบริษัทฯเท่านั้น ด้วยความนับถือ ( นายพูลสิน ทองเดช) กรรมการผู้จัดการ ข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติงานและการบริหารเรื่องการเงิน ประจ าภายในสาขา 1. ให้ทุกสาขาส่งรายรับ รายจ่าย สรุปยอดผู้ป่ วย รายการใบเสร็จต่างๆที่เป็นประจ าวัน เข้าส านักงานใหญ่ไม่เกิน เวลา 10.00 น. ของแต่ละวัน 2. ให้ทุกสาขาที่รับเงินค่าตรวจเป็นเงินสด โอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของบริษัทไม่เกิน 10.00 น. ในวันถัดไป กรณีไม่ สามารถโอนได้ให้แจ้งมายังส านักงานใหญ่ทุกครั้ง 3. หัวหน้า/ผู้จัดการ สาขา มีอ านาจในการอนุมัติใช้เงินเพื่อซื้อของ หรือซ่อม อุปกรณ์ต่างๆหรืออื่นๆในงบไม่เกิน 2,000 บาทหากเกินกว่านี้ให้ท าเรื่องขออนุมัติมายังส านักงานใหญ่ทุกครั้ง ยกเว้นการซื้อของใช้ภายในสาขา ประจ าเดือนที่ได้จัดซื้อเป็นประจ าทุกเดือน 4. การจัดซื้อของที่มียอดเกิน 2,000 บาท และการ จัดจ้าง ให้ท าเรื่องขออนุมัติมายังส านักงานใหญ่ทุกครั้งก่อนท า การซื้อ หรือจ้าง ข้อบังคับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ........................................ เป็นต้นไป ลงชื่อ...................................... ( นายพูลสิน ทองเดช ) กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุดรเมดิคอลซัพพลาย จ ากัด UDORN MEDICAL SUPPLY CO,LTD 214 หมู่8 ตา บลหมูม่น อ าเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี 41000 โทร 042-325390 – 2 ,โทรสาร 042-325391 , มือถือ 089-8419212 เลขทะเบียนการค้า 0415539000435 เลขประจา ตวัผู้เสียภาษี3 4 010082 3 1


Click to View FlipBook Version